องครักษ์เสื้อแพร 1050-1054

 ตอนที่ 1050 ปืนใหญ่

โดย

Ink Stone_Fantasy

 ปืนใหญ่กระสุนหนึ่งปอนด์ก็เรียกปืนใหญ่ ปืนใหญ่กระสุน 16 ปอนด์ก็เรียกปืนใหญ่ ในยุคสมัยนี้ ปืนใหญ่เป็นอาวุธที่อานุภาพร้ายกาจที่สุด คำว่า ‘ใหญ่’ ใช้แล้วสมศักดิ์ศรี


ทหารบนหอระฆังสูง เขาสามารถเห็นได้ไม่เหมือนคนอื่น พวกสเปนป้อมปืนใหญ่เบื้องหน้ายังไม่ทันเห็น แต่ก็เริ่มแตกตื่นกันทันที หากชาวพื้นเมืองบุกมาถึงหน้าแล้ว


ชาวฮั่นไม่กล้าบุก แต่ก็โหดเหี้ยมมาก พวกสเปนบนกำแพงหินมองเห็นปืนใหญ่ปืนไฟด้านหลังชาวพื้นเมืองพวกนั้นยิง วิ่งได้ช้าก็จะมีจุดจบที่ความตาย ตอนนี้ชาวพื้นเมืองเหล่านี้เรียกว่าแตกรัง ไม่สู้เรียกว่าหนีเอาตัวรอด เข้าใกล้ฐานที่มั่นยิ่งมาก ก็ยิ่งมีโอกาสรอด


“นายพัน! ท่านดูทางนั้น อย่างน้อยน่าจะเป็นปืนใหญ่กระสุน 16 ปอนด์!!”


ทหารบนหอร้องเสียงหลง ตะโกนเร่งรีบลงมายังทหารเบื้องหน้า นายทหารรีบมองวิ่งขึ้นไปยังหอระฆัง เช้าๆ อันเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้าเช่นนี้ เจ้าทหารด้านบนยังส่งเสียงร้องเอะอะดังทำให้เขาโมโหมาก นายทหารเดิมทีคิดสั่งสอนเขาสักหน่อย


จากบนหอระฆังสามารถมองเห็นชัดเจนระยะหลายร้อยก้าวได้ บ้านไม้นั่นที่วัวหลายตัวลากมาเปิดด้านหน้าออก เผยให้เห็นตัวกระบอกปืนใหญ่ เป็นปืนใหญ่จริงๆ


นายทหารนั่นพอเห็นตัวกระบอกปืนใหญ่แล้วก็สูดลมหายใจเฮือก ก่อนจะบังคับความตื่นตกใจกล่าวว่า


“ปืนใหญ่ชาวฮั่นทำได้เละเทะมาก ปืนใหญ่พวกเขาอย่างมากก็ 16 ปอนด์ ข้าว่าไม่ถึง 12 ปอนด์!”


ปัญหาคือระยะเช่นนี้ ปืนใหญ่ 12 ปอนด์ก็เพียงพอสังหารแล้ว ด้านหน้าฐานที่มั่นมีปืนใหญ่หลายกระบอกเป็นปืนใหญ่กระสุน 6 ปอนด์ ไว้รับมือชาวพื้นเมือง


นายทหารกล่าวเช่นนี้ แต่ยังเร่งวิ่งลงไป วิ่งไปตะโกนไปว่า


“ยิงปืนใหญ่ ยิงปืนใหญ่ อีกฝ่ายขนปืนใหญ่ขนาดใหญ่มาแล้ว!”


ตอนนี้จะไปยิงปืนใหญ่ได้อย่างไร ทหารที่กำลังป้องกันมองไปยังชาวพื้นเมืองที่กรูกันมาตรงหน้า ยิงปืนใหญ่ไป ทำให้ทหารป้องกันได้พักหายใจบ้าง แต่ระยะและมุมประตูฐานที่มั่นนี่ ปืนใหญ่ด้านหน้ายิงไปไม่อาจได้ผลอันใด


“ปืนไฟยิง!”


เห็นชาวพื้นเมืองใกล้จะใช้ไม้พาดคูเมือง นายทหารก็ตะโกนดัง ปืนไฟเริ่มยิงพร้อมกัน ชาวพื้นเมืองในรัศมียิงล้มระเนระนาด หลังถูกยิงหน้าหงาย เพิ่งเริ่มแตกกระจัดกระจายก็ได้ยินพวกสเปนบนนั้นตะโกนรอบทิศ ชาวพื้นเมืองล้มลงไม่หยุด


แม้ชาวฮั่นรอบนอกรื้อบ้านกันอยู่ แต่รอบฐานที่มั่นยังคงมีบ้านที่ยังไม่ได้รื้อ บ้านเหล่านี้มีบ้างเป็นบ้านพวกคนสเปน


มีบ้างเป็นชาวพื้นเมืองชั้นสูง พอดูดีมีราคา แต่ทว่าการต่อสู้สองวัน บ้านเหล่านี้เริ่มพังดูไม่ได้


            พังส่วนพัง แต่ก็ยังให้คนบุกเมืองและคนด้านหน้ากำบังตัวได้พอ พวกคนสเปนฐานที่มั่นกำลังอึดอัดในป้อมเพราะกลุ่มควันมาทั้งคืน ก็ไม่รู้ที่เหล่านี้มีคนแอบซ่อนหรือไม่ พวกเขาไม่กล้าเปลืองกระสุนปืนใหญ่ไปกับบ้านเรือนเหล่านี้


ได้ยินเสียงตะโกน ได้เห็นว่าในบ้านมีปืนยิงออกมา ชาวพื้นเมืองถอยหนีกันกระเจิดกระเจิง ถูกสกัดไว้ได้ ฐานที่มั่นมีคนไม่น้อยที่เคยออกไปหาความสำราญด้านนอก สามารถได้ยินเสียงด้านนอกตะโกนชัดเจน ฟังพอเข้าใจ บอกว่าหากยังถอยหลังมา จะจับเฉือนโยนทะเล


ตัวที่เต็มไปด้วยบาดแผลโยนทะเลล่ะก็ ย่อมถูกเกลือในน้ำทะเลแสบไม่น้อย  อยู่ไม่สู้ตาย ยิ่งไม่ต้องพูดถึง กลิ่นคาวเลือดจะนำปลาฉลามมากันในทันที


ชาวฮั่นโหดร้ายเช่นนี้เมื่อไรกัน คนสเปนในฐานที่มั่นตะโกนด่าดัง  เพราะพวกเขาเห็นนั้นไม่เพียงแต่เป็นชาวพื้นเมืองที่ถอยไปแล้วกรูกลับมาใหม่ ยังเห็นกำลังจากพื้นที่อื่นพากันบุกขึ้นมาไม่หยุด


 แน่นอน พวกคนสเปนไม่รู้ คืนวานชาวพื้นเมืองเกิดเหตุเล็กๆ ถูกจับมาจัดการไปเช่นนั้น สร้างแรงขมขู่ได้มากพอควร


ปืนใหญ่ประตูหน้าฐานที่มั่นสองข้างเริ่มปรับตำแหน่งปืนใหญ่ เตรียมยิงชาวฮั่นที่เคลื่อนปืนใหญ่ขนาดใหญ่เข้าใกล้ แต่ทว่าการก่อกวนของชาวพื้นเมืองและการบุกนั้นทำให้ปืนใหญ่ขนาดใหญ่ยักษ์มีเวลาเตรียมการเพียงพอ


‘ตูม’ สนามรบล้วนเงียบ ใช่ว่าทุกคนไม่ส่งเสียง แต่เสียงทั้งหมดถูกเสียงปืนใหญ่นั่นกลบมิด


กระสุนปืนใหญ่ลอยแหวกอากาศไม่อาจเรียกว่าเฉียบคม แต่เหมือนว่าเป็นลมพายุใหญ่ที่อยู่ ๆ กระหน่ำขึ้น มุมยิงไม่สูง กระสุนปืนใหญ่ตกลงบนประตูหน้าด้านซ้ายบนกำแพงหินฐานที่มั่น


พวกคนสเปนบนกำแพงหินหลายคนได้เห็นปืนใหญ่ตอนยิงมาลงกระเด้งกำแพงไปยังลานหน้า ยังมีคนหาที่หลบในเวลากระชั้นชิด มีคนวิ่งหลบสองข้างทาง ต้องการหนีออกจากพื้นที่


กระสุนปืนใหญ่ถล่มบนกำแพงหิน กำแพงหนาเริ่มสะเทือน  พวกสเปนล้วนถูกสะเทือนล้มลง พื้นที่ที่ถูกยิง ก้อนหินกระเด็น แผ่นหินแตกกระจาย เศษหินปลิวว่อน ทำเอาพวกชาวพื้นเมืองเลือดตกยางออก บาดเจ็บล้มตายราบ


ความสะเทือนนี้ส่งผลไปทั่วฐานที่มั่นจนรู้สึกได้ เปาโล ลูอิสออกจากที่กำบัง ตะโกนไปบนกำแพงหิน


“ยิงโต้ ยิงโต้!”


น่าอัศจรรย์ยิ่ง พวกคนบนกำแพงหินถึงกับไม่ได้บาดเจ็บจากปืนใหญ่นี้ แต่ละคนล้วนกำลังมึน ไม่ต้องให้กงสุลใหญ่พวกเขาตะโกน พวกเขาก็รู้ว่าควรยิงโต้ แต่ปืนใหญ่หนักเช่นนี้ การป้องกันฐานที่มั่นน่าจะยืนหยัดได้อีกไม่นานแล้ว


การบุกตีฐานที่มั่นหลายแบบหลายวัน  ตอนนั้นเห็นแล้วว่าเหลวไหล รู้สึกว่าโง่เขลา แต่ตอนนี้ได้คำตอบแล้ว ที่แท้คิดจะเคลื่อนปืนใหญ่หนักมายิงฐานที่มั่นให้ได้ผล มีปืนใหญ่หนักนี้ ไม่ต้องเปลืองแรงโจมตี ใช้ปืนใหญ่ยิงระเบิดเปิดออกก็พอ


แต่ทว่าระยะยิงตอนนี้ ใช้ปืนใหญ่ฐานที่มั่นพอยิงโต้ได้ อย่างน้อยก็คุมสถานการณ์ไว้ก่อน ไม่อาจปล่อยให้อีกฝ่ายยิงปืนใหญ่ได้อีก


ทหารปืนใหญ่รีบเร่งวิ่งมายังหน้าปืนใหญ่ กำลังคว้าอุปกรณ์ ทันใดคนทางด้านซ้ายก็รู้สึกวูบ ล้มลง


บนกำแพงหินพริบตาเสียงร้องตกใจไปทั่ว กำแพงเริ่มทะลายลงไปครึ่งหนึ่ง ปืนใหญ่ยิงมา ทำโครงสร้างพัง ทางนั้นมีปืนใหญ่ขนาดใหญ่อีก เดิมก็เหมือนแขวนอยู่แล้ว ตอนนี้ทหารปืนใหญ่เหยียบขึ้นไปอีก รองรับน้ำหนักไม่ไหว กำแพงพังลงไปครึ่งหนึ่ง


นี่ไม่ได้ทำให้บาดเจ็บล้มตาย แต่ทหารปืนใหญ่ร่วงลงไป อย่างมากก็กระดูกหัก แต่ทว่าชาวพื้นเมืองบุกเข้ามานี่สิ ทหารปืนใหญ่ในเวลากระชั้นชิดนี้ได้แต่หยิบอาวุธในมือขึ้นสู้ ไม่ก็รอความตาย


ความวุ่นวายนี้ ทำให้ปืนใหญ่อีกสองทางไม่อาจยิงได้ กำแพงที่ล้มครืนลงทำให้ชาวพื้นเมืองปีนขึ้นมาง่าย ทหารบนกำแพงไม่อาจสนใจอันใดอีกแล้ว ได้แต่ยิงปืนไฟในมือ ไล่ชาวพื้นเมืองที่ปีนขึ้นมา


เสียงตูมดัง เมื่อครู่ที่แตกตื่น เพียงพอให้ปืนใหญ่หนักบรรจุกระสุนเสร็จ เสียงปืนใหญ่ดัง  คนใกล้ประตูใหญ่กำแพงเมืองรีบวิ่งหนีกันจ้าละหวั่น หาที่กำบัง เมื่อครู่ปืนใหญ่สำแดงอานุภาพแล้วว่ายิ่งใหญ่เพียงใด ไม่เพียงชาวผิวขาวบนกำแพงหิน แม้แต่ชาวพื้นเมืองตรงหน้าก็ต้องแตกตื่นหนีตาย จะได้ไม่ถูกเศษหินที่กระสุนปืนใหญ่ยิงแตกมาโดนตัว


กำแพงหินฐานที่มั่นสะเทือนแล้ว ตอนนี้สถานการณ์ตรงหน้า การป้องกันของพวกคนสเปนไม่อาจปิดประตูใหญ่อีก แต่สามารถออกไปโจมตีได้ตลอด ประตูใหญ่ยิ่งอ่อนแอลง


ปืนใหญ่ยิงรอบสอง ประตูใหญ่ก็ล้มครืนลง ปืนใหญ่ด้านบนล้วนไม่อาจใช้การได้อีก ทั้งประตูเอียงกระเท่เร่ แม้ว่ามีที่สูง แต่ก็ไม่ต้องปีนแล้ว


ที่ทำให้พวกคนสเปนฐานที่มั่นหนาวใจก็คือ  จำนวนและคุณภาพปืนใหญ่ชาวฮั่นถึงกับล้วนเหนือกว่าของฐานที่มั่น ดังนั้นเพียงแค่ยิงปืนใหญ่กระบอกนี้ ก็ทำให้ยุ่งยากพอแล้ว


สองวันอันยาวนาน แต่ก็มองออกว่า ชาวฮั่นคิดเร่งรบให้จบ ดังนั้นจึงได้สิ้นเปลืองแรงชาวพื้นเมืองมาก ใช้วิธีการต่างๆ ขนปืนใหญ่ขนาดใหญ่มา หากอีกฝ่ายอยากให้การสู้รบยาวนาน เช่นว่าหนึ่งเดือน ยึดฐานที่มั่นก็ย่อมสบายกว่านี้


ภายใต้การยิงของปืนใหญ่เล็กเหล่านี้ ชาวพื้นเมืองไม่ว่ายินยอมหรือไม่ก็ต้องบุกเข้าฐานที่มั่น ปืนไฟบนกำแพงหินเริ่มยิงประปราย ชาวพื้นเมืองเองไม่อยากไปปีนที่อื่นแล้ว ถูกปืนใหญ่ยิงเปิดประตูหน้าฐานที่มั่นแล้ว ก็ง่ายที่จะปีนเข้าไปแล้ว


ชาวพื้นเมืองกรูกันเข้ามา แต่ก็ต้องแตกพ่ายกลับไป เพราะพวกสเปนติดอาวุธครบบุกออกมา ปืนไฟยิง ทวนยาวแทง ดาบใหญ่ฟัน  ชาวพื้นเมืองถือไม้ไผ่ไม่อาจต้านทานได้ ครั้งนี้พวกคนสเปนที่ออกมามีกำลังเกือบพัน


ชาวพื้นเมืองแตกกระเจิงแล้ว ทหารสเปนกลุ่มนี้ก็ไม่ได้ไล่ล่าสังหารชาวพื้นเมืองที่หนีกลับ แต่วิ่งไปหาปืนใหญ่ขนาดใหญ่


ตอนนี้สิ่งที่คุกคามฐานที่มั่นที่สุดก็คือปืนใหญ่ขนาดใหญ่กระบอกนั้น เรือปืนใหญ่บนท้องทะเลแม้ว่าจำนวนมากกว่า แต่ถูกปืนบนป้อมปืนใหญ่สกัดไว้ได้ อย่างมาก็แค่เสียหายผิวๆ แต่หากปล่อยให้ปืนใหญ่ขนาดใหญ่นี่ยิงเอายิงเอา ทั้งฐานที่มั่นย่อมทะลายแน่


พอรู้ว่าพวกด้านนอกเป็นชาวฮั่นแล้ว พวกคนสเปนก็เริ่มมั่นใจมาก แต่พอพบว่าเป็นปืนใหญ่ขนาดใหญ่ พวกเขาตัดสินใจส่งคนไปแย่งปืนใหญ่ พวกคนสเปนมั่นใจในตัวเองว่า ใช้กำลัง 800 ก็สามารถตีพ่ายชาวฮั่นติดอาวุธที่มากกว่าหลายเท่าได้


ด้านนอกมีสิ่งก่อสร้างมาก พวกคนสเปนมากันแน่นหนา วิ่งเหยาะๆ มาอย่างเร็ว ปืนใหญ่เบาสี่ทิศยิงระลอกแรก จากนั้นก็ยิงไม่ค่อยได้ผลอะไรนัก ที่เหนือคาดคนสเปนก็คือ ปืนใหญ่ชาวฮั่นไมได้สนใจการออกมาโจมตีของพวกเขา ยังคงทำความสะอาดปากกระบอกปืนใหญ่เตรียมยิงต่อ


พลปืนใหญ่ไม่แตกตื่น ก็เท่ากับรอถูกบุกเข้าไปสังหารทิ้ง ทหารสเปนตะโกนบุก ทหารเองก็ล้วนตะโกนรีบเร่งฝีเท้า


เสียงตูมดังครั้งที่สาม แม้รู้กระสุนปืนใหญ่จะยิงข้ามหัวตนเองไป แต่พอได้ยินเสียงแหวกอากาศมา อย่างไรก็ต้องก้มตัวหลบตามสัญชาตญาณ หยุดไปครู่หนึ่ง


กระสุนปืนใหญ่ตกลงยังด้านกำแพงหินฐานที่มั่น ปืนใหญ่ครั้งนี้ปรับมุม ไม่ได้ยิงไปทางซ้ายแบบเดิม


ชาวพื้นเมืองที่กรูกันเข้าต่อสู้กับพวกคนสเปนรู้สึกถึงคลื่นปืนใหญ่กระทบ เดิมทีร่องกำแพงที่เปิดเล็กน้อยตอนนี้เปิดกว้างมากขึ้นไปอีก


“เร่งกันหน่อย…”


นายทหารสเปนนำหน้ามาตะโกนดัง ตะโกนไม่ทันจบ พลันได้ยินเสียงสองข้างถนนดังเป็นจังหวะกลอง เสียงกลองไม่แปลกอันใดสำหรับพวกคนสเปน เป็นจังหวะกลองให้เดินทัพ จากนั้นหน้าปืนใหญ่หนัก ถือปืนไฟ ทหารชาวฮั่นสวมเกราะยืนเรียงแถวสองแถวออกมา จากนั้นก็เรียงเป็นหน้ากระดาน


“เตรียมยิง!”


วาจานี้พวกคนสเปนฟังไม่เข้าใจ แต่ทว่าเห็นการเคลื่อนไหวอีกฝ่าย พวกเขาก็เข้าใจว่าอีกฝ่ายคิดทำอะไร เสียงกลองเริ่มตีเป็นจังหวะ เห็นพลทวนยาวเริ่มปรากฏตัว


ระยะเช่นนี้ สามารถมองเห็นหน้าทหารอีกฝ่ายไม่ใช่คนโปรตุเกส เป็นชาวฮั่น เป็นชาวฮั่นที่ปีก่อนยังถูกสังหารราวลูกแกะเชื่อง ๆ  พวกคนสเปนรู้สึกหนาวยะเยือก ตอนไหนกันที่ชาวฮั่นมีกำลังเช่นนี้ได้ กำลังทหารแผ่นดินหมิงไม่ใช่ว่าหยุดอยู่ที่ยุคขี่ม้ารบพุ่งหรือ?


“เพื่อพระเจ้าและกษัตริย์เรา บุกเข้าไป!”


คนอยู่หน้าสุด คิดจะถอยก็ไม่ทันเสียแล้ว ได้แต่ถือโอกาสตอนปืนไฟอีกฝ่ายยังไม่อาจยิงต่อเนื่อง บุกไปปะทะตัวต่อตัวกันด้านหน้า สถานการณ์ตอนนี้ ไม่ใช่ว่าอยากรบตัวตาย แต่หากหนีก็ย่อมถูกไล่สังหาร บาดเจ็บล้มตายยิ่งอนาถกว่า  พวกนายทหารผู้นำกองยังพอมีความเป็นคน ตะโกนดังแล้ววิ่งไปด้านหน้า


เสียงกลองไม่หยุด สุดท้ายเข็นปืนใหญ่ออกมาสี่กระบอก ทหารปืนใหญ่ตะโกนสั่งให้ปืนใหญ่กระสุนสามชั่งสี่กระบอก เข็นไปด้นหน้าสุดของกองกำลัง


ปากปืนใหญ่วางแนวราบ  กระสุนก็ควรจะบรรจุไว้นานแล้ว มีปืนใหญ่ขนาดใหญ่วางอยู่ตรงนั้น คนสเปนบนฐานที่มั่นย่อมคิดออกมาแย่งปืนใหญ่ ทหารเหล่านี้กับปืนใหญ่รออยู่ที่นี่นานแล้ว คิดแล้วว่าปืนใหญ่น่าจะบรรจุกระสุนแล้ว แปดเก้าส่วนน่าจะเป็นกระสุนแบบกระจายลูก


‘ตูม ตูม ตูม ตูม…’ ควันดินปืนคละคลุ้งไปทั่ว ปืนใหญ่สี่กระบอกยิง เป็นกระสุนกระจาย ไม่ใช่เศษเหล็ก หากเป็นลูกเหล็กเล็กๆ หลายสิบลูกโยงกัน เช่นนี้ย่อมยิงได้ไกลยิ่งขึ้น


กระสุนเหล็กนับร้อยก่อเป็นม่านกระสุน ครอบคลุมกองทหารสเปนทั้งหมด แม้ทหารสเปนสวมเกราะ  แต่เกราะไม่อาจทานกำลังลูกเหล็กจากปืนใหญ่ที่ยิงมาด้วยความเร็วสูงได้


พวกทหารที่บุกหน้าสุดกับทหารด้านหลังสองสามแถวล้วนถูกปืนใหญ่เล็กยิงกวาดไปหมด คนที่เหลือไม่ได้กล้าที่จะบุกขึ้นหน้าอีก


ความจริงนั้น ตอนบุกมาเขายังมีความเชื่อมั่นในตัวเองมาตลอด พวกเขารู้สึกว่าพวกตะวันออกย่อมไม่ได้เก่งกล้าไปกว่าทหารสเปน ชาวฮั่นแค่อาศัยคนมาก ได้แต่อาศัยชาวพื้นเมืองมาโจมตี แต่พอโดนปืนใหญ่ถล่มคานี้ ได้เห็นความเป็นระเบียบของทหารชาวฮั่นและอาวุธ พวกเขาก็เริ่มหมดหวังสิ้นเชิง พวกเขาตอนนี้คิดแต่วิ่งกลับไปในฐานที่มั่น ที่นั่นอย่างน้อยยังมีเครื่องมือต่อสู้ และคนยังมากอยู่สักหน่อย


แต่ทว่าทหารหวังทงย่อมไม่ให้โอกาสพวกเขาอีก ปืนใหญ่ยิงเสร็จ ปืนใหญ่หยุดยิง ทหารปืนไฟรีบเข้ายิง คนด้านหลังร้องโหยหวนล้มลง ทั้งกองกำลังวุ่นวาย ไล่สังหารเริ่มต้นขึ้น


ตอนที่ 1051 ถล่มเมือง

โดย

Ink Stone_Fantasy

ตรงหน้าศัตรูเป็นผู้คุ้มกันหวังทง ปืนไฟยิงไประลอก จากนั้นพลทวนยาวเข้าโจมตี ไล่แทงด้านหลังแน่นอนไม่มีความเสี่ยงใด  แต่พวกเขาสวมเกราะหนัก น้ำหนักทวนยาวไม่น้อย  ไล่ตามมาไม่เร็วนัก นับประสาอันใดกับทหารสเปนสิ้นหวังทิ้งอาวุธหนี วิ่งได้เร็วอย่างไร ระยะก็ยังคงเริ่มใกล้เข้ามา


โจรสลัดฝีมือระดับพระกาฬแต่ละสายเริ่มบุกเข้าใกล้สิ่งก่อสร้างของฐานที่มั่น พอไปถึง พวกเขาก็บุกเข้าไปตามช่องว่าง


แม้ทหารสเปนฝึกมาดี แต่ในยามแตกตื่นตกใจ คนมีอาวุธในมือก็ย่อมทำอันตรายพวกเขาได้ แม้จะเป็นแค่ท่อนไม้ท่อนเดียวก็ตาม โจรสลัดพวกนี้ร่วมแรงกันดี ร่วมกันตีสุนัขตกน้ำผู้ใดล้วนเป็น อานุภาพปืนใหญ่กระบอกนั่นพวกเขาเห็นแล้ว ประเด็นคือทุกอย่างล้วนอยู่ในความควบคมหวังทง ตั้งแต่ขึ้นฝั่งมา กั๋วกงหนุ่มน้อยได้จัดการแต่ละอย่างที่พวกเขาเห็นว่าเปลืองแรงเปล่าและเหลวไหลยิ่ง คิดไม่ถึงเริ่มประจักษ์ทีละสิ่งแล้ว


ทหารสเปนร้องโหยหวนล้มลง  หนีกระเจิงกันยิ่งเร็ว  บนฐานที่มั่นไม่กล้ายิงปืนใหญ่มาทางนี้ เพราะยิงปืนใหญ่อาจพลาดโดนพวกเดียวกันได้มาก


ที่ทำให้พวกสเปนเบาใจก็คือ อีกฝ่ายไม่ได้ไล่สังหารมาสุดทาง  สองข้างทางเริ่มมีทหารติดอาวุธปรากฏ กำลังจะล้อมพวกเขาไว้ได้แล้ว แต่อยู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงเป่าเขาสัญญาณ แม้ไม่รู้ว่าเป็นคำสั่งใด แต่พวกที่ไล่สังหารพวกเขาพากันถอยกลับ


ในทันที พวกคนสเปนก็รู้ว่าทำไมไม่ไล่สังหารต่อ พวกเขาพึ่งเฮโลกันกลับมายังปากทางฐานที่มั่นได้ ปืนใหญ่หนักนั่นก็ยิงตูมมาอีก บนกำแพงหินเปิดช่องกว้างอีกช่อง


ชาวฮั่นไล่ต้อนชาวพื้นเมืองไม่ได้รุนแรงเหมือนเดิม  เพียงแต่อาศัยสิ่งก่อสร้างกำบังตัว  พยายามดันปืนใหญ่เล็กไปด้านหน้า จากนั้นก็ใช้กระสุนปืนใหญ่ยิงเข้ากำแพงหินกับในฐานที่มั่น


 ปืนใหญ่หนักนั่นยิงมาความเร็วช้ามาก ราวกับปืนใหญ่ทุกระบอกต้องปรับตำแหน่งยิง แน่นอนไม่ได้แม่นอันใด แต่ทิศทางคร่าวๆ ก็คือตำแหน่งปืนใหญ่ด้านใน ค่อยๆ ยิงทิ้ง แม้ว่าไม่ได้ยิงโดนตำแหน่งปืนใหญ่ตรงๆ แต่รอบๆ ปืนใหญ่กำแพงหินล้ม ก็ทำให้ปืนใหญ่ยิงไม่ได้อีก เพราะปืนใหญ่มีน้ำหนักมากย่อมน้ำหนักทับกำแพงหินพังลงไปอีก


ทหารราบปืนไฟไม่มีทางยืนบนนั้นได้อีก ไม่ต้องพูดถึงปืนใหญ่หนักตั้งตระหง่านหน้าประตู แค่ปืนใหญ่เล็กพวกนั้น พวกเขาก็แทบทานไม่อยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงปืนใหญ่เหล่านี้ ปืนใหญ่เล็กก็หมายถึงปืนที่เล็กกว่าปืนใหญ่หนักกระสุน 18 ปอนด์ไม่เท่าไรก็เท่านั้น


ปืนไฟฐานที่มั่นด้านในเริ่มร่อยหรอ ชาวพื้นเมืองบุกเข้าไปถึงกับไม่ต้องใช้แรงกำลังมาก็กรูกันเข้าไปได้แล้ว สถานการณ์ตอนนี้ก็คือ เข้าไปในฐานที่มั่น ไม่ต้องถูกปืนชาวฮั่นยิงตาย แม้เข้าไปยังต้องปะทะกับชาวผิวขาวด้วยอาวุธก็ตาม กลับปลอดภัยกว่า


อาคารสิ่งก่อสร้างที่ใช้เป็นที่กำบังเริ่มถูกรื้อถอนทิ้ง ปืนใหญ่หนักยิงรัศมีกว้าง กำแพงหินที่ฐานที่มั่นไม่ใหญ่นักก็เริ่มเว้าแหว่ง


ปืนใหญ่นั่นยิงได้ไกลมาก พวกคนสเปนในฐานที่มั่นถึงกับไม่อาจไปตามอุดช่องโหว่ได้ทัน ชาวฮั่นยิ่งบี้ยิ่งใกล้เข้ามา ชาวพื้นเมืองไม่มีที่ไป ได้แต่วิ่งเข้ามาในฐานที่มั่นนี้แล้ว ไม่คิดหนีรอดหรือคิดหลบ แต่สิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ก็เริ่มถูกรื้อถอน ไม่มีที่ให้หลบอีก เริ่มถูกสังหารทิ้ง


ปากทางเข้ากว้างเพียงพอ ระยะยิงปืนใหญ่หนักเพียงพอ แค่ยกยิงมุมสูงอีกนิด ถึงกับระเบิดไปถึงป้อมปืนใหญ่ริมทะเลได้


พวกคนสเปนฐานที่มั่นมองไปทางท่าเรือทางใต้ แล้วก็ดูการสั่งการบนท้องทะเล แม้ว่าไม่เข้าใจสัญญาณ แต่ได้ยินเสียงดังครืนจากบนท้องทะเล พวกเขาก็เข้าใจ


พระอาทิตย์เริ่มตก ป้อมปืนใหญ่ฐานที่มั่นล้วนถูกโจมตีจนสูญสิ้นกำลังต่อสู้แล้ว  กงสุลใหญ่เปาโล ลูอิสไม่ใช่คนโง่ เขาก่อนฟ้ามืดก็สั่งการยกธงขาว


เสียงปืนใหญ่หยุดลง แต่ชาวพื้นเมืองก็ยังกรูเข้ามาไม่หยุด ยอมจำนนทำไม ก็เพื่อมีชีวิตรอดไง ไม่ใช่เพื่อให้ชาวพื้นเมืองมาสังหารทิ้ง การต่อสู้พวกคนสเปนยังคงดำเนินต่อไป


ตอนฟ้ามืดสนิท การต่อสู้ด้วยปืนหยุดลง ธงขาวยกไปแล้ว อีกฝ่ายไม่ยิงปืนใหญ่ แต่การต่อสู้ยังไม่หยุดทำให้คนงงไม่รู้จะทำเช่นไร เรื่องมาถึงตอนนี้เพื่อมีชีวิตรอด จะต้องยอมเสียเกียรติ โดนลบหลู่ก็ยอม


“พวกเราต้องการยอมจำนน พวกเราต้องการวางอาวุธ!”


อย่างไรก็ลูซอนก็มีชาวฮั่นมา มีเรือการค้าชาวฮั่นไม่น้อยไปมา พวกเขาย่อมรู้ภาษาชาวฮั่นอยู่บ้าง แน่นอน ตะโกนไปเป็นภาษาฮกเกี้ยน ก็ช่วยไม่ได้


ชาวฮั่นไม่ได้มีปฏิกิริยาใดตอบกลับ เหมือนว่าหลังการต่อสู้วันหนึ่ง เหนื่อยมาก ไม่อยากตอบรับการยอมจำนนของพวกเขา


***************


“ชาวพื้นเมืองพยายามใช้ให้หมดไปเลยในวันนี้ ให้ทุกคนถ่ายทอดคำสั่ง ให้พวกเขาเสริมกำลังใจ ทำงานว่างๆ กันมานานแล้ว ถึงเวลาลงดาบแล้ว”


วันรุ่งขึ้นก็ลุกจากกระโจมพัก หวังทงออกคำสั่งเสียงเรียบ เขาไม่ชอบพื้นที่อากาศชื้นเช่นลูซอนนัก การต่อสู้หลายวันนี้ก็น่าเบื่อยิ่ง


หวังทงได้แต่นั่งรออยู่ในกระโจม เป็นระเบียบมาก แต่ทว่าคนอื่นๆ ไม่แน่ หวังทงเดินออกมาจากกระโจม ก็มีคนรอบสี่ทิศสิบกว่าคนมาเข้ามารายงาน พ่อค้าใหญ่และเจ้าทะเลไม่ได้พักรวมกัน ล้วนแยกกันอยู่ พวกเขาเชื่อใจหวังทงมาก แต่ทว่าอยู่บนท้องทะเลมานานก็ย่อมมีความระแวงและธรรมเนียมตน เข้าใกล้กันมากไป ถูกกินรวบไปรวมกันก็ย่อมเป็นได้ ระวังไว้ก่อนดีกว่า


“ไปตามกลับมา ข้ามีคำสั่งประกาศ!”


คนพวกนั้นเคลื่อนไหว กลับถูกหวังทงเรียกไว้ ทหารติดตามรีบเข้าไปตามตัว สิบกว่าคนก็ตามมา ได้ยินหวังทงกล่าวว่า


“วันนี้บ่ายเป็นเวลาสิ้นสุด สตรีชาวพื้นเมืองแต่ละค่ายล้วนต้องจัดการมารวมกัน หากตัดใจไม่ได้ก็ให้ทำสัญลักษณ์ไว้ วันหน้าคืนให้ แต่หาวันนี้บ่ายแอบซ่อนไว้ ข้าจะลงโทษทางวินัยที่ลูซอนนี่เลย นำวาจาข้าไปประกาศ อย่าได้หาว่าข้าไม่บอกก่อน”


คนรอบๆ รับคำนอบน้อม จากนั้นรีบวิ่งออกไปถ่ายทอดคำสั่ง ทุกคนครั้งนี้ความจริงนั้นนับว่าร่วมทำการค้า คำว่า ‘วินัย’ ไม่มี แต่พอได้เห็นเรือปืนใหญ่เหล่านี้ของหวังทง เห็นทหารกล้าบนฝั่ง หันมาดูปืนใหญ่อีกที อย่าว่าแต่วินัยเลย แม้แต่จะกลืนกินผู้ใด ผู้นั้นก็ทำอะไรไม่ได้ ยังต้องฟังคำสั่งแต่โดยดี


หวังทงวินัยเข้มงวด แต่เจ้าทะเล และพวกพ่อค้าใหญ่เมืองซงเจียงนั่นไม่เหมือนกัน แม้ปกติก็ทำอะไรตามใจตนเองอยู่แล้ว แต่พอมาอยู่ลูซอน ตนเองมาเป็นผู้บุกรุก ผู้พิชิต ได้กระทำต่อชาวพื้นเมืองราวไม่ใช่คน ทำให้รู้สึกไม่เหมือนกัน พื้นที่ชาวพื้นเมืองใกล้ฐานที่มั่นนับว่าเป็นพื้นที่รุ่งเรืองของทั้งเกาะลูซอนนี่ ชาวพื้นเมืองแม้ว่าไม่ใช่ของดี แต่ก็มีความแปลกใหม่ไม่เหมือนประเทศตน คนไม่น้อยคิดหามาสักคนไม่ก็สองสามคน วันๆ ต่อสู้ใช้งานพวกเขาไม่มาก ทั้งวันอยู่ในกระโจม ก็มีความสุขไม่น้อย


ผ่อนคลายกันมานาน ถึงเวลาเคร่งเครียดแล้ว


ปืนใหญ่กระสุนสามชั่ง 16 กระบอกกับปืนใหญ่กระสุนเก้าชั่ง  6 กระบอก เปิดออก  สิ่งก่อสร้างรอบๆ พวกเขาถูกรื้อหมดราบเป็นหน้ากอง ให้พลปืนใหญ่จากเรือรบเริ่มบรรจุกระสุน เพื่อกระสุนปืนใหญ่วันนี้ คืนวานถึงกับมีเรือปืนใหญ่ไปส่งกระสุนปืนที่ท่าเรือทางใต้ ก็เพื่อให้กระสุนในวันนี้มีพอยิง


ธงขาวบนหอระฆังยังคงแขวนอยู่ แต่การต่อสู้ยังอยู่ หากพวกคนสเปนไม่ยอมทิ้งโอกาสยอมจำนน เพื่อมีชีวิตรอด ก็ย่อมต้องลดตัวให้ต่ำยิ่งกว่าต่ำ


ปืนใหญ่ขนาดใหญ่ถล่มกำแพงพัง ทำให้เรือปืนใหญ่บนท้องทะเลเข้าใกล้มายิงได้ ป้อมปืนใหญ่ฐานที่มั่นสิ้นกำลังป้องกัน ตอนนี้เรือปืนใหญ่เข้าใกล้เพียงพอที่จะยิงตามใจแล้ว


ที่ทำให้พวกคนสเปนรู้สึกโชคดีก็คือ หลังถล่มป้อมปืนใหญ่พัง การยิงปืนใหญ่ก็หยุดลง มือพวกเขายังมีปืนไฟและปืนใหญ่เล็ก หรือแม้ว่าไม่มีปืน สวมเกราะปะทะชาวพื้นเมือง พวกเขาไม่ต้องเป็นห่วงมากนัก แต่ในใจพวกคนสเปนมีความสิ้นหวังหนึ่ง เพราะไม่รู้ว่าการบุกนี้จะจบลงเมื่อไร ที่นี่ราวกับนรก


“ชาวพื้นเมืองมีเรื่องอะไร?”


ไม่รู้เหตุใด เช้ามา ค่ายเชลยก็มีชาวพื้นเมืองต้องการพบหวังทง คนผู้นี้อายุไม่น้อย ผิวดูแล้วค่อนข้างขาวกว่าชาวพื้นเมืองปกติมาก  จากความเข้าใจโจรสลัดท้องที่ คนเช่นนี้แปดเก้าส่วนเป็นพวกชนชั้นสูงในพื้นที่ เป็นระดับหัวหน้าเผ่า


“กั๋วกง ชาวพื้นเมืองนี่บอกว่า วันหน้ากั๋วกงต้องได้เป็นราชาใหญ่ ต้องดูแลที่นี่ อย่างไรก็ต้องการความช่วยเหลือจากชาวพื้นเมือง พวกหนี้เลือดชาวฮั่นนั่น ชาวพื้นเมืองตายไปมากมายเพียงนี้น่าจะชดใช้พอแล้ว หากกั๋วกงไว้ชีวิตคนที่เหลือ พวกเขายอมเป็นทาสรับใช้….”


คนแปลย่อมเป็นโจรสลัด คนเหล่านี้ผ่านไปมาหลายเมืองท่า รู้ภาษาท้องถิ่น ไม่แปลก


หวังทงขมวดคิ้ว เอียงหน้ายิ้มกระซิบว่า


“ที่ไหนๆ ก็มีคนฉลาดเหมือนกันนะ ชาวพื้นเมืองนี้สามารถแสดงท่าทีเช่นนี้ได้ สมองนับว่าไม่เลว”


ซาต้าเฉิงยิ้ม กลับไม่กล่าวอันใด เพราะเขารู้หวังทงยังกล่าวไม่จบ เป็นเช่นนั้นจริง หวังทงยิ้มโบกมือกล่าวว่า


“ตัดหัวทิ้ง!”


ชาวพื้นเมืองนั่นเห็นชัดว่าเข้าใจภาษาฮั่น เงยหน้าขึ้นอย่างตกใจ คนด้านหลังเขายกดาบฟันทันที ดาบฟันศีรษะร่วง เลือดสดพุ่งกระจาย หวังทงยิ้มกล่าวว่า


“เรื่องราวล้วนมีเหตุ แต่พวกเราแผ่นดินหมิงไม่ใช่พวกเขาชาวสเปน พวกคนสเปนคนน้อย ดังนั้นต้องพึ่งพวกชาวพื้นเมือง พวกเราชาวฮั่นคนเยอะ หลายแสนคน หลายร้อยหลายพันล้วนจะตามมา ไม่สังหารพวกเจ้าให้หมด จะมีที่ทางให้พวกเราหรือ!”


คนข้างกายหวังทงทั้งหมดล้วนเริ่มฮึกเหิมหลังได้ยินวาจานี้ หวังทงยิ้มเสียงดังเอ่ยขึ้น


“วันนี้รบให้หมด ให้ชายพื้นเมืองออกไปรบให้หมด สิ้นเปลืองให้หมดแล้วค่อยรับการจำนนจากพวกสเปน”


ทุกคนรับคำพร้อมเพรียง ไปจัดการตามคำสั่ง กลับเป็นหานเถี่ยข้างหวังทงถามขึ้นเบาๆ ว่า


“กั๋วกง ชาวผิวขาวพวกนั้นสังหารเราชาวฮั่นมากมาย ทำไมจึงยอมรับการยอมจำนนพวกเขา”


อายุน้อยไม่ได้คิดเล็กคิดน้อย แต่ตลอดทางมาได้ยินว่าพวกสเปนสังหารหมู่ชาวฮั่น พอมาถึงได้พบไป๋อู่ก็ยิ่งรับรู้ความจริงยิ่งมาก ในใจย่อมเคียดแค้น เลี่ยงไม่ได้ หวังทงยิ้มตบบ่าหานเถี่ย กล่าวว่า


“ให้พวกเขายอมจำนน ไม่ได้หมายความว่าให้พวกเขารอด เตรียมการออกศึกได้แล้ว!”


*******************


พวกลุ่มอิทธิพลอำนาจตามหวังทงมาล้วนรวมกำลังคนที่ใช้การได้มารวมกันทั้งหมด ถึงกับแม้แต่เรือปืนใหญ่บนท้องทะเลก็ยังให้ลูกเรือเล็กกับเรือสำเภาขึ้นฝั่งมาช่วย


ปืนใหญ่ฐานที่มั่นส่วนใหญ่ไม่อาจยิงได้แล้ว ปืนใหญ่หวังทงยังใช้คุมสถานการณ์ได้ตลอด ธงขาวโบกขึ้น ปืนไฟระยะไกลก็ไม่ยิงอีก ดังนั้นครั้งนี้ชาวฮั่นติดอาวุธยิ่งบีบพื้นที่แคบเข้า


ชายชาวพื้นเมืองในค่ายเชลยล้วนถูกจับตัวมาหมด อาวุธไม่ให้ ไล่ต้อนไปด้านหน้า ไม่เป็นระเบียบ หากตะโกนไล่ ตีกลองเร่ง พวกเจ้าก็บุก หากกลองหยุด ชาวฮั่นก็จะไล่ตามมา ไล่ตามมาทันก็จะสังหาร บุกเข้าฐานที่มั่นได้ บางทีอาจจะรอด ส่วนเรื่องอาวุธนั้น ตลอดทางมีอันใดก็เก็บหาเอาเองละกัน!


ชาวพื้นเมืองสีหน้าอ่อนแรง อย่าเห็นว่าไม่กี่วัน ชาวฮั่นไม่ให้อาหารพวกเขาเพียงพอ แต่ละคนล้วนหิวจัด อ่อนกำลังเต็มที เห็นเด็กและคนแก่ถูกไล่ต้อนมา จะเกิดอะไรกัน พวกเขาเริ่มพอเข้าใจแล้ว


แต่เข้าใจแล้วอย่างไรเล่า โจรสลัดชาวฮั่นราวสัตว์ป่าล้วนเตรียมสังหารพวกเขาแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกชาวผิวขาวที่แม่นปืน  แต่ทว่าบุกเข้าไป บางทีอาจยังมีทางรอด


เสียงกลองดังขึ้น ชาวพื้นเมืองอ่อนกำลังและสิ้นหวังก็มาถึงหน้าฐานที่มั่นสเปน และบุกเข้าไป


“ชาวฮั่นด้านนอกคิดอาศัยมือพวกเราสังหารชาวพื้นเมือง สังหารชาวพื้นเมืองเหล่านี้หมด พวกเราก็มีโอกาสยอมจำนน”


เปาโล ลูอิสมีเลือดเปื้อนตามตัว การต่อสู้เมื่อวานตอนจบ เขาจับกระบี่ออกร่วมศึกในฐานะกงสุลใหญ่ ตอนนี้พวกคนสเปนล้วนมารวมกันในฐานที่มั่น เตรียมเผด็จศึก แต่บางทีอาจไม่ได้เผด็จศึก แต่ย่อมเป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้าย


นี่เป็นกงสุลใหญ่ที่เมื่อครึ่งเดือนก่อนนั่งเสวยเงินทองความสุขและฝันหวาน ตอนนี้สีหน้ามอมแมม เปาโล ลูอิสไม่ใช่เด็กน้อย เขาเข้าใจว่าอาจจะเกิดอะไรได้ แต่ตอนนี้อย่างไรก็แค่อาจจะ มีความหวังรอดเพียงหนึ่ง ก็ต้องคว้าไว้ ใจเขาตอนนี้กับคนชาวพื้นเมืองด้านนอกเหมือนกันในยามนี้


 ชาวผิวขาวเรียงแถวในฐานที่มั่นล้วนลืมไปว่าเมื่อปีก่อนพวกเขาสังหารหมู่ชาวฮั่นอย่างไร ชาวฮั่นพลเมืองดีในใจก็สิ้นหวังและไร้หนทางเช่นกัน  ชาวผิวขาวพวกนี้ไยจึงได้ยินดีปรีดาในตอนนั้นได้


เสียงตะโกนด้านนอกยิ่งใกล้เข้ามา พวกคนสเปนเริ่มตะโกน โบกตวัดอาวุธบุกออกไป


ให้สัตว์ป่าสู้กันเอง ใช้มาเพื่อบรรยายภาพชาวพื้นเมืองอาจไม่เหมาะ แต่ใช้มาบรรยายพวกคนสเปนนั้นได้พอดี  ชาวพื้นเมืองมากกว่าพวกสเปนหลายเท่าปะทะกัน  ก็ถูกปืนไฟยิงตายไป พวกนั้นก็ช่าง พอเข้าปะทะกันตัวต่อตัว ก็แตกกระเจิงทันที


แต่พวกเขาไม่มีทางถอยกลับ ด้านหลังพวกเขามีชาวฮั่นบี้ไล่มา ชาวฮั่นตอนนี้จำนวนไม่ได้น้อยไปกว่าชาวพื้นเมือง และยังกำลังสังหาร บุกไปด้านหน้า จึงอาจหลบด้านหลังได้


สถานการณ์เริ่มเปลี่ยนเป็นชาวสเปนกับชาวฮั่นร่วมลงมือสังหารชาวพื้นเมือง ชาวพื้นเมืองจำนวนมากลดลงอย่างรวดเร็ว


การต่อสู้ไม่อาจไม่มีคนตาย ทหารสเปนยังดี แต่หลายครั้งถูกดึงไปรุมกระหน่ำมือเท้า ตายใต้คมดาบและปลายไม้ไผ่ชาวพื้นเมือง


การต่อสู้ต่อเนื่องไม่นาน พวกสเปนถึงกับถอยกลับฐานที่มั่น แต่ชาวพื้นเมืองไม่ว่าอย่างไรก็ต้องบุกเข้าไปให้ได้ จิตใจและความมุ่งมั่นพวกเขาตอนนี้หมดสิ้นแล้ว ถึงกับไม่อยากจะต่อสู้ต่อ ได้แต่คุกเข่าอยู่ที่พื้นรออย่างเฉยเมย


เสียงเป่าเขาสัญญาณดัง พวกคนสเปนหมดสิ้นเรี่ยวแรงยังคิดว่าจากนี้ก็เป็นชาวฮั่นสู้กับพวกเขาแล้ว คิดไม่ถึงชาวฮั่นที่บุกมากลับถอยกลับไป


เกิดอะไรขึ้น กำลังงง ก็ได้ยินเสียงทางทางทะเล รอบฐานที่มั่นล้วนมีเสียงตูมดัง ปืนใหญ่ยิงแล้ว


 ปืนใหญ่หลายร้อยบนเรือหลายลำบนทะเลรวมกัน  เข้าใกล้เพียงพอ ระดมยิง ปืนใหญ่บนฝั่งไม่มาก ล้วนยิงเช่นกัน


 ฝุ่นตลบเพิ่งสงบลง กระสุนปืนใหญ่ยิงกระจุยอีกแล้ว  ชาวพื้นเมืองนอนกับพื้นไม่คิดขยับอีกแล้ว ยอมตามไปเลยดีกว่า สิ่งก่อสร้างฐานที่มั่นรับเสียงตูมระดมยิงเช่นนี้ไม่ไหว เริ่มทะลายลง มีคนหลบอยู่ด้านในคิดเป็นที่กำบัง กลับถูกถล่มทับตาย


หลังยิงปืนใหญ่สามกระบอก รัศมียิงปืนใหญ่โดยรอบเงียบกริบ ถึงกับแม้แต่เสียงร้องโหยหวนก็ไม่มี  ในยุคสมัยนี้ ปืนเช่นปืนใหญ่ระดมยิง สามารถทำให้คนรู้สึกได้เพียงสองคำว่า หวาดกลัว


*****************


“เสี่ยวเจิ้ง กลับไปครั้งนี้ ข้าจะเอาเงินที่เก็บให้บุตรชายออกมาให้หมด อย่างไรก็ต้องซื้อเรือใหญ่เช่นนี้สักลำ และมีปืนใหญ่ด้วย ไม่งั้นไม่อาจออกหากินบนท้องทะเลแล้ว!”


นอกสนามรบยังมีสิ่งก่อสร้างที่ยังไม่ได้ถูกรื้อถอน หากตั้งเป็นเวทีขึ้นมา เจ้าทะเลกับพ่อค้าใหญ่ล้วนอยู่บนนั้น คนพวกเขาให้หวังทงบัญชาการ คนเหล่านี้ยินดีให้น้ำใจนี้ ไม่คิดโต้แย้งใด มองดูสนุกกว่า


ปืนใหญ่เรือใหญ่บนท้องทะเลทำให้พวกเขาต้องใจตราตรึงยิ่ง เห็นสภาพการณ์นี้แล้ว พวกเขาล้วนรู้ตนเองกับหวังทงเทียบกันแล้ว ช่างไม่อาจเทียบได้


“เรือเช่นนี้เป็นดังชีวิต เหลียวกั๋วกงจะขายเจ้าหรือ?”


“ขายสิ ได้ยินว่าทางเมืองซงเจียงบอกว่า ขอเพียงจ่ายเงินไหว ร้านค้าเหลียวกั๋วกงหลายร้านให้ร่วมทุนได้ ก็ซื้อได้ เดาว่าไม่อาจซื้อใหญ่เท่านี้ แต่เล็กกว่าหน่อยซื้อได้”


“งั้นต้องซื้อ มีเรือนี้ พวกผีต่างชาติหัวแดงทั้งหลายนี่ พวกเราก็ไม่ต้องไว้หน้าพวกมันแล้ว!”


สองคุยกันออกรส อีกทางก็มีชายร่างอ้วนแทรกขึ้นว่า


“ครั้งนี้ตามมาด้วย ที่บ้านไม่เห็นด้วย ตอนนี้ดูแล้วคิดถูกจริงๆ  สถานการณ์ตอนนี้ บนท้องทะเลไม่ติดตามเหลียวกั๋วกง เกรงว่าวันหน้าไม่มีทางรอดแล้ว!!”


“สามารถมาครอบครองพื้นที่ลูซอนนี่ได้ เป็นดังราชาพื้นที่ ชีวิตนี้ไม่เสียดายแล้ว…”


มีคนกล่าวราวตกในภวังค์ พวกเขาได้เห็นกองเรือหวังทง ได้เห็นกำลังหวังทง ได้เห็นหวังทงแสดงความเป็นไปได้ให้พวกเขาดู ทุกคนล้วนหวั่นไหว เดิมทีพวกเขาก็เป็นเจ้าแห่งท้องทะเล แม้ว่าแค่กำลังตนเดี่ยวๆ ไม่อาจสู้เรือตะวันตกได้ แต่อย่างไรก็ใช้คนมากเอาชนะได้ พวกเขาไม่เคยคิดปรับเปลี่ยนใด แต่พอได้เห็นทุกสิ่งตรงหน้าตอนนี้ เหล่าหัวหน้าโจรสลัดก็รู้ ไม่เปลี่ยนไม่ได้แล้ว


ในตอนนั้นเอง ก็มีรายงานมาอีกทางว่า


“กั๋วกง ปืนใหญ่ยิงจบแล้ว!”


“ทุกหน่วยบุกเข้าไปสำรวจ ชาวพื้นเมืองบาดเจ็บหนักให้สังหารทิ้ง บาดเจ็บเล็กน้อยช่วยเคลื่อนย้าย รับการยอมจำนนของพวกสเปนได้!”


หวังทงออกคำสั่งดัง นายทหารรับคำสั่งดัง วิ่งไปยังสนามรบ คำสั่งทำให้ทุกคนที่มองดูทอดถอนใจ นายทหารออกไปได้ไม่ไกลนัก หวังทงเสริมคำสั่งอีกว่า


“ให้พวกสเปนทิ้งอาวุธ แบ่งกลุ่มละร้อยนำตัวออกมา!”


ตอนที่ 1052 ประชุมจัดสรรเงินทอง

โดย

Ink Stone_Fantasy

ชาวฮั่นที่ย้ายมาใหม่ สิบคนหนึ่งกลุ่ม แต่ละกลุ่มห่างสามก้าว เหมือนหว่านปูพรมออกตรวจสนามรบ ท่ามกลางกระสุนปืนใหญ่ยิงไม่หยุด ก็ยังไม่อาจทำให้คนทั้งหมดตายได้ มีพวกชาวพื้นเมืองโชคดีไม่น้อยหลบได้ แต่หลบได้ลูกหนึ่ง จากนั้นก็หลบไม่ได้อีก


ไม่ใช่เพราะสิ้นหวังจึงออกมาสู้ แต่ชาวพื้นเมืองพวกนี้ไม่อาจต้านทานชาวฮั่นติดอาวุธตรงหน้าได้ ถูกกำจัดทิ้งอย่างรวดเร็ว


ปืนใหญ่ที่หลบอยู่หลังสิ่งก่อสร้างถูกลากตัวออกมา มาถึงหน้าฐานที่มั่นสเปน บรรจุกระสุน  เพื่อรักษาสภาพพร้อมยิง ผู้คุ้มกันหวังทงกับกำลังเก่งกล้าของพวกทรงอิทธิพลล้วนมารวมกันอยู่หน้าฐานที่มั่นแล้ว


พวกสเปนไม่มีใจคิดต่อสู้แล้ว กงสุลใหญ่เปาโล ลูอิสโชคดีมาก เขาไม่ได้บาดเจ็บจากการต่อสู้กับปืนใหญ่ เขายกธงขาวขึ้น


เรื่องที่ต้องคุยไม่มาก หวังทงไม่ได้รับปากอันใดสักอย่าง เพียงขอให้พวกคนสเปนเดินออกมาตามคำขอ สถานการณ์ เช่นนี้ คนเบื้องหน้าไม่มีสถานะจะเจรจาเงื่อนไขใดทั้งสิ้น


พวกคนสเปนร่วมร้อยถูกบีบให้ออกมากันราวกับปลาทะลักออกมา ทุกร้อยคน ก็จะถูกกำลังมากกว่าเขาสามเท่าล้อมไว้ จากนั้นค่อยๆ ค้นตัวทีละคน


ร้อยคนแรก มีสามสิบที่พกมีดสั้นกับปืนไฟสั้น การจัดการพวกเขาก็ง่ายมาก สังหารทิ้งทันที มีคนชักมีดสั้นออกมาคิดสู้ตายตามคาด แต่ทว่าก็ถูกดาบฟันทิ้งทันที ไม่ก็ทวนยาวแทงตาย ไม่ก็ปืนไฟยิง จัดการปิดบัญชีไป


คนที่เหลือถูกจับตาอย่างเคร่งครัดที่สุด มีตัวอย่างก่อนหน้า คนด้านหลังแน่นอนไม่กล้าคิดอันใดอีก ล้วนไม่กล้าพกอาวุธในป้อมออกมา


คนที่ออกมาเป็นพวกอ่อนแอเสียมาก ผู้หญิงก็มาก จำนวนผู้ชายกลับน้อย การต่อสู้โหดร้ายมาหลายวัน ผู้ชายล้วนบาดเจ็บล้มตายบนสนามรบไปไม่น้อย


แม้ว่าแต่ละคนหน้าตามอมแมม  ท่าทางอิดโรยมาก แต่มีสตรีชาวผิวขาวอายุน้อย อย่างไรก็มีความงามแปลกตากว่าสตรีชาวจีน เจ้าทะเลพ่อค้าใหญ่เริ่มเบื่อสตรีชาวพื้นเมืองสตรีในหลายวันนี้แล้ว แต่ก็ซื้อไว้เตรียมนำกลับไป แต่พอได้เห็นสตรีเหล่านี้ ก็พากันหวั่นไหว


“สังหารให้หมด ทะเลใต้ไม่ขาดแคลนสตรีต่างชาติ วันหน้าค่อยว่ากัน!”


คำตอบหวังทงโหดเหี้ยมมาก คำตอบตรงๆ ทำเอาทุกคนไม่กล้ากล่าวอันใดอีก


ชาวพื้นเมืองบาดเจ็บล้มตายหลายหมื่น ชาวผิวขาวบาดเจ็บล้มตายเพิ่งแค่พันกว่า รอให้เชลยทั้งหมดออกมาแล้ว ก็นับจำนวนคนตาย พวกหวังทงยังคงเงียบ


ไม่ใช่ว่ารู้สึกว่าพวกคนสเปนเก่งกล้าอันใด แต่กลับรู้สึกว่าชาวพื้นเมืองเป็นเศษสวะจริง ไป๋อู่ยิ่งมองตาค้าง นี่เป็นพวกพื้นเมืองที่สังหารหมู่ชาวฮั่นโหดเหี้ยมเมื่อก่อนหรือนี่ เห็นชัดว่าราวกับกระสอบทรายเละเทะ ชาวฮั่นตอนนั้นหากลุกขึ้นสู้  อาจจะคว้าเอาไม้ไผ่หรือไม้พลองมา ก็คงไม่จบอนาถเช่นนั้น


ชาวพื้นเมืองราวเศษสวะเช่นนี้ ไม่ต้องให้หวังทงประกาศ เจ้าทะเลและพ่อค้าใหญ่ล้วนเข้าใจ ตนขอเพียงนำกองกำลังติดอาวุธมา ก็สามารถทำอะไรก็ได้บนลูซอนนี้


เชลยชาวผิวขาวที่ยอมจำนนจับไปขังกองละร้อยคน หวังทงเรียกเจ้าทะเลและพ่อค้าใหญ่ 23 คน ยังมีตัวแทนกลุ่มอิทธิพลอำนาจอื่นที่มาร่วมครั้งนี้มารวมกัน


“ทุกท่าน!”


หวังทงก่อนพูดได้ประสานมือก่อน ทุกคนพากันรีบลุกขึ้นยืน หวังทงกล่าวว่า


“ทุกท่านแบ่งกัน สองกลุ่มรับหนึ่งพื้นที่ พวกท่านไม่ต้องลงมือสังหาร ไล่ให้ชาวฮั่นท้องที่นี่เข้าสังหารแทน หากมีอันใดยุ่งยาก พวกท่านค่อยเข้าช่วย สังหารหมดกลับมาที่นี่ต่อ เราจะคุยกันต่อเรื่องลูซอนควรแบ่งปันกันอย่างไร ไม่สังหารเรียบ ก็ไม่ต้องกลับมา!”


วาจากล่าวเข้าใจ ทุกคนพากันออกไปทันไม่กล้ารอช้า ได้เปรียบใหญ่ขนาดนี้ สังหารร้อยกว่าช่างเป็นงานที่พริบตาก็จัดการเรียบร้อย แต่ละคนลงมือตามคำสั่ง


ไม่นาน เสียงร้องโหยหวนกับเสียงร่ำไห้รันทดก็เริ่มดังขึ้น พวกคนสเปนอาจพอเดาได้ว่าจะมีจุดจบเช่นนี้ เพียงแต่ไม่อยากจะยอมรับความจริง


วิธีการนี้เป็นวิธีพวกเขาเองที่ใช้หลอกชาวฮั่น ตอนนี้ถูกชาวฮั่นนำมาใช้กับพวกเขา ไม่อยากจะยอม แต่เต็มใจยอม แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น พวกเขาไร้อาวุธ เหมือนกับชาวฮั่นพลเมืองดีน่าสงสารตอนนั้น ชาวฮั่นติดอาวุธไม่ออมมือแม้แต่น้อย  สังหารทิ้งทันทีทั้งหมด


เตรียมการรอบด้าน สองสามวันสู้กันหายใจไม่ทัน แต่ตอนนี้จบสิ้นลงแล้ว ชาวผิวขาวเกือบสามพัน ล้วนถูกสังหารทิ้ง ชาวฮั่นบาดเจ็บล้มตาย 11 ส่วนใหญ่ล้วนเพราะทำพลาดเองกับเป็นโรค สำหรับชาวพื้นเมือง ตายไปเท่าไรไม่มีคนสนใจ


หวังทงนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างเหนื่อยอ่อน มองไปยังหานเถี่ยข้างๆ สีหน้าผิดปกติ การต่อสู้เป็นเรื่องหนึ่ง การสังหารหมู่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง หวังทงยิ้มเอ่ยขึ้น


“รู้สึกน่าสงสาร รู้สึกไม่อาจทนรับได้ใช่หรือไม่?”


หานเถี่ยคิดปฏิเสธ แต่พอคิดไปคิดมาก็พยักหน้า หวังทงส่ายหน้ากล่าวว่า


“ลองคิดดูพวกเขาสังหารคนไปเท่าไร ลองคิดถึงชาวฮั่นบริสุทธิ์พวกนั้น นี่เป็นกรรมสนอง”


*****************


สีหน้าชาวฮั่นที่อพยพมาลูซอนใหม่ล้วนมีสีหน้าโกรธแค้นอัดอั้น ไม่ใช่เพราะโกรธแค้นชาวผิวขาวอันใด แต่เพราะรู้สึกว่าตนเองเป็นพลเมืองดี กลับถูกคนบีบบังคับให้สังหารคนอื่นปล้นชิง มีมลทินติดตัว เป็นไป๋อู่ที่ประกาศกับพวกเขา ก่อนพวกเขามานั้นชาวฮั่นประสบเหตุน่าอนาถเพียงใด


แต่ทว่าพวกเขาคิดอันใด ก็ไม่มีคนอยากสนใจ ชาวฮั่นเหล่านี้ทำงานไม่หยุด  ศพทั้งหมดล้วนถูกขนไปกองกันอีกทางจากนั้นก็เผา


อากาศลูซอนยุคสมัยนี้แม้ว่ายังเย็นสบาย แต่ก็เป็นความเย็นสบายแบบท้องถิ่น หลังศพเน่าแล้ว ก็ย่อมเกิดโรคระบาดในทันที ลูซอน อ่าวมะนิลาเดิมเป็นท่าเรือดี หวังทงกับเจ้าทะเลพ่อค้าใหญ่ก็หวังว่าจะได้ใช้ประโยชน์ แน่นอนไม่อยากให้เกิดโรคระบาด


เก็บกวาดสนามรบเผาศพ ยังต้องจัดการทำลายบ้านพักและจัดการของที่เสียหายทิ้ง ฐานที่มั่นก็ต้องเสริมให้แข็งแรงต่อ  ฐานที่มั่นนี้แม้ว่าถูกทำลายแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้หมดสิ้น ภาพรวมใหญ่ยังได้อยู่ สามารถซ่อมแซมขึ้นมาเป็นค่ายชาวฮั่นเราได้


ชาวฮั่นเหน็ดเหนื่อยอย่างมาก แต่ทว่าหวังทงให้คำมั่นว่า ในพื้นที่ฐานที่มั่นสเปนเก็บกวาดใดได้ล้วนเป็นของพวกเขา ดังนั้นจึงทำให้ชาวฮั่นพากันออกแรง


พื้นที่ในฐานที่มั่นไม่ให้ชาวฮั่นลงมือ ผู้คุ้มกันหวังทงกับคนเจ้าทะเลร่วมกันตรวจสอบละเอียด ไม่กล้าชักช้าแม้แต่น้อย


ทุกคนล้วนรู้ อ่าวมะนิลาทุกปีมีเรือผ่านจากหลายประเทศ เงินทองสะสมและการค้าในพื้นที่มีมาก การสังหารหมู่ชาวฮั่นและแย่งชิงไปครั้งนั้นก็ไม่น้อย ในเมื่อชาวผิวขาวยังคงไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก ของเหล่านี้ย่อมล้วนสะสมอยู่ในฐานที่มั่นนี้


ได้ครอบครองเงินก้อนนี้ได้ การเคลื่อนไหวครั้งนี้เรียกได้ว่ากำไรยิ่งกว่ากำไรแล้ว ดังนั้นทุกคนล้วนตั้งใจอย่างมาก ชายชาวฮั่นผู้กล้าแต่ละสายล้วนเข้าใจดี ส่วนแบ่งกองใหญ่สุดก็ย่อมเป็นของเหลียวกั๋วกง


 ทองคำก้อนและผงทอง ก้อนเงินและเงินแท่ง เครื่องทองต่างๆ เพชรพลอยต่างๆ ปะการังไข่มุกต่างๆ ก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเงินทองสมบัติทวีปอเมริกากับทวีปเอเชียสะสมไว้มากเท่าไร


ณ  หอระฆังในฐานที่มั่นก็มีโกดังใหญ่ ด้านในมีสมบัติกองไว้หลากหลาย ส่วนใหญ่เป็นเงินทองที่ใช้หีบไม้หุ้มเหล็กบรรจุไว้ บนแม่กุญแจยังแกะสลักชื่อคน คิดว่าเป็นที่ฝากสมบัติของชาวผิวขาวในลูซอน สมบัติแย่งชิงมาได้มากเกินไป บ้างก็ได้มาจากหลังการสังหารหมู่ชาวฮั่น หากไว้ที่อื่นจะไม่วางใจ จึงมาไว้ที่ห้องใต้เดินในฐานที่มั่นนี่


ตอนชาวฮั่นติดอาวุธบุกเข้ามา กลับพบว่าด้านในถึงกับมีชาวผิวขาวสิบกว่าคนแอบซ่อนอยู่  นี่เป็นเพราะคนตายเพราะงกสมบัติ พวกเขาถูกปอกลอกหมดก่อนสังหารทิ้ง  เงินทองที่ยัดเต็มกระเป๋าล้วนไม่อาจตามพวกเขาตายไปได้ด้วย


รู้ว่าส่วนใหญ่เป็นของกั๋วกง รู้ว่าสมบัติต้องรอให้หวังทงแบ่งสรร  บรรดาเจ้าทะเลกับพ่อค้าใหญ่ และคนที่รับคำสั่งจากหวังทงโดยตรงก็มารวมแออัดกันอยู่ที่นี่ เงินทองสมบัติมากมาย เห็นแล้วล้วนดี ทำให้สบายใจยิ่ง


คิดไม่ถึงก็คือพอได้เห็นสมบัติเงินทองพวกนี้ มีเจ้าทะเลสองคนกลับมองเห็นบางอย่าง ในห้องใต้ดินถึงกับสบถด่าเสียงดังออกมาว่า


“มิน่าเรือแขวนธงเราหายไปไร้ร่องรอย ที่แท้ถูกพวกผีต่างชาติปล้นสังหารนี่เอง”


“พวกผีต่างชาติเหล่านี้อาศัยมีเรือ มีท่าเรือมีป้อมให้การคุ้มครอง ถึงกับแอบสมคบกันทำเรื่องเช่นนี้ได้ คิดไม่ถึงจริงๆ”


*************


แบ่งเงินทอง เห็นชัดว่าหวังทงใจกว้างพอ เขาเหลือไว้เองสามส่วน ของที่เหลือล้วนแบ่งให้แต่ละคน ทำให้ทุกคนดีใจกันอย่างยิ่ง แต่ละคนล้วนกล่าวว่าใต้เท้าหวังทรงคุณธรรม


หวังทงเอาทองไปเป็นส่วนใหญ่ เงินกับเพชรพลอยอื่นและของอื่นๆ ไม่แตะต้อง ของพวกนี้ครอบครองแล้วยุ่งยาก มีแต่เจ้าทะเลกับพ่อค้าใหญ่ที่มีวิธีจำหน่ายทิ้ง


การออกมาเพื่อเงินทองไม่กี่แสนตำลึง สำหรับกำลังคนและกำลังอาวุธของหวังทงแล้ว นับว่าไม่ใช่กำไรใหญ่ แค่เป็นการชดเชยเล็กน้อยเท่านั้น


ทุกคนแบ่งเงินทองกันเสร็จ ก็ตกดึกแล้ว เรือรบบนท้องทะเลเริ่มเข้าอ่าวมะนิลา พอเทียบท่า ฟ้ามืดลง ก็เริ่มฆ่าสัตว์เลี้ยง และค้นหาสุราดีในฐานที่มั่นออกมา นับเป็นการให้รางวัล


ลูกเรือกับทหารส่วนใหญ่ได้เงินทองกันในวันนั้นเลย แต่ละคนดีใจอย่างมาก การต่อสู้ครั้งนี้ ล้วนได้เปรียบชาวพื้นเมืองตนเองไม่ได้บาดเจ็บล้มตายอันใด เรื่องดีเช่นนี้แน่นอนแต่ละคนย่อมดีใจ ยังมีสุราและเนื้อเป็นรางวัล จึงดีใจอย่างสุดขีด


ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกที่คิดการได้ ออกไปปล้นหลายเผ่า ได้ตัวสตรีพื้นเมืองมาไม่น้อย เตรียมนำนางเหล่านี้มาเสพสุข ทำให้บรรยากาศตรงหน้าสุขีอย่างที่สุด


ในฐานที่มั่นสเปนยังมีห้องรับแขกที่ไม่ได้รับความเสียหาย หวังทงกับทุกคนล้วนสีหน้าเคร่งเครียด สำหรับพวกเขาแล้ว แบ่งเงินทองเพียงแค่เริ่มต้น จากนี้อีกหลายเรื่องจึงจะเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ทุกคนอันเป็นเรื่องใหญ่


แต่ละคนล้วนรู้ สามารถมีท่าเรือดีบนท้องทะเลสักแห่งได้หมายถึงอันใด ก็หมายถึงเมืองท่าที่สามารถเติมเต็มน้ำและอาหารให้พวกเขาได้แห่งหนึ่ง หมายถึงกองเรือตนเองสามารถไปได้อีกหลายแห่ง สามารถทำการค้ายิ่งกว้างไกล  หมายถึงว่าสามารถนำกำลังตนออกได้ยิ่งไกล


สามารถเป็นเจ้าแห่งท้องทะเลหนึ่งได้ นอกจากเรือและกำลังคนเพียงพอแล้ว ยังต้องมีเมืองท่ามีแผ่นดินให้การปกป้องคุ้มครอง ผู้ที่นั่ง ณ ที่นี้ ผู้ใดไม่ใช่ว่ามีท่าเรือส่วนตัวกันที่ฮกเกี้ยน เจ้อเจียง กวางตุ้งกันบ้าง  ผู้ใดไม่มีสายสัมพันธ์กับผู้ทรงอิทธิพลในแผ่นดินบ้าง แต่ไม่ว่าอย่างไร ก็เป็นเรื่องไม่อาจเปิดเผย ขุนนางท้องที่หาคิดลงมือจับกุม ก็มีอันตรายไม่น้อย


แต่ที่ลูซอนไม่เหมือนกัน ตนเองมาอยู่ที่นี่สามารถอยู่อย่างสง่าผ่าเผย  มีขุนนางที่ไหนกัน ตนเองนั่นแหละขุนนาง ถึงกับยังสามารถจับชาวพื้นเมืองมาเป็นทาสได้ ให้พวกเขามาสร้างเมืองท่า ทำไร่ทำนาให้ตน มีที่แห่งนี้ ทะเลใต้อีกหลายแห่งก็ย่อมไปถึงได้ หลายแห่งที่เดิมได้แต่ทำการค้ากันสงบเสงี่ยม ก็สามารถชักดาบไปปล้นได้แล้ว


 สามารถมามีอิทธิพลใหญ่ที่ลูซอนนี่ได้  เห็นชัดว่าวันหน้าต้องได้ก้าวไกลไปอีกมาก ทุกสิ่งล้วนขึ้นกับการจัดสรรและจัดการของหวังทง ทุกคนไม่อาจคิดอันใดได้ เห็นเทียนจิน เห็นเมืองซงเจียง เห็นการต่อสู้ที่ลูซอน ทุกคนล้วนเข้าใจ หากไม่มีหวังทงวางแผน ทุกอย่างล้วนว่างเปล่า


ยังไม่ทันตกค่ำ ก็มีคนมาพบหวังทง ของที่ได้มาหลังสงครามครั้งนี้ทั้งหมดอยากจะมอบให้เหลียวกั๋วกงหมด อย่างไรเหลียวกั๋วกงก็ออกแรงเยอะสุด ทำเยอะสุด แต่ทว่าการจัดสรรลูซอน ขอกั๋วกงดูแลให้มากๆ หน่อย  การแสดงออกเช่นเดียวกันนี้ก็มีมาไม่น้อย


หวังทงไม่ต้องการเงินทองพวกเขา และไม่ได้รับคำอันใด เพียงแต่คืนนั้นทุกคนถูกเรียกตัวมา หลายวันแห่งการต่อสู้นี้ ทุกคนไม่ได้เคร่งเครียดอันใด แต่ยามนี้พากันรู้สึกไม่สบายใจ


ในห้องแท่นเทียนล้วนมีจุดเทียนเต็มสว่าง ในห้องถูกแสงส่องสว่าง  ส่องกระทบสีหน้าทุกคน ผู้ใดก็ไม่อยากกล่าวแสดงท่าทีก่อน


“ทุกท่าน หมู่เกาะลูซอนมีไม่น้อย  ผลผลิตก็ไม่น้อย แต่ตอนนี้ที่สามารถให้เรือใหญ่เข้าจอดเทียบได้ ก็มีเพียงท่าเรือเหนือใต้ที่มะนิลาเท่านั้น ชาวฮั่นแผ่นดินหมิงอพยพมาที่นี่ก็มาอยู่รอบอ่าวมะนิลา อาศัยกันเพียงแค่อ่าวมะนิลา อาศัยเส้นทางเชื่อมกับเมืองท่าเพื่อให้ได้ของใช้ที่จำเป็นมา และนำผลผลิตตนขนออกไป พวกเขาจึงมีชีวิตรอดอยู่ได้ อันนี้เรื่องจริงกระมัง!”


 หวังทงเอ่ยขึ้นก่อน ที่เขาพูดมาเหล่านี้ล้วนเป็นความจริง ทุกคนล้วนพยักหน้า หวังทงกล่าวต่ออีกว่า


“กองเรือทุกคนคิดจะอาศัยเมืองท่านี้ วันหน้ามาจอดเทียบพัก อาจถึงขั้นไว้กักตุนสินค้า เช่นนั้นก็ย่อมต้องวางแผนจัดการระยะยาว ที่นี่ตอนนี้หลายที่ถูกทำลายไปหมดแล้ว ทุกอย่างล้วนต้องสร้างขึ้นใหม่ แม้มีที่ยังไม่ถูกทำลาย แต่พวกเรามาครอบครองที่นี่กันแล้วก็ต้องวางแผนให้ดี ลูซอนมีสินค้ามากมาย สิ่งต่างๆ มากมายที่นำไปค้าขายได้ หากต้องการเรือขนถ่ายเข้าออก  เมืองท่าเล็กๆ นี่จะไปพอได้อย่างไร พื้นที่พวกผีต่างชาติเป็นเพียงป้อมปราการเล็กๆ  รอบนอกล้วนเป็นพวกชาวพื้นเมืองพักอาศัย วันใดหากเกิดเรื่อง ชาวพื้นเมืองเหล่านี้ไม่เพียงไม่ช่วย ยังกลับทำให้ยุ่งยากอีก การสั่งสอนนี้พวกเราไม่อาจลืม”


หวังทงกล่าวถึงตอนนี้ก็ยังไม่เข้าประเด็น แต่ทว่าทุกคนล้วนฟังกันตั้งใจ นี่ล้วนเป็นการวิเคราะห์ที่จริงแท้ ทุกคนกำลังจะมาร่วมดำเนินการกันที่นี่ กำลังต้องการสิ่งนี้


“การสร้างเมืองท่า  เส้นทาง ถางพื้นที่เพาะปลูก ท่าเรือ หรือถึงกับป้อมทหาร  งานแต่ละอย่างไม่อาจใช้ชาวพื้นเมืองพวกเขาทั้งขี้เกียจและโง่เขลา และยังไม่เป็นหนึ่งกับเรา”


ทุกคนล้วนพยักหน้าอีก  สังหารกันถึงขั้นนี้แล้ว คิดจะเป็นหนึ่งเดียวกันก็คงยากยิ่ง


“สามารถใช้งานพวกเขาเป็นทาสได้ ให้ทำงานเหมือนวัวม้าได้ คนของทุกคนต้องแบ่งไว้ที่ใช้งานได้ ไม่อาจทิ้งไว้ที่ลูซอนมากไป ดังนั้นจึงต้องการชาวฮั่น ต้องให้ชาวฮั่นกับพวกเราเป็นหนึ่งเดียวกัน ให้พวกเขาทำงานได้กำไร ให้พวกเขาจับอาวุธสู้เพื่อเรา ช่วยพวกเราจับตาดูชาวพื้นเมืองไว้ กำแพงง่ายๆ ก็ต้องสร้างขึ้น อย่างน้อยต้องไม่เป็นเช่นตอนนี้ ทุกที่พักชาวฮั่นต้องสร้างป้อมปราการ สามารถต้านทาน สามารถพักอาศัย รอบเมืองท่าก็ยิ่งต้องสร้างกำแพงป้องกัน ไม่ว่าอย่างไร ชาวพื้นเมืองก็ยังมากกว่าชาวฮั่น”


ใช้กำลังชาวฮั่นรับมือชาวพื้นเมือง เพื่อรับรองได้ว่าเมืองท่ากับการค้าทางทะเลจะได้พัฒนาต่อไปได้ เรื่องนี้แต่ละคนล้วนเห็นด้วย แต่ทว่าเรื่องการก่อสร้างนับเป็นเรื่องใหญ่ ทุกคนสีหน้าเริ่มแสดงอาการลังเลสงสัย แต่กลับไม่มีผู้ใดกล้าถาม หวังทงยิ้มเอ่ยถามขึ้น


“หากให้พวกเจ้ารวบรวมชาวฮั่นทำงาน พวกที่ถือดาบต่อสู้ได้ ก็คงได้รับเงินทองเสบียงอาหารจากพวกเจ้าเล็กน้อย หลังจัดการควบคุมได้ ก็จะหักเงินใช่หรือไม่!?”


ถูกหวังทงถามขึ้นเช่นนี้ ทำเอาทุกคนอึ้งไป ก่อนจะรีบทำสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่ทว่าต่อหน้าหวังทง ไม่อาจมีอันใดปิดบัง จึงมีคนยิ้มแหะๆ กล่าวว่า


“กั๋วกงตาแหลมคมยิ่ง เป็นธรรมเนียมเช่นนี้จริง”


“พวกเจ้าหากทำเช่นนี้ ชาวฮั่นใดจะทำงานถวายชีวิตให้พวกเจ้า ผู้ใดจะทำงานให้พวกเจ้ากัน ถึงตอนนั้นเกรงว่ายังต้องไปอาศัยชาวพื้นเมือง”


“กั๋วกง หากหาคนมาทำงานจริงก็คงไม่อาจหักเงิน แต่ทว่ากั๋วกงกล่าวได้ถูกต้อง พวกข้าน้อยปกติไปมาหลายแห่ง บางครั้งก็ยังไปประจำที่แผ่นดินหมิง คนเราทำงานสกปรกไปบ้างก็ยากจะเลี่ยงได้ ผ่านการสังหารใหญ่มา ชาวพื้นเมืองล้วนควรสงบเสงี่ยม ไม่น่าต้องเป็นห่วงมากนัก!”


“เจ้าพูดได้มีเหตุผล แต่เจ้าเคยคิดไหมว่า หากพวกผิวขาวมากันอีก นอกจากพวกคนสเปน ยังมีพวกโปรตุเกส ยังมีพวกฮอลันดา ยังมีพวกอังกฤษ พวกเขาจะมายุแหย่ชาวพื้นเมืองให้ต่อต้านพวกเจ้า ถึงตอนนั้นก็เหมือนกันตอนที่เราบุกขึ้นมา พวกเขาก็จะไล่ต้อนชาวพื้นเมืองมา พวกเราจะทำอย่างไร!?”


กั๋งกงกล่าวจนคนเบื้องหน้าพากันสมองบวมอยากเป็นลม แต่ทว่าก็พอเข้าใจความหมาย คนเบื้องหน้ามีคนกล่าวว่า


“กั๋วกงกล่าวมาข้าน้อยเข้าใจ เหล่าลิ่วที่ฮกเกี้ยนมีท่าเรือส่วนตัว ปกติกดขี่โหดเหี้ยมหนักมาก ผลปรากฏทางการส่งทัพเรือมาปราบ คนที่เมืองท่าไม่เพียงแต่ไม่ช่วย กลับยังวางเพลิงเผาเรือ….”


กล่าวไม่ทันจบ ก็ถูกคนด้านหลังผลัก ได้สติจึงได้ไม่กล้าพูดต่อ  หวังทงแน่นอนไม่สนใจ กล่าวต่อว่า


“ชาวฮั่นมากันยิ่งมาก พวกเราก็ยิ่งได้ประโยชน์มาก เรื่องนี้ใช่หรือไม่?”


ชาวฮั่นมาเพาะปลูก ชาวฮั่นมาทำงาน ชาวฮั่นมาบุกเบิกเหมือง เงินทองเกาะลูซอนจึงนำมาใช้ได้เต็มที่ ทุกคนแน่นอนเข้าใจหลักการนี้


“พวกเราไม่อาจครอบครองแค่ลูซอน ยังมีบันเติน ยังมีซูลู ยังมีชวา ยังมีมะละกา ใช่หรือไม่?”


ถูกถามขึ้นเช่นนี้ ทุกคนล้วนอึ้งไป ใช่สิ  จัดการลูซอนทีเดียวพอได้อย่างไร ทะเลใต้ยังมีอีกหลายที่ พวกผีต่างชาติทำกันได้ ทำไมพวกเราจะทำบ้างไม่ได้


“กั๋วกง อย่าได้กล่าววกไปวนมาไม่กระจ่างให้เราคาดเดากัน มีอันใดท่านก็กล่าวมาเถิด พวกข้าน้อยย่อมปฏิบัติตาม!!”


ตอนที่ 1053 เรื่องเงินทอง

โดย

Ink Stone_Fantasy

แม้กล่าวว่าเจ้าทะเลและพ่อค้าใหญ่เหล่านี้ล้วนเป็นคนใหญ่คนโต  คนที่สามารถออกมาทำเรื่องร่วมมือกันสังหารวางเพลิง ก็ย่อมไม่ใช่คนที่ไม่รู้งาน หวังทงกำลังเอ่ยเรื่องวกไปวนมา พวกเขาฟังแล้วก็คันยิบๆ อยากรู้ หวังทงตะโกนถามขึ้นว่า


“พวกเจ้าทุกคนเคยไปเทียนจิน เคยไปเมืองซงเจียงไหม?”


หวังทงไม่ได้ให้คำตอบตรงๆ  กลับถามขึ้นเช่นนี้ ทุกคนหาทางดำรงชีวิตบนท้องทะเล ทำไมจะไม่เคยไปสองแห่งนี้กัน ล้วนพยักหน้า


“ธรรมเนียมทางนั้นเป็นอย่างไร ธรรมเนียมสองที่นั่นกำหนดได้ดีเรื่องหนึ่ง แต่การกำหนดธรรมเนียมมาหลายปีแล้วยังรักษาไว้ได้ สามารถแก้ไขได้ตลอด สามารถทำให้สองที่นี่รุ่งเรืองตลอดไป จึงเป็นความสามารถแท้จริง”


คนเบื้องหน้าล้วนพากันพยักหน้า สิ่งต่างๆ ที่เป็นอยู่นี้ทุกคนล้วนเห็นกัน เรื่องต่างๆ ในแผ่นดินหมิงมักเริ่มได้ดี แต่หากไม่อาจต่อเนื่องได้นาน คนต่อมาเพื่อผลประโยชน์จึงทำลายธรรมเนียมทิ้ง  และตอนนั้นธรรมเนียมใช้ได้ แต่ต่อมาอาจแข็งไป ไม่เข้ากับยุคสมัย ทำให้เป็นอุปสรรค คิดจะเปลี่ยน คำที่ใช้ได้ดีก็คือ ‘ธรรมเนียมบรรพชน’ ก็จะยันกลับไป มีเพียงเทียนจินกับเมืองซงเจียงสองแห่งที่เหมือนที่อื่น เวลาเมืองซงเจียงไม่พูดถึง แต่เทียนจินสิบกว่าปีมานี้ ธรรมเนียมเข้มงวดจริง และยังปรับเปลี่ยนได้มาก ล้วนเพื่อให้สมประโยชน์สองฝ่ายเป็นหลัก


“ในเมื่อทุกท่านล้วนเชื่อตามนี้ เช่นนั้นข้าหวังทงก็จะไม่เกรงใจแล้ว ลูซอนนี่ และเมืองท่าต่างๆ มีเพียงข้าหวังทงดูแลได้ ไม่เช่นนั้น อาจรุ่งเรืองได้สิบกว่าปี แต่ช้าเร็วย่อมล่มสลาย”


สีหน้าทุกคนแปรเปลี่ยน ในใจคิดว่าเช่นนี้ เหลียวกั๋วกงล้วนใช้วาจาแบบวงการนักเลง เรียกตนเองว่า ข้าหวังทง นี่คิดจะฮุบไว้คนเดียวหรือ?


แม้หวังทงเรือน้อยคนน้อย แต่อาศัยกำลังแข็งแกร่ง ตอนนี้กินรวบทุกคนก็ไม่ได้ยากอันใด เห็นสีหน้าพวกเขาแปรเปลี่ยนแล้ว หวังทงยิ้มกล่าวว่า


“พวกเจ้าไม่ต้องกลัว รอนแรมมากันครั้งนี้ พวกเจ้าออกแรง พี่น้องพวกเจ้าเสียเลือดเนื้อ  ข้าแน่นอนไม่กินรวบคนเดียว ไม่แบ่งทุกคนแน่ แต่เพื่อให้ที่นี่ยืนได้ยาวนาน หยาดเหงื่อและหยาดโลหิตพี่น้องเราไม่ได้เสียไปเปล่าๆ จึงต้องมีธรรมเนียมให้ทำตามกัน ความหมายข้าก็คือ พวกเราผู้ใดก็ไม่อาจครอบครองลูซอนเพียงผู้เดยว พวกเราทุกคนแบ่งสรรกันทำการค้า ทุกคนลงหุ้นกันเป็นเจ้าของ มีเรื่องทุกคนหารือ ทุกคนร่วมแรง ข้าไม่กลัวทุกคนคิดมาก การค้าก็ให้ทำตามแบบเทียนจิน ธรรมเนียมการเก็บใดก็ให้ทำตามระเบียบ พวกติดอาวุธบนฝั่งก็ล้วนให้จัดการตามแบบผู้คุ้มกันร้านค้า ทุกอย่างล้วนสะดวก ทุกคนคิดอย่างไร ?”


“นี่เหมือนเป็นความคิดของพวกตะวันตก ร้านค้าชมพูทวีปตะวันออกหรือไม่?”


ไม่รู้คนเบื้องหน้าผู้ใดพึมพำขึ้นมา หวังทงอึ้งไป เกือบหลุดหัวเราะออกมา บริษัทอินเดียตะวันออกชื่อนี้เขาเคยพอมีความจำเลือนลางอยู่บ้าง คิดไม่ถึงจะมาได้ยินตอนนี้


ทุกคนให้หวังทงเตรียมการหลัก ได้ยินหวังทงกล่าวเช่นนี้ ก็คิดแล้วพากันพยักหน้า อาศัยพวกเขาจัดการลูซอน อย่างมากก็เหมือนท่าจันทราที่ฮกเกี้ยนหรือไม่ก็ท่าเกาะน้อยที่เจ้อเจียง แต่หวังทงมาจัดการทางนี้ ก็ย่อมรุ่งเรืองเหมือนเทียนจินและซงเจียง ทุกคนล้วนสามารถออกความเห็น มีส่วนลงทุน ผลประโยชน์ย่อมไม่น้อย  ยังต้องการอันใดอีก ทุกคนล้วนไม่ใช่คนโง่ แค่คิดก็เข้าใจ การสร้างร้านค้านี้ หวังทงก็จะครองพื้นที่นี้ แต่หวังทงก็ต้องลงแรงส่งคนมาดูแล เป็นการถ่วงดุล ตนเองไม่ยอมแล้วอย่างไร อีกฝ่ายฮุบไปเลยก็ได้ ตนเองยังต้องยิ้มประจบรับ นี่ถือว่าเป็นผลที่ดีที่สุดแล้ว


“เช่นนั้นก็ตามกั๋วกงว่ามา ข้าน้อยเห็นตาม!”


มีคนหัวไวตะโกนออกมาก่อน คนที่เหลือยังจะมีความคิดเห็นต่างอันใดได้ ได้แต่เสียใจภายหลังที่ตนเองตะโกนช้ากว่า ตอนนี้ได้แต่พากันตะโกนดัง


กล่าวถึงตรงนี้ หวังทงเรียกว่าทำงานเสร็จแล้ว ร่างสัญญาไว้ล่วงหน้าแล้ว พอทุกคนอ่านแล้วก็ลงนาม ตั้งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ


สัญญานี้ก็แค่หลักฐานให้ทุกคนไว้เป็นต้นแบบ สุดท้ายยังต้องให้ทุกคนได้ออกความเห็น ตอนนี้หวังทงมีข้อได้เปรียบเด็ดขาด แน่นอนธรรมเนียมนี้ไม่มีผู้ใดกล้าฝ่าฝืน


หวังทงแน่นอนคงไม่อยู่ที่นี่ต่อ  แม้แต่มาก็ยังไม่ได้กล่าวออกไป คนคุมที่นี่ย่อมมอบให้ทางซาต้าเฉิง เดิมซาต้าเฉิงก็มีท่าเรือส่วนตัวระหว่างแผ่นดินหมิงกับประเทศวัว แต่เทียบกับลูซอนแล้วต่างกันมาก ยามนี้ไม่เหมือนวันวาน ตอนนี้เขาอยู่เทียนจินกับเมืองซงเจียงเป็นกองหลัง มีลูซอนเป็นตัวเชื่อม สามารถไปยังทะเลใต้ได้อย่างไม่ต้องกลัวผู้ใด เป็นชาวท้องทะเล  ซาต้าเฉิงรู้ความหมายนี้ดี


ชาวฮั่นลูซอนล้วนอพยพมาจากแผ่นดินหมิง โจรสลัดก็มาจากที่ต่างๆ  ไม่มีสายสัมพันธ์กัน แต่จากนี้ทุกคนล้วนอยู่ลูซอน กำลังชาวฮั่นเหล่านี้จำเป็นต้องพึ่งพา สองฝ่ายจำเป็นต้องมีสายสัมพันธ์สถานะและปกครองกัน หากไม่มีสถานะ ก็ย่อมไม่สะดวก


หวังทงคิดรับมือไว้ก่อนแล้ว ในเมื่อสู้กันแล้ว พื้นที่ลูซอนทั้งหมดย่อมตนเป็นของร้านค้าใหม่ที่จะตั้งขึ้น ชาวฮั่นที่อพยพมาใหม่ล้วนเป็นผู้เช่าจากร้านค้า ร้านค้าจะไม่เก็บค่าเช่าชาวฮั่นพวกนี้  แต่ชาวฮั่นต้องรับผิดของในแรงงานและหน้าที่ที่กำหนด เสบียงอาหารและแร่ที่ขุดมาได้ต่างๆ ก็จะให้สิทธิร้านค้าได้เลือกซื้อก่อน เป็นต้น


“พวกชาวตะวันตกกับชาวพื้นเมืองหากมารังแกสังหารชาวฮั่น พวกเรามีหน้าที่ปกป้องพวกเขา ในเมื่อรับการปกป้องเรา ก็ต้องฟังคำสั่งจากเรา”


นี่คือคำประกาศต่อชาวฮั่น ตอนนี้ชาวฮั่นไม่กี่พันเท่านั้น แต่คิดว่าวันหน้าย่อมต้องเพิ่มมากยิ่งขึ้น เจ้าทะเลกับผู้มีอิทธิพลใหญ่ล้วนทรงอิทธิพลอำนาจในแผ่นดินหมิง คิดจะตรวจสอบราษฎรยากจนที่อพยพมาก็ง่ายมาก แม้พวกเขาไม่ออกหน้าจัดการเรื่องพวกนี้เอง ทุกปีก็ย่อมมีชาวฮั่นมาทะเลใต้ ที่พวกเขาทำก็แค่เข้าร่วมเองก็เท่านั้น


ทุกคนได้รับเงินทองมากมายจากลูซอน นอกจากบางอย่างที่ไม่อาจเปลี่ยนได้ในเวลาอันสั้นแล้ว ไม่น้อยล้วนส่งมอบให้หวังทง เป็นเงินมอบให้หวังทงเพื่อซื้อเรือและปืนใหญ่ โจมตีลูซอนครั้งนี้ พวกเขาได้เห็นความร้ายกาจของเรือใหญ่แบบตะวันตกกับปืนใหญ่  จึงต้องเปลี่ยนไปติดอาวุธกัน


มีคนมาหาหวังทงเอง เจรจาว่าบันเตินกับซูลูตนเองคุ้นเคยดี หากกั๋วกงสนใจ พวกเขายอมนำไปเตรียมตัวก่อน


คำเดียวไม่อาจกินตัวอวบอ้วนได้ ทางนี้แน่นอนต้องปล่อยไปก่อน  ต้องจัดการลูซอนให้มั่นคงแน่นหนาก่อน อาณานิคมสเปนถูกชาวฮั่นยึดไป ทัพใหญ่พวกเขา ไม่ก็อยู่ในยุโรป ไม่ก็อยู่ในละตินอเมริกา หลายหมื่นอยู่ไกลไม่อาจมาได้ง่ายๆ แต่ทวีปแอฟริกากับอาหรับก็มีทหารรับจ้างอาจบุกมาโจมตีคืนก็ได้ บางทีอาจต้องการต่อสู้อีกหลายครั้งกว่าจะปักหลักให้มั่นคงได้


หวังทงทิ้งเรือปืนใหญ่สองลำกับทหารเก่าสี่ร้อยเอาไว้ที่นี่ สำหรับทหารเก่าที่มาจากกองกำลังหู่เวยนั้น หวังทงให้เงินทองและเกียรติยศแก่พวกเขายามอยู่แผ่นดินหมิงได้ แต่ที่ลูซอน พวกเขาเป็นคนมาตรฐานเหนือคนทั่วไป ลูกหลานจากนี้จะมากอำนาจวาสนาที่นี่


ระบบเครือข่ายร้านสามธาราก็จะส่งคนมา และยังมีทหารเก่าจากกองกำลังหู่เวยตามมากันอีกมาก มาเติมเต็มลูซอนแห่งนี้ให้สมบูรณ์ กลายเป็นอาณานิคมสมคำร่ำลือ  พวกชาวฮั่นที่มาไม่ว่ายินยอมพร้อมใจหรือไม่ก็ตาม พวกเขาล้วนถูกฝึกให้เป็นราษฎรทหาร เป็นคนงานหลากหลายสาขาอาชีพ กลายเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนอาณานิคมนี้


เส้นทางขากลับ มีเรือสองลำบรรทุกชาวพื้นเมืองโดยเฉพาะ มีสตรีอายุน้อยและเด็กหญิง  หลายคนอยากจับกลับไปขายอย่างมาก แต่ชาวพื้นเมืองในสายตาชาวฮั่นไม่ได้แปลกไปกว่าสัตว์ประหลาดเท่าไร กอปรกับพวกเขาใช้ชีวิตกันแบบดั้งเดิม ลำบากมาก  คิดอยากจะหาหน้าตาดีๆ หลุดจากพวกไปขายแผ่นดินหมิงได้ก็ยาก เรือสองลำนี้เป็นพวกที่พยายามเฟ้นหาออกมาแล้ว


**************


เดือนสอง ปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 18 แล้ว กองเรือใหญ่เพียงนี้ แน่นอนไม่อาจเดินทางไปพร้อมกัน บ้างก็ไปขายที่ฮกเกี้ยนกับกวางตุ้ง  ตรงไปขายโดยตรง ยังมีพวกที่เอาไปขายเจ้อเจียงได้ก็ไปขายที่เจ้อเจียง ส่วนสินค้าอื่นและทาสก็นำไปส่งที่เมืองซงเจียง


หวังทงตอนนี้ไม่อยู่เมืองซงเจียงถึงต้นเดือนสามแล้ว  ทุกคนล้วนไม่ได้คนโง่ หายตัวไปหลายเดือน ย่อมไม่ได้ไปชมทิวทัศน์ดูแลสุขภาพบนเกาะอันใด ฤดูหนาวบนท้องทะเลไม่ใช่เรื่องสบาย แต่สำหรับขุนนางทางการแล้ว พวกเขาเพียงแค่เอามาอ้างเท่านั้น


สำหรับขุนนางทางการแล้ว เหลียวกั๋วกงหวังทงไม่ใช่ว่าหายตัวไปเฉยๆ แต่ไปยังเกาะกลางทะเลเพื่อพักผ่อนสองสามเดือน ก็เพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปสืบอันใด ไม่จำเป็นต้องรู้มาก ไม่เช่นนั้นอาจนำภัยมาสู่ตัวได้


อยู่ๆ ตอนนี้ในตลาดมีสตรีและเด็กหญิงท้องถิ่นลูซอนมาขาย ไม่ได้สร้างกระแสใด เพียงแค่บ้านคนมีเงินซื้อหาไปเพื่อเป็นของแปลกใหม่เท่านั้น


ของเหล่านี้ดูแล้ว ทุกคนก็ล้วนคาดเดาได้ แม้เรื่องพวกนี้เหนือความคาดหมายของบรรดาขุนนางและชนชั้นสูงแผ่นดินหมิง แต่หวังทงแต่ไรทำอะไรก็เป็นเช่นนี้  มีความเป็นไปได้หลายส่วน


พอกลับถึงเมืองซงเจียง เรื่องที่หวังทงทิ้งค้างไว้มีมากมาย เอกสารเมืองซงเจียงกับเทียนจินมากันมาก ในนั้นมีเรื่องหนึ่ง ร้านเครือข่ายสามธาราตอนนี้บนทุ่งหญ้า  นอกด่านและบนท้องทะเล ตามมณฑลต่างๆ ในแผ่นดินหมิงแต่ละแห่งล้วนทำกำไรมาก ล้วนเป็นกำไรมหาศาล ภูเขาเงินทะเลทองคำไหลเข้า  แต่สีทองคำไม่เหมือนกัน แต่ละคนคิดแลกเปลี่ยนกัน สีสันไม่เหมือนก็ย่อมยุ่งยาก


การค้านับวันยิ่งขยายใหญ่โต เครือข่ายสามธารายังไปทั้งเหนือใต้ออกตก และแม้แต่ทะเล การขนส่งเงินทองก็นับวันยิ่งมาก เดิมทีก็มีความยุ่งยากอยู่แล้ว ผู้คุ้มกันเครือข่ายสามธาราแม้มีฝีมือดี แต่ผู้ใดก็ไม่กล้ารับประกันว่าทุกครั้งจะปลอดภัย


ในการนี้ยังคงมีอันตรายไม่น้อย


            ยามเจรจาการค้าทุกนาทีล้วนมีกำไร  แต่ไม่ใช่ทุกครั้งทุกแห่งจะมีเงินทองจ่ายทัน ความเสียหายเช่นนี้ ไม่คุ้มเลยจริง ๆ


นอกจากนี้การแลกเปลี่ยนเงินกันเป็นเรื่องยุ่งยาก สีสันแตกต่าง อัตราการหักก็ไม่เท่ากัน จึงมีความเสียหายไปบางส่วน ทำให้เกิดช่องโหว่


ในโลกอดีตนั้น หวังทงเข้าใจเรื่องการเงินและเศรษฐกิจมาก ในโลกนี้ความรู้ที่ติดตัวมาส่วนใหญ่ใช้ไม่ได้ แต่ในเรื่องนี้ มีประโยชน์ใหญ่อยู่


ความรู้เหล่านี้ล้วนเตรียมใช้ยามเศรษฐกิจรุ่งเรือง  ที่พบตอนนี้ก็เป็นเพียงแค่สภาพเริ่มต้นเท่านั้น  เคยมีคำอธิบายในเรื่องพวกนี้หลากหลายโดยเฉพาะ


ในเรื่องเงินทองจำนวนมากไม่สะดวกนำติดตัวไปและทำให้เกิดปัญหาไม่สะดวกต่างๆ ตามมานั้นสามารถใช้ตั๋วเงินได้ ตอนนี้เครือข่ายสามธาราก็มีเครือข่าวทั่วแผ่นดินหมิงเพียงพอ  สะสมเงินทองได้เพียงพอ แต่ละด้านก็ล้วนเชี่ยวชาญ และยังเคยมีตัวอย่างมาก่อน


ความจริงนั้น ระหว่างเมืองหลวงและเทียนจิน ยังมีเหนือกับใต้  เงินทองจำนวนมากขนย้ายไปมาและเข้าออกล้วนไม่สะดวกมากมาย การส่งเงินไปมาเมืองหลวงและเทียนจิน และตอนเหนือกับแดนใต้หลายเมือง ร้านสามธาราล้วนให้ร้านสาขาเปิดตั๋วเงินไปมาระหว่างกัน กลางปีก็จะคิดบัญชีกัน ถึงตอนนั้นก็ค่อยใช้เรือหรือรถม้าขนทีเดียว


เพราะเครือข่ายสามธาราครอบคลุมใหญ่เพียงพอ ความน่าเชื่อถือมีมาก ชนชั้นสูงเมืองหลวงและพ่อค้าใหญ่ทางเหนือตอนเบิกเงินก้อนโต ล้วนขอให้เครือข่ายสามธาราช่วย จากนั้นก็จ่ายค่าใช้จ่ายเป็นอัตราส่วน  เรื่องอื่นไม่พูดถึง ตอนนี้ขุนนางเมืองหลวงไปซานซีกับเหลียวหนิงรับตำแหน่ง เมืองหลวงกับนอกด่าน นอกด่านมีเงินทองขนมา ล้วนให้ร้านเครือข่ายสามธาราดำเนินการ


ก็หมายความว่า เครือข่ายสามธาราเหมือนเป็นดังธนาคารแล้ว และเป็นธนาคารของทั้งแผ่นดินหมิง หวังทงตอนนั้นทำกิจการร้านเงินไม่ได้คิดใหญ่เพียงนี้ แม้ว่าเรียกว่าร้านเงินสามธารา  แต่คิดไม่ถึงจะมีสภาพใหญ่โตเช่นวันนี้


ก็แค่ทำให้ธรรมเนียมที่มีอยู่ให้มีระบบยิ่งขึ้น  จากนั้นก็เปิดใช้ตั๋วแลกเงินเครือข่ายสามธาราอย่างเป็นทางการ นี่เป็นเรื่องที่ดำเนินไปตามที่ควรเป็น


หวังทงเปลี่ยนร้านเงินสามธาราเป็นธนาคารสามธารา  รับหน้าที่รวบรวมเงินเครือข่ายสามธาราทั้งหมด จากนั้นเปิดเป็นตั๋วเงิน  ให้ทำหน้าที่ไหลเวียนในตลาด  การตั้งองค์กรนี้ก็เท่ากับคุมเครือข่ายสามธาราไว้ทั้งหมด อย่างไรก็เป็นพื้นฐานเก็บสะสมและไหลเวียนเงินทอง


แต่ทว่าหน้าที่เหล่านี้ ร้านสามธารากับร้านประกันภัยเดิมดำเนินการอยู่ ไม่จำเป็นต้องสร้างอีกองค์กรขึ้นมา นี่ทำให้เกิดคำถามที่สองขึ้น  เงินทองสีไม่เหมือนกัน แลกเปลี่ยนกันก็มีความซับซ้อน  เสียหายกันมาก เรื่องนี้เป็นปัญหาที่ซ่อนอยู่มานาน เป็นเพราะแผ่นดินหมิงมีกำลังผลิตเงินก้อนไม่พอ


ตอนนี้ที่ไหลเวียนใช้ในตลาดเป็นก้อนเงินหย่งเล่อ  แต่ที่เหลวไหลก็คือ ตอนนี้เงินก้อนหย่งเล่อที่ไหลเวียนในตลาดรวมทั้งประเทศวัวกับทะเลใต้ จำนวนรวมเกือบเท่ากับหลายสิบเท่าของจำนวนเงินที่ผลิตในครั้งแรกของทางการ และส่วนใหญ่ล้วนเป็นประเทศวัวผลิต  ยิ่งเหลวไหลก็คือ เงินทางการแผ่นดินหมิงผลิตคุณภาพไม่อาจสู้ก้อนเงินผลิตจากความร่วมมือของประเทศวัวกับบรรดาเจ้าทะเลแผ่นดินหมิงได้ ที่ใช้กันทั่วไปในตลาดกลับเป็นเงินที่ผลิตกันเองเสียมาก


คุณภาพก้อนเงินไม่ดีนี่เป็นปัญหาใหญ่ สีไม่เหมือนกันก็เป็นอีกปัญหาใหญ่  เงินเหรียญทองแดงแม้ว่าเอาเทียบราคาของได้ แต่ตอนนี้ยังคงค่าตามแต่อดีตมาก็ไม่สะดวก ต้องเปลี่ยนค่าเงินเหรียญทองแดง  ใช่ว่าเป็นเรื่องยุ่งยากยิ่งหรอกหรือ ตั๋วเงินไปมา สุดท้ายก็ต้องแลกเป็นก้อนเงินก้อนทอง


วิธีที่จะรับมือได้ก็คือผลิตก้อนเงิน ผลิตเงินก้อนทองก้อน หวังทงตอนนี้มีระบบเครื่องจักรน้ำที่ดีแล้ว การทำเงินก้อนก็ไม่ใช่ปัญหา ภูเขาเงินทะเลทองคำเครือข่ายสามธาราจึงได้เตรียมทองไว้พอแล้ว ปัจจัยทุกอย่างล้วนพร้อมแล้ว แต่ทว่าการผลิตเงินก้อนเป็นเรื่องของราชสำนัก หวังทงเป็นถึงกั๋วกงจะทำผิดกฎหมายได้อย่างไร อย่างไรก็ต้องหาหนทาง


ตอนที่ 1054 ประโยชน์แผ่นดิน

Ink Stone_Fantasy

ผลิตเงินเหรียญเป็นสัญลักษณ์ของการเป็นประเทศมหาอำนาจ แน่นอนมีเพียงราชสำนักทำได้ แม้เรื่องผลิตเงินเหรียญนี้ราชสำนักแผ่นดินหมิงทำได้ไม่มาตรฐานนักก็ตาม


เครือข่ายสามธาราคิดทำเรื่องเดียวกัน ก็ง่ายที่จะถูกคนจับผิดหาเรื่องให้เป็นความผิดได้ ดังนั้นต้องคิดหาทาง  หาวิธีการอ้อมไปมาให้ไม่อาจจับได้


แรกสุด คำว่า ‘เงินเหรียญ’ ก็ไม่อาจใช้ได้ เรื่องนี้คิดง่ายมาก หวังทงเริ่มคิดใช้คำว่า ‘เงินเหลี่ยง’ แปลว่าตำลึง  มีราคาครึ่งตำลึง หนึ่งตำลึง ห้าตำลึง และสิบตำลึง และยังมีทองคำสองตำลึงทอง ห้าตำลึงทองและสิบตำลึงทอง


หน่วยน้ำหนักมีเฉียน เหลี่ยง และจิน[1] ที่ใช้กันทั่วไป  แต่ทว่าทั้งแผ่นดินหมิงแต่ละมณฑลมีค่าคำนวณต่างกัน ถึงกับใช้หลักการคิดไม่เหมือนกัน  มีความแตกต่างมากมายไม่เป็นไปตาม ‘เหลี่ยง’ และ ‘จิน’ หากที่ทำให้คนยิ้มก็ไม่ออก ร้องไห้ก็ไม่ได้ก็คือท้องพระคลังในวังกับกรมอากร สองหน่วยงานคิดคำนวณยังไม่เหมือนกัน


แน่นอนผู้ใดล้วนเข้าใจหลักการ หน่วยคำนวณยิ่งต่าง คนทำงานก็มีโอกาสลงมือยิ่งมาก แต่หวังทงไม่อาจทำเช่นนี้  หน่วยแลกเปลี่ยนกับเงินเหรียญที่ทางการกำหนดล้วนตายตัว แต่ก็ยังมีช่องโหว่อยู่มาก


ตอนนี้เพราะเทียนจินกับเมืองซงเจียงรุ่งเรือง ยังมีการค้นขนส่งร้านค้าตอนเหนือหลายแห่ง เงินทองจำนวนมากไหลทะลักเข้าแผ่นดินหมิง ความจริงนั้นราคาเงินทองพวกนี้ลดฮวบเรื่อยๆ หากยังต้องทำตามอัตราอีก ก็เรียกได้ว่าเป็นเรื่องน่าขันแล้ว


หวังทงกำหนดระบบคำนวณก่อนอันดับแรก จากนั้นก็ใช้ระบบนี้เป็นฐาน เริ่มผลิตเงินเหรียญ ที่อื่นไม่สนใจ แต่ระบบเครือข่ายสามธาราย่อมกำหนดเป็นเอกภาพ


โรงช่างเทียนจินเป็นโรงงานทำงานด้วยเครื่องจักรพลังน้ำอันดับหนึ่งในแผ่นดินหมิง หลายปีมานี้ ช่างแผ่นดินหมิงมากมายไม่ว่ายอมหรือไม่ก็ตาม ล้วนรับวิธีการตะวันตกนี้ ล้วนกำหนดเป็นแบบแผน เคยชินกับธรรมเนียมต่างๆ ยังมีค่าตอบแทนที่เครือข่ายสามธาราให้เพียงพออีก ช่างแผ่นดินหมิงที่ฉลาดก็ย่อมเกิดขึ้นมากมาย  กลายเป็นกำลังผลิตที่ผลิตงานออกมาได้มาก


ตอนนี้เครื่องจักรพลังน้ำปรับปรุงได้ดีกว่าเมื่อสิบปีก่อนแล้ว ไม่ว่าจากโครงสร้างหรือรายละเอียด เรือการค้าโปรตุเกสกับฮอลันดาไปมาระหว่างแผ่นดินหมิงกับยุโรป ค้าขายร่ำรวยได้เพราะเทียนจิน พวกเขาเองได้รับภารกิจในการนำเครื่องจักรในยุโรปและความรู้ต่างๆ มายังแผ่นดินหมิงตลอดเวลา หลายปีมานี้ มีช่างยุโรปไม่น้อยมาจากยุโรป แต่ละประเทศในยุโรปกำลังทำสงครามกัน เป็นโอกาสให้ตะวันออกได้รับประโยชน์ใหญ่ ไม่ว่าอาหรับ ชมพูทวีปหรือทะเลใต้ล้วนล้าหลังยิ่ง แต่แผ่นดินหมิง กลับก้าวหน้ายิ่ง เกินหน้าระดับพวกยุโรป


ตามคำพูดของช่างและคนเรือที่เดินทางมานั้น ตอนนี้การผลิตที่เทียนจิน เทคนิคเรียกได้ว่าก้าวไกลไปกว่ายุโรป


และด้วยพื้นฐานเทคนิคพวกนี้ การผลิตเงินเหรียญจึงสามารถดำเนินการได้ เงินเหรียญต้องมีขอบนูนขึ้น ตรงกลางมีอักษรจีนมาตรฐานเขียนว่า ‘สามธารา’ กับอักษรตัวเลขค่าเงินด้วยอักษรจีนตัวเต็ม ด้านหลังมีอักษรสี่คำความว่า ‘ภักดีตอบแทนแผ่นดิน’  และเลขอารบิกที่ว่าหวังทงออกแบบขึ้นมาเอง


เนื่องจากใช้กันในร้านสามธารา ดังนั้นตัวอักษรไม่จำเป็นต้องซับซ้อนมาก  พยายามให้อักษรชัดที่สุด น้ำหนักให้เท่ากันก็พอ


เงินเหรียญทองกับเงินเหรียญ เงินเหรียญเงินกับเงินเหรียญเงินแลกเปลี่ยนกันยังดี หากระหว่างเงินกับทอง หรือทองแดงแล้ว ในตอนนี้ แต่ละเดือนล้วนต่างกัน อย่างไรก็ต้องกำหนดค่าภายในเครือข่ายสามธารา และประกาศออกไปตามเวลาเป็นระยะ


ใต้หล้าแลกเปลี่ยนเงินกันในตอนนี้ ก็มีแค่เมืองหลวงและเทียนจินกับแดนใต้ ที่เทียนจินกับเมืองซงเจียงสองแห่งนี้เป็นพื้นที่เจ้าทะเล


ค่าเทียบสองแห่งเปลี่ยนแปลงเป็นที่รับรู้แล้ว ก็กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนให้แม่นยำ เป็นมาตรฐานตามร้านสามธารา


แต่ทว่าระหว่างเทียนจินกับเมืองซงเจียงห่างกันพันลี้ ข่าวไปถึงไวนั้นไม่ง่ายนัก หวังทงใช้วิธีการง่ายๆ ในเรื่องนี้ ก็คือจากเทียนจินถึงเมืองซงเจียง ตลอดทางให้มีร้านพักแรมสามธารา ส่งข่าวเร็วด่วน แต่ละแห่งห่างกันยี่สิบสามสิบลี้ ที่พักแรมมีม้า ข่าวก็ย่อมถ่ายทอดไปตามที่พักแรมต่อๆ กันเป็นทอดไม่หยุดตลอดวันตลอดคืน หากระหว่างทางไม่มีเรื่องเภทภัยใด สิบวันก็ย่อมมาถึง


ตลอดทางมีที่พักระหว่างทางมาก ก็ต้องการคนมาก ต้องเลี้ยงม้าไว้มาก เงินและอาหารม้าย่อมสิ้นเปลืองมาก แต่ตอนนี้เครือข่ายสามธารากิจการใหญ่โต สิ้นเปลืองแค่นี้เทียบกับความเสียหายแล้ว เรียกได้ว่าไม่กระไรนัก


 เครื่องจักรและโรงงานผลิตเงินเหรียญล้วนต้องเตรียมการใหม่ ส่วนใหญ่ล้วนมาจากเทียนจิน เรื่องนี้มีความสำคัญมาก เพื่อป้องกันความเสี่ยง หวังทงต้องใช้คนสนิทตนมาดูแลเองใกล้ชิด


ไม่ว่าอย่างไร การผลิตเงินเหรียญครั้งนี้ล้วนต้องขาดทุนไปก่อน นับดูแล้วต้องลงเงินไปก่อนไม่น้อย ตอนเครือข่ายสามธาราส่งจดหมายมา ก็เอ่ยถึงว่าวิธีการใช้ตั๋วแลกเงินก็สามารถแก้ปัญหานี้ได้ในวงกว้าง แต่ทว่าหวังทงยังคงยอมเปลืองเงินเปลืองแรงผลิตเงินเหรียญ


ผลิตเงินเหรียญเรื่องนี้มีความสำคัญยิ่งใหญ่ ด้วยการขยายตัวทางเศรษฐกิจหลังเทียนจินเปิดทะเล ขนาดเศรษฐกิจขยายอิทธิพลอย่างรวดเร็ว  เงินเหรียญที่เจ้าทะเลกับประเทศวัวแอบผลิตไม่อาจเพียงพอกับความต้องการ แน่นอนการกล่าวเช่นนี้เป็นการเสียดสีอย่างมาก


หวังทงผลิตเงินเหรียญแม้บอกกับคนนอกว่าเป็นเพียงไว้ใช้กันในเครือข่ายสามธารา เพื่อให้ตนเองสะดวก  แต่สถานการณ์ตอนนี้ พอเขาเริ่มทำ  เงินเหรียญที่มีน้ำหนักและสีสันมาตรฐานก็ย่อมกลายเป็นเงินที่เป็นที่ยอมรับและใช้กันทั่วไป เครือข่ายสามธาราอยู่ทั่วทุกแห่ง  ใต้หล้าคนไม่น้อยรู้ว่าสามารถอาศัยเครือข่ายนี้ร่ำรวยและทำมาหากิน พวกเขาก็ย่อมต้องทำตัวให้ชินกับเงินมาตรฐานนี้


สามารถทำนายอนาคตได้ว่า อีกไม่ถึงร้อยปี อาจะแค่สิบหรือยี่สิบปี ถึงกับอาจสั้นกว่านั้น แผ่นดินหมิงระดับเมืองย่อมใช้เงินเช่นนี้กันทั่วไป วงการค้าและคนรวยต่างก็ย่อมชินกับเงินนี้ เพราะเทียบกับเงินทองแดงที่พวกเขาใช้ตอนนี้แล้วสะดวกกว่ามาก


ทำได้ตามนี้ ก็เท่ากับคุมระบบการเงินแผ่นดินหมิงได้ เท่ากับคุมโครงสร้างการค้าแผ่นดินหมิงระดับสูงไว้ได้ เครือข่ายสามธาราเดิมทีก็มีข้อได้เปรียบมากกว่าผู้ใดบนแผ่นดินหมิงแล้ว หากยังมีระบบเงินนี้อีก นั่นหมายความว่าอันใด ไม่กล่าวก็ย่อมกระจ่างใจ


และสามารถทำเช่นนี้ได้ ขุนนางบุ๋นราชสำนักและขันทีฝ่ายในยังไม่อาจคิดระแวงสงสัย พวกเขาไม่มีความรู้เรื่องพวกนี้ ถึงกับกล่าวได้ว่า พวกเขาไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ พวกเขาเดิมก็ไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ หากพวกเขาเข้าใจ ถึงตอนนี้คงไม่ขาดแคลนเงินเหรียญเช่นนี้  ปล่อยให้มีเส้นทางเงินเหรียญที่ไม่ได้ผลิตจากทางการเกิดขึ้น ขอกล่าวเสริมอีกว่า เงินเหรียญผลิตเองนี้ถึงกับดีกว่าทางการอีก


ในรายละเอียดพวกนี้ เรื่องคุมการเงินแผ่นดินหมิง คุมโครงสร้างการค้าระดับบนของแผ่นดินหมิง ล้วนเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง การผลิตเงินเหรียญในระยะยาวแล้วมีกำไรอย่างมาก


เงินเหรียญครึ่งเหลี่ยง หนึ่งเหลี่ยงไปถึงเหรียญทองสิบเหลี่ยง ทำเงินเหรียญเหล่านี้ให้มีค่าน่าเชื่อถือแล้ว ค่าของตัวเงินเหรียญตามน้ำหนักก็จะค่อยๆ หายไป เริ่มมองไปยังตัวเลขที่เขียนไว้บนนั้นเอง ก็หมายความว่า ความน่าเชื่อถือเกิดขึ้น เงินทองใช่ว่าได้น้ำหนักตามที่ผลิต  สามารถเติมแร่โลหะอื่นลงไปผสมได้ แต่มีความน่าเชื่อถือเครือข่ายสามธารารับประกัน  แม้ทองห้าเหลี่ยงมีน้ำหนักสามเหลี่ยง เขาก็ย่อมใช้เสมือนห้าเหลี่ยงในการแลกเปลี่ยน ความแตกต่างนี้ทำให้ธนาคารสามธาราผลิตเงินเหรียญออกมาได้อีกมากมายตั้งเท่าไร รวมกันเข้าก็ย่อมมาก


สำหรับการสร้างความน่าเชื่อถือนั้น เรื่องนี้สำหรับเครือข่ายสามธาราไม่ใช่ปัญหา เงินทองในมือมากเกินยิ่งกว่ามาก พอจะรับมือกับระดับแลกเปลี่ยนได้


เหล่านี้ล้วนไม่อาจทำได้ในเวลาสั้นๆ อาจทำได้ในปีหรือสองปีก็เรียกว่าโชคดีแล้ว แต่ทว่าตั๋วเงินสามารถใช้ไปก่อนได้ เป็นการแลกเปลี่ยนที่ง่ายๆ


ธนาคารสามธาราสาขาหลักตั้งที่เมืองซงเจียงข้างจวนเหลียวกั๋วกง คนในเครือข่ายสามธาราล้วนชินกับการเรียกว่าสามธาราสาขาหลัก  เรียกเช่นนี้ง่ายมาก และยังแสดงให้เห็นสถานะธนาคารสามธารานี้ จากเดิมร้านค้า ร้านเงิน ร้านประกันภัย โรงช่าง โรงต่อเรือสามธารา กิจการพวกนี้ที่เป็นเอกเทศก็หยุดลง จากนั้นให้ธนาคารสามธาราสาขาหลักดูแลรวม  เป็นสาขาหลักที่เรียกว่าสมศักดิ์ศรี


***************


ข่าวเมืองหลวงมีมามากมาย ที่ทำให้หวังทงสนใจที่สุดก็คือ ฮ่องเต้ว่านลี่เปิดลานฝึกหู่เวยอีกครั้ง ทุกอย่างล้วนทำตามที่หวังทงตอนนั้นวางแบบไว้ ให้เมืองเซวียนฝู่และเมืองจี้โจวคัดเลือกลูกหลานขุนพลทหารมาร่วมฝึกกับโอรสสวรรค์


แต่ยามนี้ไม่เหมือนตอนนั้น ฮ่องเต้ว่านลี่ไม่ได้มีเวลาไปฝึกร่วมมากนัก  เพียงไปแค่ตอนเปิดครั้งเดียว สองสามวันไปที นับเป็นการเชื่อมสายสัมพันธ์ เดาว่าหลังจบการศึกษาก็จะไปอีกครั้ง


ครูฝึกนั้น ก็ย่อมมีขุนนางบู๊ฝ่ายในและขันทีในวังฝ่ายบู๊เป็นตัวเลือกแรก แต่ทว่ากำลังกองกำลังหู่เวยใต้หล้าเป็นหนึ่งไม่มีสอง แน่นอนไม่ปล่อยไป ว่ากันว่าหานกัง  หลี่หู่โถว หม่าซานเปียวล้วนถูกเลือกให้มาเป็นครูฝึก ผลัดกันมาสอน


เดาว่าหลังเด็กหนุ่มเหล่านี้เรียนจบ ก็จะถูกส่งไปประจำยังกองกำลังวังหลวงและฝ่ายในและกองกำลังหู่เวย  แต่การฝึกเช่นนี้ การปฏิสัมพันธ์เช่นนี้ ฮ่องเต้ว่านลี่จะคว้าใจทุกคนไว้ได้ไหม พูดยากอยู่


กองกำลังหู่เวยแต่ละหน่วยล้วนส่งออกไปตามที่หวังทงจัดการให้ก่อนจากไป แต่ละหน่วยไปยังที่ต่างๆ  ขยายตัวต่อ จากนั้นก็ปรับระบบเมืองชายแดน เหลือทหารสังกัดขุนพลทหารที่เก่งกาจไว้  ที่เหลือให้เป็นราษฎร ให้พวกเขาเป็นแรงงานรับใช้ขุนพลทหารตามหลักการ


นโยบายนี้ทำให้คนระดับสูงเมืองชายแดนได้ผลประโยชน์มาก  นับเป็นการปฎิรูปกองทัพที่ไม่ก่อให้เกิดการต่อต้าน แต่มีคนได้ก็มีคนเสีย คนสายบู๊ไม่อาจทนรับได้ เสียเปรียบอย่างไรก็ต้องก่อเรื่อง การก่อเรื่องเช่นนี้หากเป็นเมื่อก่อน ส่วนใหญ่ย่อมก่อการในพื้นที่ ก่อการให้วุ่นวายมากยิ่งดี ไม่เช่นนั้นก็สมคบกับพวกชายแดน สมคบพวกนอกด่านเป็นภัยต่อแผ่นดินหมิง


แต่สถานการณ์ตอนนี้ คิดจะสมคบผู้ใดย่อมไม่อาจทำได้ บนทุ่งหญ้าไหนเลยจะมีพวกนอกด่าน กลายเป็นแผ่นดินหมิงไปหมดแล้ว ดังนั้นล้วนก่อการกันในพื้นที่วุ่นวายไปทั่ว   ผู้ว่าการมณฑลเดิมไม่ค่อยชำนาญเรื่องการจัดการปฏิรูปเมืองชายแดนของหวังทงนัก พวกเขาเองได้ผลประโยชน์จากเมืองชายแดนตอนนี้มาก พอปฏิรูป ขุนพลผู้บัญชาการนับว่ายังดี แต่พวกเขาก็ได้ลดลงไม่น้อย จะไปยอมได้อย่างไร  พอเห็นสภาพการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น จึงพากันยื่นฎีกา พริบตาก็ก่อให้เกิดความแตกตื่นตกใจ


หวังทงเดาเรื่องนี้ได้อยู่  ไม่เช่นนั้นเขาย่อมไม่วางใจไป ‘พักผ่อน’ ที่เกาะนานหลายเดือน  เรื่องราวแสดงให้เห็นแล้วว่าที่เขาวิเคราะห์ไม่ผิด


ลี่เทาที่ส่านซี ถานปิงที่ซานซี ซุนซิงที่หนิงเซี่ย พ่อค้าซานซีอิทธิพลอำนาจมาก สายสัมพันธ์มากมายกับพ่อค้าในเมืองชายแดน  พวกก่อการไม่ต้องรอให้ทางการส่งทหารมาปราบ ตนเองก็แตกพ่ายไปก่อนแล้ว ไม่งั้นก็ถูกพ่อค้าใหญ่ในพื้นที่รวมกำลังหน่วยต่อสู้มาปราบราบ ไม่มีโอกาสขยายตัวใหญ่ สำหรับหนิงเซี่ย  ในพื้นที่หนิงเซี่ยใหญ่สุดก็คือของตระกูลปัว ตระกูลปัวตอนนี้ล้วนย้ายไปเมืองกุยฮว่าเฉิงแล้ว คนที่เหลือก็ไม่อาจออกหน้าออกตา มีสองแห่งก่อเรื่อง หนึ่งถูกซุนซิงนำทหารไปปราบ อีกแห่งถูกพ่อค้ากำราบเอง ผู้คุ้มกันการค้าเข้าจัดการได้


ที่ค่อนข้างยุ่งยากเหมือนเป็นทางลี่เทา เรียกว่าส่านซีสามชายแดน แผ่นดินหมิงมีเก้าชายแดน  ส่านซีเองก็มีถึงสามชายแดนแล้ว กู้หยวน เหยียนสุยกับอวี้หลิน ส่านซีถูกรวมเป็นหนึ่ง อิทธิพลอำนาจวุ่นวายทับซ้อนกัน เพราะเรื่องนี้ทำให้เกิดแรงกระเพื่อมไม่น้อย


เทียบกับซานซีและหนิงเซี่ยแล้ว  ลี่เทาอยู่ส่านซีได้รับการช่วยเหลือน้อยมาก  ยากลำบากทุกด้าน แต่ทว่าตอนนั้นมอบส่านซีให้ลี่เทาไปไม่ใช่ไม่มีเหตุผล ลี่เทาแม้อายุไม่มาก แต่ทำงานแล้วโหดเหี้ยมอยู่มาก เขานำกำลังกองเก่งกล้ากองกำลังหู่เวย


ในเวลาคับขัน เขานำกำลังไปยังกำแพงเมืองสิบวัน รบสี่ทิศต่อเนื่องปราบได้หมด ตัดหัวไปได้สามพันกว่า กวาดป้อมค่ายอีก 20 กว่า ชาวบ้านในป้อมค่ายถูกนำเข้าด่าน พริบตาสถานการณ์ส่านซีก็สงบ ส่านซีสงบมานานไป อย่างไรก็ไม่เคยเห็นคนตายมากเพียงนี้ หลั่งเลือดมากเพียงนี้ ทุกคนล้วนเหน็บหนาวใจ  พากันสงบลง


หวังทงแอบวิเคราะห์ลี่เทาไว้ว่า ลี่เทาเป็นขุนพลทหารกองกำลังหู่เวยที่เลือดเย็นที่สุดคนหนึ่ง และการแสวงหาอำนาจนั้นก็เป็นอะไรที่คนอื่นเทียบไม่ติด กว่าจะมีโอกาสได้ครองเมืองหนึ่ง เขาย่อมไม่ปล่อยโอกาสนี้ให้พังในมือตน


แต่ส่านซีเทียบกับที่อื่นแล้วเรียกได้ว่าใหญ่กว่ามาก สถานการณ์ซับซ้อนกว่ามาก แต่การแบ่งเป็นสามหน่วยตอนนี้เหมือนไม่เหมาะนัก ราชสำนักมีข่าวเล็ดรอดมาว่าคิดให้กองกำลังส่านซีแบ่งออกเป็นสี่หน่วย


เหลียวหนิงเริ่มเปิดตัว แต่ทว่าที่มีความเห็นต่อเหลียวหนิงมากที่สุดกลับเป็นขุนนางเหอหนานกับหูกว่าง ถกเถียงกันนานสามเดือนกว่า เหลียวหนิงกับเขตปกครองเหนือ เมืองหลวงและเทียนจิน เป็นฝ่ายเดียวกัน เหอหนานกับหูกว่างเป็นฝ่ายเดียวกัน  ซานตงค่อนไปทางเหอหนานและหูกว่าง


สาเหตุก็ง่ายมา เหลียวหนิงบุกเบิกพื้นที่ ราษฎรที่รับมาอยู่ส่วนใหญ่เป็นราษฎรยากจนจากสองแห่งนี้ จากซานตงก็ไม่น้อย


หากเป็นเมื่อก่อน ขุนนางท้องที่พอเห็นราษฎรลดลง พื้นที่เงียบสงบ ก็คงยอมรับเงียบๆ แต่เมื่อรับคนไปนับวันยิ่งมาก คนมีอำนาจในพื้นที่ตอนนี้ก็ล้วนเริ่มกังวลเรื่องแรงงานคน  สภาพนี้แน่นอนย่อมก่อให้เกิดความขัดแย้ง  นี่เป็นการพัฒนาแห่งยุคสมัยนี้


[1] น้ำหนัก 1 เฉียนเท่ากับ 3.72 กรัม  1เหลี่ยงเท่ากับ 10 เฉียน  หรือ 37.2 กรัม ส่วนหนึ่งจินเท่ากับ 16 เหลี่ยงหรือ 595 กรัม

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)