องครักษ์เสื้อแพร 1044-1045
ตอนที่ 1044 เปิดฉาก
โดย
Ink Stone_Fantasy
พวกคนสเปนคิดมาตลอดว่าชาวฮั่นเป็นศัตรูอันตราย กับชาวพื้นเมืองนั้นคิดว่าไม่ควรค่าแก่การเอ่ยถึง อาจกล่าวได้ว่า พวกคนสเปนรู้สึกชาวฮั่นเป็นคน รู้สึกชาวพื้นเมืองอย่างมากก็เป็นสัตว์
คนถูกมองว่าเป็นสัตว์ย่อมไม่น่าเชื่อถือ พวกเขามาแจ้งข่าวที่มะนิลา พวกโจรสลัดชาวฮั่นยกทัพมาโจมตี แต่ที่แต่ละคนกล่าวมาล้วนไม่เหมือนกัน จากหลายสิบเป็นหลายหมื่นมีหมด ช่างเกินเลยไปมาก มะนิลาใหญ่เพียงนี้ การเคลื่อนไหวใหญ่เช่นนี้อย่างไรก็ต้องมีร่องรอยบ้าง
โจรสลัดกลุ่มใหญ่ขึ้นฝั่งเข้ามา นี่เป็นโจรสลัดหรือ หมู่บ้านชาวพื้นเมืองพวกนั้นมีอะไรให้น่าปล้นชิงกัน ช่างเหลวไหลสิ้นดี
แต่ทว่ามีเรื่องหนึ่งที่เห็นว่าเป็นจริง มีกำลังชาวฮั่นเคลื่อนไหวรอบมะนิลา แต่ไม่ใช่ตอนนี้ ความยุ่งยากสุดของพวกคนสเปนก็คือเรือรบลำนั้นที่ลอยคุกคามอยู่บนท้องทะเล
เรือรบนั้นว่ากันว่าเป็นเรือปืนใหญ่กับเรือรบขนาดกลางที่แปดเก้าส่วนน่าเป็นของพวกโปรตุเกสไม่ก็ฮอลันดาพวกเขาในที่สุดก็มาจ้องบ่อเงินบ่อทองที่ลูซอนผืนนี้แล้ว นี่สิเป็นความยุ่งยากใหญ่จริง
เปาโล ลูอิสรวมกำลังคนใหญ่คนโตในอาณานิคมกับทหารมาเปิดประชุมกัน ตัดสินใจสะสมเสบียง และเร่งเสริมการป้องกัน แม้ว่าเรือรบจอดตามท่า หรือรวมกับเรือการค้าล้วนก็ไม่อาจเทียบได้กับเรือรบลำนั้นบนท้องทะเล ที่นี่มีพื้นที่ชัยภูมิดีกับป้อมปืนใหญ่อยู่ ศัตรูคิดจะบุกเข้ามาก็ย่อมไม่ได้
ก็ให้เสริมแนวป้องกันในพื้นที่ชัยภูมินี่ให้มาก จากนั้นขนปืนใหญ่จากเรือออกมาติดตั้งไว้ในพื้นที่ชัยภูมิสำคัญ แม้แต่เรือการค้าที่สูญเสีย ก็รวบรวมลูกเรือมาทั้งหมด ชาวผิวขาวอย่างไรก็พึ่งพาได้มากกว่าชาวพื้นเมือง
แต่ ‘โจรสลัดชาวฮั่น’ รอบมะนิลานั่นก็ไม่อาจไม่สนใจ อย่างไรก็พวกเขาก็เป็นกองกำลังเสริมได้ เปาโล ลูอิสส่งทหาร120 นายไปตรวจสอบ
เทียบกับจำนวนนับพันนับหมื่นที่รายงานมาแล้ว ชาวผิวขาวร้อยกว่าคนนี่หาไปไม่น่ารับมือไหว แต่ไม่ว่าเป็นชาวผิวขาวหรือเป็นชาวพื้นเมือง ล้วนไม่มีคนคิดเช่นนี้
ปีซาร์โร่พิชิตละตินอเมริกาด้วยกำลังหลักร้อย ก็ทำลายอาณาจักรเผ่าอินคาหลายหมื่นได้ ชาวสเปนลูซอนเคยใช้กำลัง 200 คนสู้กับชาวพื้นเมืองเกือบหมื่นให้ล่าถอยไปได้ โจรสลัดชาวฮั่นเทียบกับชาวพื้นเมืองอาจแข็งแกร่งกว่า แต่พวกเขาไม่มีเกราะ ปืนก็ล้าหลัง และไม่มีวินัย ไม่ควรค่าแก่การให้ความสำคัญ แต่อย่างไรก็ป้องกันจุดสำคัญไว้ ป้องกันพื้นที่ชัยภูมิสำคัญไว้ให้ดี ชาวพื้นเมืองพวกนั้นจะไปสนใจอะไร
***************
อารีนัสเป็นนายทหารคุมกำลังร้อยกว่า ตำแหน่งนายกองร้อย กองทหารที่เขานำทั้งหมดมีปืนคาบชุด 40 กระบอก ที่เหลือล้วนเป็นทวนยาวกับทวนเคียว ล้วนมีเกราะป้องกัน
ในตอนนี้เอง อารีนัสก็ไม่อยากไปไกลจากฐานที่ตั้งมากนัก ผู้ใดก็อยากปลอดภัย แต่ทว่าปีก่อนเขาสังหารหมู่ชาวฮั่นกวาดล้างได้ทองคำมาสิบห้าแท่ง และเสพสุขกับสตรีในอาณานิคมที่ขุนนางสายปกครองอยากได้เหมือนกัน ดังนั้นจึงถูกทุกคนก่นด่ารังเกียจ ครั้งนี้จึงถูกส่งไป
รอให้กลับสเปนก่อน ข้าจะแต่งกับสตรีสูงศักดิ์ อารีนัสเดินไปได้ครึ่งทาง ก็คิดอย่างไม่สบอารมณ์นัก เขาเคยเข้าร่วมศึกฮอลันดา ตอนนี้ก็อายุ 40 แล้ว รูปร่างสูง แต่หลังค่อมเล็กน้อย และยังมีขาที่เดินไม่สะดวกนัก หน้าตานอกจากมีหนวดสีน้ำตาลรุงรังเต็มหน้า ยังมีรอยบากหลายแห่ง ไม่มีสตรีใดต้องการแต่งงานกับคนเช่นนี้
แต่ทว่าหลังการสังหารหมู่ชาวฮั่นครั้งนั้น ทุกอย่างล้วนเปลี่ยนไป อารีนัสทำงานได้มือสกปรกมาก นอกจากพบว่าแอบเก็บซ่อนเงินแล้ว ใต้เตียงยังมีกล่องไม้เต็มไปด้วยทองคำ ยังมีเพชรนิลจินดาที่หากเอาไปขายที่ยุโรปย่อมได้ราคาดีมาก รอให้กลับไปเมื่อไรคงได้ยกฐานะ
นายกองร้อยไม่อยากไป ทหารเบื้องหน้าก็เช่นกัน พวกเขาล้วนรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก เดินทางจากฐานที่มั่นมาได้ราวสามชั่วโมง พวกเขาก็บุกเข้าหมู่บ้านชาวพื้นเมือง บังคับให้ชาวพื้นเมืองนำอาหารและสตรีมาเลี้ยงดู มีความสุขกันสุดขีด จึงได้พึงใจเดินทางต่อไป
กงสุลใหญ่สเปนที่ลูซอนออกคำสั่งจัดการกับชาวฮั่นรอบมะนิลาอย่างเคร่งครัด ไม่เพียงไม่อนุญาตให้พวกเขาทำอะไร หากยังจำกัดวงพื้นที่ทำงานให้แคบมาก หากเป็นเมื่อก่อน ย่อมถูกชาวพื้นเมืองคิดว่าเป็นโอกาส ก็จะแย่งชิงและสังหารชาวฮั่นอย่างเหิมเกริม แต่ตอนนี้ชาวผิวขาวหดหัวอยู่ในฐานที่มั่น ยังมีพวก ‘โจรสลัดชาวฮั่น’ กำลังตอบโต้แก้แค้นพวกเขาอย่างไม่ปราณีอีก พวกเขาเองกลัวแล้ว
ชาวฮั่นมากมายเพียงนั้น ชาวผิวขาวหดหัวอยู่แต่ในฐานที่มั่น กองกำลังชาวผิวขาวร้อยกว่าออกจากที่มั่นเข้ามาในพื้นที่ชาวพื้นเมืองก็เป็นที่สะดุดตา คนกลุ่มนี้ถูกจับตามอง ข่าวถูกส่งไปอย่างรวดเร็ว
เทียบกับวันเวลาอัดอั้นในฐานที่มั่น ชาวผิวขาวกลุ่มนี้จึงรู้สึกสบายมากในยามนี้ กลางวันเดินทาง ฟ้ายังไม่ทันมืดก็เข้าไปในหมู่บ้านชาวพื้นเมืองเที่ยวกันให้สำราญเต็มที่
ชาวพื้นเมืองรู้สึกการกดขี่จากชาวผิวขาวเป็นเรื่องยอมรับได้ และยังนอบน้อมอย่างยิ่ง เมื่อก่อนชาวฮั่นยอมแลกเปลี่ยนการค้ากับพวกเขาเสมอภาค พวกเขากลับเอาเปรียบชาวฮั่น
เดินทางมาได้วันที่สาม มีชาวพื้นเมืองหนึ่งมาหาอารีนัส นำคนแปลภาษาพื้นเมืองมาด้วย อารีนัสรู้ว่าเดินไปอีกครึ่งวันก็จะถึงที่ตั้งฐานโจรสลัดชาวฮั่น ไม่ได้มีคนมากดังที่ลือกัน แต่มีชาวฮั่นราว 200 และไม่มีปืน
มีแค่ 200 กว่า ไม่มีปืน ชุดเกราะก็ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึง อารีนัสเริ่มออกอาการดูแคลน และผ่อนคลายลงมาก คนพวกนี้จะไปหนักหนาอันใด
หลังเดินทางวันที่สอง ชาวพื้นเมืองที่นำทางก็เริ่มไม่สบาย ไม่ก็กินอะไรผิดสำแดงทนไม่ไหว ไปได้ไม่ถึงชั่วโมง อยู่ๆ ก็ถ่ายไปสามรอบ โดนอารีนัสโบยไปหลายที สุดท้ายเขาก็สงบเสงี่ยมขึ้นมาก แต่อย่างไรทุกชั่วโมงก็ต้องไปครั้งหนึ่ง
ตลอดทางมาหลายแห่งล้วนถูกชาวนาฮั่นบุกเบิกพื้นที่แล้ว ไม่มีต้นไม้รกอันใด มองไกลยังเห็นที่พักชาวฮั่น ถึงกับเป็นเพิงกระโจมง่ายๆ
ชาวพื้นเมืองนำทางเริ่มกลั้นจนหน้าเขียวอีกแล้ว ในเมื่อเห็นเป้าหมายแล้ว ก็ไม่เห็นอันใดผิดปกติ อารีนัสก็ขี้เกียจจะสนใจชาวพื้นเมืองสกปรกนี่อีก ให้เขาไปปลดทุกข์ได้
จัดการกำลังง่ายๆ แล้ว ทหารปืนไฟก็เริ่มบรรจุกระสุนและเตรียมชนวนยิง พลทวนยาวกับทวนเคียวก็ล้วนจัดเรียงแถว ในพื้นที่กว้างเช่นนี้ ศัตรูจะพบเห็นตนเองในไม่ช้า จะต้องเตรียมการที่เตรียมได้ทั้งหมดให้เรียบร้อย
ตามคาด ก้าวเข้าไปไม่นาน ก็ได้ยินเสียงนกหวีด อารีนัสไม่ได้สังเกต ชาวพื้นเมืองบอกว่าโจรสลัดชาวฮั่นไม่มีปืน ไม่มีเกราะ ศัตรูเช่นนี้ไม่ต้องเป็นห่วง ดังนั้นจึงเข้าใกล้อย่างวางใจต่อ
พวกเขาล้วนไม่ทันสังเกตว่า ชาวพื้นเมืองที่ไปปลดทุกข์นานไปหน่อยแล้ว ตอนนี้ยังไม่กลับมา
พอเห็นกระโจมโจรสลัดที่เริ่มคว้าอาวุธแต่ไม่รู้ไปหน้าไปหลังดี วุ่นวายอย่างมาก ศัตรูเช่นนี้ไม่ควรค่าแก่การเอ่ยถึง
“ปืนไฟก้าวนำ ทั้งหมดยิงพร้อมกัน ตามข้าบุก!”
อย่างไรก็เป็นทหารเก่าออกสมรภูมิในยุโรปมา สถานการณ์เช่นนี้ก็ย่อมมีระเบียบธรรมเนียม รับมือพวกนกกาเช่นนี้อารีนัสคิดการยังรอบคอบ น่าจะหลังยิงปืนแล้วแตกตื่นแน่ จากนั้นค่อยบุกเข้าไปย่อมขวัญกระเจิง
ตะโกนสั่งค่อยๆ ก้าวขึ้นหน้า ระยะเริ่มใกล้เข้ามา อารีนัสพบว่าอีกฝ่ายแม้วุ่นวาย แต่ก็ยังไม่ยอมทิ้งกระโจมไปไหน แม้แต่กลุ่มก้อนก็ยังรวมกันไม่ติด
ที่นี่ต้องมีสมบัติไม่น้อยแน่นอน อารีนัสอยู่ ๆ ก็ดีใจ เขาไม่ได้รู้สึกสงสัยอีกฝ่ายที่ไม่หนีและไม่สู้แต่อย่างใด
แม้ก่อนมามีข่าวลือตะวันออกพิสดารมากมายที่ได้ยินมา ตอนนั้นเรื่องราวน่ากลัวของพวกมองโกล แต่ต่อมาพอมาถึงที่นี่ อารีนัสจึงได้รู้ เหมือนว่ากองกำลังยุโรปมีระเบียบและมีอาวุธพร้อมกว่าที่ทวีปเอเชียไม่มี พวกเขาแตกตื่นกันเกินไปแล้ว
ตนเองแม้ว่าแค่ร้อยกว่า แต่มีปืน มีชุดเกราะ ยังมีกองกำลังที่เป็นระเบียบ มีวินัย อีกฝ่ายเป็นแค่ชาวประมงที่กลายเป็นโจรสลัดไม่ควรกล้าจะบุกใส่พวกเขา ไว้รอไปถึงกระโจมพวกนั้นก่อนค่อยดู เพราะการเดินเข้าปะทะทำให้แถวเริ่มรวน เพราะเห็นว่ามีโอกาสสามารถเข้าครอบครอง
ทหารสเปนยิ่งใหญ่ฝึกการเดินแถวบุกมาอย่างเข้มงวดเช่นกัน วันนี้จะให้พวกป่าเถื่อนเหล่านี้ได้เห็นความร้ายกาจเสียบ้าง
ระยะเริ่มใกล้เข้า โจรสลัดพวกนั้นถึงกับน้าวธนูวิ่งเข้ามา เห็นธนูพวกนั้นลอยแหวกอากาศมาแล้ว จากนั้นก็ปักลงบนพื้นตรงหน้าอย่างไร้แรงกำลัง พวกทหารสเปนก็พากันหัวเราะฮา ยิ่งมั่นใจ ธนูเช่นนี้แม้แต่ชุดเกราะก็ไม่อาจยิงทะลุมาได้ สามารถมีอานุภาพสังหารอันใดกัน ให้พวกเจ้าได้เห็นอานุภาพปืนไฟเสียบ้าง!
จะเข้าใกล้ระยะ 120 ก้าวแล้ว พลปืนไฟล้วนเตรียมยิง โจรสลัดตรงหน้าเริ่มแตกกระเจิง น่าขันจริง แสดงท่าทางหลอกลวงอันน่าเกรงขามอยู่นาน ยังไม่ทันปะทะกันเลย ก็แตกพ่ายหนีแล้วหรือ?
พากันแตกตื่นหลบหนีกันไปหมด เมื่อครู่โจรสลัดชาวฮั่นที่ยังคำรามไม่หยุด อยู่ๆ หนีกันไปหมด ด้านหลังพวกเขามีปืนใหญ่สี่กระบอก
ปากกระบอกปืนใหญ่ก็ธรรมดา เหมือนว่าเป็นปืนใหญ่กระสุนสามปอนด์ แต่อีกฝ่ายคนราวร้อยใช้เพียงปืนไฟ นับว่าเพียงพอแล้ว
อารีนัสพริบตาก็รู้สึกว่าตนเองตัวแข็งทื่อไปหมด ในใจก็เต้นรุนแรง พริบตาเขาถึงกับเห็นสีหน้าชาวฮั่นข้างปืนใหญ่มีรอยยิ้มเยาะยินดี ในพริบตาเขาก็ถึงกับรู้ว่าอีกฝ่ายคิดอันใด คนพวกนี้เคยเห็นความร้ายกาจปืนใหญ่มาก่อน
พลปืนไฟและพลทวนยาวล้วนพากันแตกตื่นตกใจ พวกปฏิกิริยาไวพากันยกปืนไฟขึ้น แต่ทว่าเวลาสั้นๆ นี้ ปืนใหญ่ยิงมาแล้ว
แถวทหารสเปนเดินหน้ามากินเวลานาน ปืนใหญ่เตรียมการไว้พร้อมแล้ว ระยะยิงนี้สำหรับปืนใหญ่แล้ว ก็เหมือนว่าจับยิงไม่ผิด กระสุนปืนใหญ่สี่ลูกลอยมา
ในยามนี้ปฏิกิริยาคนเราล้วนไวมาก อารีนัสถึงกับได้ยินเสียง ‘ตูม’ จากนั้นก็เห็นกองกำลังตนเองเหมือนว่าถูกเทพสังหารใช้ดาบใหญ่กวาดไปหมด หลายคนท่อนเอวถูกฉีกขาด เลือดสดพุ่งกระจาย
เสียงนี้เคยได้ยินบนเรือ นี่เป็นกระสุนโซ่ นี่เป็นความคิดสุดท้ายอารีนัส จากนั้นเขาก็ถูกกระสุนปืนใหญ่ฉีกร่าง
กระสุนโซ่ก็คือระหว่างกระสุนปืนใหญ่ใช้โซ่ร้อยไว้ด้วยกัน มักล้วนใช้บนท้องทะเล ใช้เพื่อกวาดคนบนดาดฟ้าเรือศัตรู สถานการณ์ตอนนี้ใช้เหมาะสมที่สุด
ศัตรูมีปืนใหญ่ ความจริงนี้น่าตกใจยิ่งกว่าปืนใหญ่ถล่มเสียอีก ยิงปืนใหญ่มารอบหนึ่ง คนร้อยคนที่แน่นหนาก็ถูกกวาดเรียบ คนที่เหลือไม่ถึง 40 คนมีชีวิตยังมีอีก แต่คนที่หนีได้ก็ยังมีสองสามคน
สำหรับพวกเขาแล้ว มีแค่ทางเลือกสองทาง ตอนนี้บุกเข้าไปแย่งปืนใหญ่ หรือหนี เลือกอย่างรวดเร็ว หนีสิ แต่ทว่าพวกเขามองไปด้านหลังเห็นพลปืนไฟสิบกว่าคนรออยู่ ก็หมดหวังสิ้นเชิง
****************
หวังทงมองดูจากนอกที่พัก ระยะทางหลายสิบลี้ยังสามารถจัดการไว้ได้ รถใหญ่ขนลงมาจากเรือ แต่ทว่าไม่มีม้ามากมายมาลาก ล้วนได้แต่อาศัยแรงงานคนลาก แต่ไม่กลัวว่าคนจะตาย กำลังคนก็ย่อมสามารถรักษาไว้ได้ดี
พื้นที่ค่ายไม่เล็ก อย่างไรก็มีคนหลายพัน แต่แบ่งเขตกันชัด ที่พักผู้คุ้มกันหวังทงเป็นระเบียบกว่า ซาต้าเฉิงทางนั้นไร้ระเบียบอยู่สักหน่อย สำหรับที่เหลือ ก็รวมๆ กันอยู่
กำลังมองดูอยู่ ก็มีเจ้าหนุ่มท่าทางแข็งแรงกับทหารหลายคนเดินเข้ามา เจ้าหนุ่มท่าทางแข็งแรงเหมือนเด็กยังไม่โตเต็มที่สวมชุดเกราะทหารในสังกัด มือถือดาบยาว ดาบยาวมีรอยเปื้อนโลหิต
“ใช้ดาบแล้ว ก็ต้องไปล้างเลือดออกให้หมด เรื่องนี้เจ้าลืมแล้วหรือ?”
หวังทงหน้าตาเคร่งเครียด เจ้าหนุ่มท่าทางแข็งแรงเห็นชัดว่าเหม่อ พอได้ยินก็ไว รีบตอบกล่าวว่า
“กั๋วกงโปรดอภัย ข้าน้อยจะรีบไปจัดการ”
ดูเจ้าหนุ่มท่าทางแข็งแรงมีสีหน้าซีด หวังทงสีหน้าผ่อนลงเอ่ยถามขึ้น
“หานเถี่ย คนนำทางนั่นได้พบครอบครัวแล้วใช่ไหม?” เจ้าหนุ่มท่าทางแข็งแรง หานเถี่ยเป็นน้องชายหานกังกับหานเสีย ยังมีหานสือ อายุยังน้อย หานกังเป็นลูกน้องหวังทงมาหลายปี ตอนนี้มีตำแหน่ง เขาเองเข้าใจ หากเป็นขุนนางบู๊ก็ต้องฝึกให้ดี เป็นทหารหวังทงมีผลประโยชน์มากมาย ล้วนได้รับการฝึกอีกด้วย
หานเถี่ยกับหานสือสองคนก็ล้วนเตรียมเดินเส้นทางขุนนางบู๊นี้ มีหวังทงกับหานกังหนุนหลัง แน่นอนย่อมได้รับการส่งเสริม แต่ก็ต้องมีความสามารถจริงถึงจะได้ ดังนั้นหานเถี่ยพอเข้าเป็นทหารหวังทง หานสืออายุยังน้อย ให้ไปติดตามเรียนรู้จากซาตงหนิง
“เรียนกั๋วกง ล้วนจัดการเรียบร้อยแล้ว!”
ตอนกล่าววาจานี้ หานเถี่ยสะบัดมือตามสัญชาตญาณ หวังทงพยักหน้ายิ้มถามขึ้น
“ก่อนหน้ารับปากปล่อยพวกเขาทั้งครอบครัว ตอนนี้สังหารพวกเขาไม่เหลือแม้คนแก่และเด็ก เจ้ารู้สึกไม่สบายใจใช่หรือไม่?”
คิ้วหานเถี่ยเหมือนหานกังมาก พอถูกถามเช่นนี้ก็อึ้งไป อดไม่ได้พยักหน้า หวังทงไร้รอยยิ้ม เคร่งเครียดกล่าวว่า
“ชาวพื้นเมืองโง่เขลา ล้วนคิดว่าจะเป็นคนนำทางให้เราเพื่อเอาชีวิตรอด ลูซอนชาวฮั่นมากมาย ล้วนมีลูกเล็ก ตอนพวกเขาถูกสังหาร หรือว่าไม่มีผู้ใดคิดร้องขอชีวิต? ชาวฮั่นหลายหมื่นชีวิตบนเกาะลูซอนนี้ ตอนนี้มีกี่คนที่ยังมีชีวิตเล่า?”
หวังทงถามขึ้นเช่นนี้ สีหน้าหานเถี่ยก็เด็ดเดี่ยวขึ้น พยักหน้าหงึกๆ ด้านหลังเขามีหลายคนฟังจนเริ่มเคลิ้มตาม หวังทงเสียงดังขึ้นว่า
“เลือดล้างด้วยเลือด วันนี้เห็นพวกเขาแล้วสงสาร แต่พวกเขาเคยสงสารผู้อื่นหรือไม่กัน?”
ทุกคนล้วนยอมรับอึ้งไป
******************
เห็นเรือรบบนท้องทะเลแล้ว บนหอระฆังในฐานที่มั่นสเปนก็ตีดัง พลปืนใหญ่รีบวิ่งขึ้นป้อมปืนใหญ่ ฐานที่มั่นเริ่มเข้าสู่ภาวะป้องกันฉุกเฉิน
ทหารบนหอระฆังมองไกลมา รายงานข่าวลงไป บนเสากระโดงเรือรบก็มีทหารมองมายังฐานที่มั่นนี้ สองฝ่ายล้วนป้องกันรับมือเคร่งเครียด ไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย
ตอนนี้หัวหน้าเรือกวางบิน หูอันพูดภาษาจีนสำเนียงกลางติดสำเนียงเทียนจิน ทังซานอยู่บนเรือเช่นกัน สองคนล้วนมองไปไกลๆ หูอันยิ้มก่อน กล่าวว่า
“พี่ทัง กำแพงป้อมเช่นนี้ เสียงระฆังเช่นนี้ ทำให้ข้ารู้สึกมึนแล้ว!”
ครอบครัวหูอันถูกอาปาก้งนำตัวจากยุโรปมาแผ่นดินหมิงแล้ว ยามนี้กล่าวเช่นนี้ก็กล่าวไปอย่างนั้น กล่าวจบหูอันก็ตะโกนดัง
“สั่งการไปยังเรือให้ลดใบลงทุกลำ ลดความเร็วขึ้นหน้า!”
ลูกเรือรีบไปส่งสัญญาณยังเรือต่างๆ ทันที เรือกวางบินเริ่มลดใบเรือลง ทังซานจับราวระเบียงเรือมองไปไกล กล่าวเบาๆ ว่า
“ตามรายงานสายสืบ บนฝั่งอย่างน้อยมีปืนใหญ่กระสุน 14 ชั่ง ระยะนี้ปลอดภัยไหม?”
“เราลองระยะมาตลอด ไกลพอปลอดภัยแล้ว หากเข้าใกล้อีกนิด พวกเราก็จะใช้ปืนใหญ่กระสุน18 ชั่งมาลองสักหน่อย”
หูอันมีความมั่นใจมาก ปืนใหญ่กระสุน 14 ชั่ว ใกล้เคียงกับกระสุน 16 ปอนด์ สำหรับลูซอนแล้ว ก็เหมือนว่าเป็นปืนใหญ่ที่สุดแล้ว แต่ทว่าเพราะบนเรือโคลงไปมา ดังนั้นเรือปืนใหญ่จึงทำปากกระบอกกว้าง ปืนใหญ่กระสุน 18 ชั่ง ทั้งทวีปเอเชีย เกรงว่าปืนใหญ่นี้อานุภาพร้ายกาจที่สุดแล้ว
แต่ทว่าของพวกนี้ไม่มีเทคนิคการผลิตยากอันใด ระดับช่างโรงช่างสามธาราก็ทำออกมาได้สบายๆ ยังเบากว่าปืนใหญ่แดงที่นิยมในยุโรปช่วงศตวรรษที่ 16 เสียอีก
แม้ว่าปลดใบเรือลง แต่ก็ยังไม่ได้ปลดลดลงหมด เรือยังคงเดินหน้าต่อไป ปืนใหญ่บนฝั่งยิงมาก่อน แต่ก็แค่สามกระบอก กระสุนปืนใหญ่ลอยมา ลูกเรือมองตกลงผืนทะเลอย่างเคร่งเครียด
สองฝ่ายต่างพากันเคร่งเครียด เรือรบกองใหญ่เริ่มบีบเข้ามาใกล้ คนบนฐานที่มั่นกับป้อมปืนใหญ่เห็นชัดว่าเริ่มแตกตื่นยิ่ง ในที่สุด ก็มาถึงรัศมีปืนใหญ่กระสุน 18 ชั่ง ระยะยิงนี้อยู่ระยะยิงไกลสุดของอีกฝ่าย เรือปืนใหญ่จัดตำแหน่งดีแล้ว ยิงปืนใหญ่ตูมดัง เห็นเรือกระดอนถอยหลังเพราะแรงปืนใหญ่
กระสุนปืนใหญ่ลอยแหวกอากาศไปยังฐานที่มั่นศัตรู แม้มองไม่ชัด แต่ก็รู้ว่ายิงโดน ไกลกันเกินไปจริง ๆ เทียบกับอานุภาพยิงอันน่าตกใจ ผลปรากฏไม่ได้ผลเป็นที่น่าพึงใจ
“ปืนใหญ่กระสุน 18 ชั่ง อานุภาพแม้ว่ายิ่งใหญ่ แต่ระยะยิงเช่นนี้ ฐานที่มั่นยังแข็งแกร่งเพียงนี้ด้วยหินเรียงกัน เกรงว่าได้ผลไม่ดีนัก”
หูอันวิเคราะห์เช่นนี้ พอกล่าวจบ ปืนใหญ่บนฝั่งก็ดังขึ้นติด ๆ กัน เสียง ตูมๆ ๆ ไปทั่ว แต่ทว่ายิงไม่โดนเรือสักลำ เพียงแค่ทำให้เกิดคลื่นน้ำบนทะเลเท่านั้น ทุกคนล้วนรู้ พวกคนสเปนเริ่มแตกตื่นแล้ว คนอื่นยิงถึงตนเอง ตนเองยิงไม่ถึงคนอื่น แน่นอนแตกตื่นตกใจ
“ยิงเช่นนี้ไม่มีประโยชน์ เรามาตั้งแนวปิดกั้นไว้ก่อนชั่วคราวละกัน!”
หูอันวิเคราะห์ ทังซานใช้นิ้วมือจุ่มน้ำลายก่อนจะยกชี้ขึ้นฟ้าทดสอบทิศทางลม ก่อนจะมองไปยังท่าเรือกล่าวว่า
“อาจใช้วิธีการอื่นได้!”
ตอนที่ 1045 ท่าเรือถูกเผาโชติช่วง
โดย
Ink Stone_Fantasy
คน ‘โปรตุเกส’ มีกำลังเช่นนี้บนท้องทะเลเมื่อไรกัน เรือรบเช่นนี้ กองเรือรบทางทะเลเช่นนี้ บนท้องทะเลเอเชียไม่มีผู้ใดมีกัน
พวกคนสเปนบนฐานที่มั่นที่อ่าวมะนิลาเห็นภาพบนท้องทะเลแล้ว ก็พากันกังวลใจ ปืนใหญ่บนฝั่งไม่อาจยิงโดนเรือรบ ปืนใหญ่เรือรบกลับยิงโดนฐานที่มั่น ระยะใกล้ไกลเทียบกันแล้ว ทำให้ทุกคนเริ่มรู้สึกกดดัน
แต่ทว่า ฐานที่มั่นเมืองท่าสร้างไว้แน่นหนาเพียงพอ เรื่องนี้ก็พอทำให้ทุกคนวางใจ ปืนใหญ่อีกฝ่ายยิงมารวมกันสามรอบ สองรอยยิงโดนกำแพงป้อมปืนใหญ่ แต่ก็สร้างแค่ความเสียหายเล็กน้อย ทำให้กำแพงหินเป็นรูเล็กๆ เท่านั้น ไม่ได้ทำให้โครงสร้างเสียหายแต่อย่างใด
ความจริงนั้นสร้างความเสียหายมากก็ไม่เป็นไร ขอเพียงปืนใหญ่ยังอยู่ ก็สามารถยิงต่อได้อย่างไม่มีปัญหาใด หากคิดจะโจมตีป้อมปืนใหญ่ให้เด็ดขาด เรือรบก็ต้องเข้าใกล้ยิ่งมาก ตอนนั้นก็ย่อมอยู่ในรัศมียิงปืนใหญ่บนป้อม หากเรือถูกปืนใหญ่ยิงโดน ก็ย่อมเสี่ยงจะจม
เทียบกันแล้ว พวกคนสเปนจึงยังคงมีความมั่นใจ แต่ทว่าการต่อสู้ย่อมยืดเยื้อนาน เพราะอีกฝ่ายเรือรบใหญ่น้อยขนน้ำดื่มและอาหารมามากเพียงพอ ในเวลาสำคัญ ลูซอนไปยังประเทศต่างๆ ในทะเลใต้ก็ไม่ไกล อีกฝ่ายเรือมากพอ เสบียงอาหารย่อมมีพอ ถึงกับเกาะอื่นบนลูซอนก็ยังเสริมเสบียงมาให้ได้
หากสามารถส่งเรือออกไปได้ทันเวลา แน่นอนกลับประเทศแม่ย่อมไม่ได้ แต่สามารถไปยังเส้นทางเรือที่กำหนดไว้เพื่อขอให้เรือการค้าติดอาวุธประเทศตนมาช่วยได้ เช่นนี้ก็มีโอกาสพลิกผัน
ยามนี้เป็นฤดูอากาศเหมาะแก่การออกทะเล พวกไปมากับทวีปอเมริกา ทวีปเอเชียกับยุโรปก็ไม่น้อย สามารถรวมกำลังเรือมาได้มากเพียงพอ พวกเรือรบด้านนอกย่อมต้องถอยหนี และยังอาจเป็นไปได้ว่า จะมีเรือกลับไปรายงานข่าวยังประเทศแม่ จากนั้นสงครามสเปนกับโปรตุเกสก็จะเกิดขึ้น แม้ตอนนี้สองชาติรวมกำลังกัน แต่ทุกคนล้วนรู้ว่าเรื่องราวแท้จริงเป็นเช่นไร
สามารถทำได้ถึงขั้นนี้ อีกฝ่ายก็ย่อมไม่สนใจอันใดโจมตีเต็มที่ การป้องกันอาณานิคมลูซอนตอนนี้มีความหวังไม่มาก แต่ตามที่เคยทำมา เช่นว่า ‘ยอมจำนนมีเกียรติ’ นำสมบัติและอาวุธจากไป ก็ไม่เลว ตอนนี้ทุกคนล้วนมีเงินมีทองกันมาก กลับสเปนไปเสวยสุข ก็ดีกว่ามาอยู่ที่รกร้างเช่นนี้
ตอนนี้เรือในท่าล้วนหนีไม่พ้น เรือรบอีกฝ่ายปิดทางไว้แน่นหนา แต่คงไม่เป็นเช่นนี้ตลอดเวลา ปืนใหญ่ก็มิได้ยิงกระทบกับเรือในเมืองท่า สามารถหาโอกาสหนีได้
มีความคิดนี้ใช่ว่าจะละเลยการป้องกันฐานที่มั่น เปาโล ลูอิสแบ่งทหารในฐานที่มั่นออกเป็นสามกอง ลาดตระเวนตลอดคืน ต้องไม่ให้อีกฝ่ายมีโอกาสลงมือได้
วันแรกที่เรือรบปรากฏ ฐานที่มั่นเคร่งเครียดกันมาก แม้เรือรบบนท้องทะเลจะหยุดยิงแล้ว แต่ทหารรักษาการณ์บนฐานที่มั่นก็ไม่กล้าประมาทแม้เพียงนิด
มีคนไปดูกระสุนปืนใหญ่ นี่ย่อมเป็นเรือปืนใหญ่กระสุน 18 ชั่ง สามารถสร้างปืนใหญ่กับกระสุนปืนใหญ่เช่นนี้ได้ ย่อมเป็นเรือรบจากยุโรป สำหรับเรือกวางตุ้งที่ตามมานั้น ย่อมเป็นโจรสลัดชาวฮั่นที่ตามมาเก็บเกี่ยวผลประโยชน์
ฟ้ามืดแล้ว พระจันทร์แสงไม่เลว ยังมองเห็นไฟตะเกียงบนเรืออีกฝ่าย ก็สามารถวิเคราะห์เรือรบอีกฝ่ายได้ว่าเข้าใกล้หรือไม่
แม้เช่นนี้ ทหารฐานที่มั่นก็ยังเคร่งเครียดมาก หากบนท้องทะเลมีอันผิดปกติเล็กน้อย ไม่ว่าอีกฝ่ายเคลื่อนไหวหรือไม่ ก็ทำให้พวกเขาตะโกนพากันยิงปืนใหญ่ตน ยิงโดนไม่โดนอีกเรื่อง แต่ก็ต้องสำแดงให้กลัวไว้ก่อน
ดีที่พวกคนสเปนมีสะสมกระสุนไว้ที่มะนิลามากเพียงพอ ไม่เช่นนั้นคงไม่อาจสิ้นเปลืองเช่นนี้ได้
กลางคืนดึกดื่น เรือปืนใหญ่บนท้องทะเลยังคงนิ่ง ป้อมปืนใหญ่ที่เคร่งเครียดก็เริ่มผ่อนคลาย มีคนยังแอบสบถด่ากันว่าลมเปลี่ยนทิศน่าตายจริง เพราะลมวันนี้พัดเข้าหาท่าเรือ ทำให้ทหารป้องกันยุ่งยาก
อยู่ ๆ มีคนตะโกนขึ้นว่า
“ดูบนท้องทะเล ดูบนท้องทะเล…”
ความง่วงพลันมหลายหายไปสิ้น มีคนรีบวิ่งไปที่สูงชะเง้อมองไป มีคนไปยังปืนใหญ่เตรียมยิง เรือรบที่จอดทั้งคืนเริ่มเคลื่อนไหวมาทางเมืองท่า
ความอลหม่านบนฐานที่มั่น หรือว่าอีกฝ่ายคิดโจมตีกลางดึก มืดเช่นนี้ ทำให้เกิดอะไรก็ได้ เรืออาจถึงกับชนกับหินโสโครกก็ได้
แต่การเคลื่อนไหวตะเกียงนั้นดูออกมาว่าอีกฝ่ายแค่เคลื่อนไหว เคลื่อนเข้ามาใกล้และเริ่มเปลี่ยนทิศ ที่เหลือมองไม่ชัดแล้ว
“ยิงปืนใหญ่ไปก่อน! ปืนใหญ่สกัดไว้ !! แสดงให้เห็นว่าป้อมปืนใหญ่ยังอยู่!!”
มีนายทหารตะโกนดัง เสียงตูมดัง ปืนใหญ่บนฝั่งเริ่มยิงแล้ว เรือปืนใหญ่เองก็ยิงแล้ว ไกลออกไปได้ยิงเสียงตูมดัง คนบนฐานที่มั่นป้อมปืนใหญ่พากันหาที่หลบจ้าละหวั่น กระสุนปืนใหญ่อย่างไรก็กระสุนปืนใหญ่ ยิงโดนหินหรืออิฐก็ย่อมสร้างอานุภาพสังหารคนได้
ยังยิงกันไม่หยุด มีคนยิงโดนป้อมปืนใหญ่ บ้างก็ตกลงกลางฐานที่มั่น นอกจากสองคนที่หลบไม่ทัน บาดเจ็บเล็กน้อย ที่เหลือก็ไม่ได้เป็นไรมาก แต่ในเวลาสั้นๆ ปืนใหญ่บนฝั่งถูกสกัดไว้หมดแล้ว
คนฐานที่มั่นเองก็รู้ ปืนใหญ่หนักเช่นนี้ยิงโจมตี เวลาบรรจุกระสุนย่อมนาน เรือรบน้ำหนักราวห้าร้อยตันแล้ว ถึงกับต้องใช้เวลาสักพักในการทำให้นิ่งได้ ทางนั้นยิงมาเสร็จ ก็รีบลุกขึ้น เตรียมยิงโต้
บนท้องทะเลเห็นเพียงแสงคลื่นกระทบแสงจันทร์ ยังมีแสงตะเกียงจากเรือที่ลอยกระจัดกระจาย ตอนพวกเขาเตรียมจะยิงปืนใหญ่โต้กลับ อยู่ๆ บนท้องทะเลก็มีแสงยิ่งมากขึ้นสว่างขึ้น คนบนฐานที่มั่นพากันมองตาค้าง เห็นแสงไฟ ก็รู้ว่าเรือได้เริ่มใกล้เทียบท่าแล้ว
มองระดับความสูงของแสงไฟ ไม่ใช่ไฟจากเรือใหญ่ ในที่สุดก็มีคนได้สติ ตะโกนดังว่า
“ยิงปืนใหญ่ ยิงปืนใหญ่!!”
คนบนฐานที่มั่นล้วนราวกับตื่นจากฝัน เริ่มเตรียมกันสาละวน ยามนี้แสงบนท้องทะเลไม่น้อยกว่า 200 แม้เห็นว่าหนาแน่น แต่ก็ไม่อาจสู้ปืนใหญ่ยิงไปทีเดียวได้
แสงไฟอยู่ ๆ สว่างวาบ คนบนฐานที่มั่นแม้ว่าอยู่ระยะไกลออกไปก็เห็นชัด เป็นเปลวไฟ มีคนร้องโหยหวนขึ้นมา
“เผาเรือ เผาเรือ!!”
กระสุนปืนใหญ่ยิงกระจัดกระจาย บนท้องทะเลเกิดคลื่น ลมเปลี่ยนทิศ กระสุนปืนใหญ่ยิงโดนเรือย่อมซ่อมง่ายมาก นอกจากโชคร้ายยิงโดนที่สำคัญ การรบบนท้องทะเลยามนี้ที่ร้ายกาจที่สุดก็คือวางเพลิงเผาเรือ เรือขนาดกลางลำหนึ่งกองเชื้อเพลิงไว้เต็ม ให้เข้าใกล้เรืออีกฝ่ายแล้วจุดไฟ ใช้โซ่และตะปูเหล็กร้อยเรืออีกฝ่ายไว้ด้วยกัน เรือทำจากไม้ พอจุดไฟ ก็ย่อมเผาทำลายสิ้น
แต่ทว่าเรือวางเพลิงไม่อาจมีการป้องกัน และไม่อาจมีคนบังคับ คิดจะหลบก็ง่ายมาก แต่เรือเมืองท่ายามนี้ก็ไม่มีคนเช่นกัน เพื่อหลบปืนใหญ่ยิงก็ได้เข้าไปหลบในท่ากันหมดแล้ว เช่นนั้นไม่ว่าเรือรบตนเองหรือเรือการค้า ล้วนได้แต่ถูกวางเพลิงหมดสิ้นแล้ว
ปืนใหญ่ฐานที่มั่นยิงมาครั้งที่สอง เปลี่ยนมุมยิงแล้ว แต่ก็ไม่ได้แม่นยำอันใด หลังปืนใหญ่ยิงสิบกว่ากระบอก ก็มีแค่สามนัดที่ยิงโดนเป้าหมาย เห็นลูกไฟลุกรอบสี่ทิศ เรือยังคงแล่นขึ้นหน้ามา
ระลอกสองของปืนใหญ่ยิงมาก็เริ่มหมดลง เรือปืนใหญ่ถูกยิงสกัดไว้ ทหารออกคำสั่งพลปืนใหญ่อย่าใจร้อนยิงปืนใหญ่ สถานการณ์เช่นนี้ ยิงไปก็เปลืองกระสุน ไม่มีประโยชน์แล้ว
แต่คนฐานที่มั่นเริ่มทนไม่ไหวแล้ว กว่าจะรอนแรมข้ามทะเลมาได้ไม่ง่าย บนทะเลประเทศตะวันออกเฉียงใต้นี้ยังเคยต่อสู้กับโจรสลัด มาถึงท่าที่ลูซอนคิดว่าปลอดภัยแล้ว แต่จุดจบที่เรือและสินค้าถูกเผานี้ยากรับไหว ไม่มีคนคิดว่าจะมีคนมาปิดท่า ยิ่งไม่มีคนคิดว่าอีกฝ่ายจะใช้วิธีการวางเพลิงเรือ
พวกเจ้าของเรือที่พากันกวาดกลัวเริ่มร้อนใจแล้ว วิ่งกันออกมาจากห้องพัก ถึงกับสลัดพ้นการสกัดกั้นของทหาร ถึงกับบุกขึ้นไปยังป้อมปืนใหญ่ ป้อมปืนใหญ่เช่นนี้ไม่อาจให้พวกเขาขึ้นไปได้ ขุนพลทหารพากันโมโหหนักมาก ถึงกับลงมือทำร้าย
พ่อค้าบนป้อมปืนใหญ่เห็นเพลิงเผาท่าเรือ เรือเผาไหม้ลอยมาไม่น้อย เข้าประชิดเรือการค้าที่จอดเทียบท่าอยู่
เรือการค้าค่อยๆ ติดไฟ เปลวไฟยิ่งรุนแรง เรือปืนใหญ่บนท้องทะเลหยุดยิงแล้ว คนบนป้อมปืนใหญ่ก็เงียบกริบ ได้ยินเสียงแตกดังเปรี๊ยะของเรือดังชัดเจน เสียงเผาไหม้ดังไม่หยุด มีเรือที่มีดินปืนระเบิดดัง แต่ทว่าก็เป็นแค่การเติมเปลวไฟบนท้องทะเลให้ลุกโชนยิ่งขึ้นก็เท่านั้น
สีหน้าลูกเรือล้วนสิ้นหวัง หัวหน้าเรือก็ร้องไห้คร่ำครวญ แม้แต่ทหารป้อมปืนใหญ่ก็เงียบกริบ ในใจพวกเขาก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าไร สถานการณ์ตอนนี้ อ่าวมะนิลาสิ้นแล้ว พวกเขาอาจรักษาไว้ได้ แต่บนท้องทะเลย่อมไม่มีความช่วยเหลือและสินค้าใดมาอีก
“ผู้บัญชาการเรือหู พรุ่งนี้ส่งคนไปเก็บกวาดท่าเรือทางใต้ละกัน!”
“อย่าเรียกข้าว่าผู้บัญชาการหู เรียกว่าผู้บัญชาการเรือหูอัน”
บนดาดฟ้าเรือกวางบิน หูอันกับทังซานมองเปลวไฟที่ไกลออกไป สองคนคุยกันผ่อนคลาย หูอันมักจะเน้นย้ำว่าให้เรียกตนเองว่า หูอัน แต่ทว่าทุกคนล้วนชินกับการเรียกแซ่ ทำให้เป็นเรื่องขำขันกัน
ท่าเรือทางใต้ไม่มีป้อมปืนใหญ่ป้องกัน เรือหากแล่นวนรอบ ก็สามารถหลบการยิงของปืนใหญ่ฐานที่มั่นเข้ามาทางท่าเรือทางใต้ได้ ตอนนี้เท่ากับว่าอีกฝ่ายขอความช่วยเหลือภายนอกก็หมดหวังแล้ว ไม่มีเรือ อีกฝ่ายก็ทำอันใดไม่ได้แล้ว
สองคิดหัวเราะกันจบ ก็จับเวรยามก่อนเข้านอน ในความมืดมิด ไม่อาจทำอะไรได้ ทังซานเดินลงจากดาดฟ้าเรือ กล่าวกับทหารเบื้องหน้าคนหนึ่งว่า
“ไปสักรอบ ไปบอกกับคนเรือทุกลำว่า วันนี้เผาเรือไปหมดแล้ว พรุ่งนี้จะชดใช้ให้ กั๋วกงเราทำอะไรไม่เอาเปรียบใคร!”
ทหารรับคำสั่ง รีบวิ่งออกไป ตอนนี้ในกองเรือไม่ใช่ว่านำเรือมามากมายเพื่อให้มาวางเพลิง แต่ละคนนำเรือเล็กออกมาบรรทุกคน แม้แต่เชื้อเพลิงเผาก็ยังระดมมาจากเรือแต่ละลำ
รู้จักการณ์ใหญ่เช่นนี้แน่นอนย่อมต้องได้ชดเชย หวังทงไม่เสียดายเงินทอง ทังซานแน่นอนได้ใจคนเหล่านี้ไป
****************
“ป้องกันสี่เดือน ขอเพียงป้องกันไว้ได้สี่เดือน ที่อื่นรู้ข่าวนี้ พวกเขาก็ไม่อาจปิดเมืองท่าเราได้นาน”
เปาโล ลูอิสคำรามดังเหมือนกำลังให้กำลังใจทหารตน แต่ได้ยินวาจาเขาเหล่านี้แล้ว ไม่มีใครรู้สึกฮึกเหิม เรือถูกเผาไปหมดแล้ว ข้าวของอาหารแม้ยังมากอยู่ แต่ก็ใช่ว่าจะยืนหยัดไปได้นานนัก และอีกสองเดือนจากนี้ อากาศก็จะร้อนแล้ว หากถูกปิดล้อมอยู่ที่นี่ เกรงว่าอาหารคงเน่าเสียหมด โรคระบาดก็คงเกิดขึ้น
“ศัตรูอยู่แค่บนท้องทะเล พวกเรายังมีดินแดนกว้างใหญ่ มีชาวพื้นเมืองเลี้ยงดูพวกเราได้!”
เปาโล ลูอิส แน่นอนเห็นว่าคนเบื้องหน้าคิดอันใดอยู่ เขาตะโกนดัง ให้คนเบื้องหน้ามีความกล้าขึ้น แต่เขาเองกลับเริ่มรู้สึกหวาดหวั่น เพราะทหารกลุ่มของอารีนัสที่ส่งออกไป ยังคงไร้ข่าวคราว
“พี่น้องเรา ขอเพียงรอเรือจากประเทศเรามาถึง พวกเราก็ปลอดภัยแล้ว พวกเราก็จะได้กลับมาตุภูมิเสวยสุขเงินทองและสตรีที่เราหามา ขอเพียงพวกเรายืนหยัดต่อ!!”
คงได้แต่กล่าวว่าผู้เป็นกงศุลใหญ่ย่อมมีความสามารถล่อลวงใจผู้คน พอเขากล่าวเช่นนี้ คนสเปนที่มารวมตัวกันในห้องก็เริ่มมีกำลังใจ ในตอนนั้นเอง ก็ได้ยินเสียงระฆังบนหอระฆังตีอย่างเร่งเร้า เดิมทีพวกสเปนลูซอนก็นั่งกันอยู่รอบโต๊ะเหลี่ยม แต่พอได้ยินก็พากันแตกตื่นตกใจยืนขึ้นหมด
เปาโล ลูอิสถูกรบกวนจนโมโหมาก คำรามดังไม่หยุด
“ไปบอกให้ทหารพวกนั้นหยุดได้แล้ว อ่าวทางใต้ก็ปล่อยไปได้แล้ว เราตอนนี้เก็บตัว เก็บตัว!”
ทหารด้านนอกรีบรับคำสั่งวิ่งออกไป เปาโล ลูอิสด่าอย่างเคียดแค้นว่า
“พวกบ้านนอกสมควรตายพวกนี้ เจอเรื่องนิดหน่อยก็แตกตื่นเช่นนี้ไปได้”
ทุกคนในห้องล้วนมีสีหน้าไม่เห็นด้วย แต่ตอนนี้ต้องการให้เปาโล ลูอิสสั่งการหลัก ทุกคนจึงไม่อาจกล่าวอันใด
เพิ่งสั่งการไป ก็มีเสียงฝีเท้าเร่งร้อนดังมาจากด้านนอก เปาโล ลูอิสโมโหมาก ตวาดดังขึ้นว่า
“อย่าแตกตื่น…”
วาจาตะโกนไม่ทันจบ ทหารที่ออกไปถ่ายทอดคำสั่งก็วิ่งล้มลุกคลุกคลานเข้ามา กล่าวติดอ่างว่า
“…ในแผ่นดิน ทิศทางในแผ่นดินก็มีศัตรู…”
พวกคนสเปนพูดถึงทิศทางก็ด้วยอาศัยเมืองท่าฐานที่มั่นเป็นแกนกลาง ที่เรียกว่าในแผ่นดิน ก็คือเมืองที่มีคนหลายหมื่นอยู่ล้อมรอบเมืองท่า ตอนนี้รอบนอกพวกคนสเปนเป็นที่อยู่ของชาวฮั่น ดังนั้นที่ที่ว่าตอนนี้ก็มีแต่ชาวพื้นเมืองแล้ว ชาวฮั่นที่มาใหม่อยู่รอบนอก
ได้ยินเช่นนี้ เปาโล ลูอิสก็ไม่อาจรักษากิริยาได้อีก เขาก้าวเข้าไปกระชากทหารยามคนนั้น ตวัดคอเสื้อเข้ามาใกล้คำรามดังว่า
“ในแผ่นดินอะไร ศัตรูอะไรกัน!!?”
“ท่าน…ท่านกงศุล ในแผ่นดิน ทางเหนือ มีศัตรูกลุ่มใหญ่ ชาวพื้นเมืองกำลังวิ่งหนีมา”
คนในห้องล้วนยืนขึ้น ทุกคนมีสีหน้าซีดเผือด เมื่อครู่ยังบอกว่าอาศัยกำลังบนแผ่นดินยืนหยัดได้ แต่ตอนนี้เป็นพื้นที่หลักถูกโจมตีแล้ว
ทุกคนหันมามองเป็นจุดเดียว ทำเอาเปาโล ลูอิสอึ้งไปนานก่อนได้สติ เตะทหารที่ขาดสติผู้นี้ล้มกับพื้น ตะโกนโบกไม้โบกมือ
“พวกเจ้ายังรออะไรอีก ปิดประตูใหญ่สิ อย่าให้ชาวพื้นเมืองเข้ามาแม้แต่คนเดียว!!”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น