ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 1054-1065

บทที่ 1054 แบนชีมิเชล

 

พวกเด็กๆ ของโรงเรียนประถมแกรนท์ไม่ได้สนใจการแข่งขันบาสเกตบอลจริงๆ เพราะไม่ว่าการแข่งขันระดับไหน โรงเรียนของพวกเขาก็อยู่ 3 อันดับสุดท้ายของรัฐนิวฟันด์แลนด์เสมอ…


ฉินสือโอวเชิญพวกนักกีฬาบาสเกตบอลที่อยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ถึงปีที่ 3 มาเป็นคู่ต่อสู้ เงื่อนไขคือจะให้เสื้อนักกีฬาตัวจริงของทีมโทรอนโตแร็ปเตอร์กับเด็กๆ ทุกคนที่รับเงื่อนไขนี้ เด็กพวกนั้นที่เดิมทีไม่เต็มใจก็มีชีวิตชีวาขึ้นมาในทันที


และเพื่อดึงดูดผู้ชม ฉินสือโอวก็มีวิธีเหมือนกัน เขาซื้อเครื่องดื่มกับของว่างมาเยอะมากและเช่าเครื่องทำป๊อปคอร์นมาเครื่องหนึ่ง ผู้ชมสามารถกินได้ตามที่ต้องการ ถ้ากังวลว่าแบบนี้จะยังไม่ได้ผล ฉินสือโอวจึงทำแผงจับฉลากขึ้นมาอีก ของรางวัลเป็นของเล็กๆ น้อยๆ เช่นกำไลแอปเปิลซึ่งสามารถดึงดูดพวกเด็กๆ ได้มาก


วันศุกร์หลังเลิกเรียนแบบนี้ ผู้คนจำนวนมากกรูกันเข้ามาในโรงยิมเล็กๆ แห่งนี้ทันที พวกนักเรียนเกือบทั้งหมดวิ่งเข้ามาและเบียดกันอยู่บนที่นั่งแบบขั้นบันไดจนเต็ม คนอื่นก็เลยต้องนั่งบนพื้นบริเวณรอบๆ


นอกจากนักเรียน อาจารย์ที่ไม่มีงานทำก็มากันทุกคน แน่นอนว่ามีอาจารย์สาวอกโตอย่างอาจารย์เชอริลด้วย ฉินสือโอวเห็นอาจารย์สาวที่สวมชุดสไตล์ทำงานของโอแอล ในใจของเขาก็รู้สึกเสียใจนิดหน่อย ถ้าไม่มีวินนี่ เขาคงจะไปตามจีบสาวสวยคนนี้แล้ว


น่าเสียดาย ตอนนี้เขาเป็นพ่อคนแล้ว


แต่เรื่องที่น่าแปลกใจคือ ฉินสือโอวคิดได้ในทันทีว่า การแต่งงานกับเชอริลมีข้อดีมากกว่าวินนี่ข้อหนึ่ง นั่นก็คือเขาสามารถประหยัดเงินค่านมผงได้…


กรรมการคือฉินสือโอวเองอย่างแน่นอนอยู่แล้ว และเขายังเรียกฮิวจ์คนน้องให้มาช่วยงานอีกด้วย ผลคือเมื่อชายคนนี้เห็นเชอริล ดวงตาของเขาก็จับจ้องและมองตามซ้ายขวาเหมือนกับสุนัขพันธุ์ปักกิ่ง ฉินสือโอวที่เห็นก็รู้สึกปวดหัวอย่างไม่มีสิ้นสุด


ผู้เล่นตัวจริงที่ฉินสือโอวส่งออกไปคือ วอล์กเกอร์เป็นตำแหน่งเซนเตอร์ แซมเป็นตำแหน่งเพาเวอร์ฟอร์เวิร์ด ตำแหน่งสมอลฟอร์เวิร์ดคือลิสเตอร์ อ็อกเดน และกองหลังอีกสองคนคือโจ ฮูเอลกับมิเชล ในกลุ่มนี้มิเชลจะเล่นเป็นคอมโบการ์ดและทำคะแนนไปด้วยพร้อมๆ กัน


ในมือของเขาไม่มีคนที่สามารถใช้งานได้อยู่จริงๆ วอล์กเกอร์ดูเหมือนจะไม่เลว เขาทั้งสูงและแข็งแรง แต่ไม่ได้สนใจบาสเกตบอลเลยสักนิด ทักษะพื้นฐานด้านบาสเกตบอลยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ เขาไม่สามารถชูตลูกบาสลงห่วงได้ แม้ว่าหัวเขาแทบจะชนบอร์ดแล้วก็ตาม


เขาจนปัญญามาก ฉินสือโอวไม่สามาiถใช้เกรย์ได้จริงๆ ใช่ไหม? เด็กคนนั้นอ้วนเกินไป หลังจากลงสนามคาดว่าเขาคงตามจังหวะการแข่งขันไม่ทัน


โชคดีว่าเรื่องที่ทำให้ฉินสือโอวหมดห่วงคือ นักกีฬาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ถึงปีที่ 3 ก็ถูกดึงออกมาจากในกลุ่มเด็กที่ตัวเล็กเหมือนกัน ลักษณะของแต่ละคนนั้นดูขี้เหร่ เขาเห็นก็รู้ว่าไม่มีนักกีฬาบาสเกตบอลมืออาชีพเลย


วอล์กเกอร์กับเด็กที่สวมเสื้อบาสหมายเลข 23 จะกระโดดแย่งลูกบาสกัน คนหลังนั้นอายุมากกว่าและสูงประมาณ 190 เซนติเมตรซึ่งสูงกว่าวอล์กเกอร์คืบหนึ่ง


ฉินสือโอวคิดว่ากระโดดแย่งลูกบาสกันแบบนี้ วอล์กเกอร์คงแพ้แน่ เมื่อฮิวจ์คนน้องโยนลูกบาสขึ้นไป เด็กหนุ่มร่างใหญ่ทั้งสองคนกระโดดก็ขึ้นไปทันที แต่ก็ไม่มีใครตีลูกบาสโดนเหมือนกัน…


ฮิวจ์คนน้องมองเขาอย่างสิ้นหวัง ฉินสือโอวเกาจมูกอย่างเก้ๆ กังๆ “เสิร์ฟลูก เสิร์ฟลูกอีกครั้ง”


ลูกบาสถูกโยนขึ้นไปบนฟ้าอีกครั้ง ครั้งนี้ยังดี สุดท้ายหมายเลข 23 เล็งลูกบาสที่ตกลงมาและตบมันออกไปได้ในทันที


ฉินสือโอวเป่านกหวีดเสียงดัง การแข่งเริ่มขึ้นแล้ว!


แม้ว่าพวกเด็กนักเรียนจะไม่ชอบการแข่งขันบาสเกตบอล แต่พวกเขาก็ยังรู้สึกสนใจการแข่งขัน โดยเฉพาะตอนนี้พวกเขากินของว่างของฉินสือโอวและดื่มเครื่องดื่มที่เขาจัดไว้ให้ พวกเขาปรบมือและส่งเสียงเชียร์ด้วยกันอย่างสามัคคี


“แซม กันไว้! กันไว้!”


“ชัค เลี้ยงลูกบาสและวิ่งไปเร็วๆ สร้างสีสันให้ผู้หญิงพวกนี้ที่อยู่ชั้นต่ำกว่าดูหน่อย!”


“เฮ้ เกิดอะไรขึ้น ใครเอาช็อกโกแลตของฉันไป? อย่าให้ฉันรู้นะ ไม่งั้นฉันจะเอาลูกบาสยัดเข้าไปในตูดของแก!”


ลูกบาสถูกเด็กเกรดสูงคว้าไว้และโยนไปที่กองหลังของพวกเขา แต่ชูตติ้งการ์ดหมายเลข 24 คนนั้นความจริงเขาไม่คู่ควรกับหมายเลขที่อยู่บนหลังของเขาเลยจริงๆ เขารับลูกบาสตามใจชอบมากเกินไป มิเชลที่อยู่ด้านหลังยื่นมือไปแย่งลูกบาสมาอย่างรวดเร็ว


โจวิ่งเข้ามาพอดี เขาจับลูกบาสด้วยตัวเองเพราะอยากวิ่งไปข้างหน้า ตอนแรกเขาเลี้ยงลูกบาสได้ไม่เลว ฉินสือโอวให้เขาลงเล่นก่อนก็ตัดสินจากความสามารถในการเลี้ยงลูกบาสของเขา โดยไม่คำนึกถึงสถานการณ์ที่ต้องเผชิญหน้า เทคนิคของเขาก็ไม่เลว


แต่เรื่องที่น่าเสียดายมากที่สุดระหว่างการแข่งขันก็คือการเผชิญหน้า เซนเตอร์หมายเลข 23 กลับมาป้องกันและกางแขนทั้งสองข้างขวางด้านหน้าของเขาเอาไว้ ทันใดนั้นโจก็ตื่นตระหนกขึ้นมา จิตใต้สำนึกของเขาอยากเร่งความเร็ว ผลก็คือคนผ่านไปได้แต่เสียลูกบาสไป…


ร่างที่ตามมาจากด้านหลัง เซนเตอร์หมายเลข 23 สามารถก้มตัวหลบได้ทันเวลา แต่ลูกบาสถูกคนแย่งไปแล้ว!


เมื่อคว้าลูกบาสได้และลุกขึ้นจากพื้น เขางอแขนอย่างอิสระและสั่นข้อมือเบาๆ ลูกบาสสีส้มลอยข้ามไปในอากาศโค้งเหมือนกับสายรุ้ง เสียง ‘ฟุบ’ ดังขึ้นมาอย่างชัดเจน ฝั่งหนึ่งชูตลงห่วงแล้ว!


มิเชลลงถึงพื้นในตอนนี้ เขายกแขนขึ้นเพื่อให้สัญญาณและวิ่งกลับไปด้วยสีหน้าที่สงบ


ฉินสือโอวระบุว่า 2 แต้มนั้นมีผล เชอริลช่วยเพิ่มแต้มเป็น 2 ต่อ 0


พวกนักเรียนคิดไม่ถึงว่ามิเชลจะเป็นคนแรกที่ทำแต้มได้ เสียงพูดคุยดังมากยิ่งขึ้น


“เห้ย มิเชลที่อยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 เก่งจริงๆ อย่าเห็นว่าปกติเขาเหมือนเด็กผู้หญิง แต่เวลาสำคัญๆ เขาไม่อ่อนข้อเลยแฮะ”


“คนนี้เป็นคนขี้โกงแน่ๆ ชัคเก่งที่สุดและชัคจะเตะก้นเขาในภายหลัง!”


“ฟัค โค้กของฉันถูกใครเอาไปอีกแล้ว? ไม่เพียงแค่เอาช็อกโกแลตของฉันไป ยังเอาเครื่องดื่มของฉันไปอีก อย่าให้ฉันรู้นะว่าใครเป็นคนทำ!”


ทีมของเด็กมัธยมเสิร์ฟลูก ทักษะของพวกเขาก็ไม่ได้ดีเท่าไรเหมือนกัน หลังจากที่ลูกบาสย้ายไปมาหลายครั้ง พวกกองหลังยังไม่มีโอกาสบุกเลย เซนเตอร์หมายเลข 23 ต้องการครอบครองบอลไว้ที่ตัวเองเพียงคนเดียว


การใช้พละกำลังที่แข็งแรงกว่ากับความสูงที่สูงกว่า หลังจากหมายเลข 23 คว้าบอลได้ก็บุกเข้าไปต่อจากนั้นและชนแซมผู้น่าสงสารจนตัวลอย เขาหมุนตัวกระโดดโยนบอลออกไปจากมือ


“ปัง!” เสียงดังก้องไปทั่ว ร่างหนึ่งกระโดดตามขึ้นมาด้วยจากด้านข้างอย่างรวดเร็ว ฝ่ามือตบที่ลูกบาสอย่างหนักแน่น เขาตบลูกบาสลอยออกไปในทันที…


เป็นมิเชลอีกแล้ว!


แซมรับบอลและส่งต่อให้มิเชล มิเชลคว้าบอลราวกับกระสุนปืนใหญ่ที่พุ่งออกมา เขาก้มตัวและเร่งความเร็ว มือขวาเดาะบอลอย่างรวดเร็ว เขานำเพื่อนร่วมทีมพุ่งไปข้างหน้าของสนาม


สมรรถภาพทางกายของฝั่งเด็กมัธยมเหนือชั้นกว่า พวกเขากลับมาป้องกันเร็วมาก กองหลังหมายเลข 1 จ้องไปที่มิเชลและคิดจะแย่งบอล การเผชิญหน้ากับแรงกดดันจากฝ่ายตรงข้าม ใบหน้าของมิเชลแสดงถึงความเย็นชาไปจนถึงความเลือดเย็น เขาเลี้ยงลูกบาสลอดใต้ระหว่างขาทั้งสองข้างเพื่อหลีกเลี่ยงการแย่งและหมุนตัวในทันทีหลังจากนั้น เขายังคงเร่งความเร็วและพุ่งไปข้างหน้า!


เมื่อพุ่งเข้าไปถึงเส้นโค้งที่ 3 เด็กมัธยม 2 คนก็ตามมาประกบจากทั้งสองด้าน มิเชลกระโดดขึ้นไปอย่างไม่ลังเลและเหวี่ยงแขนด้วยความเร็วสูง เขาชูตลูกแต้มพิเศษอย่างว่องไว ผู้เล่นบนสนามแค่รู้สึกถึงดอกไม้ที่กำลังลอยอยู่ตรงหน้า ลูกบาสสีส้มก็ถูกชูตออกไปแล้ว


‘ปัง!’ เสียงดังก้องขึ้นมาอีกครั้งและลูกบาสก็ลงไปตรงกลางห่วงอีกครั้ง!


4 ต่อ 0 มิเชลเหลือบมองแต้มและวิ่งกลับไปป้องกัน การแสดงออกทางสีหน้าของเขาไม่ได้เปลี่ยนไปเลยตั้งแต่ต้นจนจบ


เด็กๆ ที่ดูการแข่งขันบนสนามลุกเป็นไฟ นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นว่ารอบๆ ตัวมีคนทำแต้มที่เก่งขนาดนี้ ก่อนหน้านี้ พวกเขาเคยเห็นนักกีฬาเก่งๆ เยอะมาก แต่นั่นเป็นฝ่ายตรงข้ามทุกคน ตอนนี้มิเชลแสดงถึงความโดดเด่นอย่างนั้น มันจึงดึงดูดความสนใจของพวกเขาได้ในทันที


“เกิดอะไรขึ้นกับมิเชลที่อยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5? พระเจ้า เขาเหมือนกับรูนีย์ที่เตะบอลเข้าประตูได้อย่างแม่นยำ!”


“ไอโง่ เขาคือโคบี้ ไบรอันต์! ดูสิ เขาคนเดียวทำให้ชัคกับเจ้าพวกนั้นร้องไห้ได้เลย!”


“ฉันแค่อยากรู้ว่า ที่คาดผมที่ฉันเพิ่งจะจับรางวัลได้มาถูกใครเอาไปอีกแล้ว? ฉันจะตามไปเล่นงานพวกแก!”


“ก่อนหน้านี้พวกนายเรียกมิเชลว่าอะไรนะ? สาวน้อยใช่ไหม? พวกนายเคยเห็นสาวน้อยที่แข็งแกร่งขนาดนี้ไหม?!”


“แต่มิเชลเป็นชื่อของเด็กผู้หญิงนะ เขาขี้อายขนาดนั้นอีก! งั้นไม่เรียกเขาว่าสาวน้อยแล้วจะให้เรียกว่าอะไรล่ะ?”


“ดูสไตล์การเล่นของเขาสิ เขาเป็นสัตว์ประหลาดจริงๆ! หลังจากนี้ฉันจะเรียกเขาว่าแบนชี! สู้เขา แบนชี! สู้เขา มิเชล!”


เสียงเชียร์ดังขึ้นมา เส้นทางบาสเกตบอลของแบนชีได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว



 

 

 


บทที่ 1055 กรอกบัญชีใหม่

 

แม้ว่ามิเชลจะอยู่แค่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 แต่ความเหลื่อมล้ำของอัจฉริยะกับคนธรรมดาไม่ใช่เรื่องที่อายุจะสามารถเติมเต็มได้


แม้ว่าเพื่อนร่วมทีมที่พาไปจะเป็นเพื่อนร่วมทีมที่ไม่ดี มิเชลก็ยังแสดงสัญชาตญาณนักฆ่าแบบสัตว์ประหลาดของเขาออกมา


อีกฝ่ายครองบอลและวิ่งเข้ามา ในเส้นโค้งเส้นที่ 3 หลังจากนั้นเขาถอยไปก้าวหนึ่งและกระโดดชูตลูก…


ฝ่ายตรงข้ามทำผิดพลาด โจแย่งลูกบาสได้สำเร็จ มิเชลกับเขาเล่นร่วมมือกันและทำแต้มที่หน้าเขตโทษของสนาม อีกฝ่ายจ้องที่คน มิเชลต้องการให้บอลพุ่งไปและกระแทกที่บอร์ดก่อนจะลงตะกร้าเพื่อทำแต้ม…


ฝ่ายตรงข้ามชูตไม่ลง มิเชลก็กระโดดขึ้นไปรีบาวด์และโต้กลับอย่างรวดเร็ว เขาเลย์อัพอีกครั้งอย่างราบรื่นในเวลาเดียวกันอันธพาลของฝ่ายตรงข้ามก็ทำฟาวล์ แต้ม 2 บวก 1 ได้ 3 แต้ม…


แน่นอนว่านี่เป็นแค่การแข่งขันที่ระดับต่ำเผชิญหน้ากัน ทั้งสองฝ่ายรวมถึงมิเชลทุกคนทำผิดขั้นพื้นฐานเยอะมาก เช่น ส่งลูกพลาด บุกแล้วเสียลูก ทำผิดกฎ 24 วินาที ไม่สามารถผ่านครึ่งสนามใน 6 วินาทีภายใต้แรงกดดันได้เป็นต้น แต่นี่ไม่สามารถปกปิดพรสวรรค์ที่โดดเด่นของมิเชลได้


เมื่อสิ้นสุดการต่อสู้อย่างหนักหน่วง ทีมของเด็กประถมยังคงได้รับชัยชนะ 45 ต่อ 30 พวกเขาคว้าชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ได้ในที่สุด


สำหรับอาจารย์กับนักเรียนของโรงเรียนประถมแกรนท์ การแข่งสนามนี้ไม่มีความหมายอะไร นอกจากมิเชล


มิเชลที่ไม่เป็นที่รู้จักในโรงเรียนมาโดยตลอด ครั้งนี้ดูเหมือนว่าเด็กชายที่ขี้อายเหมือนกับเด็กผู้หญิงจะแสดงให้เพื่อนร่วมชั้นและอาจารย์เห็นอีกด้านหนึ่งของเขาแล้ว การชูตระยะไกลที่เห็นเลือดปิดคอ การส่งระยะกลางที่คมเหมือนกับมีด การโจมตีอย่างรวดเร็วด้วยพละกำลังที่เหมือนกับฟ้าร้อง การบุกที่ว่องไวเหมือนกับสุนัขจิ้งจอก และยังมีความมุ่งมั่นในการป้องกันที่ไม่สามารถต้านทานได้ สรุปแล้ว นั่นก็คือดาวรุ่งบาสเกตบอลคนใหม่ที่กำลังตื่นขึ้นมาอย่างช้าๆ!


มิเชลใช้แค่การแข่งขันสนามเดียวก็คว้าฉายานี้มาได้ แบนชีฉายานี้ดูเหมือนความหมายจะเป็นการดูถูก แต่กลับแสดงถึงการยอมรับที่ผู้ชมมีต่อเขาและก็แสดงถึงความกลัวของฝ่ายตรงข้ามตอนที่เผชิญหน้ากับเขาเหมือนกัน


เขาคือแบนชีที่อยู่บนสนาม เขาจะทำทุกอย่างที่เขาต้องการและจะไม่มีใครสามารถหยุดเขาได้ การแข่งขันสนามนี้ทำได้ทั้งหมด 45 แต้ม สุดท้ายแต้มที่เพิ่มขึ้นมา มิเชลทำไปแล้ว 34 แต้มซึ่งมากกว่าแต้มรวมของฝ่ายตรงข้ามด้วยซ้ำ! สำหรับเด็กหนุ่มคนนี้ นี่เป็นจุดเริ่มต้นของอาชีพบาสเกตบอลที่รุ่งโรจน์!


การแข่งไม่ได้นับการแอสซิสต์ การบล็อกและการรีบาวด์ แต่ฉินสือโอวประเมินว่า นอกจากการแอสซิสต์ สถิติอื่นมิเชลก็เป็นอันดับหนึ่งเหมือนกัน แม้ว่าฝ่ายตรงข้ามที่เผชิญหน้าด้วยจะสูงถึง 190 เซนติเมตรก็ตาม ตอนที่แย่งด้วยการรีบาวด์เขาก็ยังแย่งได้สำเร็จ


การเปลี่ยนแปลงของพลังโพไซดอนต่อมิเชลเป็นสิ่งที่คนนอกพวกนี้ไม่เข้าใจ ร่างกายที่เด็กคนนี้ถอดเสื้อให้เห็น คือลายกล้ามเนื้อที่สวยงามเหมือนกับฉินสือโอว แม้ว่าเขาจะผอม แต่ก็ไม่มีไขมันส่วนเกินเก็บไว้ ถ้าให้องค์กรที่เชี่ยวชาญมาวัดเปอร์เซ็นต์ไขมันของเขา มันจะต่ำจนทำให้คนทึ่งอย่างแน่นอน!


ข้อได้เปรียบที่มิเชลพกมาในสนามบาสเกตบอลด้วยก็คือ ความเร็วที่เร็วกว่า พละกำลังที่แข็งแกร่งกว่า พลังทำลายที่น่ากลัวกว่า ความอดทนที่มากกว่า ความเร็วในการชูตที่เร็วกว่า ไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามที่เผชิญหน้าจะแข็งแกร่งหรือว่องไวกว่าเขา เขาก็มีพลังที่จะสู้เสมอ!


เมื่อการแข่งขันสิ้นสุดลง ฮิวจ์คนน้องเดินเข้ามาตบไหล่ของฉินสือโอวและพูดอย่างสงสาร “ฉันรู้สึกเสียใจกับนายจริงๆ ฉิน นายต้องพามือใหม่แบบนี้ไปชิงแชมป์งั้นเหรอ? งั้นนายต้องเอายาคลายกล้ามเนื้อหัวใจที่ออกฤทธิ์อย่างรวดเร็วไปด้วย ฉันกลัวจริงๆ ว่านายจะหัวใจวายอยู่ข้างสนาม”


ฉินสือโอวศอกใส่เขาและพูดอย่างมีความหวัง “นายเปลี่ยนไปมองอีกมุมก็จะพบว่า เด็กพวกนี้ทุกคนเต็มไปด้วยความสามารถ ดังนั้นฉันจะทำให้มือใหม่พวกนี้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ไร้คู่ต่อสู้บนสนามและทำลายไม่ได้ นั่นเป็นเรื่องที่ทำให้ฉันรู้สึกถึงความสำเร็จ”


เมื่อเห็นฉินสือโอวที่มั่นใจในตัวเองแบบนี้ ฮิวจ์คนน้องก็ส่ายหัว “นายกำลังปลอบใจตัวเองอยู่สินะ มันจะเป็นไปได้อย่างไร?”


ฉินสือโอวชี้ไปที่มิเชลที่กำลังช่วยอาจารย์เก็บสกอร์บอร์ดกับอุปกรณ์ที่ใช้ในการแข่งอยู่ไกลๆ “มีเขาอยู่ จะมีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ล่ะ? ฉันกล้าพนันเลย อย่างมากที่สุด 5 ปี โรงเรียนที่มีชื่อเสียงของเอ็นซีเอเอจะต่อสู้กันเพื่อแย่งเด็กคนนี้!”


ฮิวจ์คนน้องเงียบกริบไม่พูดอะไร ฉินสือโอวพูดว่า “นายเคยเห็นเด็กแบบนี้ไหม? ชนะคนทั้งสนามด้วยแต้มที่สูงที่สุด แต่เมื่อแข่งจบเขากลับช่วยเจ้าหน้าที่เก็บกวาดสนามก่อนและไม่ไปหาสาวๆ เพื่อโอ้อวดหรือคุยโม้กับพวกเพื่อนๆ ถ้าพรุ่งนี้นายตื่นเช้า นายก็จะเห็นว่าเด็กคนนี้ตื่นเช้ามาก็เริ่มซ้อมแล้ว!”


เมื่อได้ยินแบบนี้ ฮิวจ์คนน้องเงยหน้าขึ้นมาในทันทีและพูดว่า “โอเค เพื่อน ฉันคิดว่าเรื่องที่นายพูดถูกต้อง งั้นฉันจะเป็นผู้ช่วยของนายเอง!”


ฉินสือโอวจ้องไปที่เขา “อะไร? ผู้ช่วยอะไร? ใครบอกว่าฉันต้องการผู้ช่วย?”


ฮิวจ์คนน้องพูดไปตามเหตุตามผลว่า “นายต้องการผู้ช่วยแน่นอน ถ้าโค้ชหลักไม่มีผู้ช่วย มันจะเสียหน้าแค่ไหนกัน?”


คนที่ปลุกใจเขาจริงๆ คือมิเชล เหมือนที่ฉินสือโอวพูด มิเชลเด็กคนนี้ไม่ได้แสดงทักษะบาสเกตบอลทั่วๆ ไปออกมา หลังจากผ่านการฝึกซ้อมโดยผู้เชี่ยวชาญ เขาเป็นคนที่อาจจะกลายเป็นแชมป์ของเอ็นบีเอคนที่ 2 ในแคนาดา


ถ้าตัวเองสามารถมีส่วนร่วมในการฝึกซ้อมแชมป์ของเอ็นบีเอ นั่นจะเป็นเรื่องหนึ่งที่ทำให้ผู้คนภาคภูมิใจ ฮิวจ์คนน้องรู้สึกว่าเขาจะโอ้อวดชีวิตครึ่งหลังของตัวเองได้ เขาต้องพึ่งมิเชลแล้ว


หลังจากกลับบ้าน ฉินสือโอวพลิกสมุดโทรศัพท์ของเขาเพื่อหาช่องทางการติดต่อของเคอร์รี พอล เวดผู้เป็นที่นิยมของเอ็นบีเอ เขาลองคิดคิดดูและโทรหาบัตเลอร์ก่อน


บัตเลอร์รับสายและพูดว่า “เงินค่าปลาทูน่ายังไม่เข้าบัญชี ไม่ใช่ว่าพวกเรายังมีอีก 2 ตัวที่ยังไม่ได้ขายเหรอ? ฉันจะตรวจดูว่าสามารถขายให้อิสึซาโอะ อาโอยาม่าได้ไหม ถ้าได้เงินมาฉันจะรีบโอนให้นาย”


ฉินสือโอวพูดว่า “ไม่ใช่เรื่องเงิน นายบอกว่านายมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเวดที่เป็นกองหลังของทีมฮีตใช่ไหม?”


บัตเลอร์ตอบว่าใช่และถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้น


จิตวิญญาณของฉินสือโอวลุกโชนขึ้นมาในทันที “นายรู้จักมิเชลใช่ไหม? เด็กที่เหมือนกับเด็กผู้หญิงคนนั้นที่ฉันเล่าให้นายฟัง เขาเป็นอัจฉริยะด้านบาสเกตบอลที่สุดยอดมาก ฉันอยากเปลี่ยนระบบให้เขา ฝึกซ้อมบาสเกตบอลแบบมืออาชีพ ฉันควรจะทำอย่างไรดี?”


บัตเลอร์หัวเราะออกมาเสียงดัง “เรื่องแบบนี้นายไปหาดเวน เวดก็ไม่มีประโยชน์ เขาจะเอาเวลาไหนไปซ้อมให้นักเรียน? ถ้านายอยากได้การแนะนำจากโค้ชส่วนตัวที่เหมาะสม งั้นฉันมีทางเลือกที่ดีกว่าดเวน เอาล่ะ นายบอกลักษณะกับเทคนิคของเด็กคนนี้มาให้ฉัน ฉันจะเลือกโค้ชที่ยอดเยี่ยมให้นายเอง”


เมื่อได้รับคำรับประกันของบัตเลอร์ ฉินสือโอวก็วางใจ เขาวางสายและจัดเตรียมข้อมูลของมิเชล โดยเฉพาะศักยภาพของชูตเตอร์กับด้านสมรรถภาพทางกายที่โดดเด่น หลังจากแนะนำอย่างเข้มข้น เขาก็ส่งไปที่อีเมลของบัตเลอร์


ช่วงต้นเดือนเมษายน งานประมูลฤดูใบไม้ผลิปีนี้ของบริษัทจัดประมูลริชชี่ก็เริ่มขึ้นในที่สุด โทรศัพท์ของฉินสือโอวดังขึ้นไม่หยุดหย่อนตั้งแต่เช้าตรู่ เบลคส่งข่าวงานประมูลมาให้เขาอย่างต่อเนื่อง


“เครื่องประดับไข่มุกสีดำของนายกลายเป็นดาราไปแล้ว ปีนี้ดูเหมือนมันคุ้มค่าที่จะทำ นายรอข่าวดีจากฉัน…”


“เหรียญทองรุ่นแรกประมูลออกไป 2 แสน 5 หมื่นดอลลาร์สหรัฐ! แต่นี่เป็นเหรียญที่สภาพดีที่สุด ราคาอื่นก็ต่ำกว่ามาก โชคดีที่เสนอลดราคาลง รวมกับเหรียญเงิน 825 เหรียญ ทั้งหมดเป็น 38 ล้าน 5 แสนดอลลาร์สหรัฐ!”


“เครื่องประดับไข่มุกสีดำ 8 เส้นที่นายส่งมาเริ่มประมูลแล้ว บ้าเอ๊ย ตอนนี้มีคนรวยเยอะจริงๆ…โอเค จบละ ชิ้นหนึ่งยังไม่ได้ทำสัญญาอย่างสมบูรณ์ ราคาที่สูงที่สุดคือ 1 ล้าน 5 แสนดอลลาร์สหรัฐ ราคาที่ต่ำที่สุดคือ 4 แสน 4 หมื่นดอลลาร์สหรัฐ รวมทั้งหมดคือ 6 ล้าน 6 แสนดอลลาร์สหรัฐ!”


“ถึงตาเครื่องประดับไข่มุกสีดำของนายประมูลแล้ว ดุเดือดมากจริงๆ! ชุดเครื่องประดับสไตล์อเมริกาใต้ถูกคนรวยชาวอาร์เจนตินาประมูลไป และเครื่องประดับสไตล์จีนก็ถูกชาวจีนโพ้นทะเลคนหนึ่งประมูลไป รวมทั้งหมดเข้าบัญชี 11 ล้านดอลลาร์สหรัฐ!”


“ในที่สุดก็ถึงการประมูลเครื่องเสาหัวเรือ! บ้าเอ๊ย การแสดงกำลังจะเปิดฉากแล้ว เร็วๆๆ เปิดแอปพลิเคชันวิดีโอ ฉันจะถ่ายทอดสดให้นายดูเอง!”



 

 

 


บทที่ 1056 เครื่องเสาหัวเรือที่ประมูล...

 

งานประมูลชั้นหนึ่งจะคล้ายกับงานประชุมลับ ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพและบันทึกวิดีโอตลอดทั้งงาน นี่ก็เพื่อปกป้องพวกคนรวยที่มาเข้าร่วมงานประมูล ท้ายที่สุดไม่มีใครอยากออกไปแล้วถูกคนลักพาตัวไป


ดังนั้น หลังจากเหตุการณ์นี้คนทั่วไปจะเห็นว่าข่าวการประมูลแสดงภาพถ่ายน้อยมาก ส่วนใหญ่จะเป็นการบันทึกข้อความเท่านั้น และถึงแม้ว่าจะมีภาพถ่าย ก็เป็นรายการประมูลกับพวกผู้ประมูลที่สวมถุงมือขาว และไม่ใช่ฉากที่พวกคนรวยแข่งกันประมูล


พวกคนรวยสามารถถ่ายภาพได้อย่างอิสระ แต่พวกเขาจะไม่ส่งภาพถ่ายพวกนี้ให้สำนักข่าว เพราะไม่มีความจำเป็นต้องทำแบบนั้น พวกเขาเข้าร่วมงานประมูลเพียงเพราะพวกเขาถูกรายการประมูลในโฆษณาล่อลวง และไม่ได้มาเพื่อโฆษณา


คนที่สามารถเข้างานประมูลได้ เป็นคนที่ถูกบริษัทจัดประมูลริชชี่เชิญมาทุกคนซึ่งเป็นบุคคลที่ได้รับความไว้วางใจจากบริษัท


จากจุดนี้จะเห็นว่า เบลคถอยหลังไปขนาดนั้นเพื่อฉินสือโอว ถ้าไม่มีปัญหา ฉินสือโอวจะเป็นคนแรกที่เข้าร่วมงานประมูลผ่านวิดีโอบนโทรศัพท์มือถือ


อาจจะมีคนรวยจำนวนมากที่ไม่มีเวลามาเข้าร่วมงานประมูลและมอบหมายให้ผู้ช่วยหรือเพื่อนมาแทน แต่การติดต่อระหว่างพวกเขาคือทางโทรศัพท์ และไม่ใช่วิดีโอ


เพราะเหตุนี้ ฉินสือโอวควรจะรู้สึกภาคภูมิใจ


ความเร็วบรอดแบนด์ของแคนาดาเร็วมาก วิดีโอเชื่อมต่อ ฉินสือโอวเห็นด้านหน้าของหอประชุมขนาดเล็กและเครื่องเสาหัวเรือไม้จันทน์แดงขนาดใหญ่ที่เก็บไว้ในลิ้นชัก ด้านหลังเครื่องเสาหัวเรือคือนายหน้าการประมูลคนหนึ่ง บนที่นั่งรอบๆ ก็เป็นผู้คนที่อยู่กันอย่างคับคั่ง


“คนเยอะจริงๆ” ฉินสือโอวอุทานด้วยความชื่นชม


เบลคพูดอย่างภูมิใจในตัวเองว่า “แน่นอน เพื่อน นายคงไม่เห็นว่าใครเป็นคนดูแลเรื่องงานโฆษณา แต่พูดจริงๆ นะ ฉิน งานประมูลของพวกฉันสามารถขยายกิจการได้เร็วขนาดนี้ ต้องขอบคุณนายเลย”


ฉินสือโอวเข้าใจความหมายของเบลค บริษัทจัดประมูลริชชี่เริ่มต้นจากงานประมูลฤดูใบไม้ผลิเมื่อปีก่อน ของล้ำค่าที่อยู่ในงานประมูลครั้งใหญ่สองสามครั้งต่อมาเป็นของที่เขาหามาทุกชิ้น นี่เป็นการช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่มากสำหรับงานประมูล


เรื่องหนึ่งที่เบลคภูมิใจมากที่สุด ก็คือตอนที่เขารู้ว่าในมือของฉินสือโอวมีรูปปั้นของเพอร์ซิอุสกับรูปปั้นเมดูซ่าอยู่ในตอนนั้น เขามาเจรจาด้วยตัวเอง และได้รับมิตรภาพจากอีกฝ่าย


นี่ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เขาได้เลื่อนตำแหน่งอย่างรวดเร็วภายในครอบครัว ครั้งนี้หลังจากได้เครื่องเสาหัวเรือมาไว้ในกำมือ กิจกรรมทางธุรกิจที่สำคัญขนาดนี้อย่างงานประมูลฤดูใบไม้ผลิจึงถูกส่งมาอยู่ในมือของเขาโดยตรง ทำให้เขากลายเป็นดาวเด่นในอนาคตที่ครอบครัวคาดหวังมากที่สุด


เมื่อได้ยินคำพูดของเบลค ฉินสือโอวจึงใช้คำพูดคลาสสิกประโยคหนึ่งสรุปว่า “นี่เป็นผลลัพธ์จากการทำงานร่วมกันของพวกเรา ถ้าบนเหรียญทหารครึ่งหนึ่งเป็นฉัน อีกครึ่งหนึ่งก็เป็นนาย”


ทั้งสองคนคุยกันสองสามประโยค การประมูลก็เริ่มต้นขึ้น นายหน้าการประมูลแนะนำเครื่องเสาหัวเรือก่อน เป็นของเรือธงกริบฮันเดนของกษัตริย์จอห์นแห่งนอร์เวย์เมื่อ 500 ปีก่อน วัสดุคือไม้จันทน์สีแดง ฉายาคืออสูรของกษัตริย์เป็นต้น


ตอนนี้เครื่องเสาหัวเรือไม่ได้อยู่ในลักษณะที่เปียกปอนเหมือนตอนกู้ขึ้นมาจากในมหาสมุทร บริษัทจัดประมูลริชชี่ดูแลรักษาและจัดเก็บมันไว้ ขอบที่หยาบบางส่วนก็เจียระไนใหม่อีกครั้ง จุดที่เสียหายและแตกเป็นชิ้นๆ ก็ใช้ไม้จันทน์แดงที่เป็นวัสดุเดียวกันมาอัด ถึงขั้นลงแว็กซ์ชั้นหนึ่งบนผิวนอกด้วย


เมื่อเห็นเครื่องเสาหัวเรือจากในเว็บแคม ผิวนอกเปล่งประกายแวววาว เนื้อในเป็นวัสดุสีม่วงดำที่หรูหราและสง่างาม รูปลักษณ์ที่น่าเกรงขามและก้าวร้าว บรรยากาศระดับไฮเอนด์ที่แท้จริง


นี่ยังแค่เห็นจากในโทรศัพท์มือถือ ถ้าอยู่ในสถานที่จริง ผลลัพธ์ก็คงจะดีกว่านี้


นายหน้าการประมูลถึงขั้นไม่ต้องแนะนำให้ยืดยาว หลังจากที่เขาเล่าอย่างเรียบง่าย การประมูลก็เริ่มขึ้นทันที “ราคาพื้นฐานคือ 45 ล้านดอลลาร์สหรัฐ การเพิ่มราคาแต่ละครั้งต้องเป็นจำนวนเต็มที่ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตอนนี้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ 45 ล้าน…”


“46 ล้านดอลลาร์สหรัฐ!”


มีคนยกมือและตะโกนขึ้นมาในทันที เสียงดังมาก ฉินสือโอวได้ยินทุกอย่างผ่านโทรศัพท์มือถือ เบลคเปลี่ยนมุมมอง ฉินสือโอวตกตะลึงที่พบคนคนนี้นึกไม่ถึงว่าจะเป็นคนรู้จักของเขา เจ้าชายฮามานแดนที่หล่อที่สุดในตะวันออกกลาง


และด้านซ้ายกับด้านขวาของเจ้าชายน้อยทั้งสองด้านก็ยังมีคนรู้จักของเขาอีก 2 คนนั่งอยู่ คนหนึ่งคือเจ้าหญิงซาลามาห์ ส่วนอีกคนคืออาฟิฟ


เจ้าหญิงน้อยนั่งอย่างสง่างามอยู่ในงานประมูล ความจริงเธอดูเบื่อมาก ช่วงบนตั้งตรง แต่หัวเล็กๆ กลับหันไปรอบๆ เมื่อไม่พบของที่น่าสนใจจึงหาวออกมาเล็กน้อย


เมื่อเจ้าชายฮามานแดนด้านนี้เสนอราคา ชายอ้วนผิวขาวตัวสูงคนหนึ่งก็ยกมือขึ้นและเสนอราคาเหมือนกัน คนนี้เสียงค่อนข้างเบา ฉินสือโอวได้ยินไม่ชัดว่าเขาเสนอราคาเท่าไร เป็นเบลคที่ช่วยเขาทวนอีกรอบ “เพิ่มอีก 1 ล้านเป็น 47 ล้านดอลลาร์สหรัฐแล้ว”


ราคาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ฉินสือโอวให้ความสนใจคนที่เข้าร่วมเสนอราคาทุกคนเป็นชาวยิวกับพวกคนรวยในตะวันออกกลาง เขาถอนหายใจและถามว่าตอนนี้ความร่ำรวยของโลกไปกระจุกอยู่ในมือของคนพวกนี้หมดแล้วใช่ไหม


เบลคพูดว่าจะเป็นไปได้อย่างไร ตอนนี้มีคนรวยชาวรัสเซียหลายคนเสนอราคากันอย่างแข็งขัน และก็ขึ้นอยู่กับผลลัพธ์สุดท้าย


ของที่นำมาประมูลก่อนหน้านี้ทุกชิ้นเสนอราคาเสร็จอย่างรวดเร็ว และฉินสือโอวเปิดวิดีโอแค่ 5 นาที การเสนอราคายังคงดำเนินต่อไป แต่คนรวยพวกนี้มีเหตุผลมากทุกคน รวมทั้งพวกเจ้าชายแห่งตะวันออกกลาง ทุกครั้งที่เพิ่มราคาก็ยังเป็น 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ดูเหมือนว่าทุกคนจะมีความอดทนมากขึ้น


แต่ท้ายที่สุดช่วงที่จัดแสดงอยู่ที่นั่น แม้ว่าราคาพื้นฐานจะเพิ่มแค่ครั้งเดียว แต่หลังจากนั้น 5 นาที ราคายังเพิ่มขึ้นอีก 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเพิ่มขึ้นทีละครั้งจนถึง 65 ล้านอย่างน่ากลัว!


ฉินสือโอวมองพวกคนรวยที่ใจเย็น ในใจก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาด้วยความเสียใจ ความเหลื่อมล้ำระหว่างคนรวยกับคนจนในสังคมนี้สูงมาก การลงทุนหลายสิบล้าน ในสายตาของพวกคนรวยดูเหมือนจะเป็นแค่ตัวเลข พวกเขาโยนราคาที่สูงขึ้นไปอีกครั้งและอีกครั้งอย่างเบาบางและไม่รู้สึกกดดันเลยแม้แต่น้อย!


ราคาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับคลื่นซัดทราย มีคนที่แข่งประมูลส่ายหัวและถอนตัวอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายคนที่เหลืออยู่ก็คือคนรวยชาวยิวกับกระฎุมพีใหญ่โตในตะวันออกกลางไม่กี่คน


การต่อสู้ที่ดุเดือดจะอยู่ตอนช่วงเวลาสุดท้ายเสมอ หลังจากที่ราคาเพิ่มขึ้นไปถึง 70 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แม้แต่เจ้าชายฮามานแดนกับอาฟิฟก็ยังระมัดระวังมากขึ้น และนอกจากนี้คนรวยในตะวันออกกลางอีกสองสามคนที่มาด้วยกันก็ถอนตัวไปหมดแล้ว


บรรยากาศในงานประมูลช่วงหลังเริ่มตึงเครียดขึ้นมา เสียงที่นายหน้าการประมูลใช้ทวนราคาเริ่มเบาลงเรื่อยๆ และไม่ชวนให้รู้สึกหลงใหลมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกสิ่งทุกอย่างดูผิดปกติไปหมด


หลังจากที่เพิ่มราคาอีก 2 ครั้ง 72 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นชาวยิววัยกลางคนที่ดูสุภาพคนหนึ่งเสนอราคานี้ออกมา อาฟิฟส่ายหน้าก่อน เจ้าหญิงน้อยซาลามาห์ดึงเจ้าชายฮามานแดนที่อยู่ด้านข้าง เขามองชาวยิววัยกลางคนคนนั้นแวบหนึ่งด้วยความเจ็บใจและก็ส่ายหน้าในที่สุด


เห็นได้ชัดว่า การที่ไม่สามารถชนะเครื่องเสาหัวเรือไม้จันทน์แดงชิ้นนี้ได้ ทำให้เจ้าชายสุดหล่อเจ็บใจมาก


ณ ตอนนี้ นายหน้าการประมูลเริ่มกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาอีกครั้ง เขาใช้เสียงที่มั่นคงและหนักแน่นทวนราคาซ้ำ 3 รอบและทุบค้อน


ตอนที่เสียงทุบดังขึ้น เบลคก็ถอนหายใจออกมาเหมือนกันและพูดด้วยความตื่นเต้นว่า “72 ล้านดอลลาร์สหรัฐ! 72 ล้านดอลลาร์สหรัฐ!”


สำหรับงานประมูลระดับโลก ราคานี้ไม่เท่าไร ราคาที่สูงเกินจริงยิ่งกว่านี้ก็ยังมี โดยเฉพาะงานประมูลของคริสตีส์กับโซเธบี้ ราคาที่ตกลงซื้อขายแต่ละครั้งอาจจะมากกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ


ตัวอย่างเช่นเมื่อปีที่แล้ว ภาพวาดสีน้ำมันของปีกัสโซ ‘ผู้หญิงแอลเจียร์ เวอร์ชันโอ’ ที่นำมาประมูลในงานแสดงตอนเย็น ‘มองกลับไปในอดีต’ ของคริสตีส์ที่นิวยอร์ก ก็ประมูลออกไปได้ราคาสูงถึง 179 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เครื่องเสาหัวเรือยังไม่สามารถเทียบกับเศษเสี้ยวของพวกนี้ได้เลย


แต่สำหรับเบลค งานศิลปะพวกนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเขา ไม่สำคัญว่าจะประมูลออกไปได้ราคาเท่าไร อย่างมากที่สุดเขาดึงบางส่วนออกมาก็จบ แต่เครื่องเสาหัวเรือไม่เหมือนกัน เขาได้รับส่วนแบ่ง ราคาที่ตกลงซื้อขาย 70 กว่าล้านดอลลาร์สหรัฐ เขาจะได้รับเกือบๆ 10 ล้าน!



 

 

 


บทที่ 1057 เหยียบย่างนครเซนต์จอห์น

 

เมื่อเห็นชาวยิวผิวขาวที่สง่างามจับมือกับนายหน้าการประมูล ฉินสือโอวก็รู้สึกว่าเขาดูแปลกๆ จึงถามว่า “คนนี้เป็นใคร?”


“อามานด์ แบลช นายคงจะไม่คุ้นชื่อนี้”


ฉินสือโอวลองคิดคิดดูและพูดว่า “ก็จริง เขาเป็นเจ้าพ่อวงการไหน?”


เบลคหัวเราะ “ฉันบอกว่าชื่อของเขานายไม่รู้จัก แต่ถ้าฉันพูดอีกชื่อนายรู้จักแน่นอน แลร์รี่ เอลลิสัน! อามานด์เป็นผู้ช่วยหัวหน้าของเขา!”


ถ้าเป็นตอนที่อยู่ประเทศจีนก่อนหน้านี้ ฉินสือโอวยังไม่คุ้นเคยชื่อนี้จริงๆ ตอนนี้ผ่านมาช่วงหนึ่งแล้วที่เขาคลุกคลีอยู่ในสังคมชนชั้นสูงที่อเมริกาเหนือ บางชื่อเขาไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ตอนนี้เขาสามารถพูดได้ว่าเป็นชื่อที่รู้จักกันดี


แลร์รี่ เอลลิสันก็เป็นหนึ่งในนั้นพอดี เมื่อหลายปีก่อนคนคนนี้เป็นคู่แข่งที่ทรงพลังมากของเศรษฐีชั้นนำทั่วโลกมาโดยตลอด เขาเป็นเจ้าของออราเคิล บริษัท ซอฟต์แวร์ฐานข้อมูลที่ใหญ่ที่สุดในโลก ผลิตภัณฑ์ของเขาครอบคลุมไปทั่วทั้งโลก เขาเป็นตำนานของซิลิคอนแวลลีย์


หลังจากเข้าใจสถานะของอามานด์ ฉินสือโอวก็ถอนหายใจ “ไม่น่าล่ะๆ ไม่คิดว่างานอดิเรกของคนรวยอันดับต้นๆ คนนี้จะแปลกขนาดนี้ นึกไม่ถึงว่าจะชอบรูปแกะสลักไม้จันทน์แดง”


เอลลิสันจะใช้เงิน 72 ล้านดอลลาร์สหรัฐประมูลเครื่องเสาหัวเรือก็ไม่แปลก ชายคนนี้เป็นคนแปลกประหลาดในกลุ่มคนรวยที่สหรัฐอเมริกา ปีที่แล้วเขาเพิ่งจะบริจาคเงิน 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้กลุ่มกำจัดโรคโปลิโอทั่วโลกเพื่อกำจัดโรคโปลิโอ


นอกจากนี้ เมื่อหลายปีก่อนเขาสั่งซื้อเรือยอชต์ลำใหญ่ที่หรูหราที่สุดลำหนึ่ง ยอดรวมทั้งหมดสูงกว่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีทั้งหมด 5 ชั้น ความยาว 472 ฟุต ด้านในมีห้องเก็บไวน์กับอ่างจากุชชี่ และเขาใช้เงินขนาดนี้สร้างเรือยอชต์ในความคิดของเขาแค่เพื่อแข่งกับพอล อัลเลนคนรวยอันดับต้นๆ อีกคนหนึ่ง…


เมื่อการประมูลจบ ฉินสือโอวก็วางสายไป เขาคำนวณคร่าวๆ สักหน่อย ราคารวมของเหรียญทองกับเหรียญเงินและเครื่องเสาหัวเรือสูงกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังจากที่แบ่งกันเขาจะได้รับอย่างน้อย 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมกับเงินที่ประมูลเครื่องประดับไข่มุกสีดำและปลาทูน่า อย่างนั้นก่อนหักภาษี รายได้ที่เขาจะได้รับก็คือ 100 ล้าน!


เขาโยนโทรศัพท์ทิ้ง ฉินสือโอวพูดกับวินนี่ด้วยความตื่นเต้นว่า “เฮ้ ที่รัก รายได้สุทธิที่ผู้ชายของคุณทำสูงกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐอีกแล้ว!”


เพราะต้าฉินอาหารทะเลทำรายได้ให้เขาอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้ในกระเป๋าสตางค์ของเขาก็มีอยู่ 60 กว่าล้าน ดังนั้นรวมกับรายได้ที่เพิ่มมาครั้งนี้ เงินที่เขาครอบครองจะมีถึง 160 ล้าน เป็นตัวเลขที่น่าขนลุกมาก


สำหรับเขา เงินพวกนี้ก็เป็นแค่ตัวเลข และไม่มีมูลค่าที่แท้จริง


วินนี่หันกลับมายิ้ม “งั้นซื้อของเล่นที่ดีกว่านี้ให้ลูกสาวสักชิ้นสิคะ ฉันคิดว่าเธอน่าจะชอบตุ๊กตาบาร์บี้ของแมทเทล ถูกไหมคะ?”


ฉินสือโอวโบกมืออย่างกล้าหาญและพูดว่า “ผมจะซื้อตุ๊กตาบาร์บี้ให้เธอสักห้อง! ที่รัก แล้วคุณล่ะ? โอ้ ไวส์ นายมีของเล่นที่อยากได้ไหม? ฉันจะซื้อให้นายเอง!”


ไวส์ถามด้วยความแปลกใจว่า “ทำไมถึงให้ของขวัญผมโดยไม่มีเหตุผลล่ะครับ?”


ฉินสือโอวเงยหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจ “เพราะอาจารย์เพิ่งจะทำเงินได้ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐไงล่ะ เป็นอย่างไร สุดยอดไปเลยใช่ไหม?”


ถึงแม้จะเป็นแค่ตัวเลข แต่ตัวเลขนี้ก็ยังมีค่ามากทำให้คนรู้สึกภูมิใจได้ ฉินสือโอวไม่ใช่นักบุญ จิตใต้สำนึกของเขาก็อยากหาคนแบ่งปันข่าวที่ทำให้ตื่นเต้นข่าวนี้สักหน่อย วินนี่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเงินนัก ยิ่งไปกว่านั้นส่วนใหญ่เธอจะคิดว่าฉินสือโอวล้อเล่นจึงไม่ได้สนใจ


ดังนั้น ฉินสือโอวจึงหันไปหาไวส์


น่าเสียดายที่เขาหันไปหาผิดคน


ทายาทของราชาเหล็กยักไหล่หลังจากได้ยินคำพูดของเขา “อ๋อ ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง อาจารย์คุณใจกว้างมากจริงๆ พ่อของผมสามารถทำเงินได้ 100 ล้านทุกเดือน แต่เขาไม่เคยให้ของขวัญผมเลย”


ฉินสือโอว “…”


หลังจากงานประมูลจบ พวกวาฬเบลูกาตัวน้อยก็ไปถึงน่านน้ำตรงจะงอยแอฟริกาของมหาสมุทรอินเดียเหมือนกัน เรือสำรวจของบิลลี่กับพวกเขาตั้งอยู่ที่นี่ และเบิร์ดก็ล่วงหน้ามารวมกับกลุ่มของบิลลี่ก่อนแล้ว พวกเขาต้องเตรียมตัวกู้เรือทองคำ


เพราะข้อมูลที่บิลลี่หาไว้ให้ไม่แน่นอนเกินไป ทำให้ฉินสือโอวขาดความมั่นใจกับแรงจูงใจในการปฏิบัติการกอบกู้ครั้งนี้ ไม่อย่างนั้นก่อนหน้านี้เขาส่งเจ้าตัวน้อยทั้ง 3 ตัวไปแล้ว มันจะไม่เป็นแบบนี้จนบิลลี่เตือนเขาถึงเรื่องนี้


เจ้าตัวน้อยทั้ง 3 ตัวเพิ่งจะมาถึง พวกมันว่ายน้ำมาจากแอตแลนติกเหนือมาโดยตลอดและไม่ได้หยุดพักเลยจนถึงน่านน้ำแอฟริกาที่มหาสมุทรอินเดีย แม้ว่าจะมีพลังโพไซดอนส่งพลังให้อย่างต่อเนื่อง เจ้าตัวน้อยทั้ง 3 ตัวก็ยังเหนื่อยมาก ฉินสือโอวสั่งให้วาฬเบลูกาตัวน้อยตามเบิร์ดไปทักทายบิลลี่และจัดการให้พวกมันไปพักผ่อน


ตอนที่อุณหภูมิน้ำในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือยังเย็นเยือกอยู่ น่านน้ำแอฟริกาก็ร้อนจัดแล้ว ไม่ว่าจะวาฬเบลูกาตัวน้อย ฉลามเสือหรือปลาโลมาก็ชอบสภาพแวดล้อมที่อบอุ่นทุกตัว หลังจากที่มาถึงน่านน้ำแอฟริกาพวกมันก็เหมือนปลาได้น้ำจริงๆ ดูมีความสุขอย่างหาที่เปรียบไม่ได้


ฉินสือโอวแค่ให้วันหยุดกับพวกมันและปล่อยให้พวกมันเล่นสนุกอยู่ที่นี่สักสองสามวัน


วันจันทร์สัปดาห์ที่ 2 ในเดือนเมษายน หลังจากที่ฉินสือโอวให้อาหารหู่จือกับเป้าจือจนอิ่มในตอนเช้า เขาก็พาพวกมันขึ้นเรือไปที่นครเซนต์จอห์น


หู่จือกับเป้าจือเพิ่งเคยไปนครเซนต์จอห์นเป็นครั้งแรก พวกมันออกจากเกาะก่อนหน้านี้ก็เพื่อตามฉินสือโอวกลับบ้านเกิดที่ประเทศจีน ปกติฟาร์มปลาจะเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของพวกมัน ส่วนใหญ่พวกมันจะวิ่งไปสร้างปัญหาในเมือง


พวกมันเหยียบย่างบนพื้นแห้งๆ ที่ตัวเมืองในนครเซนต์จอห์นเป็นครั้งแรก เจ้าตัวน้อยทั้งสองตัวดูแปลกมาก ไม่ซุกซนเหมือนปกติ ตอนที่อยู่บนเรือพวกมันยังสู้กันบนดาดฟ้าเรืออยู่เลย แต่หลังจากที่เทียบท่า พวกมันก็ไร้เดียงสาขึ้นมา ตัวหนึ่งอยู่ด้านซ้ายอีกตัวอยู่ด้านขวาของฉินสือโอว


ชาวประมงกับเจ้าของฟาร์มปลาที่รู้จักฉินสือโอวเดินมาทักทาย เจ้าตัวน้อยทั้งสองตัวหลบอยู่ด้านหลังของเขาและยื่นหัวออกมามองฝูงชนกับเรือที่ผ่านไปมาพวกนี้ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ลักษณะที่เต็มไปด้วยความสับสนนั้นน่ารักจริงๆ


หลุยส์ตั้งใจมารับฉินสือโอวกับพวกแลบราดอร์โดยเฉพาะ เขารออยู่บนท่าเรือ เมื่อเห็นคน 1 คนกับสุนัข 2 ตัวก็ขึ้นมาต้อนรับอย่างกระตือรือร้น ก่อนจะจับมือกับฉินสือโอวเพื่อขอบคุณที่เขาสนับสนุนการทำงานของศาลนครเซนต์จอห์น หลังจากนั้นเขาย่อตัวลงและยื่นมือไปทางหู่จือ


การกระทำที่เรียบง่ายแบบนี้ ตอนที่หู่จือกับเป้าจืออายุ 2 เดือนก็เล่นกันจนเบื่อแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่พวกมันขึ้นมานครเซนต์จอห์นจึงค่อนข้างเงียบและสงบเสงี่ยม เมื่อเห็นหลุยส์ยื่นมือออกมา หู่จือก็ยกอุ้งเท้าขึ้นไปวางไว้บนมือของเขา


หลังจากนั้น หู่จือก็โยกอุ้งเท้า 2 ครั้ง


ทันใดนั้น หลุยส์ก็แข็งทื่อไป เขาเบิกตาโตมองหู่จือไม่น้อยกว่า 4 ถึง 5 วินาทีและตะโกนว่า “โอ้พระเจ้า โอ้พระเจ้าของข้า นึกไม่ถึงว่าเจ้าตัวน้อยตัวนี้จะทักทายเองได้? เก่งมากจริงๆ!”


เมื่อถึงตาของเป้าจือ เป้าจือก็โยกอุ้งเท้าหลังจากถูกจับเท้าเหมือนกัน ทำให้หลุยส์ยิ้มหน้าบานอย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น


เมื่อขึ้นไปบนรถของศาล พวกเขาก็ตรงไปย่านเล็กๆ แห่งหนึ่งในทันที ตอนที่หลุยส์ขับรถเขาแนะนำว่า “เด็กทั้ง 3 คนตอนนี้อาศัยอยู่ที่นี่ทุกคน พวกเราเช่าบ้านหลังหนึ่งไว้และเชิญสามีภรรยาชราที่ใจดีคู่หนึ่งมาช่วยดูแลพวกเธอ สภาพของพวกเธอไม่ค่อยดีนัก”


ฉินสือโอวพูดว่า “ผมจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยเหลือพวกเธอและหวังว่าพระเจ้าจะอวยพรให้เด็กพวกนี้!”


หลุยส์หันกลับมายิ้ม “ฉิน คุณเป็นคนดี ผมรู้สึกขอบคุณพระเจ้ามากที่มอบคุณกับเจ้าตัวน้อยทั้งสองตัวนี้ให้นครเซนต์จอห์น”


ฉินสือโอวตกใจ “มันไม่มีอะไรหรอก คุณมองทางเถอะ…”


ข่าวมักจะนำเสนอว่าคนแคนาดาขับรถระมัดระวังเป็นพิเศษอยู่เสมอ เคารพกฎจราจรเป็นพิเศษและอื่นๆ หลังจากที่ฉินสือโอวมาถึงที่นี่เขาพบว่ามันไม่ได้เป็นแบบนั้น บางทีพวกโชเฟอร์ที่แคนาดาก็มีนิสัยเล็กๆ น้อยๆ ที่โดดเด่นเยอะมาก แต่การขับรถของพวกเขาไม่ได้ระมัดระวังเลย


สาเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องนี้ ก็คือแคนาดามีพื้นที่กว้างและรถน้อย หลังจากที่คนขับรถบรรทุกจำนวนหนึ่งขับรถบนถนนที่คุ้นเคย พวกเขาถึงขั้นกล้าหลับตาและพักผ่อนเป็นเวลา 10 วินาที นี่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนในประเทศจีนที่เต็มไปด้วยรถยนต์!



 

 

 


บทที่ 1058 แปลกประหลาด

 

ย่านที่อยู่อาศัยที่ศาลนครเซนต์จอห์นเลือกให้พวกเด็กๆ นั้นเงียบสงบมาก ล้อมรอบด้วยทะเลสาบขนาดเล็กสองแห่ง มีต้นไม้สีเขียวเรียงราย สภาพแวดล้อมงดงามมาก และห่างจากถนนค่อนข้างไกล นอกจากพวกเขา ฉินสือโอวก็ไม่เห็นรถคันอื่นอีก


หู่จือกับเป้าจือเงียบไปสักพัก ฉินสือโอวเปิดกระจกหน้าต่างรถให้ พวกมันยื่นหน้าออกไปมองนอกหน้าต่าง


ปีศาจน้อยจะมีวิธีที่ใช้สร้างความสนุกสนานให้ตัวเองอยู่เสมอ พวกแลบราดอร์ค้นพบอย่างรวดเร็วว่าลมจะแรงมากในความเร็วรถแบบนี้ ดังนั้นพวกมันจึงอ้าปากและแลบลิ้นออกมาทำให้ลมพัดลิ้นกับขนที่ปากจนปลิว นึกไม่ถึงว่าพวกมันจะเล่นกันอย่างสนุกสนาน


หลังจากที่หลุยส์เห็นก็หัวเราะออกมาเสียงดังอย่างมีความสุขและชื่นชมแลบราดอร์ที่เต็มไปด้วยความไร้เดียงสาอีกครั้ง ฉินสือโอวแอบเหงื่อตก ปีศาจน้อยไม่รู้จริงๆ ว่าตัวเองกำลังทำเสียหน้า


เมื่อจอดรถ ก่อนหน้านี้หลุยส์โทรศัพท์แจ้งสามีภรรยาชราที่รับผิดชอบดูแลเด็กสาวทั้ง 3 คนแล้ว ดังนั้นตอนที่ได้ยินเสียงรถจึงมีคนเดินออกมาจากในบ้าน เด็กสาวทั้งสามคนที่มีอายุแตกต่างกันก็ค่อยๆ เดินออกมาจากด้านหลัง


หลังจากเห็นฉินสือโอว เด็กสาวทั้งสามคนก็หดตัวลงตามสัญชาตญาณ เห็นได้ชัดว่าสภาพจิตใจได้รับความบอบช้ำเป็นอย่างมาก


จากนั้นหู่จือกับเป้าจือที่หลบอยู่ก็ออกมาจากด้านหลังของฉินสือโอว สายตาของพวกเด็กสาวเปล่งประกายในทันทีและมองแลบราดอร์ทั้งสองตัวอย่างเฝ้ารอ


หลุยส์มองเด็กสาวทั้งสามคนอย่างให้กำลังใจและพูดกับเด็กสาวที่โตที่สุดว่า “จูดี้ นี่คือสุนัขกล้าหาญในช่องครอสซิ่งที่พวกหนูอยากรู้จักมาตลอดไง พาน้องสาวอีกสองคนไปทักทายพวกมันดีไหม?”


ฉินสือโอวขยิบตาให้หู่จือกับเป้าจือและย่อตัวลงชี้ไปที่พวกเด็กสาว เขาเกาคอของแลบราดอร์ เจ้าตัวน้อยทั้งสองตัวก็วิ่งเข้าไปอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง


พวกมันมาที่นครเซนต์จอห์นเป็นครั้งแรก แต่พวกมันไม่กลัวคนแปลกหน้าเลย


หลังจากที่หู่จือกับเป้าจือเข้ามาใกล้ เด็กสาวทั้งสามคนก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาในทันที ความรู้สึกหดหู่และกลัวที่เพิ่งจะพบกันก็หายไป พวกเธอเดินอ้อมไปด้านหน้าเพื่อมองสุนัขแลบราดอร์ด้วยกันและพูดคุยกันเบาๆ


ฉินสือโอวเดินเข้าไปใกล้อย่างช้าๆ และพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลว่า “เฮ้ สาวๆ สวัสดี ฉันเป็นเพื่อนของหู่จือกับเป้าจือ พวกหนูอยากเป็นเพื่อนกับพวกมันไหม?”


เด็กสาวตัวน้อยสองคนที่พบกับความรุนแรงในครอบครัวรู้สึกกลัวเขาอยู่บ้างและไม่ได้ตอบรับ พวกเธอแค่ก้มหน้าลง จูดี้ยังดีกว่านิดหน่อย เธอตอบเบาๆ ว่า “ใช่ค่ะ พวกหนูชอบพวกมัน พวกมันกล้าหาญ น่ารัก ฉลาด สวยและดูมีเสน่ห์”


ฉินสือโอวยื่นมือไปเกาขนที่ใต้คางของหู่จือ หู่จือรู้สึกดีมาก มันครางเบาๆ อยู่ในลำคอและนอนลง มันหลับตาลงฉีกปากยิ้มและแสดงสีหน้าที่มีความสุขออกมา


ในความคิดของฉินสือโอว สีหน้าแบบนี้ต้องน่าเกลียดมากและก็น่าเกลียดมากจริงๆ แต่ในความคิดของพวกเด็กๆ นี่กลับดูน่ารัก


จูดี้เดินไปเกาที่ขนหลังคอของเป้าจือ เป้าจือกระดิกหูใหญ่และก็นอนลงบนสนามหญ้าเหมือนกัน มันร้องขึ้นมาเบาๆ อย่างร่าเริงและยกอุ้งเท้าขึ้นไปวางไว้บนเข่าของจูดี้ มันพิงศีรษะเล็กๆ บนเท้าของเธอและลุกขึ้นเพื่อขอการลูบไล้


เมื่อเห็นฉากนี้ เด็กหญิง 2 คนที่เหลือก็อยากสัมผัสพวกมันมาก พวกเธอมองหู่จือกับเป้าจืออย่างใจจดใจจ่อ


ฉินสือโอวใช้โอกาสนี้หลีกทางให้ เด็กหญิงตัวน้อย 2 คนเดินไปเกาให้หู่จือ ท่าทางของหู่จือดูมีชีวิตชีวามากขึ้นเล็กน้อย มันถูกเกาอยู่สักพักก็ลุกขึ้นมาแลบลิ้นเลียแก้มของเด็กหญิงตัวน้อย เด็กหญิงตัวน้อยรู้สึกจักจี้จึงหัวเราะคิกคักขึ้นมา เธอลุกขึ้นหนี หู่จือไล่ตามเธอไปและเล่นอยู่กับพวกเด็กหญิงตัวน้อย


ดังนั้น หลุยส์จึงวางใจ เขาเข้าไปในบ้านกับฉินสือโอวและพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เยี่ยมไปเลย ผมพึ่งเคยเห็นโรชานหัวเราะอย่างมีความสุขขนาดนี้เป็นครั้งแรก ตอนที่เพิ่งจะรู้จักกันเธอเหมือนกับมนุษย์หินและกลัวคนจริงๆ”


ฉินสือโอวพูดว่า “ดูเหมือนว่าหู่จือกับเป้าจือจะทำได้ไม่เลว การมาถึงของพวกมันดูเหมือนจะได้ผล ไม่ใช่เหรอครับ?”


หลุยส์แสดงท่าทางที่โอ้อวด “ไม่ใช่แค่ไม่เลว เพื่อน ไม่ใช่แค่ไม่เลว! คุณไม่รู้หรอกว่าพวกมันทำได้ดีแค่ไหน! ผมต้องขอบคุณคุณแทนเด็กๆ พวกนี้ด้วย ถ้าไม่มีเจ้าตัวน้อยทั้ง 2 ตัว ผมคิดว่าผมคงไม่ได้เห็นฉากที่พวกเธอผ่อนคลายขนาดนี้”


หญิงชราท่าทางใจดีนำกาแฟมาเสิร์ฟให้สองแก้ว หลังจากนั้นเธอก็มองออกไปนอกหน้าต่างดูพวกเด็กน้อยที่กำลังเล่นกับสุนัขทั้ง 2 ตัวที่วิ่งเล่นและสู้กันในเวลาเดียวกัน เธอยิ้มอย่างพึงพอใจและพูดว่า “ไม่น่าเชื่อว่า จูดี้และพวกเธอจะมีความสุขขนาดนี้ พระเจ้าทรงเมตตา!”


หู่จือกับเป้าจือไล่ตามเด็กหญิงตัวน้อย 2 คน จูดี้กอดหู่จือเอาไว้ เป้าจือจึงเข้าไปแย่งพี่ชายของตัวเอง เด็กหญิงอีก 2 คนก็เข้าไปร่วมด้วยและสู้กันเพื่อขัดขวางเป้าจือ แลบราดอร์แข็งแรงมากจึงล้มเด็กสาวทั้ง 3 คนได้ หลังจากนั้นทุกอย่างก็อยู่ในความยุ่งเหยิง…


ฉินสือโอวอยู่ที่นี่มา 5 ถึง 6 ชั่วโมงแล้ว หู่จือกับเป้าจือก็เล่นกับเด็กสาวทั้ง 3 คนอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยมา 5 ถึง 6 ชั่วโมงเช่นกัน ช่วงนี้พวกเด็กๆ เหนื่อยจึงอยากพักผ่อน และเวลานี้พวกแลบราดอร์ก็ไปพักอยู่ข้างๆ พวกเธออย่างใกล้ชิดเหมือนกัน


แลบราดอร์ไม่ได้แค่ฉลาด หลังจากที่พวกมันคุ้นเคยกับเด็กสาวทั้ง 3 คน พวกมันดูเหมือนจะรับรู้ได้ถึงความโดดเดี่ยวกับความตื่นตระหนกของพวกเธอ ภายใต้ธรรมชาติที่ถูกกระตุ้น พวกมันเข้าไปปลอบประโลมจิตใจที่บอบช้ำของพวกเด็กสาว


สุนัขที่สามารถทำเรื่องนี้ได้ บนโลกมีอยู่แค่สองสายพันธุ์คือ สุนัขพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์กับสุนัขพันธุ์แลบราดอร์ริทรีฟเวอร์ นี่คือข้อสรุปของผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์ในยุโรปและอเมริกาหลังจากทำการค้นคว้า


ส่วนฮัสกีที่ทุกคนชื่นชอบมากที่สุดนั่นเหรอ? ช่างมันเถอะ อย่าพูดถึงเรื่องนี้เลย…


ฉินสือโอวรอจนกระทั่งเด็กสาวทั้ง 3 คนหลับไปด้วยความเหนื่อยก่อนจะพาหู่จือกับเป้าจือออกไป หลังจากนั้น 1 วันพวกเขายังจะได้เจอกันอีกครั้ง แต่ในเวลานั้นสถานที่ที่พวกเขาจะเจอกันก็คือศาล


ตอนที่แยกกันที่ท่าเรือ หลุยส์กอดเจ้าตัวน้อยทั้ง 2 ตัวอย่างมีความหวังและยังสัญญาว่า “ภรรยาของผมใกล้จะคลอดลูกแล้ว เมื่อลูกน้อยของผมเกิด ผมจะตั้งชื่อให้เขาว่าหู่จือหรือเป้าจือ เฮ้ ฉิน คุณคิดว่าหู่จือกับเป้าจือชื่อไหนดีกว่ากัน?”


“ผมคิดว่าเถียนกวาดีกว่า” ฉินสือโอวไม่ลืมที่จะขายชื่อของลูกสาวของตัวเอง


หลุยส์ยักไหล่ “คุณล้อเล่นเก่งจริงๆ”


ฉินสือโอวไม่อยากเล่นกับชายคนนี้ทันที


หลังจากกลับมาถึงฟาร์มปลา ฉินสือโอวก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าไม่มีใครอยู่ในฟาร์มปลาเลยแม้แต่คนเดียว


ในวิลล่าก็ว่างเปล่า ในห้องควบคุมเรดาร์ก็ว่างเปล่า แม้กระทั่งที่อพาร์ตเมนต์ของชาวประมงก็ว่างเปล่า ราวกับว่าระหว่างนี้อยู่ดีๆ ทุกคนก็หายไปกันหมด


ฉินสือโอวไม่อยากจะเชื่อ เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น คนล่ะ? คนหายไปได้อย่างไร?


เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาวินนี่ โทรหาเออร์บัก โทรหาชาร์ค นีลเซ็น บูล แต่พวกเขาปิดโทรศัพท์กันหมด!


เรื่องที่แปลกประหลาดยิ่งกว่านั้นคือ หลังจากเขาเข้าช่องความถี่ของวิทยุสาธารณะ เขาพบว่าช่องความถี่สาธารณะที่มีเสียงดังและวุ่นวายอยู่ตลอดก็เงียบผิดปกติ ไม่มีเสียงอะไรเลย เขาตะโกนออกไปสองสามครั้ง ก็ไม่มีใครตอบกลับมา


ฉินสือโอวกังวลนิดหน่อย ในฟาร์มปลาไม่เพียงแค่ไม่มีคน พวกสัตว์เลี้ยงตัวน้อยทั้ง ฉงต้า หลัวปอ ปอหลัว มาสเตอร์ก็หายไป แม้กระทั่งลูกนกอินทรีทองกับห่านขาวแม่นมของมันก็หายไปเหมือนกัน!


เขาเจอผีเข้าแล้วจริงๆ ตอนนี้ฉินสือโอวมีแค่ความคิดอย่างนี้


หลังจากหาอีกรอบ ทันใดนั้นเขาก็พบว่าหู่จือกับเป้าจือก็หายไปเหมือนกัน เวลานี้เขาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร ราวกับว่าเขาเข้าไปอยู่ในฝันร้าย ฉินสือโอวอดไม่ได้ที่จะตะโกนขึ้นมา “หู่จือ เป้าจือ พวกแกอยู่ที่ไหน?”


ร่างที่แข็งแรงสองร่างวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว ตัวหนึ่งอยู่ด้านหน้าอีกตัวอยู่ด้านหลัง พวกมันคือหู่จือกับเป้าจือ โชคดี เจ้าตัวน้อยสองตัวนี้ไม่ได้หายไป


หลังจากวิ่งออกมา หู่จือกับเป้าจือก็ยังคงมีความสุข พวกมันอ้าปากแลบลิ้นออกมาและไปพยักหน้ากระดิกหางทำตัวน่ารักอยู่ด้านหน้าของฉินสือโอว


ฉินสือโอวกังวลอย่างมาก เขาตะโกนว่า “ไม่มีใครอยู่แล้ว พวกแก 2 ตัวยังจะขายความน่ารักอีกเหรอ? รีบตามหาคนเร็ว ตามหาคน!”


หู่จือกับเป้าจือตกตะลึงและดมกลิ่นด้วยจมูกสีดำในทันที พวกมันเห่า ‘โฮ่งๆ’ ออกมาสองครั้งและวิ่งออกไปข้างนอก



 

 

 


บทที่ 1059 ครบรอบ 2 ปี

 

หู่จือกับเป้าจือแข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ จริงๆ ตอนที่พวกมันวิ่ง ดูเหมือนขีปนาวุธสองลูกที่ยิงออกมา เขาเป่านกหวีดพวกมันก็พุ่งออกไป 10 กว่าเมตร ยิ่งไปกว่านั้นพวกมันยังมีพลังงานเหลือพอจะไปเร่งความเร็วอีกด้วย!


ฉินสือโอวไล่ตามไปด้วยความร้อนรนอยู่ข้างหลัง เขาไล่ตามไปด้วยแอบด่าว่าโกงอยู่ในใจไปด้วย ทำไมเจ้าตัวเล็กสองตัวนี้ถึงวิ่งได้เร็วขนาดนี้ ตัวเขาไม่ได้ขับรถ เขาแค่วิ่งและไม่มีทางไล่ทันอย่างแน่นอน…คิดถึงเรื่องนี้ เขาก็แอบด่าอีกครั้งว่า ตัวเองนี่โง่จริงๆ มีรถก็ไม่ขับ วิ่งมาทำไมกัน?


ด้านข้างเป็นรถคาดิลแลคเอ็กซ์แอลเอสของวินนี่ ฉินสือโอวขึ้นไปบนรถและขับไล่ตามไป ผลคือตอนนี้เจ้าตัวน้อยสองตัวนี้ฉลาดขึ้นแล้ว พวกมันขี้เกียจขึ้นมากตามที่เรียนมาจากฉงต้า เมื่อเห็นว่ามีรถไล่ตามมาพวกมันก็หยุดวิ่งและแลบลิ้นกระดิกหางอยู่ริมถนน พวกมันต้องการขึ้นรถนั่นเอง


ฉินสือโอวจำใจต้องเปิดประตูรถให้ เจ้าตัวน้อยสองตัวนั่งเบียดกันอยู่บนที่นั่งข้างคนขับ พวกมันยื่นหัวไปข้างหน้าและมอง ไปด้วยเห่า ‘โฮ่งๆ’ ไปด้วย


เมื่อเห็นแบบนี้ ฉินสือโอวเหยียบคันเร่งและพุ่งไปตามถนน


หู่จือกับเป้าจือใช้เสียงเห่าเพื่อบอกทิศทาง ความจริงพวกมันไม่เห่าฉินสือโอวก็รู้ทางเหมือนกัน แลบราดอร์เห่าไปทางตัวเมืองอยู่ตลอดเวลา เห็นได้ชัดว่าวินนี่และพรรคพวกของเขาไปที่เมือง


เขาเหยียบคันเร่งมาตลอดทางและขับรถไปที่เมือง ทุกอย่างในเมืองเป็นไปตามปกติ สภาพอากาศค่อยๆ ดีขึ้น อุณหภูมิค่อยๆ สูงขึ้น แสงแดดสว่างสดใสและสายลมที่พัดมาอ่อนๆ แสงแดดอบอุ่น แหล่งท่องเที่ยวเปิดอีกครั้ง นักท่องเที่ยวในประเทศเยอะขึ้นอีกครั้ง


ฉินสือโอวจอดรถและโทรหาวินนี่อีกครั้ง เขากำลังกดเบอร์โทรศัพท์ก็มีคนตบไหล่ของเขาจากข้างหลัง เขาหันไปมองด้วยความคาดหวัง ผลคือคนที่เห็นคือชายผิวขาววัยกลางคนคนหนึ่งกำลังส่งยิ้มให้เขา คนคนนี้เป็นคนรู้จักของเขา นายกเทศมนตรีของเมืองกาบีลาแห่งเกาะน้ำแข็งอัคคี พาลี ลาร์ค


“ไง ไม่เจอกันนานเลยนะ เพื่อน” พาลีทักทายเขาอย่างกระตือรือร้น “ได้ยินว่าคุณเป็นพ่อคนแล้วใช่ไหม? เป็นอย่างไรบ้าง รู้สึกว่าชีวิตสวยงามและเต็มไปด้วยความกระวนกระวายอีกครั้งใช่ไหมครับ?”


ฉินสือโอวยิ้มอย่างขมขื่น “ตอนนี้ผมมีแค่ความกระวนกระวาย”


เขาไม่รู้ว่าคนของฟาร์มปลาหายไปทุกคนได้อย่างไร


พาลีหัวเราะเสียงดัง “คุณต้องเรียนรู้ที่จะมีความสุขเวลาที่อยู่ด้วยกันกับลูกและถ่ายรูปเก็บไว้เยอะๆ ความจำของคนบางครั้งก็ไม่น่าเชื่อถือ มันอาจจะทำให้คุณลืมภาพที่สวยงามไปเยอะมาก จริงด้วย คุณมาทำอะไรที่เมืองหรือครับ? ผมมาขายของขวัญชิ้นเล็กๆ นอกจากกริชฟันฉลาม เมืองของพวกผมยังพัฒนาของชิ้นเล็กๆ ออกมาอีกจำนวนหนึ่ง ไว้ผมจะเชิญคุณไปรับรองเป็นอย่างไร?”


เขาเพิ่งจะพูดจบ โทรศัพท์ก็ติดต่อได้ในทันที เสียงหวานๆ ของวินนี่ดังขึ้นมา “มาที่ผับดาราประกายสิคะ สุดหล่อ”


ฉินสือโอวถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาส่งสัญญาณเชิงขอโทษให้พาลีและถามว่า “ที่รัก ทำไมพวกคุณไปที่ผับในเวลานี้? พระเจ้า พวกคุณรู้ไหมว่าผมกังวลมากแค่ไหน จู่ๆ ในฟาร์มปลาก็ว่างเปล่า ผมยังคิดว่าผมข้ามภพไปแล้วเลย!”


ฉินสือโอวพาหู่จือกับเป้าจือเดินไปที่ผับอย่างเร่งรีบ


ตอนนี้แลบราดอร์กลายเป็นสุนัขที่มีชื่อเสียง หนึ่งเป็นเพราะการรายงานข่าวของช่องครอสซิ่ง สองคือเมื่อเร็วๆ นี้พวกมันมีส่วนเกี่ยวข้องกับการโต้เถียงเรื่องสุนัขบำบัดประจำศาล พวกมันสองตัวก็เป็นตัวเอกของเรื่องทุกตัว ดังนั้น เมื่อเดินอยู่บนถนน ผู้คนก็เข้ามาทักทายพวกมันทีละคนๆ


หู่จือกับเป้าจือฉลาดมาก ฉินสือโอวเดาว่า บางมุมไอคิวของพวกมันคงถึงระดับของเด็กอายุ 10 ขวบขึ้นไปแล้ว เดิมทีแลบราดอร์ชอบได้รับคำชม ชอบของเล็กๆ ที่แพรวพราว รวมกับไอคิวที่เหนือกว่าแบบนี้ พวกมันยิ่งสามารถรับรู้ได้ถึงความรักที่ผู้คนมีต่อพวกมันด้วย


ดังนั้น เจ้าตัวน้อยทั้งสองตัวจึงไม่ยอมเดินและอวดตัวเองอยู่ที่นั่นอย่างเอื่อยเฉื่อย


ฉินสือโอวเดินไปสองสามก้าวและพบว่าแลบราดอร์ไม่ได้อยู่ข้างๆ เขาหันกลับไปมอง นึกไม่ถึงว่าหู่จือกับเป้าจือจะเงยหน้ายืดอกและตั้งหางตรง ไม่รู้ว่าพวกมันไปเรียนมาจากใคร พวกมันโพสต์ท่าอยู่ตรงนั้น และก็มีนักท่องเที่ยวที่อยู่รอบๆ มาถ่ายรูปพวกมัน


บ้าเอ๊ย เจ้าสองตัวนี้มันหลอกลวง ฉินสือโอวแอบด่าและตะโกนออกไปว่า “ไปเร็ว! ถ้าไม่เดินออกไปจากที่นี่เดี๋ยวก็ถูกคนเอาไปทำเนื้อสุนัขตุ๋นหรอก!”


เมื่อรู้สึกถึงความไม่พอใจของเจ้าของ หู่จือกับเป้าจือที่มีชีวิตชีวาและเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นก็รู้สึกหดหู่ขึ้นมาในทันที พวกมันลดหางลงและวิ่งเหยาะๆ ไล่ตามเขาไป เหมือนกับเด็กตัวเล็กๆ ที่ทำความผิดและคอตก


แลบราดอร์ช่วงวัยเด็กจะเป็นช่วงที่วุฒิภาวะทางจิตกับวุฒิภาวะทางกายไม่เท่ากัน แม้ว่าตอนนี้พวกมันจะดูเหมือนแข็งแรง สูงและล่ำเหมือนสุนัขที่โตเต็มวัย แต่ความจริงความคิดของพวกมันยังไร้เดียงสาอยู่นิดหน่อย การปลูกฝังที่เกี่ยวข้องกับความมั่นใจในตัวเองเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดในช่วงนี้


ฉินสือโอวรู้ว่าวินนี่กับคนอื่นไม่ได้เป็นอะไรเขาก็โล่งใจมาก ตอนนี้เขาเห็นหู่จือกับเป้าจือไม่มีความสุข เขาจำใจต้องอุ้มเด็กตัวโตสองตัวไว้ทางซ้ายตัวหนึ่งขวาตัวหนึ่ง และใช้หน้าที่ติดอยู่กับหัวที่ขนดกของพวกมันถูพวกมันเบาๆ


เส้นประสาทของแลบราดอร์ทั้งเส้นใหญ่และอ่อนไหว ฉินสือโอวปลอบพวกมันอย่างนี้ พวกมันก็มีความสุขขึ้นมาในทันทีอย่างโง่เขลา พวกมันแลบลิ้นใหญ่ๆ ออกมาเลียที่ใบหน้าของเขา


เมื่ออุ้มแลบราดอร์มาจนถึงผับ ฉินสือโอวก็ผลักประตูเข้าไป เสียง ‘ปังๆๆ’ ดังขึ้นสองสามครั้ง ราวกับว่ามีคนยิงปืน หู่จือกับเป้าจือตกใจและลุกลี้ลุกลนอยู่ในอ้อมแขนของเขา


ริบบิ้นหลากสีผืนใหญ่ลอยมาอยู่ตรงหน้า ริบบิ้นที่มีสีสันสดใส ฉินสือโอวที่ถูกหลอกคิดว่ามีคนเอาสีน้ำมันสาดใส่เขา เมื่อเห็นทุกอย่างใกล้ๆ ก็พบว่าเป็นชิ้นส่วนของริบบิ้น


“เฮ้ เซ็ท คนอย่างพวกนายนี่มัน” ฉินสือโอวยิ้มออกมา “วันนี้มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ? พวกเราจะฉลองอะไร?”


วินนี่ที่ยืนอุ้มเสี่ยวเถียนกวาอยู่ข้างๆ ยิ้มหวานในทันที เธอกะพริบตาและถามว่า “คุณจำไม่ได้เหรอคะว่าวันนี้เป็นวันอะไร?”


สมองของฉินสือโอวหมุนอย่างรวดเร็วและตะโกนด้วยความเซอร์ไพรส์ว่า “เฮ้ ผมรู้แล้ว ครบรอบ 2 ปีที่พวกเรารู้จักกัน?”


วินนี่ก็ดูประหลาดใจเหมือนกัน เธอพูดว่า “ว้าว คุณชายที่รัก นึกไม่ถึงว่าคุณจะคิดว่าเป็นเรื่องนี้ ฉันตื้นตันใจจริงๆ ความจริง คุณพูดถูกแค่ครึ่งเดียว แน่นอนว่านี่เป็นวันที่ระลึกครบรอบ 2 ปี แต่ไม่ใช่วันที่ระลึกที่พวกเรารู้จักกัน แต่เป็นวันที่ระลึกที่คุณมาถึงเกาะแฟร์เวล”


ชาร์คเขย่าขวดแชมเปญที่มีความสูงครึ่งหนึ่งของคนจนพุ่งออกมาและหัวเราะเสียงดัง “ใช่แล้วครับ บอส ยินดีต้องรับสู่เกาะแฟร์เวล ฉลองวันครบรอบ 2 ปีที่คุณอยู่บนเกาะ!”


ชาร์คตะโกนไปด้วยดึงจุกขวดแชมเปญไปด้วย ทันใดนั้นเครื่องดื่มที่ปะทะกับคาร์บอนไดออกไซด์ก็พุ่งออกมา


ฉินสือโอวตอบสนองอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นชาร์คเล็งขวดแชมเปญมาที่ตัวเอง หู่จือกับเป้าจือที่อยู่ในอ้อมแขนก็มาขวางอยู่ด้านหน้าของเขาทันที ทันใดนั้น กระแสน้ำที่พุ่งออกมาก็สาดใส่ร่างของแลบราดอร์ทั้งสองตัว


ตาของแลบราดอร์ถูกแชมเปญพุ่งใส่จนลืมไม่ขึ้น หู่จืออยากจะอ้าปากและเห่าด้วยความไม่พอใจ ในที่สุดตอนนี้มันก็เป็นแลบราดอร์ที่มีชื่อเสียง ถ้าสุนัขของพวกนายตาบอด พวกมันก็จะมองไม่เห็นผู้คนมากมายที่ต้องการถ่ายรูปกับตัวเองใช่ไหม? นายกล้าใช้ปืนฉีดน้ำฉีดใส่แลบราดอร์เหรอไอ้บ้า?


แต่หลังจากที่มันอ้าปาก แชมเปญก็พุ่งเข้าไปในลำคอ มันไอออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ดังนั้นก็อย่าคิดจะโกรธและคำรามเลย


ฉินสือโอวหลบการโจมตีเวฟนี้ได้ เขามีความสุขจนอยากจะหัวเราะ ผลคือเขาเห็นนีลเซ็นเปิดตัวปืนใหญ่ขนาดเล็กและท่อปืนใหญ่สีดำสนิทก็เล็งตรงมาที่เขา เขากลัวจนฉี่จะราดในทันที “ฟัค พวกนายคิดจะฆ่าฉันหรือไง?!”


เขาโยนหู่จือกับเป้าจือทิ้ง ฉินสือโอวเป่านกหวีดและชี้ไปที่นีลเซ็น หูของฉงต้าที่งีบหลับอยู่ตรงมุมห้องกระดิก มันกระโดดขึ้นมาในทันทีและตั้งท่าข่มขู่ท้าทายป่าเขา มันพุ่งไปที่นีลเซ็นและเหวี่ยงก้นใส่ นีลเซ็นลอยออกไปพร้อมกับรถปืนใหญ่…


เมื่อเห็นฉากนี้ฉินสือโอวก็พึงพอใจอย่างมาก ไม่เสียแรงที่เขาเลี้ยงดูเด็กพวกนี้ไว้



 

 

 


บทที่ 1060 หู่เป้าขึ้นศาล

 

วินนี่และพวกชาวประมงจัดงานปาร์ตี้สำหรับวันครบรอบ 2 ปีที่มาอยู่ที่เกาะแห่งนี้ให้ฉินสือโอวในผับ แม้แต่เสี่ยวเถียนกวาก็เข้าร่วมด้วย อันที่จริงเป็นกิจกรรมที่เรียบง่ายมาก ไม่มีดีเจที่บ้าคลั่งและเสียงดัง ไม่มีเสียงเอะอะโวยวายที่เชียร์ให้ดื่มเหล้า พวกเขาเพียงแค่เหมาพื้นที่ครึ่งหนึ่งของร้าน เพื่อมาพูดคุยกัน


บูลพาลูกชายตัวอ้วนของเขามาด้วย และนำไปนอนเรียงกันข้างๆ กับเถียนกวา


บูลน้อยว่าง่ายมาก เมื่อเห็นว่าไม่มีใครมาเล่นกับตน หลังจากกินอิ่มแล้วก็นอนหลับไป


แต่เสี่ยวเถียนกวาไม่ต้องการให้คนอื่นมานอนข้างๆ ตัวเอง เธอถือโอกาสที่วินนี่ไม่ทันสังเกต พลิกตัวอย่างรวดเร็ว เธอออกแรงแขนและหมุนตัวไปรอบหนึ่ง ขาสั้นๆ ของเธอหมุนเหมือนวงล้อไฟ เตะบูลน้อยจนร้องเสียงดัง


วินนี่โมโหกับเสี่ยวเถียนกวามาก จึงอุ้มเธอไปอยู่อีกฝั่ง ฉินสือโอวอุ้มหู่จือไปข้างๆ บูลน้อย ต้องขอบคุณแสงสลัวของผับที่ ทำให้เสี่ยวเถียนกวาไม่รู้ว่าแลบราดอร์ของตัวเองถูกอุ้มไปอยู่ข้างๆ บูลน้อยแล้ว ไม่อย่างนั้นเธอต้องร้องไห้โวยวายเป็นแน่


หู่จือนั่งอยู่ข้างๆ บูลน้อยอย่างถือตัว และยื่นหางไปหาเขาก็เป็นอันเสร็จสิ้นภารกิจ ตอนนี้ตนเป็นพี่ใหญ่ในหมู่สุนัข แกไม่คู่ควรที่จะมาเล่นกับฉันหรอก!


โชคดีที่บูลน้อยเป็นเด็กว่าง่าย การที่หางของหู่จือกวาดไปมาบนใบหน้าของเขา ก็เพียงพอที่จะทำให้เขามีความสุขแล้ว


คุยไปดื่มสุราไป ข้างๆ มีแต่ชาวประมงและทหารที่เรียบง่าย จิตใจของฉินสือโอวรู้สึกผ่อนคลาย เดิมทีในตอนเย็นที่เห็นเด็กสามคนจิตใจชอกช้ำ อารมณ์ของเขาก็ค่อนข้างตกต่ำ แต่ตอนนี้เขารู้สึกดีขึ้นมากแล้วล่ะ


สำหรับงานปาร์ตี้ในวันนี้ เขารู้สึกประทับใจมาก เขารู้สึกดีมากที่ได้รับความเอาใจใส่ ฉินสือโอวไม่ชินกับการจัดงานฉลองวันเกิดเท่าไร วันครบรอบอย่างนี้ยิ่งไม่มีทางจัดงานฉลองเข้าไปใหญ่ ตอนนี้มีคนช่วยจัดงาน ความจริงแล้วการได้รวมตัวกันก็เป็นเรื่องที่ดีเหมือนกัน


ชาวแคนาดาและชาวอเมริกันเหมือนกันตรงที่พวกเขาชอบจัดงานปาร์ตี้ที่สุด ไม่ว่าเรื่องอะไรพวกเขาก็สามารถหาเหตุผลที่จะมารวมตัวกันได้


วันที่สองหลังจากงานเลี้ยง หลุยส์มาที่ฟาร์มปลาแต่เช้า พร้อมกับชายหนุ่มอีกคนหนึ่งที่ค่อนข้างมีชีวิตชีวา


ฉินสือโอวต้อนรับทั้งสองคนและถามพวกเขาว่ามีเรื่องอะไร มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นกับแลบราดอร์ที่เป็นสุนัขบำบัดในศาลใช่ไหม


หลุยส์ส่ายหัวและพูดว่า “ไม่มีอุบัติเหตุ แต่แค่ต้องการประกันนิดหน่อย ท่านนี้คือแคนล่าร์ เป็นสัตวแพทย์และครูฝึกสุนัขที่เก่งมาก ศาลจ้างเขามาฝึกให้กับหู่จือและเป้าจือ เพื่อยืนยันว่าพวกมันจะสามารถปรับตัวให้เข้ากับแรงกดดันของสภาพแวดล้อมและบรรยากาศในศาลได้”


ไม่ใช่ว่าสุนัขทั่วไปเมื่อได้รับการฝึกก็จะสามารถกลายเป็นสุนัขบำบัดได้ สุนัขบำบัดในศาลของในสหรัฐอเมริกาจะถูกคัดเลือกตั้งแต่แรกเกิด จะเลือกสุนัขที่น่ารักที่มีชีวิตชีวาและเต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตามาฝึกฝน


ซึ่งขั้นตอนการฝึกฝนนั้นซับซ้อนมาก จะให้พวกมันคุ้นชินกับความกดดันหลากหลายรูปแบบ และเมื่อพวกมันโตขึ้น พวกมันจึงจะมีภูมิคุ้มกันต่อความโกลาหลและความกดดันที่สูง


นอกจากนี้ การใช้สุนัขบำบัดในศาลก็เป็นที่ถกเถียงกันในสหรัฐอเมริกามาโดยตลอด ถ้ามีการใช้สุนัขประเภทนี้กันในวงกว้าง อย่างนั้น โกลเด้นรีทรีฟเวอร์และแลบราดอร์ก็จะมีทิศทางในการพัฒนาอาชีพใหม่แล้วล่ะ


นิวฟันด์แลนด์ยังไม่มีสุนัขบำบัดในศาล ดังนั้นจึงต้องใช้หู่จือและเป้าจือเป็นตัวทดลอง ถ้าผลไปในทางที่ดี พวกเขาจะพิจารณาฝึกฝนสุนัขบำบัดอย่างเป็นทางการเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่กลุ่มผู้ด้อยโอกาสในศาล


แคนล่าร์เป็นชายหนุ่มที่มีความเมตตามาก เขาพูดกับฉินสือโอวว่า “ตอนนี้สุนัขบำบัดมืออาชีพยังมีน้อยมาก สุนัขบำบัดที่ใช้กันในรัฐแมสซาชูเซตส์และรัฐนิวยอร์กในสหรัฐอเมริกา ก็เป็นแค่ชั่วคราวเท่านั้น ส่วนใหญ่ยืมมาจากภาคเอกชน พวกเราจะดูแลสุนัขของคุณเป็นอย่างดี ดังนั้นคุณไม่ต้องเป็นกังวล”


ฉินสือโอวยิ้มและบอกว่าผมไม่กังวล เขาผิวปากหนึ่งครั้ง หู่เป้าฉงหลัวเฮโลกันออกมา


เห็นสัตว์มากมายอย่างนี้ และยังมีอินทรีหัวขาวบินออกมาด้วย แคนล่าร์ตกใจมาก หลังจากได้สติก็รู้สึกจิตใจเบิกบาน แล้วพูดกับฉินสือโอวด้วยความรู้สึกอิจฉาว่า “พระเจ้า คุณทำได้อย่างไร? คุณรับเลี้ยงเด็กดีมากมายอย่างนี้ได้อย่างไร?”


หลุยส์รู้เรื่องนี้ก่อนแล้ว เขาพูดแทนฉินสือโอวว่า “ฉินเป็นคนมีเมตตา คนมีเมตตามักจะได้รับมิตรภาพจากสัตว์อยู่เสมอ”


หลังจากวิ่งไปหา เจ้าตัวเล็กเหล่านั้นเห็นว่ามีคนแปลกหน้า ก็นั่งอยู่ข้างหลังฉินสือโอวอย่างว่าง่าย ดูว่านอนสอนง่ายเป็นอย่างมาก


พวกมันว่านอนสอนง่ายกันจริงๆ รู้วิธีทำให้คนรัก รู้วิธีรักษาหน้าพ่อแม่ แม้แต่แมวป่าน้อยเองก็รู้ว่าเมื่อมีคนแปลกหน้าต้องทำตัวดีๆ แม้ต้องเสแสร้ง ก็ต้องแกล้งทำตัวน่ารักและไร้เดียงสา


การทดสอบหู่จือและเป้าจือของแคนล่าร์นั้นง่ายมาก พวกเขาขับรถยนต์มา มีเครื่องมือบางอย่างอยู่ในรถ


ก่อนอื่นเป็นแผ่นโลหะเย็นชุดหนึ่ง เขาให้หู่จือและเป้าจือขึ้นไปในนั้น เพื่อสัมผัสกับความเย็น


หู่จือและเป้าจือเต็มไปด้วยความสงสัย พวกมันนอนมองฉินสือโอวบนแผ่นโลหะอย่างโง่ๆ หลังจากนั้นพวกมันคิดว่าเขาต้องการดูการแสดง จึงพยักหน้าเหมือนรู้แจ้งเห็นจริงในฉับพลัน จึงกลิ้งบนนั้นสองรอบ…


แคนล่าร์ชะงัก แม้แต่แลบราดอร์ที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดี ก็ไม่ค่อยมีที่ฉลาดอย่างนี้


ต่อมา เขาประกอบบ้านมืดๆ ขนาดเล็ก แล้วให้หู่จือเข้าไป เพื่อสัมผัสกับสภาพแวดล้อมที่ปิดตาย


หู่จือและเป้าจือรออยู่ข้างในอย่างอดทน ในสภาพแวดล้อมที่มืดมิด แค่แลบราดอร์สามารถอดทนได้นานถึง 5 นาทีโดยไม่ส่งเสียงดังและไม่ชนสิ่งของถือว่ายอดเยี่ยม โดยทั่วไปเมื่อสุนัขต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมลักษณะนี้ พวกมันจะรู้สึกหวาดกลัว


แต่หู่จือและเป้าจือไม่รู้สึกกลัว เพราะพวกมันไวต่อกลิ่น พวกมันได้กลิ่นของฉินสือโอวผ่านช่องระบายอากาศของห้อง ทำให้รู้ว่าฉินสือโอวอยู่ใกล้ๆ จึงรออยู่ข้างในอย่างสบายใจ


นอกจากนี้ยังมีการทดสอบอื่นๆ เช่น เปิดดนตรีให้พวกมันรู้สึกผ่อนคลาย จากนั้นเปลี่ยนเป็นเสียงรบกวนอย่างกะทันหัน


หู่จือและเป้าจือหวั่นไหวต่อข้อนี้มาก เพราะพวกมันไวต่อเสียง ทันทีที่เปลี่ยนเป็นเสียงรบกวน พวกมันก็ลุกขึ้นยืนในทันที หลังจากเงยหน้ามองไปรอบๆ และพบว่าไม่มีเหตุการณ์ไม่คาดคิดอะไร จึงสงบลงอีกครั้ง


แคนล่าร์ได้ทำการทดสอบอีกหลายอย่าง ในตอนท้ายเขาได้กรอกข้อมูลบางอย่างลงในแบบฟอร์ม แล้วพูดกับฉินสือโอวและหลุยส์ว่า “เป็นการทดสอบที่น่าสนุกมาก ปฏิกิริยาของเด็กทั้งสองเหลือเชื่อมาก พวกมันว่านอนสอนง่าย ผมไม่เคยเห็นแลบราดอร์ที่ว่าง่ายอย่างนี้มาก่อน พวกเขาต้องมีสายเลือดระดับสูง ใช่ไหมครับ?”


ฉินสือโอวยักไหล่และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “แน่นอน สายเลือดของพวกมันดีที่สุด”


แคนล่าร์มองฉินสือโอวอย่างอิจฉาและพูดว่า “พ่อแม่ของพวกมันล้วนแต่เป็นสุนัขแชมป์โลกใช่ไหม? คุณซื้อพวกมันมาในราคาเท่าไร? ผมกล้าพนันเลยว่าไม่ต่ำกว่าหนึ่งล้าน ใช่ไหมครับ?”


ฉินสือโอวกอดแลบราดอร์สองตัวและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “พวกมันซื้อไม่ได้ด้วยเงินหรอกครับ แต่เป็นของขวัญจากพระเจ้า”


เรื่องนี้ได้ตกลงกันอย่างนี้ ศาลจะเปิดการพิจารณาคดีในอีกหนึ่งวันข้างหน้า ฉินสือโอวและวินนี่พาแลบราดอร์ขึ้นเรือไป


วินนี่ตั้งใจสวมชุดสุนัขให้พวกมัน และได้ผูกหูกระต่ายตรงคอด้วย ดูเหมือนสุภาพบุรุษน้อย น่ารักและมีเสน่ห์มาก


ตอนที่พวกเขาไปถึงศาล ทันทีที่แลบราดอร์ทั้งสองปรากฏตัวก็ได้รับความสนใจจากทุกคนเป็นอย่างมาก เหล่าผู้สื่อข่าวที่มาเข้าร่วมการพิจารณาคดีนั้นต่างรู้สึกตะลึง และเล็งกล้องไปที่หู่จือและเป้าจือ


แพรีส น้องสาวของแฮมเล็ตก็อยู่ที่นั่นพอดี เธอคุ้นเคยกับแลบราดอร์ทั้งสองตัว จึงวิ่งเข้าไปหอมพวกมันสองครั้ง แต่ทำหูกระต่ายของเป้าจือเบี้ยวอย่างไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งทำให้เป้าจือรู้สึกไม่พอใจมาก และใช้อุ้งเท้าผลักแพรีสออก แล้วเดินไปหาวินนี่เพื่อให้เธอจัดหูกระต่ายให้ตนเองใหม่



 

 

 


บทที่ 1061 นี่ก็คือคุณค่า

 

การกระทำที่เหมือนเด็กของเป้าจือได้รับความชื่นชมจากผู้พบเห็นที่รออยู่ด้านนอกศาล คนเหล่านี้ต่างก็รู้จักหู่จือและเป้าจือ เพราะในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ข้อหัวเกี่ยวกับสุนัขบำบัดถูกพูดถึงอย่างต่อเนื่อง และหู่จือและเป้าจือก็ถูกนำไปเป็นตัวอย่างสาธิตต่อผู้คน


ผู้คนรอบข้างปรบมือเบาๆ เป้าจือเอียงหัวมองคนเหล่านั้น หลังจากที่วินนี่จัดหูกระต่ายเข้าที่แล้ว มันและหู่จือก็เดินไปทางห้องพิจารณาคดีตามฉินสือโอวอย่างว่าง่าย ฝีเท้าเบาและคล่องตัว ท่าทางถ่อมตัวและเคร่งขรึม


เมื่อก่อน ฉินสือโอวเคยได้ยินผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งกล่าวว่า ในประเทศที่พัฒนาแล้วในยุโรป อาคารที่งดงามที่สุดส่วนใหญ่จะเป็นโบสถ์ เนื่องจากภราดรภาพ เสรีภาพ และความเท่าเทียมซึ่งเป็นค่านิยมของพวกเขาถูกเก็บไว้ที่นั่น อาคารที่หรูหราที่สุดในญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะเป็นโรงเรียน เนื่องจากความรู้ เทคโนโลยีและความก้าวหน้าซึ่งเป็นค่านิยมของพวกเขาถูกเก็บไว้ในนั้น และสิ่งก่อสร้างที่งดงามที่สุดในอเมริกาเหนือคือโรงพยาบาล เพราะสุขภาพที่ดีที่พวกเขาแสวงหาถูกเก็บไว้ที่นั่น


ตอนนั้นเขาไม่เคยไปต่างประเทศ จึงเชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริง แต่ตอนนี้เขาได้ไปทั่วทั้งโลกแล้ว เขาไม่กล้าพูดถึงที่อื่น แต่แคนาดาซึ่งนับเป็นของอเมริกาไม่เป็นเช่นนั้น


ในแคนาดา อาคารที่โอ่อ่าที่สุดไม่ใช่หน่วยงานของรัฐ บริษัทชั้นนำ มหาวิทยาลัยหรือโรงพยาบาล แต่เป็นศาล


ซึ่งอธิบายได้ง่ายเช่นกัน ศาลเป็นตัวแทนของความยุติธรรม ความเท่าเทียมและความโปร่งใส ชาวแคนาดาให้ความสำคัญกับความยุติธรรมมากที่สุด เพราะนี่เป็นประเทศที่ประกอบด้วยผู้อพยพ ถ้ากฎหมายไม่มีความเป็นธรรม ประเทศก็จะวุ่นวาย ซึ่งมันสำคัญกว่าการมีสุขภาพที่ดี ความศรัทธาและความรู้


ศาลเซนต์จอห์นเป็นศาลฎีกาแห่งนิวฟันด์แลนด์ซึ่งเป็นสไตล์วิหารกรีก ว่ากันว่าได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันโดยสถาปนิกชาวกรีกที่มีชื่อเสียงในแคนาดา ขั้นบันไดหน้าศาลถูกสร้างขึ้นอย่างประณีต และมีข้อกฎหมายคลาสสิกในแต่ละขั้น


ซึ่งแตกต่างจากอาคารอื่นๆ หน้าต่างในศาลไม่ได้เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า แต่เป็นรูปสี่เหลี่ยมคางหมู ซึ่งทำให้ดูสง่างาม มั่นคงและได้สัดส่วนเมื่อมองจากระยะไกล นอกจากนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงความหนักแน่น ความขึงขัง และความเป็นธรรมของกระบวนการพิจารณาคดี


ฉินสือโอวเคยได้ยินเกี่ยวกับความยิ่งใหญ่ของศาลฎีกาแห่งนิวฟันด์แลนด์มานานแล้ว แต่ตามความคิดที่เคยชินของชาวจีน จึงไม่ต้องการข้องเกี่ยวกับสถานที่แบบนี้มากเกินไป ดังนั้นเขาจึงไม่เคยมาที่นี่ ตอนที่เขาเข้าร่วมงานประมูลฟาร์มปลาแกธเธอริงนั้น สถานที่จัดงานไม่ใช่ศาลฎีกาอันทรงเกียรติ แต่เป็นศาลจังหวัด


ภายในศาลตกแต่งด้วยสไตล์เอเธนส์ ซึ่งประดับด้วยผ้าม่านกำมะหยี่สีแดงอันงดงาม ทันทีที่ก้าวเข้าไปจะรู้สึกถึงบรรยากาศอันงามสง่าและน่าเกรงขาม


บรรยากาศแบบนี้ไม่ใช่ความว่างเปล่า แต่เป็นความรู้สึกที่เกิดจากการผสมผสานระหว่างรูปแบบสถาปัตยกรรม สไตล์การตกแต่งและการจัดวางของสิ่งที่อยู่ภายใน แน่นอนว่า มันไม่สามารถแยกออกจากการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรมอย่างต่อเนื่องตามปกติได้


ฉินสือโอวและวินนี่ถือเป็นผู้ชมที่เข้าร่วมการพิจารณาคดีนี้ พวกเขาเดินแถวเข้าไปในอาการศาลพร้อมกับคณะลูกขุน ซึ่งในอาคารมีศาลขนาดเล็กและใหญ่อีกกว่าสิบแห่ง


หลังจากเข้าไปในอาคารแล้ว โดยปกติแล้วคณะลูกขุนจะต้องเข้าไปในห้องพิจารณาคดีก่อน แต่เนื่องจากฉินสือโอวต้องดูแลสุนัขบำบัดหู่จือและเป้าจือ จึงเข้าไปก่อนได้ ดังนั้นเขาจึงได้เดินไปก่อนคนอื่นเพราะบารมีของเจ้าตัวเล็ก


ในขั้นตอนการเข้า ทุกคนต่างรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่จะเห็นได้ว่าผู้สื่อข่าวมีความกระตือรือร้นมากที่สุด ต่างแย่งกันเข้าไป และมีการแซงคิวเกิดขึ้นขณะยืนเข้าแถว


ฉินสือโอวไม่เข้าใจ และถามหลุยส์ที่อยู่ข้างๆ ว่า “ทำไมนักข่าวต่างรีบร้อนอย่างนั้นล่ะ?”


หลุยส์อธิบายว่า “ผู้ที่สามารถเข้าร่วมการพิจารณาคดีมีจำนวนที่แน่ชัด ถ้าที่นั่งเต็มจะไม่มีใครเข้าไปได้อีก ยกเว้นญาติของคู่กรณี ทุกคนรวมถึงผู้สื่อข่าวต้องเข้าไปในศาลตามตารางเวลา ผู้ที่มาถึงก่อนจะได้สิทธิ์ในการฟังสังเกตการณ์ และสำหรับผู้ที่มาช้าพูดได้แค่คำว่า ‘เสียใจด้วยนะ’ ”


หลังจากที่คณะลูกขุนนั่งลงแล้ว จำเลย อัยการ พยานตำรวจ ครอบครัวของจำเลย และครอบครัวของโจทก์ในคดีแรกเข้าไปตามลำดับ ผู้ที่เข้าไปเป็นลำดับสุดท้ายคือผู้พิพากษาชายวัยกลางคนผู้สง่างามในเครื่องแบบผู้พิพากษา


ทันทีที่ประธานผู้พิพากษาเข้ามา ทุกคนก็ลุกขึ้นยืน จากนั้นคดีก็ถูกอ่านออกมา และศาลก็เปิดอย่างเป็นทางการ หู่จือและเป้าจือก็ถูกปล่อยในเวลานี้ พวกมันวิ่งไปที่ที่นั่งของโจทก์ และนั่งลงข้างซ้ายและขวาของเธอ


คดีแรกของวันนี้ เป็นคดีพรากผู้เยาว์ ซึ่งโจทก์คือจูดี้


จูดี้รู้สึกประหม่ามากหลังจากนั่งลง เธอหดตัวอยู่บนเก้าอี้และมองไปรอบๆ ด้วยแววตาที่แวววับ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความโดดเดี่ยว เห็นได้ชัดว่าเธอรู้สึกไม่ปลอดภัยกับสภาพแวดล้อมนั้น


แลบราดอร์วิ่งเข้าไปตามคำสั่งของฉินสือโอว เมื่อเห็นเจ้าตัวเล็กทั้งสอง ใบหน้าของจูดี้ปรากฏรอยยิ้มที่มีความสุข และกอดหู่จือเอาไว้ เป้าจือเลียริมฝีปาก แล้วดึงพี่ชายออก และมุดตัวเข้าไปในอ้อมแขนของหญิงสาว


เนื่องจากเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับผู้ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ และเกี่ยวข้องกับความเป็นส่วนตัว ทั้งหมดนี้เป็นเหตุผลทางกฎหมายที่ทำให้การพิจารณาคดีอาจไม่ได้รับการเปิดเผยต่อสาธารณชน


แต่คดียังคงต้องพิจารณาอย่างเปิดเผย หลุยส์เคยอธิบายเหตุผลให้ฉินสือโอวฟังว่า ‘เหตุผลสองประการสำหรับการพิจารณาคดีแบบปิดคือเพื่อปกป้องสิทธิของคู่กรณี และจูดี้ซึ่งเป็นเหยื่อของคดีนี้ได้สละสิทธิ์นี้ เธอไม่กล้าเผชิญหน้ากับพ่อของเธอเพียงลำพัง’


พ่อของจูดี้เป็นชายผิวขาวในวัยสี่สิบเศษ ดูดีไม่น้อย ผมจัดทรงได้ดี การแต่งกายก็ดูมีรสนิยม น่าจะเป็นคนฐานะปานกลาง แม้คนประเภทนี้จะยังเป็นโสดก็ไม่ขาดแคลนผู้หญิง แต่เขาก็ยังคงทำร้ายลูกสาวของตัวเอง บอกได้คำเดียวว่าน่าจะมีปัญหาด้านสุขภาพจิต


ฉินสือโอวมองพ่อของจูดี้และเบะปาก แล้วกระซิบกับวินนี่ว่า “คุณคิดว่าถ้าผมให้หู่จือและเป้าจือวิ่งไปกัดเขาตอนนี้ จะเป็นอย่างไร?”


วินนี่ยิ้มและผลักแขนของเขาออกแล้วพูดส่งเสริมว่า “เร็วเข้าๆๆ ไปกัดเขาๆๆ! แต่หลังจากนั้นคุณต้องไปยืนแทนที่เขา บางทีอาจถึงขั้นเข้าคุก แต่ฉันขอสัญญาว่า ฉันจะรักษาพรหมจรรย์เพื่อคุณ และรอคุณออกมากับเถียนกวา”


ฉินสือโอวโกรธมาก ผู้หญิงคนนี้!


เมื่อพิจารณาจากแผนผังของศาล ที่นั่งของคณะลูกขุนจะอยู่ทางด้านซ้ายของศาล ที่นั่งของผู้พิพากษามืออาชีพที่เป็นประธานในการพิจารณาคดีและที่นั่งของพยานอยู่ตรงข้ามกับที่นั่งของคณะลูกขุนในแนวทแยง ผู้ที่นั่งรวมกับผู้ชมคือผู้เข้าร่วมฟังการพิจารณาฝ่ายจำเลยและฝ่ายโจทก์


คณะลูกขุนเป็นสิ่งพิเศษของระบบกฎหมายตะวันตก ซึ่งสามารถแสดงให้เห็นถึงความยุติธรรมของกฎหมาย ผู้สมัครในแคนาดาได้รับการสุ่มเลือกจากพลเมืองที่มีคุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์ในที่ที่ศาลตั้งอยู่ รวมทั้งหมด 13 คน


ในระหว่างการพิจารณาคดี คณะลูกขุนไม่สามารถพูดได้ ทำได้เพียงนั่งฟัง ผู้พิพากษาและทนายความเป็นผู้เริ่มการเจรจา


ขั้นตอนระหว่างนั้นไม่ได้น่าตื่นเต้น ทนายความทั้งสองก็ไม่มีความปลุกปั่น แค่ถกเถียงกันอย่างใจเย็น แต่ประโยคคลาสสิกและบทบัญญัติทางกฎหมายถูกพูดออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่น่าเสียดายที่ฉินสือโอวไม่เข้าใจ ถ้าเออร์บักมาด้วยก็คงจะดี อย่างน้อยๆ ก็สามารถอธิบายให้เขาฟังได้


หู่จือและเป้าจือนั่งอยู่ข้างๆ จูดี้อย่างว่าง่าย เนื่องจากต้องการให้จูดี้มาพิสูจน์คำให้การบางข้อ ดังนั้นงานของแลบราดอร์จึงมีไม่น้อย


ทุกครั้งที่ทนายความของอีกฝ่ายถามคำถามที่ค่อนข้างอ่อนไหว หู่จือและเป้าจือก็จะแลบลิ้นเลียฝ่ามือของจูดี้ เพื่อทำให้เธอรู้สึกอบอุ่น เวลานอกเหนือจากนั้นพวกมันจะเดินรอบๆ ตัวเธอและกวาดหางเป็นครั้งคราว เหมือนว่ากำลังปลอบใจเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ


การทำอย่างนี้ให้ความรู้สึกที่แตกต่างจริงๆ เดิมทีจูดี้รู้สึกประหม่ามาก เสียงของเธอแผ่วเบา แต่หลังจากได้กอดเหล่าแลบราดอร์แล้ว เธอก็ดูหนักแน่นขึ้น และให้ข้อมูลที่ทนายความทั้งสองและผู้พิพากษาต้องการทั้งหมดอย่างใจเย็น



 

 

 


บทที่ 1062 การเดินหน้าของยุคสมัย

 

ฉินสือโอวเข้าร่วมการพิจารณาคดีในแคนาดาเป็นครั้งแรก ในตอนแรกเขารู้สึกสนใจมาก แต่ก็เริ่มรู้สึกน่าเบื่อในเวลาต่อมา


ในทางตรงกันข้าม เขารู้สึกว่างานประมูลสินค้าน่าสนใจกว่า ซึ่งมันเกี่ยวข้องกับสภาพแวดล้อมและบรรยากาศ งานประมูลคือที่ที่ไปใช้เงิน ผู้คนค่อนข้างผ่อนคลาย งานศิลปะที่วนมาอย่างต่อเนื่องก็เป็นจุดขายเช่นกัน


บรรยากาศของศาลดูเคร่งขรึมเกินไป นอกจากผู้พิพากษา ทนายความ เสมียนจำเลยและโจทก์แล้ว ก็ไม่มีใครปริปากพูดอีก ฉินสือโอวไม่สามารถเข้าไปมีส่วนร่วมได้ จึงรู้สึกไม่น่าสนใจ


อย่างไรก็ตามภายใต้อิทธิพลของค่านิยมที่ปลูกฝังโดยสังคมนิยม เขายังคงยืนกรานที่จะเฝ้าดูต่อไป เพื่อฟังคำตัดสินท้ายสุด เขารู้สึกว่าพ่อของจูดี้ที่มีปัญหาทางจิตใจและก่อเรื่องเลวทรามอย่างนี้ได้ จะต้องได้รับโทษทางกฎหมาย


เขาทำได้แค่รอ หลังจากการสนทนาระหว่างทนายความของทั้งสองฝ่าย คณะลูกขุนได้ทำการอภิปรายในห้องลับ ผู้พิพากษาได้รับฟังความคิดเห็น และในที่สุดก็มีคำตัดสินคือ การฟ้องร้องมีผล จำเลยถูกเพิกถอนสิทธิในการดูแลโจทก์และสิทธิทางการเมือง 15 ปี และจำคุก 15 ปี!


พ่อของจูดี้พยักหน้าอย่างเงียบๆ หลังจากได้ยินคำพิจารณาคดี และไม่ได้แสดงสีหน้าเสียใจหรือไม่พอใจ ราวกับว่าวิญญาณของเขาได้ออกจากร่างไปแล้ว


จูดี้เองก็เหมือนกัน เธอเพียงแต่กอดหู่จือและเป้าจือไว้แน่น และไม่ได้แสดงอาการดีใจที่รอดพ้นจากเงื้อมมือของบ่วงมารแล้ว


ฉินสือโอวรู้สึกว่าคดีแบบนี้ทำร้ายทั้งสองฝ่าย เขาไม่รู้ว่าจูดี้จะทำอย่างไรในอนาคต เธอจะต้องรับผิดชอบในการเลี้ยงดูลูกของพวกเขา แล้วควรทำอย่างไรกับเด็กคนนี้ที่ไม่ควรเกิดล่ะ?


จากเหตุการณ์นี้ ทำให้เขานึกถึงอีวิลสันขึ้นมาในทันที ตอนนั้นพ่อแม่ของอีวิลสันเองก็เคยพบกับสถานการณ์อย่างนี้ และทิ้งเด็กคนหนึ่งที่ทั้งโง่และกินจุไว้


ถ้าอีวิลสันไม่ได้รับการเลี้ยงดูจากชาวเมืองแฟร์เวลที่ซื่อสัตย์และมีความเมตตา เขาก็คงจะเสียชีวิตไปนานแล้ว


สิ่งที่ดีกว่าคือ จูดี้จะไม่มีปัญหาทางการเงิน เธอถือเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว จะได้รับเงินช่วยเหลือและค่านมเด็กจากประกันสังคมจากรัฐบาล ก่อนหน้านี้พ่อของเธอตกลงที่จะโอนเงินออมให้เธอ ซึ่งเป็นเงินก้อนที่ไม่น้อย มีประมาณ 4 แสนดอลลาร์แคนาดา


การพิจารณาคดีสิ้นสุดลงและเข้าสู่ช่วงเวลาพัก คดีที่สองได้เริ่มขึ้นในอีกครึ่งชั่วโมงต่อมา


อย่างนี้ หู่จือและเป้าจือต้องแยกจากจูดี้แล้ว แต่จูดี้ยังคงกอดทั้งสองไว้เน้น ไม่ว่าจะพูดอะไรเธอก็ไม่ยอมปล่อยมือ ยิ่งไปกว่านั้นคือเธอไม่ยอมคุยกับคนอื่น เพียงแค่กอดเหล่าแลบราดอร์ไว้


หลุยส์มองไปทางฉินสือโอวอย่างลำบากใจ ฉินสือโอวเองก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาโบกมือแล้วพูดว่า “ให้หู่จือและเป้าจืออยู่เป็นเพื่อนเธออีกสักพักเถอะ แค่ไม่ทำให้คดีต่อไปล่าช้าก็พอ”


ในที่สุดจูดี้ก็มีสติขึ้นมาบ้าง เธอมองฉินสือโอวอย่างซาบซึ้งหนึ่งครั้ง และพาเหล่าแลบราดอร์ไปนั่งบนพื้นหญ้าข้างนอกห้องพิจารณาคดี แล้วมองออกไปอย่างเหม่อลอย เหมือนหุ่นเชิดตัวหนึ่ง


วินนี่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็หยิบกระเป๋าของตัวเองแล้วเดินเข้าไปหาจูดี้ เธอนั่งลงข้างๆ จูดี้แล้วเริ่มพูดคุยกันด้วยเสียงเบา


คดีทั้งสองต่างเกี่ยวข้องกับหู่จือและเป้าจือ คดีที่สองคือการพิจารณาขั้นสุดท้ายเกี่ยวกับการล่วงละเมิดของพี่น้องโรชาน หู่จือและเป้าจือยังคงต้องทำหน้าที่เป็นสุนัขบำบัดของพวกเธอ ดังนั้นจึงต้องเข้าไปในห้องพิจารณาคดีก่อนเวลา


ไม่รู้ว่าวินนี่คุยอะไรกับจูดี้ อย่างไรก็ตาม ก่อนการพิจารณาคดีที่สอง เธอยอมปล่อยมือจากหู่จือและเป้าจือ วินนี่กอดเธอ ฉินสือโอวเข้าไปหา วินนี่พูดว่า “คุณเข้าไปอยู่เป็นเพื่อนหู่จือและเป้าจือในการพิจารณาคดีเถอะ ฉันจะอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนเธอก่อน และรอกลับบ้านกับคุณข้างนอก”


ฉินสือโอวพยักหน้า จากนั้นผิวปากแล้วพาแลบราดอร์ทั้งสองเข้าไปในห้องพิจารณาคดี


ทันทีที่เดินเข้าไปเขาตกใจมาก การจัดวางห้องพิจารณาคดีเปลี่ยนไป กล้องสองตัวถูกวางอยู่ข้างซ้ายและขวาของแท่นพิจารณาคดีเหมือนกับปืนใหญ่ ตัวหนึ่งเล็งไปที่ผู้พิพากษา และอีกตัวเล็งไปที่โจทก์และจำเลย


ซึ่งทำให้ฉินสือโอวรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เท่าที่เขารู้ ในแคนาดาไม่อนุญาตให้นำกล้องเข้าไปบันทึกขั้นตอนการพิจารณาคดีในห้องพิจารณาคดี


ดังนั้น การรายงานการพิจารณาคดีของผู้สื่อข่าวที่ผ่านมา ทำได้แค่แนะนำคดีและสรุปการพิจารณาคดีนอกศาลเท่านั้น หรือสัมภาษณ์ที่เกี่ยวข้องกับคดี เช่นทนายความและคู่กรณี นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำไมเวลารายงานคดีในศาลทางโทรทัศน์ของแคนาดาจึงใช้ภาพร่างแทน


หลุยส์มีหน้าที่อยู่ข้างๆ หู่จือและเป้าจือ ดังนั้นเมื่อฉินสือโอวมีคำถามอะไรเขาก็จะช่วยตอบ หลังจากเห็นกล้อง ไม่รอให้ฉินสือโอวถาม เขาก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น “คุณกำลังสงสัยใช่ไหมว่าทำไมกล้องจึงเข้ามาอยู่ในห้องพิจารณาคดีไหม?”


ฉินสือโอวพยักหน้าและพูดว่า “ใช่ครับ ตอนนี้แคนาดาอนุญาตให้ถ่ายทอดสดในห้องพิจารณาคดีแล้วเหรอครับ?”


ในความเป็นจริง ในอดีตไม่ใช่แค่แคนาดาเท่านั้นที่ไม่อนุญาตให้สถานีโทรทัศน์บันทึกและออกอากาศการพิจารณาคดี ประเทศอื่นๆ ก็เป็นเหมือนกัน โดยเชื่อว่าเป็นการดูหมิ่นความยิ่งใหญ่ของศาลและเป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวของคู่กรณี และกลัวว่าการบันทึกของสถานีโทรทัศน์จะส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของโจทก์ จำเลยและคู่กรณี


แต่ปัจจุบันหลายประเทศทั่วโลกใช้โทรทัศน์ในการเปิดเผยสถานการณ์การพิจารณาคดีในศาล เช่นการพิจารณาคดีของซิมป์สันในสหรัฐอเมริกา และคดีฆาตกรรมภรรยา ‘เบลดรันเนอร์’ ในแอฟริกาใต้ แน่นอนว่า การเปิดเผยแบบนี้มีข้อจำกัด จำกัดให้เปิดเผยได้เฉพาะขั้นเปิดศาล ขั้นประกาศคำตัดสินและขั้นการเป็นพยานของผู้เชี่ยวชาญในกระบวนการยุติธรรม ในการพิจารณาคดีผู้กระทำความผิดและพิจารณาพยานจะถูกเก็บเป็นความลับ


ศาลอุทธรณ์จังหวัดบางแห่งในแคนาดา เนื่องจากจะไม่มีการเรียกพยานออกมาปรากฏตัวในศาล และฟังแค่คำแก้ต่างของทนายความเท่านั้น ในบางครั้งก็อนุญาตให้นำกล้องเข้าไปในห้องพิจารณาคดีได้ ตัวอย่างเช่นผู้พิพากษาบางคนในรัฐออนแทรีโอและโนวาสโกเชียก็เคยอนุญาตอย่างไม่เต็มใจหลายครั้ง


ศาลฎีกาของรัฐบาลกลางอนุญาตให้มีกล้องในการพิจารณาคดีของศาลทั้งหมดตั้งแต่กลางยุค 90 รวมถึงการพิจารณาบางคดีที่ไม่ใช่คดีอาญาด้วย


แต่โดยทั่วไปแล้ว ศาลของแคนาดายังไม่เปิดให้ผู้สื่อข่าวโทรทัศน์ และการถ่ายทอดสดการพิจารณาคดีในศาลยังหาได้ยาก


ครั้งนี้มีการอนุญาตให้ผู้สื่อข่าวโทรทัศน์เข้าไปได้ ไม่แปลกใจที่แพรีสจะมา เธอเป็นนักข่าวแลกเปลี่ยนของ ‘นิวฟันด์แลนด์ไทม์’ และ ‘นิวฟันด์แลนด์ทีวี’ จึงสามารถเข้าร่วมการสัมภาษณ์ภาคสนามในช่วงหลังได้ ซึ่งมีข้อมูลค่อนข้างมาก


หลังจากผ่านไปหนึ่งปี เธอไม่ใช่นักข่าวตัวน้อยน่ารักที่คอยสัมภาษณ์ผู้คนบนเกาะแฟร์เวลคนนั้นอีกต่อไป เธอกลายเป็นคนสวยในที่ทำงาน จากจุดนี้ การมีพี่ชายที่ดีถือเป็นข้อได้เปรียบเลยล่ะ แฮมเล็ตเป็นคนช่วยบูรณาการงานทรัพยากรทั้งหมดที่แพรีสมี


แพรีสกำลังดูการแนะนำคดี ฉินสือโอวทักทายเธอ เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นและเห็นหู่จือและเป้าจือ เธอก็หัวเราะทันที


มีบางคนต้องการทำร้ายฉัน! หู่จือและเป้าจือตื่นตัวในทันใด พวกมันมองดูหูกระต่ายของอีกฝ่าย จากนั้นพยักหน้า แล้วเดินอ้อมไปหน้าห้อง อย่างไรพวกมันก็ไม่ต้องการเดินผ่านแพรีส


หลุยส์ตอบคำถามก่อนหน้าของฉินสือโอวและพูดว่า “เห็นได้ชัดว่าผู้คนมีความคิดที่เปลี่ยนไป คิดว่าในเมื่อศาลเป็นองค์กรสาธารณะ ทุกคนจึงมีสิทธิ์ที่จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่น”


อย่างไรก็ตาม สำหรับสุนัขบำบัดในศาลแล้ว วิธีการนี้ยังอยู่ในขั้นทดลองเหมือนกัน


“ในตอนแรกเราไม่ได้คิดที่จะใช้สุนัขบำบัด แต่พี่น้องโรชานกลัวการพบพ่อของเธอเป็นการส่วนตัว ดังนั้นเราจึงเสนอให้มีการถ่ายทอดสด เพื่อบอกเด็กหญิงทั้งสองว่า มีผู้ชมทั่วประเทศที่อยู่ข้างพวกเธอ อย่างนี้ พวกเธอจึงรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาเล็กน้อย” หลุยส์พูดต่อไปว่า “นี่ก็คือเบื้องหลังของการบันทึกวิดีโอครั้งแรกของเซนต์จอห์นในการพิจารณาคดีในศาล”



 

 

 


บทที่ 1063 แลบราดอร์ระดับเทพ

 

ทำซ้ำกับขั้นตอนการเปิดศาลก่อนหน้านี้ แต่ผู้พิพากษาที่เป็นประธานเปลี่ยนไป ผู้พิพากษาคนนี้อายุน้อยกว่า และมีสายตาที่เฉียบคม ฉินสือโอวสบตาเขาหนึ่งครั้ง เขารู้สึกว่าผู้พิพากษาหนุ่มคนนี้ต้องเป็นคนที่เก่งมาก


ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่ทำให้เขาตกตะลึงก็คือ พิพากษาหนุ่มมีผิวสีเหลือง ผมสีดำและดวงตาสีเข้ม คาดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นคนผิวเหลือง แต่ไม่รู้ว่าเขาเป็นคนจีนหรือไม่


ทุกคนลุกขึ้นและนั่งลง การพิจารณาคดีเริ่มขึ้น หู่จือและเป้าจือกระโดดขึ้นไปบนม้านั่งที่จัดเตรียมไว้เป็นพิเศษสำหรับพี่น้องโรชาน ทั้งคู่กำลังกอดกัน หลังจากที่หู่จือและเป้าจือกระโดดขึ้นไป พวกเธอจึงเปลี่ยนไปกอดแลบราดอร์คนละตัว และเผยให้เห็นสีหน้าที่มีความสุข


เด็กหญิงทั้งสองยังเด็กมาก เมื่อแลบราดอร์นั่งยองๆ ก็มีขนาดพอๆ กับพวกเธอ ดังนั้น หู่จือและเป้าจือจึงเปลี่ยนท่าทาง พวกมันไม่ได้แสดงท่าทีน่ารักเหมือนการพิจารณาคดีของจูดี้ก่อนหน้านี้ แต่นั่งด้วยความสง่าผ่าเผย เหมือนนักรบที่จะช่วยพี่น้องตัวน้อยคู่นี้บังฝนและลม


เมื่อเห็นฉากนี้ บางคนในคณะลูกขุนเริ่มพูดคุยกันเสียงเบา ผู้ชมเองก็วุ่นวายไม่แพ้กัน


“พระเจ้า สุนัขทั้งสองตัวนั้นได้รับการฝึกฝนมาอย่างไร? นี่เป็นสุนัขบำบัดมืออาชีพที่ยืมมาจากสหรัฐอเมริกาเหรอ?”


“ว่ากันว่าเป็นสุนัขส่วนบุคคล มีสายเลือดแชมเปี้ยนระดับโลกหรือเปล่า? ดูความฉลาดของพวกมันสิ ฉันคิดว่าฉันเห็นเด็กโตสองคนสะอีก!”


“ควรเปิดใช้ระบบสุนัขบำบัดจริงๆ! บอกว่าขัดขวางการตัดสินของผู้พิพากษา เป็นเพราะเหล่าสุนัขปลอบโยนเด็ก จึงพิพากษาจึงรู้สึกลำบากใจเหรอ?”


แม้เสียงสนทนาจะเบา แต่เนื่องจากมีคนจำนวนมากที่กำลังพูดถึงเรื่องนี้ จึงทำให้บรรยากาศค่อนข้างวุ่นวาย ผู้พิพากษาหนุ่มกวาดสายตาที่เคร่งขรึมไปยังผู้ชม จากนั้นเคาะค้อนประธานแล้วพูดว่า “เงียบ! เงียบ! เงียบ! ถ้ามีใครขัดต่อกฎระเบียบศาลอีก จะถูกไล่ออกไป!”


เมื่อผู้พิพากษาเตือน ผู้คนก็พากันหุบปาก แต่ความสนใจของพวกเขายังคงจดจ่ออยู่ที่หู่จือและเป้าจือ โดยเฉพาะเด็กๆ ที่พ่อแม่พาเข้ามาด้วย ต่างมองไปที่เหล่าแลบราดอร์ด้วยแววตาที่เป็นประกาย


ศาลเปิดพิจารณาคดีอย่างเป็นทางการ ทนายความของทั้งสองฝ่ายลุกขึ้นและส่งโครงร่างการแก้ต่างให้ผู้พิพากษา


พ่อของพี่น้องโรชานเป็นชายผิวขาวในวัยสามสิบ เขาตัวใหญ่มาก กล้ามใหญ่ แต่มีขาแค่ข้างเดียว แม้จะได้รับการดูแลแล้ว แต่ก็ยากที่จะปกปิดความเสื่อมโทรมและความดุร้ายของเขา จากสีหน้าและแววตาของเขา จะสามารถดูออกได้ว่าเขามักจะดื่มแอลกอฮอล์ และเป็นสลัมสันดานหยาบมาตรฐานคนหนึ่ง


คนประเภทนี้ไม่ค่อยภูมิใจในชีวิตและหน้าที่การงาน พวกเขามักจะมีอารมณ์ที่รุนแรง เป็นฆาตกรในครอบครัวที่สงบสุข


ตามที่คิดไม่มีผิด หลังจากเปิดศาลพิจารณาคดีทนายความของโจทก์เริ่มฟ้องพ่อของโรชาน ชายคนนี้ไม่รอให้ทนายพูดจบ ก็ตบโต๊ะตัวเล็กตรงหน้าของเขาและตะโกนว่า “พวกคุณยุ่งมากจริงๆ! พวกคุณพูดมากเหมือนเพื่อนบ้านที่น่ารังเกียจเหล่านั้นของฉัน! ฟัคยู! ฟัคยู! พวกเธอเป็นลูกสาวของฉัน ฉันจะทำอะไรก็ได้…”


ทันทีที่เขาโวยวาย สองพี่น้องก็หดตัวลงด้วยความกลัว หู่จือและเป้าจือบังพวกเธอไว้ และมองไปที่พ่อของสองพี่น้องด้วยตาที่เบิกกว้าง ปากของพวกมันกระตุกไปด้านหลัง ทำท่าเตรียมจะคำราม


เมื่อเห็นอย่างนั้น หลุยส์รีบเข้าไปปลอบโยนแลบราดอร์ อย่างไรพวกมันก็ไม่ใช่สุนัขบำบัดมืออาชีพ ตามข้อกำหนดของศาล สุนัขบำบัดทำได้แค่อยู่ข้างๆ คู่ความเท่านั้น ไม่สามารถส่งเสียงร้องและทำการโจมตี ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้กระทบต่อการตัดสินของผู้พิพากษา


หู่จือและเป้าจือถือว่าเริ่มคุ้นเคยกับหลุยส์แล้ว เขาลูบต้นคอของเด็กทั้งสอง พวกมันจึงสงบลง และหันไปใช้จมูกที่เปียกของพวกมันถูกพี่น้องโรชานเบาๆ เป้าจือยกขาหน้าข้างหนึ่งวางบนไหล่ของน้องสาวโรชาน เหมือนว่ากำลังกอดเธอ


“ว้าว!” มีเสียงอุทานดังขึ้นจากผู้ชมข้างล่างอีกครั้ง


ครั้งนี้ผู้พิพากษาหนุ่มไม่ได้ออกคำสั่ง เขาเองก็จ้องไปที่แลบราดอร์ทั้งสองด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง และแสดงสีหน้าที่ค่อนข้างน่าสนใจ


พ่อของสองพี่น้องกำลังจะโวยวายอีกครั้ง ผู้พิพากษาหนุ่มก็กลับมามีสติและพูดอย่างเย็นชาว่า “คุณผู้ชาย ผมต้องการเตือนคุณว่า การโวยวายของคุณในตอนนี้เป็นหลักฐานให้ผมตัดสินว่าคุณกำลังรู้สึกผิดและหวาดกลัว ทนายจำเลยโปรดเจรจากับลูกความของคุณว่าใครจะเป็นคนพูด”


ทนายความขอโทษผู้พิพากษาแล้วกระซิบข้างหูของพ่อของสองพี่น้อง ผู้ชายที่มีอารมณ์รุนแรงคนนี้จึงยอมเงียบลง แต่ยังคงจ้องมองสองพี่น้องด้วยสายตาที่ดุร้าย


หู่จือหันหน้ากลับมาและทำตาหยี คิ้วเล็กๆ ของมันเลิกขึ้น แววตาก็มีความแหลมคม


ผู้ชมข้างล่างอดไม่ได้ที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาถ่าย


ฉินสือโอวอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ นี่เป็นผลของการเลียนแบบ แววตาของหู่จือในตอนนี้ คล้ายกับตอนที่วินนี่โกรธจริงๆ ถ้าตอนนี้วินนี่อยู่ในนี้เธอต้องภูมิใจมากแน่ๆ


ในความเป็นจริง คดีนี้ได้ข้อสรุปบ้างแล้วล่ะ พ่อของสองพี่น้องจึงดูกังวลอย่างนี้ ผู้พิพากษาหนุ่มพูดถูก เขาเริ่มรู้สึกผิดและหวาดกลัว คำพิพากษาทางกฎหมายที่กำลังรอเขาอยู่ ไม่ได้แค่เพิกถอนสิทธิ์ในการดูแลแค่นั้น


ซึ่งทำให้ฉินสือโอวรู้สึกสงสัยขึ้นมา และกระซิบถามหลุยส์ว่า “เรื่องนี้เห็นได้ชัดเจนว่าเป็นความผิดของผู้ชายเฮงซวยคนนี้ ทำไมทนายคนนี้ยังต้องช่วยแก้ต่างให้เขาอย่างเอาเป็นเอาตายอย่างนี้ล่ะ? เอาเถอะ คำถามนี้อาจดูไร้เดียงสาไปหน่อย แต่เมื่อเทียบกับคดีก่อนหน้านี้ บุคลิกของจำเลยดูดีกว่า ทำไมทนายจำเลยคนนั้นจึงไม่ช่วยแก้ต่างให้อย่างเอาเป็นเอาตายอย่างนี้ล่ะ?”


หลุยส์กล่าวว่า “มันไม่เหมือนกัน ทนายความฝ่ายจำเลยครั้งนี้ ได้รับการว่าจ้างโดยพ่อของพี่น้องโรชาน แต่ครั้งก่อนหน้านี้ พ่อของจูดี้ไม่ได้จ้างทนายความ และสละสิทธิ์ที่จะแก้ต่างให้ตัวเอง ทนายความคนนั้นเป็นทนายที่ได้รับการแต่งตั้งจากศาลของเราเอง”


ฉินสือโอวจึงเข้าใจแล้วว่า ที่แท้ก็เพราะคนหนึ่งได้รับเงินและอีกคนไม่ได้รับเงินนี่เอง ไม่แปลกที่พลังการต่อสู้ของทนายทั้งสองจึงแตกต่างกันมาก นั่นเป็นเพราะแรงจูงใจต่างกัน


ไอ้สังคมทุนนิยมบัดซบ ฉินสือโอวยืนด่าบนฐานของความยุติธรรม


ในเวลานี้ได้เผยให้เห็นบทบาทของสุนัขบำบัด ในการเปิดศาลพิจารณาคดีสองครั้งที่ผ่านมา สองพี่น้องกลัวจนไม่กล้าตอบคำถาม ทำให้ไม่สามารถหาข้อสรุปได้ กระทั่งทนายฝ่ายจำเลยต้องการบังคับให้พวกเธอถอนฟ้อง


ตอนนี้มีหู่จือและเป้าจืออยู่ข้างๆ สองพี่น้องมีความกล้ามากขึ้น พี่สาวโรชานสามารถยืนขึ้นตอบคำถามโดยที่ถอดหู่จือไว้ ยิ่งไปกว่านั้น เธอถกเสื้อขึ้นเพื่อแสดงส่วนที่เคยถูกทำร้ายและรอยแผลที่ยังอยู่


หู่จือใช้หูมีขนดกและอ่อนนุ่มของมันถูไปที่ใบหน้าและแขนของสาวน้อย บางครั้งที่ทนายความจำเลยถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม มันจะบังสาวน้อยไว้ และมองทนายความคนนั้นด้วยสายตาที่ดูหมิ่น


คาดว่าทนายความจำเลยน่าจะพบสถานการณ์อย่างนี้เป็นครั้งแรก ถูกสุนัขตัวหนึ่งจ้องมองด้วยสายตาที่ดูถูกเหยียดหยาม ซึ่งมีผลกระทบอย่างมากในการที่เขาจะแสดงศักยภาพออกมา ในที่สุดเขาก็จนปัญญา และร้องขอให้นำสุนัขบำบัดออกไป “การมีอยู่ของพวกมันทำให้ผมเบี่ยงเบนความสนใจอยู่เสมอ ผมขอคัดค้าน”


ผู้พิพากษาหนุ่มมองเขาอย่างเย็นชา แล้วเคาะค้อนประธานและพูดว่า “การคัดค้านไม่เกิดผล การปรากฏตัวในศาลของสุนัขบำบัดได้รับอนุญาตจากทางศาล พวกมันมีสิทธิที่เท่าเทียมกับคุณ การแก้ต่างยังคงดำเนินต่อไป ทนายความของโจทก์โปรดแสดงความเห็น”


ในทางตรงกันข้าม ทนายแก้ต่างของสองพี่น้องกลับรู้สึกมีความกล้ามากกว่าเดิม ยิ่งลูกความของเขามีอารมณ์ดีมากเท่าไร ก็ยิ่งเป็นผลดีกับเขา แต่เดิมนี่เป็นคดีที่มีคำตอบชัดเจน เมื่อมีความช่วยเหลือของหู่จือและเป้าจือ ผลลัพธ์ก็ง่ายและชัดเจนขึ้น


 

 

 


บทที่ 1064 เราจะพบกันอีก

 

คณะลูกขุนทั้ง 13 คนเข้าไปในห้องลับ ขั้นตอนต่อไปพวกเขาจะทำการลงความเห็น จากนั้นส่งข้อสรุปให้ผู้พิพากษาพิจารณาคดี การตัดสินขั้นสุดท้ายของผู้พิพากษาพิจารณาคดีจะขึ้นอยู่กับความเห็นของคณะลูกขุนด้วย ถ้าทั้งสองฝ่ายเห็นต่าง คดีก็จะไม่ถูกตัดสินเนื่องจากหาข้อสรุปไม่ได้


กฎหมายไม่ได้จำกัดเวลาและวิธีการในการตัดสินข้อพิพาทของคณะลูกขุน ฝ่ายโจทก์ ฝ่ายจำเลยและผู้พิพากษาต้องรอในศาล ซึ่งอาจกินเวลาหนึ่งวัน สองวันหรือแม้แต่เป็นเดือน


แน่นอนว่า ทุกคนสามารถกลับบ้านได้ในตอนกลางคืน และมาอภิปรายกันต่อในวันพรุ่งนี้ แต่ทันทีที่พวกเขาออกมาจากห้องลับ และแจ้งให้ผู้พิพากษามืออาชีพทราบถึงผลของการพิจารณาคดีที่เป็นเอกฉันท์ ก็จะไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงคำตัดสินของตัวเองได้


นี่คือระบบลูกขุนของระบบกฎหมายในยุโรปและอเมริกา คณะลูกขุนถูกสร้างขึ้นแบบสุ่ม พวกเขาอาจไม่มีความรู้ทางกฎหมายทั่วไป คำตัดสินทั้งหมดมาจากความรู้สึกข้างในเท่านั้น ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ศาลต้องการ


ในอีกแง่หนึ่ง พวกเขาแสดงถึงความคิดเห็นของประชาชน ซึ่งเป็นประชาธิปไตยแบบหนึ่ง


อย่ามองว่าลูกขุนเหล่านั้นอาจมีสถานะที่ต่ำต้อยมาก แต่เมื่อเข้ามาในศาล พวกเขาก็คือผู้พิพากษาและผู้มีอำนาจ และเป็นผู้ใช้อำนาจตุลาการในนามของประเทศ


ไม่ว่าอัยการหรือผู้พิพากษา การที่พวกเขาจะตัดสินใจอย่างไรนั้น ต้องพิจารณาคำตัดสินของประชาชนทั่วไปอย่างจริงจังด้วย


เนื่องจากความชั่วคราวของคณะลูกขุน พวกเขาจึงไม่ต้องกังวลกับแรงกดดัน หรือกังวลเกี่ยวกับการถูกแก้แค้นหลังจากพิจารณาคดี การตัดสินใจของพวกเขาในตอนนี้ ทำได้แค่ทำตามจิตใต้สำนึกและทำตามกฎหมายเท่านั้น ซึ่งยุติธรรมกว่า


โดยทั่วไปการตัดสินของคณะลูกขุนสามารถสรุปได้อย่างรวดเร็ว ประการแรกคณะลูกขุนมีหน้าที่การงาน ค่าตอบแทนที่พวกเขาได้รับจากการเข้าร่วมการพิจารณาคดีนั้นน้อยมาก โดยปกติจะได้แค่ 20 ดอลลาร์แคนาดาต่อวัน แต่มันส่งผลต่อการงานของพวกเขา ดังนั้นเมื่อสามารถประหยัดเวลาได้ พวกเขาก็จะพยายามประหยัดเวลา


ประการที่สองหากไม่สามารถตัดสินในศาลได้ ก็จะยิ่งลำบากมากขึ้น ตัวอย่างเช่นหลังจากกลับบ้านในเวลากลางคืนแล้ว คณะลูกขุนอาจรับสินบนหรือถูกข่มขู่ ถ้าเรื่องดังกล่าวถูกเปิดเผย พวกเขาจะถูกลงโทษทางกฎหมาย ซึ่งได้ไม่คุ้มเสีย


นอกจากนี้ กฎหมายยังกำหนดว่า คณะลูกขุนไม่สามารถพูดคุยเกี่ยวกับคดีนี้กับคนในครอบครัว และไม่ดูรายงานข่าวที่เกี่ยวข้อง ซึ่งถือเป็นการทรมานพวกเขาอย่างหนึ่ง ด้วยเหตุผลหลายประการที่กล่าวมา ทำให้การสรุปผลของคณะลูกขุนเป็นไปค่อนข้างรวดเร็ว


ตามที่คิดไม่มีผิด ผลครั้งนี้เป็นไปอย่างรวดเร็ว และประสิทธิภาพก็น่าทึ่งเล็กน้อย สมาชิกคณะลูกขุนออกมาภายในเวลาไม่ถึง 20 นาทีหลังจากเข้าไปในห้องลับ จากนั้นหัวหน้าอัยการยื่นผลให้ผู้พิพากษาหนุ่ม


ผู้พิพากษาหนุ่มดูผลในมือ จากนั้นขมวดคิ้วและครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง แล้วหารือกับผู้พิทักษ์ ผู้พิพากษาและทนายความสองคนที่อยู่รอบๆ ในเวลานั้นมีเสียงรบกวนดังขึ้นบริเวณที่นั่งของคณะลูกขุนและผู้ชม เพื่อปกปิดการอภิปรายครั้งสุดท้ายของผู้พิพากษา


ในที่สุดการอภิปรายก็สิ้นสุดลง ผู้พิพากษาขั้นสุดท้ายอาศัยกฎหมาย ประสบการณ์ คดีที่ผ่านมาและจิตสำนึกในการตัดสิน เขาประกาศอย่างเคร่งขรึมว่า “ตาม ‘รัฐธรรมนูญ’ และอำนาจที่พระเจ้ามอบให้แก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้า ผู้พิพากษาขั้นสุดท้ายของศาลฎีกาแห่งนิวฟันด์แลนด์ ขอประกาศคำตัดสินในคดีนี้ ดังนี้…”


ทันทีที่พูดคำนี้ออกมา ทุกคนก็ลุกขึ้นยืน เพื่อฟังผลการลงโทษ


“การฟ้องร้องในคดีนี้เป็นผล จำเลยคุณเควิน บาร์ซาโรโมแพ้คดี ถูกเพิกถอนสิทธิ์ในการเลี้ยงดูลูกสาวสองคนจนกว่าพวกเธอจะบรรลุนิติภาวะ ถูกปรับ 4 พันดอลลาร์แคนาดาและถูกตัดสินให้จำคุก 18 ปี 10 เดือน…”


ก่อนที่ผู้พิพากษาหนุ่มจะพูดจบ พ่อของพี่น้องโรชานก็ตะโกนออกมาอย่างโมโหว่า “ไม่ๆๆ ให้ตายเถอะ ฉันไม่ยอม! นี่ไม่ใช่เรื่องจริง การตัดสินของคุณเป็นโมฆะ! ไอ้ลิงผิวเหลือง ฉันต้องการร้องศาลอุทธรณ์! ฉันไม่มีความผิด! พวกคุณไม่มีสิทธิ์มาตัดสินฉัน!”


ผู้พิพากษาหนุ่มเพิกเฉยต่อเสียงคำรามของเขา เขาประกาศผลพิจารณาของตัวเองอย่างใจเย็น เขาหยุดไปครู่หนึ่งในตอนท้าย แล้วจ้องมองชายวัยกลางคนที่โกรธเกรี้ยวด้วยสายตาอันแหลมคมและพูดว่า “คุณเควิน บาร์ซาโรโม การยื่นอุทธรณ์ของคุณจะถูกจัดการ ถ้าคุณสามารถชนะคดีได้ แต่ถึงตอนนั้นคุณจะถูกฟ้องด้วยอีกข้อหาหนึ่ง นั่นก็คือผมจะฟ้องคุณในข้อหาเหยียดผิวและดูถูกผู้พิพากษา”


“แน่นอนว่า ถ้าคุณแพ้คดี ผมจะเลื่อนการฟ้องออกไป 18 ปีกับอีก 1 เดือน รอให้คุณได้รับการปล่อยตัวก่อนแล้วจึงฟ้องคุณ”


ตามรัฐธรรมนูญของแคนาดา ถ้าคู่ความไม่เห็นด้วยกับการพิจารณาคดีของตนในศาลแพ่งสามารถ ‘ยื่นอุทธรณ์’ ต่อศาลอุทธรณ์ประจำจังหวัดได้


อย่างนี้จะมีผู้พิพากษาจากศาลอื่นมาจะตรวจสอบคดีของพวกเขา เพื่อดูว่าผู้พิพากษาอุทธรณ์ในศาลตัดสินถูกต้องหรือไม่ โดยปกติจะรับฟังคำอุทธรณ์โดยผู้พิพากษาสามคนจากศาลอุทธรณ์


แต่กรณีนี้ไม่สามารถถูกล้มล้างได้ แคนาดาให้ความสำคัญกับการปกป้องผู้เยาว์มาก มากถึงระดับไหนล่ะ? แต่ละจังหวัดมี “กฎหมายคุ้มครองเด็ก” ของตัวเอง ซึ่งกฎหมายแต่ละข้อเข้มงวดไม่ต่างกัน และบทลงโทษสำหรับการละเมิดนั้นก็หนักไม่ต่างกัน


ยิ่งเด็กอายุน้อยจะได้รับมาตรการคุ้มครองที่เข้มงวดมากขึ้น เมื่อทำร้ายผู้เยาว์ ก็ต้องถูกลงโทษอย่างหนัก


ดังนั้น เมื่อเทียบกันแล้ว คดีของจูดี้จะมีลักษณะที่เลวร้ายกว่าคดีทรมานพี่น้องโรชาน แต่บทลงโทษของพ่อกลับเบากว่า สาเหตุหลักคือพี่น้องโรชานมีอายุน้อยกว่า


หลังจากที่คำพิพากษาสิ้นสุดลง คดีในช่วงเช้าก็สิ้นสุดลง หลังจากเลิกศาลฉินสือโอวก็ได้พาหู่จือและเป้าจือออกไป ที่เหลือคือการยอมรับการตัดสินจากโลกภายนอก เพื่อดูว่าเหล่าสุนัขบำบัดแลบราดอร์แสดงได้ดีมากน้อยแค่ไหน


ทันทีที่ฉินสือโอวเดินออกจากประตูศาล เขาก็ได้ยินเสียงใครบางคนเรียกตัวเอง จึงหันหลังกลับไป และเห็นผู้พิพากษาหนุ่มกัวซงกำลังโบกมือให้กับเขา


“สวัสดีครับ ท่านผู้พิพากษา” ฉินสือโอวยิ้ม เขาสามารถรู้ได้จากชื่อของเขาว่า คนคนนี้น่าจะเป็นคนเชื้อสายจีน การที่คนเชื้อสายจีนคนหนึ่งสามารถเป็นผู้พิพากษาขั้นสุดท้ายของศาลฎีกาของมณฑลได้ตั้งแต่อายุยังน้อย ฉินสือโอวรู้สึกว่าเขาเก่งกว่าตัวเองมาก


“สวัสดีครับ คุณฉิน นอกศาลไม่ต้องเรียกผมว่าผู้พิพากษา เรียกชื่อผมเถอะ ผมชื่อกัวซง อพยพมาแคนาดาเมื่อสิบปีก่อน ดีใจมากที่ได้รู้จักคุณที่เซนต์จอห์น” กัวซงพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจและยื่นมือออกไป


ฉินสือโอวจับมือกับเขา และพูดยกย่องเขา กัวซงยิ้มอย่างสงวนท่าที จากนั้นส่ายหน้าแล้วพูดว่า “เมื่อเทียบกันแล้ว ผมไม่ได้เก่งอะไร แลบราดอร์ที่ถูกคุณฝึกมานั้นยอดเยี่ยมมากกว่า ผมคิดว่าด้วยประสิทธิภาพที่โดดเด่นของสุนัขของคุณ ระบบสุนัขบำบัดจะถูกนำเข้ามาใช้ในศาลนิวฟันด์แลนด์ในเร็วๆ นี้”


ทั้งสองฝ่ายแยกจากกันหลังจากทำความเข้าใจกันสั้นๆ ดูเหมือนว่ากัวซงแค่เข้ามาทักทายเท่านั้น


ในตอนท้ายฉินสือโอวโบกมือและพูดว่า ‘ถ้ามีวาสนาต่อกันเราจะเจอกันอีก’ กัวซงยิ้มและพูดว่า “เชื่อว่าวันนั้นจะมาถึงในไม่ช้า ผมรอยคอยวันนั้นที่จะได้พบคุณอีกครั้ง”


คำพูดนี้ค่อนข้างลึกซึ้ง ฉินสือโอวต้องการถามว่ามันหมายความว่ายังไง แต่ทันทีที่กัวซงพูดจบ เขาก็พยักหน้าแล้วเดินจากไป ทิ้งไว้ให้เขาแค่เงาด้านหลังที่ไม่สามารถคาดเดาได้


หลังจากการพิจารณาคดีนี้หู่จือและเป้าจือก็กลายเป็นดาวเด่น คณะลูกขุนและผู้ชมไม่ได้ออกไปโดยตรง แต่ยังรออยู่นอกศาล เมื่อหู่จือและเป้าจือออกไป พวกเขาก็เข้าไปถ่ายรูป


บรรดานักข่าวก็ยิ่งกระตือรือร้น แพรีสถึงกับย่อตัวลงและวางไมโครโฟนตรงหน้าหู่จือและเป้าจือ ให้พวกเขาส่งเสียงร้องสองที เพื่อเป็นการปราศรัย…


หู่จือดมไมโครโฟน แล้วยื่นหน้าเข้าไปกัดสองครั้ง จากนั้นหันไปส่ายหน้าให้ฉินสือโอวอย่างผิดหวังสองที ซึ่งหมายความว่าสิ่งนี้กินไม่ได้…



 

 

 


บทที่ 1065 ภัยพิบัติที่เสื้อผ้าก่อกวน

 

หลังจากกลับบ้าน หู่จือกับเป้าจือก็ร่าเริงขึ้นมา


แบบนั้นก็เหมือนเรียงความเรื่องหนึ่งที่กล่าวไว้ว่า ก่อนหน้านี้ไก่ตัวผู้ที่เลี้ยงไว้ในบ้านเดินอยู่ มันยืดอกและเชิดหน้าขึ้น ท่าทางสง่างาม ตั้งแต่เกิดไข่ไก่ตัวผู้ ท่าทางการเดินก็เปลี่ยนไป อุ้งเท้าไก่เขี่ยพื้นอย่างแรง มันเดินไปพลางฝึกเซ็นลายเซ็นไปพลาง…


แน่นอนว่าหู่จือกับเป้าจือไม่ได้กลายเป็นแบบนี้ แต่หลังจากพวกมันกลับมาก็ไม่เล่นกับพวกเพื่อนตัวน้อยอย่างฉงต้า ปอหลัวและหลัวปอ


ความจริงไม่ว่าจะสัตว์ชนิดไหน ขนของพวกมันก็มีการรับรู้ทุกตัว พวกมันไม่ชอบถูกสวมเสื้อผ้าและล่ามโซ่


ตัวอย่างเช่นการรับรู้ของแมวค่อนข้างมีประสิทธิภาพ ถ้าพวกมันสวมเสื้อผ้าพวกมันจะไม่ขยับตัว เพราะพวกมันจะรู้สึกว่าตัวเองติดอยู่ในท่อหรือของบางอย่าง สุนัขไม่รู้สึกไวขนาดนั้น สวมเสื้อโค้ตก็สามารถออกกำลังกายได้อย่างอิสระ แต่จะไม่สบายตัว ยกเว้นฤดูหนาวที่หนาวมาก พวกมันจะไม่เต็มใจสวมเสื้อโค้ต


หู่จือกับเป้าจือเป็นข้อยกเว้น ชุดที่วินนี่ซื้อให้พวกมันคือชุดพิธีการตัวเล็กของแลบราดอร์ คู่กับหูกระต่ายดูหล่อมากจริงๆ แต่มันก็สมเหตุสมผลที่จะสวมใส่ไม่สบายและพวกมันจะไม่เต็มใจที่จะสวม


แต่พวกมันกลับทำตัวตามธรรมชาติ ดูเหมือนจะชอบสวมเสื้อผ้า และหลังจากที่กลับมาถึงฟาร์มปลา เจ้าตัวน้อยทั้งสองตัวก็สวมชุดพิธีการตัวเล็กและผูกเนกไทวิ่งไปรอบๆ วินนี่อยากจะถอดชุดให้พวกมัน แต่จับพวกมันไม่ได้เลย พวกมันปีนต้นไม้ขึ้นไปบนสันเขาผ่านทุ่งหญ้าและหลบอยู่ในเถาองุ่น ทำทุกวิถีทางเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ถอดเสื้อผ้าออก


วินนี่จนปัญญา เธอก็เลยดุพวกมันว่าหลงตัวเอง


เมื่อฉินสือโอวกับวินนี่เดินออกไป เจ้าตัวน้อยทั้งสองตัวก็แอบยื่นหัวออกมามองจากข้างใต้เถาองุ่น พวกมันรู้สึกว่าไม่มีใครคุกคามแล้วจึงเดินออกมา


เมื่อเดินออกมา พวกมันก็วิ่งไปอยู่ด้านหน้าของฉงต้าและเชิดหัวขึ้นอย่างจองหองเดินไปรอบๆ ฉงต้าและหมุนตัว ฉงต้าคิดว่าพวกมันอยากเล่นกับตัวเองจึงหาวและลุกขึ้นมา มันพาต้าป๋ายและแบกราชาเจ้าป่าซิมบ้าไว้บนบ่าไปไล่ตามหู่จือกับเป้าจือ


แต่มันคิดผิด แลบราดอร์แค่มาอวดเท่านั้น ไม่ได้มาเล่นกับมันเลย


เมื่ออวดอยู่ด้านหน้าของฉงต้าเสร็จ แลบราดอร์ก็ไปหาปอหลัวอีกและก็หมุนตัวสองสามรอบอยู่ด้านหน้าของมันเพื่ออวดเสื้อผ้าตัวเล็กกับหูกระต่ายของตัวเองรอบทิศทาง


ตัวต่อมาที่โชคร้ายคือหลัวปอ หลัวปอกำลังใช้ลิ้นเลียขนสีขาวหิมะภายใต้แสงแดดเพื่อดูแลรูปลักษณ์ของตัวเอง หลังจากนั้นหู่จือกับเป้าจือก็เดินไปและจงใจนั่งส่ายหัวอยู่ด้านหน้ามัน หูกระต่ายอันเล็กที่ประณีตก็ปรากฏออกมา


หลัวปอก็เป็นสาวซึนเดเระเหมือนกัน มันแสดงความสนใจออกมาในทันที และลุกขึ้นไปดูเครื่องแต่งกายของหู่จือกับเป้าจือใกล้ๆ


หู่จือกับเป้าจือถอยไปด้านหลังและมองหลัวปออย่างไม่พอใจ ราวกับว่ามันเข้าใกล้จะทำให้เสื้อผ้าของตัวเองเลอะ


ตอนแรกหลัวปอไม่เข้าใจและเดินเข้าไปใกล้ๆ อย่างต่อเนื่อง หู่จือกับเป้าจือไม่เต็มใจ พวกมันอ้าปากแยกเขี้ยวเห่าโฮ่วๆ ไม่ยอมให้หลัวปอเข้ามาใกล้ตัวเองอย่างเด็ดขาด


หมาป่าขาวตัวน้อยก็ฉลาดเหมือนกัน หลังจากเติบโตขึ้นมาด้วยการดูดซับพลังโพไซดอนตั้งแต่เด็ก หลังจากเข้าใจความหมายของพวกมันก็รู้สึกโกรธในทันที มันเบิกตากว้างจ้องแลบราดอร์ทั้งสองตัวด้วยความเกลียดชังและวิ่งไปหาฉินสือโอวในบ้าน มันยืดคออ้าปากและส่งเสียงร้องไห้ฮือๆ ออกมาสองครั้ง


ใบหน้าของฉินสือโอวเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกสาวคนโตตัวนี้ ต่อมาปอหลัวกับฉงต้าก็เดินเข้ามาอย่างไม่มีความสุขเหมือนกัน ร่างอันใหญ่โตบังเขาจนมิด


ราชาเจ้าป่าซิมบ้ากระโดดเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของฉินสือโอว และยื่นลิ้นเล็กๆ ที่อ่อนนุ่มไปเลียฝ่ามือของเขาอย่างเอาอกเอาใจ ต้าป๋ายยังมีลักษณะที่ต่างออกไปอย่างเป็นตัวของตัวเองนั้น แต่ก็ตามมาอยู่ใกล้ๆ ที่ด้านข้างเหมือนกัน


เดิมทีเสี่ยวหมิงกระรอกน้อยนั่งทุบถั่วไพน์นัทอยู่ตรงหน้าต่าง มันเห็นเพื่อนๆ ตัวน้อยรวมตัวอยู่ด้วยกันจึงขึ้นมาผสมโรงด้วย เวลานี้ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาจริงๆ


ฉินสือโอวเริ่มไม่รู้ว่านี่เกิดอะไรขึ้น แต่หู่จือกับเป้าจือรีบวิ่งเข้ามาจากด้านหลังปอหลัว ฉงต้านั่งอยู่บนพื้น มันยื่นอุ้งเท้าอวบอ้วนชี้ไปที่เสื้อผ้าของแลบราดอร์ทั้งสองตัวและร้องออกมาเสียงดัง ดังนั้นเขาจึงเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น…


ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เขากอดฉงต้าและเริ่มอธิบาย “เสื้อผ้าไม่ดี ใส่แล้วตัวจะร้อน เมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิ อากาศก็จะค่อยๆ อุ่นขึ้น เข้าใจไหม?”


ฉงต้าเด็กโง่ตัวนี้จะเข้าใจได้อย่างไร? พูดอีกอย่างคือสัตว์เลี้ยงตัวน้อยพวกนี้จะรู้สึกไวมาก และเข้าใจเหตุผลที่ไม่ต้องกังวลกับความไม่เท่าเทียม ขอเพียงแค่ของที่เพื่อนตัวน้อยมี ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดีพวกมันก็ต้องการหนึ่งชิ้นเหมือนกันทุกตัว


ฉินสือโอวปลอบอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ เมื่อถึงเวลาอาหาร แคลร์ อินทรีทองตัวน้อยตัวอวบอ้วนก็เบียดเสียดเข้ามา มันกระพือปีกและส่งเสียงร้องแกว๊กๆ ต้องการกินอาหาร ดังนั้นความวุ่นวายจึงเพิ่มมากยิ่งขึ้นไปอีก


อินทรีทองตัวน้อยโตเร็วมาก มันมีความสูงครึ่งหนึ่งของหน้าแข้งของวินนี่และเหมือนกับบุชในวัยเด็กนิดหน่อย เพราะกินและดื่มมากเกินไปมันจึงโตมาอ้วนมาก หลังจากที่เรียนการบินก็มั่นใจว่าจะเปลืองแรงมากเหมือนกัน


ก่อนหน้านี้จะเป็นห่านขาวที่รับผิดชอบพามันไปหาอาหารกิน แต่เมื่อเร็วๆ นี้เพื่อนร่วมชั้นอย่างเสี่ยวแคลร์โตเร็วเกินไป และความอยากอาหารก็เพิ่มมากขึ้น ห่านหัวสิงโตสามารถจับปลาได้ ปลาที่จับได้ทุกตัวก็เป็นปลาทั้งตัวและขนาดใหญ่เกินไป อินทรีทองกินไม่ได้ มันกินได้แค่ปลาตัวเล็กๆ เท่านั้น


และถ้าห่านหัวสิงโตจับปลาตัวเล็กจะเปลืองแรงมาก ดังนั้นถ้าต้องให้อาหารมันจนอิ่มจะค่อนข้างยาก วินนี่ก็เลยต้องมาให้อาหารมันด้วยตัวเอง


เสี่ยวแคลร์ค่อยๆ พบว่านักเก็ตปลาที่วินนี่ป้อนให้มันมีขนาดที่เหมาะสม และสะดวกมากสำหรับมันที่จะกิน ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากที่ตามวินนี่มันยังได้กินเนื้อแกะกับเนื้อวัวที่อร่อยกว่าเนื้อปลาอีกด้วย ดังนั้นมันจึงเต็มใจที่จะตามวินนี่ไปกินอาหารมากยิ่งขึ้น


ตอนนี้เมื่อถึงเวลาอาหารทุกครั้ง มันจะกระพือปีกอย่างชาญฉลาดและวิ่งกลับมากินอาหาร หลังจากกินอิ่มมันก็จะกระพือปีกอีกครั้งและวิ่งไปหาแม่อุปถัมภ์อย่างห่านหัวสิงโตเพื่อออกไปเล่น


ความสามารถในการวิ่งของอินทรีทองก็สุดยอดมาก ความจริงอุ้งเท้าของพวกมันไม่ได้แข็งแรงเท่าอินทรีหัวขาว แต่การทรงตัวดีมากและความสามารถในการเคลื่อนไหวก็โดดเด่นมาก แม้ว่าแคลร์จะยังเด็ก แต่ความเร็วในการวิ่งของมันกลับเร็วมาก


ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากที่ตัวเองเรียนรู้ที่จะกระพือปีกช่วยไปด้วยระหว่างที่วิ่งจากเพื่อนร่วมชั้นอย่างเสี่ยวเฉิน นั่นก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้เลย เช่นเดียวกับเครื่องบินเจ็ทลำเล็ก มันวิ่งไปทั่วทุกที่และตลอดทั้งวัน


ฉินสือโอวบางครั้งก็รู้สึกแปลก เจ้าตัวน้อยตัวนี้เคลื่อนไหวมากขนาดนี้ ยังสามารถโตมาอ้วนขนาดนี้ได้อย่างไร?


เมื่อเห็นอินทรีทองตัวน้อยหาอาหารกิน ไวส์จึงปลุกใจขึ้นมาและวิ่งไปที่ห้องครัวนำชิ้นเนื้อออกมาให้มันเป็นอาหาร ในใจของเขาคิดจะทำให้เจ้าตัวน้อยตัวนี้เชื่องหลังจากนั้นรอมันโตตัวเองก็จะได้เป็นจอมยุทธ์เทพอินทรี


แต่อย่าเห็นว่าแคลร์ตัวเล็ก มันก็ไม่ได้โง่ มันสามารถรับรู้ได้ถึงแผนการที่หลงผิดของไวส์ที่มีต่อมัน มันไม่เคยกินของที่ไวส์ให้มันเลยและจะตามแค่วินนี่เท่านั้น วินนี่แม่ที่ร่างกายงดงามและเป็นอันตรายต่อสัตว์ตัวน้อยพวกนี้มาก


เมื่อหาวินนี่รอบหนึ่งและไม่พบ มันจะไปหาฉินสือโอว นี่คือตัวเลือกที่สอง


เมื่อเห็นอินทรีทองตัวน้อยไม่สนใจตัวเองไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ไวส์ก็ถอนหายใจด้วยความผิดหวัง กอร์ดอนเยาะเย้ยว่า “อินทรีทองไม่สามารถถูกฝึกให้เชื่องได้ พวกนายไม่เคยเรียนในชั้นเรียนธรรมชาติเหรอ? น้องชาย นายนี่น่ารักแบบโง่ๆ จริงๆ แต่ถ้านายเต็มใจจะเอาอั่งเป่าของนายมาให้ฉัน ฉันอาจจะช่วยนายฝึกนกจมูกหลอดหางสั้นตัวหนึ่งให้เชื่องได้”


ไวส์พูดอย่างดูถูกว่า “หลังจากนั้นล่ะ? หลังจากนั้นฉันก็ต้องเดินไปแม่น้ำในภายหลังและขี่นกจมูกหลอดหางสั้นที่มีความยาว 20 เซนติเมตร? หลังจากนั้นทุกคนจะเรียกฉันว่าอย่างไรเหรอ? จอมยุทธ์นกจมูกหลอดหางสั้น?”


กอร์ดอนกระหืดกระหอบ “โอ๊ย ฟัค เด็กอย่างนายยังจะอวดดี มาๆๆๆ พี่ชายอย่างฉันจะไปฝึกเคล็ดลับบางอย่างเป็นเพื่อนนายเอง”


ไวส์ยื่นมือออกไป “อย่ามาบังคับฉัน ความรู้สึกโกรธของฉันรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ระยะห่าง 10 เมตรฉันก็สามารถแทงนายตายได้เชื่อไหมล่ะ?”


ฉินสือโอวกำลังจะปรับความสัมพันธ์ของเด็กทั้งสองคน ศาสตราจารย์แซนเดอร์สก็กลับเข้ามาอีกครั้งและพูดว่า “เฮ้ บอส ตอนนี้คุณยุ่งอยู่ไหมครับ?”


“คุณพูดว่าอะไรนะ? คุณลองดูสถานการณ์นี้ในตอนนี้สิ ผมยุ่งอยู่ไหม?”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)