ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 1048-1053
บทที่ 1048 เวลาที่ใช้ในการลงทุนจะไม่เ...
มิทช์ แกรนท์โบกมือ ฉินสือโอวมีตำแหน่งใหม่เป็นโค้ชบาสเกตบอลของโรงเรียนประถมแกรนท์
ถ้าเป็นโรงเรียนด้านกีฬาที่มีชื่อเสียงนิดหน่อย การรับสมัครโค้ชบาสเกตบอลคนหนึ่งเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะจริงจังพอสมควร เขาต้องมีใบรับรองจากกรรมการบาสเกตบอลนานาชาติอย่างน้อยระดับ 2 ต้องเคยเป็นผู้ช่วยโค้ชในทีมอื่นหรือเคยมีประสมการณ์ที่คล้ายกัน ถึงขั้นว่าต้องเรียนจิตวิทยาและมีจดหมายแนะนำจากโค้ชคนอื่นและเอกสารอื่นๆ อีก
โรงเรียนประถมแกรนท์ไม่ต้องการ เพราะพวกเขาอยู่ระดับล่างเกินไป เรซูเม่ของฉินสือโอวสามารถเป็นได้ถึง 2 ตำแหน่งคือเขาเป็นตัวหลักของทีมบาสเมืองแฟร์เวลในนิวฟันด์แลนด์ลีกกับเป็นตัวหลักของทีมระดับมหาวิทยาลัย และคนที่อยู่เบื้องหลังในการทำเรื่องต่างๆ นั้นก็ยังเป็นเขา…
แต่ถึงอย่างนั้น แกรนท์คิดว่าก็เพียงพอแล้ว เขาไม่ได้คาดหวังว่าโรงเรียนจะประสบความสำเร็จในการแข่งขัน เพียงแค่ให้พวกเด็กๆ เล่นบาสเกตบอลกันอย่างมีความสุขก็พอ ในสายตาของเขา จุดประสงค์ของฉินสือโอวก็คือการปกป้องพวกเด็กๆ
หลังจากได้รับการอนุมัติ ฉินสือโอวเดินไปโรงยิมของโรงเรียนเพื่อดูก่อนสักหน่อย
นี่คือข้อดีของโรงเรียนในแคนาดา ถ้าไม่คำนึงถึงขนาด โรงเรียนจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานหลายอย่างเช่น โรงยิม ห้องแล็บ
แน่นอนว่าโรงยิมของโรงเรียนประถมแกรนท์จะไม่ใหญ่มากและมีแค่สนามบาสขนาดเล็กกระจ้อยร่อย จำนวนที่นั่งก็น้อยจนน่าเศร้า และที่นั่งไม่กี่ที่นี่ ตอนแข่งยังนั่งไม่สบายเลย…
ฉินสือโอวเดินเข้าไปด้านหลังของสนามบาสเกตบอล ในใจก็เกิดนึกถึงภารกิจหนึ่งขึ้นมา เขารู้ว่าตัวเองจะไม่กลายเป็นโค้ชที่มีชื่อเสียงระดับโลกและสนามบาสเกตบอลแห่งนี้จะไม่มีชื่อเสียงเพราะเขา แต่เขาเชื่อว่า ที่นี่จะกลายเป็นสถานที่แห่งจิตวิญญาณของมิเชล
ที่เขาทำเรื่องพวกนี้ เพียงเพื่อให้เส้นทางบาสเกตบอลของมิเชลสามารถเดินได้อย่างราบรื่นมากยิ่งขึ้น
เพราะอยู่ใกล้กับสหรัฐอเมริกา บรรยากาศการแข่งบาสเกตบอลในแคนาดาเลยค่อนข้างหนาแน่น ฟุตบอล เบสบอลและรักบี้จะไม่ค่อยได้รับความนิยมเมื่ออยู่ที่นี่ เนื่องจากฤดูหนาวที่แคนาดาอากาศหนาวเกินไป กีฬากลางแจ้งจึงไม่สามารถเล่นได้ กีฬาในร่มประเภทนี้อย่างบาสเกตบอลจึงเป็นที่นิยมมากกว่า
ดังนั้น เขาจะทำเพื่อฝึกฝนบาสเกตบอลให้พวกเด็กๆ ที่สนใจ แป้นบาสที่ใช้ในโรงเรียนประถมกับที่ใช้ในการแข่งขันตามปกติจะแตกต่างกัน สนามก็เล็กกว่า แน่นอนว่าลูกบอลก็เล็กกว่านิดหน่อยเหมือนกัน เล็กจนเห็นไม่ชัด
แป้นบาสในสนามบาสของโรงเรียนแกรนท์เป็นของเก่า ด้านบนทาด้วยสีน้ำมันสีเขียว แต่สีน้ำมันบางจุดหลุดออกจนสามารถเห็นได้ถึงสนิมที่หนาทึบ ตะกร้าก็ไม่มีตาข่าย พื้นก็ยังมีรอยด่าง ฉินสือโอวเห็นแล้วอดไม่ได้ที่จะส่ายหัว
แต่ของบางอย่างก็ไม่เลวเหมือนกัน เขาเดินไปห้องเปลี่ยนชุดเพื่อเปลี่ยนจากชุดสูทไปใส่ชุดกีฬาและนำลูกบาสออกมาก้าวตามขั้นตอนของฮิลอย่างอิสระ ขั้นแรกก้าวไปที่เขตหวงห้ามและกระโดดขึ้นไปบนฟ้าพร้อมกับเหวี่ยงแขนทุ่มลูกบาสลงไปในห่วง
เมื่อถูกเขากระหน่ำไปอย่างนั้น ห่วงบาสก็ส่งเสียงดัง ‘เอี๊ยด’ นึกไม่ถึงว่ามันจะเบี้ยวเสียอย่างนั้น…
ฉินสือโอวเงยหน้าขึ้นมองห่วงบาสหลังจากลงมาถึงพื้นก็เกิดความสับสนในใจ ‘สภาพแบบนี้ก็แย่เกินไปหรือเปล่า? แป้นบาสเกตบอลในหมู่บ้านของพวกเขา คุณภาพยังไม่แย่ขนาดนี้เลย!’
เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น เขาจำใจต้องโทรหาเจนนิเฟอร์และให้เธอช่วยซื้อแป้นบาสที่นักเรียนประถมใช้ส่งมาที่เมืองแฟร์เวล อย่างไรก็ตามของสิ่งนี้ก็ไม่ได้ใช้เงินสักเท่าไหร่ ฉินสือโอวก็แค่จ่ายด้วยตัวเอง เขาเห็นลักษณะการเงินของโรงเรียนประถมแกรนท์กำลังวิกฤตและคาดว่าจะให้พวกเขาจ่ายก็คงไม่ไหวเหมือนกัน
ประสิทธิภาพในการบริการของบริษัทอเมริกันเอ็กซเพรสทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะประทับใจอยู่เสมอ ฉินสือโอวไปสมัครงานและโทรสั่งในตอนเช้า ตอนบ่ายโมงตรง บริษัทอุปกรณ์กีฬาก็ส่งแป้นบาสรุ่นใหม่ชุดหนึ่งกับอุปกรณ์ออกกำลังกายที่เข้าคู่กันมาให้แล้ว
พนักงานที่รับผิดชอบขนส่งแป้นบาสหลังจากเจอกับฉินสือโอวก็สั่งให้คนติดตั้งแป้นบาสไปด้วยพลางแนะนำไปด้วย “แป้นบาสสำหรับเด็กรุ่นนี้ออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อนักเรียนรุ่นเยาว์ คุณดูสิ ความสูงนี้สามารถปรับขึ้นและลงได้”
“เคลื่อนย้ายก็สะดวก ฐานด้านหน้ามีล้อ 2 ล้อ ตอนที่ใช้งานล้อจะไม่สัมผัสพื้น ดังนั้นมันจะมั่นคงมาก ถ้าตอนที่คุณอยากเคลื่อนย้าย เพียงแค่เอียงสินค้าไปข้างหน้าจนได้มุมที่แน่นอน ก็จะเหมือนแบบนี้ คุณก็สามารถดันให้มันวิ่งได้แล้ว!”
ฐานของแป้นบาสทั้งสองถูกติดตั้งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว พนักงานติดตั้งเดินไปด้านนอกและเอาทรายจำนวนหนึ่งมาใส่ไว้ในฐาน แบบนี้แป้นบาสก็จะไม่ล้มแล้ว
แป้นบาสสองแป้นนี้ลักษณะคล้ายกับทรานฟอร์เมอร์นิดหน่อย รายละเอียดได้รับการขัดเงาอย่างประณีต และรูปลักษณ์โดยรวมที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความทันสมัย บนแป้นบาสถึงขั้นมีประติมากรรมนูนแบบโปร่งใสของออโต้บอทซึ่งค่อนข้างโดนใจพวกวัยรุ่นที่ชื่นชอบของสิ่งนี้
พนักงานพาฉินสือโอวไปดูแป้นบาสที่ติดตั้งเรียบร้อยแล้วและแนะนำว่า “แป้นบาสของพวกเราเป็นรุ่นที่ทันสมัยที่สุดในตอนนี้ ความสูงของห่วงจนถึงพื้นสามารถปรับได้ ภายใน 165 เมตร ถึง 205 เมตร คุณสามารถปรับได้ตามความต้องการ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นพลังงานไฟฟ้าอีกด้วย สะดวกสบายมากครับ”
“ในขณะเดียวกัน ความสูงของแป้นจนถึงพื้นก็สามารถปรับได้เหมือนกัน ตั้งแต่ 210 เมตรจนถึง 260 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลางของห่วงบาสคือ 42 เซนติเมตร วัสดุคือพลาสติกโพลิเอสเตอร์ที่มีความหนาแน่นและยืดหยุ่นสูงซึ่งเป็นวัสดุเดียวกันกับห่วงบาสของเอ็นบีเอ วัสดุของแป้นคือพลาสติกพอลิโพรไพลีนที่มีความหนาแน่นสูง วัสดุของตาข่ายบาสคือตาข่ายไนลอนที่พันด้วยลวดเหล็กซึ่งทนทานมากอย่างแน่นอนครับ”
ฉินสือโอวฟังพนักงานพูดจนจบและพยักหน้า เขาหยิบลูกบาสขึ้นมาเดาะสองสามครั้งอย่างสบายๆ และชู้ตลงห่วง ขาทั้งสองข้างกระทืบพื้นอย่างหนักหน่วงและพุ่งขึ้นไปบนฟ้า แขนทั้งสองข้างถือลูกบาสไว้ตรงท้องน้อยและเหวี่ยงขึ้นเป็นรูปครึ่งวงกลมอย่างรวดเร็วในทันที เสียงดัง ‘ปัง’ กังหันลมขนาดเล็กทั้งสองมืออันน่าเกรงขามได้ทำการสแลมดังก์
พนักงานเป่านกหวีดอย่างให้ความร่วมมือและชมเชยด้วยความตื่นเต้น “ว้าว คุณลูกค้า สมรรถภาพทางกายกับทักษะการเล่นของคุณยอดเยี่ยมมากจริงๆ! ผมกล้าพนันเลยว่า ช่วงที่คุณเรียนมหาวิทยาลัยคุณต้องเป็นยอดฝีมือของเอ็นซีเอเออย่างแน่นอน!”
ฉินสือโอวยักไหล่ “ประมาณนั้น ผมไม่ได้เล่นให้เอ็นซีเอเอ แต่เล่นอยู่ในลีกของพวกเรา แต่ระดับของผมก็ไม่เลวจริงๆ”
เขากำลังคุยโว ก่อนหน้านี้พลังโพไซดอนเปลี่ยนแปลงสมรรถภาพทางกายของเขา เขาเป็นคนขี้เกียจบนสนามบาสที่เลี้ยงลูกกับชู้ตลูกได้ดีที่สุด
ดังนั้นหลังเลิกเรียนในช่วงบ่าย เมื่อผู้เล่นระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ถึงปีที่ 6 ที่ได้รับการคัดเลือกมาที่โรงยิม เห็นได้ชัดว่าพวกเขาตกตะลึงในทันที เสียงพูดคุยกันอย่างสนุกสนานหายไปอย่างรวดเร็ว เด็กชายทั้งที่ตัวสูงและตัวเตี้ยหลายคนมองแป้นบาสด้วยความตกตะลึง
ฉินสือโอวเดินออกมาจากด้านหลังของประตูและถามว่า “ตอนนี้สนามดูเป็นยังไงบ้าง?”
มิเชลเห็นเขาจึงโห่ร้องและพุ่งเข้ามาชกเขา เขาพูดอย่างมีความสุขว่า “ฉิน คุณมาที่นี่ได้ยังไง? คุณเป็นคนช่วยเปลี่ยนแป้นบาสให้พวกเราใช่ไหมครับ?”
ฉินสือโอวมองเด็กกลุ่มนี้และพูดว่า “ความจริง ตอนนี้ฉันเป็นโค้ชบาสเกตบอลของพวกนายแล้ว ฉันมาที่นี่เพื่อมาพาพวกนายมุ่งหน้าไปสู่การชิงแชมป์”
มิเชลกำหมัดแน่นและเหวี่ยงอย่างรุนแรงพร้อมกับตะโกนว่า “พวกเราจะต้องคว้าแชมป์ได้อย่างแน่นอน!”
เด็กคนอื่นๆ ตะโกนตามขึ้นมา แต่การรับมือก็ยิ่งใหญ่ขึ้น เห็นได้ชัดว่าเด็กกลุ่มนี้ไม่มั่นใจว่าพวกเขาจะเดินไปได้ไกลแค่ไหนในลีกนี้
รวมมิเชล ทั้งหมดก็มี 8 คน เมื่อตอนบ่ายฉินสือโอวศึกษากฎของลีกระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ถึงปีที่ 6 มานิดหน่อยแล้วและปวดหัวมากที่พบว่าสิ่งนี้คือการหลอกลวงเด็กที่เล่นบาส มันไม่เป็นทางการเกินไป
กฎจะน่าปวดหัวไปถึงระดับไหน? ยกตัวอย่างเช่น การแข่งขันปกติจะเป็นผู้เล่น 5 คน และในการแข่งขันประเภทนี้ ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอ่อนแอเกินไป เพียงแค่แต้มตามหลังถึง 20 แต้ม นั่นก็จะเพิ่มผู้เล่น 1 คนบนสนามได้
อย่างมากที่สุด ฝ่ายที่อ่อนแอจะเพิ่มได้ 3 คน ใช้ผู้เล่น 8 คนสู้กับผู้เล่น 5 คนที่ต้องรับมือ
แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นแบบนั้น โรงเรียนประถมแกรนท์ก็ไม่เคยชนะการแข่งขัน ดังนั้นพวกเด็กๆ จึงไม่มีความมั่นใจในการแข่งขัน นั่นก็เป็นข้อแก้ตัวเหมือนกัน
สิ่งที่ฉินสือโอวต้องทำก็คือสร้างความมั่นใจให้กับเด็กกลุ่มนี้และทำให้พวกเขารู้สึกถึงเสน่ห์ของบาสเกตบอลให้ได้
บทที่ 1049 ค้นหาเรือทองคำอีกครั้ง
เด็กทั้งแปดคน ทุกคนเป็นคนผิวขาว เพราะพวกเขาอาศัยอยู่เมืองเดียวกันจึงคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี แต่ฉินสือโอวไม่ค่อยคุ้นเคยกับพวกเขา เขาปฏิสัมพันธ์กับชาวเมืองค่อนข้างน้อย คนที่คุ้นเคยก็เป็นคนรุ่นพ่อรุ่นแม่ของพวกเขาเท่านั้น
แต่เด็กพวกนี้กลับค่อนข้างรู้จักฉินสือโอว ไม่เพียงเพราะฟาร์มปลาขนาดใหญ่ของเขา ยังเพราะเขาเคยแสดงความกล้าหาญในการแข่งบาสในระดับรัฐนิวฟันด์แลนด์ ถ้าเขาสามารถพิชิตไปได้ตลอด เขาอาจจะนำเอ็มวีพีของการแข่งขันมือสมัครเล่นครั้งนี้มาได้
ฉินสือโอวให้มิเชลไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดเล็กของโรงเรียนและซื้อเครื่องดื่มชูกำลังเกเตอเรดกับขนมขบเคี้ยวมา เขาบอกให้พวกเด็กๆ นั่งลงและคุยเล่นกัน วันนี้จะไม่ซ้อม ทุกคนจะได้ทำความรู้จักกันสักหน่อย
ในกลุ่มเด็กทั้งแปดคน มีสามคนอยู่ในวง ส่วนอีกห้าคนอยู่นอกวง ไม่มีการแบ่งตำแหน่งอย่างเคร่งครัด เซนเตอร์หรือเพาเวอร์ฟอร์เวิร์ดจะมีความสูงมากกว่า 170 เซนติเมตร เด็กสามคนที่ชื่อว่าแซม วอล์กเกอร์และเกรย์ พวกเขาสูงเกือบจะเท่ากันคือประมาณ 170 เซนติเมตร
ในกลุ่มนี้ แซมเป็นเสาไม้ไผ่บางๆ แต่เกรย์เป็นเด็กอ้วนตัวสูงคนหนึ่ง ฉินสือโอวมองทั้งสองคนตรงๆ และรู้สึกกังวลนิดหน่อย เขาไม่ค่อยเชื่อว่าเด็กแบบนี้จะสามารถเล่นบาสได้ดี เว้นแต่แซมจะเป็นเควิน การ์เน็ตและเกรย์จะมีพรสวรรค์เหมือนทรอย แจ็กสันอะไรแบบนั้น
คนที่เหลืออยู่เป็นตำแหน่งกองหลังกับสมอลฟอร์เวิร์ด ลิสเตอร์ อ็อกเดน โจ ฮูเอล บัตลีย์ อ็อกเดน บูธ แมกซ์เวลกับมิเชล
เด็กพวกนี้ล้วนไม่เคยได้รับการฝึกซ้อมบาสเกตบอลอย่างเป็นทางการมาก่อน ก่อนหน้านี้เป็นอาจารย์พละคนหนึ่งของโรงเรียนแนะนำการซ้อมให้พวกเขา และอาจารย์คนนี้มาจากชั้นเรียนฮอกกี้น้ำแข็งจึงไม่เข้าใจพื้นฐานของบาสเกตบอล ถ้าเขาสามารถนำทีมได้ก็แปลกแล้ว
หลังจากทำความรู้จักกัน ฉินสือโอวให้พวกเด็กๆ ลุกขึ้นและวอร์มร่างกายช่วงล่าง เขาเห็นแค่นี้ก็อยากจะร้องไห้แล้วจริงๆ!
การเลี้ยงลูกของพวกกองหลังยังเคลื่อนไหวได้ไม่ดี การซ้อมด้วยตัวเองของพวกเขาก็เป็นแค่การเล่น กลยุทธ์การป้องกันขั้นพื้นฐานจะไม่ปิดแบบนี้ ดังนั้นพวกเด็กๆ จึงสามารถเลี้ยงบอลได้
สำหรับพวกผู้เล่นวงใน พวกเขาจะไม่รีบาวด์ และจะรับการรีบาวด์ ส่วนวิธีการทำคะแนนเช่นการหมุนตัวโยนลงห่วงและฮุก ชอร์ต สำหรับพวกเขาสิ่งนี้มีอยู่แค่ในตำนานของการแข่งขันระดับมืออาชีพ
ผู้เล่นที่ประสิทธิภาพดีที่สุดกลับเป็นมิเชล ไม่เพียงแค่ชู้ตลูกได้อย่างแม่นยำ เพราะเคยได้รับการฝึกสตรีทบาสจากฮิวจ์คนน้องมาก่อน การจ่ายบอลก็ดีเหมือนกัน เทคนิคการเลี้ยงลูกที่ยอดเยี่ยมและอิสระ ส่วนเด็กคนอื่นจะอยู่ระดับ 2 ทั้งหมด
ดังนั้นฉินสือโอวจึงแปลกใจมาก เขาเรียกพวกเด็กๆ และถามว่า “พวกนายคงเห็นแล้ว การเล่นของมิเชลเป็นการเล่นที่ดีที่สุดถูกไหม? แต่เพราะอะไรเขาถึงเป็นผู้เล่นตัวสำรอง? เขาควรจะเป็นผู้เล่นตัวจริงไม่ใช่เหรอ?”
ทำไมฉินสือโอวต้องมาสมัครเป็นโค้ชบาสเกตบอล? เพราะเชอร์ลี่ย์บอกว่ามิเชลเป็นตัวสำรอง ในความคิดของเขา ถ้าระดับนี้อย่างมิเชลยังเป็นแค่ตัวสำรอง ความแข็งแกร่งของพวกตัวจริงก็ควรจะดีกว่านี้สิถึงจะถูก
แต่ความจริงปรากฏว่า เขาคิดมากไป เขาถูกหลอกแล้ว!
แซมอธิบายว่า “ตัวจริงกับตัวสำรองของพวกเรา ไม่ได้อิงตามความสามารถ แต่เป็นชั้นปี นักเรียนเกรดสูงจะเป็นตัวหลัก นักเรียนเกรดต่ำจะเป็นตัวสำรอง”
ฉินสือโอว “…”
เหงื่อแตกพลั่ก!
ไม่แปลกที่มิเชลจะเป็นตัวสำรอง ฉินสือโอวจำได้ว่าตอนที่เขาเข้าเรียนเมื่อ 2 ปีก่อนเขาอยู่แค่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 และตอนนี้เขาก็อยู่แค่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ถูกไหม?
เขาถามอีกครั้ง มิเชลส่ายหัว “ไม่ใช่ครับ ฉิน พวกผมข้ามชั้นแล้ว ผมกับกอร์ดอนเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 พาวลิสเข้าชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 และเชอร์ลี่ย์อยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1”
ฉินสือโอวตกใจ ในภูเขาแบบนี้ไม่มีกาลเวลาบนโลกมานับพันปี เขาจำได้ว่าตอนที่เขามาส่งเด็กทั้ง 4 คนเข้าโรงเรียน มิเชลกับเชอร์ลี่ย์อยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 พาวลิสกับกอร์ดอนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 แค่พริบตาเดียวทุกอย่างเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ได้อย่างไร?
มิเชลพูดว่า “ง่ายมากครับ พวกเราอายุมากกว่านิดหน่อย ดังนั้นขอเพียงแค่พวกเราตามหลักสูตรทันพวกเราก็จะข้ามชั้นได้ ปีที่แล้วเชอร์ลี่ย์ข้ามไป 3 ชั้น! พาวลิสก็เก่งเหมือนกัน เขาข้ามไป 2 ชั้นทุกปี!”
“กอร์ดอนล่ะ?”
“เอ่อ ปีที่แล้วเขาซ้ำชั้น…”
“บ้าเอ๊ย ไอ้เด็กบ้านี่ กลับไปฉันต้องฝึกเขาอย่างหนัก!”
ตอนนี้ฉินสือโอวกำลังจะเป็นบ้า ในเวลาเดียวกันก็ชื่นชมพาวลิสกับเชอร์ลี่ย์อย่างมาก เด็กพวกนี้เก่งมากจริงๆ แม้ว่าโรงเรียนประถมกับโรงเรียนมัธยมในแคนาดาจะเรียนง่าย แต่ความเป็นไปได้ที่ 1 ปีข้ามไป 3 ชั้นกับ 2 ปีข้ามไป 4 ชั้นก็อัศจรรย์พอแล้ว
ไม่แปลกที่เชอร์ลี่ย์จะสั่งให้กอร์ดอนเรียกเธอว่าพี่สาวอยู่ตลอด และกอร์ดอนก็ไม่กล้าขัดขืน ตอนแรกเรื่องมันเป็นอย่างนี้นี่เอง
วิธีแบ่งตัวจริงกับตัวสำรองวิธีนี้สร้างปัญหาโดยสมบูรณ์ ฉินสือโอวจะแบ่งใหม่อีกครั้ง เขาพูดว่า “หลังจากนี้ รายชื่อผู้เล่นตัวจริงจะใช้ความแข็งแกร่งกับความสามารถของพวกนายมาตัดสิน และเซนเตอร์ของพวกเรา ก็คือมิเชล”
บนใบหน้าของเด็กหลายคนแสดงความไม่พอใจออกมาในทันที มิเชลมีความสุขมากจนหาที่เปรียบไม่ได้อย่างแน่นอนอยู่แล้ว น่าเสียดายที่ไม่มีใครปรบมือแสดงความยินดีให้กับเขา
หลังจากฉินสือโอวพูดประโยคนี้จบก็พบว่าไม่ค่อยถูก ตัวเขารีบร้อนเกินไปนิดหน่อย เด็กพวกนี้มองว่าตำแหน่งตัวจริงคือเกียรติยศ เมื่อเขาเข้ารับตำแหน่ง เขาก็เลื่อนตำแหน่ง ‘คนของตัวเอง’ อย่างมิเชลซึ่งมันจะไปกระตุ้นความไม่พอใจของพวกเขาอย่างแน่นอน
แต่ฉินสือโอวก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเหมือนกัน เขาไม่อยากทำให้สถานการณ์แย่ไปกว่านี้ ถึงอย่างไรเป้าหมายแรกของเขาก็คือฝึกฝนมิเชล เด็กพวกนี้ไม่ได้มองกีฬาบาสเกตบอลเป็นงานอดิเรกด้วยซ้ำ บางทีภายในใจของพวกเขา ทุกวันหลังเลิกเรียนการออกไปซ้อมบาสกับเข้าร่วมการแข่งขันอาจเป็นความทรมานแบบหนึ่งก็ได้
หลังจากกำหนดผู้เล่นตัวจริงใหม่อีกครั้ง ฉินสือโอวก็สั่งให้แยกย้ายได้
เมื่อเขาพามิเชลกลับมาถึงวิลล่า มิเชลเดินไปหาเชอร์ลี่ย์และเข้าไปอวดว่า “ฉันได้เป็นกองหลังตัวจริงของทีมบาสของโรงเรียนแล้ว นอกจากนั้นยังได้เป็นเซนเตอร์อีกด้วย ฉันได้เป็นเซนเตอร์เลยนะรู้ไหม? เหมือนกับเซนเตอร์อย่างโคบี้ ดังแคน หรือว่าพอลแบบนั้นเลย!”
ฉินสือโอวมองมิเชลแนะนำตำแหน่งของตัวเองที่เปลี่ยนไปกับทุกคนอย่างมีความสุขและอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ตอนนี้ความสนใจของมิเชลที่มีต่อบาสเกตบอลยังมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนด้วย ดังนั้นเป้าหมายที่เขามาเป็นโค้ชบาสเกตบอลก็ถือว่าสัมฤทธิผลแล้ว
หลังจากนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นมา ฉินสือโอวเห็นว่าเป็นเบลคที่โทรมาจึงรับสายและถามว่า “ทำไมไม่ติดต่อมานานขนาดนี้?”
เสียงของเบลคดูเหนื่อยล้านิดหน่อย “เพื่อน ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไปฉันต้องรับผิดชอบงานประมูลฤดูใบไม้ผลิของบริษัทจัดประมูลริชชี่ด้วยตัวเอง ทุกเรื่องต้องส่งมาให้ฉัน มันบ้ามากจริงๆ ให้ตายเถอะ ฉันคิดว่าฉันคงต้องเหนื่อยตายแน่ๆ”
ฉินสือโอวรีบปลอบเขาว่า “ถ้าเหนื่อยเกินไป งั้นนายไม่มาพักผ่อนที่ฟาร์มปลาของฉันสักช่วงหนึ่งล่ะ นายหาเงินเพื่อให้ตัวเองใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้นไม่ใช่เหรอ?”
เบลคหัวเราะ “ใช่ ถ้างานประมูลจบลงฉันว่าจะไปหานายอยู่ ฉันโทรมาครั้งนี้ เพราะฉันอยากเชิญนายมาเข้าร่วมงานประมูลในโทรอนโตที่กำลังจะเริ่มเร็วๆ นี้ ตอนจบของปีนี้เป็นเครื่องเสาหัวเรือไม้จันทน์แดง เหรียญทองกับเหรียญเงินโบราณและเครื่องประดับไข่มุกสีดำซึ่งก็เป็นของของนายทั้งนั้น นายจะไม่มาดูหน่อยเหรอ?”
ถ้าไม่มีงานประมูลของกรมประมงที่อัมสเตอร์ดัมก่อนหน้านี้ ฉินสือโอวยังสนใจจะไปดูจริงๆ แต่เขาเพิ่งจะกลับมาจากอัมสเตอร์ดัม เขาไม่สนใจจะหนีไปโทรอนโตอีก นอกจากนั้น เขายังยุ่งอยู่ต้องฝึกซ้อมทีมบาสเกตบอลรุ่นเยาว์ ปล่อยให้งานประมูลตายไปซะเถอะ
เบลคเข้าใจอารมณ์กับนิสัยของฉินสือโอวเป็นอย่างดี หลังจากถูกเขาปฏิเสธก็บอกให้รอข่าวดีจากฉันและวางสายไป
ฉินสือโอวนึกขึ้นได้ว่าเขาไม่ได้ติดต่อกับบิลลี่นานมากแล้วจึงโทรหาเขาและถามว่าเขาอยู่ที่ไหน บิลลี่บ่นและร้องครวญครางอยู่ตลอดเวลา “ฉันอยู่ที่ชายฝั่งแอฟริกา สภาพอากาศที่นี่แย่มากจริงๆ ฉันแทบจะถูกลมร้อนทรมานจนเป็นบ้าอยู่แล้ว!”
ไม่ต้องพูดถึง บิลลี่ไปน่านน้ำโซมาเลียเพื่อค้นหาเรือทองคำอีกครั้ง เขาเคยรับปากบิลลี่ว่าจะส่งทีมวาฬเบลูกาน้อยไปเก็บตัวอย่างเรือทองคำ แต่เขายังไม่ได้ทำเลย ในใจเขารู้สึกผิดนิดหน่อยจึงรีบพูดว่า “รอฉันก่อน เพื่อน ฉันส่งคนพาวาฬเบลูกากับปลาโลมาไปที่ทะเลโซมาเลียแล้วก่อนหน้านี้ คาดว่าใช้เวลาไม่นานก็คงจะเจอนาย”
บทที่ 1050 ก้นทะเลแห่งความอุดมสมบูรณ์
เขาต้องรีบทำให้เร็วที่สุด หลังจากฉินสือโอววางสายของบิลลี่ เขาเรียกเบิร์ดและบอกว่า “นายบินจากนครเซนต์จอห์นตรงไปแอฟริกาเลยและหาสนามบินที่เหมาะสมสักแห่งเพื่อลงจอด หลังจากนั้นจ้างเรือในท้องถิ่นสักลำและไปหาบิลลี่ จำไว้ว่า อย่าให้ความจริงถูกเปิดเผย นายบอกว่าเรือเป็นของพวกเรา บอกว่านายล่องเรือจากนครเซนต์จอห์นไปตลอดทาง เข้าใจไหม?”
เบิร์ดตอบอย่างกระชับและครอบคลุม “เข้าใจครับ ผมจะไม่เผยความจริง”
ขณะเดียวกัน เขาปล่อยจิตสำนึกแห่งโพไซดอนลงในทะเลและส่งพลังโพไซดอนให้ไอซ์สเกต บอลหิมะและบีนเพื่อช่วยพวกมันแก้ไขเส้นทางและให้พวกมันออกจากมหาสมุทรแอตแลนติกทันทีเพื่อตรงไปที่ชายฝั่งแอฟริกา นี่ถือเป็นประสบการณ์การเดินทางที่ยาวนานของพวกมัน
ครั้งนี้ถือเป็นการเดินทางสาธารณะของเจ้าตัวน้อยสามตัว ฉินสือโอวส่งพลังโพไซดอนให้พวกมันตลอดทาง พวกมันจะได้ไม่เหนื่อยล้า ตรงกันข้ามจะเปลี่ยนไปแข็งแกร่งขึ้นไม่น้อยในระหว่างกระบวนการนี้
สองปีมานี้ บอลหิมะเปลี่ยนไปมาก เมื่อเทียบกับวาฬเบลูกาตัวปกติ มันเติบโตค่อนข้างช้า แต่เติบโตขึ้นมาอย่างแข็งแรง ตอนนี้มันตัวยาว 4 เมตรกว่า ผิวมันวาวราวกับหยกขาว โผล่ขึ้นมาส่องแสงแวววาว มันมีผิวสีขาว สูงและหล่อที่สุดในกลุ่มวาฬเบลูกาอย่างแน่นอน
บีนเปลี่ยนไปไม่มาก ยังเป็นระยะที่ 2 อยู่แบบนั้นและจะขี่ไอซ์สเกตเป็นครั้งคราว ไอซ์สเกตถูกขี่จนเคยชินแล้ว ตอนนี้ไม่แปลกที่จะถูกขี่อีกสักหน่อยก็ไม่เป็นไร ถึงอย่างไรก็ไม่ตั้งท้องและก็ไม่มีสารอะไรมาสัมผัสเหมือนกัน สุดท้ายฉลามเสือทรายก็ต้องมีขนาดใหญ่กว่าปลาโลมา…
เมื่อส่งเจ้าตัวน้อยทั้งสามไป ฉินสือโอวก็ไปดูฟาร์มที่เลี้ยงไขมุกสีดำของตัวเอง
ครั้งสุดท้ายที่เขาใส่แก่นไข่มุกลงไปในหอยนางรมลอย เขาทำงานหนักเพื่อชำระล้างพวกมันด้วยพลังโพไซดอนมาจนถึงตอนนี้ พวกหอยนางรมลอยโตขึ้นเร็วมาก และในกระบวนการการเจริญเติบโตพบว่าด้านในตัวของพวกมันมีสิ่งแปลกปลอมเยอะมาก แมนเทิลจะหลั่งไข่มุกออกมาอย่างต่อเนื่องและห่อหุ้มแก่นไข่มุกเอาไว้ สุดท้ายจะเปลี่ยนรูปเป็นไข่มุกสีดำ
แต่ระยะเวลาที่เขาใส่แก่นไข่มุกลงไปยังสั้นและก็ใช้เวลาเพียงแค่ 2 เดือนกว่า แก่นไข่มุกก็เปลี่ยนไปเป็นไข่มุกสีดำแล้ว แต่รูปร่างต่างกัน และส่วนใหญ่จะเป็นเม็ดเล็ก ไม่มีไข่มุกสีดำเม็ดใหญ่โผล่ออกมาเลย คงยังไม่ถึงฤดูเก็บเกี่ยว
ฤดูหนาวปีหนึ่ง ในฟาร์มปลาจะสะสมแมงกะพรุนไว้เป็นจำนวนมาก ฉินสือโอวส่งจิตสำนึกลงไปดู เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว นึกไม่ถึงว่าจะยังมีแมงกะพรุนตัวที่มีพิษอยู่อีก ดูเหมือนว่าคุณภาพน้ำจะดีมากซึ่งไม่เพียงแต่ดึงดูดปลา กุ้ง ปูมาเท่านั้น ยังดึงดูดสิ่งมีชีวิตอื่นๆ มาอีกด้วย
พวกเต่ามะเฟืองกลับมามีความสุข คุณภาพน้ำในฟาร์มปลาดีขึ้น อาหารก็เยอะขึ้นเหมือนกัน นอกจากนั้นคุณภาพของแมงกะพรุนยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณภาพของน้ำโดยตรงอีกด้วย พวกมันล่องลอยอยู่ในมหาสมุทรมานานขนาดนั้น ไขมันสำรองก็ใช้จนแทบจะไม่เหลือ ตอนนี้พวกมันจับอาหารคุณภาพดีเยี่ยมเยอะขนาดนี้มากินอย่างบ้าคลั่งราวกับมีงานปาร์ตี้
ในทางกลับกัน เต่าตัวอื่นเช่นเต่ากระ เต่าตนุและเต่าสายพันธุ์อื่นจะไม่สนใจอะไรในตัวแมงกะพรุนเลย สิ่งที่พวกมันชอบคือสาหร่ายทะเล เมื่อมาถึงฟาร์มปลาพวกมันก็ปักหลักอยู่ที่ฟาร์มปศุสัตว์ใต้น้ำ
ห่วงโซ่ระบบนิเวศของฟาร์มปลาเปลี่ยนไปอุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะในน่านน้ำแนวปะการัง เมื่อเจ้าตัวน้อยทั้งสามตัวจากไป ปลาของที่นี่ก็ขาดการป้องกัน ตัวอย่างเช่นปลาไส้ตันฟลอริดาที่มีเนื้อปลาอร่อยมาก ตั้งแต่ปลาค็อดตัวใหญ่จนถึงปลาทูน่าที่อยู่ด้านนอกเฝ้ามองพวกมันมาโดยตลอด
การขยายพันธุ์ของปลาไส้ตันช้ามาก หลังจากมาถึงฟาร์มปลาฝูงปลาก็ไม่เกิดการขยายเพิ่มขึ้นอีก ฉินสือโอวส่งพลังโพไซดอนเข้าไปให้พวกมันอีกครั้ง หลังจากนั้นฝูงงูเหลือมทะเลจึงรวมตัวกันเข้ามา เขาให้พวกมันปกป้องน่านน้ำเขตปะการัง พวกมันจะไม่อนุญาตให้ฝูงปลาทูน่ากับฝูงฉลาม และฝูงปลาสายพันธุ์อื่นเข้าไปอย่างแน่นอน
เมื่อเปรียบเทียบกัน การขยายพันธุ์ของฝูงปลาจานค่อนข้างเร็ว ปลาหัวเมือกที่ฉินสือโอวนำมาจากน่านน้ำฟลอริดารวมตัวกันอย่างหนาแน่นที่ก้นทะเล ปลาตัวเล็กจำนวนนับไม่ถ้วนที่มีความยาวเท่านิ้วซ่อนตัวอยู่ในฝูงปลาซึ่งทำให้ฝูงปลาดูเหมือนภาพที่งดงามอย่างไม่มีที่เปรียบ
หลังจากพักฟื้นในฤดูใบไม้ร่วงกับฤดูหนาว ฝูงปลาหัวเมือกเสร็จสิ้นการขยายพันธุ์ครั้งใหญ่เป็นครั้งแรก ฝูงปลาฝูงนี้ตั้งถิ่นฐานในฟาร์มปลาได้สำเร็จและเริ่มมีระบบเศรษฐกิจแล้ว
ฉินสือโอวเพิ่มปลาหัวเมือกไว้ในแผนการจับปลา ตอนนี้มีเรือประมงรุ่นอวนลากขนาดใหญ่อย่างเรือปริ้นเซสเมล่อน เรือฮาวิซทที่เป็นเรือรุ่นเดียวกันจะได้ปลดประจำการ ดังนั้นฉินสือโอวจึงอยากเปลี่ยนมันเป็นเรือจับปลาหน้าดินเพื่อใช้ตกกุ้ง ปูกับปลาหัวเมือกและปลาหน้าดินชนิดอื่นๆ โดยเฉพาะ
ไม่เพียงแค่เขาที่ต้องการจับปลาหัวเมือก พวกฝูงปลาค็อดก็โหยหาอาหารรสเลิศจานนี้มาตั้งนานแล้วเหมือนกัน
จิตสำนึกแห่งโพไซดอนมาถึงก้นทะเลหลังจากนั้นไม่นาน ฝูงปลาค็อดแอตแลนติกฝูงใหญ่ฝูงหนึ่งก็มาถึงเหมือนกัน ฝูงปลาค็อดแอตแลนติกที่โตเต็มวัยนับหมื่นนับแสนตัวว่ายน้ำอยู่บนฝูงปลาจาน พวกมันว่ายไปมาเพื่อหาโอกาสโจมตี
นี่เป็นปรากฏการณ์หนึ่งที่ค่อนข้างหาดูได้ยาก ผู้คนรวมกลุ่มกัน สัตว์แบ่งฝูงกัน ปลากับสัตว์ก็เหมือนกัน ทุกตัวมีสภาพแวดล้อมการดำรงชีวิตที่ตายตัว ปลาค็อดเป็นสิ่งมีชีวิตในท้องทะเลระดับล่างและระดับกลาง ในสถานการณ์ปกติพวกมันจะไม่ว่ายลงมาที่ก้นทะเลเพื่อล่าเหยื่อ
ตอนนี้ฝูงปลาฝูงใหญ่ฝูงนี้ลงมาถึงก้นทะเลแล้วอย่างไม่คาดคิด จากสิ่งนี้เห็นได้ชัดว่าปลาหัวเมือกพวกนี้มีแรงดึงดูดมากแค่ไหนสำหรับปลาค็อด
แต่การจับปลาหัวเมือกต้องใช้ความกล้าหาญพอสมควร นี่คือฝูงปลาที่สามัคคีมากฝูงหนึ่ง พวกมันมีสีสันสวยงามซึ่งเป็นสีแดงสดเปล่งประกาย ตอนที่ทั้งฝูงว่ายมาที่ก้นทะเลดูเหมือนกับแนวไฟที่ลุกไหม้
ลักษณะการโจมตีของปลาค็อดค่อนข้างอ่อนแอ พวกมันมาถึงหลังจากว่ายมาสักพักและไม่ได้เริ่มโจมตี ฉินสือโอวควบคุมจิตสำนึกแห่งโพไซดอนไปชักนำปลาที่เคลื่อนไหวอยู่ในฝูงปลาให้ออกไปจากน่านน้ำแห่งนี้ ปลาที่มีอยู่ในน่านน้ำระดับกลางคือปลาซาร์ดีน ปลาแฮร์ริ่ง ปลาซาบะกับสิ่งมีชีวิตประเภทอื่นซึ่งไม่จำเป็นต้องล่าปลาหัวเมือกเป็นอาหาร
เขาเพิ่งจะส่งปลาค็อดออกไป ตอร์ปิโดขนาดใหญ่ฝูงหนึ่งก็คำรามเข้ามา ฝูงปลาทูน่าครีบน้ำเงินผ่านมาที่นี่
ความน่าเกรงขามของปลาทูน่าครีบน้ำเงินนั้นปลาค็อคไม่สามารถเทียบได้ พวกมันว่ายเข้าไปในฝูงปลาเหมือนกับฟ้าผ่าและอ้าปากอันใหญ่โตเขมือบปลาหัวเมือกขนาดเล็กกับขนาดกลางลงไป จึงเกิดคลื่นขนาดใหญ่ในฝูงปลาจานด้วย
ฉินสือโอวไม่ใช่แม่นมของปลาหัวเมือก ปลาใหญ่กินปลาเล็กเป็นกฎของมหาสมุทร เขาส่งพลังโพไซดอนจำนวนหนึ่งเข้าไปฝูงปลาก็จากไปแล้ว
หลังจากล่องเรือประมาณรอบหนึ่งที่ฟาร์มปลาและมั่นใจว่าไม่มีปัญหาอะไร ฉินสือโอวจึงออกไปจากฟาร์มปลา
ตอนนี้เขาเริ่มตระหนักถึงความสุขในการเลี้ยงดูแล้ว เมื่อ 2 ปีก่อนกับปีที่แล้ว เขาเหมือนเลี้ยงลูกเพื่อมาชี้นำการเติบโตของฟาร์มปลา การลงทุนเมล็ดสาหร่ายทะเล การเลี้ยงลูกปลา การส่งพลังโพไซดอนออกไปทุกสองสามวันเพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตของแนวปะการัง การนำพันธุ์ปลาเศรษฐกิจเข้ามาในฟาร์มปลา ยุ่งวุ่นวายเหมือนเป็นทั้งพ่อทั้งแม่เลยจริงๆ
ตั้งแต่ปีนี้ เขาจะเก็บเกี่ยวได้แล้ว ฟาร์มปศุสัตว์ใต้น้ำที่ฟาร์มปลาเป็นพื้นฐานเพื่อสร้างห่วงโซ่ระบบนิเวศให้เสร็จสมบูรณ์ ถึงแม้จะเป็นพันธุ์ปลาที่ล้ำค่าเช่นปลาทูน่าครีบน้ำเงินกับปลาทูน่าครีบเหลืองพวกนี้ ทุกตัวสามารถขยายพันธุ์ด้วยตัวเองได้ที่ฟาร์มปลา
ตอนนี้สายพันธุ์ที่ค่อนข้างขาดแคลนในฟาร์มปลาคือสายพันธุ์ของปูกับหอย ถึงแม้ว่าจะมีปูราชินีจำนวนมาก แต่มูลค่าทางเศรษฐกิจของปูสายพันธุ์นี้ธรรมดา ไม่ดีเท่าปูหิมะอลาสก้ากับปูหิมะกรีนแลนด์ที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจที่สูงกว่า
เมื่อออกจากฟาร์มปลา ฉินสือโอวกลับไปที่หอพักอย่างร่าเริง เขาดึงคอมพิวเตอร์ออกมาเพื่อล็อกอินเข้าสู่ระบบซีเอสโอแอลและเข้าห้องไปเล่นเกมสักสองสามตาอย่างสบายใจ หู่จือกับเป้าจือลุกขึ้นมาและวางอุ้งเท้าหน้าไว้บนโต๊ะคอมพิวเตอร์ หัวของพวกมันติดอยู่บนพื้นโต๊ะและเล่นกับฉินสือโอวราวกับว่าพวกมันเข้าใจ
พวกมันไม่เข้าใจเกม แต่พวกมันฉลาดและค้นพบเคล็ดลับอย่างรวดเร็ว นั่นคือตอนที่ฉินสือโอวยิ้มอย่างมีความสุข คือตอนที่พวกมันจะส่งเสียงร้องอย่างมีความสุขเช่นกัน และเมื่อฉินสือโอวถอนหายใจ พวกมันก็จะคำรามด้วยความโกรธ
วินนี่อุ้มเสี่ยวเถียนกวาเข้ามาในห้องและวางเธอลงหลังจากนั้นก็กระแอมขึ้นมาทีหนึ่ง ฉินสือโอวล็อกเอาท์ออกจากเกมอย่างว่องไวทันทีและถือนิทานเรื่องหนึ่ง เขาวิ่งไปข้างๆ เสี่ยวเถียนกวาและเริ่มเล่านิทาน
วินนี่หัวเราะอย่างมีความสุข เธอหยิกหูของเขาและพูดอย่างพึงพอใจว่า “นี่เกือบแล้ว ต้องเป็นคุณพ่อที่ดีเข้าใจไหมคะ?”
บทที่ 1051 ปรับปรุงเรือฮาวิซท
หลังจากตื่นนอนตอนเช้าตรู่ ฉินสือโอวจะต้องไปดูเสี่ยวเถียนกวา นี่เป็นหลักสูตรบังคับที่เขาทำทุกวัน
เวลานอนของเด็กทารกจะนานมาก แต่ไม่ได้สม่ำเสมอ ดังนั้นพวกพ่อแม่มือใหม่จึงมักจะนอนพลิกไปมาอย่างมีความสุข
เสี่ยวเถียนกวาก็น่ารัก หลังจากตื่นนอนถ้าไม่หิวเธอก็จะไม่ร้องไห้ นี่จึงเป็นสาเหตุที่พ่อฉินและแม่ฉินให้วินนี่เลี้ยงลูกด้วยตัวเองเหมือนกัน เพราะเป็นเด็กทารกที่ว่านอนสอนง่าย เลี้ยงดูง่ายและไม่เปลืองแรง
ครั้งนี้ก็เหมือนกัน ฉินสือโอวเอียงตัวไปด้านหน้าเตียงขนาดเล็กเพื่อมองดูเธอ เสี่ยวเถียนกวาตื่นแล้ว มือข้างหนึ่งลูบไล้บางอย่างอยู่ในผ้าห่มผืนเล็ก ร่างน้อยๆ ดิ้นไปมาสองสามครั้งเป็นครั้งคราว เธอพลิกตัวและเล่นกับตัวเอง
ฉินสือโอวดึงผ้าห่มผืนเล็กเปิดดู ราชาเจ้าป่าซิมบ้ากำลังขดตัวนอนดมกลิ่นหอมอยู่ข้างๆ เสี่ยวเถียนกวา มือข้างหนึ่งของเสี่ยวเถียนกวาเกาอยู่บนตัวของมัน แมวป่าไม่สนใจและหลับตานอนกรนเบาๆ เป็นจังหวะ มันยังคงหลับสนิท
เมื่อเห็นฉินสือโอว เสี่ยวเถียนกวาก็ส่งเสียงร้อง ‘แอ้ๆ’ ออกมาสองครั้งและยื่นอุ้งมือน้อยๆ ออกไปเพื่อที่จะจับเขา
ฉินสือโอวอุ้มเธอขึ้นมาและหมุนตัวสองรอบ เสี่ยวเถียนกวาก้มหัวมองราชาเจ้าป่าซิมบ้าที่หลับสนิทและเริ่มสนใจมันขึ้นมาอีกครั้ง เธอยื่นมือชี้ให้วางเธอลงเพื่อกลับไปเล่นกับแมวป่าตัวน้อย
วินนี่ลุกขึ้นมานั่งที่หัวเตียงและยิ้มมองพ่อลูกสองคนเล่นกันเสียงดัง สุดท้ายเธอปรบมือ เสี่ยวเถียนกวาก็เปลี่ยนความสนใจอีกครั้งและตะโกนร้อง ‘แอ้ๆ’ เพื่อจะให้วินนี่มาอุ้ม หลังจากอยู่ในอ้อมกอดของแม่ เธอทิ้งตัวเล่นกับนิ้วของตัวเองและใบหน้าเล็กก็แสดงความพึงพอใจออกมา
ฉินสือโอวเดินลงมาชั้นล่าง มิเชลที่แต่งตัวเรียบร้อยก็เดินตามลงมาเหมือนกัน รายการออกกำลังกายตอนเช้าของเขาเปลี่ยนไป ตอนนี้เขาเริ่มฝึกฝนทักษะบาสเกตบอลของมิเชลแทน
หลังจากเห็นความสามารถของพวกกองหลังพวกนั้นที่โรงเรียนประถมแกรนท์ ฉินสือโอวก็ไม่ได้คาดหวังอะไรในตัวพวกเขาอีกและให้มิเชลเพิ่มการฝึกซ้อมการควบคุมบอลกับการสำรองพลังในร่างกาย เขาต้องบุกด้วยตัวเองและอย่างน้อยเขาก็ต้องทั้งบุกทั้งป้องกันได้ จัดการได้ด้วยตัวเอง ทำแต้มได้ด้วยตัวเอง
ฉินสือโอวใช้พลังโพไซดอนเปลี่ยนแปลงสมรรถภาพทางกายของคนรอบข้างมาโดยตลอด รวมทั้งครอบครัวพ่อแม่และพี่สาวที่อยู่ห่างไกลในประเทศจีนด้วย พ่อแม่จะไม่รู้สาเหตุแน่อยู่แล้ว พวกเขาจะพบการเปลี่ยนแปลงในร่างกายของตัวเองและยังคิดว่าพวกเขาไม่มีปัญหาอะไรจึงรู้สึกตัวเบา จิตใจดีสุขภาพก็ดีไปด้วย
มิเชลอายุ 13 ปี สูง 160 เซนติเมตร ในกลุ่มเด็กผิวขาวยังไม่ถือว่าสูงมาก เมื่อเทียบกับมันฝรั่งขนาดเล็กตอนที่เขาเพิ่งจะมาฟาร์มปลาเมื่อปีครึ่งที่ผ่านมาก็แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
รูปร่างของมิเชลค่อนข้างเพรียว หลังจากดูดซับพลังโพไซดอน เขาแสดงให้เห็นถึงสุขภาพที่แข็งแรง ดูเหมือนเสือดาวตัวน้อยตัวหนึ่ง ตอนที่เงียบสงบก็ดูเหมือนคนบอบบางและอ่อนแอ แต่ในกรณีที่ระเบิดออกมา พลัง ความเร็วและความสามารถในการเผชิญหน้า ทุกอย่างจะน่าเกรงขามมาก
ฉินสือโอวให้มิเชลเลี้ยงบอลและวิ่งไปด้วย เขาตะโกนสโลแกนให้เขาปรับเป็นจังหวะอย่างต่อเนื่อง บางครั้งก็ช่วยเขาติดตั้งสิ่งกีดขวางจำนวนหนึ่งและให้เขาเลี้ยงบอลผ่านสิ่งกีดขวางเหล่านั้น
หู่จือ เป้าจือกับหลัวปอที่เริ่มโตสะบัดขนและก้าวเท้าเล็กๆ ตามเข้ามา ฉินสือโอวโบกมือ เจ้าตัวน้อยทั้งสามตัวเข้าไปแย่งลูกบาสที่อยู่ในมือของมิเชล
มิเชลรีบลดสะโพกลงและเปลี่ยนทิศทาง หู่จือเคลื่อนตัวไปด้านหลัง เป้าจือกับหลัวปอวิ่งไล่ตามลูกบาสไป เขาจำเป็นต้องเปลี่ยนมืออย่างต่อเนื่อง เปลี่ยนไปเลี้ยงบอลด้านหลังและอื่นๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการแย่งลูกบอลจากพวกสัตว์เลี้ยงตัวน้อย
นี่เป็นเรื่องที่เหนื่อยมาก ผ่านไปไม่นาน มิเชลก็เหนื่อยหอบและเหงื่อไหลออกมาทั้งตัว ฉินสือโอวเป่านกหวีดเรียกให้พวกสัตว์เลี้ยงตัวน้อยหยุด เขาให้มิเชลวิ่งเหยาะๆ เพื่อแบ่งเบาภาระและกลับมาก็ช่วยเขานวดเพื่อปรับให้เข้ากับความเข้มข้นของการออกกำลังกายที่หนักยิ่งขึ้น
หลังจากออกกำลังกายตอนเช้า ความอยากอาหารของมิเชลก็เพิ่มขึ้น กอร์ดอนเพิ่งจะตื่นนอนจึงไม่ค่อยหิว เขาเห็นแซนด์วิช ไข่ดาวกับสเต๊กที่อยู่ในจานจึงกลอกตาและพูดกับมิเชลว่า “เพื่อน ช่วงนี้นายกินเยอะขึ้นนิดหน่อยนะ นายอยากกินเพิ่มอีกไหม?”
นิสัยของมิเชลเป็นคนเก็บตัวอยู่บ้าง ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว แต่เทียบกับกอร์ดอนที่ไร้ยางอายยังต่างกันอีกไกลโข เขาตอบโต้กอร์ดอนสองสามประโยค กอร์ดอนถึงกับพูดไม่ออก กอร์ดอนฉวยโอกาสนี้ดันจานอาหารของตัวเองไปไว้ตรงหน้าเขาและให้เขาช่วยตัวเองกินของที่อยู่ในจาน
ฉินสือโอวไอออกมาครั้งหนึ่งและพูดกับกอร์ดอนด้วยใบหน้าที่บึ้งตึงว่า “ฉันจะบอกอะไรให้นะเจ้าหนู ดูเหมือนว่านายจะยังเป็นหนี้ฉันในการอธิบายเรื่องหนึ่งอยู่ ทำไมตอนนี้นายยังอยู่แค่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 แต่พาวลิสกับเชอร์ลี่ย์ขึ้นไปอยู่ในเกรดสูงแล้วทั้งคู่?”
กอร์ดอนคอตกในทันทีและถอนหายใจ “ทุกคนต้องประณามระบบการทดสอบข้ามระดับชั้นบ้าๆ นี่ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทุกครั้งที่ถึงเวลาสอบผมจะปวดท้อง ส่งผลต่อการแสดงความสามารถของผมอย่างร้ายแรง น่ารำคาญจริงๆ!”
มิเชลฉวยโอกาสนี้และพูดว่า “นายไม่รู้สาเหตุเหรอ? มา ฉันจะบอกนายให้ มันเป็นเพราะคนขี้โกงอย่างนายไม่ยอมกินอาหารเช้าให้เรียบร้อย ระบบย่อยอาหารของนายก็เลยผิดปกติ นายรู้บ้างไหม!”
กอร์ดอนจ้องเขม็ง ฉินสือโอวถามว่า “งั้นมีเหตุผลอื่นอีกไหม?”
หลังจากตอบด้วยความหมดอาลัยตายอยาก กอร์ดอนก็ดึงจานกลับมา เขากินไข่ดาวอย่างไม่เต็มใจและพูดว่า “อาจจะเป็นแบบนี้มั้ง งั้นผมกินอาหารเช้าให้เรียบร้อยก็ได้”
ฉินสือโอวเกาส่วนที่เป็นผมสีบลอนด์ของเขาและพูดว่า “ฟังนะ เจ้าหนู เมื่อวานฉันไปสมัครเป็นอาจารย์ที่โรงเรียนของพวกนายและเริ่มงานตั้งแต่วันนี้ ฉันจะไปโรงเรียนเพื่อจับตาดูนาย ดังนั้นนายต้องทำตัวให้ดีที่สุด ไม่อย่างนั้นนายจะต้องเสียใจ”
กอร์ดอนอ้าปากค้างและไม่อยากอาหารมากยิ่งขึ้นในทันที
ฉินสือโอวไม่สามารถใช้เวลาตลอดทั้งวันในโรงเรียนได้ เขาแค่ไปฝึกซ้อมให้พวกเด็กๆ ตอนหลังเลิกเรียน เวลาปกติเขาก็จะอยู่ในฟาร์มปลา
ตอนนี้งานของเขายังมีอีกมาก เขาตัดสินใจว่าจะต้องจับปลาหัวเมือกให้ได้ ฉินสือโอวให้ชาร์คไปติดต่ออู่ต่อเรือโพไซดอนเพื่อปรับปรุงเรือฮาวิซทสักหน่อยและเปลี่ยนให้เป็นเรือจับปลาหน้าดิน
เรือฮาวิซทเป็นเรือประมงลำแรกของฟาร์มปลา ฉินสือโอวยังคงมีความรู้สึกบางอย่างกับมันอยู่ ดังนั้นก่อนจะปรับปรุง เขาให้นีลเซ็นถ่ายรูปภาพหมู่ของเขากับเรือฮาวิซทเพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึก ผ่านไปหลายปีเมื่อเห็นรูปพวกนี้อีกครั้ง มันจะมีความหมายมากแน่นอน
สุดท้ายเขาได้รูปถ่ายครอบครัวใบหนึ่งที่มีฉินสือโอวกับวินนี่ที่อุ้มเสี่ยวเถียนกวาร่วมกับเรือฮาวิซทมา เด็กหญิงตัวน้อยรู้สึกงงงวยและยังคงกอดราชาเจ้าป่าซิมบ้าที่อยู่ในอ้อมแขน
แขนของเธอยังไม่แข็งแรง เธอทำได้แค่รัดคอของราชาเจ้าป่าซิมบ้าและอาจจะรัดเจ้าตัวน้อยจนเกือบตาย เธอกลอกตาไปมาอยู่หน้ากล้องอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่กำลังถ่ายรูป เสียงของแบล็คไนฟ์ก็ดังขึ้นมาจากในอินเตอร์คอม “บอสครับ มีคนมาหาคุณครับ คุณเออร์บักกำลังต้อนรับอยู่ เป็นคนที่มาจากศาลนครเซนต์จอห์น ผมเลยมาเชิญคุณไปพบครับ”
คนของศาลแวะมาหา ฉินสือโอวคิดถึงเรื่องที่ตัวเองทำผิดก่อนตามสัญชาตญาณ แต่คิดไปคิดมาตัวเองก็เป็นเด็กดี เรื่องที่ผิดกฎหมายก่ออาชญากรรมก็ไม่เคยทำ กลับกันตอนที่จ่ายภาษีเขาใช้เล่ห์เหลี่ยมนิดหน่อย แต่นั่นก็เป็นการหลีกเลี่ยงภาษีที่ถูกต้องตามกฎหมาย
เมื่อกลับมาถึงวิลล่า ฉินสือโอวเห็นชายผิวขาววัยกลางคนสองคนนั่งคุยเล่นกับเออร์บักอยู่บนโซฟา ทั้งสองคนนั่งอย่างเคารพ แต่เออร์บักกลับเอนตัวอย่างสบายใจอยู่บนโซฟา ดูเหมือนผู้นำกับผู้ใต้บังคับบัญชานั่งคุยกัน
ดังนั้นฉินสือโอวพิจารณาแล้ว อย่างน้อยสองคนนี้ก็ไม่ได้มาหาเขาเพราะตัวเขาสร้างปัญหา
หลังจากที่เขาเดินเข้ามา เออร์บักจึงลุกขึ้น ชายวัยกลางคนสองคนนั้นก็รีบลุกขึ้นเหมือนกัน ชายชราชี้ไปที่ทั้งสองคนและแนะนำว่า “นี่คือผู้พิพากษาโฮบอท เจย์กับคุณหลุยส์ แมกซี่จากศาลนครเซนต์จอห์นของพวกเรา นี่คือฉิน พวกนายมีเรื่องอะไรก็คุยกันตามสบายเลยนะ”
บทที่ 1052 แลบราดอร์สุนัขบำบัดประจำศาล
ทั้งสองคนจับมือกับฉินสือโอว จากนั้นโฮบอทจึงพูดว่า “สวัสดีครับ คุณฉิน ขอบคุณสำหรับการสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจกับองค์กรการกุศลที่นครเซนต์จอห์นครับ ผมกับหลุยส์รู้สึกผูกพันทางจิตวิญญาณกับคุณมานานแล้ว ครั้งนี้พวกผมมาหาคุณ เพราะอยากทำงานร่วมกับคุณในโครงการหนึ่ง นั่นคือการยืมสุนัขแสนรักทั้งสองตัวของคุณเพื่อให้พวกมันทำหน้าที่เป็นสุนัขบำบัดประจำศาล ไม่ทราบว่าคุณจะสนใจไหมครับ”
ฉินสือโอวได้ยินคำนี้เป็นครั้งแรกจึงถามกลับด้วยความประหลาดใจว่า “สุนัขบำบัดประจำศาล? นั่นคืออะไรครับ?”
โฮบอทยิ้มและอธิบายให้เขาฟัง “ความจริง พูดง่ายๆ ก็คือพวกผมจะเชิญสุนัขแสนรักของคุณไปขึ้นศาลพร้อมกับโจทก์หรือพยานจำนวนหนึ่ง บางครั้งตอนที่คนพวกนี้เผชิญหน้ากับจำเลยพวกเขาจะรู้สึกกลัวและประหม่า ในช่วงนี้สุนัขบำบัดจะขึ้นไปอยู่กับคนพวกนี้และทำให้พวกเขารู้ว่าตัวเองไม่ได้อยู่เพียงลำพัง พวกเขายังมีเพื่อนอยู่ข้างกายและจะรวบรวมความกล้าที่จะยืนหยัดเพื่อความยุติธรรม”
จากนั้นโฮบอทก็แบ่งปันความรู้ทั่วไปของสุนัขบำบัดประจำศาลบางเรื่องให้ฉินสือโอวฟังอีก
การเสนอแนวคิดเรื่องสุนัขบำบัดประจำศาลนี้มีที่มาจากประเทศสหรัฐอเมริกา ตอนนี้รัฐ 28 รัฐในประเทศสหรัฐอเมริกามีสุนัขบำบัดประจำศาลมืออาชีพประมาณ 87 ตัว พวกมันจะขึ้นศาลเพื่อไปปลอบโยนโจทก์กับพยาน โดยเฉพาะพวกเด็กๆ ที่ได้รับบาดเจ็บจากความรุนแรงพวกนั้น และทำให้พวกเขามีความกล้าไปกล่าวหาคนพวกนั้นที่ทำร้ายพวกเขา
ฉินสือโอวพูดอย่างลำบากใจ “ผมคิดว่านี่ไม่ใช่เรื่องง่าย หู่จือกับเป้าจือของผมเป็นสัตว์เลี้ยงที่อัธยาศัยดี แต่พวกมันไม่เคยได้รับการฝึกอบรมที่เกี่ยวข้องมาก่อนเลย ลักษณะก็โดดเด่นมาก ผมกลับกลัวว่าในเวลานั้นพวกมันจะต่อต้าน อย่างเช่นอาจจะก่อให้เกิดความเสียหายภายในศาล”
โฮบอทยิ้ม “บางทีอาจจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แต่พวกผมอยากจะลองดู คุณฉิน ถ้าทำได้สำเร็จ ศาลนครเซนต์จอห์นของพวกเราก็จะแนะนำสุนัขบำบัดประจำศาล สำหรับความยุติธรรมในเมืองของเรา นี่ถือเป็นความก้าวหน้าที่ยิ่งใหญ่”
หลุยส์นำโน้ตบุ๊กออกมา หลังจากเปิดก็วางไว้ตรงหน้าฉินสือโอวและพูดว่า “เชิญคุณดูตรงนี้ก่อนดีไหมครับ?”
นี่คือสารคดีธรรมดาๆ เรื่องหนึ่งซึ่งเล่าเรื่องราวของศาลวอชิงตันในสหรัฐอเมริกา ในตอนนั้นมีคนฟ้องว่าชายผิวดำคนหนึ่งเป็นคนร้ายฆาตกรรมแม่บ้านคนหนึ่ง และพยานคือเด็กผู้หญิงอายุ 5 ขวบกับเด็กผู้หญิงอายุ 8 ขวบซึ่งทั้งคู่เป็นลูกสาวของแม่บ้านคนนั้น
เด็กหญิงทั้งสองคนดูเป็นกังวลมากที่ต้องมาแสดงตัวบนศาล ถึงขั้นกอดกันครั้งหนึ่งและตัวสั่นอยู่ด้วยกัน คดีก็ติดขัดตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ฉินสือโอวรู้สึกว่าบรรยากาศในศาลตอนนั้นราวกับถูกแช่แข็ง ผู้พิพากษากับทนายความทุกคนคิดว่าการพิจารณาคดีไม่สามารถดำเนินต่อไปได้
สุนัขโกลเด้นรีทรีฟเวอร์สองตัวที่อยู่ด้านหลังจึงเดินขึ้นมาบนศาล พวกมันคลอเคลียอยู่ในอ้อมแขนของเด็กหญิงทั้งสองคนอย่างชาญฉลาด และใช้ลิ้นเลียที่ด้านหลังฝ่ามือหรือแก้มของเด็กหญิงทั้งสองคนอย่างต่อเนื่อง เด็กหญิงสองคนโอบกอดโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ที่น่ารัก ต่อมาพวกเธอก็สามารถรวบรวมความกล้าได้ในที่สุดและเผยความจริงที่เยาวชนผิวดำฆ่าแม่ของพวกเธอ
“นี่ก็คือสุนัขบำบัดประจำศาลมืออาชีพ” หลุยส์พูด “พวกมันบำบัดอารมณ์ของพวกเด็กๆ และช่วยเปลี่ยนให้พวกเขากล้าหาญขึ้น เป็นสัตว์เลี้ยงตัวน้อยที่น่าทึ่งมาก”
สำหรับคำขอร้องของศาล ฉินสือโอวไม่ได้รังเกียจ เขาคิดว่าถ้าหากหู่จือและเป้าจือสามารถทำเรื่องสาธารณประโยชน์แบบนี้ได้บ้างก็ดีมากเหมือนกัน
แต่เรื่องที่เขาเพิ่งจะพูดคือความจริง ใครจะรู้ว่าเจ้าตัวน้อยทั้งสองตัวจะทำอะไรออกไปบ้างตอนที่อยู่ในศาล ไม่แน่ว่าพวกมันอาจจะทะเลาะกันต่อหน้าทุกคนก็ได้ นั่นคงวุ่นวายมาก
โฮบอทมองเขาลังเลจึงพูดต่อว่า “คุณฉิน คุณอาจจะไม่รู้ว่า ตอนที่คนคนหนึ่งต้องรื้อฟื้นเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจ พวกเขาจะสัมผัสถึงปฏิกิริยาทางสรีรวิทยาที่คล้ายคลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนั้นได้ ระบบการเผชิญหน้าที่พยานต้องมาอยู่ต่อหน้าจำเลยแบบนี้เป็นเรื่องที่โหดร้ายมาก บุคลากรจำนวนมากก็แตกสลายไปหลังจากนั้น โดยเฉพาะเด็ก”
ฉินสือโอวยิ้มอย่างขมขื่น “ผมหวังว่าผมจะสามารถช่วยพวกคุณได้ แต่ผมไม่มั่นใจจริงๆ ว่าหู่จือกับเป้าจือจะทำได้สำเร็จ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมพวกคุณคิดจะใช้สุนัขของผม ความจริงพวกคุณอาจจะไปสหรัฐและยืมสุนัขของพวกเขามามันจะไม่ดีกว่าเหรอครับ?”
หลุยส์หยิบเอกสารอีกฉบับหนึ่งออกมาและส่งให้เขา “เรื่องก็เป็นแบบนี้แหละครับ คุณฉิน ครั้งนี้คนที่ต้องการความช่วยเหลือจากสุนัขของคุณ เป็นเด็กสามคนที่มาจากครอบครัวพ่อเลี้ยงเดี่ยวและต้องเผชิญหน้ากับความทุกข์ทรมานจากความน่ากลัวของผู้เป็นพ่อ”
ฉินสือโอวอ่านเอกสาร ด้านในมีรูปภาพ เป็นเด็ก 3 คนที่มีอายุแตกต่างกัน แต่ลักษณะของเด็กที่โตที่สุดก็แค่ 7 ถึง 8 ขวบเท่านั้น
“บาดแผลที่เด็กๆ พวกนี้ได้รับรุนแรงมาก คุณฉิน พวกผมไม่สามารถจินตนาการถึงความรุนแรงได้ แค่ทำให้พวกเธอเปิดใจกับพนักงานสอบสวนและเล่าว่าเกิดอะไรขึ้นก็ใช้เวลาหลายเดือนแล้ว ตอนที่ไปปรากฏตัวในศาลเพียงชั่วคราว แค่ต้องเผชิญหน้ากับจำเลยพวกเธอก็บอบช้ำมากเกินไปแล้ว เด็กสองคนรู้สึกกลัวถึงขั้นไม่สามารถเปิดปากได้ตอนอยู่บนศาล!” หลุยส์พูดอย่างหนักแน่น
ฉินสือโอวถอนหายใจและพูดด้วยความสงสาร “นั่นน่าเศร้าเกินไปแล้ว!”
หลุยส์พยักหน้าและพูดอีกว่า “แต่เรื่องก็พลิกผันไปในตอนท้าย หลังจากการขึ้นศาลครั้งแรกล้มเหลว สภาพจิตใจของเด็กทั้งสามคนก็แย่ลงเรื่อยๆ จนกระทั่งในข่าวต่อมา พวกเขาเห็นสุนัขแสนรักทั้งสองตัวของคุณ”
“ในตอนนั้นเด็กน้อยทั้งสองตัวของคุณไปเข้าร่วมการแข่งขันเพื่อการกุศลของช่องทราเวิร์สด้วยกันกับคุณ นึกไม่ถึงว่าเด็กทั้งสามคนจะพูดคุยกันอย่างมีชีวิตชีวาเพราะสุนัขของคุณ หลังจากที่พวกผมรู้จักพวกเขา นั่นเป็นครั้งแรกที่เห็นพวกเขาพูดคุยกันแบบนั้นเหมือนคนปรกติ!”
ฉินสือโอวเข้าใจแล้ว ไม่แปลกที่ทั้งสองคนจะมาหาเขาถึงบ้าน เดิมทีเป็นเพราะการแสดงที่ฉายบนโทรทัศน์ของหู่จือกับเป้าจือก่อนหน้านี้และถูกคนอื่นเห็น
เขาพลิกอ่านเอกสารและพบว่าด้านในยังมีรูปภาพของเด็กผู้หญิงอายุ 15 ถึง 16 ปีอีกคนหนึ่งจึงถามขึ้นมาว่า “ขอถามหน่อยนะครับ เด็กคนนี้คือ?”
หลุยส์พูดว่า “นี่ก็เป็นเหยื่อที่หวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากสุนัขแสนรักของคุณครับ”
เขาเห็นวินนี่อุ้มลูกเดินเข้ามาจึงหยุดและพูดว่า “ก่อนที่ผมจะเล่าถึงคดีนี้ ผมหวังว่าภรรยากับลูกของคุณจะออกไปก่อน บางเรื่องก็มืดมนเกินไป”
วินนี่ยิ้มเป็นการขอโทษและพาเสี่ยวเถียนกวาออกไป
หลังจากเธอออกไป หลุยส์ถึงพูดต่อว่า “เด็กสาวที่น่าสงสารคนนี้ชื่อว่าจูดี้ พ่อของเธอทำการล่วงละเมิดเธอและปล่อยให้เธอตั้งครรภ์ เรื่องที่น่ากลัวแบบนี้ไม่ว่าจะเกิดขึ้นบนร่างกายของใคร ล้วนเป็นเรื่องที่ทำให้รู้สึกยากที่จะจินตนาการ ไม่ใช่เหรอครับ?”
ฉินสือโอวตกใจและโกรธขึ้นมาในทันที
เขาเพิ่งจะกลายเป็นพ่อและมีลูกสาวคนหนึ่ง ถึงแม้ว่าเขาจะพูดถึงความรักที่มีให้ลูกสาวน้อยมาก แต่จะเห็นได้จากการที่เขาพยายามเป็นที่หนึ่งในการแข่งขันการกุศลเรื่องนี้เพื่อคว้าสิทธิ์ในการตั้งชื่อให้ลูกสาว เขามีความรักที่ลึกซึ้งต่อลูกสาวของเขา
ตอนที่เขาได้ยินว่ามีพ่อที่ทำร้ายลูกสาวตัวเองแบบนี้ เขาไม่อยากจะเชื่อเลย ในเวลาเดียวกันก็รู้สึกว่า เด็กสาวที่น่าสงสารคนนี้โชคร้ายเหลือเกิน!
เด็กสาวที่ถูกล่วงละเมิดจะบอกความจริงว่าคนที่ไม่เกี่ยวข้องทำผิดยังเป็นเรื่องยาก และตอนนี้ผู้กระทำผิดยังไม่ใช่คนที่ไม่เกี่ยวข้องอีก แต่เป็นพ่อผู้ให้กำเนิดตัวเองและต้องออกมาบอกความจริงต่อหน้าทุกคนที่ให้ความสนใจภายในศาล นั่นเป็นเรื่องที่เลวร้ายเกินไปจริงๆ
เมื่ออ่านคดีนี้ ฉินสือโอวจึงตัดสินใจได้และพูดว่า “ผมจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้หู่จือกับเป้าจือช่วยเหลือเด็กที่น่าสงสารพวกนี้ แต่พวกมันไม่เคยทำเรื่องทำนองนี้มาก่อน ดังนั้น ผมคิดว่านี่อาจจะรีบมากไม่ได้”
เมื่อได้รับคำยืนยันจากเขา โฮบอทกับหลุยส์ดีใจมากและพูดอย่างรีบร้อนว่า “พวกผมจะให้สุนัขแสนรักของคุณได้ใกล้ชิดกับเด็กๆ ก่อนสักหน่อย ผมเชื่อว่าถ้าพวกเราพยายามอย่างเต็มที่ พวกเราจะช่วยพวกเธอได้อย่างแน่นอนครับ!”
บทที่ 1053 แมทช์ฝึกซ้อม
ฉินสือโอวเป่านกหวีด หู่จือกับเป้าจือที่กำลังกลิ้งตัวกับหลัวปออยู่บนสนามหญ้าก็กระดิกหูอันใหญ่โตและรีบวิ่งอย่างรวดเร็วเข้ามาในทันที พวกมันนั่งลงบนโซฟาทั้งสองด้านของเขาอย่างชาญฉลาดและวางหัวไว้บนเข่าของเขา
โฮบอทกับหลุยส์เห็นความฉลาดของเจ้าแลบราดอร์ทั้งสองตัว ตาทั้งสอบข้างก็เป็นประกายขึ้นมาในทันทีและกล่าวชมครั้งแล้วครั้งเล่า
“เจ้าตัวน้อยสวยมากจริงๆ ดูขนของพวกมันสิ เหมือนชุบด้วยทองเลย!”
“หวังว่าในอนาคตจะได้เห็นพวกมันในศาล ผมเชื่อว่าสุนัขสองตัวนี้จะปลอบเด็กๆ ได้”
ฉินสือโอวลูบหัวของหู่จือกับเป้าจือและยื่นมือชี้นิ้วไปที่ทั้งสองคน แลบราดอร์เอียงหัวมองไปที่สองคนนั้นและก้าวก้าวเล็กๆ เดินเข้าไปหา หลังจากนั่งลงมันยื่นอุ้งเท้าขวาด้านหน้าไปวางไว้ที่ด้านหน้าของทั้งสองคนนั้น
ฉากนี้ทำให้โฮบอทกับหลุยส์ถึงจุดไคลแมกซ์ทันที ทั้งสองคนจับมือกับพวกสุนัขตัวน้อยเป็นการหยั่งเชิง พวกเขายกนิ้วให้และตะโกนว่า “ฉลาดมาก พวกมันเป็นเด็ก พวกมันไม่ใช่สุนัขแล้ว!”
ฉินสือโอวยังค่อนข้างระวัง สุดท้ายแลบราดอร์ก็ไม่ใช่มนุษย์ บางคำสั่งยังรับไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นพื้นที่ในการเติบโตของพวกมันค่อนข้างปิดและเจอคนแปลกหน้าน้อยมาก พวกมันอาจจะไม่เต็มใจรับคนแปลกหน้า
หลังจากที่หู่จือกับเป้าจือเข้ามาเล่นได้สักพัก โฮบอทกับหลุยส์ก็จากไปอย่างพึงพอใจ ก่อนที่จะออกไปพวกเขาหยิบบิสกิตเสริมแคลเซียมรสนมชิ้นหนึ่งออกมาจากในกระเป๋าแล้วแบ่งให้แลบราดอร์ทั้งสองตัว พวกแลบราดอร์เงยหน้ามองฉินสือโอว เมื่อเขาพยักหน้า พวกมันจึงอ้าปากรับบิสกิตที่แบ่งแล้วไปกิน
โฮบอทกับหลุยส์ยกนิ้วโป้งให้อีกครั้ง ในสายตาของพวกเขา หู่จือกับเป้าจือเป็นเหมือนกับเทพเจ้าสุนัข
ช่วงต่อไปที่จะพบกันที่ทั้งสองฝ่ายนัดหมายไว้คือหนึ่งสัปดาห์หลังจากนั้น ถึงตอนนั้นหู่จือกับเป้าจือจะไปทำความรู้จักกับเด็กพวกนั้นก่อนสักหน่อย หลังจากนั้นก็จะไปปรากฏตัวในศาลเป็นเพื่อนเด็กๆ
หลังจากไปส่งโฮบอทกับหลุยส์ ฉินสือโอวก็กลับไปทำความเข้าใจสถานะของสุนัขบำบัดประจำศาลอีกสักหน่อย
เขาพบว่า ในสหรัฐอเมริกาที่ใช้สุนัขบำบัดประจำศาลมากที่สุด ความคิดเห็นเกี่ยวกับระบบนี้ก็มีทั้งชมเชยและตำหนิ แตกต่างกันไป สถานการณ์ที่เกี่ยวข้องก็มีข้อพิพาทอย่างไม่รู้จบมาโดยตลอด
พนักงานอัยการบางคนคิดว่า การปรากฏตัวของสุนัขบำบัดประจำศาลเป็นการพัฒนาครั้งสำคัญสำหรับอาชญาวิทยาการข่มเหงเด็กและจะกลายเป็นแนวโน้มในการพิจารณาคดีของศาลในภายหลัง มีหลายรัฐอนุญาตให้สุนัขบำบัดจิตที่ผ่านการฝึกซ้อมอยู่ในศาลช่วงที่มีการพิจารณาคดีเพื่อคลายความกดดันของคู่กรณีได้ โดยเฉพาะเด็กกับพยานที่เปราะบางจากการถูกทำร้าย
ตัวอย่างเช่น ในไม่กี่ปีที่ผ่านมาที่ศาลในรัฐแอริโซนา รัฐฮาวาย รัฐไอดาโฮ รัฐอินดีแอนากับรัฐอื่นบางรัฐในประเทศสหรัฐอเมริกาอนุญาตให้สุนัขที่เคยได้รับการฝึกพวกนี้เข้าร่วมการพิจารณาคดีของศาลได้และมอบการปลอบโยนในรูปแบบของการคลอเคลียให้แก่เด็กและพยานคนอื่นที่สภาพจิตใจอ่อนแอ
อย่างไรก็ตาม การปรากฏตัวของสุนัขบำบัดนำไปสู่การโต้เถียงเรื่องกฎหมายจำนวนหนึ่ง ทนายของจำเลยคิดว่าการปรากฏตัวของสุนัขในการพิจารณาคดีของศาลจะส่งผลต่อการพิจารณาคดีของคณะลูกขุน
ทนายความที่มีชื่อเสียงบางคนของหน่วยงานพิทักษ์สาธารณะคิดว่าสุนัขบำบัดมีไว้เพื่อพยานที่รู้สึกกดดันจริงๆ แต่แรงกดดันนี้ก็อาจจะเป็นแรงกดดันที่ต้องเผชิญกับการพิจารณาว่ามีความผิด ก็อาจจะเป็นแรงกดดันที่พูดโกหกได้เหมือนกัน และคณะลูกขุนก็จะคิดว่าพยานจะพูดความจริงออกมาภายใต้การชี้นำของสุนัข
ฉินสือโอวรู้สึกว่าเรื่องนี้สมเหตุสมผล สุนัขบำบัดถูกมองว่าเป็นตัวช่วยให้เหยื่อผ่อนคลายและทำให้พวกเขาพูดความจริงออกมา แต่ความจริงที่พูดออกมา แต่นี่เป็นความจริงจริงๆ เหรอ? ถ้าเรื่องที่พวกเขาพูดเป็นเรื่องโกหก แต่เพราะสุนัขบำบัดอยู่ข้างๆ เรื่องโกหกก็ยังจะถูกคนคิดว่านี่เป็นเรื่องจริง
สำหรับจำเลย นี่ไม่ยุติธรรมเลย
เป็นเพราะการโต้แย้งนี้ แคนาดาจึงไม่เคยผ่านมติที่จะให้สุนัขบำบัดเข้าไปอยู่ในศาลมาโดยตลอด แต่ครั้งนี้ นครเซนต์จอห์นตัดสินใจจะฝ่าฝืนจรรยาบรรณ
ด้วยเหตุนี้ หลังจากที่โฮบอทกับหลุยส์ได้รับคำมั่นสัญญาของฉินสือโอวจึงกลับไปปล่อยแบบสำรวจความคิดเห็นลงบนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของศาลนครเซนต์จอห์นซึ่งก็เป็นการขอความคิดเห็นจากประชาชนผ่านทางอินเทอร์เน็ตกับสื่อที่เป็นกระดาษว่า ควรอนุญาตให้สุนัขบำบัดช่วยโจทก์กับพยานคลายความกดดันใช่หรือไม่
โฮบอทเป็นตัวแทนศาลนครเซนต์จอห์น เขาเป็นผู้พิพากษาคนหนึ่ง ระหว่างการสอบสวนเขาให้คำมั่นสัญญาว่า ถ้าในการอุทธรณ์คดีมีสุนัขมาปรากฏตัวในศาล พวกเขาจะรับฟังคดีนี้อย่างละเอียดถี่ถ้วนมากยิ่งขึ้น เพราะสุนัขของศาลอาจจะส่งผลต่อการพิจารณาคดีของคณะลูกขุนจริง
สำหรับเรื่องนี้ ศาลยอมรับว่าไม่สามารถแยกแยะความจริงจากคำให้การของโจทก์กับพยานได้ แต่เรื่องนี้ไม่ควรจะเกี่ยวข้องกับสุนัขบำบัด พวกมันเพียงแค่ทำหน้าที่ของให้ตัวเองให้ดีที่สุดคือ ช่วยให้พยานคลายแรงกดดันลง
หลังจากโฮบอทยอมให้สัมภาษณ์ เขาพูดว่า “ทุกครั้งที่ศาลเริ่มพิจารณาคดีจะต้องใช้เวลาสองสามชั่วโมงทุกครั้ง พวกเราคิดว่าสุนัขของศาลที่น่ารักจะเป็นการปลอบประโลมที่ขาดไม่ได้สำหรับเด็กที่เข้ามาอยู่ในกระบวนการพิจารณาคดีของศาลที่ยาวนานและทุกข์ทรมาน พวกมันสามารถช่วยเหลือคนเหล่านี้ได้”
ฉินสือโอวไม่ได้คาดการณ์ไว้ว่า หู่จือกับเป้าจือจะกลายเป็นตัวเอกในเหตุการณ์ที่ปั่นป่วนอย่างนี้ ไม่กี่วันหลังจากนั้น การโต้เถียงที่เกี่ยวกับสุนัขบำบัดประจำศาลเริ่มรุนแรงมากยิ่งขึ้น ภาพถ่ายสวยๆ ของหู่จือกับเป้าจือจึงไปปรากฏอยู่บนอินเทอร์เน็ตกับสื่อท้องถิ่น
ในกลุ่มพวกเขา วิธีพูดของนายกแฮมเล็ตนครเซนต์จอห์นค่อนข้างคลาสสิก “ผมรู้จักกับเจ้าของสุนัขบำบัดสองตัวนี้ พูดตามตรงพวกเราเป็นเพื่อนสนิทกัน ดังนั้นผมคิดว่าผมรู้จักพวกมันดีกว่าทุกคน หู่จือกับเป้าจือเป็นเด็กดี พวกมันช่วยเหลือผู้คนมากมายในเมืองแฟร์เวล ตอนนี้เป็นตอนที่พวกมันต้องการจะช่วยเหลือผู้คนมากยิ่งขึ้น”
ฝ่ายตรงข้ามพูดอย่างเป็นกังวล “หลังจากที่สุนัขบำบัดได้รับความเชื่อใจจากผู้พิพากษา ถ้ารักทุกอย่างที่เป็นมันขนาดนั้น โจทก์ที่อยู่ข้างเดียวกับสุนัขบำบัดก็จะได้รับความเชื่อใจจากผู้พิพากษาที่เอนเอียงด้วยเหมือนกัน คราวนี้คำพูดของโจทก์เป็นความจริงหรือโกหกจะตัดสินได้อย่างไร?”
การอภิปรายด้านนอกเป็นไปอย่างดุเดือด ฉินสือโอวไม่เหลือเรี่ยวแรงที่จะเข้าร่วม เขายังต้องฝึกซ้อมทีมบาสเกตบอลของโรงเรียนประถมแกรนท์อีก
มิเชลเป็นเอซเพียงคนเดียว เดิมทีเขามีพรสวรรค์ด้านบาสเกตบอลที่โดดเด่นอยู่แล้ว ตอนนี้หลังจากที่เพิ่มการฝึก เขาก็พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว
สมาชิกในทีมของเขาอ่อนเกินไป และยังตามจังหวะของเขาไม่ทันเลยโดยสมบูรณ์ ในแมทช์ฝึกซ้อมมิเชลสามารถบุกทะลวงและชูตลูกต่อหน้าพวกเขาได้ตามที่ต้องการ แค่นี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า ผู้เล่นเอซทีมฝ่ายตรงข้ามก็สามารถทำลายล้างเด็กที่น่าสงสารพวกนี้ได้ตามที่ต้องการ
ความห้าวหาญของมิเชลและความสนใจของฉินสือโอวที่มีต่อเขานำไปสู่ความไม่พอใจของพวกเด็กๆ เมื่อก่อนพวกเขาเป็นหัวหน้าของทีมนี้ และไม่ใช่รุ่นน้องคนนี้อย่างมิเชล
ถึงแม้ว่าทีมบาสเกตบอลของโรงเรียนประถมแกรนท์จะไม่มีชื่อเสียง แต่ก็ดีกว่าไม่มีอะไรเลย พวกสมาชิกในทีมบาสเกตบอลยังสามารถพึ่งพาจุดนี้เพื่อจะได้รับความสนใจจากพวกสาวๆ ในชั้นเรียน ตอนนี้การปรากฏตัวของมิเชลทำให้พวกเขากลายเป็นใบไม้สีเขียวที่อยู่ด้านหนึ่งของดอกคำฝอย ดังนั้นจิตใจของพวกเขาจะทนได้อย่างไรกัน?
แต่ฉินสือโอวได้รับความนิยมและมีชื่อเสียงมากในเมืองแฟร์เวล และทักษะด้านบาสเกตบอลก็แข็งแกร่งสุดยอด พวกเขาก็นับถือฉินสือโอวเหมือนกัน ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้แค่ทนอยู่อย่างไม่มีความสุข เรื่องนี้ส่งผลต่อท่าทีในการซ้อมของพวกเขา พลังในการต่อสู้ของพวกเด็กๆ ที่เดิมทีไร้ความสามารถอยู่แล้วก็ยิ่งแย่ขึ้นไปอีก
ฉินสือโอวรู้สึกว่าแบบนี้ไม่ดีแน่จึงเริ่มคิดหาวิธี เขาหาสิ่งแปลกปลอมมากระตุ้นและจัดแมทช์ฝึกซ้อมสาธารณะขึ้นมา เหมือนกับเอ็นบีเอแบบนั้น
แมทช์ฝึกซ้อมสาธารณะของเอ็นบีเอเป็นการแสดงให้เห็นถึงความเก่งกาจของพวกสมาชิกในทีมและช่วยทีมขายตั๋ว แมทช์ฝึกซ้อมที่ฉินสือโอวจัดจึงเป็นการทำให้พวกสมาชิกในทีมเห็นภาพของการเป็นนักบาสเกตบอลมืออาชีพ และเพิ่มความสนใจที่มีต่อบาสเกตบอลและแรงจูงใจในการซ้อมของพวกเขา
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น