เทพปีศาจหวนคืน 1062-1064
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1062 จุดอ่อนของชูตู๋
แปลโดย iPAT
เมื่อได้ยินว่าฟางหยวนต้องการวิญญาณอมตะดาบบินกลับคืน ชูตู๋ยิ้มและกล่าว “ตราบเท่าที่เราประสบความสำเร็จในการทำธุรกรรม ไม่เพียงข้าจะส่งคืนวิญญาณอมตะของเจ้า ข้ายังจะมอบค่าตอบแทนที่น่าพอใจให้เจ้าอีกด้วย”
แน่นอนว่าเขาต้องเก็บวิญญาณอมตะดาบบินเอาไว้เพื่อควบคุมฟางหยวน
ชูตู๋จะคืนมันได้อย่างไร
เขาแสดงออกด้วยความอบอุ่นและเป็นมิตร แต่เขาเข้าใจสถานการณ์อย่างชัดเจน
ฟางหยวนหัวเราะและไม่รู้สึกผิดหวัง
เขารู้คำตอบอยู่แล้ว ดังนั้นการแสดงออกของเขาจึงเปลี่ยนเป็นเย็นชา “ท่านชูตู๋ ท่านไม่มีความจริงใจ! เช่นนั้นก็ลืมเรื่องนี้ไปได้เลย!”
หลังกล่าวจบคำ เขาใช้วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าทันที
“สหาย โปรดรอก่อน!” การแสดงออกของชูตู๋เปลี่ยนไป เขารีบไล่ตาม
ฟางหยวนเคลื่อนที่เป็นเส้นตรงขึ้นสู่ท้องฟ้า หลังจากชั่วครู่ร่างของชูตู๋จึงปรากฏขึ้นด้านหลัง
‘ท่าไม้ตายอมตะสายเคลื่อนไหว…’
ฟางหยวนมองกลับไปและรู้สึกถึงกลิ่นอายของวิญญาณจำนวนมากที่ปะทุออกมาจากร่างของชูตู๋
นอกจากนั้นมันยังเป็นท่าไม้ตายอมตะสายเคลื่อนไหวระดับเจ็ดที่เร็วกว่าวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ!
หัวใจของฟางหยวนจมดิ่งลง สถานการณ์นี้ไม่เป็นผลดีต่อเขา
ในความเป็นจริงเขาคาดหวังกับวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติค่อนข้างมาก หลังจากทั้งหมดกระทั่งสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาลก็ไม่สามารถติดตามความเร็วของเขา
แต่ผู้ใดจะคิดว่าจักรพรรดิอมตะชูตู๋จะมีท่าไม้ตายอมตะด้านการบินที่รวดเร็วกว่าวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ
‘ข้าเกรงว่าในช่วงร้อยปีที่ผ่านมาชูตู๋จะได้รับความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งมากมายและมีความสำเร็จบนเส้นทางความแข็งแกร่งที่เกินกว่าจะจินตนาการถึง’
‘เมื่อวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติไม่มีประโยชน์ เช่นนั้นก็ลองใช้ท่าไม้ตายอมตะแม่น้ำเลือด’
ฟางหยวนหยุดใช้วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติและเปลี่ยนเป็นท่าไม้ตายอมตะแม่น้ำเลือด
กระแสเลือดพุ่งผ่านท้องฟ้าราวกับอสรพิษสีแดงที่เลื้อยคลานอยู่กลางอากาศ
ฟางหยยวนหันหลังกลับและบินไปทางด้านซ้าย
การเคลื่อนไหวของเขาเป็นไปได้อย่างราบรื่น นี่ทำให้เขารู้สึกพอใจ ‘ข้าลดวิญญาณระดับมนุษย์ลง มันช่วยลดความล้มเหลวขณะที่ข้าสามารถใช้มันได้เร็วขึ้น ทั้งหมดต้องขอบคุณการฝึกฝนอย่างหนักของข้า’
ความคิดเหล่านี้พุ่งผ่านจิตใจของฟางหยวนแต่ความสนใจส่วนใหญ่ของเขายังอยู่ที่จักรพรรดิอมตะชูตู๋
ฟางหยวนเปลี่ยนทิศทางเพื่อตรวจสอบการตอบสนองของชูตู๋
‘หากชูตู๋สามารถติดตามข้า ข้าจะหยุดและเจรจากับเขา’
ฟางหยวนวางแผนสำหรับสถานการณ์เลวร้ายที่สุด แต่ชูตู๋เหมือนรถไฟหัวกระสุนที่พุ่งผ่านฟางหยวนไป
หลังจากหลายสิบลี้ ความเร็วของชูตู๋ก็เริ่มลดลงจนหยุดนิ่ง
จากนั้นเขาก็ระเบิดความเร็วพุ่งเข้าหาฟางหยวนอีกครั้ง
ความเร็วของเขาสูงขึ้นเรื่อยๆกระทั่งเหนือกว่าความเร็วของวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ
ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้นขณะที่เขาใช้ท่าไม้ตายอมตะแม่น้ำเลือดเปลี่ยนทิศทาง
สถานการณ์เดิมเกิดขึ้นอีกหน
จักรพรรดิอมตะชูตู๋บินผ่านเขาไป
ฟางหยวนมีความสุขมาก
เขากังวลเกี่ยวกับวิธีการบินเป็นเส้นตรงของวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ ดังนั้นเขาจึงคิดค้นท่าไม้ตายอมตะแม่น้ำเลือดเพื่อปิดจุดอ่อนนี้
อย่างไรก็ตามจุดอ่อนนี้ยิ่งร้ายแรงกว่าสำหรับจักรพรรดิอมตะชูตู๋
สถานการณ์เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ฟางหยวนคิดอย่างรวดเร็วก่อนตัดสินใจหยุดเคลื่อนไหว
มันง่ายมากที่จะหลบหนีจากชูตู๋ ตราบเท่าที่เขาระวังตัว เขาจะไม่ล้มเหลว
“น่าสนใจ” ฟางหยวนพึมพำ
ชูตู๋มีความสุขเมื่อเห็นฟางหยวนหยุดบิน เขาคิด ‘ดูเหมือนวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งดาบที่อยู่กับข้ายังมีประโยชน์ เขากำลังพิจารณามันอีกครั้ง!’
ฟางหยวนรอให้ชูตู๋บินเข้ามาหาก่อนจะยกมือขึ้น “หยุดและมาคุยกันในระยะห่างนี้’
ฟางหยวนระวังตัวมาก แม้เขาจะมีข้อได้เปรียบด้านการเคลื่อนไหวแต่มันจะดีกว่าหากรักษาระยะห่างเอาไว้
ชูตู๋หยุดและเผยรอยยิ้มน่าสงสารเล็กน้อย
ฟางหยวนกล่าว “พี่ชูช่างน่าเหลือเชื่อนัก ข้าได้เปิดหูเปิดตาจริงๆ ท่าไม้ตายนี้ยอดเยี่ยมมาก กระทั่งวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งดาบของข้ายังไม่สามารถเปรียบเทียบ”
“ท่าไม้ตายนี้เรีกยว่าการเดินทางด้วยความแข็งแกร่งของตนเอง ข้าสร้างมันขึ้นมาหลังจากใช้ความพยายามอย่างหนัก มันสามารถเพิ่มความเร็วของข้าโดยใช้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางความแข็งแกร่ง แต่มันมีจุดอ่อนที่ไม่สามารถเปลี่ยนทิศทาง ข้าไม่ได้ฝึกฝนมันมามากพอ ข้าใช้มันในวันนี้เพราะความตื่นตระหนก ช่างน่าอับอายนัก” ชูตู๋ยอมรับความอ่อนแอของตนเองอย่างตรงไปตรงมา
ฟางหยวนพยักหน้าด้วยการแสดงออกที่จริงจัง “พี่ชูทรงพลังมากในการต่อสู้ มีไม่กี่คนที่สามารถบังคับให้พี่ชูใช้ท่าไม้ตายนี้เพื่อล่าถอย”
“ขอบคุณสำหรับคำชม โลกของผู้อมตะกว้างใหญ่ ชื่อเสียงของข้ายังไม่ถือเป็นสิ่งใด แต่ยิ่งข้าฝึกฝนมากเท่าใด ข้าก็ยิ่งตระหนักถึงความไม่ดีพอของตนเอง ภาคเหนือมีผู้อมตะระดับแปดห้าคน ท่ามกลางผู้อมตะระดับเจ็ด น้องชายเป็นหนึ่งในคนที่ทำให้ข้าต้องระวังตัว แต่น่าละอายใจนักที่ข้าไม่รู้กระทั่งชื่อเสียงอันทรงเกียรติของน้องชาย” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น
คำกล่าวของชูตู๋ไม่เพียงสุภาพมากขึ้นแต่มันยังเป็นความคิดที่แท้จริงของเขา
ฟางหยวนไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับจักรพรรดิอมตะชูตู๋มากนัก แต่ชูตู๋ยิ่งรู้เรื่องของฟางหยวนน้อยกว่า
หลังจากฟางหยวนใช้วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ ความเร็วของเขาทำให้ชูตู๋ตกใจ
ชูตู๋เป็นผู้อมตะระดับเจ็ดที่มีประสบการณ์ เขามีวิธีการเคลื่อนไหวมากมาย แต่หากเปรียบเทียบกับวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ พวกมันยังด้อยกว่า มีเพียงท่าไม้ตายอมตะการเดินทางด้วยความแข็งแกร่งของตนเองเท่านั้นที่สามารถใช้งานในสถานการณ์นี้
การคาดเดาของฟางหยวนถูกต้อง ท่าไม้ตายอมตะการเดินทางด้วยความแข็งแกร่งของตนเองถูกสร้างขึ้นเพื่อหลบหนี
ชูตู๋เก็บตัวมาตลอดหลายปี ข้อมูลของเขาจึงไม่ถูกเผยแพร่ออกไป
ขณะที่ฟางหยวนพยายามตรวจสอบข้อมูลของชูตู๋ ชูตู๋ก็พยายามตรวจสอบฟางหยวนเช่นกัน
แต่เขาไม่มีกำไร
ในมุมมองของเขา ฟางหยวนเหมือนกระโดดออกมาจากความว่างเปล่า บุคคลเช่นนี้ไม่เคยปรากฏมาก่อนในภาคเหนือ
ยังไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องอื่น เพียงกลิ่นอายของฟางหยวนก็แปลกมากแล้ว เดิมทีชูตู๋คิดว่าฟางหยวนเป็นผู้อมตะระดับหกแต่ตอนนี้ฟางหยวนกลับปลดปล่อยกลิ่นอายของผู้อมตะระดับเจ็ด
อย่างไรก็ตามกลิ่นอายของฟางหยวนบอกว่าเขาเป็นผู้อมตะของภาคเหนืออย่างชัดเจน
แต่เขาฝึกฝนบนเส้นทางแห่งเลือดหรือเส้นทางแห่งดาบ?
นี่คือคำถามที่ชูตู๋อยากรู้มาก
หลังจากทั้งหมดเส้นทางทั้งสองไม่เกี่ยวข้องกันแม้แต่น้อย! หากเป็นเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ เส้นทางแห่งทาส เส้นทางแห่งกฎ หรือเส้นทางแห่งปัญญา มันยังเป็นเรื่องที่เข้าใจได้
แต่เส้นทางแห่งเลือดกับเส้นทางแห่งดาบ?
เขาไม่กลัวว่าพวกมันจะต่อต้านกันงั้นหรือ?
ไม่เพียงฟางหยวนจะมีวิญญาณอมตะระดับเจ็บบนเส้นทางแห่งดาบ เขายังมีท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งเลือด นี่ทำให้ชูตู๋อ้าปากค้างด้วยความตกใจ
นอกจากนั้นหากเขาบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งเลือดหรือเส้นทางแห่งดาบ เหตุใดเขายังต้องการความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง?
ชูตู๋เค้นสมองคิดอย่างหนักก่อนจะจบลงด้วยความล้มเหลว
สิ่งสำคัญอีกประการก็คือการดึงความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งออกมาควรต้องใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญา
นั่นหมายความว่าความสำเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาของเขาก็ไม่ต่ำต้อยเช่นกัน!
ในการติดตามครั้งนี้ แม้จะเป็นช่วงเวลาที่สั้นมาก แต่ชูตู๋ก็ไม่สามารถตามจับฟางหยวน
เมื่อเห็นฟางหยวนไม่หลบหนีไปแต่หยุด ชูตู๋รู้สึกหัวใจเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น
ความแข็งแกร่งตัดสินทุกสิ่ง ดังนั้นตอนนี้ชูตู๋จึงปฏิบัติต่อฟางหยวนอย่างเท่าเทียม
ฟางหยวนเงียบก่อนจะเปิดปากกล่าวอีกครั้ง “แท้จริงแล้วมันเป็นไปไม่ได้ที่จะทำธุรกรรม…”
ชูตู๋ไม่ได้ตอบแต่ดวงตาของเขาลุกเป็นไฟ
แต่หลังจากนั้นฟางหยวนกลับหยุดกล่าวและแสดงออกราวกับกำลังคิดบางสิ่ง
ชูตู๋ไม่สามารถอดทนได้อีกและเป็นฝ่ายเปิดปากถาม “ข้าเชื่อว่าด้วยความมั่งคั่งของข้าจะทำให้เจ้าพอใจอย่างแน่นอน”
ฟางหยวนมองชูตู๋ก่อนกล่าว “ท่านไม่ได้เข้าร่วมการประมูลครั้งใหญ่ของภาคเหนือเมื่อเร็วๆนี้งั้นหรือ?”
การแสดงออกของชูตู๋สงบลง เขาถาม “เจ้าเข้าร่วมการประมูลด้วยงั้นหรือ?”
“ถูกต้อง” ฟางหยวนยอมรับ ‘ระหว่างการประมูล ข้ากระทั่งใช้ประโยชน์จากเจ้า’ แน่นอนว่าประโยคหลังอยู่ในความคิดของฟางหยวนเท่านั้น
“เจ้าต้องการสิ่งใด?” ชูตู๋กระตุ้น
“เป็นเรื่องยากที่จะกล่าวออกมา” ฟางหยวนถอนหายใจ เขาขมวดคิ้วและแสดงออกด้วยท่าทางลำบากใจ
ชูตู๋รู้สึกไม่สามารถอดทน
หากเป็นผู้อื่น เขาคงลงมือไปแล้ว
“ไม่มีสิ่งใดที่ไม่สามารถกล่าว แม้ข้าจะไม่มีในเวลานี้ แต่ข้าจะพยายามหามาให้เจ้า” ชูตู๋กล่าว
เขาตัดสินใจที่จะไม่สนค่าใช้จ่าย
ฟางหยวนถอนหายใจอีกครั้ง “ข้าพูดเช่นนั้นเพราะข้ายังไม่ได้คิดว่าจะแลกเปลี่ยนสิ่งใดกับพี่ชู”
ชูตู๋โกรธมาก
ฟางหยวนแสดงท่าทางลำบากใจเพียงเพราะเขายังไม่ได้ตัดสินใจงั้นหรือ?
ชูตู๋ขมวดคิ้วและกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “เจ้าอยู่ที่นี่เพียงเพราะต้องการล้อข้าเล่นงั้นหรือ?”
“พี่ชูอย่าพึ่งโกรธ ไม่ใช่อย่างแน่นอน!” ฟางหยวนเร่งกล่าว “ผู้อมตะต้องผ่านภัยพิบัติเป็นครั้งคราว พวกเรามีความต้องการอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ข้าเพียงยังไม่ได้คิดว่าสิ่งใดจะมีประโยชน์ต่อการบ่มเพาะของข้ามากที่สุดเท่านั้น สำหรับตอนนี้ ให้เวลาข้าคิดอย่างถี่ถ้วน แล้วข้าจะกลับมาตอบพี่ชูภายหลัง”
ใบหน้าของชูตู๋กลายเป็นน่าเกลียด แต่หลังจากไตร่ตรอง เขาต้องพยักหน้ายอมรับอย่างช่วยไม่ได้ “ตกลง”
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1063 เส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง
แปลโดย iPAT
ร่างของฟางหยวนบินหายไปที่เส้นขอบฟ้า
“ปล่อยเขาไปเช่นนี้เป็นเรื่องถูกต้องหรือไม่?” ชูตู๋หรี่ตามอง
แต่ในไม่ช้าเขาก็เผยรอยยิ้มขมขื่นกับตนเอง “แม้ข้าจะไม่ต้องการปล่อยเขา แต่ข้าจะทำสิ่งใดได้?”
“ทักษะของข้าไม่สามารถจับตัวเขา”
“กระทั่งข้าจะสามารถจับเขาและใช้กำลังบีบบังคับ เขาก็ยังสามารถทำลายวิญญาณทั้งหมดของตน”
“แต่จากท่าทีของเขา ดูเหมือนเขาจะต้องการทำธุรกรรมกับข้าเช่นกัน มิฉะนั้นเขาคงจากไปนานแล้ว เหตุใดเขาต้องหยุดพูดคุยกับข้า?”
หลังจากไตร่ตรอง ชูตู๋รู้สึกถึงความจริงใจของฟางหยวน แม้ฟางหยวนจะไม่กล่าวถึงจุดสำคัญใดๆ แต่ชูตู๋กลับรู้สึกถึงความจริงใจโดยที่ฟางหยวนไม่จำเป็นต้องเอ่ยคำสัญญา
แน่นอนว่าความมั่นใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของชูตู๋ไม่ได้อยู่ที่ทัศนคติของฟางหยวนแต่เป็นวิญญาณอมตะดาบบินที่อยู่ในมือเขา
“นี่คือวิญญาณอมตะระดับเจ็ด!”
กระทั่งชูตู๋ก็ยังมีวิญญาณอมตะระดับเจ็ดในการครอบครองไม่มาก แล้วฟางหยวนจะจากไปโดยไม่สนใจมันได้อย่างไร
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเตรียมผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนรอรับฟางหยวนอยู่แล้ว
ดังนั้นฟางหยวนจึงสามารถกลับแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาได้อย่างไม่มีปัญหา
“เจ้ามีวิญญาณโชคอึสุนัขแต่เจ้ายังพบชูตู๋ นี่ไม่ใช่เรื่องปกติ บางคนกำลังต่อต้านเจ้าอยู่หรือไม่?” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาถามฟางหยวนอย่างตรงไปตรงมา
ฟางหยวนขมวดคิ้ว เขาพิจารณาคำถามนี้มานานแล้วเช่นกัน
‘ด้วยวิญญาณโชคอึสุนัข โชคของข้าย่อมไม่เลวร้าย แต่ภัยพิบัติพิภพรุนแรงเกินไป โชคของข้าจึงถูกใช้เพื่อรับมือภัยพิบัติงั้นหรือ?’ ฟางหยวนคาดเดาแต่เขาไม่สามารถกล่าวออกมา
เขาเป็นผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขณะที่นิกายหลางหยาเป็นองค์กรของเผ่าพันธุ์อื่น
เช่นเดียวกับก่อนหน้า เมื่อฟางหยวนรีบร้อนเดินทางออกจากชายแดนภาคใต้ จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาฉวยโอกาสแสวงหาประโยชน์จากสถานการณ์ของเขา
‘หากภัยพิบัติพิภพที่ข้าผ่านมาอ่อนแอลงเพราะโชคของข้า เช่นนั้นภัยพิบัติพิภพที่แท้จริงที่ข้าต้องเผชิญจะแข็งแกร่งถึงระดับใด?’
ฟางหยวนคิดและรู้สึกสยดสยอง
กล่าวได้ว่าฟางหยวนสามารถหลบหนีจากความตายมาได้อย่างฉิวเฉียด
ในความเป็นจริงพลังอำนาจของภัยพิบัติครั้งนี้เหนือกว่าระดับของภัยพิบัติพิภพไปแล้ว กระทั่งภัยพิบัติใหญ่สิบครั้งก็ยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับภัยพิบัติครั้งนี้ของฟางหยวน
‘แต่ข้าเชื่อมโยงโชคกับคนอื่นๆ บางทีนี่อาจเป็นเหตุผลที่โชคของข้ากระจัดกระจายออกไป’ ฟางหยวนคิด แต่เขากล่าวอีกอย่าง “ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง ท่านกล่าวได้ถูกต้อง นี่ไม่ใช่ปัญหาเกี่ยวกับโชคแต่มีบางคนวางแผนร้ายต่อข้า”
ตัวตนของฟางหยวนถูกเปิดเผยในการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน
ไม่ว่าจะเป็นความลับเกี่ยวกับปีศาจต่างโลก วิญญาณกาลเวลา รวมถึงความจริงที่เขาเป็นผู้ทำลายวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริง
นิกายเงา วังสวรรค์ และตระกูลฮวงจินของภาคเหนือมีแนวโน้มที่จะวางแผนร้ายกับเขา
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาถอนหายใจก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “อาจไม่มีผู้ใดวางแผนต่อต้านเจ้า อย่าลืมว่าเจ้าเป็นสมาชิกของนิกายหลางหยา แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาถูกโจมตีมามากกว่าหนึ่งครั้งและสูญเสียผู้อมตะสองคน คุณค่าของสถานที่แห่งนี้เพียงพอที่จะดึงดูดความโลภของทุกกองกำลัง”
ฟางหยวนเผยรอยยิ้มแต่ไม่ได้กล่าวสิ่งใด
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากล่าวถึงเรื่องนี้เป็นเพราะเขายังต้องการวิญญาณสติปัญญาที่ฟางหยวนไม่ได้ขายให้เขาในธุรกรรมครั้งก่อนหน้า
“ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณวิญญาณของผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งที่ทำให้ข้าสามารถก้าวข้ามภัยพิบัติ ข้าจะคืนพวกมันให้ท่านเดี๋ยวนี้ วิญญาณเหล่านี้เป็นความช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง” ฟางหยวนนำวิญญาณจำนวนมากออกมาจากมิติช่องว่างของเขา
“แน่นอน ด้วยความช่วยเหลือจากพวกมัน ภัยพิบัติพิภพก็ไม่ต่างจากขนมหวานชิ้นหนึ่ง” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากล่าวด้วยความภาคภูมิใจ
ฟางหยวนไม่ได้กล่าวความจริงทั้งหมดแต่เขาก็ไม่ได้โกหก เขารีบเปลี่ยนประเด็น “โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่าไม้ตายอมตะมิติภัยพิบัติ มันมีประสิทธิภาพมาก แต่ชูตู๋กลับปรากฏตัวในตอนท้าย มันค่อนข้างน่ากลัว โชคดีที่ท่าไม้ตายอมตะสายเคลื่อนไหวของข้าเหนือกว่าเขาเล็กน้อย”
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาตรวจสอบวิญญาณและเก็บพวกมันกลับไปขณะเดียวกันก็ถามฟางหยวนอีกครั้ง “เจ้าจะไม่ขายภูเขาตงฮันกับวิญญาณสติปัญญาให้ข้าจริงๆงั้นหรือ?”
ในการทำธุรกรรมครั้งก่อน จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเสนอสุดยอดมรดกที่แท้จริงทั้งสามเป็นของแลกเปลี่ยน
แต่หลังจากไตร่ตรอง ฟางหยวนรู้สึกว่ามรดกทั้งสามยังไม่เหมาะสมกับแผนการในอนาคตของเขามากนัก
อย่างไรก็ตามท่าไม้ตายอมตะมิติภัยพิบัติและวิญญาณอมตะโชคอึสุนัขสามารถช่วยเหลือเขาได้มาก
ดังนั้นฟางหยวนจึงเลือกกล่าวบางคำเพื่อหลอกล่อจิตวิญญาณแผ่นดิน “ท่านต้องการแลกเปลี่ยนมรดกทั้งสามกับข้าจริงๆงั้นหรือ? มีวิญญาณอมตะมากมายอยู่ในมรดกเหล่านี้ หากมอบพวกมันให้ข้า แล้วนิกายหลางหยาจะไม่ต้องใช้พวกมันในอนาคตเช่นนั้นหรือ?”
แท้จริงแล้วจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไม่เต็มใจที่จะปล่อยพวกมันไปเช่นกัน
ตัวอย่างเช่นวิญญาณอมตะโชคอึสุนัขที่บรรพชนผมยาวรีบหลอมรวมทันทีเมื่อเทพอมตะตะวันเดือดเสียชีวิต
หลังจากนั้นเป็นต้นมาวิญญาณอมตะโชคอึสุนัขช่วยปกป้องแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาจากภัยพิบัติและให้ความช่วยเหลือมากมายแก่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาคนก่อนหน้าในการหลอมรวมวิญญาณ
อย่างไรก็ตามหากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไม่เสนอมรดกที่แท้จริงเหล่านี้ มูลค่าของมันจะต่ำเกินกว่าที่จะแลกเปลี่ยนกับสมบัติของฟางหยวน
ดังนั้นฟางหยวนจึงกระตุ้นอีกครั้ง “ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง เนื่องจากเราทั้งคู่ไม่เต็มใจ เหตุใดเราไม่จัดการเพียงบางจุด?”
“อธิบายให้ชัดเจน” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาถาม
ฟางหยวนกล่าวความตั้งใจของเขาแต่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาปฏิเสธ “ไม่มีทาง เจ้าต้องการส่วนสำคัญที่สุดของมรดกทั้งสามแต่เสนอเพียงภูเขาเหล่าโปให้ข้า นี่เป็นความสูญเสีย มันจะไม่เกิดขึ้น!”
ฟางหยวนยิ้มและเจรจาต่อไป
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไม่เก่งเรื่องเจรจา เขาจึงถูกล่อลวงโดยฟางหยวนอย่างรวดเร็ว
ฟางหยวนขายหุบเขาเหล่าโปให้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาขณะที่เขาได้รับวิญญาณอมตะโชคอึสุนัข วิญญาณอมตะสมบัติเลือด และวิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืด ทั้งสามเป็นวิญญาณอมตะระดับหก หนี้ของเขาถูกชำระล้าง เขายังสามารถยืมวิญญาณอมตะและวิญญาณระดับมนุษย์จำนวนมากเพื่อแก้ไขจุดอ่อน สิ่งสำคัญที่สุดก็คือเขาสามารถเรียนรู้ท่าไม้ตายอมตะมิติภัยพิบัติและท่าไม้ตายอมตะคลื่นดาบสามชั้น
ท่าไม้ตายอมตะทั้งสองมีประโยชน์อย่างมากในการก้าวข้ามภัยพิบัติของฟางหยวน
อย่างไรก็ตามจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยายังต้องการภูเขาตงฮันและวิญญาณสติปัญญา
ครั้งนี้เขาแสดงเจตจำนงที่จะซื้อพวกมันอีกครั้ง
แต่ฟางหยวนจะตกลงได้อย่างไร?
เขาไม่สามารถปฏิเสธจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาอย่างรุนแรงและเลือกถ้อยคำอย่างระมัดระวัง “ข้ายังไม่มีความตั้งใจที่จะขายพวกมัน แต่หากข้ามีปัญหาในอนาคต ข้าจะแลกเปลี่ยนกับผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง”
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากำลังจะกล่าวแต่ฟางหยวนชิงโบกมือ “ข้าจะทิ้งสมบัติทั้งสองไว้ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ข้าจะไม่นำพวกมันติดตัวไปด้วย ข้าจะให้นิกายยืมพวกมันตามข้อตกลงก่อนหน้านี้”
การฝากวิญญาณสติปัญญาไว้ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาหมายความว่าจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาต้องเลี้ยงดูมัน นี่จะช่วยแก้ปัญหาให้กับฟางหยวน
สำหรับภูเขาตงฮันที่ดูดซับปราณพิภพตลอดเวลา มันจะดีกว่าหากไม่วางมันไว้ในมิติช่องว่างของเขา
สิ่งสำคัญก็คือนิกายเงารู้จักภูเขาตงฮันและหุบเขาเหล่าโปเป็นอย่างดี หากพวกเขาใช้วิญญาณท่องแดนอมตะ พวกเขาจะสามารถเข้าไปในมิติช่องว่างของฟางหยวนได้โดยตรง
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยายังไม่ยอมแพ้ แต่ฟางหยวนคือผู้ใด เขาเป็นคนที่มีทักษะการเจรจาต่อรองเป็นเลิศ จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาที่มีความคิดเรียบง่ายจะสามารถแข่งขันกับเขาได้อย่างไร
หลังจากสนทนาเป็นเวลานาน ฟางหยวนนำทรัพยากรจำนวนมากที่ฝากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไว้กลับคืน
ตัวอย่างเช่นอสรพิษเพลิง แมงมุมหน้าคน ปลามังกร และอื่นๆ
ตั้งแต่ต้นจนจบฟางหยวนไม่ได้ถามจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเกี่ยวกับการขายท่าไม้ตายอมตะมิติภัยพิบัติแม้แต่คำเดียว
แล้วชูตู๋?
เขาเป็นเพียงแผนสำรองของฟางหยวน
แม้พวกเขาจะแลกเปลี่ยนวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลและสามารถติดต่อสื่อสาร แต่ธุรกรรมใดก็ตาม ทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ของฟางหยวน
สำหรับวิญญาณอมตะดาบบินระดับเจ็ด?
ฮ่าฮ่า มันเป็นเพียงวิญญาณอมตะระดับเจ็ดแต่ฟางหยวนกระทั่งเป็นเจ้าของวิญญาณสติปัญญาระดับเก้า ดังนั้นมุมมองของเขาจึงแตกต่างออกไปโดยธรรมชาติ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเขาเสียวิญญาณอมตะเกือบทั้งมหดให้กับอิงอู๋เซี่ยเมื่อไม่นานมานี้
วิญญาณอมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งดาบเพียงดวงเดียวจะสามารถเปรียบเทียบกับวิญญาณอมตะเหล่านั้นได้อย่างไร
ชูตู๋ไม่รู้ภูมิหลังของฟางหยวน ดังนั้นเขาจึงประเมินฟางหยวนต่ำเกินไป
โดยรวมมีโอกาสเพียงเล็กน้อยที่ฟางหยวนจะทำธุรกรรมกับชูตู๋
หลังจากทั้งหมดความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งสำคัญกับฟางหยวนมากกว่าวิญญาณอมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งดาบ
‘เพราะเส้นทางที่ข้ากำลังจะเดินไปหลังจากนี้คือเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง’
ฟางหยวนไตร่ตรองเกี่ยวกับเรื่องนี้มาอย่างถี่ถ้วนแล้ว
เส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง!
นี่เป็นเส้นทางที่เหมาะสมกับเขามากที่สุดในเวลานี้
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1064 ข้าคือผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง
แปลโดย iPAT
เหตุใดฟางหยวนจึงเลือกเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง?
หลังการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน ฟางหยวนพิจารณาถึงคำถามนี้มาตลอด
ในชีวิติก่อนหน้าเขาเลือกเส้นทางแห่งเลือดเพราะมันทำให้เขาเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วโดยใช้ทรัพยากรน้อยที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นในชีวิตก่อนหน้าเขายังพบมรดกบนเส้นทางแห่งเลือดโดยบังเอิญ
หลังจากกำเนิดใหม่ เขายอมแพ้เส้นทางแห่งเลือดและเลือกเส้นทางความแข็งแกร่งเพราะก่อนที่สงครามห้าภูมิภาคจะปะทุขึ้นเส้นทางแห่งเลือดไม่สามารถเติบโต อีกสาเหตุหนึ่งเกิดจากความทรงจำเกี่ยวกับมรดกที่สามารถทำให้เขาเติบโตขึ้นบนเส้นทางความแข็งแกร่ง
อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นเส้นทางแห่งเลือดหรือเส้นทางความแข็งแกร่ง พวกมันต่างมีจุดอ่อน
เส้นทางแห่งเลือดจะดึงดูดความเกลียดชังของผู้คน ผู้บ่มเพาะบนเส้นทางสายนี้จะถูกคนทั้งโลกไล่ล่า
เส้นทางความแข็งแกร่งตกต่ำลงอย่างมาก แม้จักรพรรดิอมตะชูตู๋จะสร้างเส้นทางสายใหม่แต่มันยังไม่สามารถหยุดการตกต่ำของเส้นทางสายนี้
ทั้งสองเส้นทางไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุด
ฟางหยวนสรุป ตั้งแต่กำเนิดใหม่ เขาได้รับโชคลาภมากมาย
ไม่ว่าจะเป็นมรดกบนเส้นทางแห่งปัญญา เส้นทางแห่งโชค หรือเส้นทางแห่งการโจรกรรม
เส้นทางเหล่านี้มีโอกาสก้าวหน้าสูง ตัวอย่างเช่นมรดกบนเส้นทางแห่งปัญญาของตงฟางชางฟาน หรือมรดกบนเส้นทางแห่งดวงดาวของจักรพรรดิแห่งดวงดาวหว่านเซียง
เส้นทางแห่งดวงดาวและเส้นทางแห่งปัญญาเหนือกว่าเส้นทางแห่งเลือดและเส้นทางความแข็งแกร่ง
สิ่งสำคัญก็คือการได้รับมรดกจะส่งผลลัพธ์ที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
ความสำเร็จในอดีตของคนรุ่นก่อนจะช่วยให้คนรุ่นหลังก้าวหน้าเร็วกว่าการเรียนรู้ด้วยตนเองตั้งแต่เริ่มต้น
หากฟางหยวนได้รับมรดกบนเส้นทางแห่งปัญญาหรือเส้นทางแห่งดวงดาวในชีวิตก่อนหน้า ตราบเท่าที่สถานการณ์เอื้ออำนวย เขาจะเลือกรับสืบทอดมรดกบนเส้นทางแห่งปัญญาของตงฟางชางฟานและกลายเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา
ผู้อมตะบนเส้นาทางแห่งปัญญามีน้อยมาก นอกจากพวกเขาจะได้รับความนิยม ผู้คนยังหวาดกลัวตัวตนเหล่านี้อีกด้วย
อย่างไรก็ตามเส้นทางของผู้บ่มเพาะไม่ได้ขึ้นอยู่กับโอกาสเติบโตในอนาคตเท่านั้น แต่ความต้องการเฉพาะหน้าก็เป็นเรื่องสำคัญ
มรดกบนเส้นทางแห่งปัญญาของตงฟางชางฟานมาจากผู้อมตะระดับแปดของวังสวรรค์ มันยอดเยี่ยมเพราะถูกพัฒนาและส่งต่อมาจากรุ่นสู่รุ่น แต่มรดกนี้ยังมีจุดอ่อน มันไม่ดีนักในแง่ของการต่อสู้ จุดแข็งที่สุดของมรดกนี้คือการอนุมาน
เพื่อชดเชยจุดอ่อนนี้ ตงฟางชางฟานได้สร้างท่าไม้ตายอมตะหมื่นหิ่งห้อยดาราขึ้นมา
แต่มรดกของตงฟางชางฟานยังไม่เหมาะสมกับฟางหยวนในปัจจุบันเพราะเขากำลังเผชิญหน้ากับอันตรายจากทุกทิศทางไม่ว่าจะเป็นอิงอู๋เซี่ย กองกำลังที่เหลืออยู่ของนิกายเงา วังสวรรค์ สิบนิกายโบราณของภาคกลาง หรือตระกูลฮวงจินของภาคเหนือ กล่าวได้ว่าฟางหยวนมีศัตรูมากมาย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากความลับทั้งหมดของเขาถูกเปิดเผย
ดังนั้นฟางหยวนไม่เพียงต้องพิจารณาถึงอนาคตแต่เขายังต้องพิจารณาสถานการณ์ปัจจุบันอีกด้วย
บางครั้งความต้องการเฉพาะหน้าก็สำคัญกว่าโอกาสในอนาคต
หากไม่สามารถจัดการสถานการณ์ปัจจุบัน มันก็ไร้ประโยชน์ที่จะกล่าวถึงอนาคต
ตอนนี้ฟางหยวนต้องการพลังการต่อสู้!
เส้นทางแห่งโลหะ เส้นทางแห่งไฟ เส้นทางแห่งสายฟ้า เส้นทางแห่งดาบ และเส้นทางแห่งเลือด เส้นทางทั้งห้าได้รับการยอมรับจากสาธารธชนว่าเป็นเส้นทางที่มีพลังการต่อสู้สูงที่สุด
สามเส้นทางแรกเป็นเส้นทางกระแสหลักที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน
สองเส้นทางหลังถือเป็นเส้นทางที่มีประวัติศาสตร์สั้นมาก เส้นทางแห่งดาบเกิดจากโป้ชิงขณะที่เส้นทางแห่งเลือดเกิดจากบรรพชนเลือด นอกจากคนทั้งสอง มีไม่กี่คนที่โดดเด่นบนเส้นทางนี้ ดังนั้นรากฐานของเส้นทางทั้งสองจึงไม่สามารถเปรียบเทียบกับอีกสามเส้นทาง
สำหรับฟางหยวน ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางแห่งโลหะ เส้นทางแห่งไฟ หรือเส้นทางแห่งสายฟ้า ความสำเร็จของเขาอยู่ในระดับทั่วไป นอกจากนั้นเขาก็ไม่มีมรดกบนเส้นทางเหล่านี้
ในทางตรงข้ามเขาเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งเลือด สำหรับเส้นทางแห่งดาบ แม้เขาจะไม่มีความสำเร็จใดๆแต่เขามีวิญญาณอมตะของโป้ชิง
โดยปราศจากมรดก ผู้บ่มเพาะต้องคิดค้นและสร้างวิธีของตนเองจากความสำเร็จส่วนตัว แต่มันเป็นเรื่องยากมาก
กล่าวถึงความสำเร็จของฟางหยวน เขาเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งดวงดาว เส้นทางแห่งปัญญา เส้นทางแห่งเลือด และเส้นทางความแข็งแกร่ง
ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมของเขาอยู่ในระดับกึ่งปรมาจารย์
ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งทาสของเขาอยู่ในระดับผู้เชี่ยวชาญ
ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งโชคของเขาอยู่ในระดับกึ่งผู้เชี่ยวชาญ
สำหรับเส้นทางสายอื่นเช่นเส้นทางแห่งดาบ เส้นทางแห่งแสง เส้นทางแห่งความมืด และอื่นๆ เขามีความสำเร็จอยู่ในระดับทั่วไป นอกจากนั้นเขายังไร้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเส้นทางแห่งภูตผีอย่างสิ้นเชิง
หากพิจารณาในแง่ของความสำเร็จ เขาควรมุ่งหน้าไปบนเส้นทางสี่สายแรกที่บรรลุระดับปรมาจารย์
แต่เส้นทางแห่งเลือดและเส้นทางความแข็งแกร่งใกล้ล่มสลายขณะที่เส้นทางแห่งปัญญาและเส้นทางแห่งดวงดาวไม่โดดเด่นมากพอในแง่ของพลังการต่อสู้
ทุกสิ่งผลักดันให้ฟางหยวนตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจ
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาค่อยๆเรียนรู้เกี่ยวกับร่างใหม่ เขาก็เริ่มมองเห็นความหวังอีกครั้ง
เขาตระหนักว่าร่างกายของเขามีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าทุกประเภท
นี่ไม่ใช่เรื่องธรรมดา
สิ่งสำคัญที่สุดคือร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าเหล่านี้ไม่ต่อต้านกันเองและทำให้พวกมันอ่อนแอลง!
เรื่องนี้น่าอัศจรรย์เกินไป
เมื่อฟางหยวนตระหนักถึงเรื่องนี้เป็นครั้งแรก เขาไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งดีๆเช่นนี้จะมีอยู่จริง
ความรู้ดั่งเดิมเกี่ยวกับการบ่มเพาะถูกพลิกคว่ำ หากเขาบอกคนอื่น ผู้คนเหล่านั้นจะคิดว่าเขากล่าวเรื่องไร้สาระ
แต่วิญญาณทารกอมตะเป็นวิญญาณอมตะระดับเก้าที่เทพปีศาจจิตวิญญาณและนิกายเงาใช้เวลานับหมื่นปีเพื่อสร้างขึ้น
ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากร่างกายนี้จะอัศจรรย์เกินกว่าสามัญสำนึกของคนทั่วไป
แน่นอนว่าฟางหยวนมีความสุขมาก เพราะผลประโยชน์นี้ไม่ได้มีไว้เพียงผู้อื่นแต่มีไว้เพื่อตัวเขาเอง!
สิ่งนี้อนุญาตให้เขาฝึกฝนได้ทุกเส้นทาง!
ก่อนหน้านี้ด้วยการคงอยู่ของทะเลวิญญาณที่สอง ฟางหยวนวางแผนที่จะสร้างมิติช่องว่างบนเส้นทางแห่งกาลเวลาและเส้นทางความแข็งแกร่ง แต่มิติช่องว่างจักรพรรดิยิ่งไร้สาระมากกว่า มันสามารถบ่มเพาะได้ทุกเส้นทาง
นี่เป็นเหมือนความฝัน
ในประวัติศาสตร์ไม่ว่าจะเป็นเทพอมตะหรือเทพปีศาจ พวกเขาล้วนบ่มเพาะบนเส้นทางสายเดียวเป็นหลักหรืออาจจะเพิ่มเติมอีกหนึ่งเส้นทาง กระทั่งบางคนจะต้องการบ่มเพาะบนเส้นทางที่หลากหลาย ผลลัพธ์ของพวกเขาก็มีเพียงความล้มเหลวหลังจากกัดฟันพยายามอย่างหนัก
เหตุผลเป็นเพราะร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่ต่อต้านกัน
แต่ฟางหยวนไม่มีปัญหานี้ เขาสามารถบ่มเพาะได้ทุกเส้นทาง กล่าวได้ว่าอนาคตของเขาสดใสยิ่งกว่าเทพอมตะหรือเทพปีศาจทั้งหมดในประวัติศาสตร์
ฟางหยวนสงบจิตใจลง
ความคิดมักสวยงามแต่ในความเป็นจริงการบ่มเพาะทุกเส้นทางเป็นได้เพียงในฝัน เขาต้องพิจารณาถึงระยะเวลาและทรัพยากร สิ่งสำคัญที่สุดคือสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะที่ปลอดภัยและสงบสุข
ฟางหยวนไม่มีสิ่งเหล่านี้
เขามีเวลาและทรัพยากรที่จำกัด ศัตรูของเขามีอยู่ทั้งห้าภูมิภาค อันตรายแฝงตัวอยู่ทุกหนทุกแห่ง
ลืมเกี่ยวกับการสร้างเส้นทางของตนเองไปได้เลย ฟางหยวนไม่มีพื้นฐานด้านนี้ เขาสามารถเลือกเส้นทางสายเดียวที่มีอยู่ในปัจจุบันและเดินไปตามเส้นทางสายนั้น อย่างมากเขาก็สามารถบ่มเพาะเส้นทางคู่เท่านั้น
ในบรรดาเส้นทางทั้งหมดที่สามารถมอบพลังการต่อสู้ให้ฟางหยวนโดยพิจารณาถึงระดับความสำเร็จและมรดกที่เขามี ฟางหยวนคิดถึงเส้นทางสายหนึ่ง
นั่นก็คือเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง!
เส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงถูกเรียกว่าภาพสะท้อนของทุกเส้นทาง ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงสามารถเปลี่ยนไปยังเส้นทางสายอื่นได้ทั้งหมด
แต่เส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงยังมีข้อบกพร่องที่คงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน นั่นคือเมื่อผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงเปลี่ยนเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น พวกเขาต้องกำจัดร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าเดิมทิ้งไปเพื่อป้องกันไม่ให้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าสองชนิดต่อต้านกัน
แต่ข้อบกพร่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับฟางหยยวนเนื่องจากร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าสามารถอยู่ร่วมกันบนร่างกายของเขา
อาจกล่าวได้ว่าเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงสามารถแสดงข้อได้เปรียบของฟางหยวนออกมาได้มากที่สุด
ท่ามกลางประวัติศาสตร์อันยาวนาน ฟางหยวนกลายเป็นหนึ่งในสองคนที่เหมาะสมที่สุดในการฝึกฝนบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง
ด้วยวิธีนี้ฟางหยวนจะสามารถใช้วิญญาณอมตะทุกเส้นทางได้โดยไม่ดึงดูดความสงสัย
หลังจากเปลี่ยนร่าง เขายังสามารถขยายพลังอำนาจของวิญญาณอมตะบนเส้นทางสายต่างๆ ตัวอย่างเช่นเมื่อเขาเปลี่ยนร่างเป็นสัตว์อสูรบนเส้นทางแห่งดาบ เขาจะได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งดาบจำนวนมาก นั่นสามารถเพิ่มพลังอำนาจให้กับวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งดาบที่เขามีอยู่
แม้ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงของฟางหยวนจะไม่สูงนักแต่เขามีความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง!
แม้ฟางหยวนจะไม่มีมรดกบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงแต่นั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะเหตุใด? เนื่องจากท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงหาได้ง่าย
ฟางหยวนสามารถหาซื้อและสะสมพวกมันได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ฟางหยวนยังพิจารณาถึงประเด็นอื่นๆ
หากฟางหยวนฝึกฝนและมีความสำเร็จในระดับหนึ่ง เขาสามารถเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ขนเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจและการสนับสนุนจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามากขึ้น!
ในอนาคตเมื่อเขาเผชิญหน้ากับอันตราย เขาอาจเปลี่ยนเป็นสิ่งอื่นเพื่อหลอกลวงฝ่ายตรงข้าม หากตัวตนของเขาถูกเปิดเผยและเขาไม่สามารถใช้อัตลักษณ์เดิม เขาสามารถปกปิดตัวตนและท่องเที่ยวไปทั่วโลกได้อย่างปลอดภัย
“จากนี้ไปข้าคือผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง!”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น