เทพปีศาจหวนคืน 1047-1048

 บทที่ 1047 ต่อสู้และหลบหนี (2)


แปลโดย iPAT 


 


ไล่ล่าหรือไม่?


 


กลุ่มผู้อมตะของทะเลตะวันออกมองหน้ากัน


 


คนแรกที่ตอบสนองคือผู้อมตะระดับเจ็ดถังซ่ง


 


“อย่าคิดว่าสามารถจากไป!” เขาคำรามและไล่ล่าฟางหยวนไปด้วยความเร็วสูง


 


ฟางหยวนตะโกน “อย่าคิดว่าข้ากลัวเจ้า! หากไม่ใช่เพราะภารกิจของข้า ข้าจะฆ่าเจ้าที่นี่!”


 


ถังซ่งโกรธมาก “ไร้สาระ!”


 


ท่าไม้ตายอมตะของเขาเกือบพร้อมใช้งานแล้ว เขาต้องการกอบกู้ใบหน้าของตนและไม่สามารถปล่อยฟางหยวนไป


 


การกระทำของเขาทำให้กลุ่มผู้อมตะของทะเลตะวันออกตกตะลึงและติดตามไปเช่นกัน


 


หัวใจของฟางหยวนจมดิ่งลง เขาตะโกน “ผู้ใดไม่กลัวตายก็เข้ามา ฮ่าฮ่าฮ่า”


 


ถังซ่งตะโกนตอบ “คนกลัวตายก็คือคนขี้ขลาด! ไล่ตามเขา พวกเราไม่สามารถปล่อยให้แผนที่ตกอยู่ในมือของคนนอก! โดยการจับคนผู้นี้ พวกเราจะได้รับมรดกของผู้เชี่ยวชาญระดับสูง!”


 


ด้วยการล่อลวงโดยผลประโยชน์ กลุ่มผู้อมตะของทะเลตะวันออกจึงเร่งความเร็วขึ้น


 


ฟางหยวนพึมพำ “ช่างโง่เขลานัก”


 


เขาส่งดาบบินออกไป ถังซ่งตกใจและพยายามหลบ นี่ทำให้ท่าไม้ตายอมตะของเขาถูกขัดจังหวะและต้องเริ่มต้นใหม่ตั้งแต่แรก


 


ถังซ่งกระทืบเท้าด้วยความโกรธ


 


ผู้อมตะระดับเจ็ดหลิวชิงหยูบินผ่านเขาไปและไล่ตามฟางหยวน


 


ฟางหยวนมองและพยายามหว่านความไม่ลงรอย “หลิวชิงหยู แผนที่อยู่กับเจ้าแต่เจ้ากลับไล่ล่าข้า ช่างเป็นการแสดงที่น่าทึ่งนัก!”


 


หลิวชิงหยูโกรธมาก “อย่าหนีหากมีความกล้า!”


 


“หากไม่ใช่เพราะภารกิจของตระกูล เหตุใดข้าต้องวิ่ง?” ฟางหยวนตะโกน “ตามข้าต่อไป หากพวกเจ้ามีความกล้า เรามาดูกันว่าสุดท้ายผู้ใดจะโชคร้ายที่สุด ฮ่าฮ่าฮ่า”


 


ฟางหยวนแสดงออกด้วยความเย่อหยิ่งและปราศจากความหวาดกลัวแม้เขาจะถูกไล่ล่าโดยผู้อมตะจำนวนมาก


 


ในทางตรงข้ามกลุ่มผู้อมตะของทะเลตะวันออกเริ่มลังเลมากขึ้น


 


ประเด็นสำคัญก็คือแผนที่อยู่กับผู้ใดกันแน่ สิ่งที่ฟางหยวนกล่าวก่อนหน้านี้มีความเป็นไปได้สูงเช่นกัน


 


นอกจากนี้ดูเหมือนฟางหยวนจะมีกำลังเสริม เพื่อกำหราบสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาลฝูงใหญ่ พวกเขาต้องติดตั้งท่าไม้ตายเขตแดนอมตะหรืออาจนำคฤหาสน์วิญญาณอมตะออกมา เรื่องนี้มีความเป็นไปได้สูงมาก


 


“หากเราเข้าสู่ท่าไม้ตายเขตแดนอมตะ มันจะกลายเป็นเรื่องยาก…” กลุ่มผู้อมตะเริ่มกังวลมากขึ้น


 


ถังซ่งเป็นสมาชิกของกองกำลังใหญ่ เขาอาจไม่กลัว แต่ท่ามกลางผู้อมตะกลุ่มนี้มีผู้บ่มเพาะสันโดษร่วมอยู่ด้วย


 


ผู้บ่มเพาะสันโดษเหล่านี้ไม่มีความสามารถมากนักมิฉะนั้นพวกเขาจะไม่เข้าไปในทะเลไหลเชี่ยวเพื่อแสวงหาโอกาส ท้ายที่สุดเวลาก็เป็นสิ่งมีค่าสำหรับผู้อมตะ


 


ผู้อมตะที่ติดตามอยู่ด้านหลังเริ่มแยกตัวออกไปมากขึ้นเรื่อยๆ


 


หลังจากทั้งหมดผู้อมตะล้วนไม่ใช่คนโง่ พวกเขาเป็นคนฉลาด


 


บางคนไม่เต็มใจปล่อยฟางหยวนไปแต่พวกเขาเกรงว่าตนเองจะวิ่งเข้าสู่ท่าไม้ตายเขตแดนอมตะและไม่สามารถปลดปล่อยตนเอง ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจให้คนที่อยู่ด้านหน้าเป็นผู้นำและเฝ้ามองอยู่นอกสนามรบ


 


“เจ้าพวกนี้ช่างไร้ประโยชน์นัก!” หลิวชิงหยูที่อยู่ด้านหลังฟางหยวนสบถสาปแช่งแต่เขาก็ลังเลเช่นกัน


 


เขาเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษที่ได้รับโชคลาภโดยบังเอิญและกลายเป็นตัวตนที่โดดเด่น แต่เผชิญหน้ากับท่าไม้ตายเขตแดนอมตะ  เขาก็ยังไม่สามารถทำสิ่งใด


 


กระทั่งถังซ่งยังรู้สึกลังเลแต่เขาก็ไม่กล้าจากไปและทำได้เพียงสะสมความแข็งแกร่งเพื่อรับมือกับกำลังเสริมของศัตรูเท่านั้น


 


ด้วยเหตุนี้การไล่ล่าจึงกลายเป็นการเคลื่อนไหวที่แปลกประหลาด


 


ฟางหยวนบินไปข้างหน้าและตะโกนสาปแช่ง เขามีการบ่มเพาะต่ำกว่าแต่การแสดงออกของเขากลับเต็มไปด้วยความหยิ่งยโส


 


ด้านหลังคือกลุ่มผู้อมตะของทะเลตะวันออกที่แข็งแกร่งแต่พวกเขากลับถูกกดดันและแสดงออกราวกับผู้ถูกกระทำ


 


ฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายด้านการบินขณะที่กลุ่มผู้อมตะด้านหลังก็ใช้ท่าไม้ตายด้านการบินเช่นกัน


 


ในความเป็นจริงฟางหยวนมีความมั่นใจน้อยมากกับการกระทำของเขา ‘ช่างยากลำบากนัก! ข้าต้องไปยังกำแพงภูมิภาคและใช้ข้อได้เปรียบด้านสภาพแวดล้อมเพื่อหลบหนีจากพวกเขา’


 


‘หลิวชิงหยู…’ ฟางหยวนจดจำชื่อนี้เอาไว้


 


เขาไม่ได้รับแผนที่ใดๆ หรือบางทีเขาอาจทำลายมันไปแล้ว แต่ก็มีความเป็นไปได้เช่นกันที่แผนที่จะอยู่ในมือของหลิวชิงหยู


 


หากเป็นเช่นนั้นอาจกล่าวได้ว่าทักษะการแสดงของหลิวชิงหยูใกล้เคียงกับฟางหยวนมาก


 


ฟางหยวนเป็นผู้นำกลุ่มบินข้ามผ่านท้องฟ้า


 


ถังซ่งเตรียมท่าไม้ตายอมตะของตนอย่างลับๆและสามารถใช้งานได้แล้ว


 


เขาเคลื่อนที่ผ่านหลิวชิงหยูและเข้าใกล้ฟางหยวนด้วยความตื่นเต้น


 


การกระทำของเขาทำให้ฟางหยวนระวังตัวมากขึ้นและใช้วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติสร้างระยะห่างออกไปทันที


 


“บัดซบ!” ถังซ่งสาปแช่ง ท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ดของเขาจะส่งผลกระทบมากขึ้นในระยะประชิด ด้วยระยะห่างในปัจจุบัน เขาไม่มีโอกาสจับตัวฟางหยวน


 


วิญญาณอมตะระดับเจ็ดทั้งสองดวงยังใช้งานได้ดี ฟางหยวนสามารถสังหารผู้อมตะระดับหกหรือใช้มันเพื่อสร้างระยะห่าง


 


ผู้อมตะระดับหกที่ไม่มีวิญญาณอมตะในการครอบครองถูกทิ้งไว้ข้างหลังอย่างรวดเร็ว


 


เมื่อเห็นฟางหยวนกำลังบินจากไป ผู้อมตะระดับเจ็ดโจวหลี่เริ่มกระวนกระวาย “ข้ามีวิธี ข้าสามารถพาพวกท่านทั้งคู่ไปกับข้าด้วยความเร็วสูง แต่ข้าต้องการสมาธิและไม่สามารถเบี่ยงเบนความสนใจ ข้าหวังว่าพวกท่านจะสามารถหยุดเขา”


 


หลิวชิงหยูและถังซ่งมองหันกันก่อนจะตกลงรับข้อเสนอ


 


หลังจากทั้งหมดคนเหล่านี้มีข้อตกลงกันอยู่แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงมีพื้นฐานของความไว้วางใจ


 


โจวหลี่ปลดปล่อยปราณภูตผีออกจากร่างกายและเพิ่มความเร็วให้กับตนเอง


 


ท่าไม้ตายอมตะสายเคลื่อนไหว!


 


หลิวชิงหยูและถังซ่งกระโดดขึ้นไปบนปราณภูตผีและเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างมีความสุข


 


สถานการณ์ของฟางหยวนกลายเป็นเลวร้าย


 


ก่อนหน้านี้ด้วยการใช้วิญญาณอมตะดาบบินคอยรบกวน เขาจึงสามารถหลบหนีจากกลุ่มผู้อมตะ แต่ตอนนี้ผู้อมตะสองคนมีเวลาเตรียมตัวสำหรับการโจมตีของพวกเขา นี่ถือเป็นภัยคุกคามครั้งใหญ่สำหรับฟางหยวน


 


ฟางหยวนรู้สึกถึงแรงกดดันที่เพิ่มสูงขึ้น


 


เมื่อเวลาผ่านไปเขาก็เริ่มได้รับบาดเจ็บ


 


“ทำได้ดีมาก คนผู้นี้มีวิญญาณอมตะระดับเจ็ดเพียงสองดวงเท่านั้น เขาไม่มีวิธีการอื่น” โจวหลี่กล่าว


 


“เขาได้รับบาดเจ็บมาก่อนหน้า มันควรเป็นอาการบาดเจ็บที่เกิดจากสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาลฝูงนั้น” หลิวชิงหยูกล่าว


 


“แม้เขาจะมีวิญญาณอมตะระดับเจ็ดแต่เขาเป็นเพียงผู้อมตะระดับหก เขาต้องใช้องุ่นเขียวอมตะจำนวนมาก!” ถังซ่งเผยรอยยิ้มเย็นชา


 


พวกเขามันใจในชัยชนะ


 


ดังนั้นพวกเขาจึงอดทนและไม่ได้ระเบิดพลังทั้งหมดออกมาในครั้งเดียว


 


สถานการณ์ของฟางหยวนค่อนข้างอันตราย


 


หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาอาจตายจริงๆ


 


ผู้อมตะเป็นคนฉลาดและสามารถสร้างกลุ่มความคิดที่ซับซ้อน พวกเขาจัดการได้ยากกว่าสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาล


 


หากพวกเขาต่อสู้กันอย่างจริงจัง พลังการต่อสู้ของผู้อมตะกลุ่มนี้ยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับฝูงสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาล แต่ภัยคุกคามจากพวกเขากลับสูงกว่ามาก


 


‘นี่หมายความว่าข้าสามารถพึ่งพากำแพงภูมิภาคเท่านั้น’ ฟางหยวนบินไปยังกำแพงภูมิภาคที่อยู่ใกล้ที่สุด


 


กลุ่มผู้อมตะของทะเลตะวันออกยังไล่ล่าเขามาจากด้านหลังพร้อมกับฝูงสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาล


 


ในไม่ช้ากำแพงภูมิภาคก็ปรากฏขึ้นในมุมมองสายตาของฟางหยวน


 


กำแพงภูมิภาคเหมือนจุดสิ้นสุดดินแดน แต่ฟางหยวนกลับบินเข้าไปหามันโดยตรง


 


“โอ้ ไม่ เขากำลังจะเข้าสู่กำแพงภูมิภาค!” หลิวชิงหยูอุทานเมื่อตระหนักถึงความตั้งใจของฟางหยวน


 


“เป็นแผนการที่ดี พวกเราเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด หลังจากเขาไปในกำแพงภูมิภาค พวกเขาจะเผชิญกับแรงกดดันที่ยิ่งใหญ่” โจวหลี่กล่าว


 


“เร็ว! จู่โจมเขา อย่าให้เขาประสบความสำเร็จ!” ถังซ่งรู้สึกกังวล


 


การโจมตีของผู้อมตะทั้งสองเปลี่ยนไป


 


พวกเขาโจมตีอย่างดุเดือด ฟางหยวนไม่สามารถต่อต้านทำให้เขาได้รับบาดเจ็บมากขึ้น


 


“ฮ่าฮ่าฮ่า” แต่เขายังหัวเราะ “คนตระกูลถังช่างกล้าหาญนัก! หากข้าตายและทำให้ภารกิจของตระกูลล้มเหลว เราจะไม่ปล่อยเจ้าไป!”


 


หัวใจของถังซ่งสั่นสะท้านขึ้น “เจ้ากล่าวถึงตระกูลตลอดเวลา เจ้ามาจากตระกูลใดกันแน่? ข้ารู้จักกองกำลังฝ่ายธรรมะทั้งหมดของทะเลตะวันออก เหตุใดข้าจะไม่เคยได้ยินชื่อของเจ้า!”


 


ฟางหยวนหัวเราะอีกครั้งด้วยน้ำเสียงแห่งความเกลียดชัง “ถังซ่ง ข้าจะไม่ตกหลุมพรางของเจ้า ภารกิจของเราถูกเก็บเป็นความลับ ข้าถูกส่งตัวมาเพราะเราไม่ต้องการเผชิญหน้ากับการแทรกแซงจากภายนอก แม้เจ้าจะฆ่าข้า ข้าก็จะไม่บอกภูมิหลังของตนเอง ข้าสามารถระเบิดวิญญาณอมตะทั้งหมดของข้า แม้พวกเจ้าจะจับหรือสังหารข้า พวกเจ้าก็จะไม่ได้รับสิ่งใดเลย!”


 


คำกล่าวของฟางหยวนทำให้หัวใจของพวกเขาจมดิ่งลง


 


ศัตรูเช่นไรน่ากลัวที่สุด?


 


ทุกคนมีคำตอบที่แตกต่างกันสำหรับคำถามนี้ แต่ผู้คนจำนวนมากเห็นพ้องต้องกันว่ามันคือศัตรูที่ไม่รู้จัก


 


เผชิญหน้ากับศัตรูที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด พวกเขาไม่สามารถวางแผนการต่อต้าน


 


นี่คือความกังวลของผู้อมตะทั้งสาม


 


ตั้งแต่ต้นจนจบพวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าทั้งหมดเป็นคำโกหกของฟางหยวน


 


อย่างไรก็ตามสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาลหายากเกินไป แล้วเหตุใดพวกมันจึงไล่ล่าเขา? เรื่องนี้ต้องมีเบื้องหลัง


 


หากบางคนกล้ายั่วยุพวกมัน พวกเขาย่อมมั่นใจว่าสามารถกำหราบสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาลฝูงนี้


 


และในทะเลตะวันออก กองกำลังชนิดใดที่สามารถต่อต้านพวกมัน?


 


ชัดเจนว่ามีเพียงกองกำลังใหญ่เช่นตระกูลถังเท่านั้น


 


คำกล่าวของฟางหยวนทำให้การโจมตีจากผู้อมตะทั้งสามชะลอตัวลง


 


กำแพงภูมิภาคอยู่ตรงหน้า ฟางหยวนเกือบประสบความสำเร็จในการหลบหนี แต่ในจังหวะนี้โจวลี่กลับโจมตีอย่างกะทันหัน!


บทที่ 1048 ต่อสู้และหลบหนี (3)


แปลโดย iPAT 


 


ปราณภูตผีพุ่งไปข้างหน้าและกลืนกินฟางหยวน


 


ฟางหยวนรู้สึกถึงแรงกดดันราวกับกำลังเผชิญหน้ากับคลื่นยักษ์


 


‘ท่าไม้ตายอมตะที่น่าทึ่ง!’


 


‘ผู้อมตะระดับเจ็ดเป็นตัวตนที่รับมือได้ยากจริงๆ’


 


ความคิดทั้งสองพุ่งผ่านจิตใจของฟางหยวนอย่างรวดเร็ว


 


ปราศจากปราณภูตผี ผู้อมตะทั้งสามก็หยุดเคลื่อนที่


 


“ทุกอย่างจบแล้ว” โจวหลี่เผยรอยยิ้มมั่นใจ


 


ถังซ่งและหลิวชิงหยูมองหน้ากัน พวกเขาสามารถคาดเดาแผนการของโจวหลี่


 


โจวหลี่รวบรวมข้อมูลของฟางหยวนอย่างลับๆและรู้ว่าวิธีใดเหมาะสมที่จะใช้จัดการกับฟางหยวน


 


ภายนอกเขาช่วยสนับสนุนผู้อมตะทั้งสองแต่ความจริงก็คือเขาใช้ประโยชน์จากสถานการณ์รวบรวมข้อมูลของฟางหยวนและค่อยๆสะสมความแข็งแกร่งเพื่อโจมตีในเวลาที่เหมาะสม


 


ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้กระทำการอย่างโจ่งแจ้งแต่เมื่อเขาลงมือ มันราวกับคลื่นยักษ์ที่สามารถกลืนกินทุกสิ่ง


 


ฟางหยวนมีวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ แต่ปราณภูตผีโจมตีเขาอย่างกะทันหัน กระทั่งวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติก็ไม่สามารถช่วยเหลือสิ่งใดในเวลานี้


 


‘โจวหลี่ผู้นี้ดูเหมือนอ่อนแอและอ่อนน้อม แต่ความจริงเขาเจ้าเล่ห์มาก เขากระทั่งฉลาดกว่าข้า!’ หลิวชิงหยูรู้สึกหวาดกลัวโจวหลี่ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้


 


การแสดงออกของถังซ่งกลายเป็นน่าเกลียด เขาเตรียมท่าไม้ตายอมตะอย่างยากลำบากเพื่อกู้คืนใบหน้า แต่โจวหลี่กลับขโมยโอกาสของเขาไป


 


หลังจากทั้งหมดผู้คนที่สามารถบรรลุระดับเจ็ดล้วนไม่ใช่คนทั่วไป


 


การโจมตีของโจวหลี่ทำให้ฟางหยวนไม่ต่างจากสัตว์ร้ายที่ติดอยู่ในกับดัก


 


‘เราชนะแล้ว’


 


ผู้อมตะระดับเจ็ดทั้งสามคิดเหมือนกัน


 


แต่ฟางหยวนกลับหัวเราะ “ฮ่าฮ่าฮ่า สหาย เหตุใดพวกเจ้าจึงโง่งมนัก? พวกเจ้าเอาชีวิตมาทิ้งโดยแท้ ในความคิดเห็นของข้า ผู้อมตะระดับหกยังฉลาดกว่าพวกเจ้า”


 


ผู้อมตะทั้งสามมองหน้ากัน พวกเขาเห็นฟางหยวนยืนมือไพล่หลังลอยอยู่กลางอากาศด้วยการแสดงออกที่สงบนิ่ง


 


หลังจากชั่วครู่ร่างของผู้อมตะทั้งสามจึงสั่นสะท้านขึ้น ‘โอ้ ไม่ เขาไม่กลัว นี่หมายความว่ามันถึงสถานที่ซุ่มโจมตีของพวกเขาแล้วงั้นหรือ?’


 


ฟางหยวนกล่าวอีกครั้ง “ท่าไม้ตายนี้คือสิ่งใด? มันสามารถสะสมพลังงาน แต่…ข้าอยากรู้นักว่ามันจะสามารถทะลวงผ่านท่าไม้ตายเขตแดนอมตะของตระกูลข้าได้หรือไม่? ฮ่าฮ่าฮ่า”


 


ปราณภูตผีสามารถสังหารฟางหยวนแต่เขายังนิ่งเฉยราวกับมันไม่ใช่ท่าไม้ตายอมตะแต่เป็นเพียงสายลมที่อ่อนโยน


 


เขายังต่อต้านปราณภูตผีด้วยการสวมเกราะขนราชสีห์ต่อหน้าผู้อมตะทั้งสาม


 


‘โอ้ ไม่ ท่าไม้ตายนี้ใช้วิญญาณอมตะเกือบทั้งหมดของข้า มันมีพลังการโจมตีที่รุนแรงแต่นี่จะทำให้การป้องกันของข้าอ่อนแอลง หากฝ่ายตรงข้ามโจมตี…’ รูม่านตาของโจวหลี่หดเล็กลง เขารีบดึงปราณภูตผีกลับมาปกป้องตนเองโดยไม่รู้ตัว


 


ด้วยเหตุนี้ฟางหยวนจึงหลุดพ้นจากพันธนาการ


 


“ลาก่อนสหาย!” ฟางหยวนกระตุ้นใช้วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติพุ่งเข้าสู่กำแพงภูมิภาคโดยไม่ลังเล


 


ผู้อมตะทั้งสามตกตะลึงก่อนจะรู้สึกโกรธ


 


“คนผู้นี้เจ้าเล่ห์นัก!”


 


“เขากำลังหมดหนทางแต่กลับทำตัวยิ่งใหญ่ ฮืม ไล่ตามเขาไป!”


 


ถังซ่งและหลิวชิงหยูไล่ล่าฟางหยวนอีกครั้งด้วยความโกรธ


 


ด้านโจวหลี่ ใบหน้าของเขากลายเป็นซีดขาวขณะที่เขาติดตามไปด้วยดวงตาที่ว่างเปล่า


 


ก่อนหน้านี้มันเป็นสถานการณ์ที่ดีมากแต่เขากลับทำลายทุกอย่างด้วยตัวของเขาเอง แล้วเขาจะมีโอกาสที่สองหรือไม่?


 


ฟางหยวนรอดชีวิตมาได้อย่างฉิวเฉียด เขาบินเข้าไปในส่วนลึกของกำแพงภูมิภาคขณะที่กลุ่มผู้อมตะระดับเจ็ดเผชิญหน้ากับความยากลำบาก


 


ระดับการบ่มเพาะกลายเป็นภาระให้กับพวกเขา


 


ยิ่งเข้าไปลึกเท่าใด ความเร็วของพวกเขาก็ยิ่งช้าลงเท่านั้น


 


ในไม่ช้ากลุ่มผู้อมตะของทะเลตะวันออกก็ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง


 


“การบ่มเพาะของเขาอยู่ในระดับใด? เหตุใดเขาจึงได้รับผลกระทบจากกำแพงภูมิภาคน้อยมาก?” ใบหน้าของกลุ่มผู้อมตะกลายเป็นมืดมน


 


แต่พวกเขาไม่รู้ว่าฟางหยวนพยายามรอพวกเขา


 


ฟางหยวนไม่ต้องการให้ความลับของตนถูกเปิดเผย ดังนั้นเขาจึงจงใจชะลอความเร็วและแสร้งพบปัญหาในการเดินทางเพื่อลดความสงสัย


 


กลุ่มผู้อมตะของทะเลตะวันออกไม่สามารถติดตามฟางหยวนแต่พวกเขายังไม่เต็มใจยอมรับความพ่ายแพ้


 


“ข้าไม่เชื่อว่าเขาจะสามารถซ่อนตัวอยู่ที่นี่และไม่ออกมา!”


 


“เขาเป็นผู้อมตะระดับหก การบินมาที่นี่ต้องใช้พลังงานอมตะจำนวนมาก ข้าจะรอดูว่ารากฐานของผู้อมตะระดับหกจะสามารถแข่งขันกับผู้อมตะระดับเจ็ดหรือไม่?”


 


แม้ผู้อมตะของทะเลตะวันออกจะต้องการทำสิ่งนี้ แต่ความจริงเป็นสิ่งโหดร้าย


 


ฟางหยวนทิ้งพวกเขาไปไกลแล้ว กระทั่งฝูงสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาลก็ยังนำหน้าพวกเขาไป มันจึงช่วยไม่ได้ที่กลุ่มผู้อมตะของทะเลตะวันออกจะรู้สึกขมขื่น


 


ในที่สุดฟางหยวนก็ออกมาจากระยะการตรวจสอบของกลุ่มผู้อมตะ พวกเขาสามารถติดตามสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาลไปเท่านั้น


 


ฝูงสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาลเข้าใกล้ฟางหยวนมากขึ้นเรื่อยๆ


 


เมื่อถึงเวลาสุกงอม ฟางหยวนจึงกระตุ้นใช้วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติเพื่อทิ้งระยะห่างออกไปอีกครั้ง


 


ผู้อมตะของทะเลตะวันออกบางคนไม่สามารถอดทนและต้องออกจากกำแพงภูมิภาคอย่างช่วยไม่ได้


 


“โชคไม่ดีที่ข้าพบคนเช่นนี้!”


 


“เราไม่รู้ข้อมูลใดๆของเขาเลย เราไม่รู้กระทั่งว่าเขามีกองกำลังอยู่เบื้องหลังจริงหรือไม่?”


 


ถังซ่งและโจวหลี่พูดคุยกันด้วยความสิ้นหวัง


 


มีเพียงหลิวชิงหยูที่ไม่กล่าวสิ่งใดและยังไล่ล่าต่อไป


 


“พี่หลิวเลิกตามเถอะ”


 


“เขาจากไปแล้ว เรื่องนี้มีปัญหามากมายที่เราต้องปรึกษา”


 


ถังซ่งและโจวหลี่กระตุ้น


 


หลิวชิงหยูกล่าว “ข้ามีวิธีตรวจสอบ ข้าจะไม่พักจนกว่าข้าจะสามารถจับเขา! รอข้าก่อน ข้าจะพยายามอีกครั้งและจะกลับมาในไม่ช้า!”


 


หลังกล่าวจบคำเขากลายเป็นลำแสงสีเขียวพุ่งไปข้างหน้าทันที


 


ถังซ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงประหลาด “ดูเหมือนพี่หลิวจะกังวลมาก ท่าไม้ตายนี้ต้องจ่ายด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจำนวนมากเพื่อกระตุ้นใช้งาน มันมีราคาสูงมาก ในอดีตเขาจะใช้มันเฉพาะเมื่อต้องการหลบหนีจากศัตรูที่แข็งแกร่งเท่านั้น”


 


“เจ้าต้องการกล่าวสิ่งใด?” การแสดงออกของโจวหลี่เปลี่ยนไป


 


ถังซ่งมองโจวหลี่ด้วยสายตาว่างเปล่าก่อนที่การแสดงออกของเขาจะเปลี่ยนไปเช่นกัน


 


ผู้อมตะทั้งสองตระหนักถึงบางสิ่งและรู้สึกโกรธ


 


มีความเป็นไปได้สูงมากที่หลิวชิงหยูจะได้รับแผนที่ไปตั้งแต่แรกแต่กลับหลอกลวงพวกเขาและตอนนี้คนผู้นี้กำลังพยายามหลบหนี


 


ท้ายที่สุดฟางหยวนก็ทำลายลำแสงสีเลือดต่อหน้าทุกคน


 


และผู้ที่สังหารปีศาจอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดก็คือหลิวชิงหยู


 


“พี่หลิว รอก่อน!”


 


“โจรเจ้าเล่ห์! พวกเราไม่สามารถหยุดอยู่ที่นี่!”


 


ถังซ่งและโจวหลี่ตัดสินใจไล่ล่าต่อ


 


หลิวชิงหยูได้ยินคำกล่าวเหล่านี้แต่ยังเร่งความเร็วขึ้น เขาไม่แม้แต่จะหันหลังกลับราวกับเขาไม่ได้ยินสิ่งใดเลย


 


ถังซ่งและโจวหลี่สามารถยืนยันการคาดเดาของพวกเขาด้วยการเคลื่อนไหวของหลิวชิงหยู นี่ทำให้การแสดงออกของคนทั้งสองกลายเป็นมืดครึ้มขณะที่พวกเขาสาบานว่าจะไม่ปล่อยตัวหลิวชิงหยูไป


 


ครึ่งเดือนต่อมา


 


ร่างหนึ่งพุ่งทะยานออกจากกำแพงพลังงานสีเขียว


 


“ในที่สุดข้าก็มาถึงภาคเหนือ”


 


มันก็คือฟางหยวนที่ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล


 


แต่อาการบาดเจ็บส่วนใหญ่เกิดจากฝูงสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาล นี่เป็นอาการบาดเจ็บที่เกิดจากร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า มีเพียงวิญญาณอมตะสายรักษาที่สามารถกำจัดร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าเหล่านี้ออกไป


 


แน่นอนว่าฟางหยวนไม่มีวิญญาณอมตะสายรักษา


 


‘จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาย่อมมีวิธีรักษา เมื่อข้ากลับไปข้าจะได้พักผ่อน’ ฟางหยวนกระตุ้นตนเอง


 


ก่อนหน้านี้เขาต้องต่อสู้กับผู้อมตะของทะเลตะวันออก เขายังต้องหลบหนีฝูงสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาลโดยใช้วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ กล่าวได้ว่าตอนนี้เขาติดหนี้ก้อนโต


 


สิ่งสำคัญที่สุดก็คือการไล่ล่าของผู้อมตะจากทะเลตะวันออกทำให้ฟางหยวนต้องเดินทางอยู่ในกำแพงภูมิภาค


 


เขาต้องใช้ทางอ้อมและยิ่งสิ้นเปลืองหินวิญญาณอมตะมากขึ้น


 


แต่สิ่งเหล่านี้ไม่สำคัญ


 


สิ่งสำคัญคือภัยพิบัติที่กำลังจะมาถึง!


 


เวลาที่กระชั้นเข้ามาทำให้ฟางหยวนรู้สึกไม่ดีนัก


 


เมื่อมองย้อนกลับไป เขายังมองเห็นฝูงสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาลอย่างคลุมเครืออยู่ในกำแพงภูมิภาค ฟางหยวนถอนหายใจและใช้วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติบินไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ


 


ฟางหยวนไม่ทราบตำแหน่งที่ตั้งของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา


 


ก่อนหน้านี้แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาอยู่ใกล้กับทะเลสาบวงเดือน แต่เนื่องจากการโจมตีของนิกายเงาทำให้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาต้องย้ายที่ตั้งแดนศักดิ์สิทธิ์


 


หลังจากติดต่อจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา เขาไม่ได้บอกตำแหน่งที่แน่นอนของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา เขาบอกเพียงทิศทางที่ฟางหยวนต้องไป จากนั้นเขาจะส่งผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนออกมารับ


 


สามวันต่อมาฟางหยวนไปถึงสถานที่นัดหมายแต่กลับไม่พบผู้ใด


 


สัตว์อสูรเมฆาบรรพกาลยังไล่ล่าเขาและทำให้เขาต้องวิ่งวนอยู่ในบริเวณนั้น


 


มันกลายเป็นว่าผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนที่ถูกส่งออกมาบังเอิญพบผู้อมตะเผ่ามนุษย์ระหว่างทางและถูกฆ่าตาย


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาส่งผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนคนที่สองออกมาแต่เหตุร้ายที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นอีกครั้ง


 


ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนผู้นี้หายตัวไปอย่างลึกลับและไม่สามารถติดต่อ


 


เพื่อนำฟางหยวนกลับนิกายหลางหยา จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาสูญเสียผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนไปสองคนและพวกเขาก็ยังไม่สามารถนำฟางหยวนกลับแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไม่สามารถแบกรับความสูญเสียนี้ ดังนั้นเขาจึงบอกตำแหน่งที่ตั้งของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยากับฟางหยวนโดยตรง


 


เจ็ดวันต่อมาฟางหยวนมาถึงหน้าผาฟงโป้


 


ที่หน้าผานี้เขาเห็นค่ายกลวิญญาณที่ถูกจัดเตรียมไว้โดยจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา


 


สุดท้ายฟางหยวนจึงสามารถปลดปล่อยตนเองจากสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาลและกลับแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา


 


หลังจากเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ยากลำบากมากมาย ในที่สุดเขาก็มาถึงสถานที่ปลอดภัย!

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)