เทพปีศาจหวนคืน 1056-1058

 บทที่ 1056 เผชิญหน้าภัยพิบัติ (4)


แปลโดย iPAT 


 


‘มันเป็นภัยพิบัติพิภพครั้งแรกของข้า แต่มันมีทั้งอสูรหิมะ อินทรีย์มงกุฎเหล็ก กระเรียนเก้ามงกุฎ และกระทั่งค้างคาวมรณะบรรพกาล…’ ฟางหยวนรู้สึกขมขื่น


 


ค้างคาวมรณะบรรพกาลมีร่างกายใหญ่โตมาก เงาของมันปกคลุมพื้นที่ในวงกว้าง


 


แต่มันก็ทำให้พายุหิมะอ่อนกำลังลง


 


อสูรหิมะหยุดคำรามและมองไปยังสัตว์อสูรที่อยู่บนท้องฟ้า


 


‘ก่อนออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ข้าใช้ท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งโชคเพื่อเพิ่มโชคดีไปแล้ว ตั้งแต่ภัยพิบัติเกิดขึ้น ข้าก็ใช้วิญญาณอมตะโชคอึสุนัขอย่างต่อเนื่อง โชคของข้าช่วยลดพลังอำนาจของภัยพิบัติไปแล้ว มิฉะนั้มันจะน่ากลัวยิ่งกว่านี้’


 


ฟางหยวนกัดฟันแน่น


 


ค้างคาวมรณะบรรพกาลบินอยู่บนท้องฟ้าด้วยร่างกายราวกับภูเขา


 


กลิ่นอายของมันสร้างแรงกดดันที่รุนแรง


 


ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งดาบ คลื่นดาบสามชั้น!


 


ฟางหยวนไม่มีทางเลือกนอกจากเผชิญหน้าโดยตรง


 


คลื่นแสงสีขาวพุ่งออกไปรอบๆก่อนจะโจมตีค้างคาวมรณะบรรพกาลด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัว


 


ฟางหยวนผลักฝ่ามือเพื่อส่งคลื่นแสงที่ใหญ่กว่าออกไป


 


ไม่ว่าคลื่นแสงจะเคลื่อนที่ไปที่ใด ทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกกำจัด กระทั่งห้วงมิติยังเกิดการปริแตก


 


เห็นได้ชัดว่ามันเป็นการโจมตีที่ส่งผลกระทบในวงกว้าง


 


มันใช้วิญญาณอมตะคลื่นดาบระดับเจ็ดเป็นแกนกลางผสานกับวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งวารีอีกหลายดวงที่ฟางหยวนยืมมาจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา


 


คลื่นดาบครั้งที่สองปะทะค้างคาวมรณะบรรกาลทำให้มันหยุดเคลื่อนไหวและกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด


 


ฟางหยวนสามารถมองเห็นรอยดาบฝังลึกอยู่บนร่างกายของมัน


 


โดยปกติค้างคาวมรณะบรรพกาลมักจะหลีกเลี่ยงอันตรายและล่าถอยเพื่อรักษาชีวิตตามสัญชาตญาณ แต่ค้างคาวมรณะบรรพกาลตัวนี้ไม่เหมือนค้างคาวมรณะบรรพกาลทั่วไป มันถูกสร้างขึ้นจากภัยพิบัติพิภพ หลังจากได้รับบาดเจ็บ มันไม่แม้แต่จะหยุดพักแต่พุ่งเข้าโจมตีฟางหยวนอย่างไม่ลดละ


 


ค้างคาวมรณะบรรกาลเป็นสัตว์อสูรบนเส้นทางแห่งห้วงมิติ ดังนั้นการหลบหนีโดยใช้วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติจึงไม่มีประโยชน์


 


พื้นที่รอบๆได้รับผลกระทบจากพลังอำนาจบนเส้นทางแห่งห้วงมิติของค้างคาวมรณะบรรพกาล มันค่อนข้างจำกัดความเร็วในการเคลื่อนที่ของฟางหยวน


 


วิธีเดียวที่สามารถต่อต้านคือกำจัดศัตรูโดยใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมด


 


โชคดีที่ท่าไม้ตายอมตะคลื่นดาบสามชั้นสามารถปลดปล่อยคลื่นดาบได้สามครั้งและจะทรงพลังขึ้นทุกครั้ง


 


คลื่นดาบครั้งที่สาม!


 


คลื่นดาบสูงสิบเมตรพุ่งเข้าโจมตีค้างค้าวมรณะบรรพกาลด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ กระทั่งฟางหยวนซึ่งเป็นผู้ใช้ยังรู้สึกว่าร่างกายของตนสั่นสะท้านขึ้น


 


“บึม!”


 


คลื่นดาบปะทะค้างคาวมรณะบรรพกาล


 


ค้างคาวมรณะบรรพกาลเงยศีรษะกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด


 


คลื่นดาบปะทะแผลเก่าบนหน้าท้องของมันก่อนจะทะลุออกไปด้านหลัง


 


ร่างกายของมันระเบิดออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและร่วงหล่นลงจากท้องฟ้าราวกับว่าวที่ถูกตัด


 


เมื่อแรงกดดันลดลง ฟางหยวนจึงสามารถผ่อนคลาย พลังอำนาจบนเส้นทางแห่งห้วงมิติที่ผนึกพื้นที่เอาไว้ก่อนหน้านี้หายไปอย่างสมบูรณ์


 


‘ข้าฆ่ามันได้!’ ฟางหยวนรู้สึกมีความสุขแต่ในจังหวะนี้การแสดงออกของเขากลับเปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหัน


 


ความหมายที่แท้จริงปริมาณมากพุ่งเข้าสู่จิตใจของเขาราวกับน้ำตกสวรรค์


 


มันมากกว่าครั้งก่อนหน้า!


 


ฟางหยวนรู้สึกเหมือนได้เห็นค้างคาวมรณะตั้งแต่กำเนิด เติบโต และตกตาย


 


หลังจากชั่วครู่ฟางหยวนก็ฟื้นขึ้นจากอาการมึนงง ดวงตาของเขากลับมาส่องประกายคมชัดอีกครั้ง


 


‘ดูเหมือนความหมายที่แท้จริงครั้งนี้จะมากเกินไป ข้าเหมือนงูที่พยายามกลืนกินช้าง หากข้ากินอาหารคำโตเกินไป ท้องของข้าอาจระเบิด!’ เมื่อตระหนักถึงเรื่องนี้ ช่วยไม่ได้ที่เหงื่ออันเย็นเยียบจะไหลลงจากหน้าผากของเขา


 


ความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งเป็นวิธีที่รวดเร็วที่สุดในการยกระดับความสำเร็จ


 


แต่ทุกสิ่งล้วนมีขีดจำกัด หากมากเกินไป มันอาจเป็นอันตราย


 


ด้วยปริมาณที่มากเกินไป จิตใจของผู้อมตะอาจพังทลายลง โชคดีที่ฟางหยวนมีรากฐานบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ดีและยังมีวิญญาณอมตะสายป้องกันที่ยืมมาจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา


 


มิฉะนั้นฟางหยวนอาจสูญเสียตัวตนและตกตายอยู่ที่นี่


 


‘ข้ามีพลังงานอมตะเหลืออยู่เล็กน้อย โชคดีที่ค้างคาวมรณะบรรพกาลตายไปแล้ว…’


 


ฟางหยวนมองลงไปด้านล่าง


 


ซากศพของค้างคาวมรณะบรรพกาลกลายเป็นกองหิมะอยู่บนพื้น


 


แต่อสูรหิมะเดียวดายยังอยู่ที่นี่และยังมีอสูรหิมะตัวเล็กตัวน้อยอีกนับไม่ถ้วน นอกจากนั้นอสูรหิมะระดับสัตว์อสูรบรรพกาลก็ถือกำเนิดขึ้นแล้ว


 


‘บัดซบ! มันเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆเท่านั้น’ เมื่อเห็นสิ่งนี้ ฟางหยวนรู้สึกแย่มาก


 


‘เพื่อกวาดล้างอสูรหิมะเหล่านี้ ข้าต้องยืมหินวิญญาณอมตะจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา’ ฟางหยวนไม่เต็มใจที่จะติดหนี้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาแต่ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือก


 


พายุหิมะที่อ่อนกำลังลงเริ่มรุนแรงขึ้นอีกครั้ง


 


เกล็ดหิมะขนาดเท่าฝ่ามือบินลงมาจากท้องฟ้าพร้อมกับสายลมกรรโชกแรง


 


ค้างคาวมรณะบรรพกาลอีกสองเริ่มก่อนตัวขึ้น


 


ใบหน้าของฟางหยวนกลายเป็นซีดขาว เขาสาปแช่ง ‘ฮืม ข้าอาจตายอยู่ที่นี่ ภัยพิบัติพิภพชนิดใดกัน กระทั่งภัยพิบัติสวรรค์ยังไม่น่ากลัวถึงเพียงนี้!’


 


แน่นอนว่านี่เป็นเพียงการระบายอารมณ์ของฟางหยวนเท่านั้น เขากัดฟันแน่นก่อนจะพุ่งเข้าโจมตีศัตรูทันที


 


ค้างคาวมรณะบรรพกาลตัวก่อนหน้าเกือบฆ่าเขาไปแล้ว หากค้างคาวมรณะบรรพกาลสองตัวปรากฏขึ้นและโจมตีฟางหยวนในเวลาเดียวกัน เขาอาจไม่สามารถเอาชนะ


 


แต่ดูเหมือนพลังอำนาจของภัยพิบัติพิภพเริ่มลดลงราวกับกำลังจะถึงจุดสิ้นสุด


 


การก่อตั้วขึ้นของค้างคาวมรณะบรรพกาลสองตัวค่อนข้างช้าหากเปรียบเทียบกับตัวก่อนหน้า


 


ฟางหยวนต้องการกำจัดค้างคาวมรณะบรรพกาลก่อนที่พวกมันจะก่อตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์


 


แต่ในเวลานี้พายุหิมะกลับทวีความรุนแรงมากขึ้น


 


ก้อนหิมะขนาดใหญ่เท่ารถม้าหลายลูกตกลงมากจากท้องฟ้า หากความสำเร็จด้านการบินของฟางหยวนไม่บรรลุระดับกึ่งปรมาจารย์ เขาอาจไม่สามารถหลบเลี่ยง


 


เขามองไปทางต้นกำเนิดของก้อนหิมะเหล่านั้น ปรากฏว่ามันเป็นการโจมตีจากอสูรหิมะบรรพกาลที่อยู่บนพื้น


 


หลังจากไม่นานอสูรหิมะบรรพกาลเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนหน้านี้พวกมันมีเพียงไม่กี่ตัวแต่ตอนนี้พวกมันมีมากถึงยี่สิบแปดตัว


 


อสูรหิมะบรรพกาลสร้างก้อนหิมะขนาดใหญ่ขึ้นในมือก่อนจะโยนขึ้นสู่อากาศราวกับสะเก็ดดาวพุ่งไปที่ฟางหยวน


 


หัวใจของฟางหยวนจมดิ่งลง ค้างคาวมรณะบรรพกาลสองตัวเป็นเรื่องยากที่จะจัดการ ตอนนี้ยังมีก้อนหิมะเหล่านี้เป็นสิ่งกีดขวาง แผนการของเขาจึงล่าช้าลง หากค้างคาวมรณะบรรพกาลทั้งสองสามารถก่อตัว ฟางหยวนอาจล้มเหลวในภัยพิบัติครั้งนี้!


 


ขณะที่ฟางหยวนเผชิญหน้ากับสถานการณ์อันตรายอยู่ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ ยังมีคนอื่นที่กำลังประสบปัญหาอยู่ในแดนน้ำแข็งเช่นกัน


 


มันคือการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะของผู้ใช้วิญญาณบางคน


 


“ท่านอาจารย์ช่วยข้าด้วย!” ผู้ใช้วิญญาณกรีดร้องเมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีจากสายฟ้าเยือกแข็ง เขาไม่สามารถต่อต้านและทำได้เพียงเฝ้ามองความตายที่ใกล้เข้ามาเท่านั้น


 


“บึม!” เสียงระเบิดดังสนั่น


 


ในช่วงเวลาสำคัญร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นด้านหน้าผู้ใช้วิญญาณ


 


สายฟ้าเยือกแข็งที่ผู้ใช้วิญญาณไม่สามารถต่อต้านกลับเปราะบางเหมือนกระดาษต่อหน้าบุคคลผู้นี้


 


สายฟ้าเยือกแข็งปรากฏขึ้นและหายไปอย่างรวดเร็ว


 


มันไม่แม้แต่จะสามารถสัมผัสเสื้อผ้าของคนๆนี้


 


“ระดับการบ่มเพาะของท่านอาจารย์สูงมาก!” ผู้ใช้วิญญาณถอนหายใจ ตั้งแต่ภัยพิบัติเริ่มขึ้น เขาถอนหายใจมาหลายครั้งแล้ว


 


“นี่เป็นเพียงภัยพิบัติสายฟ้าเยือกแข็ง พลังอำนาจของมันยังไม่มีถึงหนึ่งในสิบของภัยพิบัติใหญ่” ผู้อมตะชูตู๋มองสายฟ้าเยือกแข็งอย่างไร้อารมณ์


 


“ท่านอาจารย์ ท่านหมายความว่าท่านไม่พอใจกับพลังอำนาจของภัยพิบัตินี้งั้นหรือ?” ผู้ใช้วิญญาณถาม


 


ชูตู๋ตอบอย่างตรงไปตรงมา “เมื่อผู้ใช้วิญญาณก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ พวกเขาจะดึงปราณสวรรค์และปราณพิภพออกมา ระหว่างขั้นตอนนี้ พวกเขาจะเชื่อมต่อกับสวรรค์พิภพและได้รับข้อมูลรวมถึงแรงบันดาลใจมากมาย”


 


“แต่ในแดนน้ำแข็งแห่งนี้ เมื่อผู้ใช้วิญญาณบนเส้นทางความแข็งแกร่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ พวกเขาจะกระตุ้นความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งให้ปรากฏตัวขึ้น พวกเขาจะได้รับความหมายที่แท้จริงบนเส้นทางความแข็งแกร่งและเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงของเทพปีศาจคลั่งโดยตรง”


 


“ยิ่งภัยพิบัติทรงพลังมากเท่าใด พวกเขาก็จะได้รับความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งมากเท่านั้น ข้าเลี้ยงดูศิษย์ทุกคนเพราะข้าต้องการความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง ระหว่างที่พวกเจ้าก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ ข้าจะได้รับความหมายที่แท้จริงเหล่านั้นและมันจะทำให้ความสำเร็จของเส้นทางความแข็งแกร่งของข้าเพิ่มสูงขึ้น!”


 


“เป็นเช่นนั้น” ผู้ใช้วิญญาณเข้าใจในที่สุด “นี่คือเหตุผลที่ท่านอาจารย์รับพวกเราเป็นศิษย์?”


 


ชูตู๋กำลังจะกล่าวแต่ในจังหวะนี้เขากลับได้ยินเสียงดังมาจากระยะไกล


 


“หือ” ชูตู๋มองไปยังสถานที่ที่ห่างออกไป มันมีรอยแตกร้าวอยู่กลางอากาศ นอกจากนั้นยังสามารถมองเห็นฟางหยวนที่กำลังต่อสู้กับค้างคาวมรณะบรรพกาลอยู่ในมิติช่องว่างของเขา


 


“นี่!?” ร่างของชูตู๋สั่นสะท้านขึ้นพร้อมกับดวงตาที่ส่องประกายสว่างไสว


บทที่ 1057 เผชิญหน้าภัยพิบัติ (5)


แปลโดย iPAT 


 


ชูตู๋


 


รู้จักกันในนามของจักรพรรดิอมตะ บุคคลในตำนานของโลกผู้อมตะภาคเหนือ


 


เขาเกิดในครอบครัวที่ยากจน เขาไม่ได้มาจากตระกูลฮวงจิน จุดเริ่มต้นของเขาต่ำมาก กระทั่งทะเลวิญญาณของเขายังถูกปลุกให้ตื่นขึ้นโดยบังเอิญ เขาไม่มีอาจารย์และตระกูลให้ความช่วยเหลือ แต่นั่นไม่สามารถหยุดความยิ่งใหญ่ของเขา เขาเป็นผู้สร้างวิญญาณความแข็งแกร่งกิโลกรัมและอื่นๆอีกมากมาย


 


ด้วยการใช้วิญญาณเหล่านี้ เขาสามารถก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ


 


แต่นี่ไม่ใช่จุดสุดท้ายของตำนาน เมื่อเขากลายเป็นผู้อมตะ เขายังสร้างกิ่งก้านสาขาบนเส้นทางความแข็งแกร่งและทำให้เส้นทางความแข็งแกร่งที่กำลังจะตายกลับมาเจริญรุ่งเรืองอีกครั้ง


 


ไม่มีผู้ใดสามารถปฏิเสธความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของชูตู๋


 


ตอนนี้เก้าในสิบของผู้ใช้วิญญาณภาคเหนือฝึกฝนอยู่บนเส้นทางความแข็งแกร่งที่เขาสร้างขึ้น


 


โชคชะตาเป็นสิ่งลึกลับที่ไม่มีผู้ใดสามารถถอดรหัส


 


ไม่ว่าจะเป็นชูตู๋หรือฟางหยวน พวกเขาไม่เคยคิดว่าจะได้พบกันในสถานการณ์เช่นนี้


 


ฟางหยวนกำลังเผชิญหน้ากับภัยพิบัติและเนื่องจากพลังอำนาจของค้างคาวมรณะบรรพกาล มันทำให้มิติช่องว่างจักรพรรดิเกิดรูช่องโหว่ขึ้นในที่สุด


 


อีกด้านหนึ่งชูตู๋กำลังช่วยศิษย์ของตนต่อต้านภัยพิบัติเพื่อก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะโดยมีจุดประสงค์ที่แท้จริงคือความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง


 


แดนน้ำแข็งของภาคเหนือมีอาณาเขตกว้างใหญ่ แต่ทั้งสองกลับเลือกสถาที่เดียวกัน


 


คนทั้งสองสบตากันในระยะไกล!


 


ชูตู๋พึ่งกำจัดภัยพิติของศิษย์ มือข้างหนึ่งของเขาอยู่ด้านหลังขณะที่อีกข้างกำลังเล่นกับสายฟ้าเยือกแข็งอย่างสงบ


 


ฟางหยวนในชุดคลุมขาวกำลังต่อสู้อย่างดุเดือด นั่นทำให้เขาดูราวกับดาบอันแหลมคมและทำให้ชูตู๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย


 


‘บางคนกำลังเผชิญหน้ากับภัยพิบัติที่นี่? ค้างคาวมรณะบรรพกาลทำให้เขาได้รับความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง! คนผู้นี้มีวิธีการที่น่าทึ่ง! เขาจำลองการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเพื่อรับความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง!’ ชูตู๋ตกใจก่อนจะเปลี่ยนเป็นความสุข


 


‘จักรพรรดิชูตู๋!’ ฟางหยวนตกใจเช่นกัน ‘เขากำลังช่วยผู้ใช้วิญญาณอีกคนก้าวข้ามภัยพิบัติ เป้าหมายของเขาต้องเป็นความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง! โอ้ ไม่ เขาเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่ เขาต้องมาหาข้าอย่างแน่นอน!’


 


ท่าไม้ตายอมตะมิติภัยพิบัติที่ฟางหยวนได้รับมาจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาดึงดูดความสนใจของจักรพรรดิอมตะชูตู๋เป็นอย่างมาก


 


‘ตาบเท่าที่ข้ารู้วิธีการของเขา เหตุใดข้าต้องเลี้ยงศิษย์เพื่อให้พวกเขาก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ? ข้าสามารถรับความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งได้โดยตรง นั่นเป็นวิธีที่ดีที่สุด! ข้าต้องได้รับวิธีการนี้!’ ชูตู๋กรีดร้องอยู่ในใจและทะยานร่างเข้าไปหาฟางหยวนราวกับสายฟ้า


 


เขาเป็นที่รู้จักในนามจักรพรรดิอมตะ ในอดีตเมื่อเขายังเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษระดับหก ผู้อมตะหลายคนต้องการกลั่งแกล้งเขา แต่สุดท้ายผู้อมตะสามคนกลับถูกสังหารโดยชูตู๋


 


หนึ่งร้อยปีต่อมา ชูตู๋และผู้อมตะเผ่าหลิวผู้หนึ่งเกิดข้อพิพาท หลังจากการต่อสู้หลายสิบรอบ ผู้อมตะเผ่าหลิวเป็นฝ่ายพ่ายแพ้และร้องขอความเมตตา แต่ชูตู๋กลับฆ่าเขาโดยไม่ลังเล


 


จากนั้นเผ่าหลิวได้ส่งผู้อมตะหลายคนออกมาจัดการชูตู๋ ด้วยจำนวนคนที่มากกว่า ชูตู๋ไม่สามารถรับมือ เขาเข้าสู่การบ่มเพาะสันโดษเป็นเวลาหลายทศวรรษ เมื่อเขาปรากฏตัวอีกครั้ง เขากลายเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดและเดินทางไปรอบๆเพื่อทำลายแหล่งทรัพยากรของเผ่าหลิว ผู้อมตะเผ่าหลิวสามคนไล่ล่าเขาแต่เขาไม่ได้หลบหนี นอกจากนั้นเขายังบังคับให้คนทั้งสามล่าถอยกลับไป


 


ชูตู๋ปิดล้อมแดนศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าหลิวและไม่ยอมจากไป ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าหลิวต้องออกมาต่อสู้กับชูตู๋ด้วยความโกรธแต่กลับไม่สามารถทำสิ่งใด สุดท้ายจึงต้องปล่อยชูตู๋จากไปอย่างอิสระ


 


หลังการต่อสู้ครั้งนั้น ชื่อเสียงของชูตู๋จึงพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า


 


ไม่มีผู้อมตะคนใดกล้าดูถูกเขา ผู้คนที่ต้องการกลั่นแกล้งเขาต้องคิดให้รอบคอบก่อนลงมือ


 


อย่างไรก็ตามชูตู๋กลับเก็บตัวบ่มเพาะโดยไม่ติดต่อผู้ใด กระทั่งการประมูลครั้งใหญ่ของภาคเหนือ เขาจึงปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง


 


ในความเป็นจริงสิ่งที่ทำให้ชูตู๋เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วและสามารถเอาชนะผู้อมตะเผ่าหลิวเป็นเพราะเขาได้รับความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง


 


เขาเลี้ยงดูผู้ใช้วิญญาณหลายคนและช่วยให้พวกเขาก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะบนเส้นทางความแข็งแร่ง


 


หลายปีที่ผ่านมาเขาอาศัยอยู่ในแดนน้ำแข็งมาตลอดและพยายามขุดสมบัติที่เรียกว่าความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง


 


เมื่อชูตู่เห็นฟางหยวน เขาไม่เพียงต้องการวิธีดึงความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งออกมา เขายังรู้สึกไม่พอใจเพราะสมบัติของเขากำลังถูกบางคนฉกชิงไป


 


ดังนั้นเขาจึงไม่คิดมากและพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวนโดยตรง


 


แม้ระยะทางจะค่อนข้างไกล แต่มันไม่ใช่ปัญหาสำหรับผู้อมตะ


 


“หือ…” ก่อนที่ชูตู่จะลงมือ ฟางหยวนกลับส่งดาบแสงออกมาแล้ว


 


ชูตู๋เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว แต่ฟางหยวนยิ่งเร็วกว่า!


 


เขาใช้ท่าไม้ตายอมตะดาบประหารชีวิตแทบจะในทันทีที่ค้นพบการคงอยู่ของชูตู๋


 


ชูตู๋หัวเราะเบาๆ เขายกแขนขวาขึ้นและคว้าดาบบินโดยตรง


 


“บึม!” เสียงระเบิดดังขึ้น


 


มือภูตบนเส้นทางความแข็งแกร่งพุ่งออกมาจากมือขวาของชูตู๋และคว้าวิญญาณอมตะดาบบินเอาไว้


 


ร่องรอยของความประหลาดใจปรากฏขึ้นในดวงตาของฟางหยวน


 


มือภูตบนเส้นทางความแข็งแกร่งของชูตู๋คล้ายกับกำปั้นยักษ์หมื่นตัวตนของเขามาก แต่ไม่เพียงมันจะแข็งแกร่งกว่า มันยังคล่องตัวกว่าอีกด้วย


 


หลังจากวิญญาณอมตะดาบบินถูกจับกุม ชูตู๋รีบผนึกมันทันที


 


ฟางหยวนรู้สึกถึงความเชื่อมต่อระหว่างเขากับวิญญาณอมตะดาบบินอ่อนแอลงอย่างมาก


 


ด้านชูตู๋ เขาขมวดคิ้วก่อนจะเปิดกำปั้นออกและเห็นเลือดอยู่กลางฝ่ามือ


 


มันคือผลกระทบจากท่าไม้ตายอมตะดาบประหารชีวิต


 


“น่าสนใจ” เขาแสดงความคิดเห็น


 


หลังจากนั้นอาการบาดเจ็บของเขาก็ฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว


 


“ส่งวิธีการของเจ้ามาแล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า หือ?” ชูตู๋ประกาศแต่ในจังหวะนี้การแสดงออกของเขากลับเปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหัน


 


ในช่วงเวลาสำคัญ ฟางหยวนตัดร่างกายส่วนล่างของตนและเปลี่ยนมันเป็นบ่อเลือดด้วยวิธีบนเส้นทางแห่งเลือด


 


เลือดหลอมรวมเข้ากับมิติช่องว่างจักรพรรดิและซ่อมแซมรอยแตกของกำแพงมิติในเสี้ยวพริบตา


 


ชูตู่รีบโจมตีด้วยมือภูตบนเส้นทางความแข็งแกร่ง


 


แต่มันสายไปแล้ว มือภูตล้มเหลว มันตกลงบนพื้นและสร้างปล่องภูเขาไฟที่มีรัศมีหลายสิบเมตร


 


ชูตู๋บินไปยังตำแหน่งที่ตั้งมิติช่องว่างของฟางหยวนด้วยการแสดงออกที่มืดครึ้ม เขาไม่มีวิธีเจาะทะลวงเข้าไปในมิติช่องว่าง


 


‘บัดซบ! เหตุใดข้าจึงพบจักรพรรดิอมตะชูตู๋!?’ ภายในมิติช่องว่างจักรพรรดิ ฟางหยวนลอยอยู่กลางอากาศ อาการบาดเจ็บของเขาถูกรักษาเรียบร้อยแล้ว


 


‘ข้าต้องกำจัดค้างคาวมรณะบรรพกาลสองตัวนี้ให้เร็วที่สุด!’ ฟางหยวนกัดฟันขณะที่เจตนาสังหารพุ่งสูงขึ้น


 


ท่าไม้ตายอมตะคลื่นดาบสามชั้น!


 


เขาใช้ท่าไม้ตายนี้ติดต่อกัน


 


“พรวด!”


 


เขากระอักเลือดคำโตออกมาและรู้สึกราวกับกำลังจะเป็นลม


 


ท่าไม้ตายอมตะคลื่นดาบสามชั้นไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะกระตุ้นใช้งาน


 


และเพื่อป้องกันไม่ให้ค้างคาวมรณะบรรพกาลสร้างรูช่วงโหว่ขึ้นอีกครั้ง เขาจึงต้องรับการโจมตีทั้งหมดของค้างคาวมรณะบรรพกาล


 


เวลาราวกับเดินช้าลง


 


ทุกครั้งที่ฟางหยวนปิดกั้นการโจมตีของค้างคาวมรณะบรรพกาล หัวใจของเขายิ่งจมดิ่งลงและไม่รู้ว่าตนเองจะสามารถต่อต้านการโจมตีครั้งต่อไปของศัตรูได้หรือไม่


 


เขาไม่สามารถคิดเรื่องอื่น ความคิดทั้งหมดของเขาจดจ่ออยู่กับการกระตุ้นใช้งานวิญญาณเท่านั้น


 


ทั้งสองฝ่ายเหมือนนักรบในการต่อสู้แห่งชีวิตและความตาย พวกเขาโจมตีศัตรูอย่างบ้าคลั่งด้วยทุกสิ่งที่มี หากฝ่ายใดไม่สามารถอดทน ฝ่ายนั้นจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้


 


เมื่อเวลาผ่านไป สายลมที่กรรโชกแรงทำให้ฟางหยวนรู้สึกมึนงง


 


‘ข้าจะผ่านไปได้หรือไม่?’ เขาพึมพำขณะที่มองค้างคาวมรณะบรรพกาลร่วงหล่นลงจากท้องฟ้า


 


ในไม่ช้าความคิดในใจของเขาก็ถูกเติมเต็ม เขาสามารถคิดได้อีกครั้ง


 


เขาสามารถสังหารค้างคาวมรณะบรรพกาลหนึ่งตัวแต่ยังเหลืออีกหนึ่ง


 


ฟางหยวนเลียริมฝีปากที่แห้งผากของตน ใบหน้าของเขาซีดราวกระดาษขณะที่เขาพุ่งเข้าไปหาค้างคาวมรณะบรรพกาลอีกครั้ง


 


คราวนี้มันง่ายขึ้น


 


เผชิญหน้าตัวต่อตัวกับค้างคาวมรณะบรรพกาล ฟางหยวนรู้สึกถึงแรงกดดันที่ลดน้อยลง เขาสามารถคิดเรื่องต่างๆและสามารถตอบสนองสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสม


 


แต่เขายังไม่กล้าผ่อนคลาย


 


มีความเป็นไปได้ที่ค้างคาวมรณะบรรพกาลตัวใหม่จะปรากฏขึ้น


 


สิ่งที่แย่กว่านั้นก็คือหากจักรพรรดิอมตะชูตู๋สามารถเข้ามาที่นี่ สถานการณ์ของฟางหยวนจะเลวร้ายลงอย่างมาก


 


แต่หลังจากฟางหยวนสังหารค้างคาวมรณะบรรพกาลตัวนี้ ไม่มีค้างคาวมรณะบรรพกาลปรากฏตัวขึ้นอีก ขณะที่ชูตู๋ก็ไม่สามารถเข้ามาในมิติช่องว่างจักรพรรดิ


 


ปราณสวรรค์และปราณพิภพเริ่มสงบลง


 


‘ภัยพิบัติของข้าจบสิ้นแล้ว ข้าผ่านมาได้!’ ฟางหยวนมองลงไปบนพื้นและเห็นฝูงอสูรหิมะคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว


 


‘โชคดีที่มิติช่องว่างของข้าใหญ่พอ ที่นี่ยังไม่มีทรัพยากรใดๆ ข้าจะปล่อยอสูรหิมะเหล่านี้ไว้ที่นี่ชั่วคราว พวกมันไม่สามารถทำลายกำแพงมิติและออกจากมิติช่องว่างของข้า’ ฟางหยวนบินขึ้นไปบนสวรรค์ชั้นแรกที่อยู่ในมิติช่องว่างจักรพรรดิของเขา


 


เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสและต้องรักษาตัว


 


ขณะที่เขารักษาอาการบาดเจ็บ เขายังต้องเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้


 


หลังจากทั้งหมดหากชูตู๋บุกเข้ามาที่นี่ มันย่อมไม่ใช่เรื่องตลก


บทที่ 1058 วิญญาณอมตะสมบัติเลือด


แปลโดย iPAT 


 


สามวันต่อมาในมิติช่องว่างจักรพรรดิ


 


หลังจากภัยพิบัติผ่านพ้น ฟางหยวนรักษาอาการบาดเจ็บอยู่บนสวรรค์ชั้นแรก


 


ร่างกายของเขาจมอยู่ใต้บ่อเลือดขนาดใหญ่


 


บ่อเลือดเต็มไปด้วยพลังชีวิตที่เยี่ยวยารักษาร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสของฟางหยวน


 


ทันใดนั้นฟางหยวนพลันเปิดเปลือกตาขึ้น


 


‘วิธีหลอมรวมร่างกายบนเส้นทางแห่งเลือดสามารถรักษาร่างอมตะของข้า’ ฟางหยวนคิด


 


วิญญาณระดับมนุษย์จำนวนมากที่อยู่ในบ่อเลือดส่องประกายขึ้นพร้อมกับวิญญาณอมตะระดับหกดวงหนึ่ง


 


วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งเลือด สมบัติเลือด!


 


นี่เป็นวิญญาณอมตะที่ถูกคิดค้นขึ้นโดยจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา เขาสร้างเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะดวงนี้จากเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งเลือดที่ซื้อมาจากสวรรค์สีเหลือง


 


วิญญาณอมตะสมบัติเลือดสามารถปกป้องทรัพยากรอมตะหรือวิญญาณระหว่างการหลอมรวม หากการหลอมรวมล้มเหลว ทรัพยากรอมตะหรือวิญญาณบางส่วนจะถูกรักษาไว้


 


ด้วยการคงอยู่ของวิญญาณอมตะดวงนี้ จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาสามารถประหยัดทรัพยากรไปได้มาก หากเป็นบุคลิกก่อนหน้าของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา เขาจะไม่ใช้มันในการแลกเปลี่ยนไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้น


 


แต่หลังจากบุคลิกของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเปลี่ยนไป ความสนใจของเขาไม่เหมือนเดิม


 


สุดท้ายวิญญาณอมตะดวงนี้จึงตกอยู่ในมือของฟางหยวน


 


เมื่อฟางหยวนได้รับมัน เขาไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆออกมาแต่ลอบมีความสุขมากอยู่ภายใน


 


วิญญาณอมตะถือเป็นมือเท้าที่คอยช่วยเหลือผู้อมตะในการหลอมรวมวิญญาณ แต่สำหรับฟางหยวนที่เป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งเลือด เขาสามารถใช้มันได้มากกว่านั้น


 


เช่นในเวลานี้


 


วิญญาณอมตะสมบัติเลือดราวกับภูเขาไฟที่กำลังปะทุขึ้นใต้บ่อเลือด


 


มันลอยอยู่เหนือศีรษะของฟางหยวนและดึงดูดพลังงานแห่งชีวิตปริมาณมหาศาลเข้ามาให้เขาอย่างไม่รู้จบสิ้น


 


กระดูกที่แตกหักของฟางหยวนค่อยๆเชื่อมต่อกัน เนื้อหนังที่ฉีกขาดค่อยๆผสานตัว อาการบาดเจ็บทั้งหมดของเขาได้รับการเยี่ยวยา


 


ในเวลาไม่นานร่างกายของฟางหยวนก็กลับมาสมบูรณ์แบบอีกครั้ง!


 


“บึม!”


 


ฟางหยวนทะยานร่างออกจากบ่อเลือดราวกับลูกศรพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า


 


เขากวาดตามองร่างกายของตนและพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “ร่างนี้เกิดจากวิญญาณทารกอมตะ มันมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าทุกประเภท นอกจากนั้นพวกมันยังไม่ต่อต้านกัน เพราะเหตุนี้ข้าจึงสามารถใช้วิธีรักษาบนเส้นทางที่หลากหลายและได้รับผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม”


 


ฟางหยวนยกมือขึ้นขณะที่วิญญาณอมตะสมบัติเลือดพุ่งขึ้นมาจากบ่อเลือดและบินมาอยู่บนฝ่ามือของเขา


 


ฟางหยวนมองวิญญาณอมตะดวงนี้ด้วยสายตาชื่นชมก่อนจะเก็บมัน


 


วิญญาณอมตะสมบัติเลือดกลายเป็นรอยสักรูปไข่มุกสีแดงอยู่บนหน้าอกของเขา


 


ในความเป็นจริงการจัดเก็บลักษณะนี้ไม่ปลอดภัย หากร่างกายของฟางหยวนถูกทำลาย วิญญาณอมตะสมบัติเลือดจะถูกทำลายไปด้วย


 


วิญญาณอมตะเปราะบางมาก กระทั่งเด็กวัยหัดเดินยังสามารถทำลายวิญญาณอมตะระดับเก้า


 


วิธีที่ปลอดภัยที่สุดคือเก็บไว้ในมิติช่องว่างของผู้อมตะ


 


แต่ตอนนี้ฟางหยวนอยู่ในมิติช่องว่างของตน ตราบเท่าที่เขาระมัดระวัง มันจะไม่มีปัญหา


 


“ห้าร้อยปีก่อนหน้า ข้าไม่สามารถครอบครองวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดแม้แต่ดวงเดียว สุดท้ายข้าต้องหลอมรวมวิญญาณกาลเวลาขึ้นมาอย่างไม่มีทางเลือก ในเวลานั้นหากข้ามีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งเลือด ข้าจะประสบความสำเร็จมากขึ้น กระทั่งนิกายโบราณทั้งสิบจะปิดล้อมข้า ข้าก็สามารถต่อสู้ได้ด้วยความมั่นใจ”


 


ฟางหยวนคุยโม้เล็กน้อย


 


ในชีวิตก่อนหน้าเขามีความแข็งแกร่งอยู่บนจุดสูงสุดของระดับหก เผชิญหน้ากับผู้อมตะระดับเจ็ดทั่วไปสองคนพร้อมกัน เขายังสามารถเอาชนะ


 


แม้จะใช้หลายวิธีเพื่อบรรลุผลลัพธ์แต่การเอาชนะผู้อมตะระดับเจ็ดด้วยการบ่มเพาะระดับหกถือเป็นความสำเร็จที่น่ายกย่องอย่างแท้จริง


 


แน่นอนว่าหากเปรียบเทียบกับโป้ชิงหรือฟงจิวเก้อ เขายังห่างไกลนัก แต่สิ่งสำคัญคือฟางหยวนสามารถเอาชนะผู้อมตะระดับเจ็ดได้โดยที่เขาไม่มีวิญญาณอมตะในการครอบครองแม้แต่ดวงเดียว


 


ในช่วงเวลานั้นฟางหยวนเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งเลือดและยังสามารถสร้างเส้นทางของตนเองรวมถึงวิญญาณระดับมนุษย์และท่าไม้ตายระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งเลือดอีกมากมาย


 


ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งเลือดของฟางหยวนคือระดับปรมาจารย์ เขาไม่ได้ขาดแคลนสิ่งใดยกเว้นวิญญาณอมตะ


 


หากเขามีวิญญาณอมตะ เขาจะสามารถยกระดับท่าไม้ตายระดับมนุษย์เป็นท่าไม้ตายอมตะและมีพลังการต่อสู้ที่สูงขึ้นอีกมาก


 


แต่ตลอดห้าร้อยปีและกระทั่งหลังจากกำเกิดใหม่ ฟางหยวนก็ไม่เคยได้รับวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดแม้แต่ดวงเดียว


 


ในความเป็นจริงเรื่องนี้อาจเกิดจากอิทธิพลของเจตจำนงสวรรค์


 


จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ที่เขาได้รับวิญญาณอมตะสมบัติเลือดจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา


 


อย่างไรก็ตามผู้บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งเลือดจะถูกไล่ล่าโดยวังสวรรค์ การเป็นปีศาจอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดถือเป็นเรื่องอันตรายมาก


 


ตั้งแต่ฟางหยวนได้รับวิญญาณอมตะสมบัติเลือด เขาคิด ‘ยิ่งข้าใช้งานมันน้อยเท่าใด มันก็จะยิ่งดีต่อข้ามากเท่านั้น’


 


แต่โชคชะตาไม่สามารถคาดเดา


 


ในช่วงเวลาที่เขาเผชิญหน้ากับภัยพิบัติ เขากลับพบชูตู๋ ชีวิตของเขาตกอยู่ในความเสี่ยง เขาต้องใช้วิญญาณอมตะสมบัติเลือดกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายเพื่อซ่อมแซมมิติช่องว่างจักรพรรดิอย่างเร่งด่วน


 


เมื่อฟางหยวนต้องการรักษาอาการบาดเจ็บของตน เขาก็มีเพียงทักษะบนเส้นทางแห่งเลือดเท่านั้นที่สามารถช่วยเหลือเขาได้ในเวลาสั้นๆ


 


ฟางหยวนไม่ต้องการขอความช่วยเหลือเพิ่มเติมจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา ยิ่งเขาเปิดเผยข้อมูลมากเท่านั้น โอกาสที่ข้อมูลจะรั่วไหลก็ยิ่งมีมากเท่านั้น ฟางหยวนสงวนข้อมูลบางอย่างจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา เขาปกปิดความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเกี่ยวกับมิติช่องว่างจักรพรรดิ


 


ในฐานะปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งเลือด มันเป็นเรื่องง่ายที่ฟางหยวนจะสามารถพัฒนาท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งเลือด เขาแตกต่างจากไห่ลั่วหลันที่พบกับความยากลำบากในการยกระดับความแข็งแกร่งของตน


 


แท้จริงแล้วเขาเคยคิดค้นเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดมากมายในชีวิตก่อนหน้า แต่มันเป็นเพราะความสำเร็จบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมและเส้นทางแห่งปัญญาของเขาที่ค่อนข้างต่ำ เขาจึงไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร


 


หลังจากเก็บวิญญาณอมตะสมบัติเลือด ฟางหยวนคิดกับตนเอง ‘สามวันมาแล้ว ชูตู๋ไม่ได้บุกเข้ามา ดูเหมือนเขาจะไม่มีวิธีเจาะทะลวงมิติช่องว่าง’


 


ฟางหยวนซ่อมแซมกำแพงมิติด้วยค่าใช้จ่ายมหาศาล หากชูตู่มีวิธีการบางอย่าง เขาจะใช้มันและบุกเข้ามานานแล้ว


 


แม้เขาจะมีวิธีการบางอย่าง เขาก็ต้องใช้เวลาเตรียมตัวว แต่มันไม่ควรใช้เวลานานถึงสามวัน


 


นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก


 


หลังจากมิติช่องว่างถูกวางลง ตราบเท่าที่ประตูทางเข้าออกไม่ถูกเปิดจากภายใน มันจะตัดขาดกับโลกภายนอกอย่างสมบูรณ์


 


ย้อนกลับไปเมื่อนิกายกระเรียนอมตะบุกโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู พวกเขาต้องใช้วิธีบนเส้นทางแห่งเลือดกับฟางเจิ้งเพื่อตรวจสอบตำแหน่งที่แน่นอนของแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู


 


ชูตู๋เป็นผู้อมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งแต่วิธีเจาะทะลวงมิติช่องว่างเกี่ยวข้องกับเส้นทางแห่งห้วงมิติ


 


ฟางหยวนเดาถูกแต่เขายังไม่สามารถผ่อนคลาย


 


แม้ชูตู๋จะไม่เจาะทะลวงเข้ามาในมิติช่องว่างจักรพรรดิ แต่เขายังสามารถเฝ้ารออยู่ด้านนอก


 


สถานการณ์นี้มีความเป็นไปได้สูง


 


เมื่อคิดจากมุมมองของชูตู๋ ในฐานะผู้อมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งที่ต้องการความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง เขาจะยอมทิ้งโอกาสที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้อย่างไร


 


ในอดีตชูตู๋เคยเฝ้ารออยู่ด้านนอกแดนศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าหลิวกระทั่งผู้อาวุโสสูงสุดอันดับหนึ่งของเผ่าหลิวไม่สามารถอดทนและต้องออกมาต่อสู้กับเขา ตอนนี้ฟางหยวนเพียงลำพัง แล้วเขาจะสามารถเปรียบเทียบกับเผ่าหลิวทั้งเผ่าได้อย่างไร แม้จะนับรวมสมาชิกนิกายหลางหยา แต่พลังการต่อสู้ของผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนก็ไม่สามารถแข่งขันกับเผ่าหลิว


 


นอกจากนี้แม้ชูตู๋จะไม่สามารถเจาะทะลวงกำแพงมิติแต่เขายังสามารถขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น


 


‘ดูเหมือนข้าจะติดอยู่ที่นี่ หากข้าเก็บมิติช่องว่างและใช้วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ ข้าจะสามารถหลบหนีจากชูตู๋หรือไม่?’


 


‘วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติอาจรวดเร็วแต่มันสามารถเคลื่อนที่เป็นเส้นตรงเท่านั้น หากต้องการเปลี่ยนทิศ ข้าต้องหยุดและเริ่มใช้วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติอีกครั้ง สำหรับผู้อมตะทั่วไป มันไม่มีปัญหา แต่เผชิญหน้ากับจักรพรรดิอมตะชูตู๋ มันยังไม่เพียงพอ ข้าต้องมีท่าไม้ตายอมตะ’


 


ขณะที่ฟางหยวนกำลังคิด เขาบินลงมาจากสวรรค์ชั้นแรก


 


เมื่อฟางหยวนลงมาถึงระดับหนึ่ง อสูรหิมะจากภัยพิบัติครั้งก่อนสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเขา พวกมันเงยศีรษะคำรามและพยายามโจมตีด้วยก้อนหิมะขนาดใหญ่


 


หลังจากถอนหายใจ ฟางหยวนไม่มีทางเลือกนอกจากต้องจากไปเท่านั้น


 


‘ภัยพิบัติพิภพจบลงแล้วแต่อสูรหิมะยังอยู่รอบๆ ข้าจะเพิกเฉยต่อพวกมันเป็นการชั่วคราว นอกจากนั้นมิติช่องว่างแห่งนี้ก็ไม่มีสิ่งใดให้พวกมันทำลาย’


 


‘ข้ามีวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติแต่ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งดาบของข้ายังต่ำเกินไป ข้าควรฝากความหวังไว้กับเส้นทางแห่งเลือด ตอนนี้ข้าควรสร้างท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดโดยใช้วิญญาณอมตะสมบัติเลือดเป็นแกนกลางเพื่อใช้ประโยชน์ในการเคลื่อนที่’

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)