เทพปีศาจหวนคืน 1066-1070

 เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1066 รวบรวมทรัพยากรอมตะ


แปลโดย iPAT 


 


เทพโลหิตเป็นแผนการระยะยาวของฟางหยวน


 


ฟางเจิ้งเป็นขั้นที่สองของแผนการนี้


 


ขั้นแรกของแผนการคือหลอมรวมวิญญาณอมตะเทพโลหิต ฟางหยวนต้องการหลอมรวมวิญญาณอมตะเทพโลหิตตั้งแต่ชีวิตก่อนหน้า เขากระทั่งวางแผนต่อต้านอสูรสายฟ้าเพื่อให้ได้รับเคล็ดลับการหลอมรวมมัน


 


หลังจากหลอมรวมวิญญาณอมตะเทพโลหิตและสังเวยญาติที่เกี่ยวข้องทางสายเลือด เขาจะสามารถสร้างเทพโลหิต


 


ตอนนี้ฟางหยวนมีเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะเทพโลหิตที่มีความสมบูรณ์เจ็ดสิบส่วน เมื่อเขายังเป็นผีดิบอมตะ เขาขาดแคลนทรัพยากรและไม่ได้พัฒนาเคล็ดลับนี้ให้สมบูรณ์ ตอนนี้แม้เขาจะฟื้นคืนสู่ชีวิต แต่เขาก็ไม่สามารถใช้แสงแห่งปัญญาได้อีกต่อไป


 


‘แม้ข้าจะไม่สามารถใช้แสงแห่งปัญญา แต่ด้วยความสำเร็จระดับปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งเลือดและเส้นทางแห่งปัญญา ข้าจะสามารถพัฒนาเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะเทพโลหิต มันเป็นเพียงเรื่องของเวลาและความพยายามเท่านั้น’


 


‘เพื่อสร้างเทพโลหิต ข้าต้องเปลี่ยนทัศนคติของฟางเจิ้ง อย่างน้อยที่สุดข้าก็ต้องทำให้เขาไม่เกลียดชังข้า มิฉะนั้นเทพโลหิตจะกลายเป็นดาบสองคมที่ย้อนกลับมาทำร้ายตัวข้าเอง’


 


แท้จริงแล้วมีหลายวิธีที่สามารถส่งอิทธิพลต่อความคิดและจิตใจของบางคน โดยเฉพาะผู้ใช้วิญญาณบนเส้นทางแห่งปัญญา พวกเขายิ่งเชี่ยวชาญในเรื่องนี้


 


ฟางหยวนมีหลายวิธี ตราบเท่าที่เขาต้องการ เขาสามารถใช้มันเพื่อทำให้ฟางเจิ้งภักดีต่อเขา


 


แต่การทำเช่นนั้นไม่สามารถเปลี่ยนความรู้สึกที่แท้จริงที่ซ่อนอยู่ในจิตใจ หากเขากลายเป็นเทพโลหิต ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปัญญาอาจถูกลบออกไป เมื่อเวลานั้นมาถึงความรู้สึกที่แท้จริงของเขาจะกลับมา


 


ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องเปลี่ยนความคิดและมุมมองของฟางเจิ้งอย่างช้าๆ


 


เห็นได้ชัดว่าการเปลี่ยนมุมมองของฟางเจิ้งเป็นกระบวนการที่ยาวนานและการพัฒนาเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะเทพโลหิตก็เป็นแผนการที่ยาวไกล อย่างน้อยก็ไม่ใช่เวลานี้


 


แต่ไม่ว่าจะใช้เวลานานเพียงใด ตราบเท่าที่เขาก้าวไปข้างหน้าทีละขั้นอย่างอดทนและไม่ยอมแพ้ สุดท้ายเขาจะประสบความสำเร็จในที่สุด


 


ฟางหยวนใช้เวลาว่างฝึกฝนฟางเจิ้งเพื่อบรรลุเป้าหมายอย่างช้าๆ


 


การเดินทางหนึ่งหมื่นลี้ต้องเริ่มจากก้าวแรกเสมอ


 


หลังจากเข้าใจสถานการณ์ของฟางเจิ้ง ฟางหยวนกระตุ้นใช้วิญญาณและส่งเจตจำนงปลอมบินออกไปอีกครั้ง


 


เจตจำนงปลอมบินเข้าสู่จิตใจของฟางเจิ้งและเติมเต็มเจตจำนงปลอมที่ถูกใช้งานไปจากก่อนหน้า


 


ไม่กี่วันผ่านไปเมื่อฟางหยวนคุ้นเคยกับฝนในร่ม จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาก็มอบทรัพยากรอมตะอีกชนิดหนึ่งให้กับเขา


 


ในช่วงเวลานี้ฟางหยวนกำลังฝึกฝนทักษะการหลอมรวมวิญญาณเพื่อเตรียมตัวหลอมรวมวิญญาณอมตะเปลี่ยนรูปลักษณ์


 


เมื่อเขาว่าง เขาจะตรวจสอบมิติช่องว่างจักรพรรดิและจัดการมัน


 


มิติช่องว่างของผู้อมตะไม่เพียงสามารถสร้างพลังงานอมตะ มันยังสามารถผลิตทรัพยากรจำนวนนับไม่ถ้วน ผู้อมตะต้องเฝ้าดูแลมันตลอดเวลา


 


หากมิติช่องว่างได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม มันจะเป็นความช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่สำหรับพวกเขา ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจะให้กำเนิดทรัพยากรที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผู้อมตะและจะผลิตอาหารให้แก่วิญญาณอมตะของพวกเขาอีกด้วย สิ่งสำคัญก็คือมีโอกาสที่วิญญาณอมตะดวงใหม่จะถือกำเนิดขึ้นเองในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม


 


ฟางหยวนตรวจสอบมิติช่องว่างของเขา


 


มันแบ่งออกเป็นเก้าชั้นฟ้าห้าภูมิภาค


 


เหตุใดจึงมีการแบ่งชั้นเช่นนี้ มันถูกสร้างขึ้นด้วยความต้องการของเทพปีศาจจิตวิญญาณหรือมันกำเนิดขึ้นเองตามธรรมชาติ? ฟางหยวนไม่สามารถหยั่งรู้เรื่องนี้ ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหลอมรวมวิญญาณทารกอมตะ เขาเป็นเพียงผู้โชคดีที่สามารถฉกชิงมันมาในช่วงเวลาสุดท้ายเท่านั้น


 


ฟางหยวนตั้งชื่อตามสะดวกโดยอ้างอิงห้าภูมิภาคและสวรรค์ทั้งเก้าแต่เพิ่มคำว่าน้อยไว้ด้านหลังเช่น ภาคเหนือน้อย ทะเลตะวันออกน้อย และอื่นๆ


 


หลังจากเฝ้าสังเกตการณ์ ฟางหยวนพบความลึกลับบางอย่างของมิติช่องว่างจักรพรรดิ


 


สิ่งที่เขาค้นพบคือพื้นที่ของสวรรค์ทั้งเก้าและภูมิภาคทั้งห้าไม่เพียงแต่คล้ายกับโลกภายนอก ในแง่ของสภาพแวดล้อม พวกมันก็ไม่ต่างกัน


 


ตัวอย่างเช่นภาคเหนือน้อย มันเป็นที่ราบทุ่งหญ้าและมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งวายุมากที่สุด


 


ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งไฟมีอยู่ในทะเลทรายตะวันตกน้อย ภาคใต้น้อยมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปฐพีและเส้นทางแห่งพิษมากที่สุด


 


หลังจากค้นพบเรื่องนี้ ฟางหยวนจึงนำทรัพยากรต่างๆเก็บไว้ในสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับพวกมัน


 


อสรพิษเพลิงอยู่ในทะเลทรายตะวันตกน้อย


 


ปลามังกรอยู่ในทะเลตะวันออกน้อย


 


แมงมุมหน้าคนอยู่ภาคใต้น้อย


 


ไผ่ลูกศร หญ้าสะเก็ดดาว และอื่นๆถูกวางไว้บนสวรรค์สีน้ำเงินน้อย


 


สำหรับภาคเหนือน้อย มีอสูรหิมะอยู่ที่นั่น สัตว์อสูรเหล่านี้มากจากภัยพิบัติพิภพครั้งแรกของเขา มันมีทั้งอสูรหิมะเดียวดายและอสูรหิมะบรรพกาล


 


ฟางหยวนไม่มีเวลาจัดการอสูรหิมะเหล่านี้ ดังนั้นเขาจึงทิ้งพวกมันไว้ที่นี่ เหตุผลเป็นเพราะภาคเหนือน้อยไม่มีทรัพยากรล้ำค่าและยังมีพื้นที่กว้างใหญ่ อสูนหิมะสามารถเคลื่อนไหวไปรอบๆ แต่พวกมันไม่เหมือนค้างคาวมรณะและไม่สามารถเจาะทะลวงมิติ


 


ปลาฟองอากาศ หมาป่าครีบฉลาม ปลาคราฟศิลปิน เกาะเขาเดี่ยวเดียวดาย มนุษย์หิน เห็ดหลินจือโลหิต ต้นหลิวกระจก และอื่นๆถูกจัดสรรตามความเหมาะสม


 


อย่างไรก็ตามป่าไผ่ลูกศร ทุ่งหญ้าสะเก็ดดาว และอื่นๆที่ถูกย้ายไปยังสวรรค์สีน้ำเงินน้อยกลับผลิตวิญญาณบนเส้นทางแห่งดวงดาวได้น้อยลงอย่างมาก ในขณะเดียวกันอสรพิษเพลิงและปลามังกรก็แพร่พันธุ์ได้น้อยลง แมงมุมหน้าคนยังมีอัตราการถือกำเนิดใกล้เคียงกับก่อนหน้า


 


ไม่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับความยิ่งใหญ่และศักยภาพอันไร้ขีดจำกัดของมิติช่องว่างจักรพรรดิ แต่ตอนนี้มันพึ่งผ่านภัยพิบัติพิภพมาเพียงครั้งเดียว


 


แม้มันจะมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าทุกเส้นทาง แต่มันก็มีเส้นทางละประมาณหนึ่งร้อยร่องรอยเท่านั้น


 


การเติบโตของแมงมุมหน้าคนพึ่งพาร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปัญญา ปลามังกรใช้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งวารีและเส้นทางอาหาร ขณะที่รังของอสรพิษเพลิงต้องมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งไฟมากที่สุด การผลิตวิญญาณบนเส้นทางแห่งดวงดาวในป่าไผ่ลูกศรและทุ่งหญ้าสะเก็ดดาวเกี่ยวกับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งดวงดาว


 


ก่อนหน้านี้ฟางหยวนวางทรัพยากรเหล่านี้ไว้ในแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูหรือแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาว


 


แดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูผ่านภัยพิบัติมาแล้วอย่างน้อยหกครั้ง มันมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งไฟและวารีมากกว่ามิติช่องว่างจักรพรรดิ ด้านแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาว มันเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์บนเส้นทางแห่งดวงดาวตั้งแต่กำเนิด ในจุดนี้มิติช่องว่างจักรพรรดิย่อมไม่สามารถเปรียบเทียบ


 


อย่างไรก็ตามไม่ใช่ทุกเส้นทางของมิติช่องว่างจักรพรรดิจะมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าเพียงหนึ่งร้อยร่องรอย


 


ก่อนหน้านี้ฟางหยวนได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งพลังปราณมากจากผู้อมตะฉีช่าย แต่มันยังไม่ใช่เส้นทางที่มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าอยู่มากที่สุด


 


ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่มีมากที่สุดในมิติช่องว่างจักรพรรดิในปัจจุบันคือร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งหิมะ


 


ภัยพิบัติของผู้อมตะเป็นทั้งโชคลาภและหายนะ ยิ่งมันทรงพลังมากเท่าใด ผู้อมตะก็ยิ่งได้รับประโยชน์จากมันมากเท่านั้น


 


ประโยชน์ที่กล่าวถึงในที่นี่ก็คือร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า


 


ฟางหยวนได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจำนวนมากจากภัยพิบัติพิภพที่ผ่านมา


 


ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งหิมะมีมากที่สุด อันดับสองคือร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางความแข็งแกร่งและร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง ตามมาด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งพลังปราณ หลังจากทั้งหมดมันเป็นร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจากผู้อมตะระดับเจ็ดฉีช่าย


 


ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าเหล่านี้เริ่มส่งอิทธิพลต่อมิติช่องว่างของฟางหยวนแล้ว


 


ยังไม่มีความเปลี่ยนแปลงในสี่ภูมิภาคแต่หิมะเริ่มขยายตัวออกไปอย่างช้าๆในภาคเหนือน้อย


 


สภาพแวดล้อมนี้เอื้อให้ฟางหยวนเพาะปลูกพืชเมืองหนาวหลายชนิด


 


เช่นเดียวกับสภาพแวดล้อมของแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู หลังจากผ่านภัยพิบัติ มันสามารถปลูกพืชพันธุ์มากมาย


 


หลักการสำคัญประการหนึ่งที่ต้องพิจารณาในการจัดการมิติช่องว่างก็คือสภาพแวดล้อมของมัน


 


ขณะที่ฟางหยวนกำลังเตรียมความพร้อมเพื่อหลอมรวมวิญญาณอมตะเปลี่ยนรูปลักษณ์ ที่ภาคกลางกลุ่มของอิงอู๋เซี่ยก็ไม่ได้นิ่งเฉย


 


พวกเขาได้รับแสงแรกกำเนิดมาแล้วและกำลังรวบรวมทรัพยากรอมตะอื่นๆ


 


พวกเขาสามารถหาบางสิ่งจากคลังสมบัติที่เหลืออยู่ของนิกายเงา แต่บางส่วนก็ต้องซื้อหรือแลกเปลี่ยนกับผู้อื่น


 


อิงอู๋เซี่ยเป็นผู้นำนิกายเงารวมถึงนิกายท้าทายสวรรค์ ดังนั้นทางเลือกแรกของเขาก็คือแลกเปลี่ยนรกับสมาชิกภายในองค์กร


 


แต่ผู้อมตะเป็นบุคคลที่ไล่ล่าผลประโยชน์ขณะที่นิกายท้าทายสวรรค์มีโครงสร้างที่หละหลวม ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่อิงอู๋เซี่ยจะทำธุรกรรมกับพวกเขา


 


อิงอู๋เซี่ยและไห่ลั่วหลันเจรจาจนปากแห้งขณะที่ซื่อหนิวกับไท่เป่ยหยุนเฉิงไม่เชี่ยวชาญเรื่องการเจรจา


 


หลังจากทุ่มเทความพยายามอย่างมาก อิงอู๋เซี่ยก็สามารถรวบรวมวัสดุในการหลอมรวมได้สามชุด


 


‘หยูมู่ฉานตายไปแล้ว ข้าไม่มีทางเลือกนอกจากต้องใช้วิธีการหลอมรวมวิญญาณของมนุษย์ โอกาสประสบความสำเร็จในการหลอมรวมวิญญาณท่องแดนอมตะค่อนข้างต่ำ ทรัพยากรเพียงสามชุดยังไม่เพียงพอ’


 


อิงอู๋เซี่ยไม่ได้หยุดซื้อทรัพยากร นอกจากนี้เขายังต้องเสี่ยงกลับไปที่ถ้ำนรกใต้พิภพ


 


นิกายเงามีค่ายกลวิญญาณขนาดใหญ่อยู่ที่ถ้ำนรกใต้พิภพ มันจะเป็นความช่วยเหลือที่ดีในการหลอมรวมวิญญาณอมตะ


 


เมื่ออิงอู๋เซี่ยรวบรวมทรัพยากรได้หกชุดผ่านนิกายท้าทายสวรรค์ อุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น


 


สมาชิกของนิกายท้าทายสวรรค์ ปีศาจอมตะกงซุนเหลียงที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาหมิงเติ้งถูกซุ่มโจมตีและถูกจับโดยผู้อมตะจากวังสวรรค์! กงซุนเหลียงร้องขอความช่วยเหลือจากนิกายท้าทายสวรรค์ นี่ทำให้เกิดความปั่นป่วนขึ้นทันที


 


กงซุนเหลียงซ่อนตัวเองเป็นอย่างดีมาตลอดแต่กลับถูกจับ ยิ่งไปกว่านั้นวังสวรรค์ยังเคลื่อนไหวด้วยตนเอง นี่เป็นเรื่องที่น่าตกใจอย่างยิ่ง


 


สมาชิกส่วนใหญ่ของนิกายท้าทายสวรรค์เป็นผู้คนที่ถูกกดดันโดยสิบนิกายใหญ่ของภาคกลาง เพื่อความอยู่รอด พวกเขาจึงต้องสร้างพันธมิตรอย่างลับๆ ขณะเดียวกันสิบนิกายโบราณของภาคกลางก็เป็นกองกำลังย่อยของวังสวรรค์


 


เผชิญหน้ากับวังสวรรค์ สมาชิกทุกคนของนิกายท้าทายสวรรค์รู้สึกไม่ปลอดภัยและกลัวกงซุนเหลียงจะเปิดเผยเบาะแสของพวกเขา


 


“วังสวรรค์บัดซบ!” อิงอู๋เซี่ยทำได้เพียงสบถ


 


เนื่องจากเหตุการณ์นี้ สมาชิกคนอื่นๆของนิกายท้าทายสวรรค์จึงซ่อนตัวและไม่กล้าติดต่อสื่อสารกับเขาอีกต่อไป


 


อิงอู๋เซี่ยรู้ว่าพวกเขาไม่เพียงแค่รู้สึกกลัววังสวรรค์ ยิ่งไปกว่านี้พวกเขายังสงสัยในตัวผู้นำคนนี้ หลังจากกงซุนเหลียงให้อิงอู๋เซี่ยยืมวิญญาณอมตะ เขากลับพบหายนะขณะที่วิญญาณอมตะของเขายังอยู่กับอิงอู๋เซี่ย นอกจากนั้นอิงอู๋เซี่ยในฐานะผู้นำยังไม่ช่วยกงซุนเหลียง เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อจิตใจของสมาชิกนิกายเป็นอย่างมาก


 


กงซุนเหลียงถูกจับตัว นี่ทำให้อิงอู๋เซี่ยขาดแหล่งรวบรวมทรัพยากรที่ดีที่สุด


 


ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องซื้อวัสดุในการหลอมรวมจากสวรรค์สีเหลืองเท่านั้น


 


อย่างไรก็ตามธุรกรรมในสวรรค์สีเหลืองไม่ใช่ความลับและมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง


 


‘กงซุนเหลียงถูกจับ วังสวรรค์จะค้นพบสถานที่แห่งนี้ไม่เร็วก็ช้า เจ้าวังตายไปแล้ว แต่เทพธิดาจื่อเว่ยตื่นขึ้น ข้าต้องรีบหลอมรวมวิญญาณท่องแดนอมตะโดยเร็วที่สุด!’


 


อิงอู๋เซี่ยรู้สึกถึงความเร่งรีบมากขึ้นเรื่อยๆ


 


สถานการณ์ของเขาแย่ลงทุกวัน


 


นิกายเงาใช้สมบัติเกือบทั้งหมดเพื่อหลอมรวมวิญญาณทารกอมตะ พวกเขากระทั่งเสียสละกองกำลังพันธมิตรผีดิบ


 


ซื่อหนิวอาจเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดแต่มิติช่องว่างของเขาไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม


 


ไห่ลั่วหลันและไท่เป่ยหยุนเฉิงพึ่งเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้ ทรัพยากรของพวกเขามีอยู่อย่างจำกัด


 


แม้สวรรค์สีเหลืองจะเป็นตลาดขนาดใหญ่ แต่อิงอู๋เซี่ยต้องใช้ความมั่งคั่งที่เหลืออยู่อย่างระมัดระวัง


 


เพื่อรวบรวมทรัพยากรสิบชุด อิงอู๋เซี่ยแทบหลั่งน้ำตา


 


‘ข้าต้องประสบความสำเร็จในการหลอมรวมวิญญาณท่องแดนอมตะ!’ อิงอู๋เซี่ยกรีดร้องอยู่ภายใน


 


สถานการณ์ของเขาเต็มไปด้วยความยากลำบากขณะที่ฟางหยวนดำเนินการได้อย่างราบรื่น


 


ฟางหยวนพูดคุยกับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไว้แล้ว หากการหลอมรวมวิญญาณอมตะเปลี่ยนรูปลักษณ์ไม่ประสบความสำเร็จในครั้งแรก พวกเขาจะพยายามต่อไป


 


สำหรับค่าใช้จ่ายในการหลอมรวมวิญญาณอมตะครั้งที่สองหรือสาม ฟางหยวนต้องเป็นคนแบกรับทั้งหมด


 


แต่เขามีความมั่งคั่งเพียงพอ


 


การผลิตทรัพยากรในมิติช่องว่างของฟางหยวนลดลงแต่รายได้ของเขากลับเพิ่มขึ้นหลายเท่า!


 


เหตุผล?


 


มันเกี่ยวกับเวลาในมิติช่องว่างของเขาที่เร็วกว่าโลกภายนอกถึงหกสิบเท่า


 


นั่นหมายความว่าอย่างไร?


 


หนึ่งวันของโลกภายนอกคือสองเดือนในมิติช่องว่างจักรพรรดิ!


 


เมื่อเวลาเดินเร็วขึ้น ทรัพยากรก็ถูกผลิตเร็วขึ้น


 


อย่างไรก็ตามฟางหยวนจะขายทรัพยากรเหล่านี้เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะเขาตั้งใจจำนงภูเขาตงฮันกับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา ด้วยวิธีนี้ฟางหยวนจะสามารถชำระหนี้ทั้งหมด


เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1067 การหลอมรวมวิญญาณของทั้งสองฝ่าย


แปลโดย iPAT 


 


หลายวันต่อมาในถ้ำนรกใต้พิภพ


 


ซื่อหนิวกลับมาจากด้านนอกและรายงานอิงอู๋เซี่ย “นายท่าน ข้าตรวจสอบมาอย่างชัดเจนแล้ว เนื่องจากความวุ่นวายที่เกิดขึ้นที่นี่ นิกายจิตวิญญาณบรรพกาลได้ส่งผู้อมตะสามคนออกมาตรวจสอบ ตามคำแนะนำของท่าน ข้าล่อสัตว์อสูรบรรพกาลและสัตว์อสูรเดียวดายหลายตัวไปหาพวกเขา นอกจากนั้นยังมีวิญญาณอมตะป่าอยู่ในร่างของพวกมัน หลังจากนี้ผู้อมตะจากนิกายจิตวิญญาณบรรพกาลจะยุ่งมาก”


 


ซื่อหนิวเป็นผู้อมตะเผ่ามนุษย์หินที่บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งปฐพี ดังนั้นเขาจึงมีประโยชน์มากในสภาพแวดล้อมเช่นถ้ำนรกใต้พิภพ


 


อิงอู๋เซี่ยพยักหน้า “เจ้าทำได้ดีมาก แต่เจตจำนงสวรรค์มีอยู่ทุกแห่ง เราไม่สามารถประมาท เมื่อข้าเริ่มหลอมรวมวิญญาณ เจตจำนงสวรรค์จะส่งอิทธิพลต่อผู้อมตะเหล่านั้นและบังคับให้พวกเขามาที่นี่เพื่อทำลายแผนการของพวกเรา”


 


ซื่อหนิวคิดก่อนกล่าว “นายท่านกล่าวได้ถูกต้องแล้ว เช่นนั้นเราจะจัดสัตว์อสูรเดียวดายสามกลุ่มไว้กีดขวางพวกเขา แม้พวกเขาจะสามารถผ่านสัตว์อสูรเหล่านี้และมาถึงที่นี่ เราก็ยังมีเวลาพอที่จะตอบสนอง”


 


อิงอู๋เซี่ยส่ายศีรษะเล็กน้อย “เจ้ายังไม่เคยเห็นพลังอำนาจที่แท้จริงของเจตจำนงสวรรค์ มันไม่เพียงส่งอิทธิพลต่อผู้อมตะ มันยังส่งอิทธิพลต่อสัตว์อสูรและพืชอสูร ในช่วงเวลาสำคัญสัตว์อสูรเหล่านี้อาจหันมาโจมตีพวกเรา”


 


การแสดงออกของซื่อหนิวเปลี่ยนแปลงไป “หากสัตว์อสูรโจมตีที่นี่…เราควรทำอย่างไร?”


 


“ไม่จำเป็นต้องกังวล ความมั่นใจของข้าไม่ได้มาจากสัตว์อสูรเดียวดายหรือสัตว์อสูรบรรพกาลแต่เป็นค่ายกลวิญญาณของเรา!” ดวงตาของอิงอู๋เซี่ยส่องประกายแหลมคม


 


ที่นี่เป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับพวกเขา


 


ค่ายกลวิญญาณนี้ไม่เพียงสามารถซ่อนตัวจากเจตจำนงสวรรค์ มันยังสามารถป้องกันการอนุมานจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา มันมีทั้งพลังป้องกันและพลังโจมตีที่ไม่น่าเชื่อ


 


เทพปีศาจจิตวิญญาณกลืนกินดวงวิญญาณของผู้อมตะจำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่หลังประตูแห่งชีวิตและความตาย เขาได้รับความรู้และประสบการณ์ในทุกแง่มุม กล่าวได้ว่าความสามารถของเขาเหนือกว่าตัวตนที่ยิ่งใหญ่ทั้งหมดในประวัติศาสตร์


 


ค่ายกลวิญญาณนี้ถูกสร้างขึ้นมาจากความรู้และประสบการณ์ทั้งหมดของเทพปีศาจจิตวิญญาณ ดังนั้นประสิทธิภาพของมันจึงไม่ธรรมดา


 


นี่เป็นเหตุผลที่อิงอู๋เซี่ยต้องการหลอมรวมวิญญาณภายในค่ายกลวิญญาณนี้


 


กระทั่งสัตว์อสูรเดียวดายหรือสัตว์อสูรบรรพกาลจะบุกโจมตี เขาก็สามารถใช้ค่ายกลวิญญาณสังหารพวกมันและใช้ดวงวิญญาณของพวกมันกระตุ้นค่ายกลวิญญาณให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น


 


สำหรับซื่อหนิว แม้เขาจะอยู่ที่นี่มาเป็นเวลานาน แต่เขาไม่รู้ถึงพลังอำนาจที่แท้จริงของค่ายกลวิญญาณนี้


 


‘ข้าไม่ได้ทำลายวิญญาณกาลเวลา เจตจำนงสวรรค์อยู่ในวิญญาณดวงนี้ ดังนั้นตำแหน่งของค่ายกลวิญญาณจะถูกค้นพบโดยเจตจำนงสรรค์ แต่มันไม่ใช่ปัญหา กระทั่งผู้อมตะระดับแปดจากวังสวรรค์จะบุกมาที่นี่ ข้าก็ยังสามารถรับมือพวกเขาได้ระยะเวลาหนึ่ง หอคอยดวงตาสวรรค์ถูกทำลายไปแล้ว แม้จะมีวิญญาณชะตากรรม โอกาสที่วังสวรรค์จะสามารถยึดครองที่นี่ก็มีต่ำมาก’


 


อิงอู๋เซี่ยยังไม่ยอมแพ้ต่อวิญญาณกาลเวลา


 


ฟางหยวนใช้วิญญาณกาลเวลาทำลายแผนการนับหมื่นปีของนิกายเงา แล้วเหตุใดอิงอู๋เซี่ยจะไม่เก็บมันไว้เป็นไพ่ตาย?


 


แม้เจตจำนงสวรรค์จะยิ่งใหญ่ มันก็รักษาสมดุลของสรรพสิ่งเท่านั้น มันไม่มีความโกรธแค้นส่วนตัว นอกจากนั้นเป้าหมายหลักของเจตจำนงสวรรค์ในเวลานี้ก็คือฟางหยวนไม่ใช่อิงอู๋เซี่ย กระทั่งวิญญาณกาลเวลาจะเต็มไปดวยเจตจำนงสวรรค์ มันก็ยังมีประโยชน์ต่อเขา


 


ตามแผนการของอิงอู๋เซี่ย เขาจะปรับแต่งวิญญาณกาลเวลาอีกครั้งและกำจัดเจตจำนงสวรรค์ออกไป


 


แต่นี่เป็นแผนการในอนาคต


 


ตอนนี้สิ่งที่อิงอู๋เซี่ยต้องการมากที่สุดก็คือวิญญาณท่องแดนอมตะ


 


วิญญาณอมตะดวงนี้จะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เขาสามารถแก้ปัญหา


 


ด้วยวิญญาณท่องแดนอมตะ เขาจะสามารถเดินทางไปทุกหนทุกแห่ง


 


“ไม่มีเวลาแล้ว เราควรหลอมรวมวิญญาณท่องแดนอมตะทันที ซื่อหนิว ข้าจะกระตุ้นการทำงานของค่ายกลวิญญาณ เจ้าจงควบคุมแกนกลางของมัน เจ้าต้องช่วยข้าหลอมรวมวิญญาณ!” อิงอู๋เซี่ยออกคำสั่ง


 


“ทราบแล้ว ข้าจะทำอย่างดีที่สุดและเดิมพันด้วยชีวิต!” ซื่อหนิวเร่งตอบรับ


 


หลังจากจัดการเรื่องของซื่อหนิว อิงอู๋เซี่ยส่งไท่เป่ยหยุนเฉิงกับไห่ลั่วหลันไปควบคุมแกนกลางอีกสองแห่งของค่ายกลวิญญาณ


 


แม้มันจะเป็นเพียงวิญญาณท่องแดนอมตะระดับหก แต่วิญญาณอมตะดวงนี้มีความสำคัญต่ออนาคตของนิกายเงาเป็นอย่างมาก


 


การหลอมรวมวิญญาณเริ่มขึ้นในเวลานี้


 


ครึ่งเดือนผ่านไป


 


แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา


 


การหลอมรวมวิญญาณอมตะเปลี่ยนรูปลักษณ์ครั้งแรกกำลังจะเริ่มขึ้น


 


ฟางหยวนยืนมองจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาที่ลอยอยู่กลางอากาศราวกับเทพเจ้า


 


พลังงานแห่งเต๋าหมุนวนอยู่รอบๆ


 


“ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม พวกมันเป็นตัวช่วยชั้นยอดในการหลอมรวมวิญญาณ!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากล่าวด้วยความภาคภูมิใจ


 


แสงระยิบระยับส่องประกายขึ้นบนท้องฟ้า


 


“เกิดสิ่งใดขึ้นบนท้องฟ้า?”


 


“ดูเร็ว! ปรากฏการณ์อมตะเกิดขึ้นอีกครั้ง!”


 


“เพียงไม่นานหลังจากเกิดแสงสีรุ้ง ตอนนี้ยังเกิดเหตุการณ์แสงดาวสีรุ้งขึ้นอีกครั้ง นี่เป็นปรากฏการณ์ที่ยิ่งใหญ่!”


 


ผู้คนในทวีปผมดำ ทวีปผมเหลือง และทวีปผมขาวมองขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างกระตือรือร้น


 


“แสงดาวเหล่านี้ มันเกิดจากคฤหาสน์วิญญาณอมตะหม้อหลอมรวมงั้นหรือ?” ฟางหยวนถาม


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาพยักหน้า “เจ้าเดาได้ถูกแล้ว น่าเสียดายที่แกนกลางส่วนใหญ่ของมันหายไป หากเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะหม้อหลอมรวมดั่งเดิม โอกาสประสบความสำเร็จในการหลอมรวมวิญญาณอมตะเปลี่ยนรูปลักษณ์จะเพิ่มขึ้นอีกหกสิบส่วน!”


 


“แต่ลืมเรื่องการสูญเสียไปเถอะ ข้าจะไม่ซ่อมแซมหม้อหลอมรวม ความแข็งแกร่งที่แท้จริงไม่ได้มาจากวิญญาณอมตะ แต่ขึ้นอยู่กับตัวผู้อมตะเอง”


 


“สงบจิตใจ ข้าจะเริ่มเดี๋ยวนี้!”


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาบินขึ้นสู่ท้องฟ้าพร้อมกับวิญญาณจำนวนมหาศาล


 


หลังจากชั่วครู่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาตะโกน “ถึงเวลาของเจ้าแล้ว”


 


ฟางหยวนสลับตำแหน่งกับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาอย่างกะทันหัน ตอนนี้ฟางหยวนลอยอยู่กลางอากาศขณะที่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยายืนมองอยู่บนพื้น


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาตัดสินใจให้วิธีหลอมรวมวิญญาณคู่ จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาใช้วิธีการหลอมรวมของมนุษย์ขนขณะที่ฟางหยวนแปรรูปทรัพยากรอมตะ


 


ฟางหยวนเตรียมตัวมาแล้ว หลังจากเข้าประจำตำแหน่ง เขาเริ่มปรับแต่งฝนในร่มทันที


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นและพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ


 


‘เด็กคนนี้สมแล้วที่เป็นผู้กลับชาติมาเกิด ด้วยประสบการณ์ในชีวิตก่อนหน้า ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมของเขากำลังจะบรรลุระดับปรมาจารย์ แต่ก้าวสุดท้ายไม่ใช่เรื่องง่าย’ จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาประเมิน


 


การหลอมรวมวิญญาณดำเนินไปอย่างราบรื่น แม้จะเกิดอุบัติเหตุบ้าง มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่


 


ด้วยความร่วมมือของผู้เชี่ยวชาญสองคนที่เตรียมตัวมาอย่างดี มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีความคืบหน้าดังกล่าว


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากับฟางหยวนหลอมรวมวิญญาณอมตะเป็นเวลาสามวันสามคืนโดยไม่หยุดพักกระทั่งตัวอ่อนของวิญญาณอมตะถือกำเนิดขึ้น


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามีความสุขมาก “ดูเหมือนการหลอมรวมครั้งแรกจะประสบความสำเร็จ ตราบเท่าที่ไม่เกิดปัญหา…”


 


แต่ก่อนที่เขาจะกล่าวได้จบประโยค สายฟ้ากลับแลบลั่นขึ้นอย่างกะทันหัน


 


การแสดงออกของฟางหยวนเปลี่ยนแปลงไป


 


“อย่ากังวล มันเป็นเพียงภัยพิบัติของวิญญาณอมตะระดับหก โอ้ ไม่!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาตกใจเมื่อตระหนักถึงบางสิ่ง


 


ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นบนท้องฟ้าไปไกลเกินกว่ามาตรฐานของวิญญาณระดับหกที่อยู่ในความทรงจำของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา


 


ในความเป็นจริงกระทั่งวิญญาณอมตะระดับเจ็ดก็ยังไม่สามารถดึงดูดภัยพิบัตินี้


 


“เกิดสิ่งใดขึ้น?” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาสับสน


 


“ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง โปรดดูแลการหลอมรวมวิญญาณ ข้าจะรับมือภัยพิบัติ” ฟางหยวนกัดฟันกล่าว


 


“ไม่! ตอนนี้เป็นเวลาสำคัญ เจ้าไม่สามารถจากไป โชคอึสุนัขของเจ้ากำลังปกป้องวิญญาณอมตะ ให้ข้าจัดการภัยพิบัตินี้ ทุกคน เตรียมค่ายกลวิญญาณสายต่อสู้!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาออกคำสั่ง


 


หลังจากจบคำ ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนเกือบสิบคนบินเข้ามาหาเขาก่อนที่ยักษ์สวรรค์จะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง


 


ค่ายกลวิญญาณสายต่อสู้โบราณยักษ์สวรรค์!


 


ภาคกลาง ถ้ำนรกใต้พิภพ


 


อิงอู๋เซี่ยหอบหายใจอย่างหนักหน่วง ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง เขากัดฟันแน่นหลังจากพบกับความสูญเสียครั้งใหญ่


 


ครึ่งเดือนที่ผ่านมา เขาพยายามหลอมรวมวิญญาณท่องแดนอมตะ แต่จนถึงตอนนี้เขาล้มเหลวไปแล้วแปดครั้ง


 


“บัดซบ! ข้าเหลือโอกาสอีกเพียงสองครั้ง!”


 


“ข้ามีค่ายกลวิญญาณให้ความช่วยเหลือ แต่ข้ายังล้มเหลวถึงแปดครั้ง วิธีหลอมรวมวิญญาณของมนุษย์มีอัตราความสำเร็จต่ำเกินไป”


 


“อย่างไรก็ตามกระทั่งหยูมู่ฉานจะยังมีชีวิตอยู่ ข้าก็จะไม่ใช่วิธีการหลอมรวมวิญญาณของมนุษย์ขนเพราะเจตจำนงสวรรค์จะฉวยโอกาสโจมตีข้า หากภัยพิบัติทำให้ค่ายกลวิญญาณพังทลายลง พวกเราจะพบปัญหาใหญ่!”


 


“ฟางหยวนไม่รู้เกี่ยวกับเจตจำนงสวรรค์ เขาใช้วิธีหลอมรวมวิญญาณของมนุษย์ขนที่จะดึงดูดภัยพิบัติใหญ่ ฮ่าฮ่าฮ่า ขอให้เจ้าโชคดี”


เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1068 สำเร็จและล้มเหลว


แปลโดย iPAT 


 


“เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง” เสียงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง


 


“นี่คือภัยพิบัติกลองสายฟ้าสวรรค์!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาที่อยู่ในค่ายกลวิญญาญสายต่อสู้ยักษ์สวรรค์ตกใจและสับสน


 


“ทุกครั้งที่เสียงสายฟ้าดังขึ้น ประกายสายฟ้าจะปะทุขึ้นในร่างกายของผู้อมตะและทำลายอวัยวะภายในของพวกเขา มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะป้องกันการโจมตีนี้ อย่างไรก็ตามฟางหยวนเจ้าไม่จำเป็นต้องกังวล สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม มันจะช่วยปกป้องเจ้า นอกจากนี้ข้ายังมีวิธีต่อต้านมัน ตราบเท่าที่ยักษ์สวรรค์ยังอยู่ เจ้าจะปลอดภัย!”


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาส่งข้อความเสียงไปหาฟางหยวน เขาเกรงว่าฟางหยวนจะฟุ้งซ่านและทำให้การหลอมรวมวิญญาณล้มเหลว


 


แม้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจะต้องการภูเขาตงฮัน แต่เขาก็ต้องทำตามข้อตกลงที่ให้ไว้กับเทพปีศาจปล้นสวรรค์ เขาต้องทำอย่างดีที่สุดเพื่อช่วยฟางหยวน


 


ฟางหยวนลอยอยู่กลางอากาศและไม่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติกลองสายฟ้าสวรรค์


 


จิตใจของเขาสงบนิ่งมาก


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากังวลมากเกินไป ฟางหยวนเป็นทหารผ่านศึกที่มีประสบการณ์มากมาย เขามีภูมิคุ้มกันต่อสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด


 


เขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและหลอมรวมวิญญาณอย่างราบรื่น


 


“เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง”


 


เสียงสายฟ้าทำให้ร่างของยักษ์สวรรค์สั่นสะเทือน


 


ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนที่อยู่ภายในต่างรู้สึกขนลุกขนชันด้วยความหวาดกลัว


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากล่าวเสียงเย็น “ข้าจะใช้ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งเสียง โลกสงบสุข!”


 


ยักษ์สวรรค์ปลดปล่อยแสงสีเงินออกมาราวกับดวงอาทิตย์


 


ฟางหยวนปิดเปลือกตาลงชั่วขณะพร้อมกับกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายสายป้องกัน


 


หลังจากชั่วครู่แสงสีเงินเลือนหายไปพร้อมกับเสียงฟ้าร้อง


 


โลกสงบสุข!


 


สายฟ้ายังแลบลั่นอยู่บนท้องฟ้าแต่มันกลับไร้เสียง


 


“กระทั่งภัยพิบัติกลองสายฟ้าสวรรค์จะทรงพลังกว่านี้อีกสิบเท่า มันก็ไม่สามารถรบกวนการหลอมรวมวิญญาณ!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากล่าว


 


แต่ในจังหวะนี้ท้องฟ้ากลับเกิดการเปลี่ยนแปลง


 


สายฟ้าควบรวมเป็นมนุษย์เงาสายฟ้า!


 


มนุษย์เงาสายฟ้ามีพลังอำนาจเทียบเท่ากับผู้อมตะระดับหก


 


ย้อนกลับไปผู้อมตะไป่หูก็เสียชีวิตลงเพราะมนุษย์เงาสายฟ้า แต่ตอนนี้ฟางหยวนกลับต้องเผชิญหน้ากับมนุษย์เงาสายฟ้าถึงยี่สิบตน


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาตกตะลึง “เกิดสิ่งใดขึ้น? เหตุใดมันจึงกลายเป็นภัยพิบัติมนุษย์เงาสายฟ้า? นอกจากนั้นมันยังทรงพลังกว่าภัยพิบัติทั่วไปถึงยี่สิบเท่า!”


 


แม้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจะมีชีวิตอยู่มาอย่างยาวนาน แต่เขาก็ไม่เคยพบเห็นเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน


 


หัวใจของฟางหยวนแทบกระโดดออกมาจากหน้าอก เรื่องนี้คล้ายกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในมิติช่องว่างของเขา


 


‘ภัยพิบัติพิภพครั้งแรกของข้าทรงพลังยิ่งกว่าภัยพิบัติสวรรค์ ตอนนี้เมื่อข้าหลอมรวมวิญญาณอมตะเปลี่ยนรูปลักษณ์ สถานการณ์เดิมก็เกิดขึ้นอีกครั้ง หากมนุษย์เงาสายฟ้ายี่สิบตนเกิดขึ้นในภัยพิบัติพิภพของข้า ข้าต้องตายอย่างแน่นอน!’


 


ในภัยพิบัติพิภพครั้งแรกของฟางหยวน เขาพบกับอินทรีย์มงกุฎเหล็ก ค้างคาวมรณะบรรพกาล อสูรหิมะเดียวดาย อสูรหิมะบรรพกาล และอื่นๆ ฟางหยวนแทบไม่สามารถรักษาชีวิตรอด


 


อย่างไรก็ตามมันจะแตกต่างออกไปหากฟางหยวนต้องต่อสู้กับมนุษย์เงาสายฟ้ายี่สิบตนพร้อมกัน แม้ฟางหยวนจะมีท่าไม้ตายอมตะคลื่นดาบสามชั้น เขาก็ไม่สามารถสังหารพวกมันได้ในครั้งเดียวและอาจถูกสวนกลับอย่างรุนแรง


 


‘รากฐานของข้ายังไม่เสถียร ข้ามีจุดอ่อนมากเกินไป’ ฟางหยวนคิด


 


ในความเป็นจริงเขาค้นพบปัญหานี้มานานแล้ว


 


ตั้งแต่การต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน เขาถูกกดดันด้วยกรอบของเวลาและไม่มีเวลาว่างพอที่จะแก้ไขจุดอ่อนเหล่านี้


 


มนุษย์เงาสายฟ้ายี่สิบตนพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวนด้วยความเร็วสูง


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากรีดร้องด้วยความตื่นตระหนกและกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะต่อไป


 


ร่างของยักษ์สวรรค์ส่องแสงสีเงินออกมาและทำให้ร่างของมันขยายใหญ่ขึ้น


 


เดิมทีร่างกายของยักษ์สวรรค์ก็ใหญ่โตอยู่แล้ว หลังจากขยายร่าง เท้าของมันเยียบลงบนพื้นเมฆขณะที่ศีรษะราวกับอยู่บนสวรรค์


 


ยักษ์สวรรค์ใช้ท่าไม้ตายอมตะต่อไป


 


มนุษย์เงาสายฟ้าพุ่งชนกำแพงพลังงานที่มองไม่เห็นและกระเด็นกลับไปด้านหลัง


 


หลังจากปกป้องฟางหยวน ยักษ์สวรรค์ใช้มือคว้าฟางหยวนขึ้นมาพร้อมกับสร้างม่านพลังป้องกันเอาไว้รอบๆ


 


“สถานการณ์ไม่ดีนัก แม้ท่าไม้ตายอมตะของข้าจะสามารถป้องกันมนุษย์เงาสายฟ้า แต่การหลอมรวมวิญญาณอาจถูกขัดจังหวะ เจ้าต้องระวังให้มากขึ้น การโจมตีที่รุนแรงกำลังจะมา หากเจ้าไม่มีสมาธิ การหลอมรวมอาจล้มเหลว!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเตือน


 


ฟางหยวนพยักหน้าแต่ไม่กล่าวสิ่งใด


 


แม้จะมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมและคฤหาสน์วิญญาณอมตะหม้อหลอมรวมคอยให้ความช่วยเหลือ แต่การต่อสู้ระหว่างยักษ์สวรรค์กับมนุษย์เงาสายฟ้าอาจรบกวนร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าและสร้างปัญหาให้กับฟางหยวน หากผิดพลาด การทำงานหนักของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่าทันที


 


“บึม บึม บึม”


 


เสียงระเบิดดังเข้าหูของฟางหยวน


 


มนุษย์เงาสายฟ้าราวกับผึ้งที่บินอยู่รอบๆยักษ์สวรรค์และโจมตีจากหลากหลายทิศทาง


 


พวกมันเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วขณะที่ยักษ์สวรรค์ค่อนข้างงุ่มง่าม


 


“พวกโง่!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาดุ


 


เขาต้องปกป้องและช่วยฟางหยวนหลอมรวมวิญญาณ ดังนั้นการกำจัดมนุษย์เงาสายฟ้าจึงเป็นหน้าที่ของผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขน


 


แต่ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนไม่มีประสบการณ์การต่อสู้ พวกเขาไม่สามารถควบคุมยักษ์สวรรค์ กระทั่งพวกเขาจะทำอย่างเต็มความสามารถ ท่าไม้ตายอมตะที่พวกเขาใช้ก็ยังล้มเหลว บางครั้งที่มันประสบความสำเร็จ มันก็ส่งผลกระทบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น


 


หลังจากต่อสู้เป็นเวลานาน พวกเขาสามารถสังหารมนุษย์เงาสายฟ้าได้เพียงหนึ่งและเกิดจากความบังเอิญ


 


เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยารู้สึกหมดแรง


 


“สถานการณ์ตอนนี้ค่อนข้างเลวร้าย” เขาเต็มไปด้วยความกังวล


 


ยักษ์สวรรค์ขยายร่างขึ้นสิบเท่าแต่การป้องกันของมันลดลง


 


แม้สถานการณ์ของฟางหยวนจะคงที่แต่ความเร็วในการหลอมรวมของเขาก็ลดลงอย่างมาก


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาประเมินว่าด้วยความเร็วของฟางหยวน ยักษ์สวรรค์จะไม่สามารถทนอยู่ได้จนถึงสุดท้าย


 


ปราศจากความช่วยเหลือจากภายนอก การหลอมรวมวิญญาณของฟางหยวนจะล้มเหลว!


 


‘โชคดีที่นี่เป็นความพยายามครั้งแรก มันไม่เป็นไรหากจะล้มเหลว ข้ายังมีเงินทุน’ ฟางหยวนคิดในแง่ดี


 


ในการหลอมรวมวิญญาณอมตะ มีกี่คนที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่กครั้งแรก?


 


ฟางหยวนอยู่ในสถานการณ์คับขันขณะที่อิงอู๋เซี่ยหมดสิ้นหนทาง


 


‘นี่เป็นโอกาสครั้งสุดท้ายของข้า ข้าไม่สามารถล้มเหลวได้อีก!’ อิงอู๋เซี่ยกัดฟันขณะที่หน้าผากปกคลุมไปด้วยเม็ดเหงื่อ


 


เขาเหมือนหมาป่าที่ถูกบังคับให้เดินเข้าสู่หน้าผา


 


‘ในสถานการณ์นี้ข้าต้องใช้ไพ่ตายเท่านั้น…ยังไม่ต้องคิดถึงผลกระทบ ข้าต้องผ่านวิกฤตนี้ไปให้ได้เป็นอันดับแรก’


 


อิงอู๋เซี่ยตัดสินใจกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะบางอย่าง


 


ความเจ็บปวดพุ่งเข้าโจมตีจิตวิญญาณของเขา


 


ภายใต้ผลกระทบของท่าไม้ตายอมตะ จิตวิญญาณของเขากลายเป็นเชื้อเพลิงขณะที่โชคของเขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง


 


‘ร่างหลักของเราเคยสำรวจวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริงและสร้างท่าไม้ตายนี้…โชคดีที่ข้าได้รับวิญญาณเสียงคำรามของจิตวิญญาณระดับเจ็ดมาจากก่อนหน้า ดังนั้นข้าจึงสามารถใช้ท่าไม้ตายนี้’


 


ดวงตาของอิงอู๋เซี่ยเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เขาทุ่มเททุกสิ่งกับการหลอมรวมวิญญาณท่องแดนอมตะในครั้งนี้


 


‘ข้าจะประสบความสำเร็จในครั้งนี้!’ เขากรีดร้องอยู่ในใจ


 


กลับไปที่แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา


 


ยักษ์สวรรค์อ่อนแอมากและเกือบถึงขีดจำกัด


 


ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนได้รับบาดเจ็บสาหัส บางคนพ่นเลือดออกมาจากปาก บางคนสลบ บางคนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด


 


ค่ายกลวิญญาณสายต่อสู้ยักษ์สวรรค์ถูกโจมตีอย่างหนัก สิ่งนี้ส่งผลกระทบต่อพวกเขาเป็นอย่างมาก


 


ตอนนี้เหลือมนุษย์เงาสายฟ้าอยู่อีกสิบเอ็ดตน


 


ฟางหยวนและจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาตกอยู่ในความสิ้นหวัง


 


‘ครั้งต่อไปข้าจะไม่ใช้การหลอมรวมวิญญาณของมนุษย์ขน!’ ฟางหยวนสาบานกับตนเอง ตอนนี้เขารู้สึกว่าการหลอมรวมวิญญาณของมนุษย์ดีกว่ามาก


 


‘ครั้งนี้ข้าล้มเหลวจริงๆ ชื่อเสียงของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาถูกทำลายเพราะภัยพิบัติที่ไร้สาระนี้!’ จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาโกรธมาก


 


‘เอาล่ะ ทุกอย่างเกือบจบลงแล้ว’ ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขน ผมที่หก คิดกับตนเอง


 


เขาเป็นสายลับของนิกายเงาคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา


 


เขาเป็นคนให้ข้อมูลเกี่ยวกับฟางหยวนและแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยากับอิงอู๋เซี่ย


 


ระหว่างการต่อสู้กับมนุษย์เงาสายฟ้า เขาแทบไม่ทำสิ่งใด ในฐานะสมาชิกนิกายเงา เขาไม่ต้องการให้ฟางหยวนประสบความสำเร็จในการหลอมรวมวิญญาณอมตะเปลี่ยนรูปลักษณ์


 


‘การโจมตีครั้งสุดท้าย มาใช้ท่าไม้ตายแขนเดี่ยวกันเถอะ’ ผมที่หกลอบหัวเราะอยู่ในใจ


 


แม้มันจะเป็นท่าไม้ตายที่ทรงพลัง แต่ตอนนี้ยักษ์สวรรค์อ่อนแอมาก หากท่าไม้ตายนี้ถูกใช้งาน ยักษ์สวรรค์จะพังทลายลงอย่างแน่นอน


 


‘หากข้าใช้ท่าไม้ตายนี้ ยักษ์สวรรค์จะจบสิ้น ไม่เพียงการหลอมรวมของฟางหยวนจะล้มเหลว ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนมากมายจะตายไปพร้อมกัน หลังจากเหตุการณ์นี้ข้าจะมีความสำคัญมากขึ้น นี่เป็นแผนการที่สมบูรณ์แบบ!’


 


ผมที่หกกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายแขนเดี่ยวทันที


 


“โอ้ ไม่ งี่เง่า!” การแสดงออกของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเปลี่ยนแปลงไป


 


ทันใดนั้น!


 


แขนของยักษ์สวรรค์กลับเกิดการระเบิดขึ้นอย่างกะทันหันและบินออกไป


 


“บึม!”


 


มนุษย์เงาสายฟ้าส่วนใหญ่บังเอิญบินมาอยู่ในบริเวณเดียวกัน พวกมันถูกแขนของยักษ์สวรรค์โจมตีโดยไม่คาดคิดและถูกทำลายในครั้งเดียว


 


เสียชีวิตทั้งหมด!


 


ฟางหยวนตะลึง


 


ผมที่หกตกใจมาก ‘นี่…มันกลายเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร!?’


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาตกตะลึงก่อนตะโกน “โจมตีได้ดี!”


 


ด้วยการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ยักษ์สวรรค์พังทลายลงขณะที่ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนได้รับบาดเจ็บทั้งหมดแต่ไม่มีผู้ใดเสียชีวิต


 


มนุษย์เงาสายฟ้าที่เหลืออยู่สามตนบินไปรอบๆ


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยารับมือพวกมันเพียงลำพัง


 


ผมที่หกแสดงออกด้วยความเสียใจและต้องการช่วยต่อสู้แต่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาสั่งให้เขาดูแลผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนคนอื่นๆ


 


หลังจากหนึ่งชั่วโมง ฟางหยวนประคองวิญญาณอมตะเปลี่ยนรูปลักษณ์ที่กำเนิดใหม่เอาไว้ในมือ


 


“ความพยายามครั้งแรกประสบความสำเร็จ!?”


 


ภาคกลาง ถ้ำนรกใต้พิภพ


 


“พรวด!”


 


อิงอู๋เซี่ยพ่นเลือดคำโตออกมาและล้มลงบนพื้น


 


เขาหมดสติทันที


 


ความพยายามครั้งสุดท้ายของเขาล้มเหลว!


เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1069 การเคลื่อนไหวของวังสวรรค์


แปลโดย iPAT 


 


ผีเสื้อสีเขียวบินลงมาเกาะบนปลายนิ้วของเทพธิดาจื่อเว่ย


 


เทพธิดาจื่อเว่ยมองผีเสื้อหยกตัวนี้และเผยรอยยิ้มบาง “นี่คือวิญญาณท่องแดนอมตะงั้นหรือ?”


 


ผู้อมตะหญิงชราที่อยู่ด้านข้างตอบอย่างไร้อารมณ์ “ถูกต้อง”


 


หญิงชราผู้นี้มีเส้นผมหยักศกสีเหลืองคล้ายข้าวสาลี ใบหน้าของนางเหี่ยวย่น ดวงตาพร่ามัว ตอนนี้นางอยู่ในชุดคลุมสีน้ำตาล


 


เทพธิดาจื่อเว่ยกล่าวด้วยการแสดงออกที่จริงใจ “มันเป็นเพียงวิญญาณอมตะระดับหกแต่ได้รับการหลอมรวมโดยปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมเช่นท่านยายชา นี่ถือเป็นเกียรติสำหรับมันอย่างแท้จริง”


 


ผู้อมตะหญิงชารผู้นี้เป็นสมาชิกวังสวรรค์ที่พึ่งตื่นขึ้นเร็วๆนี้


 


นางเป็นผู้อมตะระดับแปดที่มีอายุหลายพันปี นางถือเป็นผู้อาวุโสของวังสวรรค์และเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมที่หายาก


 


เทพธิดาจื่อเว่ยรู้จักนางเพียงเล็กน้อย


 


นางเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา นางสามารถอนุมานความลับมากมายจากเงื่อนงำเพียงเล็กๆ


 


นางรู้ว่ายายชาผู้นี้เหลืออายุขัยไม่มาก นางต้องจำศีลอยู่ในวังสวรรค์เพื่อชะลอเวลาตาย นางและเจ้าวังคนก่อนเป็นคนรุ่นเดียวกัน พวกเขากระทั่งเคยมีความสัมพันธ์กันเมื่อายุยังน้อย


 


ระหว่างการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน เจ้าวังคนก่อนเสียชีวิต นี่อาจเป็นเหตุผลที่ยายชายุติการจำศีลของตนและเลือกที่จะตื่นขึ้น


 


ยายชามองวิญญาณท่องแดนอมตะที่อยู่ในมือของเทพธิดาจื่อเว่ยและถอนหายใจ “ข้าเป็นเพียงหญิงชราที่กำลังจะตาย ข้าจะมีเกียรติอันใด? ด้วยการหลอมรวมวิญญาณท่องแดนอมตะดวงนี้ ข้าสามารถช่วยเจ้าจับฟางหยวนหรือไม่?”


 


การหลอมรวมวิญญาณท่องแดนอมตะต้องใช้แสงแรกกำเนิด แต่แสงแรกกำเนิดหาได้ยากแต่วังสวรรค์เป็นข้อยกเว้น


 


นี่คือกองกำลังอันดับหนึ่งของโลกมาอย่างยาวนาน


 


นิกายเมฆาวายุเป็นเพียงกองกำลังย่อยของวังสวรรค์ แต่พวกเขายังมีแสงแรกกำเนิด แล้ววังสวรรค์จะไม่มีได้อย่างไร


 


โดยไม่ต้องสงสัย ยายชาสามารถหลอมรวมวิญญาณท่องแดนอมตะได้โดยไร้ปัญหาเรื่องทรัพยากร


 


นี่คือรากฐานที่วังสวรรค์สะสมมาสามล้านปี!


 


คำตอบของยายชาทำให้เทพธิดาจื่อเว่ยยิ้ม “จากการอนุมาน ข้าสามารถรับประกันได้หกสิบส่วน”


 


ดวงตาของยายชาส่องประกายขึ้น “เจ้าและเจ้าวังคนก่อนเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาในระดับเดียวกัน ผลลัพธ์หกสิบส่วนเป็นโอกาสที่ต้องทดลอง”


 


เทพธิดาจื่อเว่ยพยักหน้าเบาๆ “กล่าวตามตรง ข้าอนุมานได้เพราะข้าได้รับเงื่อนงำบางอย่างโดยบังเอิญ ฟางหยวนครอบครองวิญญาณกาลเวลาและวิญญาณท่องแดนอมตะ นี่ไม่ใช่ความลับ แต่เมื่อเร็วๆนี้หลังจากจับกุมปีศาจอมตะกงซุนเหลียง พวกเราได้เรียนรู้ว่าผู้นำของเขายืมวิญญาณอมตะจากเขา ต่อมาพวกเราพยายามตรวจสอบตำแหน่งที่อยู่ของฟางหยวนและพบว่าหนึ่งในพวกเขาอยู่ที่แม่น้ำหม้อหลอมรวม ที่นิกายเมฆาวายุ ผู้อมตะฟงเฉินซื่อขโมยแสงแรกกำเนิดและขายมันให้กับคนนอก”


 


“ดังนั้นเจ้าจึงอนุมานว่าวิญญาณท่องแดนอมตะของฟางหยวนถูกทำลายไปแล้วถูกต้องหรือไม่?” ยายาชาถาม


 


“มันมีความเป็นไปได้แต่มองดูจากผลลัพธ์ มันถูกต้อง” เทพธิดาจื่อเว่ยตอบ


 


“วิญญาณกาลเวลาถูกผนึกขณะที่วิญญาณท่องแดนอมตะอยู่กับพวกเรา ด้วยวิธีนี้การจับกุมเขาก็จะง่ายขึ้น” ยายชากล่าว


 


เทพธิดาจื่อเว่ยส่ายศีรษะและถอนหายใจ “แม้เราจะมีวิญญาณท่องแดนอมตะ มันก็เป็นเพียงวิญญาณอมตะระดับหก มันมีประโยชน์น้อยมาก”


 


“นั่นถูกต้อง” ยายชาเห็นด้วย “มันแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้วิญญาณท่องแดนอมตะกลายเป็นวิญญาณอมตะระดับเจ็ดหรือแปด แสงแรกกำเนิดเป็นสิ่งสำคัญที่สุด กระทั่งวังสวรรค์ยังสามารถทดลองหลอมรวมวิญญาณท่องแดนอมตะระดับเจ็ดได้เพียงสามครั้ง สำหรับวิญญาณท่องแดนอมตะระดับแปด มันเป็นประวัติศาสตร์ไปแล้ว”


 


วิญญาณท่องแดนอมตะระดับหกไม่สามารถขนส่งผู้อมตะระดับเจ็ดโดยไม่ต้องกล่าวถึงผู้อมตะระดับแปด


 


เว้นเพียงผู้ใช้งานจะเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งห้วงมิติที่มีท่าไม้ตายอมตะบางอย่างเท่านั้น


 


แต่สถานการณ์ดังกล่าวหาได้ยาก


 


ยายชากล่าวต่อ “แท้จริงแล้ววังสวรรค์ของเราเคยเป็นเจ้าของวิญญาณท่องแดนอมตะมาแล้วหลายครั้ง ส่วนใหญ่เราจะมอบมันให้นิกายต่างๆเพื่อใช้งาน แต่เนื่องจากเหตุผลบางประการ พวกเรากลับสูญเสียวิญญาณท่องแดนอมตะไป ครั้งหนึ่งมันเคยอยู่ในมือของสมาชิกวังสวรรค์ ผู้อมตะเหลียงเหลียง เขาทำให้มันกลายเป็นวิญญาณอมตะระดับเจ็ด คนผู้นี้เป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งห้วงมิติ แต่หลังจากเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรแรกกำเนิด เขาเสียชีวิตในการต่อสู้ขณะที่วิญญาณท่องแดนอมตะระดับเจ็ดถูกทำลายไปพร้อมกัน”


 


วิญญาณท่องแดนอมตะเป็นสมบัติล้ำค่าของฟางหยวน แต่ในสายตาของวังสวรรค์ มันแทบไร้คุณค่า


 


ดังนั้นในสถานการณ์ปกติ วิญญาณท่องแดนอมตะจะถูกส่งต่อไปยันสิบนิกายโบราณของภาคกลาง


 


แต่ผู้ใดจะคิดว่าฟางหยวนจะสามารถหลอมรวมวิญญาณท่องแดนอมตะขึ้นมาและใช้มันสร้างปัญหามากมายให้กับโลกใบนี้


 


ยังคงต้องใช้คำกล่าวเดิม ไม่มีวิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุด มีเพียงผู้ใช้วิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุด


 


พลังอำนาจของวิญญาณไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวมันเองเท่านั้นแต่สิ่งสำคัญคือผู้ใช้วิญญาณ


 


เทพธิดาจื่อเว่ยกล่าวต่อ “ชิงหลอมรวมวิญญาณท่องแดนอมตะและผนึกวิญญาณกาลเวลาเป็นการตัดปีกของฟางหยวน หลังจากนี้ข้าจะพยายามค้นหาตำแหน่งที่อยู่ของฟางหยวนในภาคกลาง ท่านยายชา ข้าคงต้องขอให้ท่านช่วยหลอมรวมวิญญาณอมตะและซ่อมแซมหอคอยดวงตาสวรรค์”


 


ยายชาพยักหน้าและกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “เจ้าวังตาย ข้าไม่สามารถช่วยเขา แต่ข้าสามารถซ่อมแซมหอคอยดวงตาสวรรค์ ข้าแน่ใจว่าเขาจะสามารถนอนหลับอย่างสงบหลังประตูแห่งชีวิตและความตาย เอาล่ะ ลาก่อน”


 


หลังจากยายชาจากไป เทพธิดาจื่อเว่ยเรียกหาผู้อมตะหมื่นมังกร


 


“ฟงเฉินซื่อทำเรื่องผิดพลาดเพราะความเห็นแก่ตัว ดูเหมือนภาคกลางจะสงบสุขมานานเกินไป พวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้ทำลายชื่อเสียงของวังสวรรค์! ลงโทษเขา ให้เขาเฝ้าถ้ำมังกรเร้นเป็นเวลายี่สิบปี หากมังกรปีศาจเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย เขาต้องชดใช้ด้วยชีวิต” เทพธิดาจื่อเว่ยกล่าวเสียงเย็น


 


ผู้อมตะหมื่นมังกรพยักหน้าแต่ยังขมวดคิ้วบาง “แล้วเฒ่าเป่ยฟง?”


 


ฟงเฉินซื่อเป็นหลานของผู้อมตะเฒ่าเป่ยฟง เฒ่าเป่ยฟงผู้นี้มีความสามารถที่โดดเด่นและมีโอกาสก้าวเข้าเป็นสมาชิกของวังสวรรค์


 


เทพธิดาจื่อเว่ยยิ้ม “หากเฒ่าเป่ยฟงต้องการมาวังสวรรค์ ข้าจะต้อนรับเขาด้วยตนเอง แต่ตอนนี้หลานชายของเขาต้องไปดูแลถ้ำมังกรเร้น ด้วยการบ่มเพาะระดับหก เขาไม่สามารถรับมือมันด้วยตนเอง แต่วังสวรรค์กำลังขาดกำลังคน ไม่มีผู้ใดสามารถไปช่วยเขา ดังนั้นเราจะปล่อยให้เฒ่าเป่ยฟงไปช่วยหลานชายของเขา”


 


เทพธิดาจื่อเว่ยหยุนก่อนกล่าวต่อ “ข้าเรียกเจ้ามาที่นี่เพราะข้าอนุมานสมาชิกของนิกายท้าทายสวรรค์เรียบร้อยแล้ว ข้าต้องการให้เจ้าไปจับกุมพวกเขา หลังจากนั้นข้าจะค้นหาเงื่อนงำต่อไป”


 


“เข้าใจแล้ว” ผู้อมตะหมื่นมังกรรับคำสั่ง


 


ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญามีคุณสมบัติที่จะรับผิดชอบงานนี้ แน่นอนว่านางเป็นผู้นำวังสวรรค์เพียงชั่วคราวเท่านั้น


 


ผู้อมตะของวังสวรรค์มีสถานะเท่าเทียมกัน ตำแหน่งเจ้าวังต้องได้รับการตัดสินใจจากสมาชิกทั้งหมด เว้นเพียงจะมีเทพอมตะปรากฏตัวขึ้น แต่นั่นเป็นเรื่องยากที่จะเกิดขึ้น


 


“ยายชาซ่อมหอคอยดวงตาสวรรค์”


 


“หมื่นมังกรออกไปจับสมาชิกนิกายท้าทายสวรรค์”


 


“เว่ยหลิงหยางกำลังตรวจสอบสมาชิกของวังสวรรค์ เราไม่สามารถปล่อยให้สายลับเข้ามา”


 


“ตอนนี้ข้าต้องค้นหาตำแหน่งที่อยู่ของฟางหยวน เราไม่สามารถปล่อยเวลาให้ผ่านไป”


 


เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ คิ้วของเทพธิดาจื่อเว่ยยกขึ้นเล็กน้อย


 


นี่เกิดจากผลของการมนุมานครั้งล่าสุดของนาง ยิ่งนางอนุมาน นางก็ยิ่งรู้สึกถึงความเชื่อมโยงระหว่างฟางหยวนกับนิกายเงา


 


จากมุมมองของวังสวรรค์ เทพปีศาจจิตวิญญาณเป็นเป้าหมายหลัก พวกเขาไม่สามารถผ่อนคลายจนกว่าเทพปีศาจจิตวิญญาณจะตายอย่างสมบูรณ์


 


ตอนนี้ร่างหลักของเทพปีศาจจิตวิญญาณติดอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝันที่ภาคใต้ วังสวรรค์ไม่สามารถทำสิ่งใดนอกจากมองดูเขาเสียชีวิตอย่างช้าๆในอาณาจักรแห่งความฝัน


 


ดังนั้นวังสวรรค์จึงมุ่งเน้นไปที่ฟางหยวนกับนิกายเงาเพื่อตัดกำลังเสริมที่จะให้ความช่วยเหลือเทพปีศาจจิตวิญญาณ


 


กองกำลังย่อยของนิกายเงาที่เหลืออยู่กำลังถูกโจมตีโดยผู้คนที่เทพธิดาจื่อเว่ยส่งออกไป


 


ฟางหยวนเป็นจุดสนใจของนางในปัจจุบัน วิญญาณท่องแดนอมตะไม่ใช่ปัญหา แต่วิญญาณกาลเวลาต่างออกไป


 


หากฟางหยวนย้อนกลับไปในอดีต สิ่งใดจะเกิดขึ้น?


 


ภาคกลาง ถ้ำนรกใต้พิภพ


 


อิงอู๋เซี่ยตื่นขึ้นอย่างช้าๆ


 


“เกิดสิ่งใดขึ้น? นี่คือ…” อิงอู๋เซี่ยมึนงง


 


เขาค่อยๆปรับสายตาและฟื้นคืนสติ


 


“บัดซบ! ข้าล้มเหลวในการหลอมรวมวิญญาณท่องแดนอมตะ! หลังจากใช้ไพ่ตาย โชคของข้าเพิ่มขึ้นอย่างมาก แล้วเหตุใดข้าจึงไม่ประสบความสำเร็จ?” อิงอู๋เซี่ยกำหมัดแน่น


 


เขารู้สึกถึงความสูญเสียและไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อไป


 


ทันใดนั้นค่ายกลวิญญาณพลันเกิดการสั่นสะเทือนขึ้นอย่างกะทันหัน


 


“โอ้ ไม่! นี่คือการอนุมานจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา ค่ายกลวิญญาณกำลังต่อต้านมัน!” ใบหน้าของอิงอู๋เซี่ยกลายเป็นซีดเผือด


เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1070 สังเวยตัวหมากเบี้ย


แปลโดย iPAT 


 


ในภาคกลาง ผู้ใดกำลังอนุมานเกี่ยวกับอิงอู๋เซี่ย?


 


ความคิดแรกของอิงอู๋เซี่ยคือวังสวรรค์


 


กองกำลังอันดับหนึ่งของโลกผู้อมตะมาตั้งแต่ยุคบรรพกาล


 


มันเป็นกองกำลังที่เทพปีศาจสามคนยังไม่สามารถพลิกคว่ำ


 


กระทั่งเทพปีศาจจิตวิญญาณก็ไม่พยายามโจมตีวังสวรรค์


 


ค่ายกลวิญญาณกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อป้องกันการอนุมานจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาและเริ่มแสดงร่องรอยของการพังทลาย


 


‘ในเวลาอันสั้น ผู้ใดที่ทำให้ค่ายกลวิญญาณทำงานหนักถึงเพียงนี้? มีเพียงผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของวังสวรรค์เท่านั้นที่สามารถทำได้!’ การแสดงออกของอิงอู๋เซี่ยเปลี่ยนแปลงไป


 


อิงอู๋เซี่ยเป็นความหวังสุดท้ายของเทพปีศาจจิตวิญญาณ เขาตระหนักถึงภาระอันหนักหน่วงนี้


 


โดยปราศจากวิญญาณท่องแดนอมตะ เขาจะถูกไล่ล่าโดยผู้อมตะจำนวนมากของวังสวรรค์และอาจตกตายได้อย่างง่ายดาย


 


‘มันไม่เป็นไรหากข้าตาย แต่ร่างหลักของข้าจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง สุดท้ายพวกเราจะตายไปจริงๆ!’


 


อิงอู๋เซี่ยพยายามปลุกขวัญกำลังใจของตนเองก่อนจะใช้พลังงานอมตะสนับสนุนค่ายกลวิญญาณ


 


ค่ายกลวิญญาณเริ่มเกิดเสถียรภาพมากขึ้น เสียงแตกร้าวเริ่มบางเบาลง


 


ด้วยการควบคุมจากผู้อมตะ พลังอำนาจของค่ายกลวิญญาณจะก้าวเข้าสู่อีกระดับหนึ่ง


 


ก่อนหน้านี้ค่ายกลวิญญาณไม่ได้ถูกควบคุมโดยอิงอู๋เซี่ยแต่มันยังสามารถต่อต้านการอนุมานของเทพธิดาจื่อเว่ย


 


ตอนนี้ด้วยการสนับสนุนของอิงอู๋เซี่ย มันจึงทรงพลังขึ้นมากกว่าสิบเท่า แต่สถานการณ์ของอิงอู๋เซี่ยยังเลวร้ายลงเรื่อยๆ


 


เขาพึ่งฟื้นและอยู่ในสภาพที่ไม่ดีนัก


 


เนื่องจากความล้มเหลวในการหลอมรวมวิญญาณอมตะรวมถึงการใช้ท่าไม้ตายอมตะช่วยเพิ่มโชค จิตวิญญาณของเขาจึงได้รับบาดเจ็บสาหัส


 


หลังจากตื่นขึ้น เขายังต้องควบคุมค่ายกลวิญญาณโดยไม่สามารถหยุดพัก เขาไม่มีเวลาแม้แต่จะรักษาอาการบาดเจ็บของตน


 


อิงอู๋เซี่ยเริ่มรู้สึกมึนงงขณะที่ร่างกายสั่นสะท้านและแทบจะสลบไปอีกครั้ง


 


“ไม่! ค่ายกลวิญญาณยากที่จะควบคุม พวกเราต้องต่อต้านการอนุมานของผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา พลังจิตของข้าอยู่ในจุดต่ำสุด ข้าไม่สามารถต่อต้านได้อีกต่อไป!’


 


หัวใจของอิงอู๋เซี่ยจมดิ่งลง


 


“ซื่อหนิว! ไห่ลั่วหลัน!” อิงอู๋เซี่ยเรียกและบอกวิธีควบคุมค่ายกลวิญญาณให้กับคนทั้งสอง


 


หลังจากชั่วครู่เขาก็ไม่สามารถอดทนและสลบไปในที่สุด


 


“นายท่าน!” ซื่อหนิวภักดีมาก หลังจากเข้าควบคุมค่ายกลวิญญาณ เขาพบว่าสถานการณ์ของอิงอู๋เซี่ยไม่ดีนัก ดังนั้นเขาจึงใช้ค่ายกลวิญญาณรักษาอิงอู๋เซี่ย


 


ไห่ลั่วหลันรับผิดชอบเรื่องการป้องกันการอนุมานของเทพธิดาจื่อเว่ย


 


สถานการณ์เริ่มดีขึ้นอีกครั้ง


 


อิงอู๋เซี่ยตื่นขึ้นและถาม “ข้าสลบไปนานเท่าใด?”


 


ซื่อหนิวตอบ “สองวันสามคืน”


 


“การอนุมานหยุดลงหรือยัง?” อิงอู๋เซี่ยถามต่อ


 


“ไม่แม้แต่ครั้งเดียว” ไห่ลั่วหลันถ่ายทอดเสียง


 


การแสดงออกของอิงอู๋เซี่ยกลายเป็นมืดมน “อนุมานสองวันสามคืนโดยไม่หยุดพัก ฝ่ายตรงข้ามต้องเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของวังสวรรค์อย่างแน่นอน ความสามารถของคนผู้นี้ไม่ด้อยกว่าเจ้าวังคนก่อน ฮืม…วังสวรรค์…”


 


รากฐานของวังสวรรค์แข็งแกร่งเกินไป


 


มันถูกปกครองโดยเทพอมตะสามคนและมีผู้อมตะระดับแปดอีกนับไม่ถ้วน นิกายเงาอาจก่อตั้งมากนับแสนปี แต่มันยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับวังสวรรค์


 


ด้วยการทำงานอย่างหนัก นิกายเงาสามารถส่งเหลียนจิวเฉิงเข้าไปเป็นสายลับในวังสวรรค์


 


แต่เหลียนจิวเฉิงยังไม่ได้รับข้อมูลของวังสวรรค์มากนัก


 


หลังจากทั้งหมดผู้อมตะของวังสวรรค์ส่วนใหญ่จะจำศีลและไม่ค่อยปรากฏตัว


 


อย่างไรก็ตามนิกายเงายังล่วงรู้หลายสิ่ง


 


ประการแรก วิญญาณชะตากรรมได้รับความเสียหายอย่างหนัก


 


ด้วยการใช้วิญญาณชะตากรรมระดับเก้าเป็นแกนกลาง วังสวรรค์สามารถใช้คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเก้าหอคอยดวงตาสวรรค์จับกุมผู้หลบหนีจากโชคชะตาของทั้งห้าภูมิภาครวมถึงสวรรค์สีขาวและสวรรค์สีดำ


 


ประการที่สอง ถ้ำสวรรค์ของวังสวรรค์ไร้ภัยพิบัติเพราะมันกลืนกินเศษชิ้นส่วนของสวรรค์เจ็ดชั้นเข้าไปเป็นจำนวนมาก


 


ประการสุดท้าย ผู้อมตะของวังสวรรค์ประสบความสำเร็จในการทำวิจัยมิติช่องว่างอมตะและได้รับข้อมูลในเชิงลึก กระทั่งเทพปีศาจจิตวิญญาณยังรู้สึกอัศจรรย์ใจ


 


ผู้อมตะของวังสวรรค์จะผสานมิติช่องว่างของพวกเขาเข้ากับถ้ำสวรรค์ของวังสวรรค์ เมื่อพวกเขาออกจากถ้ำสวรรค์ พวกเขาจะได้รับมิติช่องว่างภูตผีสำหรับจัดเก็บพลังงานอมตะและวิญญาณ


 


นี่เป็นหนึ่งในความลับสุดยอดของวังสวรรค์และเป็นผลงานของเทพอมตะแรกกำเนิด


 


หลังจากผู้อมตะระดับแปดผสานมิติช่องว่างของตนเข้ากับถ้ำสวรรค์ของวังสวรรค์ พวกเขาจะเป็นอิสระจากภัยพิบัติ พวกเขายังสามารถเข้าสู่การจำศีลเพื่อรักษาอายุขัยของตนเอง


 


วังสวรรค์ดำรงอยู่มาถึงสามล้านปี ถ้ำสวรรค์ของพวกเขาคือการหลอมรวมมิติช่องว่างของเทพอมตะสามคนตลอดจนผู้อมตะระดับแปดอีกนับไม่ถ้วน


 


ดังนั้นขนาดและทรัพยากรของถ้ำสวรรค์แห่งนี้จึงไม่สามารถคาดคำนวณ นี่ทำให้พวกเขาไม่ต้องพึ่งพาทรัพยากรของโลกภายนอก


 


ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่ามีผู้อมตะระดับแปดจำศีลอยู่ที่นั่นมากเท่าใด


 


แต่ทุกคนก็เข้าใจตรงกันว่ามันเป็นจำนวนที่น่าสะพรึงกลัวมาก


 


วิญญาณอายุยืนเป็นวิธียืดอายุที่ดีที่สุดมาตั้งแต่ยุคแรกกำเนิด แน่นอนว่าวิธีจำศีลของวังสวรรค์มีจุดอ่อนเช่นกัน แต่เหลียนจิวเฉิงยังไม่รู้จุดอ่อนดังกล่าว นี่เป็นหนึ่งในความเสียใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเทพปีศาจจิตวิญญาณ


 


หากเปรียบเทียบกับวังสวรรค์ นิกายเงายังอ่อนแอเกินไป พวกเขาไม่ต่างจากยอดภูเขาน้ำแข็งขณะที่กองกำลังพันธมิตรผีดิบเป็นเพียงก้อนน้ำแข็งที่กระจายอยู่รอบๆ ในทางตรงข้ามวังสวรรค์ไม่ต่างจากมหาสมุทรที่โอบล้อมภูเขาน้ำแข็งเอาไว้ มันทั้งลึกและกว้างใหญ่


 


“นายท่าน พวกเราจะทำอย่างไรต่อไป?” ซื่อหนิวถาม


 


อิงอู๋เซี่ยจมลงสู่ความเงียบ


 


เขาต้องเค้นสมองคิด!


 


การอนุมานของเทพธิดาจื่อเว่ยเหมือนหอกที่คอยทิ่มแทงค่ายกลวิญญาณของอิงอู๋เซี่ย


 


แม้มันจะสามารถต่อต้านการอนุมาน แต่ด้วยสิ่งนี้ค่ายกลวิญญาณจึงไม่สามารถทำงานอื่น เพราะเพียงแค่ป้องกัน มันก็แทบจะถึงขีดจำกัดแล้ว


 


‘วังสวรรค์เล็งเป้ามาที่ข้า พวกเขาไม่เพียงต้องการกำจัดนิกายเงาแต่ยังไล่ล่าฟางหยวน ร่างกายของข้าเป็นร่างเดิมของฟางหยวน นี่เหมือนการปกป้องเขาจากภัยพิบัติ’


 


‘มันแปลกมากที่ข้าไม่สามารถหลอมรวมวิญญาณท่องแดนอมตะ โชคของข้าดีมากแต่ข้ากลับล้มเหลว แม้โชคของข้าจะถูกแบ่งให้กับฟางหยวน สถานการณ์ของข้าก็ยังดีกว่าเขา แต่ข้าก็ยังล้มเหลว บางทีวิญญาณท่องแดนอมตะอาจถูกบางคนชิงหลอมรวมไปแล้ว หากเป็นเช่นนั้น มันก็น่าจะเป็นวังสวรรค์!’


 


ผมที่หกได้ส่งจดหมายขอโทษมายังอิงอู๋เซี่ย ดังนั้นอิงอู๋เซี่ยจึงเข้าใจสถานการณ์ของฟางหยวนอย่างชัดเจน


 


‘ดูเหมือนมีเพียงต้องสังเวยตัวหมากเบี้ยเพื่อช่วยราชาเท่านั้น!’


 


อิงอู๋เซี่ยตัดสินใจเสียสละเพื่อโอกาสในการหลบหนี


 


เทพธิดาจื่อเว่ยกำลังต่อสู้กับค่ายกลวิญญาณ ด้วยวิธีนี้อิงอู๋เซี่ยจะมีโอกาสหลบหนีออกจากภาคกลาง


 


กองกำลังที่เหลืออยู่ในภาคกลางของนิกายเงามีน้อยเกินไป การเดินทางไปยังภูมิภาคอื่นจะช่วยเขาได้มากกว่า


 


‘ข้าล้มเหลวในการหลอมรวมวิญญาณท่องแดนอมตะแต่ข้าเป็นผีดิบอมตะระดับหกในจุดต่ำสุด มันง่ายกว่าสำหรับข้าที่จะเดินทางผ่านกำแพงภูมิภาคหากเปรียบเทียบกับผู้อมตะระดับเจ็ดหรือแปด ตอนนี้ข้าต้องทำงานอย่างหนักเพื่อเดินทางไปทั้งสี่ภูมิภาคและรวบรวมกองกำลังที่เหลืออยู่ของข้า แม้วังสวรรค์จะมีวิญญาณท่องแดนอมตะระดับหก แต่ผู้อมตะระดับแปดก็ไม่สามารถใช้มัน หอคอยดวงตาสวรรค์ถูกทำลายไปแล้ว พวกเขาไม่สามารถตามจับข้าได้อย่างง่ายดาย’


 


‘ข้าทำได้เพียงละทิ้งสถานที่แห่งนี้! เพื่อควบคุมค่ายกลวิญญาณ อย่างน้อยต้องใช้ผู้อมตะระดับหกสองคนหรือผู้อมตระดับเจ็ดหนึ่งคน…’


 


อิงอู๋เซี่ยคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และตัดสินใจละทิ้งซื่อหนิว เขาจะนำไท่เป่ยหยุนเฉิงกับไห่ลั่วหลันไปด้วย


 


ความภักดีไม่ใช่สาระสำคัญ แต่เหตุผลหลักคือเขาต้องเดินทางผ่านกำแพงภูมิภาคหลายครั้ง การบ่มเพาะระดับเจ็ดของซื่อหนิวจะกลายเป็นภาระ


 


ดังนั้นอิงอู๋เซี่ยจึงตัดสินใจสังเวยซื่อหนิว


 


ซื่อหนิวไม่คัดค้านเรื่องนี้ เขาภักดีมาก เขากระทั่งมอบวิญญาณและเผ่ามนุษย์หินของเขาให้กับอิงอู๋เซี่ย


 


มิติช่องว่างของอิงอู๋เซี่ยตายไปแล้ว เขาต้องเก็บเผ่ามนุษย์หินไว้ในมิติช่องว่างของไห่ลั่วหลันและปล่อยให้พวกมันใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น


 


ซื่อหนิวถูกทิ้งไว้เพื่อดึงดูดความสนใจของฝ่ายตรงข้ามขณะที่อิงอู๋เซี่ยนำไห่ลั่วหลันกับไท่เป่ยหยุนเฉิงจากไปโดยมีเป้าหมายอยู่ที่กำแพงภูมิภาคที่ใกล้ที่สุด

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)