เทพปีศาจหวนคืน 1061
บทที่ 1061 แม่น้ำเลือด
แปลโดย iPAT
ที่ราบภาคเหนือ
ภายในมิติช่องว่างจักรพรรดิ ฟางหยวนเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างช้าๆ
‘ข้าใช้เวลาหลายวันในการอนุมานแต่ข้าจะใช้ชื่อเดิมของมันว่าแม่น้ำเลือด’ เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ วิญญาณจำนวนมากก็บินออกไปรอบๆ
วิญญาณอมตะสมบัติเลือดพุ่งออกจากหน้าอกของฟางหยวนและกลายเป็นแม่น้ำเลือดนำฟางหยวนพุ่งทะยานขึ้นสู่อากาศ
แม่น้ำเลือดทิ้งเส้นสายสีแดงเป็นแนวยาวไว้บนท้องฟ้า ทุกที่ที่มันเคลื่อนผ่าน กลิ่นคาวเลือดจะแผ่กระจายออกไปรอบๆ
ด้วยแม่น้ำเลือด ร่างของฟางหยวนถูกเก็บซ่อนเอาไว้อย่างมิดชิด มันเป็นเรื่องดีที่เขาสามารถซ่อนตัว แม้ศัตรูจะต้องการโจมตี พวกเขาก็ไม่รู้ว่าควรโจมตีส่วนใดของแม่น้ำสายนี้
หลังจากบินไปสักพัก ฟางหยวนก็หยุดเคลื่อนไหว
แม่น้ำเลือดหายไปและเผยให้เห็นร่างของฟางหยวน
‘แม่น้ำเลือดจะเร็วกว่านี้หากข้าเพิ่มวิญญาณระดับมนุษย์เข้าไป’ ฟางหยวนคิด
‘แต่ไม่ว่าข้าจะเพิ่มวิญญาณระดับมนุษย์เข้าไปมากเท่าใด ความเร็วในการเคลื่อนที่เป็นเส้นตรงของมันก็ยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ’
วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติเป็นวิญญาณระดับเจ็ดสายเคลื่อนไหว แต่ท่าไม้ตายนี้ใช้วิญญาณบนเส้นทางแห่งเลือดระดับหกเป็นแกนกลาง ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ความเร็วของมันจะด้วยกว่าวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ
แต่ในฐานะผู้อมตะระดับหกที่ใช้วิญญาณอมตะระดับเจ็ด เขาต้องยอมรับว่ามันเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงเกินไปและไม่คุ้มค่า
‘ความเร็วในการเคลื่อนที่เป็นเส้นตรงของท่าไม้ตายนี้ด้อยกว่าการใช้วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติแต่มันไม่ใช่ปัญหา ข้าคิดค้นท่าไม้ตายนี้เพราะหวังผลในการเปลี่ยนทิศทางเพื่อชดเชยข้อบกพร่องของวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ หากข้าใช้ท่าไม้ตายอมตะแม่น้ำเลือดสลับกับวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ บางทีข้าอาจสามารถรับมือชูตู๋’ ฟางหยวนคาดเดา
ท่าไม้ตายอมตะแม่น้ำเลือดเป็นท่าไม้ตายสายเคลื่อนไหวบนเส้นทางแห่งเลือดขณะที่วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติเป็นวิญญาณบนเส้นทางแห่งดาบ ทั้งสองไม่เกี่ยวข้องกัน หากผู้อมตะทั่วไปใช้งานทั้งสองสิ่งพร้อมกัน พวกเขาจะพบกับความสูญเสีย
แต่ฟางหยวนเป็นข้อยกเว้น
ร่างกายของเขามีความสามารถพิเศษ มันถูกสร้างขึ้นจากวิญญาณทารกอมตะระดับเก้าและมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าทุกเส้นทางอยู่บนร่างกาย สิ่งสำคัญก็คือพวกมันไม่ต่อต้านกัน
ฟางหยวนสามารถใช้แม่น้ำเลือดและดาบทะลวงมิติสลับกันโดยไม่ทำให้พลังอำนาจของพวกมันลดลง
วิญญญาณอมตะดาบทะลวงมิติช่วยให้เขาบินเป็นเส้นตรงด้วยความเร็วสูง อย่างไรก็ตามมันไม่สามารถเปลี่ยนทิศทาง
หากผู้ใช้งานหยุดเพื่อเปลี่ยนทิศทาง มันจะกลายเป็นการเผยจุดอ่อนให้ศัตรูโจมตี
ดังนั้นฟางหยวนจึงคิดค้นท่าไม้ตายอมตะแม่น้ำเลือดเพื่อปิดจุดอ่อนนี้
ชูตู๋เป็นผู้อมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งที่มุ่งเน้นการโจมตีและการป้องกัน แต่โดยทั่วไปผู้คนบนเส้นทางสายนี้มักจะขาดความเร็ว
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงการคาดเดาของฟางหยวนเท่านั้น
สำหรับข้อเท็จจริง ฟางหยวนต้องทดสอบด้วยตนเอง
หลังจากทั้งหมดจักรพรรดิอมตะชูตู๋ต่อสู้อย่างเปิดเผยเป็นครั้งสุดท้ายตั้งแต่หนึ่งร้อยปีก่อน
เขาเก็บตัวบ่มเพาะอย่างสันโดษมานาน ไม่มีผู้ใดรู้ว่าพลังอำนาจที่แท้จริงในปัจจุบันของเขาบรรลุถึงระดับใด
ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ฟางหยวนไม่เพียงคิดค้นท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งเลือด เขายังรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับชูตู๋ด้วยทุกวิถีทาง
แต่ข้อมูลส่วนใหญ่มาจากหนึ่งร้อยปีก่อนหน้า
นี่ทำให้ฟางหยวนเริ่มคิดถึงเทพธิดาหลี่ซาน นางมีเครือข่ายขนาดใหญ่และติดต่อกับผู้คนมากมายทั้งฝ่ายธรรมะและฝ่ายปีศาจ หากนางยังมีชีวิตอยู่ เขาอาจได้รับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับชูตู๋
‘นิกายหลางหยาอาจใหญ่โต แต่มันแยกตัวสัญโดษมานานหลายปี ในแง่มุมของการรวบรวมข่าวสาร มันยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับเทพธิดาหลี่ซาน เรื่องนี้เป็นจุดอ่อนที่ข้าต้องแก้ไข’
ความคิดของฟางหยวนเริ่มล่องลอยออกไป
เขาคิดถึงการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน
มันเป็นกับดักขนาดใหญ่!
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ช่วยไม่ได้ที่หัวใจของฟางหยวนจะสั่นสะท้านขึ้น
เขารอดมาได้เพราะยักษ์สองตัวกำลังต่อสู้กัน เขาไม่ต่างจากมดที่ไร้คุณค่า เขาแทบไม่สามารถรักษาชีวิต เหตุที่เขารอดมาได้ส่วนใหญ่เป็นเพราะโชค
หากไตร่ตรองเกี่ยวกับเรื่องนี้ มันอาจเป็นเพราะความสำเร็จบนเส้นทางแห่งข้อมูลของเขาที่ต่ำเกินไป เขายังขาดความรู้ เขาไม่รู้รายละเอียดที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน หากเขารู้ เขาจะสามารถเปลี่ยนแผนการได้ทันเวลา
‘อย่างไรก็ตามแม้ข้าจะมีทักษะบนเส้นทางแห่งข้อมูลของเทพธิดาหลี่ซาน แต่ข้าก็ยังไม่สามารถสืบหาข้อมูลใดๆเกี่ยวกับเหตุการณ์บนภูเขาอี้เทียน หลังจากทั้งหมดมันเป็นแผนการที่ยิ่งใหญ่เกินไป’
ฟางหยวนปัดเป่าความคิดฟุ้งซ่านออกไป
หลังจากได้รับร่างใหม่ ความคิดของเขารวดเร็วมาก มันต่างจากร่างผีดิบอมตะของเขาอย่างสิ้นเชิง
นอกจากนั้นด้วยความสำเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาระดับปรมาจารย์ มันยิ่งสนับสนุนให้เขาคิดได้เร็วและมีแรงบันดาลใจใหม่ๆมากมาย กล่าวได้ว่าเขาฉลาดขึ้นอีกมาก
สำหรับท่าไม้ตายอมตะแม่น้ำเลือด แม้เขาจะสามารถคิดค้นแต่เขายังต้องฝึกฝนและแก้ไขปรับปรุงเพื่อประสิทธิภาพในการใช้งานจริง
ย้อนกลับไปตงฟางชางฟานก็ต้องปรับปรุงท่าไม้ตายหมื่นหิ่งห้อยดาราของเขาหลายต่อหลายครั้งก่อนที่เขาจะรู้สึกพอใจ
ท่าไม้ตายอมตะเป็นสิ่งที่ผู้อมตะจะปรับปรุงแก้ไขตลอดชีวิต กระทั่งผู้รับสืบทอดก็ต้องปรับปรุงพวกมันต่อไป
ตัวอย่างเช่นท่าไม้ตายอมตะดาบวงจันทร์ที่มีชื่อเสียงของนิกายเหนือสวรรค์ก็ถูกแก้ไขนับครั้งไม่ถ้วน ดังนั้นมันจึงมีชื่อเสียงและไม่สามารถมองข้าม
ท่าไม้ตายอมตะของฟางหยวนพึ่งถูกคิดค้นขึ้น มันยังห่างไกลจากท่าไม้ตายอมตะดาบวงจันทร์
ในวันต่อมาฟางหยวนฝึกฝนการใช้ท่าไม้ตายอมตะแม่น้ำเลือดร่วมกับวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ
การฝึกฝนโดยไม่หยุดทำให้ประสบการณ์ของเขาเพิ่มขึ้น เขาได้รับข้อมูลในเชิงลึกมากมายและสามารถพัฒนาท่าไม้ตายอมตะแม่น้ำเลือด
‘ข้าใช้ท่าไม้ตายแม่น้ำเลือดร่วมกับวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติเพราะข้าต้องการเปลี่ยนทิศทาง หลังจากดาบทะลวงมิติหยุดลง ข้าต้องใช้ท่าไม้ตายแม่น้ำเลือดต่อทันทีโดยไม่ปล่อยให้เกิดช่องว่าง การใช้วิญญาณระดับมนุษย์มากเกินไป นอกจากจะเพิ่มความยากลำบาก มันยังทำให้เสียเวลา ขณะที่ความเร็วเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย’
‘เกือบแล้ว ข้าควรทดสอบในมิติช่องว่างของข้าก่อนจะออกไปพบชูตู๋’
แม้ฟางหยวนจะสามารถคิดค้นท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดได้มากกว่านี้แต่เขาไม่จำเป็นต้องทำ
หลังจากทั้งหมดเขามีวิญญาณอมตะสมบัติเลือดเพียงดวงเดียว แม้เขาจะมีท่าไม้ตายอมตะอื่นๆ เขาก็ไม่สามารถใช้ได้ในเวลาเดียวกัน
ในแง่มุมอื่น ฟางหยวนสามารถใช้วิญญาณอมตะดวงอื่นทดแทน
หลังการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน เขาสูญเสียวิญญาณที่สะสมมาเกือบทั้งหมด ปัจจุบันเขาใช้วิธีการบนเส้นทางที่หลากหลาย พวกมันยังไม่ได้รับการจัดระเบียบให้ครอบคลุมในทุกด้าน แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่นและต้องใช้สิ่งที่มีอยู่เท่านั้น
‘แต่หากข้ามีโอกาสอีกครั้ง ข้าก็ยังเลือกรับวิญญาณทารกอมตะ!’ ฟางหยวนไม่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้
ฟางหยวนอยู่ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ มันยากที่จะบุกโจมตี แต่เขาต้องระวังกรณีที่ชูตู๋ขอความช่วยเหลือจากคนนอกหรือจัดตั้งกับดักไว้ในแดนน้ำแข็ง
ยิ่งฟางหยวนอยู่ที่นี่นานเท่าใด สถานการณ์ของเขาก็ยิ่งแย่ลงเท่านั้น
หลังจากตัดสินใจ ฟางหยวนไม่ลังเลอีกต่อไป
ด้วยความตั้งใจของเขา มิติช่องว่างจักรพรรดิเริ่มสั่นสะเทือนก่อนจะหดเล็กลงด้วยความเร็วสูง
เมื่อฟางหยวนเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง เขาก็มาอยู่ที่แดนน้ำแข็งเรียบร้อยแล้ว
ไม่มีพายุ ไม่มีหิมะ
แสงแดดสีขาวส่องลงมาบนแดนน้ำแข็งที่เย็นยะเยือก
ฟางหยวนมองไปรอบๆและพบชูตู๋อย่างรวดเร็ว
จักรพรรดิอมตะชูตู๋!
ดังคาด เขายังอยู่ที่นี่และไม่ได้จากไป
แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดคือท่าทีของชูตู๋
‘เดี๋ยว! โปรดรอก่อน!’ ชูตู๋ไม่ได้โจมตีแต่เผยรอยยิ้มอบอุ่นและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนโดยปราศจากเจตนาสังหารอย่างสิ้นเชิง
ฟางหยวนตะโกน “ใช้ถ้อยคำที่สุภาพหลังจากใช้ความรุนแรงงั้นหรือ?”
“ข้ารู้สึกละอายใจนัก” ชูตู๋ยอมรับความผิดพลาดและขอโทษ “ก่อนหน้านี้ข้าบุ่มบ่ามเกินไป แต่หลังจากเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ข้าสูญเสียเหตุผลไปชั่วขณะ ตอนนี้ข้าคิดเกี่ยวกับมันและรู้สึกอับอายนัก”
ฟางหยวนมองชูตู๋อย่างระมัดระวัง เขาใช้หลายวิธีเพื่อตรวจสอบพื้นที่รอบๆ
เมื่อเห็นฟางหยวนเงียบ ชูตู๋จึงกล่าวต่อ “สหาย ข้าไม่ต้องการเป็นศัตรูกับเจ้า ข้าแค่ต้องการวิธีการดึงความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งออกมา ข้าหวังว่าเราจะสามารถสร้างความร่วมมือ”
“สร้างความร่วมมือ?” ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น “มันไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ ตราบเท่าที่ท่านทำให้ข้ารู้สึกสนใจข้อเสนอของท่าน”
ใบหน้าของชูตู๋เต็มไปด้วยความสุข
ฟางหยวนกล่าวต่อ “แต่ก่อนที่จะทำธุรกรรม เราต้องชำระบัญชีสำหรับการโจมตีก่อนหน้าของท่านเป็นอันดับแรก!”
“ข้ายินดี” ชูตู๋กล่าวอย่างจริงจัง
กระทั่งฟางหยวนก็ยังตกใจ เขายังใช่จักรพรรดิอมตะชูตู๋อยู่หรือไม่?
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ฟางหยวนยิ่งระวังตัวมากขึ้น
คนผู้นี้สามารถก้มศีรษะ เขาเป็นคนที่ไม่สามารถดูแคลน มีเพียงคนโง่เท่านั้นที่กล้าดูถูกบุคคลเช่นนี้
“หากท่านต้องการชดเชยให้ข้า ส่งวิญญาณอมตะดาบบินของข้าคืนมาเพื่อแสดงความจริงใจของท่าน” ฟางหยวนกล่าว
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น