ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 1042-1047

บทที่ 1042 กลับจากการเดินทางที่แสนคุ้...

 

ฉินสือโอวตอบกลับการทักทายอย่างสุภาพ หลังจากนั้นทั้งสองฝ่ายก็จับมือกัน บัตเลอร์หัวเราะออกมาเสียงดัง “พวกเราต่างก็คุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว คงไม่จำเป็นต้องแนะนำตัวอะไรมากมายอีก มาเถอะ เพื่อนๆ นั่งลงและดื่มด่ำกับอาหารค่ำแสนวิเศษให้พวกเรากัน!”


หลังจากนั่งลง บัตเลอร์ทักทายอิสึซาโอะ อาโอยาม่าไม่กี่ประโยค หลังจากนั้นก็พูดว่า “ทักษะการแสดงของคุณอิสึไม่เลวเลยจริงๆ ถ้ามีโอกาส พวกเรามาร่วมลงทุนหนังด้วยกันสักเรื่องหนึ่งและให้คุณอิสึเล่นเป็นตัวเอก พวกเราคงทำเงินได้มหาศาลแน่นอน!”


อิสึซาโอะ อาโอยาม่าลุกขึ้นยืนโค้งคำนับและยิ้ม “บัตเลอร์ซังชมเกินไปแล้ว! ผมก็แค่ทำตามคำเตือนของนิชิมุระซังและหวังว่าตัวเองจะไม่ได้ทำเสียเรื่อง!”


บัตเลอร์โบกมือ “ไม่ๆๆ นอกจากคุณจะไม่ได้ทำเสียเรื่อง คุณยังทำได้ดีมากอีกด้วย ถ้าไม่ใช้คุณ ปลาของพวกผมอาจจะขายไม่ออกในราคาสองล้านห้าแสน”


ขณะที่กำลังพูด เขามองไปที่นิชิมุระ เร็นและพยักหน้าให้อย่างพึงพอใจ “นิชิมุระ คุณก็ทำได้ดีมาก! วันนี้ขอบคุณมาก ความพยายามของคุณผมเห็นมันแล้วกับตา ผ่านการอนุมัติของฉิน พวกผมตัดสินใจว่าจะมอบร้านต้าฉินอาหารทะเลที่โตเกียวสาขาถัดไปให้กับคุณ หวังว่าคุณจะไม่ทำให้ฉินซังกับผมผิดหวังนะ!”


เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ใบหน้าของนิชิมุระ เร็นก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ เขาลุกขึ้นโค้งคำนับอย่างเอาเป็นเอาตาย “ขอบคุณครับท่านประธานฉินที่ไว้วางใจ! ขอบคุณครับท่านประธานบัตเลอร์ที่คอยสั่งสอน! หลังจากนี้นิชิมุระผู้นี้จะอยู่ในความไว้วางใจของท่านประธานอย่างแน่นอนและจะขยันทำงานเพื่อตอบแทนบริษัทอย่างแน่นอนครับ!”


เรื่องนี้บัตเลอร์พูดกับเขาระหว่างทางที่มา ความจริงปฏิกิริยาของอิสึซาโอะ อาโอยาม่าก่อนหน้านี้อาจจะเป็นความคิดของเขาจริงๆ แต่ก็มีสาเหตุมาจากแผนของนิชิมุระ เร็น


บัตเลอร์ต้องการโกงเทซึกะ โกดะกับพี่น้องตระกูลมอร์รี่และต้องการฝ่ายตรงข้ามคนหนึ่งที่สามารถทำให้พวกเขาไว้วางใจได้ แผนการลวกๆ ที่จะให้คนคนหนึ่งมาเพิ่มราคาอาจจะไม่ได้ผล สามคนนั้นต่างก็เป็นคนเจ้าเล่ห์ ไม่ได้หลอกได้ง่ายๆ แค่ความไว้วางใจมองแวบเดียวก็ดูออกแล้ว


ตอนแรกเขาวางแผนให้นิชิมุระ เร็นมารับบทนี้และใช้เหตุผลในการแก้แค้นเพื่อหลอกล่อเทซึกะ โกดะ แต่ก่อนที่งานประมูลจะเริ่ม นิชิมุระ เร็นทำงานได้ดีมาก เขาสืบเจอเรื่องการเป็นพันธมิตรอย่างลับๆ ของเทซึกะ โกดะกับตระกูลมอร์รี่


หลังจากนั้นบัตเลอร์ก็ใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้และขอให้นิชิมุระ เร็นไปเจรจากับอิสึซาโอะ อาโอยาม่าเพื่อให้เขามาร่วมทำการแสดง การบีบบังคับให้เทซึกะ โกดะชนะราชาแห่งปลาในราคาสูงก็ต้องขายสินค้าของเขาโดยไม่ให้มีช่องโหว่ เพราะเทซึกะ โกดะกับตระกูลมอร์รี่ต้องการกำจัดอิสึซาโอะ อาโอยาม่าจริงๆ


ส่วนรางวัลที่บัตเลอร์ให้อิสึซาโอะ อาโอยาม่าคือทั้งสองฝ่ายจะเป็นพันธมิตรกัน อาหารทะเลแบรนด์ต้าฉินจะจัดหาปลาทูน่าครีบน้ำเงินให้บริษัทไดนิสึช่วงหนึ่งหลังจากนี้ ในช่วงนี้ พวกเขาจะไม่ทำธุรกิจปลาทูน่าครีบน้ำเงินที่โตเกียว


ในกลุ่มของปลาทูน่าครีบน้ำเงินที่อาหารทะเลแบรนด์ต้าฉินจะจัดหาให้ล้วนเป็นสายพันธุ์ที่มีคุณภาพดีที่สุด แต่ราคาที่ตกลงกันกลับเป็นราคาที่ซื้อขายกันตามปกติ


แน่นอนว่าช่วงนี้ก็แค่ชั่วคราว พวกเขาจะร่วมมือกันก่อนเพื่อกำจัดเทซึกะ โกดะกับตระกูลมอร์รี่ที่มีอำนาจอยู่ในโตเกียว ส่วนหลังจากนั้น? ไม่จำเป็นต้องพูดถึง พวกเขาก็ยังเป็นศัตรูกันเหมือนเดิม


ความจริงอิสึซาโอะ อาโอยาม่าไม่ได้อยากทำขนาดนี้ เขาเห็นว่าอุบายที่บัตเลอร์ใช้เป็นการขี่เสือกินหมูป่าซึ่งให้เขากับเทซึกะ โกดะมาฆ่ากันเอง หลังจากนั้นเขาก็นั่งรับกำไรจากชาวประมง


แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่น บัตเลอร์แค่สั่งให้เขาเป็นเสือตัวนี้เพื่อมากินหมาป่าฝูงหนึ่งอย่างเทซึกะ โกดะกับตระกูลมอร์รี่ อย่างน้อยที่สุดเขาก็ยังมีหนทางรอด ถ้าให้หมาป่าฝูงนั้นมีชีวิตรอด นั่นคงต้องเป็นเขาที่ถูกกิน!


ฉากที่อิสึซาโอะ อาโอยาม่ากล่าวหาเทซึกะ โกดะในงานประมูลเรียกได้ว่าเป็นฉากที่คลาสสิกมาก ความจริงมันก็เป็นแค่การแสดง เมื่อมีเงินมากองอยู่ตรงหน้า กระดูกแข็งแค่ไหนก็ยอมคุกเข่าลงเหมือนกัน!


ส่วนนิชิมุระ เร็น เขามีบทบาทสำคัญอย่างมากจริงๆ ในกระบวนการจัดการกับพวกตระกูลมอร์รี่กับเทซึกะ โกดะ บัตเลอร์บอกว่าเขาไม่มีความทะเยอทะยานที่จะเป็นใหญ่เป็นโต แค่ให้เขามารับผิดชอบร้านที่โตเกียวเป็นรางวัลก็พอ ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็จะไม่มีผู้สมัครที่เหมาะสมมาบริหารตลาดที่โตเกียว


บนโต๊ะอาหารทั้งสองฝ่ายแลกเปลี่ยนถ้วยชากันเพื่อกระชับความสัมพันธ์ให้ใกล้ชิดกันเร็วขึ้น หลังจากทานอาหารมื้อนี้เสร็จ อิสึซาโอะ อาโอยาม่าก็เกือบจะเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับบัตเลอร์แล้ว แน่นอนว่าในใจของทุกคนก็เข้าใจดีว่าความจริงมันเกิดอะไรขึ้น


จากนี้ไปฉินสือโอวคงไม่กล้าดูถูกลุงดำหนวดยาวคนนี้อีก ผู้คนใช้ความจริงเพื่อพิสูจน์ความสามารถของตัวเอง ถ้าเรื่องความเจ้าเล่ห์ เขายังเจ้าเล่ห์ได้ไม่เท่าบัตเลอร์จริงๆ


เทซึกะ โกดะกับตระกูลมอร์รี่เคร่งเครียดน่าดู พวกเขายังไม่ถูกลุงดำหนวดยาวคนนี้กำจัดหายไปใช่ไหม?


งานประมูลที่อัมสเตอร์ดัมครั้งนี้ เทซึกะ โกดะกับพรรคพวกยังไม่ถือว่าเสียเปรียบ บัตเลอร์ยังซ่อนไพ่ตายของเขาเอาไว้อยู่และรอตอนที่พวกเขาทุ่มกำลังเพื่อโฆษณาราชาแห่งปลาถึงจะเจอ ด้านอิสึซาโอะ อาโอยาม่านั้นก็จะมีราชาแห่งปลาสองตัวที่เกือบจะคล้ายกันเพื่อนำไปขายในราคาต่ำ…


ฉินสือโอวเริ่มไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรบัตเลอร์ถึงไม่ร่วมมือกับเทซึกะ โกดะ ความจริงแล้วเทซึกะ โกดะอาจจะพูดได้ว่าถูกพวกเขาบังคับจนต้องร่วมมือกับตระกูลมอร์รี่ก็ได้ ก่อนหน้านี้เขาอยากร่วมมือกับฉินสือโอวมาก


คำอธิบายของบัตเลอร์ชัดเจนมาก เทซึกะ โกดะต้องการร่วมมือกับพวกเขา และพวกเขาไม่ได้ร่วมมือกับอิสึซาโอะ อาโอยาม่า แต่พวกเขากำลังควบคุมอิสึซาโอะ อาโอยาม่า นอกจากนั้นเทซึกะ โกดะเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานมากเกินไป ขอเพียงแค่มีช่องโหว่ให้เขา เมื่อเขาเติบโตมากขึ้น อาหารทะเลแบรนด์ต้าฉินจะไม่มีวันได้เข้าไปในตลาดที่ญี่ปุ่นอย่างแน่นอน


ความสามารถของเทซึกะ โกดะดีกว่าอิสึซาโอะ อาโอยาม่าไม่รู้เท่าไร ถ้าเขามีทรัพยากรที่เพียงพอ ความมั่นคงในการปกครองตลาดที่โตเกียวของเขาก็จะเป็นเหมือนกับถังเหล็กอย่างแน่นอน!


ไม่ว่าจะพูดอย่างไร การต่อสู้ที่ตลาดอาหารทะเลคุณภาพสูงในญี่ปุ่นก็เริ่มขึ้นแล้ว ฟาร์มปลาต้าฉินตั้งหลักอยู่ที่ไมอามีกับนิวยอร์ก ขั้นตอนต่อมาคือไปโตเกียวเพื่อเปิดตลาดในทวีปเอเชีย


หลังจากคุยจบ วันต่อมาฉินสือโอวนั่งเครื่องบินกลับมาที่นครเซนต์จอห์น ไม่น่าแปลกใจที่บัตเลอร์ต้องการให้เขามาที่อัมสเตอร์ดัม มันเยี่ยมมาก งานประมูลครั้งนี้ถือเป็นการพัฒนาไปอีกขั้นจริงๆ สำหรับอาหารทะเลแบรนด์ต้าฉิน


เมื่อกลับมาถึงนครเซนต์จอห์น ฉินสือโอวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หลังจากลงจากเครื่องบิน เขารู้สึกว่าอากาศที่บ้านดีและบริสุทธิ์มาก ที่อัมสเตอร์ดัมเขารู้สึกว่าในอากาศมีกลิ่นของความชั่วร้ายอยู่ตลอดเวลา


หลังลงจากเรือลาดตระเวนแฟร์เวล ฉินสือโอวเล่นกับหู่จือและเป้าจือก่อนครู่หนึ่ง หลังจากนั้นเขาก็วิ่งกลับไปกอดวินนี่กับลูกสาวตัวน้อย


หลังจากแยกกันไปหลายวัน เสี่ยวเถียนกวาเหมือนจะจำเขาไม่ได้และทำตาโตจ้องมาที่เขา ตอนที่เขาเอื้อมมือจะไปกอด เธอก็ส่งเสียงอ้อแอ้อยู่ในปากและสะบัดเล็กๆ ไม่ยอมให้เขาอุ้ม


วินนี่หัวเราะอย่างมีความสุข “คุณบินไปฮอลแลนด์ ไปอยู่กับหู่จือกับเป้าจือไม่ยอมกลับมากอดเธอก่อน ลูกสาวก็เลยอารมณ์ไม่ดี คุณถอยไปห่างๆ หน่อย”


ฉินสือโอวทำท่าทางบังคับว่าต้องกอด เสี่ยวเถียนกวาจึงโกรธในที่สุดและเปิดปากน้อยๆ พร้อมกับร้องไห้ออกมาเสียงดัง ในขณะที่ยังอยู่ในอ้อมกอดของวินนี่


ดังนั้นฉินสือโอวจึงทำได้แค่หยุดความโกรธของเธอ สายตาของเขามองไปที่พวกเด็กๆ ที่เพิ่งจะกลับมาหลังเลิกเรียน


กอร์ดอนที่ยืนอยู่บนวงล้อไฟวิ่งกลับมาด้วยความเร็วแสง กระเป๋านักเรียนใบเล็กกระเด้งไปมาเหมือนกับกระต่ายตัวน้อยอยู่บนหลังของเขาที่เต็มไปด้วยพละกำลัง


ฉินสือโอวกวักมือเรียกให้เขาเข้ามาหาและถามว่า “ตอนที่ฉันไม่อยู่ นายไม่ได้ทำตัวซุกซนใช่ไหม? ไม่ถูกอาจารย์ของพวกนายดุใช่ไหม?”


กอร์ดอนตอบอย่างภาคภูมิใจ “ไม่ครับ เมื่อวานอาจารย์ของพวกผมยังชมผมอยู่เลย”


ฉินสือโอวไม่ค่อยเชื่อจึงถามว่า “นายไม่ได้หลอกฉันใช่ไหม? ชมนายงั้นเหรอ?”


กอร์ดอนพยักหน้าด้วยแรงทั้งหมดที่มีและพูดว่า “ใช่ๆ ชมผม เขาชมอยู่ข้างๆ ผมและดุเพื่อนคนอื่นในชั้นเรียน แค่ไม่ได้ดุผม นี่ไม่นับว่าชมผมเหรอ?”


เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ฉินสือโอวก็หัวเราะขึ้นมา แบบนี้ก็นับว่าชมกอร์ดอนแล้ว นับว่าเด็กคนนี้มีความก้าวหน้า



 

 

 


บทที่ 1043 ครอบครัวอบอุ่น

 

วินนี่ปลอบโยนเสี่ยวเถียนกวาพลางเดินเข้ามาและถามว่า “งั้นกอร์ดอน อาจารย์ของพวกนายดุเพื่อนร่วมชั้นของนายว่ายังไงเหรอ?”


กอร์ดอนหัวเราะคิกคัก “อาจารย์ของพวกผมดุว่าพวกเขาเป็นอึ”


ฉินสือโอวตกตะลึง อาจารย์คนนี้ไม่คิดถึงเรื่องความสกปรก? ดูหมิ่นนักเรียนขนาดนี้ต้องถูกฟ้องร้อง


วินนี่ยิ้มต่อและพูดว่า “นายลองพูดคำพูดที่เป็นสาเหตุหน่อยสิ”


กอร์ดอนไอออกมาทีหนึ่งและยื่นมือชี้นิ้วไปข้างหน้า “กอร์ดอน นายเป็นตัวป่วนในชั้นเรียนของพวกเราจริงๆ!” หลังจากพูดประโยคนี้จบเขาก็มีความสุขขึ้นมาและพูดต่ออย่างภาคภูมิใจว่า “ดูสิ อาจารย์กำลังดุว่าคนอื่นเป็นอึใช่ไหมครับ?”


ฉินสือโอว “…”


เมื่อเห็นสีหน้าของฉินสือโอวกับวินนี่ที่มองตัวเองสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเหมือนกัน กอร์ดอนยักไหล่ “ทำไมล่ะ มันมีอะไรไม่ถูกเหรอ?”


ฉินสือโอวโบกมือให้เขาออกไปจากที่นี่อย่างจนปัญญาและบ่นพึมพำกับตัวเอง “หวังว่าฉันจะไม่สอนอะไรให้เจ้าปีศาจน้อยคนนี้อีก!”


คนอื่นๆ ที่อยู่ข้างหลังพากันหัวเราะจนท้องแข็งและกลับมาเล่นกันต่อ ฉินสือโอวนำของขวัญที่อยู่ในกระเป๋าหนังออกมาและส่งของขวัญให้ทีละคน ของขวัญของวินนี่เป็นผ้าไหมผืนหนึ่ง ด้านบนมีดอกทิวลิปปักอยู่ทั่วทั้งผืน ส่วนของลูกสาวอย่างเสี่ยวเถียนกวาเป็นหมวกใบเล็ก ด้านบนก็มีดอกทิวลิปปักไว้โดยรอบเช่นกันซึ่งดูน่ารักมาก เมื่อได้รับของไว้ในมือปากเล็กๆ ก็หุบลง


ไวส์เหงื่อท่วมตัวอยู่ในวงล้อมของเด็กๆ เขาไม่รู้จะจัดการกับชาร์คน้อยอย่างไร ชาร์คน้อยใช้ความโตกว่า ตัวใหญ่กว่าและแข็งแรงกว่ามาแกล้งเขา ไวส์เริ่มไม่พูดอะไร เขาเห็นหู่จือกับเป้าจือจึงตะโกนขึ้นมาทันทีว่า “กัดเขา!”


ตอนที่ไวส์เพิ่งมาถึงฟาร์มปลาเขาไม่มีเพื่อนเลยจึงเล่นอยู่กับพวกหู่จือกับเป้าจือ ที่บ้านของเขาก็มีสุนัขพันธุ์แลบราดอร์ตัวหนึ่งอยู่เหมือนกัน ดังนั้นเขาจึงมีความสุขมากที่ได้เล่นกับพวกมัน หู่จือกับเป้าจือฉลาดมาก พวกมันเห็นว่าความสัมพันธ์ของฉินสือโอวกับไวส์ไม่ธรรมดา พวกมันจึงเกรงใจเด็กชายคนนี้ทุกเรื่อง


เมื่อได้รับคำสั่งจากไวส์ หูขนาดใหญ่ของหู่จือกับเป้าจือก็กระดิกไปมาสองสามครั้ง ตัวหนึ่งพุ่งเข้าไปจากด้านหน้าส่วนอีกตัวก็ตะครุบจากทางด้านข้างทำให้ชาร์คน้อยล้มอยู่บนพื้นในทันทีและเริ่มต่อสู้กับเขา ชาร์คน้อยสนใจแต่หัวไม่สนใจหางจึงถูกเลียจนน้ำลายเต็มหน้า


ไวส์แกว่งกำปั้นด้วยความตื่นเต้น ฉินสือโอวถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้น เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “วันนี้ชาร์คน้อยแกล้งเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่โรงเรียน ผมเป็นจอมยุทธ์ไวส์ แน่นอนว่าผมต้องยืนหยัดเพื่อความยุติธรรม!”


“ถ้ามีความกล้านายก็มาด้วยตัวเองสิ ฉันจะไม่ฆ่านายแน่นอน!” ชาร์คน้อยหนีออกมาจากปากของหู่จือกับเป้าจือด้วยความยากลำบากและชี้ไปที่ไวส์พร้อมกับร้องตะโกนออกมาอย่างต่อเนื่อง


ไวส์พูดอย่างดูถูกว่า “แม้แต่กองทัพสุนัขของฉันนายยังไม่สามารถเอาชนะได้เลย ยังคิดว่าจะสู้ฉันได้อีกเหรอ? นับว่านายโชคดีมาก รอฉันเป็นจอมยุทธ์เทพอินทรีก่อนเถอะ ฉันจะมาปราบนายแน่นอน!”


ขณะที่พูดเขาก็ไปที่ห้องครัวเพื่อหาเนื้อปลาและวิ่งไปหาบุชกับนิมิตส์ที่รออยู่ด้านหน้าอย่างใจจดใจจ่อ เขาเดินไปให้อาหารเจ้าตัวน้อยทั้งสองตัวเพื่อเอาอกเอาใจพวกมัน


บุชเหล่ตามองมองไวส์ด้วยท่าทางเซ่อซ่า พวกมันไม่เคยกินเนื้อปลาที่สดใหม่แบบนี้เลยเหรอ? พวกมันสามารถจับปลาสดๆ กินได้ด้วยตัวเองงั้นเหรอ? ปลาสดๆ พวกนั้นรสชาติดีมากเลยเหรอ?


ไวส์เห็นเจ้าตัวน้อยทั้งสองตัวไม่สนใจตัวเอง เขาก้มหน้าถอนหายใจและจากไปอย่างไม่มีความสุข


ฉินสือโอวหยิบโมเดลเฉินหลงออกมาและส่งให้เขา “ดูสิ ฉันให้อะไรนายเป็นของขวัญ?”


โมเดลตัวนี้คือเฉินหลงนักแสดงที่เล่นหนังเรื่องใหญ่เต็มฟัดซึ่งโพสต์ท่าชกมวยและเสื้อยืดที่สวมอยู่ยังพิมพ์ตัวอักษร ‘ไชน่า-กังฟู’ ไว้อีกด้วย


เมื่อเห็นโมเดลที่มีกลิ่นอายของอัศวินตัวนี้ ไวส์ก็มีความสุขขึ้นมาอีกครั้งและวิ่งไปเล่นกับหู่จือกับเป้าจือ


วิเวียนยิ้มมองลูกชายเล่นกับพวกเจ้าตัวน้อยและหัวเราะคิกคักกับพวกสัตว์เลี้ยงที่น่ารัก บนใบหน้าก็เผยรอยยิ้มพึงพอใจอยู่ตลอดเวลา


ฉินสือโอวส่งของขวัญที่นำมาจากฮอลแลนด์ให้เธอและยักไหล่ “ขอโทษนะ นี่เป็นของปลอม”


ของขวัญที่เขาให้วิเวียนคือภาพวาดภาพหนึ่ง ‘ทานตะวัน’ ที่มีสีสันงดงาม นี่เป็นของปลอมแน่นอน ถ้าเป็นของจริง มันจะมีมูลค่าหลายร้อยล้านเลยทีเดียว


วิเวียนรับมาและยิ้ม “ฉันจะเอากลับไปแขวนมันไว้ในห้องรับแขกของพวกเรา ฉิน ขอบคุณคุณมาก ฉันมีเรื่องอยากจะบอกคุณเรื่องหนึ่ง พรุ่งนี้ฉันอาจจะต้องกลับชิคาโกแล้ว ขอบคุณมากสำหรับการต้อนรับของคุณในช่วงนี้ ฉันมีความสุขมากที่ได้อยู่ที่นี่”


เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ ไวส์โยนเนื้อปลาที่อยู่ในมือทิ้ง เขาวิ่งเข้ามากอดที่แขนของแม่และตะโกนเสียงดังขึ้นมา “ไม่ๆๆ แม่ครับ ผมไม่กลับชิคาโก! ผมอยากอยู่ที่นี่ ผมไม่กลับ!”


ฉงต้าที่กำลังล้มตัวนอนอยู่บนพื้นลุกขึ้นมาอย่างว่องไวและพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วปานสายฟ้าแลบเพื่อคว้าเนื้อปลาที่ไวส์โยนทิ้ง มันกินอยู่ในปากและเรอออกมาอย่างพึงพอใจ ก่อนจะวิ่งกลับไปนอนอย่างเชื่องช้า


ฉินสือโอวก็คว้าโอกาสนี้เซ้าซี้ให้อยู่เธอต่อเหมือนกัน “ใช่แล้ว วิเวียน อยู่ที่นี่กับพวกเราไม่มีความสุขเหรอ? อยู่เที่ยวเล่นอีกสักพักสิ คิดซะว่าคุณให้วันหยุดพักผ่อนกับตัวเอง”


วิเวียนสมกับที่เป็นชนชั้นสูงที่ถูกครอบครัวเลี้ยงดูมาอย่างดี เธอเป็นคนมากความสามารถ หลังจากเธอมาถึงฟาร์มปลาก็ช่วยงานพวกเขาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ปกติเธอจะใช้คอมพิวเตอร์จัดการงานอยู่เงียบๆ และช่วยวินนี่ทำงานบ้านกับดูแลเด็กๆ


นอกจากนั้น เธอยังให้ของขวัญเด็กๆ เป็นครั้งคราวอีกด้วย ที่ไวส์ได้รับการยอมรับจากพวกเด็กแสบตัวน้อยกลุ่มนี้อย่างรวดเร็วก็มีผลมาจากความสัมพันธ์ของเธอเป็นอย่างมาก


วิเวียนลูบไล้เส้นผมอันสวยงามของลูกชายและโน้มตัวลงมาจูบบนหน้าผากของเขา “ขอบคุณมากนะ ฉิน ฉันมีความสุขมากจริงๆ ที่ได้อยู่ที่นี่ แต่ฉันสะสมงานเอาไว้ไม่น้อยคงต้องกลับชิคาโกเพื่อไปจัดการ ส่วนไวส์ ฉันอยากรบกวนให้คุณช่วยดูแลเขาหน่อย ไม่รู้ว่าจะเป็นไปได้ไหม?”


ไวส์ตกตะลึงและพูดอย่างมีความสุขในทันที “ผมไม่จำเป็นต้องกลับไปชิคาโกเหรอครับ? เยี่ยมไปเลย แม่ครับ เดินทางปลอดภัยนะครับ”


เมื่อพูดจบ เขาวิ่งไปอยู่ข้างๆ ห่านขาวตัวใหญ่อย่างไม่ลังเลเลยและพยายามทุกวิถีทางเพื่อเข้าใกล้นกอินทรีทองตัวน้อยที่อยู่ด้านหลังและสานต่อความฝันที่อยากเป็นจอมยุทธ์เทพอินทรีของเขาที่ยังไม่สมบูรณ์


วิเวียนขุ่นเคืองไม่เบาและพูดล้อเลียนว่า ‘ไอ้เด็กบ้า’ หลังจากนั้นก็พูดกับฉินสือโอวว่า “ฉิน หลังจากนี้ต้องรบกวนคุณแล้วล่ะ ช่วยฉันกับจอร์จดูแลไวส์ทีได้ไหมคะ?”


ฉินสือโอวฝืนยิ้ม “ผมยินดีมาก คุณรู้ไหม วิเวียน ผมกับไวส์ถูกคอกันมาก แต่ผมก็ไม่แน่ใจว่าสุขภาพของเขาจะเป็นอย่างไรเมื่ออยู่ที่นี่”


เมื่อพูดถึงปัญหานี้ วิเวียนก็ยิ้มอย่างมีความหวัง “นี่คือเหตุผลที่ฉันให้ไวส์อยู่ต่อ ฉิน กำลังภายในของคุณน่าอัศจรรย์มาก สภาพแวดล้อมที่ฟาร์มปลาก็เยี่ยมมากเช่นกัน สภาพของไวส์ก็ไม่เลว เมื่อวันก่อนฉันพาเขาไปตรวจ มันน่าเหลือเชื่อมาก หมอบอกว่าร่างกายของเขาคล้ายกับเด็กวัยเดียวกันแล้ว ความสามารถในการสร้างเม็ดเลือดของไขกระดูกก็กำลังฟื้นตัวขึ้นทีละนิดด้วย!”


ในเมื่อเป็นแบบนี้ ฉินสือโอวก็ไม่ได้พูดอะไรมากมายอีกและพยักหน้าให้ไวส์อยู่ต่อ


ตอนเที่ยงของวันต่อมา ที่นครเซนต์จอห์น ฉินสือโอวกับไวส์มาส่งวิเวียนขึ้นเครื่องบิน


ก่อนหน้านี้ไวส์มีท่าทีไม่สนใจและเมื่อแม่ของเขาขึ้นเครื่องบินไป ดวงตาของเขาก็เริ่มแดงขึ้นมา


ฉินสือโอวเข้าใจว่า เขาแกล้งทำเป็นเหมือนไม่สนใจมาโดยตลอดและหวังว่าความเศร้าจะจางหายไป แต่เด็กอายุสิบขวบคนหนึ่งที่ต้องแยกจากพ่อแม่กะทันหันจะไม่สนใจจริงๆ ได้อย่างไรกัน?


ฉินสือโอวนั่งยองๆ ลงและยื่นหมัดออกไป “ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ให้ดี หลังจากที่อากาศอุ่นขึ้นเล็กหน่อยฉันจะส่งนายกลับชิคาโกเพื่อไปเจอพ่อแม่ของนายโอเคไหม?”


“โอเคครับ!” ไวส์เปลี่ยนน้ำตาให้เป็นเสียงหัวเราะและชนหมัดกับฉินสือโอว “ขอบคุณครับอาจารย์!”


ระหว่างทางกลับ บูลกับแอนนี่ก็กำลังพาลูกชายเดินทางกลับพอดี ทั้งสองฝ่ายขึ้นเรือลาดตระเวนไปด้วยกัน


ฉินสือโอวถามเขาว่าไปทำอะไรที่นครเซนต์จอห์น บูลพูดอย่างคลุมเครือว่าไม่มีอะไร แต่แอนนี่กลับพูดว่าเกิดอะไรขึ้น “เด็กไม่สามารถพลิกตัวได้ตลอดเวลา บูลตาโง่นี่เขาก็เป็นห่วงกระวนกระวาย พวกเราเลยไปโรงพยาบาลให้หมอตรวจดูค่ะ”


 

 

 


บทที่ 1044 เถียนกวาเอาแต่ใจ

 

ฉินสือโอวถามว่าผลการตรวจเป็นอย่างไร แอนนี่ยักไหล่และพูดว่า “ก็ไม่เลว ไม่มีปัญหา เพียงแต่เด็กอ้วนเกินไปและถ้าจะพลิกตัวกับลุกขึ้นนั่ง เขาต้องใช้เวลามากกว่าเด็กคนอื่น”


เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เขาก็เดินเข้าไปดูบูลน้อยใกล้ๆ


แม่เจ้า เป็นเด็กอ้วนจริงๆ ถ้าหากขนยาวอีกนิดก็เหมือนกับฉงต้าตอนเด็กแล้ว ฉินสือโอวมองด้วยความประหลาดใจอย่างมาก สิ่งที่เห็นอยู่ในอ้อมกอดของแอนนี่คือ ไขมันกองโตที่รวมอยู่ด้วยกัน หัวโต ตัวโต แขนเล็กขาเล็กไม่อ้วน ตาตี่ ปากเล็ก คางนิดหน่อย…


พลังงานของทารกอ้วนตัวโตมีอยู่เหลือเฟือมาก เขาถูกแอนนี่อุ้มไว้ในอ้อมแขนก็ยังไม่ยอมอยู่นิ่งๆ และดิ้นไปมาอย่างต่อเนื่อง ไขมันบนตัวสั่นสะเทือนเหมือนกับลูกระเบิดลูกหนึ่ง


สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวแปลกใจมากยิ่งขึ้นคือ รูปร่างที่แสนบอบบางของแอนนี่ นึกไม่ถึงว่าจะอุ้มทารกอ้วนตัวโตขนาดนี้ได้อย่างง่ายดาย พลังแห่งความรักของผู้เป็นแม่นี่ไม่สามารถดูถูกได้จริงๆ


ฉินสือโอวเอื้อมมือไปเล่นกับทารกอ้วนตัวโต เขายื่นมือข้างหนึ่งไป ทารกอ้วนตัวโตก็ยกอุ้งมืออันอวบอ้วนขึ้นมาจับ


เมื่อรู้สึกถึงพลังของทารกอ้วนตัวโต ฉินสือโอวก็อดไม่ได้ที่จะยิ้ม “อูย บูล ลูกชายของนายแข็งแรงมากจริงๆ”


ทารกอ้วนตัวโตจับมือของเขาและดึงลงมา เด็กน้อยอ้าปากและทำท่าจะดึงนิ้วของฉินสือโอวเข้าปากเพื่อกิน


ฉินสือโอวตกใจรีบดึงมือกลับ เมื่อเห็นว่าอาหารบินหายไปจากตัวเอง ทารกอ้วนตัวโตก็วิตกกังวลในทันทีและอ้าปากฉีกคอร้องไห้เสียงดังออกมา


บูลทำตาโตและเป่าปาก แต่ก็ไม่มีประโยชน์ ทารกอ้วนตัวโตไม่แม้แต่จะสนใจและร้องไห้อยู่กับตัวเองต่อ แอนนี่อุ้มทารกอ้วนตัวโตเดินออกไปและเขย่าเขาเบาๆ เพื่อปลอบโยนเขา จากนั้นเสียงร้องไห้ก็ค่อยๆ ลดลง


นี่ทำให้บูลรู้สึกอายนิดหน่อย เขาเกาหลังหัว “ขอโทษครับ บอส ลูกชายของผมชอบกินมากเกินไป”


ฉินสือโอวอดไม่ได้ที่จะถาม “ฉันสงสัยว่า ทำไมลูกชายนายถึงมีความอยากอาหารขนาดนี้? ปกตินายไม่ได้ให้เขากินอาหารปลาหรอกใช่ไหม? นายสามารถป้อนอาหารลูกชายจนอ้วนขนาดนี้ได้ นายก็เก่งเกินไปแล้ว”


บูล “…”


เมื่อกลับมาถึงฟาร์มปลา ฉินสือโอวเชิญบูลกับแอนนี่ให้พาบูลน้อยมาเล่นที่บ้าน ก่อนหน้านี้เพราะลูกยังเล็กเกินไป แอนนี่จึงไม่พาลูกออกมาข้างนอก ดังนั้นฉินสือโอวคิดว่า ตอนนี้ควรจะให้เด็กทั้งสองคนได้ทำความรู้กันสักหน่อย


ตรงข้ามกับลูกวัวอย่างบูลน้อย เสี่ยวเถียนกวาจัดการได้ง่ายกว่ามาก เมื่อวินนี่วางเธอไว้บนโซฟา เธอจะพยายามพลิกตัวไปมาอยู่ตรงนั้นด้วยตัวเองและเล่นกับตัวเองอย่างสนุกสนาน


เมื่อฉินสือโอวกลับมาถึงบ้าน เสี่ยวเถียนกวาเอียงตัวมองมาที่เขาและพลิกตัวอย่างคล่องแคล่ว เธอต้องการให้เขาอุ้มจึงยื่นมือออกมาและส่งเสียงร้องเรียก


เมื่อเห็นฉากที่เสี่ยวเถียนกวาพลิกตัวได้อย่างง่ายดาย บูลกับแอนนี่ต่างก็รู้สึกอิจฉามาก ลูกชายตัวอ้วนของพวกเขายังทำไม่ได้เลย


เมื่อมีคนมาเป็นแขก วินนี่ก็ลุกขึ้นไปชงชา เธอเห็นแอนนี่อุ้มลูกชายมาเหนื่อยๆ จึงอยากจะรับมาวางไว้ที่โซฟา


ผลคือเมื่อแอนนี่ปล่อยมือ ใบหน้าอันมีเสน่ห์ของวินนี่ก็ขาวซีดในทันที ฉินสือโอวสามารถมองเห็นส่วนโค้งของแขนทั้งสองข้างของเธอในจุดที่ต่ำลงได้อย่างชัดเจน ทารกอ้วนตัวโตดูเหมือนกับกำลังนั่งชิงช้าที่ตกจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำในทันที


วินนี่อุ้มทารกอ้วนตัวโตด้วยความยากลำบากและฝืนยิ้ม “ลูกชายคุณตัวหนักมาก!”


เธอวางทารกอ้วนตัวโตไว้ข้างๆ เสี่ยวเถียนกวา ทารกอ้วนตัวโตนอนอยู่บนโซฟาส่งเสียงร้อง ‘ฮืมๆ ฮือๆ’ และยื่นมือน้อยๆ ออกมาแล้วคว้าไปรอบๆ ตอนแรกเสี่ยวเถียนกวาเอียงตัวและยื่นมือไปทางฉินสือโอวอยู่ เมื่อหันหน้าไปเห็นเพื่อนตัวน้อยมาอยู่ข้างๆ ก็รู้สึกสนใจขึ้นมาในทันที


เมื่อเห็นทารกที่เหมือนกับตัวเองเป็นครั้งแรกจึงไม่แปลกที่เสี่ยวเถียนกวาจะอยากรู้อยากเห็น ดวงตากลมโตสีดำจ้องมองอย่างละเอียดถี่ถ้วนและมองดูไปสักพักก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข เธอยื่นมือไปทางวินนี่พร้อมกับส่งเสียงร้อง ‘แอ้ๆ’ ออกมาสองครั้ง


วินนี่ยิ้มอย่างเอาใจ เธอช่วยเสี่ยวเถียนกวาจัดเสื้อผ้าให้เป็นระเบียบและพูดจาหยอกล้อด้วยเสียงเล็กๆ “มีความสุขเหรอคะ? เพื่อนตัวน้อยหล่อใช่ไหมคะ? ไปเล่นด้วยกันกับเขาไหมคะ?”


ทารกอ้วนตัวโตยังไม่สามารถพลิกตัวได้ ทำได้แค่นอนหงาย มือเล็กๆ ของเขาคว้าไปมาและบังเอิญไปคว้าหมวกของเสี่ยวเถียนกวาได้ เขาหดแขนลงตามจิตใต้สำนึกและยัดมันใส่ปาก


ดวงตาของเสี่ยวเถียนกวาที่กำลังถูกวินนี่หยอกล้ออยู่เบิกกว้างยิ่งขึ้น นี่เป็นของของคุณย่า นายเอามันยัดใส่ปากแบบนี้หมายความว่าอย่างไร?


เสี่ยวเถียนกวาที่นอนอยู่ข้างๆ พลิกตัวและแกว่งมือไปจับหมวกใบเล็กของตัวเองแล้วดึงกลับมา ในเวลาเดียวกันก็แกว่งขาเตะไปที่ต้นขาด้านนอกของทารกอ้วนตัวโต เธอแย่งหมวกกลับมาและเตะทารกอ้วนตัวโตออกไป


การเคลื่อนไหวที่ดูเป็นธรรมชาติชุดนี้ ฉินสือโอวที่อยู่ข้างๆ รู้สึกทึ่งมากที่ได้เห็น ลูกสาวของเขามีทักษะที่ดีจริงๆ


ไวส์ที่กำลังต่อสู้กับหู่จือและเป้าจืออยู่ข้างๆ ก็เห็นฉากนี้ เขาปรบมือและตะโกนด้วยความตื่นเต้นว่า “เคโอ! น้องสาวตัวน้อยเก่งมาก!”


ทารกอ้วนตัวโตทั้งตัวล้วนเป็นไขมัน ถูกเตะครั้งหนึ่งคงไม่รู้สึกเจ็บ อันที่จริงเสี่ยวเถียนกวาก็ไม่ได้แข็งแรง แต่หมวกที่เขาได้มาถูกแย่งไปอีกครั้ง ดังนั้นเขาจึงอ้าปากและร้องไห้ ‘อุแว้ๆ’ ออกมาเสียงดัง


เสี่ยวเถียนกวากอดหมวกเอาไว้และพลิกตัวกลับมา เธอนอนหงายอยู่บนโซฟาและเงยหน้ามองทารกอ้วนตัวโตด้วยความโกรธจัด นายแย่งของของคุณย่าที่อยู่ในขอบเขตของคุณย่าไปไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้ยังมีหน้ามาร้องไห้อีก? น่ารำคาญจริง รีบไปให้พ้นๆ สักที!


เสี่ยวเถียนกวาพลิกตัวอย่างขยันขันแข็ง ขาเล็กๆ ทั้งสองข้างเริ่มเตะอย่างต่อเนื่อง เธอเตะทารกอ้วนตัวโตเหมือนกับเตะลูกบอล


ทารกอ้วนตัวโตยิ่งเสียใจร้องไห้หนักขึ้น เขาอ้าปากร้องไห้คร่ำครวญ เสียงร้องไห้ผันผวนไม่แน่นอน เสียงสูงและต่ำคู่กันเหมือนกับการร้องเพลง


แอนนี่กับวินนี่ลุกขึ้นไปปลอบด้วยกัน แต่ครั้งนี้ทารกอ้วนตัวโตเสียใจมาก ปลอบอย่างไรก็ไม่ได้ผล น้ำตาไหลพรั่งพรูออกมาพร้อมกับเสียงร้องไห้ที่เต็มไปด้วยความเสียใจ


วินนี่ต้องเอาหมวกออกจากมือของลูกสาวและส่งให้ทารกอ้วนตัวโต เดิมทีเธอต้องให้เสี่ยวเถียนกวาซึ่งถือเป็นความโอบอ้อมอารีสำหรับเด็กน้อยของพ่อแม่ แต่ตอนที่เธอเห็นว่าแม่เป็นคนเอาหมวกของตัวเองไปให้ทารกอ้วนตัวโตก็โกรธขึ้นมาในทันที


เธอยื่นมือออกไปและตะโกน ‘แอ้ๆ’ อยู่สองสามครั้ง เมื่อเห็นวินนี่ไม่สนใจตัวเอง เธอก็นำไพ่ตายออกมาและปากเล็กๆ ก็เริ่มส่งเสียงร้องไห้เหมือนกัน


เมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ของเด็กน้อยทั้งสองคนเป็นระลอกๆ ฉินสือโอวก็รู้สึกปวดหัวอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ทำไมการเลี้ยงเด็กถึงได้เหนื่อยขนาดนี้? เขาเคยเลี้ยงหมาเคยเลี้ยงหมีเคยเลี้ยงหมาป่าตอนนี้ยังเลี้ยงอินทรีอีก การเลี้ยงสัตว์พวกนี้ยังง่ายกว่าการเลี้ยงเด็กเยอะมาก


หู่เป้าฉงหลัวกับแมวป่าได้ยินเสียงร้องไห้ของเสี่ยวเถียนกวาก็ลุกขึ้นมาในทันที พวกมันรวมตัวกันรายล้อมอยู่ด้านหน้าโซฟาและมองดูเสี่ยวเถียนกวา


ก่อนหน้านี้ฉินสือโอวกังวลว่าพวกมันจะทำร้ายเสี่ยวเถียนกวา ดังนั้นเขาจึงสอนพวกมันว่าต้องเล่นกับทารกตัวน้อยอย่างไรและยังสอนพวกมันอีกว่าตอนที่เสี่ยวเถียนกวาร้องไห้ต้องไปปลอบเธออย่างไร


หู่จือกับเป้าจือขึ้นไปอยู่ใกล้ๆ และแลบลิ้นเลียที่ใบหน้าเล็กๆ ของเธอเบาๆ เสี่ยวเถียนกวายื่นมือไปเกาคางของหู่จือสองสามครั้งและคิดว่าเจ้าตัวน้อยขนปุยสนุกดี ในที่สุดเธอก็เปลี่ยนความสนใจและไม่ร้องไห้เสียงดังอีก มือข้างหนึ่งยื่นออกไปเพราะต้องการหมวก แต่มืออีกข้างกลับยื่นไปเกาให้หู่จือ


วินนี่จำใจต้องเอาหมวกคืนให้เสี่ยวเถียนกวา เธอลากเป้าจือไปอยู่ด้านหน้าของทารกอ้วนตัวโตเพื่อให้มันหยอกล้อทารกอ้วนตัวโต


เมื่อเห็นเป้าจือที่ขนปุย เสียงร้องไห้ของทารกอ้วนตัวโตก็หยุดลง เขาพยายามเปิดตากลมโตที่เหมือนตะเข็บมองไปที่เป้าจือและยื่นมือออกไปเพราะอยากสัมผัสของเล่นขนปุยตัวนี้สักหน่อย


เด็กๆ มักจะชอบของที่มีขนปุยแบบนี้เสมอ


เสี่ยวเถียนกวาเอียงหัวมอง เมื่อเห็นว่าทารกอ้วนตัวโตไปเล่นกับเป้าจือ เธอก็รู้สึกไม่พอใจในทันที ประจวบเหมาะกับที่ก้นของเป้าจือยังอยู่ด้านนี้ของเธอ เธอจึงยื่นมือไปจับหางของเป้าจือ ปากเล็กๆ ส่งเสียงร้องและดึงหางนิดหน่อย เป้าจือหันหลังกลับมาแกว่งหางและวิ่งกลับมาอย่างเอาอกเอาใจ


เมื่อเห็นของเล่นตัวใหญ่สุดรักแยกไปจากตัวเองไกลขึ้นเรื่อยๆ ทารกอ้วนตัวโตก็อ้าปากและส่งเสียงร้องไห้อีกครั้ง!


ฉินสือโอวได้ยินเขาร้องไห้เสียใจขนาดนั้นราวกับคนอกหัก เขาคิดว่าในดวงตาของทารกอ้วนตัวโต ไม่เพียงแต่ของเล่นที่จากไป แต่เปรียบเสมือนกับอาหารดีๆ มื้อใหญ่ก็จากไปเหมือนกัน…



 

 

 


บทที่ 1045 เดินบนผิวน้ำอย่างไร้ร่องรอย

 

ทารกอยู่ด้วยกันแล้วเหนื่อยจริงๆ โดยเฉพาะปีศาจจอมตะกละสองคนมารวมตัวกัน ปกติเสี่ยวเถียนกวาจะมีพฤติกรรมที่ดีมาก บางครั้งยังขายความน่ารักอีกด้วย แต่เมื่อเจอกับทารกอ้วนตัวโต เธอก็แสดงตัวตนที่แท้จริงออกมา ของของคุณก็เป็นของของฉัน ของของฉันก็ยังเป็นของของฉัน ของของทุกคนก็เป็นของของฉันเหมือนกัน…


ตอนแรกบูลกับแอนนี่มาที่นี่ เพราะอยากให้บูลน้อยทำความรู้จักกับเสี่ยวเถียนกวาสักหน่อย พวกเขาสองคนถูกฟ้าลิขิตให้เป็นคู่กัน หลังจากนี้ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์จะเป็นอย่างไร แต่อย่างน้อยก็อยากให้เติบโตไปด้วยกัน


ตอนนี้ดูเหมือนว่า ความสัมพันธ์นี้จะเชื่อมได้ไม่ดีนัก บูลน้อยที่ตัวใหญ่กว่ากลับถูกเสี่ยวเถียนกวากลั่นแกล้ง ยิ่งไปกว่านั้นดูนิสัยอารมณ์ร้ายของเสี่ยวเถียนกวานั่นสิ ช่วงนี้ทั้งสองคนคงไม่มีทางเป็นคู่รักกันได้


แต่จัดการพวกเขาสองคนก็ง่ายเหมือนกัน แอนนี่อุ้มลูกชายไปทางซ้ายของโซฟา ส่วนเสี่ยวเถียนกวาอุ้มไปทางขวาของโซฟา ทั้งสองคนยังคลานไม่เป็น เมื่อจับแยกกันก็จะตีกันไม่ได้ เสี่ยวเถียนกวาได้แต่เอียงตัวมองอย่างหมดหนทาง


หู่จือกับเป้าจือเป็นของเสี่ยวเถียนกวา เพียงแค่อยู่ใกล้กับทารกอ้วนตัวโตก็ไม่ได้ วินนี่ก็เลยต้องแอบยัดแมวป่าตัวน้อยให้ทารกอ้วนตัวโต ถ้าเสี่ยวเถียนกวาไม่เห็น เรื่องนี้ก็จะจบลงในทันทีและเด็กน้อยทั้งสองคนก็จะหยุดร้องในที่สุด


เมื่อตอนค่ำ ฉินสือโอวเดินอยู่บนชายหาดเฝ้ามองพระอาทิตย์ตกไปทางทิศตะวันตกอย่างเชื่องช้า


ทันทีที่เข้าสู่เดือนเมษายน สภาพอากาศก็ค่อยๆ อบอุ่นขึ้นในที่สุด ฉินสือโอวไม่สามารถจับปลาในฤดูหนาวที่มีลมทะเลพัดได้ ตอนนี้เขายืนอยู่บนชายหาดและได้กลิ่นอายทะเลจางๆ ในอากาศทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายมาก


ไวส์ตามมาที่ชายหาดทีหลัง เขาก็มองไปที่พระอาทิตย์ตกเหมือนกันและแสดงถึงความโดดเดี่ยวออกมาบนใบหน้าเล็กๆ


ฉินสือโอวรู้สึกแปลกใจจึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? ทำไมดูไม่มีความสุขอีกแล้วล่ะ? คิดถึงแม่เหรอ?”


ไวส์ส่ายหน้า “ไม่ใช่ครับ อาจารย์ ผมแค่คิดว่า เมื่อไหร่ผมจะฝึกวิชาตัวเบาได้สำเร็จและสามารถเดินบนผิวน้ำได้อย่างไร้ร่องรอยสักที?”


ฉินสือโอวยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยและให้กำลังใจเขา “นายต้องออกกำลังกายก่อน นี่คือขั้นแรก ไม่กี่วันก่อนนายไม่รู้สึกว่าได้รับพลังหรอกเหรอ? ต่อมาก็ความขยัน ขยันเรียน ขยันออกกำลังกาย ดังคำกล่าวที่ว่า ‘เมื่อหัวใจมีพระโพธิสัตว์ สายลมสงบก็จะมาเอง’ การเปลี่ยนแปลงเชิงปริมาณจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพในที่สุด ถึงตอนนั้นนายก็จะเดินบนผิวน้ำอย่างไร้ร่องรอยได้”


ไวส์ฟังไม่เข้าใจว่าอาจารย์พูดถึงอะไร แต่ฟังดูลักษณะเหมือนจะจริงจังมาก เขาก็เลยถามอย่างคาดหวัง “อาจารย์ งั้นคุณสามารถเดินบนผิวน้ำอย่างไร้ร่องรอยได้ไหมครับ?”


ฉินสือโอวอยากใช้ฝ่ามือเหล็กกับเขาจริงๆ และแยกสมองน้อยๆ ของเขาออกมาเพื่อดูว่าเขาคิดอะไรอยู่ พวกเราจะสามารถดำเนินชีวิตอย่างจริงจังได้เหรอ? นายก็เป็นแฟนศิลปะการต่อสู้ที่จริงจังเกินไปเหมือนกัน สุดท้ายแล้วพวกเราใครเป็นคนจีนกันแน่?


เขาครุ่นคิดอยู่ในใจว่าตอบยังไงถึงจะรักษาความน่าเกรงขามของตัวเองที่เป็นอาจารย์ไว้ได้ จิตสำนึกแห่งโพไซดอนเตร็ดเตร่อยู่รอบๆ น่านน้ำตามความประสงค์ จู่ๆ หัวใจก็เต้น เมื่อพบว่าฝูงเต่ากลับมาแล้ว!


ยังคงเป็นเต่ามะเฟืองที่ว่ายน้ำอยู่ด้านหน้าสุดและเต่าตนุที่ไล่ตามมาด้านหลัง เทียบกับตอนที่ฉินสือโอวเห็นฝูงเต่าที่เกรตแบร์ริเออร์รีฟในตอนนั้น ฝูงเต่าที่กลับมาครั้งนี้จำนวนเพิ่มขึ้นเยอะมาก เพิ่มขึ้นอย่างน้อยเป็นสองเท่า รวมทั้งหมดน่าจะมากถึง 200 กว่าตัว


เต่าที่ตัวใหญ่ที่สุดในฝูงเต่าคือเต่ามะเฟือง เช่นนิโคลัส กูสที่ตัวใหญ่แบบนี้ ถ้ามันว่ายอยู่ในทะเลจะดูเหมือนกับแนวเกาะเล็กๆ และเมื่อเต่ามะเฟืองฝูงใหญ่เกาะกลุ่มอยู่ด้วยกันก็จะเหมือนกับเกาะเล็กๆ ที่กำลังลอยอยู่


เต่าสายพันธุ์อื่นที่ตามหลังฝูงเต่ามะเฟืองมาค่อนข้างน่าสับสน เต่าตนุขนาดใหญ่เป็นกำลังหลักซึ่งอาจจะดึงดูดมาบ้างในช่วงเวลานั้น จาก 20 ตัวเพิ่มขึ้นมาเป็น 50 กว่าตัว นอกจากนี้ยังมีเต่ากระ เต่าหญ้าแอตแลนติกและอื่นๆ ซึ่งเป็นเต่าทะเลขนาดใหญ่


จำนวนของเต่ามะเฟืองเมื่อเทียบกับตอนที่ออกจากเกรตแบร์ริเออร์รีฟก็เยอะขึ้นเหมือนกัน ตอนที่ออกไปมีประมาณ 100 ตัว ตอนนี้มี 140 ถึง 150 ตัว


น่านน้ำที่รัฐนิวฟันด์แลนด์ในฤดูนี้ยังเป็นฤดูใบไม้ผลิที่หนาวเย็นอยู่ แต่ตอนนี้กลับเป็นทางเลือกที่ดี เดือนพฤษภาคมกับเดือนมิถุนายนเป็นนาทีทองของเต่าทะเลที่จะขึ้นไปทางเหนือ แต่ตอนนั้นจะมีเรือจับเต่าอยู่ในทะเลซึ่งมาจับเต่าทะเลเพื่อนำไปขายโดยเฉพาะ


เรือจับเต่าจัดเป็นเรือประมงที่ผิดกฎหมาย ส่วนมากจะแขวนสัญลักษณ์อื่นเหมือนกับเรือจับฉลามและเป็นหนึ่งในเรือที่ยามชายฝั่งจะเพ่งเป้าโจมตี


พลังโพไซดอนช่วยให้ฝูงเต่าใหญ่มากขึ้น พวกมันแทบจะไม่ต้องหยุดพัก ว่ายน้ำไปด้วยดำลงไปนอนด้วย ตั้งแต่ซีกโลกใต้กลับมาจนถึงซีกโลกเหนือ พวกมันก็ไม่ได้หยุดพักเลยตลอดการเดินทาง


หลังจากที่เห็นเต่าตัวใหญ่พวกนี้ ในใจของฉินสือโอวก็รู้สึกมีความสุขและควบคุมเต่าที่ตัวใหญ่ที่สุดสองสามตัว เขาส่งพลังโพไซดอนให้พวกมันเพื่อย้ายไปที่บริเวณท่าเรือ หลังจากนั้นเขาก็พาไวส์ไปและแสร้งทำเหมือนไปเดินเล่นที่ท่าเรือ


เมื่อถึงปลายสุดของท่าเรือ ฉินสือโอวนำไปยังจุดที่เงียบสงบที่สุดในฐานะที่เป็นยอดฝีมือและควบคุมนิโคลัส กูสที่แข็งแรงที่สุดให้เข้ามาใกล้ๆ และลอยอยู่บนผิวน้ำ


กระดองเต่าของเต่ามะเฟืองเป็นสีดำสนิท เมื่อมันลอยอยู่บนผิวน้ำถ้าไม่มองให้ละเอียดถี่ถ้วนก็ค้นหาได้ยากมาก นี่เป็นผลลัพธ์จากการวิวัฒนาการทางธรรมชาติเพื่อซ่อนตัวจากการจับของนักล่า


แต่นอกจากคน ในทะเลยังไม่มีสิ่งมีชีวิตใดที่สามารถกินเต่ามะเฟืองเป็นอาหารได้จริงๆ เต่าพวกนี้อายุยืน สามารถวิ่งหนีได้และมีกระดองขนาดใหญ่ที่ทำลายไม่ได้อีกด้วย ถึงแม้ว่าวาฬเพชฌฆาตราชาแห่งท้องทะเลจะมองเห็นมันก็ทำได้แค่ว่ายวนอยู่รอบๆ เท่านั้น


ฉินสือโอวกระโดดขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือก่อน หลังจากนั้นก็ถอดรองเท้ากับถุงเท้าออก เขาหันหลังให้ทะเลและหันหน้าไปทางไวส์พร้อมกับยิ้ม “นายอยากเห็นวิชาตัวเบาที่เหมือนกับเดินบนผิวน้ำอย่างไร้ร่องรอยใช่ไหม?”


ไวส์ถามอย่างมีความหวัง “คุณทำได้จริงๆ เหรอครับ อาจารย์?”


ฉินสือโอวถอยไปด้านหลังหนึ่งก้าว เท้าข้างหนึ่งเหยียบอยู่บนแผ่นกระดูกตรงกระดองหลังของนิโคลัสพอดีซึ่งค่อนข้างเรียบ แต่เขาทรงตัวอยู่บนนิโคลัสได้ รวมกับกำลังขาที่ไม่เลวจริงๆ หลังจากขึ้นไปเหยียบเขาก็ยืนอยู่ได้ในที่สุด


เมื่อเห็นฉากนี้ ดวงตาของไวส์คู่นั้นก็เบิกกว้างในทันทีเหมือนกับลูกพีชลูกเล็กๆ สองลูก เขาชี้ไปที่ฉินสือโอวและตะโกนแปลกๆ ออกมา “อะอะอา! อะอะเอ๊ย! อาจารย์ คุณสุดยอดไปเลย! คุณสามารถเดินบนผิวน้ำอย่างไร้ร่องรอยได้จริงๆ เหรอครับ?”


ภายใต้ความตกใจ ไวส์ถึงขั้นพูดออกมาเป็นภาษาจีนอย่างคล่องแคล่ว แม้ว่าเขาจะขยันเรียนภาษาจีนอยู่ตลอดเวลา แต่ความสามารถของเขาก็ยังอยู่ในระดับทั่วๆ ไป แต่ทั้งประโยคแบบนี้ เขาพูดออกมาเป็นครั้งแรก


ฉินสือโอวยิ้มและพยักหน้า เขาเหวี่ยงแขนทั้งสองข้างไปด้านหลังอย่างดีและหมุนตัวก้าวไปข้างหน้าอีกก้าวหนึ่ง นิโคลัสกระดองยาว 2 เมตรครึ่ง เขาสามารถเดินบนตัวของมันได้ถึงสองก้าว


เขาเดินผ่านนิโคลัสไปก็จะมีเต่ามะเฟืองอีกตัวลอยขึ้นมา ฉินสือโอวก้าวขึ้นไปแบบนี้เรื่อยๆ น้ำทะเลแทบจะไม่ถึงข้อเท้าของเขาทำให้เขาดูเหมือนลอยขึ้นไปบนฟ้าและยืนอยู่บนผิวน้ำจริงๆ


แววตาที่ประหลาดใจของไวส์แทบจะถลนออกมา เขาอ้าปากกว้างจนทำให้ฉินสือโอวอดสงสัยไม่ได้ว่าคางจะหลุดออกมาหรือไม่ แถมจ้องเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย ใบหน้าที่แสดงถึงความตื่นเต้นจนเปลี่ยนเป็นสีแดง ดูเหมือนว่าขั้นต่อไปจะเป็นการสักการะ


ฉินสือโอวเดินไปรอบๆ เป็นวงกลมวงเล็กๆ อยู่บนผิวน้ำ พวกเต่ามะเฟืองดูดซับพลังโพไซดอนเหมือนกับการแข่งวิ่งผลัด ถ้าตกลงไปก็จะเสียหน้ามากทำให้เขาหมุนตัวอย่างระมัดระวังและเดินกลับไปที่ดาดฟ้าเรืออีกครั้ง


เมื่อเขาเหยียบย่างที่ท่าเรือ ไวส์ก็กระโดดเข้ามาคว้าแขนของเขาในทันทีและตะโกนด้วยความตื่นเต้น “อาจารย์ๆๆ…”


ฉินสือโอวจำเป็นต้องทำให้เขาใจเย็นก่อน ไม่อย่างนั้นเด็กคนนี้ต้องขาดอากาศหายใจตายแน่


ไวส์หายใจหอบอย่างหนัก “ผมอยากเรียนวิชาตัวเบา! ผมอยากเรียนทักษะการเดินบนผิวน้ำอย่างไร้ร่องรอย!”


ฉินสือโอวทำท่าทางจริงจังออกมาและพูดว่า “ข้าวต้องกินทีละคำ ทางต้องเดินทีละก้าว ลูกศิษย์ จะเรียนศิลปะการต่อสู้ที่เกินตัวเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงมากที่สุด! ตอนนี้ นายต้องสร้างความมั่นใจในการใช้ชีวิตกับการเรียนศิลปะการต่อสู้ก่อน ตั้งใจเรียน ตั้งใจออกกำลังกาย เข้าใจไหม?”


ไวส์พยักหน้าอย่างแรงและมองพระอาทิตย์ด้วยสีหน้าตั้งตารอคอย ในดวงตามีแสงแห่งความหวังส่องประกายออกมา ทำให้ฉินสือโอวแอบเสียงใจ ครั้งนี้อาจจะเล่นใหญ่ไปและคงไม่ง่ายที่จะจัดการในภายหลัง


 

 

 


บทที่ 1046 จอมยุทธ์เทพอินทรีกางปีก

 

หลังจากใช้เต่ามะเฟืองหลอกไวส์อยู่พักหนึ่ง ฉินสือโอวก็เดินไปที่ชายหาดด้วยรอยยิ้มและเดินเล่นรับลมทะเลตอนพลบค่ำ


ไวส์ยืนอยู่ที่ชายหาดพักหนึ่ง ฉินสือโอวไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไร ผลคือเด็กคนนี้หลับตาลงนั่งยองๆ และพับขากางเกงขึ้น ก่อนจะกระโดดลงไปในน้ำเสียงดัง ‘ตู้ม’ แต่น้ำสูงไม่ถึงหัวเข่า!


ฉินสือโอวตกใจรีบเข้าไปดึงเขาขึ้นมาบนฝั่งและพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “นายกำลังทำอะไร อยากกระโดดทะเลฆ่าตัวตายหรือไง?”


ไวส์มีสีหน้าท้อแท้ เขาพึมพำกับตัวเองว่า “ผมเพิ่งจะรู้สึกถึงลมหายใจและคิดว่าตัวเองก็สามารถใช้วิชาตัวเบาได้อย่างเต็มที่แล้วเหมือนกัน”


ฉินสือโอวจะถูกเขาโกรธไม่ได้ วิชาตัวเบาที่ใช้ เขาก็ใช้เต่ามะเฟืองหลอกเหมือนกัน ก็เลยใช้มือลูบที่ผมของไวส์และพูดอย่างเอาจริงเอาจัง “พลังของนายตอนนี้ยังอ่อนเกินไป หนทางแห่งการฝึกฝนวิชาตัวเบายังห่างไกลนัก!”


ไวส์พูดอย่างจริงจัง “ผมรู้สึกได้ถึงลมหายใจแล้ว!”


หลังจากได้ยินคำพูดที่เต็มไปด้วยความไร้เดียงสาประโยคนี้ ของฉินสือโอวก็ยิ้มขึ้นมาในใจ รู้สึกถึงลมหายใจ แต่คำพูดนี้ไม่สามารถพูดได้ เขาก็เลยพูดว่า “สำหรับวิชาตัวเบา แค่รู้สึกถึงลมหายใจยังไม่พอ นายต้องฝึกฝนกำลังภายในตอนที่โตเป็นผู้ใหญ่ หลังจากที่ฝึกสำเร็จถึงจะทำได้”


ไวส์พยักหน้าอย่างเข้าใจในทันทีและมองไปข้างหน้าสักพักก่อนจะพูดด้วยความผิดหวัง “เฮ้อ ยังอีกตั้งหลายปีผมถึงจะโตเป็นผู้ใหญ่”


ฉินสือโอวยิ้มและปลอบโยนเขาว่าเวลาจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทั้งสองคนเดินไปตามชายหาดอยู่พักหนึ่ง เต่ามะเฟืองหลายตัวที่มาถึงฟาร์มปลาเริ่มปีนขึ้นมาบนชายหาดแล้ว


เต่าทะเลนอกจากตอนฟักไข่ ช่วงอื่นจะขึ้นมาบนชายฝั่งน้อยมาก เต่าตนุยังดีที่พวกมันจะขึ้นฝั่งบ้าง แต่เต่ามะเฟืองจะขึ้นฝั่งน้อยมาก แต่ที่ฟาร์มปลา พวกมันกลับปีนขึ้นมาบนชายหาดบ่อยมากเพื่อมาอาบแดดและวิ่งเล่นบนชายหาด


ไวส์เอียงหัวมองเต่าทะเลอย่างละเอียดถี่ถ้วน ฉินสือโอวคิดว่าเขารับรู้ถึงกลลวงที่เขาเพิ่งจะทำไป ผลคือเด็กน้อยมองอยู่พักหนึ่งก็ตะโกนใส่เขาด้วยความตื่นเต้นในทันที “ผมเคยเห็นเต่าสายพันธุ์นี้ตอนอยู่ที่เกรตแบร์ริเออร์รีฟ!”


เมื่อเห็นตัวเองไม่มีพิรุธ ฉินสือโอวก็วางใจลง เขายิ้มและพยักหน้า “ถูกต้อง พวกนี้คือเต่ามะเฟือง นั่นเป็นเต่าสายพันธุ์เดียวกันกับที่เจอในเกรตแบร์ริเออร์รีฟเมื่อตอนนั้น”


เมื่อนึกถึงไวส์ที่เรียนภาษาจีนมาตลอด ฉินสือโอวจึงตั้งใจจะทดสอบเขาสักหน่อย เขาถามว่า “นี่คือเต่ามะเฟือง บอกฉันสิว่าเต่ามะเฟืองพูดว่ายังไง?”


เขาพูดประโยคนี้เป็นภาษาอังกฤษ แน่อยู่แล้วว่าเป็นการถามเขาว่า ‘เต่ามะเฟือง’ คำนี้ในภาษาจีนพูดอย่างไร


ไวส์เกาหัว ฉินสือโอวแค่ต้องการปลอบเขาไม่ให้กังวลคิดถึงเรื่องนี้อย่างช้าๆ ผลคือเด็กน้อยจับเต่ามะเฟืองตัวใหญ่ตัวหนึ่งขึ้นมาและเอียงหูลงไปแนบกับปากของเต่า


เต่ามะเฟืองมีปากขนาดใหญ่ที่น่ากลัว นอกจากนั้นภายในปากของพวกมันยังเต็มไปด้วยฟันที่แหลมคม ถ้าปากของมันกัดไปที่หูของไวส์ เด็กคนนี้จะกลายเป็นสัตว์ประหลาดหูเดียวอย่างแน่นอน!


โชคดีที่เต่ามะเฟืองไม่ได้มีนิสัยก้าวร้าวและหลังจากที่ดูดซับพลังโพไซดอนไปก็มีมนุษยธรรมมากยิ่งขึ้น เต่ายักษ์ตัวนี้รับรู้ได้ว่าไวส์ไม่ได้มีเจตนาที่ชั่วร้าย มันหดคอกลับและไม่ลดปากลง


ไวส์เอียงหูฟังเสียงพักหนึ่ง เขาลุกขึ้นมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความว่างเปล่าและพูดกับฉินสือโอวว่า “เต่ามะเฟืองตัวนี้ มัน มันไม่เห็นพูดอะไรเลย…”


ฉินสือโอวตกตะลึง “…”


หลังจากที่หัวเราะออกไปเสียงดัง ฉินสือโอวก็กลับมาถึงวิลล่า เขาเล่าเรื่องนี้ให้วินนี่ฟังรอบหนึ่ง วินนี่ก็ขำเหมือนกัน


ไวส์พูดอย่างเขินอาย “ผมไม่รู้ว่าคุณต้องการให้ผมแปลคำว่าเต่ามะเฟืองนี่ครับ ผมคิดว่าคุณอยากให้ผมฟังว่ามันพูดว่าอะไร”


กอร์ดอนหัวเราะออกมายกใหญ่ “เด็กน้อย ความโง่ของนายทำให้ขำได้จริงๆ ฉันล่ะชื่นชมนายเลย”


ถูกวินนี่กับฉินสือโอวหัวเราะเยาะก็แย่แล้ว แม้แต่กอร์ดอนยังจะหัวเราะเยาะเขาอีก ไวส์รู้สึกโกรธขึ้นมาทันที เขาแนบนิ้วชี้กับนิ้วกลางมือขวาเข้าด้วยกันและชี้ไปที่กอร์ดอนพร้อมกับตะโกนว่า “นายรีบหุบปากไปจะดีกว่า!”


กอร์ดอนยิ้มอย่างดูถูก “ถ้าฉันบอกว่าไม่ล่ะ?”


ไวส์เล็งปลายนิ้วและพูดอย่างจริงจังว่า “นายเชื่อไหมว่าฉันยิงอากาศทิ่มนายตายได้? ฉันฝึกลมหายใจมาแล้ว ฉันบอกนายเลยนะว่า เพียงแค่ฉันใช้พลังที่แท้จริง นายตายแน่!”


กอร์ดอนกะพริบตาและเดินออกไปทันที


ไวส์คิดว่าตัวเองทำให้เขากลัวได้จึงมีสีหน้ายิ้มแย้มขึ้นมา ส่วนกอร์ดอนก็เดินไปด้วยพึมพำเสียงเบาไปด้วยว่า “อาจารย์บอกว่าผู้ป่วยทางจิตฆ่าคนไม่ผิดกฎหมาย ฉันควรจะอยู่ห่างจากผู้ป่วยทางจิตแบบนี้ไว้จะดีกว่า!”


เมื่อพวกเด็กๆ เดินออกไป วินนี่พูดกับฉินสือโอวอย่างไม่มีทางเลือก “พระเจ้า คุณไม่ควรสอนไวส์แบบนี้นะ บ้านของพวกเราจะกลายเป็นสถานกักกันคนประหลาดแล้ว!”


ฉินสือโอวพูดอย่างไม่มั่นใจ “นอกจากไวส์ ยังมีใครเป็นคนประหลาดอีกเหรอ?”


วินนี่ใช้สายตาที่จนปัญญามองนกอินทรีทองที่ตามก้นห่านขาวเพื่อหาแมลงกิน นกตัวนี้คงคิดว่าตัวเองก็เป็นห่านเหมือนกัน…


เสี่ยวแคลร์ไม่ได้ตระหนักว่าตัวเองเป็นลูกหลานของเจ้าแห่งท้องฟ้า ทุกวันกระโดดกระเด้งไปรอบๆ เพื่อหาแมลงกินซึ่งก็มีความสุขอย่างหาที่เปรียบไม่ได้เหมือนกัน


เมื่อพูดถึงปัญหานี้ ฉินสือโอวก็รู้สึกปวดหัวนิดหน่อยและคิดถึงฉากที่น่าอายอย่างตอนที่สอนวิธีบินให้บุชในตอนนั้น เขารู้สึกว่าตัวของเสี่ยวแคลร์ก็ต้องผ่านกระบวนการนี้สักรอบ


ไวส์ไม่เคยทิ้งความปรารถนาของตัวเองที่จะกลายเป็นจอมยุทธ์เทพอินทรีเลย ช่วงนี้เขาเริ่มกลับมาดูรายการทีวีเรื่อง ‘จอมยุทธ์เทพอินทรี’ นี้อีกรอบ


ที่แคนาดารายการทีวีเรื่องนี้ที่อยู่บนอินเทอร์เน็ตจะเรียกเก็บเงินออนไลน์ ต้องบอกก่อนว่าการตระหนักถึงลิขสิทธิ์ของที่นี่มีประสิทธิภาพเกินไป ภาพยนตร์ รายการทีวีและเพลงจำนวนมากต้องจ่ายเงินถึงจะสามารถดาวน์โหลดได้ ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากที่ดาวน์โหลดแล้วยังไม่สามารถเผยแพร่ได้อีกด้วย


ฉินสือโอวดาวน์โหลดรายการทีวีกับภาพยนตร์จีนแบบคลาสสิกจำนวนหนึ่งให้พวกเด็กๆ ดูเพื่อช่วยพวกเขาในการเรียนภาษาจีน ‘จอมยุทธ์เทพอินทรี’ ก็เป็นหนึ่งในนั้น


หลังจากดูรายการทีวีไปสองตอน ไวส์มองเสี่ยวแคลร์ด้วยความอิจฉา เชอร์ลี่ย์พูดว่า “นี่คืออินทรีทอง ไวส์ นี่ไม่ใช่เทพอินทรี นายอย่ามุทะลุเข้าไปยั่วยุมันจะดีกว่า ถึงแม้ว่าจะยังตัวเล็ก แต่มันก็ยังจิกคนได้”


ไวส์พูดอย่างโหยหา “แต่ว่า เชอร์ลี่ย์ ฉันอยากจะเป็นจอมยุทธ์เทพอินทรีจริงๆ นะ”


เชอร์ลี่ย์พูดว่า “จอมยุทธ์เทพอินทรีมีแขนแค่ข้างเดียวนะ”


ไวส์พูดอย่างไม่เชื่อว่า “มีแขนสองข้างชัดๆ จะไปมีข้างเดียวได้ยังไง?”


ฉินสือโอวเห็นเชอร์ลี่ย์สปอยล์จึงขยิบตาให้เธอ โลลิต้าฉลาดเป็นพิเศษจึงเข้าใจความหมายของฉินสือโอว เธอยักไหล่และไม่ได้เล่าอะไรต่อ แต่พูดว่า “ยังไงนายก็อย่าไปยั่วยุแคลร์แล้วกัน แม่อุปถัมภ์ของมันคือห่านตัวใหญ่ตัวนี้ซึ่งน่ากลัวมาก!”


ไวส์ไม่แน่ใจและรอคนกลุ่มนี้ไม่สนใจ เขาเดินไปที่ห้องครัวและแอบหยิบเนื้อปลาออกมาสองสามชิ้น หลังจากนั้นก็โยนให้ห่านหัวสิงโต


ห่านหัวสิงโตร้องแกว๊กๆ และป้อนเนื้อปลาให้เสี่ยวแคลร์ ส่วนที่เหลือก็โยนใส่ท้องตัวเองอย่างไม่รังเกียจ


ไวส์คิดว่าเขาจะได้รับมิตรภาพจากห่านหัวสิงโตด้วยวิธีนี้จึงวิ่งเข้าไปพร้อมรอยยิ้มเพราะอยากอุ้มเสี่ยวแคลร์


ผลคือเขาเพิ่งเจออินทรีทองตัวน้อย ห่านหัวสิงโตก็ฉุนเฉียวกางปีกทั้งสองข้างในทันที มันพุ่งเข้ามาเหมือนกับเสือที่ดุร้ายและอ้าปากกัดที่ก้นของไวส์จนเขากรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดที่ถูกกัด


อินทรีทองตัวน้อยถูกเสียงกรีดร้องของเขาทำให้ตกใจกลัว ปีกเล็กๆ ที่อวบอ้วนกางออกและส่งเสียงร้องแกว๊กๆ พร้อมกับกระโดดขึ้นมา


หู่จือกับเป้าจือได้ยินเสียงกรีดร้องของเขาก็รีบเข้ามาช่วย พวกมันส่งเสียงเห่าโฮ่งๆๆ ทำให้ห่านขาวกลัวจนต้องถอยกลับไป นี่ช่วยชีวิตไวส์เอาไว้


ฉินสือโอวเข้ามาถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้น ไปยั่วยุห่านหัวสิงโตทำไม? ไวส์เล่าสิ่งที่เขาทำลงไปรอบหนึ่ง หลังจากนั้นก็พูดทั้งน้ำตา “ตอนนั้นผมก็ให้อาหารหู่จือกับเป้าจืออย่างนี้ พวกมันก็ชอบผมแล้ว เพราะอะไรถึงไม่ได้ผลกับห่านตัวนี้?”



 

 

 


บทที่ 1047 ฉันจะเป็นโค้ช

 

ฉินสือโอวอธิบายว่าเพราะหู่จือกับเป้าจือเป็นเด็กฉลาด แต่ห่านขาวเพราะต้องปกป้องลูกอินทรีทองจึงมีอารมณ์ที่รุนแรง เชอร์ลี่ย์ปลอบเขาว่า “รอแคลร์โตอีกนิด แม่อุปถัมภ์อย่างห่านขาวจะจากไปเอง ตอนนั้นนายก็จะเป็นจอมยุทธ์เทพอินทรีอีกครั้ง”


ไวส์พยักหน้าด้วยความรู้สึกผิด หลังจากนั้นสีหน้าของเขาก็เขินอายขึ้นมานิดหน่อยในทันทีและพูดกับเชอร์ลี่ย์ว่า “งั้นหลังจากที่ผมกลายเป็นจอมยุทธ์เทพอินทรีแล้ว ผมสามารถเรียกคุณว่าคุณป้าได้ไหม?”


เชอร์ลี่ย์เข้าใจความหมายของเขาในทันที เธอยกมือเล็กๆ ขึ้นเตรียมจะใช้วิชากังฟูเช่นกรงเล็บมังกรบิดหู ฌานสองดรรชนีหยิกเนื้อและอื่นๆ กับเขา แต่คิดได้ในทันทีว่านี่คือไวส์ไม่ใช่พวกผู้ชายหยาบคายอย่างกอร์ดอนและเธอไม่สามารถประมาณการโจมตีอันน่ากลัวของตัวเองได้


เธอก็เลยชักมือกลับด้วยความขุ่นเคืองและพูดอย่างนุ่มนวลว่า “จอมยุทธ์เทพอินทรี นายก็รู้ว่าป้าเขาเป็นคนตะวันออก และฉันไม่ใช่คนตะวันออก ป้าของนายก็ยังอยู่ที่บ้านเกิดของฉินนี่”


ไวส์แอบเหลือบมองเธอแวบหนึ่งและพูดอย่างเขินอายว่า “ถ้าเป็นคุณ เชอร์ลี่ย์ ผมรู้สึกว่ามันก็ได้ทั้งนั้น”


โลลิต้าพูดอย่างไม่ค่อยยินดีว่า “แต่ฉันเป็นคนถูกเรียก! ฉันไม่มีทางเป็นป้า เว้นแต่ว่านายจะไปกำจัดนักบวชลัทธิเต๋าที่โหดเหี้ยมคนนั้นบนภูเขาจงหนานเสียก่อน!”


ไวส์หดหู่ขึ้นมาอีกครั้ง ครั้งนี้โลลิต้าไม่ได้ปลอบเขาและเรียกมิเชลที่กำลังเลี้ยงบอลให้มาเล่นกับเขา ส่วนตัวเองก็วิ่งไปหาพาวลิส


มิเชลวางลูกบาสลงอย่างไม่เต็มใจและพูดกับเชอร์ลี่ย์ว่า “เธอก็รู้ว่าฉันต้องเข้าร่วมการแข่งขัน อย่ามารบกวนฉันจะได้ไหม?”


ฉินสือโอวที่ผ่านมาด้านข้างได้ยินคำพูดของเขาจึงถามว่า “นายต้องเข้าร่วมการแข่งขัน? เกิดอะไรขึ้น?”


มิเชลยิ้มแหยๆ และเกาหัว เขาถือลูบบาสไว้และพูดพึมพำว่า “ไม่มีอะไรหรอกครับ มันก็แค่การแข่งบาส”


ยังคงเป็นโลลิต้าที่มาออกหน้า เธออธิบายว่า “เป็นการแข่งขันบาสเกตบอลระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ถึงปีที่ 6 ของนครเซนต์จอห์นค่ะ มิเชลเป็นชู้ตติ้งการ์ดของโรงเรียนประถมแกรนท์ของพวกเรา แต่เขาเป็นผู้เล่นตัวสำรอง การแข่งกับเขาจะมีอะไรเกี่ยวข้องกันละคะ?”


มิเชลที่ยังเขินอายอยู่นิดหน่อยเมื่อกี้นี้พอได้ยินคำพูดนี้ก็โกรธขึ้นมา เขาตะโกนว่า “ผมพึ่งจะซ้อมบาสได้แค่ปีครึ่ง! โอกาสมีให้กับคนที่เตรียมพร้อมเสมอ ฉันคิดว่าถ้าฉันขยันซ้อมและทำให้อาจารย์ประทับใจอยู่เสมอฉันจะได้เป็นผู้เล่นตัวจริงแน่นอน!”


ฉินสือโอวแยกทั้งสองคนที่ทะเลาะกันออกจากกัน เขาโน้มน้าวให้โลลิต้าออกไปก่อนและถามมิเชลว่า “การแข่งของพวกนายเริ่มขึ้นเมื่อไหร่? ทำไมฉันไม่ได้รับข่าว?”


มิเชลพูดว่า “วันศุกร์สัปดาห์แรกของเดือนเมษายนก็จะแข่งรอบคัดเลือกแล้ว ระดับบาสเกตบอลของโรงเรียนของพวกเราไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นจึงไม่มีใครให้ความสำคัญและไม่ได้แจ้งพวกผู้ปกครอง” ขณะที่พูดเขาก็รู้สึกหดหู่นิดหน่อย


ฉินสือโอวปลอบโยนด้วยการยีหัวของเขาและพูดว่า “อย่าพึ่งเสียจิตวิญญาณแห่งนักสู้ไป บาสเกตบอลรอบคัดเลือกอะไรก็เกิดขึ้นได้! บอกฉันทีว่า นายชอบบาสเกตบอลไหม? นายอยากชนะไหม?”


มิเชลพยักหน้าอย่างหนักหน่วง ฉินสือโอวยิ้ม “งั้นก็ดี นายไปซ้อมต่อเถอะ ฉันจะไปถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับการแข่งของพวกนาย หลังจากนั้นฉันจะมาซ้อมกับนาย”


เขาเป็นคนรักษาสัญญา หลังจากที่กลับถึงบ้าน เขาก็โทรหาคอฟแมนที่ปรึกษาของมิเชลทันทีและถามว่า “เฮ้ เพื่อน โรงเรียนของพวกนายต้องเข้าร่วมการแข่งขันบาสเกตบอลใช่ไหม? ฉันอยากจะถามสถานการณ์เสียหน่อย”


จุดนี้โรงเรียนของแคนาดาก็เหมือนกับโรงเรียนของสหรัฐอเมริกา กิจกรรมของโรงเรียนจะเยอะมากและสำคัญมาก เช่นการแข่งบาสเกตบอล ถ้าสามารถทำแต้มได้ไม่เลว นักเรียนในทีมบาสนั้นก็จะน่ากลัวมาก พวกเขาจะมีชื่อเสียงในโรงเรียนมากกว่านักเรียนที่มีผลการเรียนดีอีกด้วย


คอฟแมนอธิบายและบอกว่าเรื่องนี้คือเรื่องจริง แต่โรงเรียนประถมแกรนท์เน้นที่การมีส่วนร่วมและไม่ค่อยให้ความสนใจกับการแข่งประเภทนี้ เพราะกำลังด้านกีฬาของโรงเรียนแย่เกินไป


การแข่งขันบาสเกตบอลครั้งนี้เป็นตัวอย่าง เด็กชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ถึงปีที่ 6 ที่โรงเรียนของพวกเขา รวมทั้งหมดมี 58 คน และทีมบาสอย่างน้อยที่สุดต้องมี 8 คน การเลือกตัวผู้เล่นนั้นเป็นเรื่องยากและจะหาตัวบุกที่ดีนั้นเป็นเป็นไปไม่ได้เลยจริงๆ


โรงเรียนประถมแกรนท์จึงไม่ให้ความสำคัญกับการแข่งขันประเภทนี้ ก็เพื่อปกป้องโรงเรียนและทำให้พวกนักเรียนไม่สนใจให้มากที่สุด ไม่อย่างนั้นจะเป็นการทำลายความศรัทธาของพวกเด็กๆ มากเกินไป


ฉินสือโอวไม่พอใจและพูดว่าวิธีการสอนเชิงลบแบบนี้ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ คอฟแมนพูดอย่างจำใจว่า “งั้นมีวิธีอะไรอีกล่ะ? ฉิน โรงเรียนของพวกเราไม่มีแม้กระทั่งโค้ชทีมบาสเกตบอลด้วยซ้ำ พวกเด็กๆ ก็ไม่ป้องกันตัวเอง แถมพวกฉันก็เพิกเฉยพวกเขาตอนที่อยู่บนสนาม แค่นั้นก็เป็นการทำร้ายพวกเขาแล้ว!”


หลังจากวางสาย ฉินสือโอวเงียบไปพักหนึ่งและพูดกับวินนี่ว่า “ที่รัก ผมคิดว่าช่วงนี้ ผมมีงานต้องทำแล้วล่ะ และคงไม่สามารถอยู่ข้างๆ คุณกับเสี่ยวเถียนกวาได้ คุณจะยกโทษให้ผมได้ไหม?”


วินนี่ยิ้ม “คุณต้องออกทะเลใช่ไหมคะ?”


ฉินสือโอวส่ายหัวและเล่าสถานการณ์การแข่งขันที่โรงเรียนของมิเชลให้เธอฟัง “ผมจะไปสมัครเป็นโค้ชของพวกเขา อย่างน้อยช่วงแข่งขัน ผมก็จะเป็นโค้ชของพวกเขาเสมอ”


วินนี่ยื่นมือไปแตะที่ใบหน้าของเขาและพูดอย่างอ่อนโยนว่า “งั้นคุณก็ไปทำอย่างสบายใจเถอะค่ะ ฉันกับเสี่ยวเถียนกวาจะเป็นกำลังใจให้คุณเอง แน่นอนว่าต้องทำให้พวกเด็กๆ ชนะการจัดอันดับด้วยล่ะ”


เมื่อเห็นวิธีการให้กำลังใจของวินนี่ ฉินสือโอวก็ทนไม่ไหวเข้าไปโอบกอดและจูบเธอเบาๆ เขาพูดเสียงเบาว่า “ขอบคุณนะ ที่รัก คุณเป็นของขวัญที่ดีที่สุดที่พระเจ้ามอบให้ผม! ขอบคุณพระเจ้า ขอบคุณท่านที่ทำให้ผมได้พบกับคุณเมื่อสองปีก่อน!”


การให้กำลังใจของวินนี่สำหรับฉินสือโอวเธอช่างเป็นผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบจริงๆ เธอไม่เคยร้องขออะไรจากเขาเลย เพียงแต่ลงทุนอยู่เบื้องหลังในความเงียบ ฉินสือโอวก็เป็นแค่เด็กตัวโตคนหนึ่งเมื่ออยู่ต่อหน้าเธอ ถามเยอะ แต่ลงทุนน้อย


ตัวอย่างเช่นตอนลงสมัครเลือกตั้งนายกเทศมนตรี ฉินสือโอวทิ้งความคิดนี้ไปแล้ว แต่วินนี่กลับศึกษาด้านรัฐประศาสนศาสตร์เป็นวิชาเอกมาโดยตลอด ถึงขั้นวางแผนไปมหาวิทยาลัยอนุสรณ์นิวฟันด์แลนด์เพื่อเรียนปริญญาตรีด้านรัฐประศาสนศาสตร์ เป้าหมายก็เพื่อช่วยฉินสือโอวบริหารหมู่บ้านนั่นเอง


ตอนกลางคืน ฉินสือโอวทำเรซูเม่ วันต่อมาเขาตามรถโรงเรียนไปที่โรงเรียนประถมแกรนท์ ชัคเปิดประตูให้เขาและกล่าวทักทายอย่างกระตือรือร้น “ฉิน ได้ยินว่าคุณเป็นพ่อคนแล้วเหรอ? โอ้ ผมเสียใจจริงๆ ผมคิดมาตลอดว่าคุณกับอาจารย์เชอริลเป็นแฟนกัน”


ฉินสือโอวยิ้มให้เป็นการขอบคุณ ชายชราไม่ได้จับตามองเขาแบบทั่วๆ ไปและคิดจะแนะนำอาจารย์สาวสวยของโรงเรียนประถมให้เขามาโดยตลอด


เมื่อเข้าไปในโรงเรียน เขาตรงไปที่ห้องอาจารย์ใหญ่ทันทีและยื่นเรซูเม่ที่เตรียมมาอย่างดีตลอดทั้งคืนให้อาจารย์ใหญ่มิทช์ แกรนท์ เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังว่า “อาจารย์ใหญ่แกรนท์ สวัสดีครับ ผมต้องการสมัครเป็นโค้ชบาสเกตบอลของโรงเรียนครับ”


แกรนท์ถอดแว่นออกด้วยความประหลาดใจ “ฉิน วันนี้ไม่ใช่วันเอพริลฟูลเดย์นะ”


ฉินสือโอวพูดว่า “ไม่ครับ ไม่ใช่แน่นอน ดังนั้นผมก็เลยมาสมัครครับ ผมคิดว่าผมควรจะอธิบายเป้าหมายของผมก่อนสักหน่อย ผมได้ยินมาว่าโรงเรียนของพวกเราไม่มีทีมบาสเกตบอลจริงๆ เป็นเหตุให้พวกเด็กๆ ที่รักกีฬาไม่สามารถปกป้องตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพและเล่นกีฬาอย่างสนุกสนานได้ ดังนั้นผมจึงต้องการมาสมัครตำแหน่งนี้”


แกรนท์ยิ้มอย่างขมขื่น “แต่พวกเราไม่มีแผนกของโค้ชบาสเกตบอลและเงินทุนที่โรงเรียนของพวกเรามีก็ไม่เพียงพอ ถ้ารับสมัครครูพละที่ค่าตัวสูงแบบคุณอีกคน นั่นจะลำบากเกินไป”


ฉินสือโอวเปิดใบสมัครงานของตัวเองและยิ้ม “งั้นท่านลองอ่านประวัติของผมกับเงินเดือนที่ผมขอก่อนสักหน่อยนะครับ”


เงินเดือนที่เขาขอธรรมดามาก เพียงแค่หนึ่งดอลลาร์สหรัฐต่อเดือนและไม่ต้องตั้งแผนก


เหตุผลที่ทำอย่างนี้ เพราะเขาต้องการฝึกให้มิเชลเล่นได้ดีกว่านี้ พรสวรรค์ด้านบาสเกตบอลของเด็กคนนี้เยี่ยมมากจริงๆ เขารู้ว่าการแข่งขันระดับโรงเรียนประเภทนี้ที่แคนาดามีความหมายอย่างไรสำหรับนักบาสรุ่นเยาว์ที่เก่งกาจคนหนึ่ง ถ้าไม่ฝึกฝนตอนนี้ เส้นทางนักบาสของมิเชลก็จะหยุดลง!


เขาไม่อยากเห็นเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น!

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)