พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1043-1044

 บทที่ 1043 ท่าไม่ดีแล้ว

โดย

Ink Stone_Fantasy

“ได้!” มู่หรงซิงหัวพยักหน้ารับทันที


การกระทำนี้ทำให้เหมียวอี้อึ้งเล็กน้อย ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่กังวลเลย ว่าถ้าตนเก็บพวกเขาเข้ากระเป๋าสัตว์แล้วจะเกิดเหตุไม่คาดคิด ค้นพบอีกครั้งว่าผู้หญิงคนนี้เปลี่ยนไปมาก


สวีถังหรานกลับกล่าวอยางกังวลถึงขีดสุดว่า “น้องหนิว รีบไปรีบกลับนะ!” เขารู้สึกกลัวจริงๆ เวลาแยกจากเหมียวอี้


“ขี่สัตว์พาหนะข้างในไม่สะดวก อาจจะกลายเป็นภาระด้วยซ้ำ!” เหมียวอี้พูดทิ้งท้าย แล้วถลันตัวขึ้นมา คืนสัตว์พาหนะให้สวีถังหรานแล้ว เมื่อพุ่งมาถึงตรงหน้าเถาไม้ที่หนาแน่น เขาก็โบกทวนฟันอย่างบ้าคลั่งจนเกิดช่องโหว่ จากนั้นก็บุกเข้าไปแล้ว ไม่ลังเลเลยสักนิด บทจะทำก็ทำ ข้างในมีเสียงต่อสู้สะเทือนเลือนลั่นดังออกมา


ขณะที่มองดูช่องโหว่ปิดตัวลงอย่างรวดเร็ว มู่หรงซิงหัวก็ส่ายหน้าเบาๆ พลางถอนหายใจ “ไฟร้อนเผยทองจริง ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของอันตราย ถึงได้รู้จักสิ่งที่เรียกว่าห้าวหาญไร้ความหวาดกลัว! ถ้าเทียบกับคนที่ชอบหาทางลัดพวกนั้น น้องหนิวช่างเป็นบุรุษผู้ยิ่งใหญ่จริงๆ นี่ต่างหากลูกผู้ชายตัวจริง!”


สวีถังหรานกลับมองรอบๆ อย่างระแวดระวัง พร้อมพูดเหมือนไม่ใส่ใจว่า “มู่หรง อย่าบอกนะว่าเจ้าชอบน้องหนิว? หญิงงามรักวีรบุรุษ เรื่องนี้ก็พอจะเข้าใจได้!”


มู่หรงซิงหัวยิ้มบางๆ พร้อมตอบว่า “ข้าเป็นเมียน้อยของเฉาว่านเสียง น้องหนิวจะมาชอบดอกไม้โรยตกอับอย่างข้าได้ยังไง”


พอนางพูดถึงเรื่องนี้ สวีถังหรานก็หันกลับมามองนางแวบหนึ่ง แล้วหัวเราะแห้งๆ สองที รู้ว่าตัวเองพูดผิดไปแล้ว จึงไม่ได้พูดอะไรต่อ


เมื่อเข้ามาในโลกที่ถักทอด้วยเถาไม้ เหมียวอี้ก็เหมือนตกลงมาในบ่อโคลนทันที หนวดเถาไม้ที่หนาแน่นรอบข้างเข้ามาก่อกวน เขาโบกทวนโจมตีเร็วๆ ก็ไร้ประโยชน์ ไม่นานก็โดนเถาไม้พันมือพันเท้าเอาไว้ แต่โชคดีที่เพื่อจะต้านทานอากาศพิษของที่นี่ เขาได้ใช้เพลิงจิตแผ่ไปรอบร่างกายแล้ว เถาไม้ที่พันเหมียวอี้ราวกับโดนงูกัด  ‘หนวด’ โดนเผาและหดกลับเข้าไปพร้อมรอยไหม้สีดำในชั่วพริบตาเดียว หนวดจำนวนนับไม่ถ้วนยื่นเข้ามาสัมผัส แล้วก็หดกลับอย่างรวดเร็วอีกครั้ง


เมื่อเห็นว่าใช้เพลิงจิตควบคุมได้ผลดีขนาดนี้ เหมียวอี้ก็หายห่วงทันที โบกทวนยาวโจมตีอย่างบ้าคลั่งตลอดทาง พร้อมเหาะตรงไปยังทิศทางของจุดหมายสุดท้าย


ชิงอวี้หลางที่หลบอยู่ในจุดลึกของทะเลเถาไม้กำลังทำสีหน้าลำพองใจ เถาไม้รอบข้างยื่นเกราะรบและสมบัติต่างๆ เข้ามาไม่หยุดหย่อน ทำให้เขายิ้มจนปากเกือบเบี้ยว ครั้งนี้ร่ำรวยอย่างถึงอกถึงใจจริงๆ นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่รู้สึกร่ำรวยได้อย่างสบายๆ ขนาดนี้ ประเดี๋ยวเดียวก็ร่ำรวยมากขนาดนี้แล้ว


ลองคิดดูว่าการได้รวบเก็บสมบัติของบรรดาตระกูลใหญ่ของตำหนักสวรรค์มีความรู้สึกเป็นอย่างไร? ขณะกำลังกำสมุนไพรเซียนซิงหัวหลายต้น ชิงอวี้หลางก็หัวเราะอย่างร่าเริง ขณะที่เขาส่ายหน้าเดาะลิ้นและเพิ่งเก็บเข้าในกำไลเก็บสมบัติ จู่ๆ ร้อง”ฮึ” แล้วเอียงศีรษะมองไปยังที่แห่งหนึ่ง เหมือนสัมผัสได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง จึงโบกมือร่ายอิทธิฤทธิ์ชี้ไปหนึ่งครั้ง ทำให้เถาไม้ที่อยู่รอบข้างเลื้อยขยุกขยิกอย่างรวดเร็ว


เหมียวอี้ที่อยู่ในทะเลเถาไม้เหมือนจะค่อยๆ รู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากล บุกไปข้างหน้าในแนวตรงตลอดทางตั้งนาน แต่ทำไมยังบุกออกจากสิ่งกีดขวางข้างในไม่ได้ ตามหลักการก็ควรจะถึงจุดหมายสุดท้ายแล้วสิ ต่อให้เถาไม้จะถักทอหนามาก แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะหนาเท่านี้นะ?


การผ่านศึกมาเป็นร้อยครั้งทำให้เขามีประสบการณ์กับสิ่งนี้มาก ไม่ใช่สิ่งที่ผู้บัญชาการทั่วไปของตำหนักสวรรค์จะเทียบติด สภาพการณ์แบบนี้เขาเคยเจอมาหลายครั้งแล้ว พอลองครุ่นคิดดูก็รู้ว่าตัวเองกำลังโดนขังอยู่ในค่ายกลอะไรบางอย่าง


พอเป็นแบบนี้ เขาก็หยุดพุ่งไปข้างหน้าทันที แอบร้องว่าท่าไม่ดีแล้ว ของประหลาดที่อยู่ในนี้ฟันเท่าไรก็ฆ่าไม่หมด ตายแล้วก็งอกใหม่อีก ตอนนี้เกรงว่าจะปลีกตัวออกจากที่นี่ลำบากแล้ว ถ้าเสียเวลาอยู่ในนี้นาน มู่หรงซิงหัวกับสวีถังหรานที่อยู่ข้างนอกก็คงจะเป็นอันตราย


ในขณะนี้เอง เถาไม้หนาแน่นที่พันก่อกวนอยู่รอบๆ ก็พลันหดไปข้างหลัง ไม่น่าเชื่อว่าจะให้พื้นที่ว่างกับเขาผืนหนึ่ง ขณะเดียวกันในเถาไม้ที่ถักทออย่างหนาแน่นรอบๆ ก็ปรากฏอุโมงค์เจ็ดสาย เงาคนเจ็ดคนพุ่งเข้ามาล้อมเหมียวอี้ไว้อย่างแน่นหนา แล้วอุโมงค์ที่อยู่ข้างหลังทั้งเจ็ดคนก็ปิดสนิทแล้วด้วย


เหมียวอี้ที่ถือทวนอยู่ในมือหมุนตัวอย่างช้าๆ มองประเมินทั้งเจ็ดด้วยสายตาเย็นเยียบ เป็นเพื่อนร่วมงานทั้งเจ็ดคนของชิงอวี้หลางนั่นเอง


ส่วนเจ็ดคนนั้น พอได้เห็นเหมียวอี้ก็ตกใจอยู่บ้าง ไม่นึกเลยว่าจะเป็นเจ้าหนุ่มนี่!


ก่อนหน้านี้ทุกคนได้รับรู้ถึงความห้าวหาญของคนคนนี้มาแล้ว อยู่ในนี้ขี่สัตว์พาหนะบินไม่สะดวกด้วย ถ้าให้สู้กับคนแซ่หนิวโดยไม่มีสัตว์พาหนะ พวกเขาก็รู้สึกไม่ค่อยมั่นใจ ประกอบกับที่เหมียวอี้บุกเข้ามาถึงในนี้โดยไม่สะบักสะบอมเหมือนคนอื่น สภาพเหมือนคนที่ไม่เป็นอะไรเลย สิ่งนี้ยิ่งพิสูจน์ว่าเขามีความสามารถไม่ธรรมดา จะดูถูกไม่ได้เด็ดขาด


“ก่อนหน้านี้ทุกคนก็ได้เห็นแล้ว ในมือเขาอาจจะรวบรวมนักโทษไว้ไม่น้อย ถ้าจัดการเขาได้จะต้องได้ผลงานใหญ่แน่นอน แถมเกราะรบบนตัวเขาก็ไม่เลวเลย ในเมื่อเขาโดนขังอยู่ในนี้แล้ว พวกเราเจ็ดคนร่วมมือกัน แล้วก็มีค่ายกลของผู้บัญชาการชิงคอยสนับสนุน อาจจะไม่แพ้เขาก็ได้นะ” หนึ่งในนั้นถ่ายทอดเสียงบอกเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ


ทั้งเจ็ดคนส่งสายตาให้กัน ก่อนจะยกอาวุธขึ้นมาอย่างช้าๆ


ซวบๆๆ! ในชั่วพริบตาเดียว เถาไม้หลายเส้นที่หยาบหนาเหมือนต้นเสาก็กวาดเข้าไปหาเหมียวอี้อย่างบ้าคลั่ง เหมียวอี้หมุนตัวปาดทวนอย่างรวดเร็วพักหนึ่ง ฟันเถาไม้ขาดกระเด็นไป ในขณะเดียวกันนี้เอง เจ็ดคนที่ล้อมอยู่ก็พุ่งเข้ามาลงมือประสานงานกับเถาไม้ที่ฟาดออกมา โดยพุ่งเข้ามาจากซ้ายขวาและบนล่าง


สถานการณ์แบบนี้ย่ำแย่เกินไปจริงๆ ต่อให้วิชาทวนของเหมียวอี้จะดีขนาดไหน แต่ก็รับมือไม่ไหวกับคนที่วรยุทธ์สูงกว่าเขาทั้งยังลงมือพร้อมกันหลายคนในที่แคบเล็ก ให้พื้นที่ว่างสำหรับใช้เป็นทางหนีทีไล่น้อยเกินไปจริงๆ ที่เป็นปัญหามากที่สุดก็คือมีเถาไม้กีดขวางเยอะเกินไป


แทบจะในชั่วพริบตาเดียว บนทวนและบนเกราะรบที่ตัวเหมียวอี้ก็ระเบิดปราณปีศาจเข้มข้นออกมาพร้อมกัน แต่กลับไม่สามารถหยุดยั้งการรุกโจมตีของคนพวกนี้ได้ ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่สามารถทำให้คนพวกนี้บาดเจ็บ ปราณปีศาจไม่มีมีผลอะไรกับนักพรตบงกชทอง


ทวนขยับอย่างรวดเร็ว ปาดอาวุธที่โจมตีเข้ามายังจุดสำคัญบนร่างกายตัวเอง ขณะเดียวกันก็หมุนตัวกลิ้ง ใช้เท้าเตะเถาไม้ที่ฟาดเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง ใช้มือข้างเดียวแทงทวนออกไปอย่างสุดชีวิต มั่นคง เด็ดเดี่ยว แม่นยำ รวดเร็ว ทวนแทงโดนคอหอยของใครบางคนอย่างแรง ตรงนั้นเกิดเสียงกรีดร้องน่าเวทนาทันที พลิกฝ่ามือควงแขนข้างหนึ่ง ดึงดาบและทวนสามด้ามเอาไว้ในขณะที่บาดเจ็บ ใช้แขนหนีบไว้แน่นไม่ยอมปล่อย


ส่วนกระบี่เล็กเพลิงจิตนับร้อยเล่ม ก็ได้ถือโอกาสลอบยิงจู่โจมออกไปตอนนี้แล้ว ชั่วพริบตาเดียวก็เกิดปฏิกิริยาตามมาเป็นพรวน คนที่โดนเหมียวอี้หนีบอาวุธและอยู่ท่ามกลางปราณปีศาจรับรู้ได้ว่ามีบางสิ่งยิงเข้ามา ตกใจมาก!


ทั้งสามโบกมือป้องใบหน้าตัวเองพร้อมกัน ส่วนแขนอีกข้างที่ถืออาวุธก็ออกแรงทุ่ม ปาด หวดแทบจะพร้อมกัน เหมียวอี้วรยุทธ์ห่างไกลกับพวกเขามาก จะทนรับพลังอิทธิฤทธิ์ของทั้งสามคนพร้อมกันได้อย่างไร ประคองแขนไม่อยู่ทันที ทั้งตัวโดนปาดจนกระเด็นขึ้นไป เป็นวิธีการโจมตีที่หมายจะเอาชีวิตจริงๆ


แล้วก็อาศัยช่วงเวลานี้พอดี อาศัยตอนที่ทุกคนหลบหลีกกระบี่เล็กเพลิงจิต เหมียวอี้ที่โดนปาดกระเด็นขึ้นมาได้โอกาสแล้ว เขารีบปาดทวนแทงติดต่อกัน หัวทวนแหลมคมอาศัยช่องโหว่ตอนที่ทั้งสามเพิ่งจะชักอาวุธกลับ แทงอย่างรุนแรงจนเกิดดอกเลือดกระเด็นออกมาสามสาย เสียงกรีดร้องดังเพิ่มอีกสามครั้ง


ส่วนอีกสามคนที่เหลือก็ไหวตัวเร็วเหมือนกัน ขณะที่หลบการลอบโจมตีจากกระบี่เล็กเพลิงจิต ก็ฉวยโอกาสใช้อาวุธโจมตีไปที่ตัวของเหมียวอี้อย่างหนักหน่วงพร้อมกัน โจมตีจนเกราะรบบนตัวเหมียวอี้เกิดเสียงดังวุ่นวาย


“พลั่ก!” เหมียวอี้กระอักเลือดสดขณะที่กระเด็นออกไป แต่กลับยังโบกมือ


ภายใต้การลอบจู่โจม กระบี่เล็กเพลิงจิตที่ถูกวางไว้รอบกายของทั้งสามระเบิดออกมาอย่างฉับพลัน กลายเป็นเพลิงเดือดสีเหมือนน้ำ ชั่วพริบตาเดียวก็ครอบร่างกายของสามคนนั้นไว้แล้ว สามคนที่กำลังจะฉวยโอกาสไล่ตามมาโจมตีตกใจมาก รู้สึกได้ว่าเกราะพลังอิทธิฤทธิ์โดนเผาทำลายแทบจะชั่วพริบตาเดียว ต่างก็ตกใจไม่เบา


มีบางคนควงแขนร่ายอิทธิฤทธิ์ควบคุม พร้อมร้องว่า “มันคืออะไร?”


“อา…” มีคนโดนเพลิงจิตมุดเข้าในเกราะและกำลังส่งเสียงร้องน่าเวทนา


เหมียวอี้ที่กระเด็นออกไปใช้สองเท้าถีบบนผนังเถาไม้ และถือโอกาสโบกทวนฟันเถาไม้ที่รัดพันเท้าสองข้างของตัวเอง แล้วหมุนตัวดีดกลับมา วินาทีนั้นก็ออกทวนราวกับมังกร แสงเย็นระบิดยิงออกมาหลายดอก ทำลายเถาไม้ที่มากีดขวาง สังหารจนเกิดดอกเลือดหลายสาย


“อา…” ท่ามกลางเสียงกรีดร้อง เหมียวอี้เหยียบลงบนพื้น โบกมือเรียกเพลิงจิตกลับมาปกป้องร่างกาย แล้วควบคุมให้มันเผากระจายไปรอบๆ เถาไม้ที่หวดเข้ามาสัมผัสหดกลับไปอย่างรวดเร็ว


เปลวเพลิงล่องหนที่เพิ่มขึ้นตอนอยู่ที่ดาวสองขั้วทำให้เกิดข้อดีเพิ่มขึ้นเล็กน้อย มันเหมือนอาวุธจริงมากขึ้น และควบคุมได้ง่ายขึ้นด้วย หลังจากหลุดออกจากร่างกายเขาไปแล้ว เขาก็ยังสามารถควบคุมมันได้อยู่ เมื่อก่อนทำแบบนี้ไม่ได้


ศพเจ็ดร่างที่อยู่รอบๆ สูญเสียพลังอิทธิฤทธิ์ควบคุมแล้ว ล่องลอยอย่างอิสระโดยไร้น้ำหนัก


“ถุย!” เหมียวอี้เอียงหน้าถ่มน้ำลายปนเลือดออกมาคำหนึ่ง พบว่าถ้าอาศัยเกราะรบอย่างเดียว ก็ยากที่จะต้านทานการโจมตีจากคนที่วรยุทธ์สูงกว่าตัวเองมากๆ ได้ มิหนำซ้ำยังโดนสามคนนั้นโจมตีพร้อมกัน ถูกทำร้ายไม่เบา แต่โชคดีที่มีเกราะรบที่เยารั่วเซียนหลอมสร้างให้ ไม่อย่างนั้นถ้าเปลี่ยนเป็นเกราะรบธรรมดาก็คงจะตายไปแล้ว


โชคดีที่กินสมุนไพรเซียนซิงหัวไว้ล่วงหน้า ตอนนี้รู้สึกได้ว่าสมุนไพรเซียนกำลังแสดงสรรพคุณ


ตรงนี้กำลังจะร่ายอิทธิฤทธิ์ดึงร่างเจ็ดร่างมาจัดการเก็บสิ่งของบนตัว แต่จู่ๆ กลับตกใจ เพราะเถาไม้หลายเส้นดึงร่างเจ็ดร่างนั้นหายกลับเข้าไปในทะเลเถาไม้แล้ว


ขณะเดียวกันนี้เอง เถาไม้รอบข้างที่หวดเข้ามาและหดกลับไปอย่างรวดเร็วก็สงบเงียบลงแล้ว เหมียวอี้ถือทวนเฝ้าระแวดระวังโดยรอบ แอบร่ายอิทธิฤทธิ์เร่งการเยียวยาของสมุนไพรเซียนซิงหัว เร่งการฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของตัวเอง


อีกฝั่งหนึ่งของทะเลเถาไม้ ชิงอวี้หลางตกอยู่ในความเงียบแล้ว กำลังมองร่างเจ็ดร่างของเพื่อนร่วมงานที่อยู่ตรงหน้า พร้อมพึมพำว่า “เร็วขนาดนี้เลยเหรอ? ใครกันที่สามารถฆ่าพวกเจ้าที่นี่ได้เร็วขนาดนี้?”


ผ่านไปครู่เดียว เขาก็โบกมือกวาดร่างเจ็ดร่างนั้นเก็บไว้ แล้วคว้าทวนไว้ในมือ อุโมงค์เถาไม้สายหนึ่งปรากฏขึ้น เขาถลันตัวเข้าไปอย่างรวดเร็ว ออกโรงด้วยตัวเองแล้ว


ที่โลกภายนอก เหล่าผู้บัญชาการพวกนั้นสังเกตเห็นความผิดปกติแล้ว ในที่สุดก็เริ่มกลัว พบว่าเถาไม้นี้ตีฝ่าได้ยากมาก คนที่ยังรอดชีวิตเริ่มหนีกลับ หนีไปยังจุดลึกของอวกาศ ยังมีคนไล่ตามสังหารต่อไป มีบางคนเอียงหน้ากลับมา จ้องมองมู่หรงซิงหัวกับสวีถังหราน


เมื่อเห็นว่าเหมียวอี้ไม่อยู่ กำลังคนของลูกหลานของสิบสองจอมพลกับสามสิบหกเทพประจำดาวก็ไม่ใช่เล่นๆ เหมือนกัน ไม่ต้องพูดถึงว่ามีนักโทษหรือไม่มีนักโทษ ถ้านำของวิเศษบนตัวทั้งสองกลับไปได้ก็มีมูลค่าไม่น้อย พุ่งเป้ามาหาทั้งสองทันที


“รีบหนี!” มู่หรงซิงหัวร้องบอก ไม่ต้องพูดอะไรมาก สวีถังหรานหนีนำหน้านางไปก่อนแล้ว


ในดินแดนเถาไม้ เหมียวอี้พลันหันตัวมา มองไปทางเถาไม้ที่หวดและหดกลับไปเปิดช่องทางให้ช่องทางหนึ่ง เงาคนคนหนึ่งปรากฏขึ้น ตอนนี้ถลันมาอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว นอกจากชิงอวี้หลางแล้วจะเป็นใครไปได้


“ข้าก็นึกว่าใคร ที่แท้ก็เป็นเจ้า!” ชิงอวี้หลางแสยะยิ้ม แล้วพยักหน้าช้าๆ “มีความสามารถจริงๆ ด้วย แต่ก็น่าเสียดายมาก เจ้าดันมาเจอข้าซะแล้วล่ะ! ทิ้งของทั้งหมดที่อยู่บนตัวเอาไว้ แล้วข้าจะปล่อยเจ้ากลับไปรายงานผลงาน!” ในน้ำเสียงเผยความเย่อหยิ่งลำพองใจ


เหมียวอี้ขี้คร้านจะคุยกับเขา คุยไปก็ไม่มีประโยชน์ ถลันตัวเข้าไปแทงทวนทันที


ฉึก! ศีรษะของชิงอวี้หลางโดนทวนของเหมียวอี้แทงจนเละ ศีรษะและเกราะหัวกระเด็นออกไปพร้อมกัน


“…” เหมียวอี้พูดไม่ออก งุนงงเล็กน้อย หมายความว่ายังไง? ฆ่าง่ายขนาดนี้เลยเหรอ?


ตรงนี้ยังไม่ทันรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ๆ ทวนยาวในมือของชิงอวี้หลางที่ไร้ศีรษะก็ขยับ เหมียวอี้แอบร้องว่าท่าไม่ดีแล้ว เขานับว่าไหวตัวได้เร็ว รีบดึงทวนในมือมาสกัดไว้


ปั้ง! ทวนยาวโดนกระแทกจนสะเทือนกลับมา เข้ามาฟาดร่างตัวเองเข้าอย่างจัง “อั้ก!” เหมียวอี้ที่แผลเก่ายังไม่หายดี ตอนนี้กระอักเลือดสดออกมาอีกแล้ว โดนทวนของชิงอวี้หลางกระแทกจนกระเด็นออกไปแล้ว


…………………………


บทที่ 1044 เจ้าคนสมองมีปัญหา

โดย

Ink Stone_Fantasy

ท่ามกลางเสียงเปาะแปะของแผ่นเกล็ดบนเกราะรบ แกร๊ง! บนผนังที่ถักทอด้วยเถาไม้โดนกระแทกจนเกิดเป็นรูใหญ่รูหนึ่ง ไม้พังแตกละเอียด


เหมียวอี้พยายามอาศัยสัญชาตญาณถือทวนกระโดดขึ้นมาเตรียมพร้อมป้องกันให้เร็วที่สุด แต่ตัวกลับโซเซจวนจะล้ม มุมปากและจมูกมีเลือดไหลทะลักออกมาไม่หยุด เลือดสดไหลเปื้อนเต็มหน้าอกตามร่างกายที่โซเซของเขา บนใบหน้าฉาบทาเลือด ของที่เห็นอยู่ตรงหน้าถึงขั้นเกิดเป็นภาพซ้อน เลือดลมในร่างกายปั่นป่วนราวกับพลิกแม่น้ำคว่ำทะเล ในหูมีเสียงดังวิ้งๆ ตลอด สองมือที่จับทวนก็สั่นเทิ้มไม่หยุด


โชคดีที่เขากินสมุนไพรเซียนซิงหัวไว้ล่วงหน้าตั้งแต่แรก ภายใต้การร่ายอิทธิฤทธิ์กระตุ้นการเยียวยาในร่างกาย ความรู้สึกผ่อนคลายก็แผ่ซ่านไปทั่วตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้เขาได้สติกลับมาเร็วมาก เขารีบร่ายอิทธิฤทธิ์ควบคุมร่างกายให้มั่นคง ปรับเส้นเลือดที่สับสนปนเปของแขนสองข้างให้เหมาะสมเข้าที่ ควบคุมสองแขนที่สั่นเทิ้มเอาไว้ ในที่สุดภาพซ้อนตรงหน้าก็รวมเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว!


ขณะจ้องมองอวี้ชิงหลางที่ไร้ศีรษะทว่ายังยืนถือทวนอยู่ตรงนั้นอย่างมั่นคง “ถุย” เหมียวอี้ก็ถ่มน้ำลายปนเลือดออกมาคำหนึ่ง เขาแลบลิ้นสีแดงสดออกมาเลียลือดสดที่ยังไหลซึมจากจมูกลงมาบนริมฝีปาก รสชาติของมันคาวและเค็ม จ้องชายหนุ่มที่ยังยืนไร้ศีรษะอยู่ตรงนั้น ในหัวคิดวกไปวนมาเร็วมาก กำลังคิดหาวิธีการรับมือ


เขาเองกก็นับว่าเคยผ่านศึกษาเป็นร้อยครั้งแล้ว แต่กลับเป็นครั้งแรกที่เห็นคนแปลกแบบนี้ ราวกับได้เห็นผี ขนาดศีรษะไม่มีแล้ว แต่ยังทำท่าทางเหมือนคนไม่เป็นอะไรเลย


ทันใดนั้น เหมียวอี้ก็เบิกตากว้าง บนใบหน้าฉายแววประหลาดใจหาคำอธิบายไม่ได้ เห็นเพียงตรงคอที่ขาดของชิงอวี้หลางเลื้อยขยุกขยิกอย่างรวดเร็ว เนื้อก้อนหนึ่งเริ่มนูนโผล่ออกมา กลายสภาพเป็นศีรษะใบหนึ่ง ชั่วพริบตาเดียวก็มีหน้าตาชัดเจน เป็นระเบียบเรียบร้อย เหมือนกับก่อนที่จะถูกทำลายศีรษะไม่มีผิด เป็นชิงอวี้หลางที่ใบหน้าที่งดงามดุจหยก ปากแดงเหมือนทาชาด หล่อเหลาไม่ธรรมดา


อย่าบอกนะว่าเจ้าบ้านี่มันฆ่าไม่ตาย? เหมียวอี้หวาดผวาในใจ


ชิงอวี้หลางจ้องมองปราณปีศาจโลหิตที่ปรากฏรางๆ บนทวนของเหมียวอี้ แล้วยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ “ปราณปีศาจโลหิตของเจ้าใช้กับข้าไม่ได้ผลหรอก!”


แต่หลังจากมองสำรวจเหมียวอี้ศีรษะจดเท้าแวบหนึ่ง ในดวงตาก็ฉายแววประหลาดใจเล็กน้อยเช่นกัน “แต่เจ้าก็มีฝีมืออยู่บ้างเหมือนกัน วรยุทธ์แค่บงกชทองขั้นสาม โดนวรยุทธ์บงกชทองขั้นแปดอย่างข้าโจมตีไป ไม่น่าเชื่อว่าจะลุกขึ้นยืนได้ในทันที หืม…” จู่ๆ สายตาของเขาก็จ้องที่เกราะรบอันสวยงามประณีตบนตัวเหมียวอี้ จากรูปแบบที่แตกต่างจากเกราะรบทั่วไป เขาพอจะสังเกตอะไรบางอย่างได้แล้ว พึมพำกับตัวเองว่า “อย่าบอกนะว่าเกราะรบชุดนี้…” ในดวงตาฉายแววจ้องอยากได้จนตาเป็นมัน


ไม่ว่าใครก็รู้ทั้งนั้น ว่าการมีเกราะรบป้องกันตัวดีๆ สักชุดเท่ากับมีชีวิตเพิ่มมาอีกชีวิตยามเข่นฆ่ากัน ใครบ้างที่จะไม่ชอบ?


เหมียวอี้อาการบาดเจ็บภายในร่างกายคงที่แล้ว เมื่อได้ยินแบบนั้นก็ตาเป็นประกาย แล้วกล่าวอย่างช้าๆ ว่า “ข้าไม่เชื่อหรอกว่าโลกนี้จะมีคนที่ฆ่าไม่ตาย!”


ยังไม่ทันพูดจบ จู่ๆ เขาก็ถลันตัวเข้าไปแล้ว แทงทวนออกไปอย่างว่องไวปานฟ้าแลบ พุ่งไปที่คอของชิงอวี้หลาง


ชิงอวี้หลางหรี่ตาสองข้าง แต่กลับยังยืนไม่สะทกสะท้านอยู่อย่างนั้น เหมือนมองออกว่าเหมียวอี้ออกทวนตอบสนองได้รวดเร็ว การประลองวิชาทวนกับเหมียวอี้ไม่ใช่วิธีการที่ชาญฉลาด


บึ้ม! คอระเบิดขาดด้วยพลังระเบิดของทวนเกล็ดย้อนที่แทงเข้ามา ศีรษะที่งอกใหม่ของชิงอวี้หลางระเบิดกระเด็นไปอีกครั้ง


ขณะเดียวกันนี้เอง ชิงอวี้หลางที่ไร้ศีรษะก็ขยับร่างกายอีกครั้ง ฉวยโอกาสกวาดทวนออกมาในแนวขวาง ด้วยระยะที่ใกล้และความเร็วในการลงมือของเขา เหมียวอี้ก็เรียกได้ว่าไม่มีทางหลบได้


เหมียวอี้เสียเปรียบไปแล้วหนึ่งครั้ง มีหรือที่จะเสียเปรียบเหมือนเดิมเป็นครั้งที่สอง จะใช้ท่าเดิมไม่ได้แล้ว รีบแหย่ทวนกลับไปอย่างรวดเร็ว


แกร๊ง! เหมียวอี้สะเทือนจนกระเด็นออกไปอีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับอาศัยพลังสะบัดทวนและหมุนตัวเหาะออกไปอย่างรวดเร็ว ลดพลังรุนแรงของอีกฝ่ายที่กำลังจะมีผลกับร่างกายของเขาโดยตรง


จนใจที่พื้นที่ว่างในเถาไม้มีจำกัด พลังสั่นสะเทือนบนทวนยังไม่เสื่อมลง เหมียวอี้ที่หมุนตัวเหาะด้วยความเร็วถือโอกาสตีทวนไปบนเถาไม้หนึ่งครั้งเพื่อคลายพลัง เสียงดังสะเทือนเลือนลั่น บนผนังเถาไม้ระเบิดออกเป็นรูใหญ่ทันที


เสียงความคลื่อนไหวฝั่งเดียวที่ดังและต่อเนื่องขนาดนี้ ไม่ว่าจะเป็นจุดหมายสุดท้ายที่โดนคลุมอยู่ใต้ทะเลเถาไม้ หรือจะเป็นคนที่กำลังสู้ตายอยู่นอกทะเลเถาไม้ ต่างก็มองไปยังโลกของเถาไม้ขนาดใหญ่นั่นโดยจิตใต้สำนึก รู้สึกได้ว่าข้างในมีคนกำลังเข่นฆ่ากัน


ขจัดพลังที่เหลือไปหมดแล้ว เกราะรบบนตัวเหมียวอี้เกิดเสียงดังเปาะแปะ เขาใช้สองเท้าถีบผนังเถาไม้ในโพรงใหญ่ที่ระเบิดออก กระโดดถอยหลังกลับมา ถือทวนในแนวเฉียงจ้องฝ่ายตรงข้ามด้วยสายตาเย็นเยียบ


เป็นอย่างที่คาดไว้ ศีรษะของชิงอวี้หลางงอกออกมาอีก ชั่วพริบตาเดียวก็กลับมามีศีรษะใบใหม่ที่ครบถ้วนสมบูรณ์ แล้วเดาะลิ้นพูดว่า “เป็นอย่างนี้จริงๆ ด้วย! ข้าก็ว่าอยู่ว่าทำไมวรยุทธ์บงกชทองขั้นสามอย่างเจ้าถึงต้านทานการโจมตีจากคนวรยุทธ์ขั้นแปดอย่างข้าได้ ต่อให้มีเกราะรบคอยต้านทาน แต่กายเนื้อข้างในก็รับการโจมตีนี้ไม่ไหวหรอก ปัญหาอยู่บนเกราะรบของเจ้าจริงๆ ด้วย ช่างเป็นของดี! เกราะรบบนตัวเจ้าเป็นของข้าแล้วล่ะ!”


เหมียวอี้โบกมือชี้อย่างเด็ดเดี่ยว พร้อมแสยะยิ้มกล่าวว่า “นั่นก็ต้องดูก่อนว่าเจ้าจะเหลือชีวิตไว้เสพสุขหรือเปล่า!”


“ช่างน่าขำ! ข้า…” ชิงอวี้หลางพลันเบิกตากว้าง แล้วอุทานถามอย่างหวาดกลัว “ของอะไรกัน?”


“ของดีไงล่ะ!” นิ้วที่กำลังชี้ของเหมียวอี้หดกลับมา แล้วเปลี่ยนเป็นกำหมัด “ข้าไม่เชื่อหรอกว่าบนโลกนี้จะมีคนที่ร่างกายเป็นอมตะจริงๆ!”


“ของอะไร…” จู่ๆ ชิงอวี้หลางก็เริ่มสั่นไปทั้งตัว ใช้แขนสองข้างกอดศีรษะเอาไว้ เผยสีหน้าเจ็บปวดทรมานถึงขีดสุด “อา…” ส่งเสียงกรีดร้องอันสุดสังเวชใจ กลิ้งไปกลิ้งมาอยู่ตรงนั้น


ผ่านไปไม่นาน ก็เห็นในเกราะรบบนตัวเขามีเปลวเพลิงที่เหมือนคลื่นน้ำลุกโชน


อีกฝ่ายเหมือนจะไร้แรงต้านทานแล้ว แต่เหมียวอี้กลับยังถือทวนคอยระวังป้องกัน ขณะเดียวกันก็พายามร่ายอิทธิฤทธิ์เร่งสรรพคุณสมุนไพรเซียนซิงหัวในร่างกายตัวเอง เร่งอาการบาดเจ็บในร่างกายให้ฟื้นตัวเร็วๆ


“ไม่…” ชิงอวี้หลางกรีดร้องคอแทกแตก เจ็บปวดทรมานอยู่ภายใต้เปลวเพลิงเดือดที่มีสภาพเหมือนคลื่นน้ำ


ที่มีจุดจบแบบนี้ได้ ไม่ใช่เพราะเขาแพ้ให้กับพลังของเหมียวอี้ แต่เป็นเพราะไม่ระวังจึงโดนเหมียวอี้วางกับดักลอบทำร้าย


ตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาทำร้ายเหมียวอี้จนสาหัสและพูดจาสงสัยในเกราะรบของเหมียวอี้ เหมียวอี้ก็จงใจใช้คำพูดประมาณว่าไม่เชื่อว่าเขาจะฆ่าไม่ตาย อยากจะให้โอกาสอีกฝ่ายได้ทดลองเกราะรบ ขณะเดียวกันก็อยากจะให้โอกาสอีกฝ่ายได้โจมตีเขาอีกสักครั้ง


วิธีการนี้ใช้สร้างความดึงดูดใจที่นักพรตคนหนึ่งมีต่อเกราะรบดีๆ สักชุด เหมียวอี้เดาว่าถ้าเปลี่ยนเป็นตัวเองก็คงอยากจะดูเหมือนกันว่าเป็นยังไงกันแน่ ก็แค่เอาใจเขามาใส่ใจเรา เพียงแต่การทำแบบนี้ไม่มีความมั่นใจเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่มาถึงขั้นนี้แล้วจึงไม่ถือสาที่จะทดลอง ถ้าไม่ทดลองแล้วจะรู้ได้ยังไงว่าจะได้หรือไม่ได้?


นึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะให้โอกาสตนฆ่าอีกครั้งจริงๆ ดังนั้นตอนที่เหมียวอี้ออกทวนอีกครั้ง จึงไม่เลือกตรงศีรษะแล้ว แต่เลือกที่คอแทน เพราะตรงหัวทวนตะคอสามแฉกของทวนเกล็ดย้อนซ่อนกระบี่เล็กเพลิงจิตเอาไว้เล่มหนึ่ง ตอนที่ทวนแทงเข้าไประเบิดคอชิงอวี้หลาง กระบี่เล็กเพลิงจิตก็ฉวยโอกาสทะลุจากคอของชิงอวี้หลางเข้าไปในร่างกาย


และตอนแรกชิงอวี้หลางก็ไม่สังเกตเห็นเหมือนกัน นึกว่าตอนที่คอระเบิดมีของบางอย่างแฝงเข้าไปในร่างกายตัวเอง ต่อให้สังเกตเห็นก็สายไปเสียแล้ว


นี่ไม่ใช่การประลองกำลังที่แท้จริง แต่เป็นการประลองสติปัญญาในชั่วพริบตาเดียว!


จู่ๆ คนที่อยู่ข้างนอกก็ได้ยินเสียงชิงอวี้หลางกรีดร้องอย่างน่าสังเวชใจขนาดนี้ คนไม่น้อยตรงจุดหมายสุดท้ายมองหน้ากันเลิกลั่ก แม้แต่เกาก้วนที่ยืนอยู่บนบันไดหน้าตำหนักก็กวาดสายตาไปหยุดอยู่ตรงทะเลเถาไม้จุดกำเนิดเสียง สายตาฉายแววสงสัยเล็กน้อย


อิ๋งเหย้าเจ้านายของชิงอวี้หลางสีหน้าเปลี่ยนทันที ที่มากกว่านั้นก็ประหลาดใจสงสัย ถึงขั้นทำสีหน้าหวาดกลัวเล็กน้อย การที่ชิงอวี้หลางกรีดร้องแบบนี้ต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่


พวกผู้บัญชาการคนอื่นๆ ถึงขั้นพึมพำในใจ หรือว่าคนของตัวเองทำสำเร็จแล้ว?


พวกเขาต่างก็เฝ้าคอยให้คนของตัวเองทำสำเร็จ


ส่วนพวกผังลิ่งกงกับพวกโฉวตั้งไห่ ไม่ว่าจะกำลังไล่สังหารหรือกำลังสู้สุดชีวิต แต่ละคนพากันระแวงสงสัยไม่หยุด ชิงอวี้หลางตายแล้วเหรอ?


ชิงอวี้หลางตายแล้วจริงๆ เริ่มคืนร่างเดิมท่ามกลางเสียงกรีดร้อง ในเกราะรบเริ่มมีเถาไม้โผล่ออกมาราวกับกระแสน้ำ ราวกับเป็นงูนับหมื่นเลื้อยออกจากรู แต่เถาไม้ที่โผล่ออกมาอย่างรวดเร็วเหมือนจะถูกเผาจนเกรียมหมดแล้ว พอออกมาจากเปลวเพลิงคลื่นน้ำก็ทนรับพลังที่พรึ่งพรูออกจากร่างกายตัวเองไม่ไหว จึงขาดเป็นท่อนราวถ่านไม้ที่เปราะบาง


พอเหมียวอี้เห็นภาพนี้ ก็เข้าใจในทันที สงสัยชิงอวี้หลางคนนี้เดิมทีจะเป็นปีศาจเถาวัลย์


บึ้ม! จู่ๆ ก็มีเสียงระเบิดดังขึ้น เหมียวอี้ยกแขนขึ้นมาป้องใบหน้า เกราะรบบนตัวชิงอวี้หลางกระเบิดมากระแทกบนตัวเขา


เหมียวอี้สัมผัสได้ ว่ายาเม็ดปีศาจของชิงอวี้หลางระเบิดอยู่ภายใต้การเผาหลอมอย่างฉาบฉวยของเพลิงจิตแล้ว ในที่สุดปีศาจที่ ‘ฆ่าไม่ตาย’ ตนนี้ก็ตายแล้ว


พอเงยหน้าขึ้นไปอีกครั้ง รอบข้างก็เป็นสีเทาขมุกขมัว ทั้งหมดกลายเป็นเถ้าถ่าน แม้แต่เถาไม้ที่อยู่โดยรอบก็ระเบิดพังไปไม่น้อยแล้ว


ตอนนี้ไม่มีกะจิตกะใจจะมาสนใจเรื่องนี้ เกราะรบผลึกแดงที่มีความบริสุทธ์สูงบนตัวชิงอวี้หลางมีมูลค่าไม่ใช่น้อยๆ


เขาเก็บเพลิงจิตเข้ามาในร่างกาย แล้วร่ายอิทธิฤทธิ์สำรวจโดยรอบอย่างรวดเร็ว พอร่ายอิทธิฤทธิ์ดูเข้ามา พวกเกราะรบ แหวนเก็บสมบัติและกำไลเก็บสมบัติก็ถูกดูดเข้ามาหมด


กระเป๋าสัตว์หลายใบที่ห้อยไว้บนเกราะรบถูกเด็ดลงมาร่ายอิทธิฤทธิ์ตรวจดูก่อน ตอนไม่ดูก็ยังไม่รู้ พอดูแล้วก็ตกใจมาก เด็กดี ไม่น่าเชื่อว่าจะมีนักโทษหลบหนีถูกมัดไว้อย่างดีสามสิบห้าคน


เหมียวอี้หัวเราะไม่หยุด ไม่ตั้งใจปักกิ่งหลิว หลิวกลับให้ร่มเงา[1] ไม่น่าเชื่อว่าปีศาจตนนี้จะได้นักโทษมามากมายขนาดนี้


เขารีบดูที่กำไลเก็บสมบัติของชิงอวี้หลางอีก ทำให้ยิ่งตกตะลึงอ้าปากค้าง ยังไม่ต้องพูดถึงของอย่างอื่น เกราะรบผลึกแดงกองนั้นมันสะดุดตาเกินไปแล้ว พอลองนับจำนวนคร่าวๆ ก็ทำให้เขาตกใจแทบตาย เป็นเกราะรบผลึกแดงหนึ่งร้อยสามสิบกว่าชุด ทั้งยังมีเกราะทองและเกราะม่วงด้วย อาวุธผลึกแดงก็มีเป็นกองเหมือนกัน


ในจำนวนนั้นยังมีเกราะรบผลึกแดงที่มีความบริสุทธิ์สูงหกชุดด้วย ถามหน่อยว่าเหมียวอี้จะไม่ถลึงตาอ้าปากค้างได้อย่างไร


“ปีศาจตนนี้มันฆ่าคนไปมากเท่าไรกันเนี่ย?” เหมียวอี้พึมพำกับตัวเอง ไม่ค่อยกล้าเชื่อสายตาตัวเองสักเท่าไร


เขาไม่รู้ว่าชิงอวี้หลางร่ำรวยจากการนั่งครองทำเลทองอย่างไร ที่จริงของส่วนใหญ่ในนี้ล้วนได้มาตอนที่ชิงอวี้หลางอยู่ในแดนเถาไม้นี้ได้ไม่นาน ชิงอวี้หลางเองก็คงนึกไม่ถึงเหมือนกันว่าพวกมันจะโดนเปลี่ยนเจ้าของเร็วขนาดนี้


เขาร่ายอิทธิฤทธิ์ตรวจดูสมุนไพรเซียนซิงหัวที่วางสุมกันมั่วๆ อยู่อีกข้างในกำไลเก็บสมบัติ นับดูคร่าวๆ ก็พบว่ามีห้าร้อยกว่าต้น สีสันและอายุแตกต่างกันไป


“แม่งเอ๊ย! รวยใหญ่แล้วโว้ย!” เหมียวอี้พึมพำแล้วกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังฝันไป ถึงขั้นสงสัยว่านี่กำลังล้อเล่นอยู่ใช่มั้ย


ไม่กล้าเชื่อ! ผู้บัญชาการเหมียวอี้เรียกสมุนไพรเซียนซิงหัวออมาต้นหนึ่ง แล้วยัดเข้าปากเคี้ยวลิ้มลองรสชาติ หลังจากกลืนลงท้องแล้วแน่ใจว่าเป็นสมุนไพรเซียนซิงหัว เขาถึงได้กล้าเชื่อว่านี่คือเรื่องจริง เป็นเรื่องที่จริงแท้แน่นอน ไม่ได้กำลังฝันไป


“แม่งเอ๊ย! ร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีแล้วจริงๆ!” เหมียวอี้อ้าปากที่ยังเปื้อนเลือด ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นปากของฉลาม หัวเราะโง่ๆ อยู่อย่างนั้น หัวเราะโง่ๆ แล้วจริงๆ


เมื่อนึกย้อนถึงฉากต่อสู้เมื่อครู่นี้ เหมียวอี้ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไงดี ในโลกแห่งเถาไม้นี้ ตนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของชิงอวี้หลางเลย ชิงอวี้หลางมีโอกาสกำจัดตนเยอะเกินไป ตนเริ่มมีความคิดที่จะหนีเอาชีวิตรอดแล้ว แต่อีกฝ่ายกลับมัววางมาดโอ้อวดอยู่ได้ ผลก็คือโดนตนกำจัดทิ้งไปแล้ว ขณะที่กำลังดีใจที่โชคดีรอดชีวิตมาได้ เขาส่ายหน้าหัวเราะเย้ยไม่หยุด “เจ้าคนสมองมีปัญหา!”


…………………………


[1] ไม่ตั้งใจปักกิ่งหลิว หลิวกลับให้ร่มเงา มาจากสำนวน 有意栽花花不开,无心插柳柳成阴 ตั้งใจปลูกดอกไม้ กลับไม่ออกดอก ไม่ตั้งใจปักกิ่งหลิว หลิวกลับให้ร่มเงา หมายถึง เรื่องที่บางอย่างที่ตั้งใจทำเต็มที่ แต่สุดท้ายไม่ได้ดั่งใจ แต่บางเรื่องที่ไม่ได้ตั้งใจทำเท่าไหร่ กลับได้ผลตอบแทนเกินคาดหมาย

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)