ลำนำบุปผาพิษ 1055-1060

 บทที่ 1055 ความเจ็บปวดเช่นนั้นเกินที่มนุษย์จะทนรับได้


ในที่สุดเธอก็รู้สึกหวาดกลัว อดไม่ได้ที่จะกระเสือกกระสนคลานมาถึงข้างกายหลงซือเย่ เข้าไปดึงแขนเสื้อเขา หลงซือเย่ยกแขนเสื้อขึ้น หลบจากมือเธอ ยังคงยุ่งงานกันกิจของตนเช่นเดิม เอ็นสตว์ร้ายสีแดงเพลิงเส้นหนึ่งถูกเขาดึงออกมาช้าๆ…


เย่หงเฟิงเป็นคนที่อดทนต่อความเจ็บปวดไม่ได้ ยามนี้เธอเจ็บไปทั้งร่างปานถูกมีดกรีดแทง แทบจะเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้น “พี่หลงซี รักษาก่อน…รักษาฉัน…”


หลงซือเย่ไม่มองเธอเลย ยามที่เขากระทำเรื่องใดอย่างจดจ่อไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจขัดจังหวะได้ หนึ่งเค่อให้หลัง ในที่สุดเอ็นสัตว์เส้นนั้นก็ถูกเขาเลาะออกมาอย่างสมบูรณ์แล้ว ดุจแส้สีเพลิงเส้นหนึ่ง


ในที่สุดเขาก็มองไปที่เย่หงเฟิง น้ำก็ค่อนข้างอ่อนโยนอย่างไม่น่าเชื่อ “เจ็บมากหรือเปล่า?”


จู่ๆ เย่หงเฟิงก็หนาวสะท้านขึ้นมาด้วยความหวาดผวา ถึงแม้หลงซือเย่จะดูไม่ต่างไปจากปกติ แต่นัยน์ตาที่เดิมที่ดำสนิทปานน้ำหมึกกลับเป็นสีแดงฉานรางๆ ยามที่มองเธอหนาวยะเยือกยิ่งนัก


“พี่หลงซี…”


หลงซือเย่ทอดมองเธอจากมุมสูง แววตาแปรเปลี่ยนผันผวน ไม่ทราบเช่นกันว่าคิดอะไรอยู่


เย่หงเฟิงพยายามเพ่งสมาธิจ้องมองเขา เรียกเขาต่อไป “พี่หลงซี…”


หลงซือเย่ราวกับถูกสะกดจิต ค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่งยองๆ มองเธอที่นั่งไร้เรี่ยวแรงอยู่ตรงนั้น เย่หงเฟิงยื่นมือที่สั่นเทาไปหาเขา “พี่หลงซี ฉันเดินไม่ไหวแล้ว พี่อุ้มฉันหน่อย”


หลงซือเย่ชะงักไป ในที่สุดก็ยื่นมือมาอุ้มเธอขึ้น…


เย่หงเฟิงถอนหายใจอย่างโล่งอก พูดต่อว่า “ฉันบาดเจ็บแล้ว พี่รักษาให้ฉันก่อนสิ ฉันกล้จะตายแล้ว…”


ยามที่เอ่ยถ้อยคำเห่านี้เธอจ้องตาเขายู่ตลอด


“ฉันไม่ปล่อยให้เธอตายหรอก” ในที่สุดหลงซือเย่ก็เปิดปากพูด น้ำเสียงปานก้องสะท้อนอยู่ในหุบเขา “ขอโทษนะ”


คล้ายว่าจะพูดให้เย่หงเฟิงฟัง ทั้งยังคล้ายว่าพูดให้ใครอีกคนหนึ่งฟัง


มือเย็นเยียบที่เปรอะเปื้อนโลหิตกดตรงชีพจรเธอ


“ฉันเจ็บมากเลย! พี่หลงซี ฉันเจ็บมาก!” เย่หงเฟิงน้าไหลนองหน้า


“เจ็บมากเหรอ?” จู่ๆหลงซือเย่ก็ยิ้มออกมา เพียงแต่รอยยิ้มนี้กลับดูราวกับร่ำไห้ “เธอเจ็บได้เท่าฉันหรือเปล่า?”


ทันใดนั้นมือของเขาก็บีบข้อมือเย่หงเฟิงไว้ปานคีมเหล็ก! กิดเสียงดังแกร่ก! ข้อมือข้างที่เย่หงเฟิงจับมีดถูกหักอย่างรุนแรง! เย่หงเฟิงกรัดร้องทันที หยาดเหงื่อเย็นเฉียบไหลโซมร่างในทันใด


อย่างไรก็ตามเรื่องยังไม่จบลง หลงซืเย่กุมข้อมือที่หักข้างนั้นของเธอไว้แล้วบิดรอบหนึ่ง…


ความเจ็บปวดเช่นนั้นเกินที่มนุษย์จะทนรับได้


เย่หงเฟิงพยายามเบิกกว้างมองดูหลงซือเย่ พยายามเพ่งสมาธิจ้องตาเขา น้ำเสียงสั่นพร่าย่ำแย่ “พี่…หลงซี…อย่า…อย่าทำร้ายฉัน…พี่หักใจทำร้ายฉันไม่ลงหรอกใช่ไหม…” แต่ก่อนยามที่เธอเรียกชื่อนี้จะอ่อนหวานเพราะพริ้ง ทว่ายามนี้เนื่องจากความเจ็บปวดเสียงจึงสั่นสะท้านบิดเบี้ยวไป


หลงซือเย่หลุบตามองเธอ จู่ๆ ก็ยิ้มบางๆ ออกมาอีกครั้ง เป็นรอยยิ้มอ่อนโยนยามปกติของเขา “ใช่แล้ว ฉันฉันไม่ทำร้ายร่างนี้หรอก ร่างนี้เป็นผลงานที่ดีที่สุดองฉัน…”


เย่หงเฟิงขณะที่กำลังจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก ไม่ทันตั้งตัวจู่ๆ เขาก็คลายแขนที่โอบอุ้มเธอออก!


เย่หงเฟิงหล่นลงพื้นทันที พื้นที่ใต้ร่างล้วนมีสิ่งของจำพวกเศษไม้ก้อนหินที่แตกกระจัดกระจายอยู่ ขรุขระยิ่งนักไม่ราบเรียบเลย ซ้ำเย่หงเฟิงยังเจ็บจนอ่อนยวบไปทั้งตัว ไม่มีเรี่ยวแรงเลย การล้มครั้งนี้แทบจะทำให้เธอสิ้นสติไป! ตาลายจนเห็นดาวแล้ว!


เมื่ออาการตาลายผ่านพ้นไป ในที่สุดเธอก็เพ่งสายตามองได้แล้ว ทว่าเมื่อได้เห็นเอ็นสัตว์ร้ายที่หลงซือเย่เลาะออกมาเส้นนั้นสีหน้าก็แปรเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง!


“ข้าไม่ทำร้ายร่างนี้ต่อหรอก ข้าแค่อยากลงโทษเจ้า!” ลำแสงสีแดงวาบผ่านอากาศ ฟาดเข้าที่ใบหน้ของเย่หงเฟิงอย่างจัง!


เอ็นของสัตว์ร้ายเทพสัชฌะเส้นนรี้เมื่อฟาดลงบนร่างคนจะไม่ได้ทำร้ายร่างกายคน ทว่าจะทำร้ายดวงวิญญาณภายในร่าง แสงสีแดงแผดเสียงก้อง เย่หงเฟิงก็ทนรับไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เกลือกกลิ้งทุรนทุรายอยู่บนพื้น กรีดร้องดังลั่น…


————————————————————————————-


บทที่ 1056 เด็กดี เจ้าเหนื่อยแล้ว


เอ็นสัตว์ร้ายเส้นนั้นก็สนประหลาด ฟาดลงบนร่างเธอ ไม่ทิ้งรอยแผลไว้เลยสักนิด แต่กลับทำให้เธอเจ็บปวดเป็นที่สุด ดวงวิญญาณเจ็บปวดดั่งถูกเลาะกระดูกเถือสันหลัง ทำให้เธอปรารถนาให้ตนไม่ถือกำเนิดขึ้นมาบนโลกใบนี้ยิ่งนัก


เย่หงเฟิงรู้สึกเพียงว่าดวงวิญญาณของตนถูกฟาดจนแตกเป็นเสี่ยงๆ สั่นคลอนจนแทบแหลกสลาย


ริมฝีปากเธอสั่นระริกคิดจะพูดบางอย่าง แต่ความเจ็บปวดอันรุนแรงทำให้เธอพูดไม่ออก มองนัยน์ตาของหลงซือเย่ที่มืดมิดดั่งราตรีทว่ามีเส้นเลือดสีแดงฉานปะปนอยู่ เธอหวาดผวาขึ้นมาจริงๆ แล้ว!


ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเธอต้องตายแน่! ดวงวิญญาณจะหลุดออกไป!


ไม่ไกลนักมีเงาคนเลือนร่างวูบไหวอยู่ คนผู้หนึ่งปรากกฎขึ้นจากความว่างเปล่า คนผู้นี้สวมชุดสีขาวเสื้อคลุมศีรษะสีขาว ตั้งแต่หัวจรดเท้าขาวโพลนเพมือนหิมะ ยืนอยู่บนกิ่งไม้ เขาไม่ได้ก้าวเข้ามา ทว่าปากขยับราวกับท่องบางสิ่ง คล้ายว่าร่ายคาถาอันใดอยู่


ร่างกายหลงซือเย่แข็งทื่อเล็กน้อย ความเร็วในการฟาดคนช้าลง


“หยุดเถอะ เจ้าจะฆ่านางแล้ว…” คนชุดขาวผู้นั้นเอ่ยขึ้น น้ำเสียงแฝงสำเนียงประหลาดอย่างหนึ่งไว้ ราวกับแว่วมาจากหุบเขาอันไกลโพ้น


มือหลงซือเย่ชะงักแวบหนึ่ง ในที่สุดก็หยุดมือ ค่อยๆ เงยหน้ามองคนชุดขาวผู้นั้น


ใบหน้าของคนชุดขาวซ่อนอยู่ในหมวกคลุมสีขาว เผยนัยน์ตาชั่วร้ายสีม่วงคู่หนึ่งออกมารางๆ ดวงตาคู่นี้จ้องมองหลงซือเย่ น้ำเสียงล่องลอยยิ่งขึ้น “เจ้าทำเพื่อนางถึงเพียงนี้ นางกลับหักหลังเจ้า เจ้าจึงเกลียดชังนาง ใช่หรือไม่?”


สายตาของหลงซือเย่มองตรงไปที่เขา เอ่ยตอบอย่างช้าๆ “ใช่!”


“ไม่ว่าเจ้าจะทุ่มเทสักเพียงใดนางก็ไม่ยอมกลับมาอยู่ข้างกายเจ้า นางปันใจไปให้ผู้อื่น นางเป็นสตรีใจโลเล ใช่หรือไม่?”


“…ใช่”


“เจ้ายินยอมให้นางเกลียดชังเจ้า เนื่องจากความเกลียดชังจะสลักลึกได้ยิ่งกว่าความรัก ในเมื่อไม่ว่าจะทำอย่างไรนางก็ไม่ยอมรักเจ้า เช่นนั้นก็ทำให้นางเกลียดไปเลย ยิ่งเกลียดชังล้ำลึกเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้นถูกหรือไม่?”


ใบหน้าหล่อเหลาของหลงซือเย่ในที่สุดก็เผยความปวดร้าวออกมา สายตายังคงมองตรงไปเหมือนเก่า น้ำเสียงสั่นพร่าน้อยๆ “…มิผิด”


“เจ้าบรรลุเป้าหมายแล้ว เมื่อผ่านเรื่องนี้ไป นางจะเกลียดเจ้า จะไม่ลืมเจ้าอีกต่อไป” น้ำเสียงคนชุดขาวอ่อนโยน “เด็กดี เจ้าเหนื่อยแล้ ไปนั่งสมาธิฟื้นฟูให้ดีเถอะ”


หลงซือเย่ในยามนี้เคลื่อนไหวไปตามคำสั่ง ค่อยๆ นั่งลงแล้วเข้าฌานจริงๆ


จวบจนยามนี้เย่หงเฟิงถึงกระเสือกกระสนคืบคลานไปสั่นเทาอยู่ใต้เท้าของคนชุดเขาผู้นั้น “ขอบคุณยิ่งท่านจ้าวยิ่งนักที่ช่วยชีวิต”


ในที่สุดสายตาของคนชุดขาวผู้นั้นก้หันเหมาที่ร่างเย่หงเฟิง


เมื่อครู่น้ำเสียงยามที่พูดคุยกับหลงซือเย่อ่อนโยนอบอุ่นปานบุผาคลี่บานในฤดูใบไม้ผลิ บัดนี้เมื่อมองเย่หงเฟิงแววตานั้นกลับเยียบเย็นลงทันที พลันยกมือขึ้น ลำแสงสายหนึ่งส่องวาบ ซัดลงบนร่างเย่หงเฟิง “สารเลว! เจ้าเกือบทำลายงานใหญ่ของเปิ่นจุนแล้ว!”


เย่หงเฟิงหวีดร้องออกมา ฟุบอยู่ตรงนั้นสั่นไปทั้งตัว “บ่าว…บ่าวทราบความผิดแล้ว…”


คนชุดขาวเยื้องย่างมาอยู่ถึงเบื้องหน้าเธอ ยื่นนิ้วหนึ่งไปเชยคางเธอขึ้น ถอนหายใจเบาๆ “รูปโฉมเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว ทว่านิสัยกลับแตกต่างกันนัก และไม่ค่อยฉลาดสัดเท่าไหร่…”


บนนิ้วนั้นของเขาสวมปลอกเล็บยาวสีเงินแวววาว ทอประกายเยือกเย็นเฉียบคมเล็กน้อย ราวกับกระบี่เล่มหนึ่ง คล้ายว่าสามารถทะลวงลำคอของเย่หงเฟิงได้ตลอดเวลา


ร่างกายเย่หงเฟิงสั่นเทาราวกับมิใช่ร่างตน “ท่านเจ้า…ท่านเจ้าไว้ชีวิตด้วย…บ่าวสัญญา…ว่าจะทุ่มเทกำลังรับใช้ท่านเจ้าสุดความสามารถ…”


ดวงตาภายใต้หมวกคลุมของคนชุดขาวชั่วร้ายยิ่งกว่าเดิม ปลอกเล็บทอแสงเยียบเย็นเฉียดคอเย่หงเฟิงไปมา เย่หงเฟิงไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง ถึงแม้ความเจ็บปดทั่งร่างจะทำให้ธอพุ่งชนกำแพงให้ตายๆ ไปเสีย ทว่ายามนี้กลับไม่กล้าขยับเขยื้อนเลย…


————————————————————————————-


บทที่ 1057 เจ้าคุ้นเคยกับนิสัยของนางแล้วใช่ไหม?


“อย่าทำให้เปิ่นจุนเสียการอีก!” คนชุดขาวเอ่ยขึ้น น้ำเสียงเยือกเย็นปานน้ำแข็ง “เจ้าได้รับโทษจากหลงซือเย่แล้ว มีความเป็นไปได้สูงที่หลงซือเย่จะทำให้ดวงวิญญาณของเจ้าหลุดออกมาได้ แต่ถ้าทำให้เปิ่นจุนเสียการอีก เปิ่นจุนมีวิธีจะทให้เจ้าจะอยู่ก็ไม่ได้ จะตายก็ไม่ได้!”


เย่หงเฟิงตอบรับด้วยเสียงสั่นๆ “เจ้าค่ะ!”


คนชุดขาวผู้นั้นยืนอยู่ที่เดิมครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็ถามขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย “เจ้าคลุกคลีกับนางหลายวันแล้ว เจ้าคุ้นเคยกับนิสัยของนางแล้วใช่ไหม?”


“คุ้นเคยแล้วเจ้าค่ะ”


คนชุดขาวพยักหน้า “ดีมาก!” พลางหมุนกาย เงาร่างพร่าเบลอ เลือนรางเสมือนผลึกใสขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดก็เลือนหายไป


เหงื่อเย็นเฉียบยังคงไหลอยู่บนหน้าเย่หงเฟิง ความเจ็บปวดตรงข้อมือกัดเซาะไปถึงหัวใจ เจ็บปวดจนเธอนอนพังพาบอยู่บนพื้น ยันตัวไม่ขึ้นชั่วขณะ เธอหลับตาลงและไม่ทราบว่าหอบหายใจอยู่นานเพียงใด รู้สึกรางๆ ว่าการปรากฏตัวหนนี้ความน่างเกรงขามของท่านเจ้าไม่กล้าแกร่งเท่าเมื่อก่อน คล้ายจะมีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไป แต่เธอไม่กล้าคาดเดามากเกินไป ราวกับว่าถ้าคาดเกามากเกินไปก็จะได้รับบทลงโทษที่รุนแรงเหมือนกัน


ผ่านไปครู่หนึ่งเธอก็ลืมตาขึ้น หัวใจบีบรัดในทันใด!


ไม่รู้ว่าหลงซือเย่ลุกขึ้นมาตั้งแต่ตอนไหน ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ


เส้นเลือดสีแดงในดวงตาเขาเลือนหายไปแล้ว กลับมาเป็นสีน้ำหมึกเช่นเดิม ยามนี้นัยน์ตาสีน้ำหมึกคู่นั้นร่อนลงบนร่างเธอ มองเธอด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ไม่รู้เหมือนกันว่าคิดอะไรอยู่


เย่หงเฟิงเพิ่งถูกเขาเฆี่ยนตีมายกหนึ่ง สัญชาตญาณค่อนข้างหวาดกลัวเขา จึงหดกายเล็กน้อย


หลงซือเย่มองดูเธอ ราวกับมองหาใครอีกคนผ่านร่างเธอ ผ่านไปครู่หนึ่งเขาก็ยื่นมือให้เธอ “ลุกขึ้น!”


เย่หงเฟิงหวั่นวิตกอยู่ในใจ ไอพลังบนร่างเจ้าสำนักหลงผู้นี้แข็งแกร่งขึ้นยิ่งนัก พอเขาปลดปล่อยไอพลังทั้งหมดออกมา ไม่รู้ว่าถ้าเธอสะกดจิตเขาหนนี้ผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไร เธอลองเชิงเขาด้วยการชูมือข้างที่ยังสมบูรณ์ดีออกไป หลงซือเย่กลับไม่จับ “ยื่นอีกข้างให้ข้า ข้าจะเชื่อมกระดูกให้เจ้า”


เย่หงเฟิงไม่พูดอะไร


หลงซือเย่เชื่อมกระดูกให้เธออย่างประณีตบรรจงยิ่งนัก ซ้ำยังมอบยาแก้ฟกช้ำที่ดีที่สุดให้เธอกินและทาด้วย ต้องกล่าวเลยว่าหลงซือเย่เป็นเซียนแพทย์โดยแท้ ยาทุกอย่างที่ใช้ก็มีผลลัพธ์น่าอัศจรรย์ยิ่ง เพียงครึ่งชั่วยาม กระดูกของเธอก็ดูเหมือนว่าจะเริ่มจะหายดีแล้ว ความรู้สึกยามกระดูกที่แตกหักจะประสานตัวไม่น่าอภิรมย์เลย เดิมทีแค่รู้สึกเจ็บเท่านั้น ภายหลังเพิ่มอาการคันเข้ามาอีก คันยุบยิบไปถึงหัวใจ…


เธอฝืนยิ้ม “มะ…ไม่นึกเลยว่ายารักษานี้จะมีประสิทธิภาพถึงเพียงนี้…” เป็นครั้งแรกที่เธอได้รู้ว่ากระดูกที่หักสามารถสมานได้รวดเร็วขนาดนี้


“เป็นคุณสมบัติพิเศษของร่างนี้” หลงซือเย่เอ่ยอย่างเฉยเมย


เย่หงเฟิงไม่พุดอะไรแล้ว ร่างนี้หลงซือเย่เป็นผู้สร้างขึ้น ย่อมเป็นเขาที่เข้าใจแจ่มแจ้งที่สุด ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาตามธรรมชาติ เกรงว่างองค์ปะกอบหลายๆ อย่างน่าจะไม่เหมือนมนุษย์ปกติไปเสียทั้งหมด เย่หงเฟิงรู้นานแล้วว่าร่างนี้ต่างจากคนทั่วไป ยามที่ได้รับบาดเจ็บจะดีขึ้นอย่างรวดเร็ว ซ้ำยังไม่ทิ้งรอยแผลเป็นไว้เลย…


เย่หงเฟิงจ้องมองเขาอย่างไม่อาจควบคุมตนเองได้ ส่วนเขากลับเริ่มจัดการบาดแผลอื่นๆ บนร่างเธอ


บนร่างเธอมีบาดแผลอยู่ไม่มาก เป็นเพียงรอยขีดข่วนนิดๆ หน่อยๆ ทายาเล้กน้อยก็หายดีอย่างรวดเร็วแล้ว แน่นอนว่ายังคงคันคะเยออย่างทรมานอยู่…


จู่ๆ ความเกียดชังก็ตีขึ้นมาในหัวใจของเย่หงเฟิง


เพราะอะไร?


เพราะอะไรต่อให้คนผู้นี้มีสติอยู่เพียงครึ่งๆ กลางๆ ก็ยังคงชอบผู้หญิงคนนั้น? ที่แท้ผู้หญิงคนนั้นมีดีตรงไหนกัน?


เพราะอะไรเขาถึงยอมถูกผู้หญิงคนนั้นทำร้ายจนเจ็บปวดชอกช้ำ และไม่ยอมชอบเธอที่มีหน้าตาเหมือนผู้หญิงคนนั้นแทบทุกอย่าง? อันที่จริงเธอไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้หญิงคนนั้นเลย…


เขารู้บ้างไหมว่าถ้าเขาปฏิบัติต่อเออย่างจริงใจ ชอบเอด้วยใจจริง เธอสามารถสละทุกสิ่งแล้วทรยศท่านเจ้าเพื่อเขาได้?! ไหนเลยจะต้องมุ่งหน้าไร้ทางถอยอยู่เช่นนี้!


————————————————————————————-


บทที่ 1058 มิสู้เธอทรยศคนทั้งโลกเสียดีกว่า…


เธอหลุบตาลงนิดๆ ซ่อนเร้นความขมขื่นอ้างว้างที่อัดแน่นอยู่ในดวงตา


เมื่อหลงซือเย่จดการบาดแผลให้เธอเรียบร้อยก็ลุกขึ้นยืน “ไปเถอะ ควรเดินทางได้แล้ว” ยกมือเรียกกระเรียนมงกุฎแดงมา พาเธอเหินขึ้นไป


ใช่แล้ว ควรออกเดินทางได้แล้ว


ถึงอย่างไรเย่หงเฟิงก็บาดเจ็บสาหัส แถมยังบาดเจ็บทางวิญญาณด้วย ดังนั้นต่อให้กระเรียนมงกุฎแดงจะบินมั่นคงยิ่งนัก ตัวเธอที่อยู่บนหลังนกกระเรียนก็ยังนั่งไม่ค่อยอยู่ ร่างกายหวิดจะหล่นจากหลังนกกระเรียนอยู่หลายหน เคราะห์ดีที่หลงซือเย่ดึงเธอกลับมาได้ทัน


เขาขมวดคิ้วมองดูเธอ “ไม่สำคัญว่าเจ้าจะรนหาที่ตายหรือเปล่า แต่อย่าทำให้ร่างนี้เสียหาย!” ถ้าหล่นลงไปจากความสูงระดับนี้ ถึงจะเป็นร่างกายที่พิเศษเลิศเลอถึงเพียงใดหล่นลงไปก็เละเป็นเนื้อบดอยู่ดี!


เย่หงเฟิงจึงกล่าวขึ้นว่า “ถ้างั้นท่านกอดข้าเอาไว้ดีไหม?”


หลงซือเย่มอวเธออย่างเย็นแวบหนึ่ง เย่หงเฟิงจึงเอ่ยขู่ “มิเช่นนั้นข้าอาจหล่นลงไปจริงๆ…”


หลงซือเย่ไม่ยอมรับคำข่มขู่ของเธอ แน่นอนว่าไม่ยอมให้เธอหล่นลงไปด้วย เขาล้วงเอ็นสัตว์ร้ายเส้นนั้นออกมามัดเธอไว้บนหลังนกกระเรียนเสียเลย!


เขามัดอย่างแน่นหนายิ่ง เสมือนการมัดแบบแขนไพล่หลัง อย่าว่าแต่เย่หงเฟิงจะหล่นลงไปเลย ต่อเธอคิดจะขยับมือก็ลำบากไปหมดแล้ว! ในที่สุดเธอก็สงบลง…


นกกระเรียนกระพือปีกโผบินไปทางทิศตะวันออก หลงซือเย่เหม่อมองขอบฟ้า


ม่านรัตติกาลร่วงโรยลงมาแล้ว ทัศนียภาพทั้งหมดล้วนมืดสลัวอยู่ในราตรี เสมือนหัวใจเขาที่จมสู่เหวลึก ราวกับมองไม่เห็นแสงสว่างเลยแม้แต่น้อย


….


โลหิตเจิ้งนองท้องนภา!


ท่ามกลางโลหิตที่แดงฉานไปทั่วฟ้า กู้ซีจิ่วรู้สึกเหมือนตัวเองลอยอยู่ในทะเลโลหิต กลิ่นคาวโลหิตเข้มข้นทำให้เธอหายใจไม่ออก


สายฝนโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า ฝนที่ตกลงมายังคงเป็นฝนโลหิต สายฝนทั้งหมดที่กระทบลงบนร่างล้วนทำให้เจ็บปวดปานถูกฟาดด้วยแส้ ความเจ็บปวดนี้ทำให้เธอกระสับกระส่าย ทำให้เธออึดอัด และทำให้เธอร้อนรนอยากหลบหนีไปจากฝนโลหิตที่แดงฉานเต็มฟากฟ้านี้


แต่ในทุ่งกว้างเธอไม่พบแม้กระทั่งโขดหินที่สามารถใช้หลบฝนได้สักก้อนเลย ทำได้เพียงกัดฟันทนอยู่ท่ามกลางฝนโลหิตอย่างขมขื่น สิ่งเหล่านี้ล้วนมิใช่เรื่องสำคัญที่สุด ที่สำคัญคือท่ามกลางทะเลโลหิตเธอมักจะเห็นผู้คนต่อสู้กันอยู่ตรงนั้นเสมอ ซ้ำยังเป็นคนที่เธอรู้จักและใส่ใจทั้งสิ้น อย่างเช่นจิ้งจอกน้อย เชียนหลิงอวี่ เยี่ยนเฉิน แม้กระทั่งกู้เซี่ยเทียนก็อยู่อยู่ในบบรดาคนเหล่านั้นด้วย…


คนเหล่านี้เข่นฆ่าโรมรันอย่างสุดชีวิตอยู่ตรงนั้น ทุกคนที่สังหารเสมือนผุดขึ้นมาจากทะเลโลหิต บางคนกำลังทำร้ายผู้อื่น บางคนกำลังถูกผู้อื่นทำร้าย


ทุกฉากล้วนเนิ่งนองไปด้วยโลหิต ทุกฉากล้วนน่าอกสั่นขวัญแขวนยิ่งนัก ทำให้เธอทนไม่ได้อยากจะเข้าไปแทรกแซง อยากจะช่วยพวกเขาออกมา…


ผลคือทันทีที่เธอสอดมือเข้าแทรกแซง ผู้คนที่ต่อสู้อยู่เหล่านั้นก็จะหันมาโจมตีเธอกันหมด!


เธอทำได้เพียงตอบโต้กลับไป ต่อสู้กับผู้คนมากหน้าหลายตา ต่อสู้จนโลหิตไหลนองเป็นสาย มองเห็นเพื่อนสนิทของตนล้มลงไปทีละคนๆ หายไปต่อหน้าต่อตาทีละคนๆ…


เธอเหนื่อยล้าอย่างยิ่ง หัวใจก็เจ็บปวดยิ่งนัก ทว่าทำได้เพียงฝืนค้ำยันไว้


เธอวิ่งเต้นอยู่ในทะเลโลหิตไม่เพียงแต่ต่อสู้กับผู้อื่นเท่านั้น บางครั้งยังต้องทนรับการถูกสหายหักหลังอีกด้วย บางครั้งก็ชี้นิ้วมาที่เธอเข่นเคี้ยวเขี้ยวฟันด่าทอ บางครั้งเดิมทีก็เป็นสหายที่ต่อสู้อยู่ท่ามกลางลมฝนกับเธอ ทว่าจู่ๆ ก็แทงดาบใส่เธอจากด้านหลัง…


ในทะเลโลหิตไม่มีคนที่เธอไว้ใจได้เลย และไม่มีคนที่สามารถเชื่อใจได้ ท่ามกลางทะเลโลหิตไม่ว่าเธอจะไว้ใจใคร ผู้นั้นก็จะแทงดาบใส่เธอจากด้านหลัง!


หลงซือเย่ จิ้งจอกน้อย เชียนหลิงอวี่ เยี่ยนเฉิน จางฉูฉู่ กู้เซี่ยเทียน…


ในทะเลโลหิตพวกเขาล้วนต้องการสังหารเธอ ล้วนเคยเป็นสหายที่ร่วมเป้นร่วมตายมากับเธอ…


ครั้งแรกี่ถูกลอบทำร้ายหัวใจเธอดั่งถูกมีดคว้าน สุดท้ายก้กลายเป็นด้านชา ไม่ว่าจะมอเห็นผู้ใดล้วนฟันกระบี่ออกไปตามสัญชาตญาณ! โหดเหี้ยมไปเสีย! ไม่เหลือทางรอดให้สักนิด!


บางครั้งมีเสียงหนึ่งก้องอยู่ในหูว่า ‘ใครก็ไว้ใจไม่ได้ทั้งนั้น! เธอจะต้องเฉยเมยเย็นชา แบบนี้ถึงจะไม่ถูกทำร้ายอีก แทนที่จะปล่อยให้คนทั้งโลกทรยศเธอ มิสู้เธอทรยศคนทั้งโลกเสียดีกว่า…’


————————————————————————————-


บทที่ 1059 ซีจิ่ว เจ้าไม่เชื่อใจข้าจริงๆ หรือ


เสียงนี้ราวกับเสียงฟ้าผ่าก็มิปาน โหวกเหวกก่อกวนให้เธอหงุดหงิดใจ เลือดลมพลุ่งพล่าน มีความคิดชั่ววูบว่าอยากกุมกระบี่สังหารคนทั้งโลกขึ้นมา…


ด้านหน้าของเธอจู่ๆ ก็มีคนผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นไม่ไกล กู้ซีจิ่วเข่นฆ่าจนตาแดงก่ำแล้ว ไม่ได้มองให้ชัดว่าคนผู้นั้นเป็นใครก็แทงกระบี่เข้าไปดั่งสายอสุนีบาตแล้ว!


ปลายกระบี่ถูกคนกุมไว้ทันที เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหู “ซีจิ่ว!”


เป็นเสียงที่คุ้ยเคยยิ่งนัก กู้ซีจิ่วเงยหน้าขึ้นอย่างตกตะลึง เมื่อเห็นใบหน้าของคนผู้นั้นอย่างชัดเจนก็เบิกตากว้าง


คนผู้นั้นสวมอาภรณ์สีขาวที่หลวมกว้างยิ่งนัก บนเสื้อคลุมสีขาวปักลวดลายเอาไว้ ลวดลายนั้นคล้ายมังกรตัวเล็กๆ หลายตัวเลื้อยคดเคี้ยว แต่ก็คล้ายอักขระอาคมหลายเส้นที่หมุนวนอยู่ด้วย ท่ามกลางทะเลโลหิตอันไร้ที่สิ้นสุดแห่งนี้อาภรณ์สีขาวของเขาสะดุดตายิ่งนัก ราวกับแสงตะวันสายหนึ่งที่ส่องลอดเข้ามาในความมืดมิด ทำให้โลกมืดมนที่แดงฉานไปด้วยโลหิตแห่งนี้สว่างไสวขึ้นมา


ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์!


แถมยังเปนท่านเทพศักดิ์สิทธิ์แบบไม่ใส่หน้ากากด้วย!


คิ้วตาดั่งวาดแต้มไม่แปดเปื้อนโลหิตคาวเหียนของโลกนี้เลยสักนิด มือข้างหนึ่งของเขากุมกระบี่เธอไว้ ดวงตามองสบตาเธอ “ซีจิ่ว! ตื่นได้แล้ว!”


ท่ามกลางการเข่นฆ่าอันไร้ที่สิ้นสุดคมกระบี่ของเธอเดิมทีกลายเป็นสีแดงเข้มไปแล้ว แทบจะมองไม่เห็นสีเดิม แต่ยามนี้เมื่อถูกเขากุมไว้สีโลหิตนั้นกลับค่อยๆ จางหายไป เผยให้เห็นตัวกระบี่เฉียบคมสีขาวราวหิมะ


จากนั้นสายตาที่เฉียบไวของเธอก็มองเห็นว่าฝ่ามือของเขาที่กุมกระบี่ของเธอไว้มีโลหิตไหลออกมา เพียงแต่โลหิตนี้ของเขาจะมีฤทธิ์บริสุทธิ์ ไหลผ่านที่ใด ที่นั้นจะกลับสู่สีสันดั้งเดิม


เธอมองเขาด้วยความตะลึง เสียงสั่นนิดๆ “ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์…ตี้ฝูอี?”


“เป็นข้าเอง ซีจิ่ว ออกไปกับข้า…” น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนแฝงเสน่ห์ดึงดูดไว้รางๆ จากนั้นเขาก็ยื่นมือมาหาเธอ “มาเถอะ ส่งมือมาให้ข้า ข้าจะพาเจ้าออกไป”


ฝ่ามือเขาเรียวยาวขาวกระจ่าง ข้อนิ้วปานหยก ยามที่ยื่นมายังเบื้องหน้าเธอเปรียบเสมือนหนทางรอดของเธอ


เธอปรารถนาจะจับมือข้างนี้ไว้เหลือเกิน แต่ว่า…


จะเชื่อใจเขาได้หรือ? ก่อนหน้านี้ล้วนมีเพื่อนสนิทหลายคนเคยปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าเธอเช่นนี้ บอกว่าจะพาเธอออกไป ผลคือฉวยโอกาสที่เธอไม่ทันระวังแทงเธออย่างง่ายดาย!


เธอมองมือนี้ของเขา ในดวงตามีความคลางแคลงและมีความปรารถนาด้วย ถึงขั้นมีความเหนื่อยล้าและเปราะบางแฝงอยู่เล็กน้อยด้วย…


“ซีจิ่ว แม้แต่ข้าเจ้าก็ไม่เชื่อใจแล้วหรือ?” เทพศักดิ์สิทธิ์ถามเธอ แววตาอ่อนโยน “คนมากมายที่ทำร้ายเจ้าเหล่านั้นไม่มีอยู่จริง นี่คือฝันร้ายของเจ้า เชื่อเถอะ ส่งมือมาให้ข้า ข้าจะพาเจ้าออกไป”


ฝ่ามือของเขายังมีบาดแผลจากการถูกกระบี่ล้ำค่าของเธอบาดอยู่เลย เธอรู้สึกว่าค่อนข้างเสียดแทงสายตา อยากจะทำแผลให้เขายิ่งนัก ทว่าไม่กล้าเข้าไป และไม่กล้าจับมือที่อยู่ตรงหน้า


เมื่อยามที่คนเหล่านั้นปรากฏตัวต่อหน้าเธอก็พูดจาแบบเดียวกับเขา มีส่วนที่แตกต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น…


เธอจับกระบี่ในมือแน่น จับจนข้อนิ้วขาวโพลนไปหมดแล้ว ท่ามกลายทะเลโลหิตที่ท่วมท้นมีเพียงกระบี่เล่มนี้ที่จะไม่หักหลังเธอ คอยพิทักษ์อยู่ข้างกายเธอตลอด ช่วยเธอสังหารผู้รุกรานทั้งหมด


หากว่ายามนี้คนที่ปรากฏตัวเป็นใครอื่นสักคน เธอคงไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรฟันกระบี่ใส่ไปนานแล้ว!


คิดจะหลอกเธออีกแล้วหรือ? ไม่มีทางหรอก!


แต่คนที่อยู่ตรงหน้านี้คือเขา! เป็นเขา!


เธอไม่มีทางลงมือได้ แต่ก็ไม่อาจคลายปมในใจแล้วยื่นมือให้เขาอย่างกล้าหาญได้…


คนทั้งสองยืนอยู่ตรงนั้นเจ้ามองข้าข้ามองเจ้าต่าฝ่ายต่างแข็งทื่อกันไปครู่หนึ่ง ตี้ฝูอีความอดทนสูงยิ่งนักมาโดยตลอด “ซีจิ่ว เจ้าไม่เชื่อใจข้าจริงๆ หรือ?”


“เจ้าคือ…ตี้ฝูอี…”


“ใช่!”


“ไม่ถูกสิ! โกหก!” จู่ๆ กู้ซีจิ่วก็ตะโกนขึ้นมาด้วยความโกรธ “ตอนนี้เขายังเป็นเด็กอยู่! ไม่ได้เป็นแบบเจ้าในยามนี้! น่าตายนัก เจ้าหลอกข้าอีกแล้ว! ปลอมเป็นเขามาหลอกข้า!”


เธอโกรธเกรี้ยวอย่างยิ่ง ในที่สุดก็ฟันกระบี่ออกไป!


กระบี่นี้แทบจะรวบรวมสาระสำคัญทั้งหมดที่เธอเรียนรู้มาทั้งชีวิตเอาไว้ เพิ่งจะแทงออกไปก็ก่อให้เกิดสียงลมฟ้าคะนองรางๆ แล้ว


————————————————————————————-


บทที่ 1060 ข้าจะพาเจ้าออกไป! อย่ากลัวเลย ข้าอยู่นี่!


กระบี่นี้แทบจะรวบรวมสาระสำคัญทั้งหมดที่เธอเรียนรู้มาทั้งชีวิตเอาไว้ เพิ่งจะแทงออกไปก็ก่อให้เกิดสียงลมฟ้าคะนองรางๆ แล้ว ในช่วงนี้เอง หมอกโลหิตที่ฟุ้งอยู่รอบกายเธอถูกสายลมจากกระบี่ของเธอปลุกเร้า ซัดตลบขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง


ฝ่ามือเขาพลิกหมุนดั่งบุปผาดอกหนึ่ง จับคมกระบี่ของเธอไว้อีกครา “ซีจิ่ว! นี่คือฝันร้ายของเจ้า ข้าเข้ามาในความฝันของเจ้า ยามต้องเป็นร่างดั้งเดิม…”


มือเขาที่จับกระบี่ของเธอไว้ถูกบาดหนักยิ่งกว่าเดิม คมกระบี่เฉือนเข้าเนื้อ ธารโลหิตสายเล็กๆ ไหลริน ทว่าเขากลับไม่ปล่อยมือ และไม่ใช้พลังวิญญาณทำลายกระบี่ เพียงจับเอาไว้เท่านั้น ไม่ก่อให้เกิดแรงสะท้อนมหาศาลใส่เธอ และไม่ปล่อยให้เธอแทงตนเข้าจริงๆ


“ซีจิ่ว เชื่อข้าสิ ข้าไว้ใจได้! เจ้าบาดเจ็บหนักจนฝันร้าย ข้ามาช่วยเจ้าออกไป! เจ้าจะต้องออกไปกับข้า! มิเช่นนั้นเจ้าจะถูกธาตุไฟเข้าแทรก!”


กู้ซีจิ่วตัวแข็งทื่อ มองดูเขาไม่พูดไม่จา แพขนตาสั่นไหวนิดๆ ดูเหมือนจะพยายามวิเคราะห์อย่างสุดกำลังว่าคำพูดเขาเป็นจริงหรืเท็จ


บางทีอาจเป็นเพราะมองเห็นแววตาที่ตนคุ้นเคยจากดวงตาของเขา มือเธอที่กุมกระบี่อยู่จึงค่อยๆ ไร้เรี่ยวแรง แสดงให้เห็นว่าในที่สุดท่าทีเป็นอริของเธอก็อ่อนลงแล้ว


แต่ปมในใจก็ยังไม่ได้คลายไปอย่างสมบูรณ์ ศีรษะเชิดขึ้นเล็กน้อยเม้มปากแน่น “ข้าไม่เชื่อ…” เธอบอกว่าไม่เชื่อ แต่น้ำเสียงกลับเจือความสั่นเครือแล้ว


เธอเข่นฆ่าอย่างโดดเดี่ยวไร้ที่พึ่งอยู่ในทะเลโลหิตแห่งนี้มาเนิ่นนานนัก อ่อนล้าสุดขีดแล้ว ปรารถนาจะหาสักบ่าให้ซบลงยิ่งนัก ทว่าไม่มีใครที่เชื่อใจได้เลยสักคน


ตอนนี้เขามาแล้ว ความจริงเธออยากจะเชื่อใจเขายิ่งนัก บนโลกนี้เหมือนจะมีเพียงเขาที่ไว้ใจได้


แต่ว่า…แต่ว่าถ้าหากเขาก็หลอกตนเช่นกันจะทำอย่างไรเล่า?


เธอข่มความเปราะบางในดวงตาลงไป ใช้แววตาที่ดุดันเหี้ยมหาญยิ่งนักจ้องมองเขา ราวกับต้องการจ้องให้ร่างเขาทะลุเป็นโพรง


ตี้ฝูอีที่อยู่ตรงหน้ามองดูเธอ เอ่ยขึ้นช้าๆ “ซีจิ่ว เป็นดวงวิญญาณของข้าที่เข้ามาในความฝันของเจ้า ข้ามาช่วยเจ้าออกไป เจ้าสามารถไม่เชื่อใจข้าได้ ถึงขั้นสามารถสังหารข้าได้! แต่ข้าจะบอกเจ้าไว้ หากเจ้าสังหารข้าที่นี่ ข้าก็จะตายไปจริงๆ…”


ทันใดนั้นเขาก็ปล่อยมือที่จับกระบี่ขอเธอไว้ มอบอิสระให้เธออย่างเต็มที่ “ถ้าหากเจ้ายังไม่เชื่อข้าอีก ก็ลงมือได้เลย ข้าจะไม่หลบเลี่ยง!” แล้วพริ้มตาลงเล็กน้อย


กู้ซีจิ่วเบิกตากว้างมองดูเขา ไม่ปล่อยผ่านการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ บนใบหน้าของเขา…


สีหน้าเขาสงบยิ่งนักอยู่ตลอด กางแขนออกให้เธอ


นี่เป้นท่าโจมตีที่ทรงอานุภาพท่าหนึ่ง ขอเพียงเธอแทงกระบี่เข้าไปก็สามารถทะลวงหัวใจเขาได้อย่างง่ายดาย!


ท่าทางเช่นนี้ก็ดึงดูดคนยิ่งนักเช่นกัน อ้อมอกของเขาเป็นท่าเรือพักพิงที่เธอโหยหามาโดยตลอด ทำให้เธออยากพักผ่อนแอบอิงอยู่ในอ้อมกอดนั้นยิ่งนัก


ปรารถนายิ่งนักจริงๆ!


เขาน่าจะเป็นตัวจริง เนื่องจากทุกคนที่เธอพบในทะเลโลหิตแห่งนี้ไม่มีผู้ใดที่จับกระบี่ของเธอไว้โดยไร้ซึ่งการป้องกันอย่างเขาเลยสักคน…


ผ่านไปครู่หนึ่ง กระบี่ล้ำค่าที่เธอกุมไว้ในมือมาตลอดก็ร่วงลงพื้นเสียงดังตุบ


เขาลืมตาขึ้นมา มือน้อยๆ ที่สั่นระริกของเธอวางลงบนฝ่ามือเขา มือเล็กๆ นั้นเยียบเยียบและเปียกชื้น ยามที่วางลงบนฝ่ามือเขาเสมือนนำเอาโลกทั้งใจของเธอมาวางเข้าไป แพขนตายาวหลุบลง “ข้าเชื่อท่าน!”


เขาไม่พูดอะไร กุมมือเธอไว้แล้วดึงเธอเข้าสู้อ้อมแขนทันที จากนั้นก็กอดเธอไว้แน่น “ซีจิ่ว ข้าจะพาเจ้าออกไป! อย่ากลัวเลย ข้าอยู่นี่!”


ถ้อยคำสั้นๆ ไม่กี่ประโยคำให้เบ้าตาที่อ่อนล้ายิ่งนักของเธอแดงเรื่อ ยามที่ถูกเขาดึงเข้าสู่อ้อมอกเดิมทีร่างเธอแข็งทื่อไปชั่วขณะ ถึงขั้นที่จรดนิ้วเตรียมร่ายคาถา…


แต่หลังจากเข้าสู่อ้อมกอดเขาแล้ว พลันมีกลิ่นหอมอันคุ้นเคยที่ทำให้เธอสบายใจยิ่งนักอบอวลอยู่ตรงปลายจมูก ในที่สุดเธอก็คลายกำแพงในใจออกอย่างสมบูรณ์ กางแขนกอดเอวเขาไว้


————————————————————————————-

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)