องครักษ์เสื้อแพร 1046-1049
ตอนที่ 1046 นี่คืออุบายเดิม
โดย
Ink Stone_Fantasy
หอระฆังในฐานที่มั่นสเปนสูงกว่าหอระฆังโบสถ์มาก สามารถมองเห็นพื้นที่อาศัยไปสุดขอบมะนิลาได้ ความจริงนั้นตอนนี้ทหารด้านบนไม่ต้องมองไกลมากก็รู้ว่าเกิดจลาจลใหญ่แล้ว
พื้นที่พักอาศัยทั้งหมดจลาจลหนักแล้ว ชาวพื้นเมืองล้วนแตกตื่นตกใจวิ่งออกมาจากบ้าน จากนั้นก็มุ่งมายังฐานที่มั่นที่เมืองท่า เหมือนว่ามาขอรับการปกป้อง
มองไปยังริมขอบพื้นที่พักอาศัยมีกลุ่มคนแตกต่างกัน ชาวพื้นเมืองชอบสีสัน แม้คนจนก็ยังใช้วิธีการย้อมเอาเองได้ ส่วนพื้นที่ชายขอบที่แต่งกายสีเรียบ วิสัยนี้ย่อมเป็นการแต่งกายของชาวฮั่น
เทียบกับชาวพื้นเมืองเบื้องหน้าราวกับแมลงวันไร้หัว กลุ่มคนไกลออกไปกลับเคลื่อนไหวมีระเบียบ กงสุลใหญ่เปาโล ลูอิสกับนายทหารหลายคนล้วนอยู่บนหอระฆัง ดูสภาพการณ์นี้แล้ว ทหารหนึ่งก็สบถหยาบคายว่า
“คนพวกนั้นกำลังขับไล่ชาวพื้นเมืองไปชายฝั่ง นั่นเป็นทางตัน พวกเขาคิดทำอะไรกัน!?”
ริมทะเลสิ้นสุดเขตแดน ถึงที่นั่นไม่มีทางหนีได้อีก แม้มองจากหอระฆังระยะไกล ก็ยังเห็นกลุ่มคนไกลออกไปน้อยกว่าชาวพื้นเมืองมาก
ไล่ต้อนคนหลายหมื่นให้มายังเส้นทางแคบๆ ได้ คนน้อยไล่ล่าย่อมไม่ใช่เรื่องดีอันใด แม้ชาวพื้นเมืองอ่อนแอ แต่พวกสเปนเองรู้ว่าหากบีบคั้นสิ้นหนทาง มักมีเหตุเหนือคาดหมาย ถึงตอนนั้นคนน้อยก็ย่อมยุ่งยากมาก
บนท้องทะเลมีเรือรบปิดล้อม กลางคืนเกิดเหตุวางเพลิงไม่คาดฝันทำลายเรือที่ท่าหมดสิ้น ทำให้อีกฝ่ายสิ้นหนทางหนี ทางบนบกยังบุกมาทางที่คาดไม่ถึง ตลอดแต่เริ่มมาจนถึงวันนี้ เห็นภาพนี้แล้ว อีกฝ่ายเองก็เป็นทหารมาก่อน ย่อมไม่ทำอะไรผิดพลาดเช่นนี้ ดังนั้นพวกทหารสเปนตอนนี้ได้แต่พากันงง
งงก็ส่วนงง หากเปาโล ลูอิสยังคงไม่เลอะเลือน เขาหันไปคำรามใส่ทหารติดตามว่า
“ถ่ายทอดคำสั่ง! ถ่ายทอดคำสั่ง! ชาวพื้นเมืองกล้าเข้าใกล้กำแพงฐานที่มั่นเราในรัศมียิง ให้ยิงทันที ยิงทันที!”
“ท่านกงสุล บาทหลวงยังอยู่ข้างนอกนั่น!?”
“พระบิดาบนสวรรค์ย่อมอวยพรในความศรัทธาของเขา เขาไม่โทษพวกเราหรอก”
เปาโล ลูอิสคำรามกลับไปทันที ทหารถ่ายทอดคำสั่งอึ้งไป ก่อนจะรีบวิ่งออกไป เปาโล ลูอิสกระชากทหารอีกคนมาคำรามเบาๆ ว่า
“เจ้าก็ไปด้วย ให้คนแม่นปืนยิงใส่บาทหลวงให้ตายก่อน”
ทหารคนสนิทอึ้งไปก่อนจะรีบพยักหน้าวิ่งออกไป บาทหลวงมายังอาณานิคมล้วนมุ่งมั่นเกินไป เปาโล ลูอิสขอให้คนสเปนกลับเข้ามาในฐานที่มั่น บาทหลวงกลับโวยวาย ไม่ยอมเข้ามา
หากบาทหลวงวิ่งตามมาด้วย และร้องขอให้เปิดประตู ย่อมทำให้ชาวพื้นเมืองตามเข้ามาด้วยได้ สถานการณ์ตอนนี้ไม่อาจสนใจอันใดได้อีกแล้ว
****************
“ไม่รู้ว่าอีกหลายปีจากนี้ จะมีคนกล่าวถึงไหมว่า เส้นทางทุกตารางนี้ทับถมไปด้วยกระดูกชาวพื้นเมือง?”
“กั๋วกง ท่านหมายความว่า?”
ทหารติดตามอยู่ ๆ ก็งงว่า ไม่รู้เหตุใดหวังทงกล่าวเช่นนี้ คิดถามละเอียด แต่หวังทงยิ้มโบกมือ เส้นทางนี้ไม่ยาวนัก ยังมีรากฐานเส้นทางเดิมอยู่ ไม่เสียดายสละชีวิตคนซ่อมทาง คนขึ้นฝั่งมาได้ก็ต้องขนอาวุธขึ้นมา ให้สามารถมาได้ทันการ
กองกำลังหวังทงตอนนี้ปรากฏตัว ทำให้ชาวพื้นเมืองขวัญกระเจิง พวกเขาได้ยินข่าวโจรสลัดชาวฮั่นในป่า แต่ไม่เคยได้รับการยืนยัน
พวกชาวฮั่นติดอาวุธปรากฏต่อหน้าพวกเขาตอนนี้ ถึงกับยังไม่ทันคว้าอาวุธ ชาวพื้นเมืองก็หนีแล้ว เมื่อก่อนสังหารหมู่ชาวฮั่น ทำอะไรไม่เกรงกลัวฟ้าดิน พวกเขาแน่นอนย่อมลงมือกันอย่างบ้าคลั่งสนุกสนาน แต่ในใจก็ยังหวาดหวั่น หากชาวพื้นเมืองยังปลอบใจตนเอง ว่าสังหารก็สังหารไปแล้ว แผ่นดินหมิงแต่ไรมาไม่เคยสนใจราษฎรรอนแรมข้ามทะเลออกไป ปีกว่ามานี้เป็นเช่นนี้จริง พวกเขาเห็นชาวฮั่นที่มาใหม่ก็ล้วนรู้สึกวางใจ
กรรมไม่ใช่ไม่ตามสนอง แต่เวลายังไม่ถึง ผู้ใดก็ไม่เคยได้ยินอันใดในหนึ่งปีกว่าที่ผ่านมานี้ ชาวฮั่นติดอาวุธมากันจริง ชาวพื้นเมืองเห็นชาวฮั่นถืออาวุธพวกนี้ ถึงกับไม่ทันได้ถามหรือคิดอันใด สมองที่คิดได้อันดับแรกก็คือชาวฮั่นมาแก้แค้นแล้ว พวกเราทำร้ายชาวฮั่น ตอนนี้ต้องชดใช้แล้ว รีบหนีกันเถอะ!
ชาวพื้นเมืองไม่ค่อยฉลาด แต่ก็ยังรู้ว่า หากวิ่งเข้าไปยังฐานที่มั่นสเปนได้ ที่นั่นแม้ไร้หนทางไปต่อ แต่พวกเขาไม่อาจวิ่งไปทางอื่นได้อีก เพราะทุกทางถูกปิดกั้นหมดแล้ว
คนที่วิ่งไปทางอื่นจะถูกสังหารทันที หากยังคิดหาทางรอด ไม่สู้วิ่งไปยังที่มั่นสเปนทางนั้น บางทีอาจมีทางรอด พวกคนสเปนเทียบกับชาวฮั่นแล้ว เข้มแข็งกว่ามาก
“กั๋วกง ข้าน้อยพูดอยู่ครึ่งชั่วยาม มีแค่ราวร้อยคนที่คิดตามไปด้วย ข้าน้อยไร้สามารถ ขอกั๋วกงลงโทษ”
ไป๋อู่หน้าแดงก่ำคุกเข่ากับพื้น หวังทงยิ้มกล่าวน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า
“ล้วนเป็นราษฎรพลเมืองดี! ไม่กล้าทำเรื่องผิดระเบียบ ยังหวังว่าพอข้าไปแล้ว พวกเขาจะได้อยู่ที่นี่ต่อไปยาวนาน วันหน้าผีผิวขาวกับชาวพื้นเมืองจะดีต่อพวกเขา ไป๋อู่ เจ้าไปบอกพวกเขาว่า วันหน้าลูซอนนี้เป็นแผ่นดินชาวฮั่นเราแล้ว วันนี้พวกเขาไม่ลงมือ วันหน้าก็ไม่มีทางให้พวกเขาได้ยืนอีก ผู้หญิงข้าไม่สน เด็กอายุไม่ถึง 10 ข้าก็ไม่เอา คนที่เหลือให้บรรดาเจ้าทะเลพาไป คนร้อยกว่าคนที่ยอมตามเราไป ให้คนละห้าตำลึงเงิน แจกอาวุธให้ รอปล้นชิงมาได้ ทุกอย่างเก็บไว้เองได้!”
หวังทงวางธรรมเนียมให้เช่นนี้ ก็ย่อมไม่มีที่เจ้าจะไม่ขยับ ไป๋อู่หน้าแดงก่ำ โขกศีรษะดังหลายที รีบวิ่งออกไป
ไป๋อู่โมโหชาวฮั่นที่อพยพมาลูซอนมาก เพราะคิดถึงตอนนั้นตนเองก็เป็นเช่นนี้ คิดว่าทำตัวดีๆ แล้วชาวผิวขาวกับชาวพื้นเมืองจะยอมให้ตนเองได้อยู่ต่อ ตนเองก็จะร่ำรวยมีความสุขสงบกว่าอยู่บนแผ่นดินหมิง แต่รอมาแล้วได้อะไร มีแต่คอยรังแกและสังหารหมู่ในท้ายที่สุด
ในใจเขายิ่งเข้าใจ หากไม่ใช่เหลียวกั๋วกงหวังทงนำกำลังมาแก้แค้นแทน เกรงว่าชะตาชาวฮั่นพวกนี้ก็คงเช่นกัน
“เหลียวกั๋วกงเป็นแค่ลูกหลานทหาร เหตุใดวิธีการแบบพวกขุนศึกเชี่ยวชาญเช่นนี้”
“เบาหน่อย บนท้องทะเลตอนเหนือ โดยเฉพาะบนทุ่งหญ้าตอนเหนือ ล้วนต้องอาศัยเหลียวกั๋วกง วิธีการนักเลงพวกนี้จะไม่ชำนาญได้อย่างไร!”
ชายร่างผอมทางขวาด้านหลังหวังทงซุบซิบวิจารณ์กัน ชายผอมสองคนนี้สวมชุดเสื้อผ้าเนื้อหยาบ ดูแล้วไม่ต่างอันใดกับชาวประมง แต่สองคนเป็นถึงเจ้าทะเลฮกเกี้ยนอันดับต้นๆ เป็นคนใหญ่คนโตแถบนี้
ซาต้าเฉิงได้ยินแล้ว มองสีหน้าหวังทงผ่อนคลาย ก็ยิ้มสัพยอกว่า
“กั๋วกงมีวิธีการดี ให้พวกนี้มือเปื้อนเลือด จึงจะเป็นหนึ่งกับเรา ทว่าพวกเราต่อสู้เป็นตายเพื่อพวกเขา พวกเขาก็ต้องเป็นราษฎรเชื่อฟัง ไม่งั้นคนของเราเบื้องหน้าจะยอมได้อย่างไร”
คนกล่าววาจานี้ก็คือซาต้าเฉิงเอง เขาเริ่มรู้สึกว่าสถานการณ์เกรงว่าจะเริ่มคล้ายกันมากไปแล้ว
หวังทงส่ายหน้ายิ้ม กล่าวว่า
“จะเป็นคนดีอย่างไรก็ตาม ขอเพียงมือเปื้อนเลือด แพะก็ยังกลายเป็นหมาป่าได้ วันหน้าผืนแผ่นดินนี้ก็ให้พวกเราชาวฮั่นมาดูแล หากจะให้แค่รักษาเมืองท่านี้คงไม่ได้ ต้องขยายออกไปเรื่อยๆ ต้องแย่งชิงพื้นที่ชาวพื้นเมืองต่อไปเรื่อยๆ จึงจะทำให้ชาวฮั่นมากันยิ่งมาก ที่นี่จึงจะยืนได้มั่นคง”
***************
หวังทง ซาต้าเฉิงและหัวหน้าขุนพลทหารพากันร่วมวงวิพากษ์วิจารณ์ พื้นที่นี้ดังไปด้วยเสียงสังหาร ไม่ใช่ชาวพื้นเมืองทุกคนมีโอกาสหนีออกไป
โจรสลัดแบ่งกำลังตนออกเป็นหลายกลุ่ม บ้างก็เฝ้าทุกทางออก กลุ่มซาต้าเฉิงบุกเข้าไปตามท้องถนน
ชาวพื้นเมืองหนีออกมาไม่มีทางจะต่อต้านต่อสู้กับโจรสลัดที่โหดเหี้ยมได้ มีคนหนีไปทางฐานที่มั่นสเปน มีคนกลับถูกลูกน้องซาต้าเฉิงไล่ไปปากทาง
พวกที่ถูกไล่มา หน้าหลังล้วนไร้ที่ไป กำลังต้านทานก็เริ่มหมด ถูกสังหารอย่างไม่ปราณี ได้แต่ยอมจำนน
กองผู้คุ้มกันหวังทงครั้งนี้ไม่ได้ขยับ ล้วนอยู่ข้างกายหวังทงนั่งพักผ่อน ตอนนี้สถานการณ์เช่นนี้ไม่ต้องการพวกเขาออกหน้า เตรียมเป็นกองหนุนก็พอ
ชาวฮั่นที่มาใหม่ไม่อยากก่อเรื่องก่อราว แต่หวังทงเอ่ยธรรมเนียมแล้ว ไป๋อู่ก็ไม่เกรงใจอีก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกโจรสลัดที่โหดร้ายพวกนั้น ยังมีพวกชายฉกรรจ์ที่ตามมาเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ เหล่านี้ล้วนทำให้พวกเขาไม่อาจไม่ลงมือ
เชลยชาวพื้นเมืองถูกจับมาเรื่อยๆ ชาวฮั่นที่เพิ่งย้ายมาลูซอนไม่ว่าอยากหรือไม่ก็ต้องจับอาวุธออกสังหาร
หลังการสังหารหมู่ครั้งก่อน ชาวพื้นเมืองก็มีท่าทีกดขี่ชาวฮั่น ในการได้พบปะกันไม่นาน พวกชาวฮั่นที่มาใหม่อย่างไรก็ต้องถูกรังแก เดิมทีก็หวาดกลัว ให้จับอาวุธเข้าไปยืนหน้าพวกเชลยพื้นเมือง แค้นเก่าแค้นใหม่ก็ระบายออกมาหมดสิ้น
ตามที่หวังทงวิเคราะห์ พวกจิตใจดีงามพอเปื้อนเลือดก็ย่อมเปลี่ยนเป็นพวกกระหายเลือดได้ สังหารชาวพื้นเมืองไปหนึ่ง เดิมที่เคยเป็นราษฎรดีก็ปลดระวางสิ่งที่ปิดกั้นในใจ สังหารหนึ่งหรือสองไม่ต่างกัน ปลดปราการในใจลงแล้ว มีคนไม่น้อยส่งเสียงร้องโฮดัง คนมากมายรู้สึกถึงไฟที่แผดเผาในใจ
ที่พักชาวพื้นเมืองเป็นที่ที่ดีทีสุดในเมืองท่านี้ ครอบครัวพวกเขามีของให้ปล้นชิงมากมาย หากของเหล่านี้ล้วนตกเป็นของเรา ชาวฮั่นต่างพากันเริ่มคิดเช่นนี้
ทวนยาวเป็นอาวุธที่ง่ายที่สุด ทวนยาวแจกออกไป สังหารเชลยพื้นเมืองแล้ว ชาวฮั่นที่อพยพมาใหม่ก็เริ่มครอบครองพื้นที่ชาวพื้นเมือง นำพาโจรสลัดเข้ากวาดล้างทีละบ้าน พวกเขาอย่างไรก็อยู่ที่นี่ ย่อมรู้จักที่ทางเป็นอย่างมาก
เห็นคนนอกรุกรานเข้ามา ชาวพื้นเมืองพากันหนีไปยังฐานที่มั่นสเปน ทหารสเปนบนกำแพงฐานที่มั่นนับวันยิ่งมาก
ชาวพื้นเมืองตะโกนร้องขึ้นไปขอการปกป้อง พวกเขารู้ว่ามาถึงฐานที่มั่นย่อมปลอดภัย แต่ทว่าบนกำแพงหินกลับยิงปืนไฟใส่พวกเขา ทำลายความหวังพวกเขาสิ้น บนกำแพงหินมีคนตะโกนว่า
“ไปสู้กับพวกชาวฮั่นนั่น พวกเราจะให้การช่วยเหลือเอง!!”
ส่วนใหญ่ชาวพื้นเมืองไม่รู้ภาษาสเปน แต่ทว่าชาวพื้นเมืองในโบสถ์ที่เป็นชาวคริสต์เข้าใจ ในตอนนี้ผู้ใดยังกล้าไปสู้กับชาวฮั่นเล่า ทุกคนได้แต่หลบปืนไฟที่ยิงใส่ พากันเบียดตัวไว้ด้วยกัน วุ่นวายมาก ไม่มีคนกล้าหันหลังกลับไป
ทางหนึ่งถูกชาวฮั่นติดอาวุธไล่ต้อนมาทุกทาง รอบฐานที่มั่นพื้นที่เมืองท่าก็อัดแน่นไปด้วยชาวพื้นเมืองจำนวนมาก ชาวพื้นเมืองด่าทอกันเอง ถึงกับมีคนเพื่อต้องการแย่งที่ยืนด้านใน ถึงกับสังหารกันเองก็มี
ชาวฮั่นยิ่งใกล้เข้ามา พวกสเปนยิงปืนใหญ่จากกำแพงลงมา กระสุนปืนใหญ่ข้ามหัวกลุ่มชาวพื้นเมืองไปตกที่ถนน มีบางคนหลบไม่ทันถูกกระสุนปืนใหญ่ถล่มใส่ แต่พอยิงปืนใหญ่ไป ชาวฮั่นติดอาวุธก็หยุดรุกไล่
อยู่ ๆ ก็เริ่มวุ่นวายและถูกสังหาร อยู่ ๆ ก็เงียบกริบ พวกสเปนในฐานกับชาวพื้นเมืองรอบนอกล้วนพากันถอนหายใจเฮือก
เปาโล ลูอิสจับตาดูความวุ่นวายเบื้องหน้ามาตลอด เห็นสถานการณ์นิ่งลง เขาไม่ได้รู้สึกผ่อนคลาย กลับยิ่งเคร่งเครียด ชาวพื้นเมืองพวกนี้ไม่มีบ้านเรือนและอาหาร อยู่รอบฐานที่มั่นได้นานเท่าไรกัน ไม่ช้าต้องเกิดเรื่องแน่
คิดถึงตรงนี้ก็ทำให้เปาโล ลูอิสคิดได้ทางหนึ่ง
ผ่านไปสองชั่วโมงไม่ถึงดี กำแพงหินฐานที่มั่นสเปนอยู่ ๆ ก็มีพวกสเปนโยนเงินทองลงมา มีคนโยนอาหารลงมา
สถานการณ์เช่นนี้ แสงเงินทองวาบวับยังคงจับตาชาวพื้นเมือง นานเข้า หลายคนก็เริ่มหิวแล้ว
“ชาวฮั่นน้อยกว่าพวกเจ้ามาก ไล่พวกเขาออกไป เงินทองเหล่านี้เป็นของพวกเจ้า อาหารก็เพียงพอ หากพวกเจ้าไม่ไป จะยิงปืนใหญ่ละนะ!”
ให้ผลประโยชน์ล่อ และยังข่มขู่ด้วยปืนใหญ่ ชาวพื้นเมืองค่อย ๆ ได้สติ ชาวฮั่นน้อยกว่าตนเองจริง ทำไมจึงต้องแตกตื่นเช่นนี้ด้วย
ชาวพื้นเมืองเริ่มจับอาวุธ หันกลับไปตามทางที่มา อาวุธพวกเขาก็หยาบช้ามาก ล้วนเป็นเพียงดาบสันหนาที่พอมีความยาวอยู่บ้าง ดาบเช่นนี้ไว้ตัดฟืนฆ่าไก่พอได้ แต่นี่เป็นอาวุธที่พวกเขาใช้สังหารหมู่ชาวฮั่น
คนหนึ่งหันหลัง สองคนหันหลังกลับ พวกคนสเปนยังคงโยนเงินทองลงไปให้คนเบื้องหน้าด้านล่าง มีชาวพื้นเมืองคิดก้าวเข้าไปหยิบตรงด้านหน้ากำแพง กลับถูกทหารบนกำแพงยิงสังหารไม่ปราณี ถึงกับไม่ได้แจ้งเตือนก่อนด้วย
ชาวพื้นเมืองเริ่มถูกสมบัติริมกำแพงล่อลวงใจ คนหันกลับไปสู้ก็ยิ่งมาก พวกเขารู้สึกมีความกล้ามากขึ้น
ชาวฮั่นติดอาวุธบนเส้นทางพวกนั้นเหมือนว่าถูกปืนใหญ่สเปนข่มขวัญไว้แล้ว ไม่กล้าขึ้นหน้าอีก ชาวพื้นเมืองเริ่มเฮโลดังให้กำลังใจกัน
******************
“แต่ละคนหยิบออกไปท่อนหนึ่ง ออกไปแล้วรีบหาที่หลบ ไม่เช่นนั้นตายสถานเดียว!”
ทางหวังทง มีมัดไม้พลองมัดหนึ่ง ด้ามไม้เหลาแหลมด้านหนึ่ง เชลยชาวพื้นเมืองในที่สุดก็รู้ว่าให้พวกเขาตัดไม้ไผ่มาเหลาแหลมทำไม
ตลอดเส้นทางมา คนแก่ถูกฆ่าตายเพื่อข่มขวัญ สตรีและเด็กล้วนจับไปรวมกัน ชายฉกรรจ์ทุกคนถูกขับไล่ไปด้านหน้า
ในมือมีอาวุธ ชาวพื้นเมืองเหมือนกันมารวมกัน ความจริงปรากฏแล้ว ชาวพื้นเมืองยิ่งกว่าสัตว์ พวกเขาไม่สนใจญาติหรือมิตร พอมารวมกัน ความฮึกเหิมก็ยิ่งมากขึ้น
ชาวพื้นเมืองที่ใจกล้าหน่อยก็เริ่มคำรามเบาๆ เริ่มมีคนหันไปมอง พวกชาวพื้นเมืองเริ่มเคลื่อนไหว พวกเขาอย่างไรก็หลายพันคน ชาวฮั่นมีดาบและขวานกันมาก ย่อมทำให้ท่อนไม้แหลมพวกเขาดูมีประโยชน์กว่า อย่างน้อยอาวุธยาวสู้อาวุธสั้นก็ได้เปรียบ
หวังทงยังคงยืนที่เดิม ข้างเขามีบรรดาเจ้าทะเลที่ล้วนเคร่งเครียด มองหวังทงไม่หยุด มีชาวพื้นเมืองหันกลับมา ด้านหลังกองกำลังมีคนตะโกนดัง
“ไปตั้งแถวด้านหน้า!”
ผู้คุ้มกันเหลียวกั๋วกงที่เอาแต่นั่งพักตอนนี้คว้าปืนไฟออกมาเรียงแถวหน้ากระดานเดินไปหน้ากองกำลัง หวังทสะบัดมือลง
ปืนไฟหลายร้อยยิงพร้อมกันทันที ชาวพื้นเมืองถือไม้ไผ่มาคิดไม่ถึงอยู่ๆ ชาวฮั่นก็สังหารทิ้ง พวกเขาถูกโจรสลัดถือมีดไล่ ผู้คุ้มกันหวังทงกลับเคลื่อนไหวเงียบๆ ชาวพื้นเมืองถึงกับไม่ทันได้สังเกตกองกำลังนี้ คิดไม่ถึงอีกฝ่ายจะคว้าปืนมายิงได้เหมือนพวกคนสเปน ยิ่งคิดไม่ถึงก็คือ ไล่พวกเขาไปทำงานให้ ยังไม่มีน้ำใจ ลงมือเหี้ยมโหดเช่นนี้ได้
ระยะยิงปืนไฟยิงไป ชาวพื้นเมืองไปยืนออกัน ได้ยินร้องโหยหวนดังติด ๆ กัน เริ่มล้มทั้งแถบ ยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกกลัวก็คือ ยังมีปืนใหญ่อีกสี่กระบอกดันมา แม้ปืนใหญ่ปากไม่ใหญ่ แต่อย่างไรก็เป็นปืนที่อานุภาพยิ่งกว่าปืนไฟ
ชาวพื้นเมืองที่แตกตื่นกันไปหมดเริ่มถอยหลัง บรรดาเจ้าทะเลล้วนถอนหายใจยาว ตามมาครั้งนี้ เรื่องทุกเรื่องไม่ต้องกังวล ล้วนมีเหลียวกั๋วกงจัดการ
ชาวฮั่นสองสามคนยืนหน้ากองปืนไฟ ตะโกนดังว่า
“พวกเจ้าบุกขึ้นไป อย่าได้หยุด หากหันกลับมา ศพเหล่านี้ก็จะเป็นจุดจบของพวกเจ้า บุกเข้าไป บุกไปถึงป้อมพวกสเปนนั่น พวกเจ้ากับครอบครัวพวกเจ้าหากคิดมีชีวิตรอด ก็ต้องบุกเข้าไป อย่าได้ถอย ไม่เช่นนั้นก็ล้วนตายสถานเดียว เสียงกลองดังครบ 10 ครั้ง จะยิงปืนใหญ่ทันที”
ได้ยินเสียงชาวพื้นเมืองเริ่มมีคนเสียงสั่น เสียง ‘ตูม’ ยิงดัง เสียงกลองก็เริ่มตีดัง ชาวพื้นเมืองล้วนหันไปมอง กลองที่สองดังขึ้น ชาวพื้นเมืองเริ่มวิ่ง กลองเสียงที่สามดัง ชาวพื้นเมืองวิ่งยิ่งเร็ว
เสียงกลองดังครั้งที่ 10 ปืนใหญ่ยิง ชาวพื้นเมืองที่อยู่ท้ายสุดถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงตายไป คนด้านหน้าก็ยิ่งวิ่งเร็วขึ้น
“ทุกเส้นทางให้ส่งคนไป 200 เป็นหลัก ให้เจ้าทะเลทุกคนร่วมศึก อย่าได้รอช้า”
หวังทงเอ่ยออกคำสั่ง ทุกคนล้วนรับคำสั่ง
“เข็นปืนใหญ่ตามไป จำไว้อยู่นอกระยะยิงปืนใหญ่ฐานที่มั่น ไล่พวกพื้นเมืองให้กลับไป!”
พอมีคำสั่งมา ทุกคนก็กลับประจำที่ คำสั่งสุดท้ายหวังทงก็คือสั่งกับซาต้าเฉิงว่า
“ฐานที่มั่นศัตรูไม่อาจสนใจบนท้องทะเลแล้ว ดูว่าสามารถนำปืนใหญ่วนกลับไปท่าเรือทางใต้ขนขึ้นได้ไหม ชาวพื้นเมืองอย่าเห็นว่าคนมาก ใช่ว่าจะเปิดป้อมประตูพวกผีต่างชาติได้ สุดท้ายยังต้องใช้ปืนใหญ่ยักษ์เรายิงถล่ม”
ซาต้าเฉิงรับคำสั่งรีบออกไป ถนนด้านหน้าชาวพื้นเมืองถูกพวกคนสเปนยุให้กลับมา และพวกที่ถูกหวังทงบีบให้กลับไป ปะทะกันพอดี
เดิมเป็นพี่น้องร่วมชาติ ถึงกับเป็นญาติมิตรกันก็มี ยามนี้ราวกับศัตรู!
ตอนที่ 1047 ปล่อยไปตาย
โดย
Ink Stone_Fantasy
บุกเข้าไป ยังมีทางรอด บุกเข้าไป ยังมีทรัพย์สินเงินทองกับอาหาร ชาวพื้นเมืองล้วนคิดเช่นนี้ ด้านหน้าไม่ใช่เพื่อนร่วมชาติอีกต่อไป ไม่ใช่เพื่อนบ้าน ไม่ใช่ญาติ พวกเขาขวางทางตนเองมีชีวิตรอด ก็ย่อมเป็นดังศัตรู
การต่อสู้เริ่มดุเดือด เป็นสงครามชาวพื้นเมืองที่ปะทุขึ้นหลังจากครั้งที่รุนแรงที่สุดนานมาแล้ว บาดเจ็บล้มตายกันมาก
จัดการไม้ไผ่ได้ความยาวและความเรียวพอดีก่อนจะเหลาแหลม จากนั้นเอาไปเผาไฟ หากพิถีพิถันยังจะต้องชุบกองขี้เพื่อให้มีพิษ จะได้เปรียบมาก
ไม่ได้เป็นการต่อสู้ซับซ้อนใด ไม้ไผ่อย่างไรก็ดีกว่าดาบตรงที่ยาวกว่า ไม้ไผ่ที่เผามาก็เหนียว มีดที่ไม่ได้คมเท่าไรไม่อาจตัดขาดได้ แม้ว่าคนที่มีฝีมือฟันอย่างแรงคิดตัดขาดยังต้องฟันแฉลบ
นี่เป็นกลยุทธ์ที่ตอนนั้นชีจี้กวงใช้รับมือโจรสลัดวัวโค่ว ใช้กับชาวพื้นเมือง ช่างเป็นการปรับใช้ได้เหมาะสมยิ่ง
เมืองซงเจียงตอนนี้หิมะตกแล้ว แต่ที่ลูซอน ชาวพื้นเมืองยังสวมเสื้อชั้นเดียว นี่ยังเป็นเพราะการปรากฏขึ้นของชาวฮั่นที่ทำให้พวกเขารู้จักสิ่งทอ เมื่อก่อนพวกเขาไม่สวมเสื้อกัน
ไม้ไผ่แทงทะลุร่างที่ไม่มีสิ่งปิดบัง เลือดสดไหลทะลักออกมา เสียงร้องโหยหวนดังไปทั่วบริเวณ ขณะเดียวกันเหมือนดังฝ่ายเดียว ปะทะกัน ชาวพื้นเมืองที่ชาวฮั่นไล่ต้อนมาก็ย่อมได้เปรียบ
ชาวพื้นเมืองจากฐานที่มั่นพวกคนสเปนถูกจัดการไปอย่างน่าอนาถ บาดเจ็บล้มตายกันจนหวาดกลัวยิ่ง คนแถวแรกแถวสองถูกแทงตาย จากนั้นด้านหลังก็หันหลังหนี
แต่คนที่แทงกันมามากเกินไปแล้วจริงๆ คนด้านหลังไม่รู้ด้านหน้าตายอนาถ พวกเขารู้แต่ตอนนี้หันหลังกลับไป สมบัติลอยไปไม่ว่า พวกคนสเปนยังลงมือสังหารอีกด้วย
ไม่อาจถอยกลับ ในเมื่อบุกมาแล้ว เจ้าจะถอยกลับได้อย่างไร ยามนี้ทุกคนล้วนหน้ามืดตามัว ไม่ว่าผู้ใดเมื่อวานมีสายสัมพันธ์ใดกับตน วันนี้ก็ฟันทิ้งไปได้เลย
พอถอยไปสักหน่อย อีกคนก็ตะโกนด่ากราดดันเข้ามา ชาวพื้นเมืองเพิ่งได้ไม้ไผ่เหลาแหลม ใช้งานไม่คล่องเท่าไร แทงสังหารไปทีหนึ่ง เห็นอีกฝ่าย ตนเองก็แทงมั่ว ไม่ได้แทงโดนเป้าหมาย ยังกลัวอีกฝ่ายเข้าประชิด ไม้ไผ่ในมือจึงกลายเป็นใช้ฟาดแทน
ไม้ไผ่เอามาฟาดไม่ได้สร้างอานุภาพสังหาร อดทนกับความเจ็บแล้วก็สามารถมาอยู่ด้านหน้าอีกฝ่ายได้ เช่นนั้นมีดสั้นดาบสั้นก็ย่อมได้เปรียบแทน
คมดาบนี้ไม่ได้คมเท่าไร คมดาบเปรอะเปื้อนสิ่งสกปรกมาก ดูแล้วไม่เพียงทรมาน หากยังทำให้เกิดความยุ่งยากที่บาดแผลตามมา พอเพิ่งเข้าใกล้กันได้ ก็ถูกอีกฝ่ายดันกลับมา แต่ได้เปรียบเช่นนี้ไม่นานนัก เพราะไม้ไผ่ด้านหน้าทำอะไรไม่ได้ ด้านหลังก็ยังแทงใส่ได้
เลือดสาดกระเซ็น เสียงร้องโหยหวนดังติดกัน สองฝ่ายปะทะกัน เจ้าถอยข้ารุก การต่อสู้โหดร้ายเริ่มค่อยๆ ทรมานจิตใจและความกล้าของผู้ร่วมต่อสู้ สำหรับชาวพื้นเมืองขี้เกียจพวกนี้แล้ว ก็ยิ่งเป็นความทรมานมาก
การต่อสู้เพิ่งเริ่มไม่นาน ก็มีชาวพื้นเมืองหนีกระจัดกระจายสี่ทิศ อ่าวตอนเหนือมะนิลาเป็นพื้นที่พักอาศัย บอกว่าเป็นเมือง ไม่สู้บอกว่าเป็นที่รวมของหมู่บ้านมากมายดีกว่า ถนนเละเทะ แต่หนีก็ง่ายมาก
แต่ทว่าหวังทงนำกองกำลังปิดทางทุกทางไว้แล้ว คิดหนีก็มีแต่ตายสถานเดียว ไกลออกไป มีพวกชาวฮั่นกำลังรื้อบ้านอยู่ ชาวพื้นเมืองพักกันเป็นเพิงที่พักมุงหญ้าเสียมาก ให้ชาวฮั่นที่มาใหม่มาอยู่รวมกันร่วมแรงรื้อก็ง่ายมาก
บ้านเหล่านี้อย่างไรก็มีสมบัติบ้าง สำหรับชาวฮั่นที่ถูกบังคับมานั้น อย่างไรก็จะได้ชดเชยไปได้บ้าง และยังเป็นการกระตุ้นให้พวกเขายิ่งอยากลงแรง
มีบ้านหัวหน้าชาวพื้นเมืองกับชนชั้นสูง บ้านพวกเขาพอดูได้อยู่ แต่ในเมื่อไม่หนี เช่นนั้นก็ย่อมต้องให้คนของหวังทงไปขับไล่ ยิ่งตายกันยิ่งมาก
ตอนนี้ชาวฮั่นทางนั้นเหมือนกับใช้แหจับปลา ชาวพื้นเมืองเป็นดังปลาในแห ยามนี้เหมือนว่ามีพื้นที่ยิ่งมากให้ล้อมจับ ความจริงนั้นพื้นที่ยิ่งน้อยลง
เห็นว่าหนีไม่พ้นแล้ว ถึงกับมีคนที่หนีได้เร็วถูกชาวฮั่นขวางทางสังหารทิ้ง พวกเขาได้แต่หันหลังกลับ อยากหรือไม่ก็ตามก็ต้องเข้าร่วมสังหารครั้งนี้ เริ่มแรกสองฝ่ายก็แค่เผชิญหน้ากัน แต่ต่อมาเพราะคนหนีกลับ ทำให้มีกำลังหลายเส้นทางเข้าสู่สนามรบ
อย่างไรก็พวกสเปนขับไล่ชาวพื้นเมืองมามากกว่า สำหรับฝีมือการต่อสู้ที่ย่ำแย่ของชาวพื้นเมือง จำนวนคนเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสิน
ชาวพื้นเมืองถือดาบเริ่มได้เปรียบ พวกถือไม้ไผ่เริ่มถอย ในตอนนั้นเอง เสียงดังราวอสุนีบาตดังมา กลางอากาศมีวัตถุลอยมาอย่างรวดเร็ว
ชาวพื้นเมืองคุ้นเคยเสียงนี้ยิ่ง เป็นปืนใหญ่ ได้ยินเสียงนี้แล้ว ชาวพื้นเมืองถือดาบก็ยิ่งดุเดือด เพราะพวกเขารู้ มีแต่พวกคนสเปนที่มีปืนใหญ่ นี่ย่อมเป็นปืนพวกคนสเปนยิงมาช่วยพวกตนแล้ว
ระยะทางสั้นมาก มีคนได้ยินทิศทางการยิงมาของกระสุนปืนใหญ่ว่ายิงไปทางฐานที่มั่นสเปน ชาวฮั่นถึงกับมีปืนใหญ่
ยังไม่ทันตั้งสติได้ กระสุนปืนใหญ่ก็ตกท่ามกลางฝูงคน ปืนใหญ่ที่เข็นมาพร้อมฝูงชน ย่อมไม่ใช่ปืนใหญ่ขนาดใหญ่อันใด แต่เป็นปืนใหญ่กระสุนสามชั่ง รับมือสถานการณ์ตอนนี้ กับพวกที่ไม่ทันป้องกัน เบียดเสียดกันเช่นชาวพื้นเมืองแล้ว นับว่าสร้างอานุภาพสังหารเพียงพอแล้ว
กระสุนปืนใหญ่ลอยมา กระดูกถูกกระแทกหัก เลือดสาดกระเซ็น ที่สำคัญก็คือ ชาวพื้นเมืองถือดาบถึงกับวิ่งกันแตกกระเจิงต่อหน้าปืนใหญ่ถล่ม
ชาวผิวขาวชำนาญปืน สยบมะนิลา พวกเขาในใจชาวพื้นเมืองก็ราวกับเทพเทวดา ชาวฮั่นไม่มีปืน แม้แต่โจรสลัดก็ยังใช้การโดดขึ้นเรือและวางเพลิงเป็นหลัก แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน ชาวฮั่นที่บุกมาสังหารถึงกับมีปืน และยังยิงได้เช่นนั้นอีก
ปืนใหญ่ยิงติดต่อกันสองระลอก ชาวพื้นเมืองบาดเจ็บล้มตายไปเกือบสองร้อย จากนั้นก็ถอยกันกระเจิดกระเจิงไปคนละทิศละทาง คนที่ถือไม้ไผ่พริบตาก็มีพื้นที่ด้านหน้ามาก
“บุกเข้าไป !!”
ไม่ต้องให้คนด้านหลังตะโกนดัง พวกเขาพากันตะโกนบุกเอง ในใจพวกเขา ขอเพียงเข้าใกล้ฐานที่มั่นสเปนได้ ก็ย่อมมีโอกาสรอดชีวิตยิ่งมาก
“ใกล้ระยะยิงแล้ว ทุกคนหยุดก่อน!”
เสียงนี้มิได้ตะโกนดัง หากเป็นเสียงกระซิบจากกองกำลังด้านหลังเบาๆ ปืนใหญ่บนฐานที่มั่นสเปนแม้ว่าไม่ใช่ปืนใหญ่ขนาดใหญ่แบบบนท้องทะเล แต่ระยะยิงก็ไกลพอตัว อันนี้ต้องป้องกันไว้ก่อน ทางนี้เร่งบรรจุกระสุนปืน จากนั้นก็เข็นขึ้นหน้าสุดชีวิต
มะนิลาเป็นที่ที่ดีที่สุดในลูซอน แต่ถนนหนทางยังคงเละเทะอย่างมาก หากไม่ใช่ว่าเข็นปืนใหญ่กระสุนสามชั่งมา เกรงว่าคงไม่อาจตามชาวพื้นเมืองด้านหน้าทัน ด้านหลังมีคนถ่ายทอดคำสั่ง มีคนใช้ภาษาพื้นเมืองตะโกนดังทันที
“พวกเจ้าตะโกนด้วยกัน บุกฐานที่มั่นสเปน ทุกคนมีโอกาสรอด ไม่เช่นนั้นตายสถานเดียว!!”
ยังกล่าวไม่ทันจบ ก็ได้ยินเสียงปืนไฟดังตามมา ยิงคนที่วิ่งช้าและท้ายแถวตายทันทีหลายคน คนหนึ่งตะโกน สองคนตะโกนตาม
ชาวพื้นเมืองเองไม่หวังให้แรงต้านทานตรงหน้าตนเองรุนแรงขึ้น พวกเขาแน่นอนย่อมตะโกนตาม ชาวพื้นเมืองถือดาบโดนกระสุนปืนใหญ่ถล่มหัว สองฝ่ายเว้นระยะห่าง พวกถือไม้ไผ่แหลมแทงได้เปรียบแล้ว
สถานการณ์พลิกผันอีก ชาวฮั่นติดอาวุธขับไล่ชาวพื้นเมืองถือไม้ไผ่ ชาวพื้นเมืองถือไม้ไผ่ไล่ชาวพื้นเมืองถือดาบ ไล่ไปทีละชั้น เหมือนเป็นคลื่นไม่รู้จบ มุ่งไปทางฐานที่มั่นสเปน
สถานการณ์เช่นนี้ ฐานที่มั่นไม่อาจไม่ยิงปืนใหญ่ ไม่นานเสียงตูมดังสนั่นไปทั่ว ชาวพื้นเมืองได้แต่ส่งเสียงร้องโหยหวน ทางจะหนีกลับถูกปิดตายแล้ว
แต่มีปัญหาหนึ่ง ปืนใหญ่ฐานที่มั่นยิงไม่ดีนัก หากหลบใต้รัศมียิงก็สามารถหลบพ้น แต่ปืนใหญ่กับปืนไฟที่ตามหลังชาวพื้นเมืองมา ค่อยๆ ไล่บี้มา ถอยก้าวหนึ่ง ด้านหลังก็จะยิงทิ้ง หยุดชะงักครู่หนึ่ง จากนั้นมุ่งหน้าฐานที่มั่นสเปนต่อ
ชาวพื้นเมืองปกติก็มีแต่ความอ่อนแอ พวกคนสเปนตอนเข้าจัดการเมืองท่าเป็นฐานที่มั่น ไม่คิดป้องกันด้านในอันใด คิดแต่ป้องกันด้านนอกด้วยกำแพงสูงและปืนใหญ่
หลังสังหารหมู่ชาวฮั่น พวกคนสเปนถึงกับนำปืนใหญ่ด้านในสามกระบอกไปยังริมทะเล เห็นชัดว่า พวกเขาคิดว่าชาวพื้นเมืองจะไม่มีทางก่อเรื่อง แม้ว่าคิดจะก่อเรื่อง อาศัยทหารสเปนก็เพียงพอรับมือแล้ว
การจัดการแบบรับมือนอกปล่อยด้านในไม่ได้เป็นปัญหาอันใด แต่ไม่มีผู้ใดคิดว่า ชาวพื้นเมืองไม่กลัวตายจะถูกไล่ต้อนมาโจมตีฐานที่มั่นสเปนได้
พูดให้ชัดก็คือ ไม่ใช่ชาวพื้นเมืองไม่กลัวตาย แต่เป็นเพราะพวกเขากลัวตายอย่างมาก ดังนั้นจึงยิ่งบุกเข้ามาไม่หยุด ปืนใหญ่ฐานที่มั่นยิงไป ไม่นาน พวกชาวพื้นเมืองก็ถูกปืนใหญ่ยิงบาดเจ็บล้มตายอนาถมาก ปืนใหญ่ด้านหลังเริ่มยิงแนวระนาบ ปืนไฟยิ่งยิงระดมกันแน่น
ระยะทางชาวพื้นเมืองบุกเข้าฐานที่มั่นปืนใหญ่เริ่มใกล้ขึ้น ตอนนี้ที่บุกถึงก่อนกลับเป็นคนแก่เด็กสตรีอ่อนแอ ตอนชาวพื้นเมืองบุกมาก่อนหน้า คนเหล่านี้ถูกทิ้งไว้ด้านหลัง ตอนนี้วิ่งกลับมาอีก พวกคนบ้าคลั่งตรงหน้าเช่นนี้ พวกเขาไม่หนี ไม่บุกหน้า ก็ย่อมต้องถูกเหยียบตาย
เปาโล ลูอิสกงสุลใหญ่ลูซอนอยู่บนหอระฆังเฝ้าดูสถานการณ์ เห็นชาวพื้นเมืองบุกกันกลับมา เขาสบถด่า ‘ลิงกัง’ แล้วก็ตะโกนว่า
“ทหารราบขึ้นป้อม เตรียมต่อสู้!”
ระยะห่างไม่มาก หากบุกเข้ามา ปืนใหญ่ไม่ว่าจากมุมใดหรือความถี่ใด ก็ล้วนไม่อาจมีผลในการป้องกันอีกแล้ว ยังต้องการทหารราบใช้ปืนไฟและดาบรับมือ
ความจริงไม่ต้องให้เขาออกคำสั่ง ทหารเบื้องหน้าก็จัดการแบบเดียวกันแล้ว ในตอนนั้นเอง ก็ได้ยินเสียงตะโกนร้องเสียงหลงดังมาจากทะเลว่า
“เรือโปรตุเกสไปท่าเรือทางใต้แล้ว!”
ระยะยิงปืนใหญ่บนฐานที่มั่น เรือบนท้องทะเลขอเพียงวนไปรอบใหญ่ ยังไม่อาจจะขึ้นเทียบท่าที่ดีที่สุดของท่าเรือทางใต้ได้ หากอยู่ขอบๆ พอได้ แต่ท่าเรือทางใต้ไม่ใกล้จากท่าเรือเหนือ เดินทางก็แค่ราวหนึ่งชั่วโมงกว่า ศัตรูขึ้นฝั่งที่นั่น หมายถึงอะไร
“รักษาฐานที่มั่นไว้ นอกระยะยิงปืนใหญ่เรา ปืนใหญ่พวกเขาไม่อาจทำอะไรฐานที่มั่นเราได้ แม้ให้ชาวพื้นเมืองตายไปหมด พวกเราก็ยังสามารถขอยอมจำนนยกธงขาวอันแสนทรงเกียรติได้!”
เปาโล ลูอิสกัดฟันกล่าว พ่อค้าที่ฐานที่มั่นสเปนได้รับแจกดาบและปืนไฟ แต่ละคนต้องต่อสู้ แม้แต่สตรีก็ต้องมาช่วยบรรจุกระสุน
*******************
“หาที่ได้ยัง?”
“หาได้แล้ว!”
หวังทงกับทหารติดตามคนหนึ่งถามตอบกันไปมา จากนั้นก็หันไปออกคำสั่ง ชาวฮั่นที่ถูกนำมารวมตัวกันเข้ารื้อบ้านชาวพื้นเมือง ไม่เพียงแต่รื้อให้ว่าง แต่พวกเขายังต้องขนไม้ที่ใช้งานได้มา ทำเป็นเครื่องมือยุทโธปกรณ์ง่าย ๆ เช่นบันไดกับโล่ไม้ ล้วนทำเสร็จหมด
ไม่ใช่ว่าชาวพื้นเมืองทุกคนถูกไล่ไปโจมตีกำแพงเมือง ชาวพื้นเมืองบางส่วนยังทำงานส่วนนี้ เริ่มจะขนย้าย
ปืนใหญ่ฐานที่มั่นยิงได้พื้นที่จำกัด ตอนนี้ชาวพื้นเมืองฮือกันมาถึง หามุมที่ห่างไกลสักหน่อย อาศัยบ้านเรือนเป็นกำบัง เครื่องมือยุทโธปกรณ์ขนส่งไปไม่ยาก
แน่นอนคนขนเครื่องมือยุทโธปกรณ์ล้วนเป็นชาวพื้นเมือง ตายไปไม่ใช่เรื่องใหญ่ พวกเขาเพียงแค่ขนของไปให้ถึงก็พอ
ตามคำสั่ง ใช้ไม้สร้างขึ้นเป็นหอสังเกตการณ์ ผู้คุ้มกันหวังทงวันหน้าล้วนจะต้องออกไปปฏิบัติหน้าที่ตำแหน่งต่างๆ ดังนั้นความสามารถแต่ละอย่างล้วนต้องครบ เรื่องนี้ไม่ยาก
“ม้าวัวที่มาลากเป็นอย่างไร?”
“เรียนกั๋วกง ชาวพื้นเมืองไม่มีม้า ม้าล้วนอยู่ในมือชาวผิวขาว วัวก็รวบรวมมาได้ราว 230 ตัว”
หวังทงพยักหน้า หันไปทางหอสังเกตการณ์ตะโกน
“เรือเข้าใกล้แล้วยัง!”
“เรียนกั๋วกง ยังขอรับ แต่เริ่มวนมาแล้ว!”
บนหอสังเกตการณ์ตอบเสียงดังมาก หวังทงพยักหน้า หันไปกล่าวว่า
“อย่าเห็นว่าชาวพื้นเมืองคนมาก ไม่แน่ว่าสามารถยึดฐานที่มั่นสเปนได้ สุดท้ายยังต้องพวกเราไปเอง แต่ทว่าไม่จำเป็นต้องให้พี่น้องเราไปทำงานเสี่ยงตายนี้ ให้พวกชาวพื้นเมืองไปลงแรงก่อน”
ความจริงนั้นตลอดทางมานี้ พ่อค้าใหญ่กับบรรดาเจ้าทะเลที่ตามมาร่ำรวยเหล่านี้ ล้วนรู้สึกได้เปิดโลกทัศน์อย่างมาก โดยเฉพาะหลังมาอยู่มะนิลานี่ มีตำแหน่งนี้ในทะเลใต้ ตนเองทำอะไรได้บ้าง ภาพที่คิดตอนนี้ช่างทำให้รู้สึกหลงใหล คิดจะทำเรื่องพวกนี้ ล้วนต้องได้รับการสนับสนุนจากหวังทง
ทุกคนล้วนเข้าใจดี คิดจะอยู่ที่นี่ให้นาน คิดจะใช้เรือ ไม่เช่าก็ต้องซื้อ แปดเก้าส่วนก็ต้องคบหากับหวังทง หาเรือมาสักลำ ผู้คุ้มกันกับความปลอดภัย เกรงว่าคงต้องไปหาเอาจากหวังทง ต้องการหวังทงปกป้อง สำหรับสินค้าไม่ต้องพูดถึง เมืองซงเจียงกับเทียนจินเป็นเมืองท่าใหญ่เพียงนั้น ลูซอนแม้ว่ามีของแต่ก็ต้องไปขายที่นั่น แม้แต่ปืนใหญ่ คนที่ฝึกยิงชำนาญพวกนี้ ก็ต้องไม่อาจไม่มีหวังทง ทุกคนคิดแล้วก็เข้าใจอย่างมาก จึงได้ยอมเสียเงินทองก้อนนี้ได้
ครั้งนี้ของที่ปล้นแย่งได้มาหลังสงคราม ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าขอกั๋วกงแบ่งสรร การจัดการทุกอย่าง ก็ล้วนขอกั๋วกงออกหน้าจัดการ ปกติการออกปล้นชิง คนพวกนี้ก็มักจะเหิมเกริมสักหน่อย แต่ตอนนี้หวังทงว่าอย่างไรก็อย่างนั้น ไม่อาจทำการพลการ ของพวกนี้เป็นเรื่องเล็ก
ไม่เพียงแค่คนเดียวที่แอบมาแสดงท่าทีกับหวังทง ชีวิตลูกน้องตนเหล่านี้ก็ได้มอบให้กั๋วกงไปแล้ว วาจานี้ไม่ใช่ว่าให้หวังทงเข้าดูแล แต่ให้หวังทงชี้แนะ นำคนไปใช้การได้ตามสบาย เป็นตายไม่ว่ากัน คนตายไปแล้วก็กลับไปหามาเพิ่มได้ แต่ความรู้สึกดีของหวังทงไม่ได้สร้างได้ง่ายๆ
ล้วนมีท่าทีเช่นนี้ และดูสภาพตอนนี้แล้ว เห็นชัดว่าต้องการการรบปะทะแล้ว ต้องการคนกล้าตายแล้ว หวังทงตัดสินสินใจเช่นนี้ การกล่าวเช่นนี้ก็คิดเพื่อทุกคน แต่ใช่ว่าไม่เด็ดขาดพอ ข่าวต่างๆ ของกั๋วกง ไม่ได้เคยมีใครบอกว่ากั๋วกงเป็นคนใจอ่อน
ทุกคนคิดอย่างไรหวังทงไม่สน เขาขึ้นไปยังหอสังเกตการณ์ ทหารถ่ายทอดคำสั่งยืนเฝ้าอยู่ วิ่งไปมาตลอด ชาวพื้นเมืองไม่อาจโจมตีได้ผลแต่อย่างไร เป็นเพราะความตายบีบให้บุกอย่างบ้าคลั่ง
เสียงระเบิดดังมาถึงหวังทง เป็นเสียงปืนใหญ่ดังเป็นระยะ ฐานที่มั่นมีควันลอยขึ้นตลอด หวังทงบนหอสังเกตการณ์เห็นชัด ทุกครั้งที่ควันขาวลอยขึ้นมา คนเบื้องหน้าก็บ้าคลั่งกันเฮโลถอยหลัง จากนั้นก็ยังบุกขึ้นหน้าอย่างไม่แน่ใจต่อ
การบุกไม่ได้ยินยอมพร้อมใจ เป็นเพราะเสียงปืนใหญ่ด้านหลังยังมี
“สั่งการไปบนท้องทะเล ยิงป้อมปืนใหญ่!”
หวังทงออกคำสั่ง
****************
เพราะมีเรือรบกำลังวกไปทางท่าเรือทางใต้ ดังนั้นเรือหลายลำบนท้องทะเลล้วนอยู่ในสภาวะพร้อมยิง จ่อกับป้อมปืนใหญ่ฐานที่มั่น สองฝ่ายกุมเชิงกัน
หวังทงออกคำสั่งไป แน่นอนสามารถยิงปืนใหญ่ทันที แต่คำสั่งนี้จะออกไปจากแผ่นดินไปยังท้องทะเลได้อย่างไร ก็ย่อมใช้เวลาระยะหนึ่ง
เดิมเสากระโดงเรือมีไว้เพื่อมองไกล รับหน้าที่มองไปรอบผืนทะเล ตอนนี้มีสองคน คนหนึ่งจับตาดูมุมหนึ่งท่าเรือทางใต้ รอทางนั้นส่งข่าวมา
พอส่งข่าวมา เรือใหญ่หลายลำก็เริ่มปรับทิศ พวกเขาปรับทิศทาง ทหารปืนใหญ่สเปนบนป้อมปืนใหญ่ก็พบทันที รีบเตรียมการป้องกัน
แต่การป้องกันก็ทำไปอย่างไม่มีทางเลือก ปืนใหญ่อีกฝ่ายระยะยิงไกลกว่าปืนใหญ่บนเกาะ ปืนใหญ่ยิงป้อมปืนใหญ่ย่อมก่อความเสียหาย ปืนใหญ่ฝ่ายตน อย่างมากก็ได้แต่ข่มขู่ สองฝ่ายเทียบกันแล้วน่าอึดอัดมาก
ยังคงได้ยินเสียง ตูม ดังต่อเนื่อง กระสุนปืนใหญ่ถล่มกำแพงหินป้อมปืนใหญ่ แต่กระสุนปืนใหญ่ระลอกสองเห็นชัดว่ายกมุมสูงขึ้น เสียงตูมดังสนั่นใส่ช่องกำแพงหิน เศษหินปลิวกระจาย
หากยิงปืนใหญ่ใส่หลายวันก่อน คงไม่ใช่เรื่องใหญ่ พลปืนใหญ่รู้จักหมอบ แต่ตอนนี้ไม่ได้ นอกและในฐานที่มั่น ด้านล่างกำแพงหิน ทุกแห่งล้วนมีทหารกำลังต่อสู้ บนลานหน้ากำแพงก็มีอีกชุด ไม่ใช่แค่ด้านเดียว ปืนใหญ่ขนาดใหญ่ยิงหินแตกกระจุย คนกำแพงหินและคนบนลานด้านหน้าบาดเจ็บไม่น้อย
แต่ไม่ทำให้ถึงตาย หากบาดแผลก็น่าตกใจ เลือดสดไหลทะลัก ส่งเสียงร้องโหยหวนไม่หยุด ทหารที่ต้องไปจัดการชาวพื้นเมืองเริ่มขาดสมาธิ
ทิศทางบนท้องทะเลยังคงมีเสียงดังไม่หยุด ครั้งนี้ชาวผิวขาวในฐานที่มั่นไม่สนใจอันใดแล้ว พากันหาที่หลบกันจ้าละหวั่น ครั้งนี้ยังดี กระสุนปืนใหญ่ยังคงตกลงบนกำแพงหิน ระยะนี้ยังเรียกว่าไกลไป เรือปืนใหญ่ความแม่นไม่มาก ไม่อาจทำความเสียหายให้กับทหารรักษาฐานที่มั่น
แต่ครั้งเดียวก็เพียงพอแล้ว ผู้ใดก็ไม่กล้าเอาชีวิตมาเสี่ยงภัย การโจมตีฐานที่มั่นไม่เพียงแต่มาจากทางท้องทะเล พอพวกเขาผ่อนลง ชาวพื้นเมืองก็เข้ามาใกล้อีก คำกล่าวที่ว่าถอยหรือรุกยากยิ่งก็คงเป็นเช่นนี้เอง ดีที่ชาวพื้นเมืองราวกับกระต่ายน้อย ไร้พิษสง
ปืนระดมยิง พวกเขาก็วิ่งหนีกันไปไกลอย่างอลหม่าน กลัวว่าตนเองจะโดนไปด้วย เสียงปืนใหญ่บนท้องทะเลเริ่มเบาบางลง ไม่มีสมาธิจะป้องกันแล้ว
ตอนที่ 1048 หาเรื่องใส่ตัว รบเป็นรบตาย
โดย
Ink Stone_Fantasy
ภายใต้การกดดันของปืนใหญ่ขนาดใหญ่บนเรือรบ ทหารฐานที่มั่นสเปนไม่มีวิธีป้องกันต่อไปแล้ว ชาวพื้นเมืองเริ่มรุกใกล้กำแพงหินแล้ว พวกคนสเปนป้องกันนอกแน่นหนาแต่ในอ่อนแอ กำแพงป้องกันระหว่างที่พักชาวพื้นเมืองกับตนนั้นก็หนาและสูงพอ
อาศัยแรงปีน คิดแล้วไม่อาจปีนเข้ามาได้ ปีนขึ้นมาระยะหนึ่งก็จะมีส่วนนูนออกไปทำให้ปีนไม่ได้ บนพื้นยังมีขุดคูน้ำไว้ความจริงนั้นเป็นโครงสร้างป้อมปราการแบบง่ายๆ จำนวนทหารรักษาการณ์ต่อป้อมนั้นเรียกได้ว่ามากพอ สามารถรับประกันว่าไม่มีจุดใดไร้การป้องกัน
แต่การจะอาศัยเพียงกำแพงหนานี้ ไม่อาจหยุดยั้งชาวพื้นเมืองที่ถูกไล่ต้อนมาได้ ยังต้องใช้ปืนยิงไม่หยุด
ปืนใหญ่ขนาดใหญ่ยิงไปประปรายทำให้ทหารต้องหันมาสนใจความปลอดภัยตนเอง การป้องกันคนเบื้องหน้าจึงเริ่มหยุดบ้างเป็นจังหวะ ชาวพื้นเมืองในที่สุดก็มาถึงตรงหน้า
หากอาศัยชีวิตคนมาถมคูเมือง ความกล้าชาวพื้นเมืองไม่อาจมีอยู่นานนัก แต่หลังจากรื้อบ้านทิ้งหมด มาทำบันไดไม้และบันไดปีนง่ายๆ ใช้ไม้ปูถมกำแพงเมือง ใช้บันไดลิงปีนขึ้นกำแพง
มีคนตื่นเต้นร้องตะโกนดังขึ้น มีคนเริ่มคว้าเงินทองที่อยู่ตามตีนกำแพงและคูเมือง หลายคนเริ่มปีนเข้าไป นาทีนี้พวกเขาล้วนคิดไปเองว่า หากบุกเข้าไปได้ ไม่เพียงแต่รอดชีวิต ถึงกับยังสามารถแย่งชิงเงินทองชาวผิวขาวได้ด้วย สตรีพวกเขาถูกย่ำยี ความคิดนี้สุมอยู่ในใจชาวพื้นเมืองทุกคนราวกับไฟสุม ยามนี้ตื่นเต้นฮึกเหิมอย่างมาก
ชาวพื้นเมืองใช้บันไดลิงปืนกำแพง สถานการณ์ทหารสเปนก็เริ่มย่ำแย่อย่างมาก ปืนเข้าไปได้มีผลประโยชน์ ไร้กำแพงที่ทำให้สองฝ่ายมีระยะห่าง ไร้กำแพงที่ทำให้ทหารยังคงรักษาเมืองไว้ได้ ตอนนี้ต้องมาปะทะกันตัวต่อตัวแล้ว
ทหารสเปนถือดาบยาว ทวนยาว ทวนเคียว กับปืนไฟอย่างไรก็ได้เปรียบชาวพื้นเมือง ยังได้รับการฝึกฝนมา ได้รับการบังคับให้ทำตามระเบียบกองทัพ แรงกำลังกับกำลังใจการต่อสู้ล้วนเหนือชาวพื้นเมือง ชาวพื้นเมืองที่เพิ่งปีนกำแพงขึ้นมาได้ก็เริ่มถูกสังหารอย่างไร้ปราณี
แต่ที่ยุ่งยากก็คือปืนใหญ่ขนาดใหญ่บนท้องทะเล ทุกครั้งที่เสียงปืนใหญ่ดัง ทหารสเปนล้วนพากันหาที่กำบัง ไม่เช่นนั้นกระสุนปืนใหญ่ถล่มหินกระเด็นใส่ ไม่แบ่งแยกชาวผิวขาวกับชาวพื้นเมือง มีคนตาบอดไปแล้ว ส่งเสียงร้องยึดกำแพงหินไว้แน่น ตามด้วยถูกชาวพื้นเมืองรุมสังหาร นี่เป็นเรื่องน่าตกใจจริง
ข้อได้เปรียบไม่ได้ได้เปรียบอีก ชาวพื้นเมืองยังคิดไปเองอีกว่า ชาวผิวขาวอาศัยปืนหากไล่บี้ไปตรงหน้าได้ เช่นนี้ก็จะแตกตื่นตกใจ ฟันกันมั่ว
ความจริงกลับตรงกันข้าม ชาวพื้นเมืองถือดาบ มีกำลังการต่อสู้ไม่ได้ดีไปกว่าพวกอินคาในละตินอเมริกาเท่าไร ทหารสเปนมีชุดเกราะป้องกัน อาวุธชั้นดีกับการต่อสู้ที่กล้าหาญ จึงกวาดล้างพวกชาวพื้นเมืองที่บุกเข้ามาได้อย่างรวดเร็ว
แต่ทว่า การต่อสู้ระยะประชิดเช่นนี้มีมีความยุ่งยาก ก็คือไม่อาจทำให้ไม่เกิดการบาดเจ็บล้มตาย จะได้เปรียบอย่างไร แต่ก็ต้องมีเหตุผิดพลาด
นายร้อยสเปนนายหนึ่งใช้ปืนสั้นยิงชาวพื้นเมืองตายไปหนึ่ง จากนั้นฟันตายไปอีกหนึ่ง จากนั้นปืนไฟก็ขว้างออกไป ลงหัวชาวพื้นเมืองที่เพิ่งปืนพ้นกำแพงมาร่วงลงไป ตามด้วยเสียงปืนใหญ่บนท้องทะเลดัง เขาก็หันไปมองตามสัญชาตญาณ
ระยะยิงปืนใหญ่หนักนี้ เส้นทางลอยมาของกระสุนปืนใหญ่เห็นชัด พอจะวิเคราะห์มุมตกได้ ครั้งนี้ยิงไม่น่าจะยิงกำแพงหิน
แต่การยิงนี้กำลังสังหารหมู่โหดเหี้ยม คนเมื่อขาดสมาธิ ก็ย่อมอันตราย ไม้ไผ่สองท่อนแทงลอดช่องว่างชุดเกราะเข้าไป ….
บาดเจ็บล้มตายไปเช่นนี้ ทำให้พวกทหารคนสเปนเสียขวัญ กงสุลใหญ่เปาโล ลูอิสเองก็สวมเกราะถือกระบี่ เขาเองก็เตรียมลงสู่สนามต่อสู้ ในยามนี้ ที่เขาทำได้ก็คือตะโกนใส่คนตรงหน้าว่า
“เปิดประตูใหญ่ฐานที่มั่นเรา ทหารสี่กองออกไปขับไล่ชาวพื้นเมืองควรตายนี้ไปให้หมด”
เทียบกับการติดพันเฝ้าฐานที่มั่นไว้ ไม่สู้ออกไปสู้กันในสนาม ไล่ชาวพื้นเมืองไป เป็นการจัดการที่ถูกต้อง
ประตูฐานที่มั่นเปิดออก ยกบันไดลงพาด ชาวพื้นเมืองพากันเฮโลวิ่งเข้ามา ถูกแทงตายกันตรงช่องประตู ทหารสเปนสี่ร้อยวิ่งออกมา
กำลังการต่อสู้ชาวพื้นเมืองไม่ควรค่าแก่การเอ่ยถึง เผชิญกับการสังหารเช่นนี้ ก็ทนไม่ไหวในทันที พากันแตกกระเจิงไปคนละทางอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาพบว่าปืนใหญ่กับปืนไฟด้านหลังไม่ยิงอีก ไม่ส่งกำลังรบอีก ก็ยิ่งไม่จำเป็นต้องดึงดันบุกเข้าไป ฐานที่มั่นพวกคนสเปนเก็บกวาดพื้นที่ด้านหน้าให้ว่างได้อย่างรวดเร็ว บนพื้นล้วนมีแต่เลือดและเนื้อชาวพื้นเมือง สถานการณ์คุมไว้ได้ชั่วคราวแล้ว
พวกคนสเปนกลับเข้าฐานที่มั่น ชาวพื้นเมืองแตกกระจัดกระจาย แต่หลังจากแตกกระจัดกระจายไปได้ระยะหนึ่ง ก็เริ่มมีชาวฮั่นติดอาวุธบี้เข้ามา ชาวพื้นเมืองที่ถูกภาพสังหารเมื่อครู่กดดันตอนนี้ก็คิดจะบุกทะลายการขวางกั้นของทหารชาวฮั่น แต่ทว่าพวกเขาใช้ชีวิตพิสูจน์ให้เพื่อนร่วมชาติเห็นแล้วว่าทางนี้ไม่ได้ผล
กองฟางมัดเสร็จจำนวนมากถูกโยนเข้ามา มีคนใช้ภาษาชาวพื้นเมืองตะโกนดังว่า
“เอาไปโยนใส่ฐานที่มั่นพวกคนสเปนเบื้องหน้า สามมัดก็จะให้พวกเจ้าถอยไปในที่ยิ่งปลอดภัย หากโยนทิ้งก่อนหรือเล่นลูกไม้ ก็จะสังหารเจ้าทิ้งซะ”
สามารถเห็นคนหนึ่งยืนอยู่ที่สูง คิดแล้วก็น่าจะเป็นพวกที่จับตาดูกองฟาง ตำแหน่งนี้มองเห็น ห่างจากฐานที่มั่นไม่ไกลนัก ที่ควรเห็นก็เห็นได้กระจ่าง คิดจะแกล้งทำก็ยาก
ที่ทำให้ชาวพื้นเมืองหวั่นไหวก็คือคำว่า ‘ยิ่งปลอดภัย’ แต่เช้ามาถึงตอนนี้ แต่ละก้าวล้วนเป็นความตาย ทุกคนมองไม่เห็นโอกาสรอดชีวิต ชาวพื้นเมืองตอนนี้ไม่กล้าคิดถึงโชคดีอันใด พวกเขาตอนนี้หวังเพียงแค่พักหายใจ อย่างน้อยก็ยังได้หายใจ
เหมือนกับอยู่กลางทะเลทราย คนที่แห้งผากไม่คิดจะมีชีวิตรอดแล้ว คิดแต่ได้ดื่มน้ำ แม้จะเป็นแค่หยดเดียวก็ตาม ชาวพื้นเมืองตอนนี้ไม่เคยมีคนคิดว่าตอนพวกเขาลงมือกับราษฎรฮั่นที่บริสุทธิ์ ชาวฮั่นที่สิ้นหวังพวกนั้นคิดอันใด
มัดฟางถูกชาวพื้นเมืองนำไปโยนทิ้งด้านหน้า ชาวพื้นเมืองกลับมาอีกรอบ หยิบมัดฟางไปอีก โจรสลัดชาวฮั่นไล่ต้อนพวกเขาด้วยคำสั่งง่ายมาก ปืนใหญ่ดัง ก็กวาดคนตายไปแถบ จากนั้นแต่ละคนล้วนรู้ว่าต้องบุกเข้าฐานที่มั่นต่อ
พวกคนสเปนในฐานที่มั่นไม่มั่นใจแล้วว่า ตนเองจะรักษาเมืองท่านี้ได้ไหม จะยืนหยัดรอทหารมาช่วยไหวไหม นี่เป็นการต่อสู้วันที่สองเอง ถึงกับมีสภาพน่าอนาถเช่นนี้ได้
แต่พวกเขาไม่มีผู้ใดกล้าผ่อนกำลังลง พวกคนสเปนไม่กล้าปล่อยให้ชาวพื้นเมืองบุกเข้าฐานที่มั่น ปีก่อนการสังหารหมู่ครั้งนั้น ชาวพื้นเมืองโหดเหี้ยมกระหายเลือดกับชาวฮั่นอย่างไร พวกเขาเห็นกับตา แม้ตอนนั้นพวกเขายิ้มให้กำลังใจ แต่ก็ไม่ถึงกับเชียร์ อย่างไรพวกเขาก็ไม่อยากให้เรื่องนี้เกิดกับตัวพวกเขาเอง
มัดฟางส่วนใหญ่ชาวพื้นเมืองไม่ได้เอาไปโยนกองที่ตีนกำแพงฐานที่มั่นการยิงบนกำแพงยังคงหยุดยั้งพวกเขาไว้ได้ แต่ทว่า เสียงปืนใหญ่บนท้องทะเลดังขึ้นทุกครั้ง ชาวพื้นเมืองก็บุกเข้าไปใกล้เข้าไปอีกนิดทุกครั้ง
มัดฟางแต่ละมัดนำไปกอง ลูซอนฤดูนี้แห้งแล้งมาก มัดฟางติดไฟง่าย พวกคนสเปนเองก็ไม่ได้โง่ เห็นสภาพการณ์นี้แล้ว พวกเขาก็คิดไปถึงว่าอีกฝ่ายจะใช้ไฟมาโจมตี แต่ที่พวกเขางงก็คือตอนนี้ทิศทางลมกำลังพัดเข้าฝั่ง การสุมควันนี้ ใช่ว่าควันจะลอยเข้ากำแพงเมืองหรือ การทำเช่นนี้ใช่ว่าทำร้ายพวกที่ล้อมกำแพงไว้หรอกหรือ
สำหรับกำแพงหินริมทะเลใหญ่นี้ ไฟเผาทำความเสียหายได้น้อยมาก หลักๆ น่าจะต้องการใช้ควันสุมคน แต่หากทำเช่นนี้จริง ความจริงนั้นเท่ากับการปกป้องป้อมปราการ ไม่รู้จริงว่าคิดทำอะไรกัน
******************
คนขนมัดฟางบาดเจ็บล้มตายน้อยกว่าการต่อสู้มาก ชาวฮั่นติดอาวุธที่โหดร้ายทารุณมาทั้งวันอยู่ๆ ก็ใจดีขึ้นมา หลังขนมัดฟางไปหมด คนโชคดีก็ได้พักผ่อนและกินข้าว อาหารก็ได้มาจากบ้านที่ถูกทำลายทิ้งไปนั่นเอง
หลังพักผ่อนได้ครู่หนึ่ง ก็มีคนจำนวนมากถูกคุมตัวไปท่าเรือทางใต้ เรือทางนั้นใกล้จะเทียบท่าแล้ว
ฟ้าค่อยๆ มืดลง ชาวฮั่นติดอาวุธที่ปิดทางไว้ก็ค่อยๆ กลับไปยังพื้นที่ว่างที่ เก็บกวาดพื้นที่ว่างให้สะอาดก่อนจะเริ่มกินข้าวและพักผ่อน
ชาวพื้นเมืองแม้จำนวนมาก แต่กลางวันก็บาดเจ็บล้มตายกันไปมาก พวกชาวพื้นเมืองที่ไม่อาจเคลื่อนไหวร่างกายได้ก็ถูกจัดการดังว่าเป็นศพไปแล้ว ในเวลานี้ก็ควบคุมง่ายมาก
สถานการณ์ตอนนี้ แม้ไม่โจมตี เพียงแค่ล้อมไว้ โรคระบาดที่เกิดจากศพที่ตายก็ย่อมเพียงพอที่จะทำให้ฐานที่มั่นนี้หายนะ
ชาวฮั่นรู้ พวกคนสเปนก็รู้ แต่หลังจากรบดุเดือดมาทั้งวัน พวกคนสเปนคิดแต่จะพักผ่อนให้พอ มีเวลาสั้นๆ ให้หายใจหายคอบ้าง เพราะผู้ใดล้วนรู้พรุ่งนี้ยังต้องต่อสู้อีก บางทีพรุ่งนี้อาจเป็นการรบสำคัญแห่งความตายก็เป็นได้
กองมัดฟางที่ไปสุมอยู่หน้าฐานที่มั่นสเปน จำนวนไม่น้อย ตอนนี้พระอาทิตย์ตกแล้ว มีแต่แสงท้องฟ้าส่องสว่าง ลมก็เบาลงไปมาก แต่ยังคงพัดมาจากทะเล
เห็นกองมัดฟางเหล่านี้แล้ว พวกคนสเปนที่ไร้ความหวังก็หาความสุขที่ยากจะมีเพียงนิดนี้ ด้วยการหัวเราะใส่ความโง่เขลาของพวกชาวฮั่น เสียกำลังไปมากมายเพียงนี้ ควันพวกนี้ได้แต่รมตัวเองแล้ว ไม่น่าขันหรอกหรือนี่?
รอบฐานที่มั่นมีแต่ศพ บนท้องทะเลยังมีเรือรบ มะนิลารบดุเดือดมาทั้งวันในที่สุดก็เงียบลงไปทั้งสองฝ่ายราวกับเหนื่อยล้ามาก ล้วนต้องกรพักผ่อนกับจัดระเบียบใหม่
ฟ้าค่อยๆ มืดลง ฟ้ามืดราวกับเป็นสัญญาณ รอบฐานที่มั่นอยู่ๆ มีเสียงปืนใหญ่ดัง บนกำแพงหินฐานที่มั่นอลหม่านทันที พวกสเปนที่เหน็ดเหนื่อยอ่อนล้าอย่างมากล้วนขี้เกียจจะยิงโต้ แต่ไม่อาจไม่เคลื่อนไหว ตั้งแต่การต่อสู้ตอนกลางวันพวกเขาก็รู้แล้วว่า ศัตรูมีปืนใหญ่ แต่ตอนนี้ปืนใหญ่ยิงต้องใช้ตามองคาดคะเนเป้าหมาย มืดๆ ดึกดื่นจะไปแม่นได้อย่างไร
ในเวลากระชั้นชิด คนบนกำแพงหินไม่รู้ว่ายิงปืนใหญ่มาจากที่ใด กลางคืนไม่อาจมองเห็นทิศทางมาของกระสุนปืนใหญ่ แต่ทว่าครั้งนี้พวกเขาเห็นแล้ว กระสุนปืนใหญ่แดงฉานลอยมากลางอากาศ ถึงกับมองเห็นกระสุนปืนใหญ่วาดเป็นเส้นทางสีแดงฉาน กลางคืนน่าตกใจมาก
ทำไมจึงแดงฉานเป็นสาย เรื่องนี้ได้คำตอบรวดเร็ว กระสุนปืนใหญ่ไม่ได้ยิงฐานที่มั่น แต่ยิงกองมัดฟางหน้าฐานที่มั่น นี่ย่อมไม่ต้องการความแม่นอันใด พื้นที่ใกล้ฐานที่มั่นกองเต็มไปด้วยมัดฟาง กระสุนปืนใหญ่ตกลงพื้น ก็พอดีลงตรงกลาง
ตกลงไปไม่นาน ก็เริ่มลุกติดไฟ ควันพวยพุ่งออกมา ทำให้คนคิดไม่ถึงก็คือศัตรูใช้กระสุนปืนใหญ่เผาไฟแดงฉาน ใช้มาเพื่อจุดไฟกองมัดฟาง
กลางคืนจุดกองมัดฟาง ลมพัดมาเบาๆ แต่ลมไม่เปลี่ยนทิศ ควันยังคงลอยเข้าแผ่นดิน คนที่ได้รับผลกระทบก็ยังคงเป็นพวกที่ล้อมไว้
เปลวไฟเริ่มคุกรุ่น ควันเริ่มหนา บดบังทัศนียภาพพวกคนสเปนในฐานที่มั่นหมด เหมือนว่าขณะเดียวกัน ปืนใหญ่บนท้องทะเลก็ยิงอีก คนบนกำแพงเริ่มพากันมองไป
***************
ท่าเรือทางใต้เป็นพื้นที่น้ำตื้น แต่ก็มีพื้นที่น้ำลึก เรือรบวนรอบแล้วหาที่เข้าเทียบท่าได้ พื้นที่น้ำที่พวกเขาอยู่นี้หากใกล้ชายฝั่งก็มีความเสี่ยงที่จะเกยตื้น
ข้างเรือรบมีแพไม้หลายแพกำลังต่อกันลอยอยู่ เชือกเส้นโตร้อยดึงไว้กับแผ่นดิน เรือปืนใหญ่เริ่มขนชิ้นส่วนรถปืนใหญ่ ชิ้นส่วนเหล่านี้หนักมาก ยังไม่ทันได้ตั้งบนแพไม้ คนบนแพไม้ก็ใช้เชือกเส้นใหญ่รัดไว้แน่น
พอชิ้นส่วนวางบนแพไม้ แพไม้ก็จมลงน้ำไปอีก ไม้มัดกันแน่นพอ แพไม้ล้วนไม่มีทางลอยขึ้น ย่อมต้องจมลงไปในน้ำ
แต่แพไม้อย่างไรก็มีแรงพยุงอยู่บ้าง ยังใช้เชือกใหญ่รัดต่อกันไว้ ความจริงนั้นแพไม้ใช้เพื่อพยุงให้นิ่ง เพื่อให้ชิ้นส่วนโลหะไม่ถูกของใต้ทะเลขัดไว้ อีกด้านหนึ่งของเส้นเชือกมัดเข้ากับตัววัวหลายตัว วัวก็ใช้หนังกับเชือกรัดไว้ด้วยกัน ทางนี้ให้สัญญาณ อีกทางก็ไล่ต้อนม้าวัวให้ลากขึ้นฝั่ง
สำหรับปืนใหญ่กระสุน 18 ชั่งยิ่งยุ่งยาก ใช้เชือกรัดปากปืนใหญ่ไว้ ปืนใหญ่ใช้หนังที่ชุบน้ำมันรองไว้ ด้านนอกใช้ไม้ต่อกัน รอบแพไม้ยังมีหนังวัวกับกะลามะพร้าวรอบ พยายามให้ลอยตัวให้มากที่สุด
ปืนใหญ่ลากมาได้แล้ว เรือมีความเสียหายบ้าง ต้องให้คนบนเรือเร่งซ่อม ปืนใหญ่ลงน้ำก็จมลำไปสองฉื่อกว่า ดีที่คนจำนวนมากคอยประคองใต้น้ำ พวกลูกเรือที่ว่ายน้ำเก่งล้วนลงไปออกแรงใต้น้ำ ดีที่เป็นท่าเรือมีหาด แม้ว่าดินอ่อน แต่คนก็ยังลงไปยืนได้
บนฝั่งไม่เพียงแค่วัวหลายสิบตัว ยังมีคนจำนวนมากที่เหมือนว่าชักคะเย่อร่วมออกแรง ปืนใหญ่ค่อยๆ ถูกลากขึ้นฝั่ง
พอขึ้นฝั่งก็ยังยุ่งกว่าริมทะเลเสียอีก หลังประกอบรถปืนใหญ่เสร็จ ก็พบว่าดินที่อ่าวมะนิลาไม่แข็งพอ แต่ก็ยังพอมีวิธี ก็ได้แต่ถมไปเข็นไป ใช้ไม้กับเศษหินโรยให้เรียบ จากนั้นค่อยลากไป กว่าจะก้าวไปได้ ต้องใช้แรงคนร่วมร้อย
ค่อยๆ คืบคลานเข้าใกล้ฐานที่มั่นเรื่อยๆ …
******************
จากฐานที่มั่นกลางดึกมองได้ไม่ไกลนัก ตอนนี้ทุกคนจับจ้องไปที่ปืนใหญ่บนท้องทะเล มีควันลอยปิดบังไว้ ยิ่งทำให้พวกคนสเปนงง ชาวฮั่นถึงกับไล่ชาวพื้นเมืองมาโจมตีท่ามกลางควันหนา ใช่ว่าหาเรื่องลำบากตัวเองหรือ? ข้างนอกเกิดเรื่องอะไรกัน พวกคนสเปนล้วนไม่รู้
ตอนที่ 1049 การต่อสู้ที่ใกล้สิ้นสุด
โดย
Ink Stone_Fantasy
กลางวันชาวพื้นเมืองบุกโจมตีอย่างบ้าคลั่ง พวกคนสเปนหวังว่าพอฟ้ามืด กำลังศัตรูจะไม่รบกลางคืน คิดไม่ถึงพอฟ้ามืด ไฟลุกโชน ควันหนาทึบ ยังโจมตีต่อ
ครั้งนี้ไม่ได้โจมตีเรื่อยๆ เฉื่อยๆ เหมือนเดิม หากมีเป้าหมาย ค่อนไปทางซ้ายของฐานที่มั่นอันที่ตั้งของหอระฆังกับป้อมปืนใหญ่ มีมุมอับ ชาวพื้นเมืองเริ่มโจมตีมุมอับนี้ และตั้งใจเด็ดเดี่ยวที่จะโจมตี ไม่สนใจบาดเจ็บล้มตาย
ชาวพื้นเมืองตัดสินใจโจมตี แต่อย่างไรก็เป็นชาวพื้นเมืองโจมตี พวกคนสเปนป้องกันฐานที่มั่นได้ดี ครั้งนี้ถึงกับดียิ่งกว่าตอนกลางวัน ชาวพื้นเมืองไม่อาจเหยียบใกล้กำแพงหิน
ปืนใหญ่บนท้องทะเลยิ่งยิงบางเบาลง หลังชาวพื้นเมืองเริ่มบุกแล้วก็หยุดยิง ทำให้การป้องกันผ่อนลง แต่พวกคนสเปนกลับหวังให้ฟ้าสว่าง
ไม่ว่าอย่างไร พวกศัตรูก็ต้องการพักผ่อน อย่างไรก็ได้มีโอกาสหายใจ และเมื่อมัดฟางติดไฟ ทิศทางลมแม้ว่าจะเป็นประโยชน์ต่อคนบนฐานที่มั่น แต่กำลังลมแรงไม่มาก คนในฐานที่มั่นกลับถูกควันรมหนัก สองตาแดงก่ำ คอเริ่มแห้งผาก สาเหตุเพราะควันนี้เอง
แสงทองจากฟ้าเริ่มรำไร การบุกเริ่มหยุดลง มัดฟางที่กองหน้าฐานที่มั่นก่อนฟ้ามืดก็เผาหมดสิ้น ระดับความดุเดือดของการต่อสู้เริ่มลดลงไปมาก
กงสุลใหญ่สเปนเปาโล ลูอิสแห่งลูซอนประกาศในฐานที่มั่นกับทุกคนว่า ชายและหญิงสเปนทุกคนต้องต่อสู้เพื่ออิสระและชีวิตตน
คำสั่งหลักมีเป้าหมายใช้กับเจ้าของเรือและพ่อค้าร่ำรวยในพื้นที่หลายคนในป้อมปราการนี้โดยเฉพาะ เพราะพวกเขามีผู้คุ้มกันของตนเอง แต่ไม่ส่งไปร่วมต่อสู้ เดิมเปาโล ลูอิสยังเกรงใจพวกเขา แต่ตอนนี้ยามเผชิญกับความเป็นความตาย อันใดก็ล้วนไม่อาจสนใจ
ตอนประกาศคำสั่งยังไม่มีคนสงสงสัย คนส่วนใหญ่ล้วนยังนอกหลับอุตุกันอยู่ การต่อสู้หนึ่งวันหนึ่งคืนทำให้คนอ่อนล้าหมดแรง
“ท่านกงสุล ศัตรูกำลังเก็บศพ”
ได้ยินทหารรายงาน เปาโล ลูอิสรีบนำคนไปมองด้านนอก แหล่งน้ำในฐานที่มั่นอาศัยแหล่งน้ำใต้ดินสายหนึ่ง แม้ไม่ต้องห่วงว่าจะมีคนมาปิดเส้นทางน้ำ แต่อย่างไรก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะมีแผนร้ายอันใด
“ขอบคุณพระเจ้า พวกป่าเถื่อนเหล่านี้ยังรู้จักเผาศพ”
เปาโล ลูอิสกล่าวจบ ก็หันไปสั่งทหารติดตามตน ให้ออกไปสะสมน้ำจืดในป้อมให้มาก เขากังวลว่าศัตรูจะใช้ศพทำให้แหล่งน้ำสกปรก หากเป็นเช่นนี้ ฐานที่มั่นแม้รักษาไว้ได้ แต่ก็ย่อมเผชิญกับเรื่องแสนน่ากลัว
แหล่งน้ำใต้ดินนี้มีปัญหาหนึ่ง คือหากน้ำทะเลหนุนสูงมากไป ก็จะถูกน้ำทะเลหนุนเข้ามา ตอนนั้นก็คงยุ่งยาก เมื่อวานเอาแต่ต่อสู้ทำให้หลายคนไม่ทันได้คิดเรื่องนี้มาก
“การต่อสู้วันนี้จะไม่ดุเดือดแล้ว!”
“ท่านกงสุล ไยท่านจึงคิดเช่นนี้?”
ขุนนางหนึ่งถามขึ้น เปาโล ลูอิสมองไปยังชาวพื้นเมืองที่เริ่มวุ่นวายกันแล้วก็แค่นยิ้มอธิบายว่า
“ชาวพื้นเมืองตายไปมากพอแล้ว ชาวฮั่นพวกนั้นย่อมไม่อยากเสี่ยงชีวิตมาโจมตีเรา”
****************
“พวกเจ้ามาถึงลูซอน ปลาในแม่น้ำถูกมากใช่หรือไม่ ชาวพื้นเมืองจับปลามา ล้วนขายให้พวกเจ้าไม่เท่าไร!?”
พวกชาวฮั่นที่อพยพมาใหม่ล้วนมารวมตัวกัน ไป๋อู่ก็อยู่ด้วย คนที่ถามยืนอยู่ในที่สูง พอถามออกไป ชาวฮั่นเบื้องหน้าก็สุมหัวกันก่อนจะพยักหน้า
“ชาวพื้นเมืองพวกนั้นบอกว่าภูเขาเป็นของพวกเขา ไม่ให้พวกเจ้าไปล่าสัตว์ บอกว่าป่าเป็นของพวกเขา ไม่ให้พวกเจ้าไปเก็บของป่า ใช่หรือไม่?”
ไป๋อู่เดิมทีเคยอยู่ที่นี่มาก่อน ที่ถามขึ้นแน่นอนย่อมเป็นเรื่องจริง ชาวฮั่นเบื้องหน้าสีหน้าอ่อนล้าและหวาดกลัวผสมกัน บ้างก็พยักหน้าอย่าเสียไม่ได้ เมื่อวานนี้ พวกชาวฮั่นที่อพยพมาลูซอนใหม่พวกนี้ มือเปื้อนเลือดกันไม่มากก็น้อย ไม่ก็ไปใช้แรงงานหนัก ไม่คุ้นชินเสียเลย รู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง พวกเขารู้สึกว่าตนเองเป็นคนดีที่ถูกโจรสลัดขู่บังคับให้มา ถึงกับยังแอบก่นด่าในใจ
“ปลาในแม่น้ำแม้อวบอ้วน แต่พวกเจ้ารู้ไหมว่าทำไมเป็นเช่นนี้? เพราะปลาในแม่น้ำกินพี่น้องเราจนเติบใหญ่ ปีนั้นสังหารพวกเราอย่างโหดร้าย โยนศพลงน้ำ พวกลิงชาวพื้นเมืองชอบเอาเปรียบผู้อื่นทำไมไม่ไปอยู่ที่แม่น้ำกัน เพราะแม่น้ำนี้ ท้องปลาล้วนมีแต่เลือดเนื้อพี่น้องเรา พวกเขาไม่กล้า พวกเขาหวาดกลัว!!”
ที่ไป๋อู่ว่ามาล้วนเป็นความจริง พวกชาวฮั่นที่อพยพมาลูซอนใหม่ ไม่เพียงแต่คนหนึ่งทอดถอนใจ กล่าวว่าพื้นที่ลูซอนอุดมสมบูรณ์ แม้แต่ปลาในแม่น้ำก็ยังอวบอ้วนใหญ่ แต่พอได้ยินเช่นนี้ ก็เข้าใจในบัดดล ในใจพวกเขาใช่ว่าไม่สงสัย เพียงแต่ไม่มีคนถาม
คิดถึงปลาที่กินเนื้อคนพวกนั้นแล้ว ตนเองกินปลานั้น ในตอนนั้นเองก็มีคนอาเจียนออกมา คนที่เหลือก็สีหน้าซีดเผือด
“พวกเจ้าคิดอยากเป็นพลเมืองดี คิดจะอยู่สงบเสงี่ยม แต่พวกผีต่างชาติกับชาวพื้นเมืองไม่ให้พวกเจ้าได้ทำเช่นนั้น พวกเขาเลี้ยงสุกร รอพวกเจ้าอ้วนพีแล้ว พวกเจ้าก็จะถูกโยนไปเลี้ยงปลา พวกเจ้าตรากตรำบุกเบิกพื้นที่มา พวกเจ้าสร้างบ้านกันมา พวกเจ้าสะสมเงินทองกันมา ล้วนจะถูกสัตว์ป่าเหล่านี้แย่งไป พวกเจ้ายอมได้หรือ?”
คนเบื้องหน้าเงียบไปหมด เมื่อวานไป๋อู่วิ่งไปวิ่งมา ลำบากเหน็ดเหนื่อยมาก ยามนี้เริ่มมีความฮึกเหิมมาก เขายกมือตบหน้าอกตนเอง น้ำตานองหน้าคำรามดังว่า
“อย่าได้คิดว่าข้าข่มขู่พวกเจ้า ข้าเปิดโรงโม่อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของมะนิลานี้ ท่านพ่อท่านแม่ข้า น้องสาวสองคนของข้า ภรรยาข้ากับลูกสาวลูกชาย และคนงานร้านข้าถูกพวกสัตว์ป่าเหล่านี้สังหาร น่าอนาถยิ่ง…น่าอนาถยิ่ง พวกผีต่างชาติกับชาวพื้นเมืองไม่เห็นเราเป็นคน พวกเขาคิดว่าเราเป็นสุกร พวกเขามองไม่เห็นว่าเราจากแผ่นดินบ้านเกิดเมืองนอนมา มองไม่เห็นว่าพวกเราทำงานลำบากตรากตรำ สัตว์ป่าเหล่านี้รู้แต่ว่าพวกเรากินอิ่ม มีเงินมากสักหน่อย ก็เพราะแย่งชิงพวกเขาไป พวกเขาต้องจะมาสังหารพวกเรา แย่งคืนไป!!”
ไป๋อู่บนเวทีตีอกชกตัวคับแค้นใจ น้ำตาไหลนองหน้า น้ำเสียงแหบพร่า คนเบื้องหน้าพากันหวั่นไหวตาม คนข้างๆ กล่าวว่า พวกเขาไม่ก็ยังคิดว่าหลอก แต่ไป๋อู่พูดถึงสุดท้ายยังใช้สำเนียงภาษาบ้านเดียวกัน ซึ่งเป็นคนกลุ่มใหญ่จากจีนมาลูซอนมากที่สุด ลูซอนที่เขาพูดมา อย่างไรก็เป็นความจริง ได้ยินก็รู้ว่าไม่เท็จ
“พี่น้องข้าสองคน บอกว่าชาวพื้นเมืองถือมีดเข้าสังหารไปทั่ว พวกเขาสองคนไปหลบในบ่อจึงได้รอดมาได้ แต่ก็เสียสติกันไปแล้ว…”
พูดถึงตรงนี้ ไป๋อู่ก็ไม่อาจกล่าวต่อไปได้ ส่งเสียงร้องไห้ดัง ชาวฮั่นด้านล่างเวที สีหน้าเดิมทีไม่ยินยอม ตอนนี้เริ่มเปลี่ยนไป มองชาวพื้นเมืองพวกนั้น ก็เริ่มไม่ใจอ่อนอีก กลับมีความหวาดกลัวและความแค้นใจ ไป๋อู่หยุดร้อง คำรามเสียงแหบพร่าว่า
“ทัพใหญ่ไม่อาจอยู่ที่นี่นาน พวกเขาช้าเร็วก็ต้องจากไป หรือว่าพวกเรายังจะยอมให้ชาวพื้นเมืองรังแกอีก ยังต้องกลัวพวกผีต่างชาติข่มเหงอีก พวกเราแม้ว่าคนน้อย แต่พวกเราก็ชนะชาวพื้นเมืองและพวกผีต่างชาติที่มากกว่า 10 เท่าได้ พวกเรารอนแรมข้ามทะเลมา ลำบากหาทางรอดกัน พวกเขามาแย่งชิงของๆ เราไปได้อย่างไรกัน พวกเราต้องป้องกัน พวกเราต้องได้ของยิ่งมาก ที่ดินดีเช่นนี้ อากาศดีเช่นนี้ เหตุใดปล่อยให้ลิงกังขี้เกียจเหล่านี้ได้ไป!!”
“เผาพวกมันเป็นปุ๋ยไปเลย!!”
คนเบื้องหน้าไม่รู้เป็นผู้ใดตะโกนตามมา บรรยากาศเศร้าสลดที่เริ่มถูกกระตุ้นขึ้น พริบตาก็จบลง ทุกคนล้วนหัวเราะดัง หวังทงยืนอยู่ด้านหลังมาตลอด ได้ยินแล้วก็ขมวดคิ้ว หานเถี่ยอยู่ข้างกายเขามาได้ระยะหนึ่งแล้ว กอปรกับพี่สาวและพี่ชายสั่งสอนอบรมมา ก็ฉลาดอยู่มาก เห็นสภาพการณ์นี้ ก็เข้าไปกระซิบว่าว่า
“กั๋วกง ข้าน้อยจะไปจับตัวมา!”
หวังทงกำลังจะพยักหน้า ได้ยินไป๋อู่ลุกขึ้นตะโกนดังว่า
“พี่ชายท่านนี้กล่าวได้ถูกต้อง พวกเราไม่เพียงแต่จะจับพวกเขามาถมที่ให้อุดม ยังจะให้พวกเขามารับใช้เราดังวัวม้า จับตัวสตรีพวกเขามาหยอกเย้าให้สนุกสนาน พวกผีต่างชาติอาศัยอะไรเป็นนายท่านได้ ทำไมพวกเราทำไม่ได้กัน พวกเราแบ่งหน่วยกัน มีอาวุธ พวกชาวพื้นเมืองราวลิงกันจะเท่าไรกัน!!”
คนเบื้องส่งเสียงเฮดัง แต่ละคนสีหน้าล้วนเริ่มบ้าคลั่งหลายส่วน ไป๋อู่น้ำตาแห้งแล้ว คำรามโบกมือดังว่า
“แย่งสมบัติพวกเขามา จับตัวผู้ชายมาทำนาทำไร่ให้เรา จับตัวผู้หญิงมาเป็นเมียน้อยเรา เมื่อวานทุกคนได้จากชาวพื้นเมืองไปไม่น้อยกระมัง !”
หวังทงยกมือห้ามหานเถี่ย ยิ้มกระซิบว่า
“ไป๋อู่นี่ก็ไม่เลวนะ!”
****************
มัดฟางไม่ขาดแคลน เอามาห่อศพไว้หมดแล้ว กองฟืนสุมเข้าไปเริ่มเผาอีก ควันลอยโขมง
เห็นกลุ่มควันหนา พวกคนสเปนในฐานที่มั่นก็เริ่มเงียบกริบ ควันเช่นนี้บนท้องทะเลพบเห็นง่าย หากถูกเรือพบเห็น ล้วนต้องเข้าไปช่วย อ่าวมะนิลาเป็นเส้นทางเดินเรือสำคัญ อีกฝ่ายเหิมเกริมเช่นนี้ เห็นชัดว่ามีความมั่นใจมาก
พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว พวกคนสเปนในฐานที่มั่นล้วนยังสัปหงก หนึ่งวันหนึ่งคืนไม่ได้พักผ่อน ช่างทำให้เหน็ดเหนื่อยหมดแรงอย่างยิ่ง ได้นอนสักครู่ อย่างไรก็ดี
“ชาวพื้นเมืองโจมตีอีกแล้ว!!”
ทุกคนก่นด่า แต่ก็ได้แต่จับอาวุธเริ่มเตรียมป้องกัน
คืนวานหวังทงผลัดกันพักผ่อน ผลัดกันไปไล่ต้อนชาวพื้นเมืองตีเมือง ชาวพื้นเมืองเหน็ดเหนื่อยไม่ต้องสนใจ ขอเพียงทหารเราสามารถได้พักผ่อนเพียงพอก็พอ
“เรือที่ไปท่าเรือทางใต้กลับมาแล้ว คืนวานเกิดอะไรขึ้นก็ไม่รู้!”
“อาจขนเสบียง…… ”
การบุกครั้งนี้ไม่ได้เป็น ‘จุดอับ’ ในพื้นที่นี้ ไม่ว่าปืนใหญ่หรือทหารเฝ้ากำแพง ล้วนรู้สึกเหมือนไม่อาจทำอะไรได้ดังใจ ดีที่คืนหนึ่งมานี้ หาวิธีรับมือได้ เข้าติดตั้งปืนใหญ่ไว้ในมุมกำแพงหินที่ห่างจะจุดอับราว 20-30 เมตร
ชาวพื้นเมืองบุกเข้ามา นอกจากด้านหน้ายิงด้วยปืนแล้ว ด้านข้างก็มี ผลเช่นนี้ยิ่งดี ชาวพื้นเมืองบุกมาได้ครึ่งทางก็จะถูกยิงแตกกระจัดกระจาย
“ไอ้ลิงควรตาย มาสิมา!”
ทหารสเปนเฝ้ากำแพงสบถด่าเบาๆ ทหารเขาล้วนเตรียมพร้อมยิงแล้ว อยู่ๆ นอกกำแพงเมืองก็ได้ยินเสียงดังครืนหลายเสียง จากนั้นก็มีเสียงแหวกอากาศมา ศัตรูถึงกับติดตั้งปืนใหญ่ในแผ่นดินได้แล้ว
ชาวพื้นเมืองยังไม่ทันตั้งสติกับเสียงนี้ได้ แต่ทหารผิวขาวฐานที่มั่นรู้ความร้ายกาจดี ได้ยินเสียงนี้ ล้วนแตกตื่นหาที่หลบกันจ้าละหวั่น กระสุนปืนใหญ่หลายลูกตกลงบนกำแพงหินกับลานด้านในฐานที่มั่น ได้ยินร้องโหยหวน มีคนโชคร้ายแล้ว หลบไม่ทัน
“เป็นปืนใหญ่กระสุนสามปอนด์ มาจากทางตะวันตกเฉียงเหนือหอระฆัง จากทางต้นไม้นั่น!”
มีคนวิเคราะห์ได้อย่างรวดเร็วถึงทิศทางที่ตั้งปืนใหญ่ ปืนใหญ่ในด่านเริ่มอลหม่าน เตรียมยิงโต้
ชาวพื้นเมืองมีครั้งหนึ่งบุกมาถึงหน้ากำแพงได้ ใช้บันไดไม้พาดคูเมือง จากนั้นก็โยนบันไดลิงปีนขึ้นไป พวกคนสเปนยังคงกล้าหาญต่อสู้ ชาวพื้นเมืองโผล่หัวขึ้นมา ก็ถูกนายทหารหนึ่งฟันหัวร่วงลงไป จากนั้นยังดึงบันไดทิ้ง
หลังปืนใหญ่ถล่ม ปืนใหญ่ในจุดบอดก็หยุดยิง ชาวพื้นเมืองผ่านการต่อสู้มาหนึ่งวันหนึ่งคืน หิวและเหนื่อยมาก และยังเริ่มหวาดกลัว ทำให้พวกเขาไม่ได้คลั่งเหมือนเดิม เห็นอาวุธร้ายแรงแล้ว และพวกสเปนยังต่อสู้กล้าหาญ พอแตะเข้าพื้นที่ก็โดนตีโต้กระเจิง
ใช้คำว่า กระเจิง เรียกว่าให้เกียรติพวกเขา ดีที่พวกชาวฮั่นติดอาวุธโหดร้ายเหมือนว่ายังเห็นใจ ไล่ต้อนพวกเขามาในรัศมียิงปืนของฐานที่มั่น แล้วก็ไม่สนใจอันใดอีก ในตอนนี้อย่างไรก็มีระยะห่าง วิ่งช้าหน่อยก็วิ่งช้าได้ แอบหลบก็แอบได้ อย่างไรก็ไม่มีคนอยากไปสู้ตาย
“นั่นคืออะไร!!”
ทหารบนหอระฆังพบว่าด้านหน้าฐานที่มั่นแปลกไป ชาวฮั่นเหมือนว่าเคลื่อนกำลังมาแล้ว ชาวพื้นเมืองเกือบพันถูกชาวฮั่นติดอาวุธจำนวนมากกว่าพวกเขาขับไล่มา ถึงกับยังเป็นขบวนแถวหนาแน่นได้ ด้านหลังมีวัวหลายตัวลากอะไรมาสักอย่าง มองเห็นแล้ว ทหารด้านบนก็ขยี้ตาอีกที เหมือนว่าเป็นบ้านฟางหลังใหญ่ ยังมีคนคอยปูทาให้บ้านฟางนั่นเข็นมา มองออกว่า บ้านฟางนั้นหนักมาก หรือว่าเป็นของไสยศาสตร์ หรือว่าเป็นอาวุธโจมตี
แม้มีเรื่องราวพิสดารมากมายหลายอย่าง แต่ทว่าทุกคนล้วนรู้ เครื่องมือโจมตีไม่มีประโยชน์อันใดกับกำแพงหินหนาเช่นนี้ นับประสาอันใด ปืนใหญ่ตรงหน้ายังหนาแน่นอีก มีปืนใหญ่ขนาดใหญ่สี่กระบอก ปืนใหญ่กระสุนหกปอนด์อีกสามกระบอก ล้วนเอาอยู่
ชาวพื้นเมืองเฮโลบุกเข้ามาอีก การต่อสู้หลายครั้งหนึ่งวันหนึ่งคืน ปืนใหญ่ฐานที่มั่นยิงไกลที่สุดเท่าไร ทุกคนล้วนรู้ชัดแล้ว ชาวฮั่นติดอาวุธยังคงเดินมาหยุดนอกรัศมียิง เห็นการเคลื่อนไหวชาวฮั่น พวกสเปนในฐานที่มั่นก็รู้สึกวางใจอยู่บ้าง ขอเพียงไม่กล้าบุกแลกชีวิต ก็ย่อมต้านทานไว้ได้
พวกสเปนกลับเริ่มรำคาญชาวพื้นเมืองตรงหน้ามาก ราวกับแมลงวันกำลังตอมหึ่ง ๆ แม้ว่าไม่ได้ทำร้ายอันใด แต่ก็อยากจะลงมือไล่ไป สำหรับชาวพื้นเมืองตรงหน้า ทหารปืนใหญ่เริ่มถอย ทหารปืนไฟขึ้นหน้า เตรียมยิง
อยู่ ๆ ทั้งฐานที่มั่น ถึงกับแม้แต่ชาวพื้นเมืองด้านนอกล้วนได้ยินทหารบนหอระฆังร้องเสียงหลงตะโกนดังมาว่า
“ปืนใหญ่ ทางนั้นมีปืนใหญ่!!!”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น