พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1041-1042
บทที่ 1041 ผลัดกันวางกับดัก
โดย
Ink Stone_Fantasy
“จะเชื่อเจ้าได้ยังไง?” ฝานอวี้เฟยหยุดแล้วตะโกนถาม ความหมายแฝงในคำพูดก็คือ ข้าจะเชื่อได้อย่างไรว่าเจ้าจะไม่ข้ามแม่น้ำแล้วรื้อสะพานทิ้ง
ผังลิ่งกงตอบเสียงดังว่า “เป็นเพราะนางฆ่าคนของข้า แล้วเมื่อครู่นี้ข้าก็ไม่ได้ฉวยซ้ำเติมด้วย! ถ้าจะแปรพักตร์ก็ต้องดูว่าคนของข้าจะยืนหยัดได้จนถึงตอนสุดท้ายหรือเปล่า! มิหนำซ้ำ เจ้าแน่ใจเหรอว่าถ้าไม่ร่วมมือกับข้าแล้วจะกลับไปได้อย่างปลอดภัย?”
“ฆ่า!” ฝานอวี้เฟยตะโกน เรียกกำลังคนตามผังลิ่งกงกลับไปโจมตีทันที เด็ดขาดจนไร้เหตุผล มีความเป็นลูกผู้ชายยิ่งกว่าผู้ชายเสียอีก ที่สำคัญที่สุดคือกลับไปแบบนี้นางรู้สึกไม่ยอมจริงๆ
เมื่อเห็นคนสองกลุ่มร่วมมือกันบุกเข้ามา ฮุ่ยชิงเหยียนก็กล่าวเสียงต่ำว่า “ผังลิ่งกง ข้าให้เจ้าเก็บชีวิตกลับไปได้ครั้งหนึ่งแล้ว ยังไม่รู้จักแยกแยะส่วนได้ส่วนเสียอีก!”
ผังลิ่งกงไม่สนใจ ตะโกนเสียงดังอีกว่า “แซ่โฉว นางฆ่าสัตว์พาหนะของเจ้ากับคนของเจ้าแล้ว ทำไมไม่ร่วมมือกันกำจัดนางล่ะ!”
“ดี!” โฉวตั้งไห่แค้นฮุ่ยชิงเหยียนจนกัดฟันกรอดเช่นเดียวกัน ตอบรับเสียงดังทันที
เมื่อกล่าวมาแบบนี้ ก็หมายความว่ามีสามฝ่ายร่วมมือกัน ฮุ่ยชิงเหยียนสีหน้าเปลี่ยนทันที โบกมือเรียกคนแล้วเหาะเบี่ยงหนีไปทันที เลิกปะทะกับผังลิ่งกงตรงๆ และเลิกไล่สังหารฝานอวี้เฟยเช่นกัน
สามฝ่ายที่ร่วมมือกันเลี้ยวเปลี่ยนทิศทางไปไล่ตามฮุ่ยชิงเหยียนทันที การเปลี่ยนแปลงกะทันหันของฉากนี้ทำให้คนไม่น้อยตรงจุดหมายสุดท้ายงุนงง และรู้สึกขำเช่นกัน
ผู้บัญชาการใหญ่ฮ่าวอวิ๋นตูที่กำลังดูการต่อสู้ ตอนนี้ใบหน้ายิ้มชะงักนิ่ง สีหน้าค่อยๆ เครียดขรึมลงแล้ว เพราะฮุ่ยชิงเหยียนเป็นคนของเขา
โค่วเหวินหวงก็หน้าเครียดเช่นกัน สถานการณ์เปลี่ยนไปในทางที่ดี เดิมทีควรจะโล่งใจสิถึงจะถูก แต่เขามองออกว่าพวกเหมียวอี้แค่ไปประสมโรงเท่านั้น มีเจตนาจะช่วยพวกโฉวตั้งไห่เสียที่ไหนกัน
พวกเหมียวอี้ตามอยู่ข้างหลังพวกโฉวตั้งไห่อย่างไม่รีบร้อน รู้สึกอยากขำเหมือนกัน นึกไม่ถึงว่าแค่ผังลิ่งกงโผล่ออกมาโจมตีคนเดียว สถานการณ์ก็เปลี่ยนพลิกอีกรอบแล้ว
ทั้งสามไม่สนใจหรอก ไล่ตามต่อไป ถึงอย่างไรตอนนี้ก็ดูเหมือนทุกคนยังไม่มีอันตรายอะไร
โฉวตั้งไห่เลี้ยววนกลับมา เอียงหน้ามองพวกเหมียวอี้แวบหนึ่งแล้วแสยะยิ้ม จู่ๆ หยิบกระเป๋าสัตว์ออกมาใบหนึ่ง โยนไปทางพวกเหมียวอี้ที่ตามอย่างไม่เร่งรีบอยู่ข้างหลัง พร้อมร่ายอิทธิฤทธิ์ตะโกนเสียงดัง “หนิวโหย่วเต๋อ ข้าสู้เองได้ ไม่จำเป็นต้องให้ช่วยเหลือ รีบนำนักโทษส่งกลับไปให้ผู้บัญชาการใหญ่!”
เมื่อได้ยินเขากล่าวมาแบบนี้ โค่วเหวินหวง โค่วเหวินหลานและโค่วเหวินชิงที่กำลังดูการต่อสู้ก็ทำสีหน้าทำสีหน้าประหลาดใจ
เจ้ามีน้ำใจขนาดนี้เลยเหรอ? เหมียวอี้มีความเคลือบแคลงใจอยู่เต็มอก ทว่ากระเป๋าสัตว์ลอยมาแล้ว เจ้าไม่รับไว้ก็คงไม่ได้ ทำได้เพียงร่ายอิทธิฤทธิ์ดูดเข้ามา ดูดกระเป๋าสัตว์ที่เคลื่อนที่มาทางด้านนี้เข้ามาไว้ในมือ
มู่หรงซิงหัวหันมามมอง สวีถังหรานก็หันมาถามเช่นกัน “เขาจะมีน้ำใจขนาดนี้เลยเหรอ?”
เหมียวอี้ร่ายอิทธิฤทธิ์ดูในกระเป๋าสัตว์ พบแต่ว่างเปล่า แม้แต่ขนสักเส้นไม่มี นักโทษหลบหนีที่ไหนล่ะ แสยะยิ้มตอบทันทีว่า “สมกับเป็นลูกน้องคนสำคัญของโค่วเหวินหวง ไม่ใช่ไก่อ่อนจริงๆ ไอ้ชาติสุนัขนี่มันกำลังวางกับดักพวกเรา ล้างแค้นได้เร็วจริงๆ ข้างในไม่มีแม้แต่ลมตด!”
อีกสองคนได้ยินแล้วตกใจ แบบนี้กำลังให้พวกเราเป็นหยื่อล่อคนที่มีเจตนาไม่ดีออกมาไม่ใช่เหรอ?
“ไอ้เวรตะไล นี่มันวางกับดักตายให้พวกเราชัดๆ!” สวีถังหรานแค้นจนกัดฟันกรอด
มู่หรงซิงหัวก็สีหน้าเย็นเยียบราวกับมีน้ำค้างเกาะเช่นกัน กัดฟันบอกว่า “พวกเราได้รับคำสั่งมาให้ช่วยเหลือพวกเขา ถ้าเปิดเผยต่อหน้าทุกคน ก็เท่ากับไปรื้อเวทีของพวกเขา พวกเราคงเลี่ยงการเสียเปรียบครั้งนี้ไปไม่ได้แล้ว!”
“หรือว่ามีแค่พวกเขาที่วางกับดักเราได้ พวกเราจะวางกับดักเขาบ้างไม่ได้เชียวเหรอ?” สวีถังหรานถามอย่างเคียดแค้น
“เจ้าพูดถูกแล้ว! ตอนนี้พวกเขาเป็นตัวหลัก ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เขาก้สามารถพูดได้ว่าให้พวกเราเบี่ยงเบนความสนใจ ถ้าจะพูดให้ดูยิ่งใหญ่ก็คือเสียสละข้าเพื่อผลประโยชน์ของตระกูลโค่ว ถ้าพวกเราเปิดเผยก็เท่ากับกำลังทำลายผลประโยชน์ของตระกูลโค่ว ช่างวางแผนได้เก่งจริงๆ” เหมียวอี้แสยะยิ้ม
“รังแกกันเกินไปแล้ว!” สวีถังหรานกล่าว
“งั้นก็ทำตามประสงค์ของเขาแล้วกัน พวกเรากลับกันเถอะ!” เหมียวอี้ทำเสียงฮึดฮัด แล้วจู่ๆ ก็ตอบเสียงดังว่า “ผู้บัญชาการโฉว ข้าไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน เจ้าเองก็อย่าตายแล้วกัน!”
สัตว์พาหนะสองตัวเลี้ยวเปลี่ยนทิศทางทันที แบกทั้งสามบินไปยังจุดหมายสุดท้าย
โฉวตั้งไห่ที่หันกลับมามองพ่นเสียงทางจมูก “ยังกล้าด่าข้าอีกเหรอ!”
“ผู้บัญชาการโฉว เจ้ามองนักโทษให้เขาจริงเหรอ?” ต่งเฟิงที่ขี่พญาปักษาขนทองอยู่ข้างหน้าหันมาถามอย่างตกใจ
คนอื่นๆ ได้ยินแล้วมองมาเช่นกัน โฉวตั้งไห่ตอบกลั้วหัวเราะว่า “ให้เขาได้ก็แปลกแล้ว ถึงยังไงข้าก็ไม่หวังให้พวกเขามีส่วนร่วมอยู่แล้ว ให้คนเห็นว่านักโทษของสองกลุ่มล้วนอยู่ในมือเขา ข้าอยากจะดูว่าพวกเขาจะรอดกลับไปได้ยังไง? ให้พวกเขาค่อยๆ เสวยสุขไปแล้วกัน!”
ทุกคนเข้าใจในทันที ที่แท้ก็วางกับดักเจ้าสามคนนั้นนี่เอง พอทำแบบนี้แล้ว ยังสามารถลดแรงกดดันให้พวกเขาได้อีกด้วย
“ผู้บัญชาการโฉวช่างมีแผนการล้ำเลิศ!” หนานอี้เปียวกล่าวชม
เหมียวอี้เองก็ไม่ยอมเสียเปรียบเหมือนกัน ใช้ระฆังดาราติดต่อกับโค่วเหวินหลานเพื่อบอกเรื่องที่โฉวตั้งไห่วางกับดักพวกเขาทันที
เมื่อได้ฟังดังนั้น โค่วเหวินหลานก็ถามโค่วเหวินหวงอย่างเดือดดาลทันที “พี่สาม ลูกน้องของท่านทำแบบนี้หมายความว่าอะไร? พวกเขาคิดจะทำให้คนของข้าตาย…”
หลังจากได้ฟังสถานการณ์คร่าวๆ โค่วเหวินหวงก็อึ้งไปชั่วขณะ จากนั้นก็แสยะยิ้มตอบทันที “เจ้าเห็นพวกเขาเหมือนคนที่ไปช่วยสนับสนุนเหรอ? ลูกน้องที่ไม่ฟังแม้แต่คำสั่งของเจ้า ปล่อยให้ตายๆ ไปเถอะ!”
“ท่าน…” โค่วเหวินหลานโมโหจนตัวสั่น ไม่ได้โมโหเพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของพวกเหมียวอี้อย่างเดียว แต่เป็นเพราะพี่สามรังแกตนมากเกินไป ไม่เห็นตนอยู่ในสายตาสักนิดเลยจริงๆ!
“เป็นอะไรไปอีก?” โค่วเหวินชิงถ่ายทอดเสียงถาม
โค่วเหวินหลานเล่าสถานการณ์ให้ฟังทันที
โค่วเหวินชิงมองไปที่พวกโฉวตั้งไห่อย่างพูดไม่ออก พบว่าไม่มีลูกน้องคนไหนที่วางใจได้สักคน แอบแทงข้างหลังกันไปแอบแทงข้างหลังกันมา สู้กันเองเก่งแบบไม่มีใครยอมใคร สู้กันเองอย่างเอาเป็นเอาตาย ไม่ยอมทำงานร่วมกันอย่างจริงใจเพื่อสู้กับศัตรู หมดคำจะเอ่ยกับคนพวกนี้จริงๆ…
ฮุ่ยชิงเหยียนที่โดนคนสามกลุ่มไล่ตามอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้เหาะไปยังดาวเคราะห์ที่อยู่ใกล้กับจุดหมายสุดท้ายที่สุด พร้อมตะโกนว่า “ชิงอวี้หลาง ยังไม่รีบออกมาช่วยข้าอีกเหรอ!”
มีคนออกมาแล้วจริงๆ หลังจากชิงอวี้หลางนำสมาชิกเจ็ดคนโผล่ออกมา ผลลัพธ์กลับไม่เป็นอย่างที่ฮุ่ยชิงเหยียนจินตนาการ เห็นเพียงชิงอวี้หลางโบกทวนชี้มา “ฮุ่ยชิงเหยียน วันนี้เป็นวันตายของเจ้า!”
ฮุ่ยชิงเหยียนสีหน้าเปลี่ยนไปมาก ตวาดว่า “ชิงอวี้หลาง เจ้ากล้ากลับคำพูดเหรอ!”
ยังพูดไม่ทันขาดคำ จู่ๆ ตรงหน้าก็มีวัตถุสีเขียวเบ่งบานกลางอากาศ มันเบ่งบานออกมาจากแหวนเก็บสมบัติวงหนึ่ง ชั่วพริบตาเดียวก็กลายเป็นเถาไม้นับไม่ถ้วนมาดักครอบพวกฮุ่ยชิงเหยียนไว้
พวกฮุ่ยชิงเหยียนตกใจมาก ค้างคาวขาวอเวจีพ่นเพลิงสีเขียวออกมาเผาแล้ว
ทว่าเถาไม้ที่โถมเข้ามาอย่างมืดฟ้ามัวดิน มีหรือที่จะเผาหมดได้ภายในเวลาสั้นๆ เท่ากับกลุ่มของตัวเองวิ่งเข้ามาชนกับดักไฟแล้ว
บึ้ม! พวกเขาจะเข้าก็เข้าไม่ได้ จะถอยก็ถอยไม่ได้ ทำได้เพียงโจมตีไปด้านข้าง ดันทุรังถล่มโจมตีเถาไม้ที่ครอบอยู่ออกไป
ทว่าความล่าช้านี้ ทำให้เกิดปัญหายุ่งยากทันที ผังลิ่งกงตะโกนเสียงดังพร้อมเข้ามาดัก “นางตัวดี! จะหนีไปไหน!”
“นางตัวดี! ตายซะเถอะ!” ถึงแม้จะออกตัวทีหลัง แต่โฉวตั้งไห่ก็มาถึงก่อนพวกฝานอวี้เฟยที่ไร้สัตว์พาหนะ เขาตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด โดนฮุ่ยชิงเหยียนลอบจู่โจมจนเสียสัตว์พาหนะกับสหายไปสองคน ความโมโหโกรธแค้นยังไม่หายไปไหน ฉวยโอกาสล้างแค้นให้หนักๆ เพราะต้องการกู้หน้ากลับมา จะให้ผู้บัญชาการใหญ่ดูถูกไม่ได้
คนสองกลุ่มต่อสู้กับฮุ่ยชิงเหยียนอย่างบ้าคลั่งทันที โจมตีอย่างสะเทือนเลื่อนลั่น
ฝานอวี้เฟยที่มาทีหลังโยนแส้หนามสีเขียวในมือออกมา แส้กะพริบแสงสีทอง ราวกับมีลวดขดดีดออกมาจากมือ ยิ่งดีดยิ่งสูง ตอนที่มันทะยานสูงขึ้นไปหลายร้อยจั้ง ฝานอวี้เฟยจ้องหาโอกาส แล้วจู่ๆ ก็สะบัดแส้ออกมาหนึ่งครั้ง แส้ยาวมีหนามที่ลอยอยู่กลางอากาศยิงคดเคี้ยวยาวเหยียดออกมาทันที โจมตีไปยังฮุ่ยชิงเหยียนที่กำลังใช้ไฟผีตีฝ่าวงล้อมออกมา
แส้ยาวไม่ได้โจมตีไปที่ฮุ่ยชิงเหยียนโดยตรง แต่กลับหมุนวนเหมือนพายุหมุน ล้อมฮุ่ยชิงเหยียนที่กำลังขี่ค้างคาวขาวอเวจีเอาไว้
ฮุ่ยชิงเหยียนที่ตกอยู่ในพายุหมุนตระหนกมาก ขณะกำลังจะขี่ค้างคาวขาวอเวจีทะลุออกไปผ่านช่องโหว่ของพายุหมุน แต่ใครจะคิดว่าแส้ที่เหมือนพายุหมุนจะหดตัวกะทันหัน หดช่องให้เล็กลง ทำให้ฮุ่ยชิงเหยียนไม่สามารถอาศัยช่องโหว่หนีไปได้
ส่วนแส้ยาวมีหนามก็เปลี่ยนจากพายุหมุนกลายเป็นลูกกลมอย่างรวดเร็ว
ฮุ่ยชิงเหยียนที่โดนขังอยู่ในนั้นเห็นเพียงซ้ายขวาบนล่างมีแต่ฟันเลื่อยที่หมุนวนด้วยความเร็วสูง กำลังหดเล็กและโจมตีมาที่ตนอย่างรวดเร็ว จึงร้องออกมาทันทีว่า “ชิงอวี้หลาง เจ้าไม่ตายดีแน่!” ในน้ำเสียงเจือด้วยอารมณ์เศร้าโศก
ในลูกกลมที่ตีกวนด้วยความเร็วสูง มีเสียงต่อสู้ดังสะเทือนเลือนลั่นดังออกมา ฮุ่ยชิงเหยียนดิ้นรนเอาชีวิตรอดอยู่ในนั้น แต่กลับตีฝ่าออกมาไม่ได้เสียที จะเห็นได้ถึงความร้ายกาจของของวิเศษชิ้นนี้
ส่วนโฉวตั้งไห่กับพวกผังลิ่งกง เมื่อเห็นฮุ่ยชิงเหยียนโดนขังอยู่ในนั้นแล้ว ก็รีบนำกำลังคนไปตามสังหารบรรดาผู้ช่วยของฮุ่ยชิงเหยียนทันที พวกเขาจะทนรับการร่วมมือโจมตีนี้ได้อย่างไร ขณะที่หนีหัวซุกหัวซุนก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า
“หึหึ!” ชิงอวี้หลางที่นั่งบนอได้ยินเสียงแล้วหัวเราะลั่น ก่อนหน้านี้ตะโกนดังมาก ท่าทางเหมือนจะสู้ตายกับฮุ่ยชิงเหยียน แต่ที่จริงไม่เห็นเขามีท่าทีว่าจะลงมือเลย กลับพูดกลั้วหัวเราะกับคนที่อยู่ทางซ้ายและขวา “ต้องการกดดันให้พวกเขาฆ่าเสียให้พอ ถ้าไม่ทำให้พวกเขาสูญเสียกำลังคน แล้วพวกเราจะได้อันดับหนึ่งได้ยังไง?”
เจ็ดคนที่อยู่ทางซ้ายและขวาสบตากันแล้วหัวเราะ ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังนั่งตกปลาอยู่บนเรืออย่างสงบนิ่งโดยไม่สนใจคลื่นลม
ณ จุดหมายสุดท้าย ฮ่าวอวิ๋นตูหน้าดำเหมือนก้นหม้อแล้ว
บนบันไดหน้าตำหนัก เกาก้วนที่ยืนเอามือไขว้หลังยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย ขระที่มองฉากนั้นด้วยสายตาเย็นเยียบ จู่ๆ เหมือนจะแสยะยิ้มพึมพำอะไรบางอย่าง “เวลาให้ทำงาน ก็จะปัดความรับผิดชอบใส่กัน เรื่องสู้กันเองนี่กินกันไม่ลง นี่คือเหล่าผู้บัญชาการที่ตำหนักสวรรค์ของพวกเราเอง ดูแค่จุดนี้ก็มองเห็นภาพรวมแล้ว! มิน่าล่ะต่อให้ราชันสวรรค์สยบใต้หล้าได้แล้วแต่ก็ยังปวดหัว คนประเภทนี้จะฆ่าทิ้งหมดเหรอ?”
พ่อบ้านที่ยืนอยู่ข้างๆ โค้งกายเล็กน้อย แล้วกล่าวพร้อมรอยยิ้มเจื่อน “มีคนเยอะก็เป็นแบบนี้ เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้! ฆ่าหมดชุดหนึ่งก็โผล่มาอีกชุดหนึ่ง ตราบใดที่มีผลประโยชน์ คนแบบนี้ฆ่าอย่างไรก็ไม่หมด ใต้หล้ากว้างใหญ่ขนาดนี้ ย่อมต้องมีคนไปปกครองดูแล!”
ฉากนี้ทำให้พวกเหมียวอี้แอบทอดถอนใจ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องของพวกเขา ทั้งสามยังคงรีบมุ่งหน้าสู่จุดหมายสุดท้าย
แต่เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นอีกแล้ว มู่หรงซิงหัวพลันร้องบอก “น้องหนิวรีบดูนั่น!”
เหมียวอี้กับสวีถังหรานมองตาม เห็นคนกลุ่มหนึ่งปรากฏอยู่บนท้องฟ้าไกลๆ กำลังเร่งมาที่จุดหมายสุดท้ายด้วยความเร็วสูง
“ทางด้านนั้น!” สวีถังหรานพลันชี้ไปยังอีกทิศทางหนึ่ง
ไม่ใช่แค่กลุ่มเดียว สองกลุ่ม สามกลุ่ม สี่กลุ่ม…
คนที่ซ่อนตัวอยู่ในอวกาศปรากฏตัวมากขึ้นเรื่อยๆ ต่างก็เร่งเดินทางมาทางนี้
เหตุผลก็ไม่ซับซ้อน รอให้ถึงวันสุดท้ายไม่ไหวแล้ว เห็นยอดฝีมือที่เก่งกาจหลายคนเริ่มต่อสู้พัวพันกันไม่หยุด จึงมีคนคิดว่าโอกาสมาถึงแล้ว ถ้าไม่รีบฉวยโอกาสปลีกตัวตอนนี้ รอจนยอดฝีมือหลายคนกลับมามือเปล่า เกรงว่าตัวเองจะยิ่งมีอันตรายกว่าเดิม เมื่อมีคนนำแล้ว ทุกคนก็กรูกันปรากฏตัวทันที ฉวยโอกาสหลีกหนีอันตราย
ทว่าเมื่อมีฝูงปลาโผล่มา ก็ต้องชาวประมงโผล่มาด้วย คนที่อยากช่วงชิงอันดับดีๆ ไม่ได้มีแค่สี่อ๋องสวรรค์กับตระกูลเซี่ยโห้ว ยังมีลูกหลานของสิบสองจอมพลและสามสิบหกเทพประจำดาวอีก…
…………………………
บทที่ 1042 หนิวโหย่วเต๋ออยู่ที่นี่แล้ว
โดย
Ink Stone_Fantasy
“ดูท่าคงใกล้จะจบแล้ว”
จุยหย่วนที่อยู่ข้างกายเกาก้วนพึมพำเบาๆ
เกาก้วนกวาดสายตาเย็นชามองกระแสคนบนท้องฟ้าที่หลั่งไหลมาจากทั่วสารทิศ
“พวกเราก็รีบไปกันเถอะ!” สวีถังหรานทั้งกังวลทั้งตื่นเต้น การทดสอบบ้าๆ นี่กำลังจะจบแล้ว
พวกเขานับว่าอยู่ใกล้จุดหมายสุดท้ายที่สุด เหมียวอี้โบกมือ “ไป!”
พอเหลือบมองภาพการเคลื่อนไหวหมู่รอบข้าง ชิงอวี้หลางที่ดูเอาสนุกอยู่ข้างๆ ก็นั่งไม่ติดที่แล้ว โบกมือชี้พร้อมสั่งว่า “ลงมือ!”
จากนั้นนำสมาชิกเจ็ดคนเหาะออกไปดัก
พวกโฉวตั้งไห่ที่ล้อมโจมตีฮุ่ยชิงเหยียนก็ร้อนรนแล้วเช่นกัน พบว่ากองกำลังแต่ละฝ่ายสะกดทัพไว้ไม่เคลื่อนไหวเพราะเลือกเวลา ไม่น่าเชื่อว่าจะเลือกพุ่งโจมตีในเวลานี้ ทำเอาพวกเขาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี เรียกได้ว่าจะซ้ายก็ลำบากจะขวาก็ลำบาก
ถ้าไปดักสังหาร ก็อาจจะสังหารได้ไม่กี่คน คนที่ฆ่าได้ก็อาจจะไม่มีนักโทษอยู่ในมือ อาจจะไม่เยอะเท่าที่ได้จากมือของฮุ่ยชิงเหยียน ถ้าไปดักฆ่าคนอื่นก็อาจจะทำให้ฝานอวี้เฟยได้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ตรงนี้คนเดียว
ถ้าไม่ดักฆ่าแล้วปล่อยให้คนหนีรอดไปเยอะ เขาก็รู้สึกไม่ยอมอีก ว้ายก็อยากขวาก็อยาก ร้อนใจจะตายอยู่แล้ว
อย่าว่าแต่พวกเขาที่ร้อนใจ โค่วเหวินหวงและคนอื่นๆ ที่กำลังดูเอาสนุกก็ร้อนใจเช่นกัน เวลาได้เห็นคะแนนเป็นกองแต่ไขว้คว้ามาไว้ในมือไม่ได้ ความรู้สึกแบบนั้นทรมานเกินไป
แส้หนามหมุนวนด้วยความเร็วสูง ในกรงหนามที่หดเล็กลงอย่างรวดเร็ว มีเสียงร้องแหลมของค้างคาวขาวอเวจีดังมา ฟังดูน่าเวทนา รูปร่างใหญ่เกินไปจะประสบหายนะก่อน
“สาวงามผมแหว่ง เร็วๆ หน่อย!” ผังลิ่งกงตะโกนอย่างร้อนใจ
เดิมทีฝานอวี้เฟยต้องการจะจบชีวิตฮุ่ยชิงเหยียน แต่พอได้ยินเสียงเรียกก็มองดูสภานการณ์รอบๆ อีก นางกลอกตาแล้วแอบร่ายอิทธิฤทธิ์ควบคุม กรงหนามที่หดลงอย่างรวดเร็วขณะที่หมุนวนไม่หดลงอีกแล้ว
ความคิดของนางก็คือสิ่งที่พวกโฉวตั้งไห่กังวลใจพอดี ถ่วงเวลา ถ่วงจนพวกโฉวตั้งไห่ไปดักฆ่าคนอื่น แล้วนางค่อยฮุบกินประโยชน์จากฮุ่ยชิงเหยียนไว้คนเดียว
ทว่าการชักช้าถ่วงเวลานี้ ก็ทำให้ฮุ่ยชิงเหยียนมีโอกาสหนีเอาตัวรอดทันที
ถึงแม้กรงหนามที่หมุนวนด้วยความเร็วสูงนี้จะตีฝ่าได้ยาก แต่ฮุ่ยชิงเหยียนเป็นใครกันล่ะ?นางคือนักพรตผีนะ!
เมื่อหาช่องว่างเจอ จับจังหวะการหมุนวนสังหารของแส้หนามได้แล้ว ฮุ่ยชิงเหยียนมีหรือจะลังเล กลายร่างเป็นปราณหยินสลายหายไปทันที
ฝานอวี้เฟยกำลังจับแส้หนามอยู่อีกฝั่ง เมื่อเห็นปราณหยินระเบิดออกมาจากกรงที่กำลังหมุนวนด้วยความเร็วสูง สีหน้าก็เปลี่ยนทันที แอบร้องว่าแย่แล้ว ตอนที่ร่ายอิทธิฤทธิ์รวบให้แส้ยาวรีบโจมตีอีกครั้ง ก็สายไปเสียแล้ว
วูบ! ยาหยินเม็ดหนึ่งยิงออกมาจากซอกร่องที่กำลังพันสังหาร ปราณหยินม้วนออกมาพักหนึ่ง พุ่งตรงไปที่ฝานอวี้เฟย ระหว่างทางปราณหยินห่อหุ้มยาหยินให้ก่อตัวอย่างรวดเร็ว ปรากฏเป็นร่างจริงของฮุ่ยชิงเหยียน ฮุ่ยชิงเหยียนแสยะยิ้มอย่างเย็นเยียบพิศวง พอสะบัดแขนเสื้อใหญ่โคร่งหนึ่งครั้ง กระสวยสามมุมสีแดงจำนวนหนึ่งร้อยแปดอันก็แบ่งกันล้อมอยู่รอบกาย มันระเบิดแสงสีทองพร้อมกัน แล้วเริ่มหมุนรอบตัวนางด้วยความเร็วสูง ทั้งตัวราวกับพกฟันที่หมุนวนด้วยความเร็วสูงหมุนฟันไปทางฝานอวี้เฟย
ฝานอวี้เฟยตกใจมาก ดึงแส้หนามในมือมาม้วนให้เป็นวงหลายวง หมุนแส้ด้วยความเร็วสูงเพื่อครอบตัวเองเอาไว้
พอฮุ่ยชิงเหยียนโบกมือชี้ กระสวยสามมุมที่หมุนวนอยู่รอบกายก็ยิงออกไปหลายสิบอันราวกับผีพุ่งใต้ทันที ระหว่างทางที่ยิงออกไปก็ขยายใหญ่กลายเป็นแท่นโม่ หมุนโจมตีฝานอวี้เฟยที่หลบอยู่ในแส้หนามไม่หยุด
ทว่าของวิเศษในมือฝานอวี้เฟยก็ร้ายกาจเหมือนกัน ถ้าฮุ่ยชิงเหยียนคิดจะตีฝ่าได้ในทันทีก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ ทั้งสองต่างก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้กันอยู่อย่างนั้น
นึกไม่ถึงว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบนี้ พวกโฉวตั้งไห่สีหน้าคร่ำเคร่งทันที เห็นทุกคนนำของวิเศษที่เป็นสมบัติประจำบ้านออกมาแล้ว รู้ว่าค่อนข้างลำบากที่จะจัดการให้ได้ภายในทันที
ปล่อยให้ทั้งสองสู้กันอย่างสูสีต่อไปก็ดีเหมือนกัน ไปกอบโกยที่อื่นก่อนสักหน่อย แล้วค่อยกลับมาจัดการทางนี้…พอโฉวตั้งไห่โบกมือ ก็นำกำลังคนไปดักสังหารกลุ่มคนที่กรูกันเข้ามาทันที ผังลิ่งกงเองก็เข้าใจเจตนาของเขาเช่นกัน นำคนออกไปจากตรงนี้ชั่วคราว
ฝานอวี้เฟยที่ใช้แส้หนามปกป้องตัวเองแค้นจนกัดฟันกรอดทันที เจ้าสองคนนั้นหนีไปไม่ยอมช่วย ที่บอกว่าร่วมมือกันก่อนหน้านี้หายไปเหมือนผายลม
เห็นฮุ่ยชิงเหยียนมีกระสวยสามมุมคุ้มกันร่างกาย เพื่อนร่วมงานยากที่จะเข้าใกล้ไปโจมตีได้ มิหนำซ้ำต่อให้เข้าใกล้ได้ก็อาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่าย ฝานอวี้เฟยจึงตะโกนบอกทันที “พวกเจ้ายังไม่ต้องสนใจข้า รีบไปดักสังหารทหารเล็กๆ พวกนั้นเร็วเข้า!”
เพื่อร่วมงานหกคนทิ้งนางไปทันที ไปร่วมมือกันดักสังหาร เมื่อไม่มีสัตว์พาหนะก็ทำได้เพียงร่วมมือกัน ไม่อย่างนั้นตัวเองก็จะเสี่ยงอันตรายมาก
พวกเหมียวอี้นำบุกเข้ามาก่อนใคร เห็นอยู่ตำตาว่ากำลังจะเข้าใกล้จุดหมายสุดท้าย กำลังดีใจที่ไม่มีการดักซุ่ม แต่ใครจะคิดว่าแหวนเก็บสมบัติวงหนึ่งที่ลอยนิ่งอยู่กลางอากาศจะพลันระเบิดออกมาเป็นวัตถุสีเขียว เถาไม้ไหลหลากพรั่งหรูอออกมาอย่างมืดฟ้ามัวดิน
ทั้งสามตกใจทันที อยากจะเบี่ยงเส้นทางอ้อมออกไป แต่กลับพบว่าบนฟ้ารอบๆ จุดหมายสุดท้ายมีเถาไม้ระเบิดออกมาเต็มไปหมด พวกเศษก้อนหินที่ลอยนิ่งอยู่กลางอากาศมีแหวนเก็บสมบัติเด้งออกมาปล่อยเถาไม้จำนวนมากวงแล้ววงเล่า
คนที่ดูการต่อสู้อยู่ตรงจุดหมายสุดท้ายมองหน้ากันเลิกลั่ก ได้แต่มองมองดูจุดหมายสุดท้ายโดนเถาไม้ที่แผ่ขยายอย่างรวดเร็วคลุมปิดไว้จนเกือบมิด ตอนนี้ทุกคนถึงได้พบว่าชิงอวี้หลางได้วางกับดักไว้รอบๆ ตั้งนานแล้ว ผ่านไปไม่นาน ทั้งจุดหมายสุดท้ายก็ถูกปิดทางไปหมด คนที่อยู่ข้างในมองไม่เห็นเลยว่าข้างนอกมีความเคลื่อนไหวอะไร ได้ยินแค่เสียงต่อสู้เข่นฆ่ากันดังเป็นพักๆ
ผู้บัญชาการใหญ่อิ๋งเหย้ามองดูผลงานของลูกน้องตัวเอง พลางหัวเราะออกมาอย่างร่าเริง
ผู้บัญชาการหลายร้อยที่ฉวยโอกาสพุ่งกลับมาพากันงุนงง ได้แต่มองชิงอวี้หลางนำกำลังคนแฝงตัวเข้ามาในทะเลเถาไม้
ชั่วพริบตาเดียว ในเถาไม้ที่ปิดล้อมจุดหมายสุดท้ายเอาไว้ก็เริ่มมีหมอกสีดำอบอวลอย่างช้าๆ ไม่รู้ว่าชิงอวี้หลางกำลังทำอะไรอยู่ในนั้น สรุปว่าจะต้องไม่ได้ทำเรื่องดีแน่นอน นี่คือสิ่งที่ประจักษ์ชัดแจ้ง
“น้องหนิว จะทำยังไงดี?” พวกเหมียวอี้หยุดอยู่กับที่ สวีถังหรานถามอย่างกังวลสุดๆ ว่า
เหมียวอี้มองซ้ายมองขวา แล้วบอกว่า “รอก่อน ให้คนอื่นลองบุกเข้าไปดูก่อน!”
เขาเองก็ใช่ว่าจะฆ่าไม่ตาย เขาก็รักถนอมชีวิตเหมือนกัน ไม่มีใครชอบรนหาที่ตายหรอก มิหนำซ้ำตอนนี้พวกเขาก็ไม่ได้ช่วงชิงอะไร เมื่อไม่รู้สถานการณ์ชัดเจน ก็ไม่จำเป็นต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงทดลอง
“ข้างหลังมีคนมาแล้ว!” มู่หรงซิงหัวรีบเตือน
เหมียวอี้กับสวีถังหรานที่นั่งบนสัตว์พาหนะตัวเดียวกันหันกลับไปมองพร้อมกัน เห็นคนหลายสิบคนพุ่งมาที่พวกเขา ทำให้สวีถังหรานเครียดทันที “ทำยังไงดี?”
เหมียวอี้ถลันตัวขึ้นมา โบกทวนชี้ด้วยสีหน้าท่าทางจริงจัง พร้อมตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “หนิวโหย่วเต๋ออยู่นี่แล้ว ใครกล้าสู้กับข้า!”
เจตจำนงของนักรบเต็มเปี่ยม เสียงดังลั่น แฝงด้วยเจตนาสังหาร!
เมื่อกล่าวคำนี้ออกมา โค่วเหวินหลานที่โดนปิดล้อมอยู่ในจุดหมายสุดท้ายก็หัวใจกระตุกวูบ มองไม่เห็นเหตุการณ์ข้างนอก หูผึ่งตั้งใจฟังแล้ว โค่วเหวินหวงกับโค่วเหวินชิงก็หูผึ่งเช่นกันเช่นกัน
คนหลายสิบคนที่พุ่งเข้ามาแทบจะแบ่งเป็นสองกลุ่มในทันที เหาะผ่านไปทางซ้ายและขวาของพวกเหมียวอี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่มีใครกล้ามาขวางคมของเขาสักคน พร้อมใจกันหลีกเป็นสองฝั่ง แม้แต่แสดงเจตนาอันเป็นศัตรูก็ไม่มีเลยสักคน
เมื่อเห็นสถานการณ์แบบนี้ สวีถังหรานก็เรียกได้ว่าตกตะลึงอ้าปากค้าง เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า แบบนี้ก็ได้เหรอ?
ชั่วพริบตาเดียวก็ดีใจแทบบ้า สำหรับเขา แบบนี้ดีเกินไปแล้ว มีคนโหดแบบนี้อยู่ข้างกาย ต่อให้ไม่ต้องลงมือก็สามารถขู่ให้คนกลัวได้!
มู่หรงซิงหัวก็ตื่นเต้นดีใจเช่นกัน หันกลับมามองเหมียวอี้ด้วยแววตาเป็นประกายแวววับ พร้อมชมว่า “น้องหนิวช่างมีพลังอำนาจ เพียงพอที่จะสยบคนทราม!”
แต่ในใจก็รู้สึกปลงอนิจจังมากเช่นกัน ถ้าตอนแรกดึงดันจะติดตามพวกเยี่ยนจื่อเกอ เกรงว่าจุดจบคงจะคาดเดาได้ยาก ตอนนี้พอเห็นแบบนี้แล้ว ก็ถือว่าตัวเองตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดเช่นกัน
“ใช่ที่สุด! ใช่ที่สุด!” สวีถังหรานหัวเราะเสียงดังพลางพยักหน้าซ้ำๆ ดีใจแทบแย่แล้วจริงๆ
มู่หรงซิงหัวบอกเขาว่า “พี่สวี เอาสัตว์พาหนะไปน้องหนิวไปเถอะ เจ้ามานั่งกับข้าก็ได้ ถ้าน้องหนิวมีสัตว์พาหนะจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม จะได้รักษาความปลอดภัยให้เราได้สะดวก!”
ครั้งนี้สวีถังหรานเพียงลังเลครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก รีบส่งมอบเดรัจฉานสับปลับให้เชื่อฟังการควบคุมของเหมียวอี้ จากนั้นก็เหาะไปนั่งข้างหลังมู่หรงซิงหัว
เหมียวอี้เองก็ไม่เกรงใจ ถลันตัวไปเหยียบบนตัวเดรัจฉานสับปลับของสวีถังหรานแล้ว หลังจากทดลองสื่อสารกันนิดหน่อย เห็นว่ามันยอมให้ควบคุมแล้วถึงได้วางใจ
คนอื่นๆ ไม่ได้ใจเย็นเหมือนกับพวกเขา จุดหมายสุดท้ายอยู่ตรงหน้านี้แล้ว การล่าสังหารขนาดใหญ่เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง เพื่อที่จะเอาชีวิตรอด ผู้บัญชาการพวกนั้นทำได้เพียงโจมตีเถาไม้อย่างบ้าคลั่ง หวังว่าจะตีฝ่าการปิดทางออกไป รักษาชีวิตไปให้ถึงจุดหมายสุดท้าย
เมื่อเผชิญกับการปิดล้อมเถาไม้แบบนี้ ความคิดแรกของคนส่วนใหญ่ก็คือใช้ไฟโจมตี มีคนไม่น้อยที่พอเข้าไปใกล้ก็นำหินผลึกไขมันเพลิงมาฝนบนเกราะรบให้เกิดไฟแล้วโยนออกไปทันที
ทว่าเมื่ออยู่ในอวกาศ หินผลึกไขมันเพลิงก็แสดงอานุภาพได้ไม่เท่าไรเลย เพียงเผาไหม้เล็กน้อย จากนั้นก็ดับไปเอง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะสามารถเผาการปิดล้อมที่หนาแน่นของเถาไม้ให้พังได้ แต่ก็ยังมีคนที่ไม่ตัดใจและอยากจะทดลอง
ถึงขั้นมีคนถือหินผลึกไขมันเพลิงพร้อมร่ายอิทธิฤทธิ์ควบคุมเปลวเพลิงเดือด แล้วบุกเข้าไปโดยตรง ที่ยิ่งกว่านั้นก็คือ บางคนดันทุรังใช้ดาบและกระบี่ฟันตัดฝ่าเข้าไป
คนที่ไม่สามารถบุกเข้าไปได้พบความผิดปกติอย่างรวดเร็ว หมอกดำที่หนาแน่นอยู่ในเถาไม้สามารถกัดกร่อนเกราะพลังอิทธิฤทธิ์ได้
มีบางคนพบความผิดปกติแล้วอยากจะหนีกลับ แต่กลับถูกหนวดของเถาไม้นับไม่ถ้วนพันไว้อย่างหนาแน่นแล้วดึงกลับมา ภายใต้การกรัดกร่อนของหมอกดำ คนคนนั้นสั่นหัวดิกๆ พลางส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนออกมา แต่กลับถูกหนวดเถาไม้อีกเส้นแหย่เข้าปากอุดเสียงร้องเอาไว้
พวกเหมียวอี้เห็นฉากคนถูกหมอกดำกัดกร่อนจนเนื้อหนังและกระดูกหลอมละลายหายไปกับตา เหลือไว้เพียงเกราะรบชุดหนึ่งที่ถูกพันและถูกดึงเข้าไปในทะเลเถาไม้ ฉากแบบนี้ทำให้คนที่เห็นขนพองสยองเกล้า
คนนอกไม่รู้ว่าเถาไม้ที่ถักทอออกมามีความหนาเท่าไรกันแน่ สรุปว่าจะเจ้าทำลายจนเกิดช่องโหว่ เถาไม้พวกนั้นก็จะงอกออกมาอุดใหม่อย่างรวดเร็ว เหมือนทำลายเท่าไรก็ไม่หมด
สภาพการณ์แบบนี้ไม่เป็นประโยชน์กับคนอื่น แต่กลับเป็นประโยชน์กับการดักสังหารของพวกโฉวตั้งไห่ พวกเขายังไม่รีบกลับ การสกัดของเถาไม้กลับช่วยขวางทางคนอื่นๆ ให้พวกเขา
“คนที่สามสิบสอง!”
ชิงอวี้หลางทำตัวเหมือนปลาได้น้ำอยู่ในทะเลเถาไม้ เกราะรบอันที่สามสิบสองถูกเถาไม้ดึงเข้ามาอย่างรวดเร็ว เขาแค่ต้องนั่งตรวจนับสมบัติและนักโทษที่ได้มาก็พอ
เพื่อนร่วมงานที่อยู่ข้างๆ มองจนอิจฉาตาร้อน เดาะลิ้นกล่าวด้วยความทึ่งว่า “ครั้งนี้ผู้บัญชาการชิงร่ำรวยใหญ่แล้วจริงๆ!” ต้องทราบไว้ว่าผู้บัญชาการส่วนใหญ่ล้วนใช้เกราะรบผลึกแดง ได้มาไว้ในมือหลายสิบชุด ถ้าไม่รวยก็แปลกแล้ว
“พวกเจ้าไม่ต้องห่วง ข้าไม่ฮุบผลประโยชน์ไว้คนเดียวหรอก” ชิงอวี้หลางหันกลับมากล่าวด้วยรอยยิ้ม ส่วนจะแบ่งให้ทุกคนมากน้อยเท่าไร นั่นก็เป็นเรื่องในภายหลังแล้ว ตอนนี้เขาคว้ากระเป๋าสัตว์ใบหนึ่งมาตรวจดู จากนั้นก็เลิกคิ้ว หลังจากดึงตัวนักโทษคนหนึ่งออกมาเทียบ ก็ถืออวดทุกคนพร้อมบอกว่า “คนที่หก!”
พวกเพื่อรร่วมงานฮึกเหิมมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที ได้ตัวนักโทษหลบหนีมาไว้ในมืออีกหกคนแล้ว เมื่อบวกกับของเดิมที่มีอยู่ คะแนนในครั้งนี้จะต้องไม่แย่แน่นอน ถึงอย่างไรถ้าพบว่าสถานการณ์ไม่ชอบมาพากล ถ้าพวกเขาคิดจะอยากจะกลับจุดหมายสุดท้าย ก็สามารถกลับได้ทุกเมื่อ จะไม่ให้ดีใจได้อย่างไร
ชิงอวี้หลางเพิ่งจะเก็บนักโทษหลบหนีเอาไว้ แต่จู่ๆ ก็กระตุกคิ้ว แล้วโบกมือชี้ ตาข่ายเถาวัลย์ที่ถักทอแน่นหนาตรงหน้าเปิดช่องทางทันที “มีตัวละครที่ร้ายกาจกำลังต่อต้าน พวกเจ้ารีบไปปราบให้สิ้น ที่นี่คือโลกของข้า มีข้านั่งคุมที่นี่อยู่ พวกเจ้าไม่ต้องกลัว!”
บรรดาเพื่อนร่วมงานรีบไปล้อมปราบทันที
ที่ด้านนอก พอเหมียวอี้เห็นสถานการณ์ของพวกโฉวตั้งไห่ ก็คิดว่าถ้ารอแบบนี้ต่อไปคงไม่ใช่วิธีการที่ดี ถ้ารอให้อีกฝ่ายได้หยุดพัก ก็จะมาลงมือกับพวกเขาสามคนอย่างเลี่ยงไม่ได้ แล้วเขาก็เห็นว่าในเถาไม้มีแค่หมอกพิษเท่านั้น ไม่ได้มีผลที่ร้ายแรงอย่างอื่น จึงบอกมู่หรงซิงหัวกับสวีถังหรานว่า “พวกเจ้ารออยู่ที่นี่ ข้าจะไปทดสอบหยั่งเชิงสักหน่อย ถ้าไม่มีปัญหาอะไร ข้าจะกลับมาเก็บพวกเจ้าเข้ากระเป๋าสัตว์ทันที พาพวกเจ้ากลับไปรายงานผลการปฏิบัติงาน”
…………………………
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น