เทพปีศาจหวนคืน 1038-1039

  บทที่ 1038 แข่งขันหลอมรวมวิญญาณท่องแดนอมตะ


แปลโดย iPAT 


 


แสงสีเขียวและแสงสีแดงส่องประกายขึ้นเป็นครั้งคราว


 


ไห่ลั่วหลันนั่งอยู่กลางอากาศด้วยสายตาแห่งความชื่นชมและตกใจ


 


‘อิงอู๋เซี่ยเป็นสมาชิกนิกายเงา เขาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเทพปีศาจจิตวิญญาณ ข้าเคยคิดว่าเขาจะใช้วิธีบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณหรือความมืดเพื่อกำจัดร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งข้อมูลบนร่างของข้า แต่ผู้ใดจะคิดว่าเขาจะใช้วิธีบนเส้นทางแห่งแสง เทพปีศาจจิตวิญญาณและนิกายเงามีรากฐานที่ไม่อาจหยั่งถึงอย่างแท้จริง ท่านป้าของข้าเป็นกึ่งปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งข้อมูล แต่นิกายเงากลับสามารถทำลายมันได้อย่างง่ายดาย…’


 


ไห่ลั่วหลันลอบประเมิน


 


หลังจากชั่วครู่ทุกอย่างจึงกลับสู่สภาพปกติ


 


“ข้ากำจัดร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งข้อมูลบนร่างของเจ้าออกหมดแล้ว” อิงอู๋เซี่ยกล่าว


 


หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วน อิงอู๋เซี่ยตัดสินใจเก็บไห่ลั่วหลันเอาไว้


 


ท้ายที่สุดแล้วภารกิจสำคัญที่สุดของเขาในเวลานี้ไม่ใช่การกำจัดฟางหยวนแต่คือการสร้างนิกายเงาขึ้นมาอีกครั้งเพื่อช่วยเทพปีศาจจิตวิญญาณ


 


ฟางหยวนเป็นเป้าหมายรอง


 


แม้อิงอู๋เซี่ยจะเกลียดฟางหยวนแต่เขาก็ยังไม่สูญเสียหลักเหตุผล


 


ด้วยเหตุนี้เขาจึงตัดสินใจไว้ชีวิตไห่ลั่วหลันและรับนางเข้าร่วม


 


ไห่ลั่วหลันเป็นคนมีความสามารถ


 


อิงอู๋เซี่ยรู้จักร่างสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริงของนางเป็นอย่างดี หากเขาให้คำแนะนำบางอย่าง นางจะกลายเป็นอาวุธที่แหลมคมของเขา


 


ไห่ลั่วหลันตรวจสอบร่างกายของตน


 


นางไม่มีวิธีพิเศษในการตรวจสอบ แต่หลังจากตรวจสอบ นางก็ไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆต่อร่างกายโดยเฉพาะจิตวิญญาณของนาง


 


หลังจากทั้งหมดทุกคนรู้ว่าเทพปีศาจจิตวิญญาณเป็นผู้ก่อตั้งเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ


 


อิงอู๋เซี่ยเผยรอยยิ้มบาง “ข้อตกลงเดิมถูกกำจัดไปแล้ว ตอนนี้ถึงเวลาสร้างข้อตกลงใหม่ เจ้าจะเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของข้าและเชื่อฟังคำสั่งของข้าโดยไม่ต่อต้านหรือซ่อนบางสิ่งจากข้า”


 


ไห่ลั่วหลันก่นเสียงเย็น


 


เนื่องจากอิงอู๋เซี่ยสามารถลบสัญญาพันธมิตรของนาง มันพิสูจน์แล้วว่าความสามารถของเขาเหนือกว่าเทพธิดาหลี่ซาน


 


หลังจากนี้ไห่ลั่วหลันจะสูญเสียอิสรภาพและต้องทำตามคำสั่งของอิงอู๋เซี่ย


 


แต่…


 


ไห่ลั่วหลันไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยอมรับเท่านั้น


 


สถานการณ์ไม่ได้อยู่ในการควบคุมของนาง หากนางปฏิเสธ นางจะต้องตาย


 


สำหรับเรื่องที่นางทรยศฟางหยวน ความรู้สึกผิดในใจของนางคือศูนย์


 


ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับฟางหยวนเป็นเพียงเรื่องของผลประโยชน์ ในความเป็นจริงนางกระทั่งเกลียดชังฟางหยวน!


 


“เจ้าต้องการให้ข้าทำสิ่งใด? ล่อฟางหยวนมาที่นี่งั้นหรือ? ข้ามีวิญญาณประตูแห่งดวงดาว ข้าสามารถเดินทางไปทั้งห้าภูมิภาคโดยพึ่งพาสวรรค์สีดำ” ไห่ลั่วหลันกล่าวเสียงเรียบ


 


ปราศจากข้อตกลงพันธมิตร นางก็สามารถเปิดเผยความลับของฟางหยวนได้อย่างไร้ปรานี


 


แต่อิงอู๋เซี่ยกลับส่ายศีรษะ “ข้าไม่กลัวที่จะบอกเจ้าว่านิกายเงามีสายลับอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา เรารู้เกี่ยวกับประตูแห่งดวงดาว แม้มันจะน่าทึ่ง แต่มันใช้งานได้กับผู้อมตะชั้นล่างของระดับหกเท่านั้น มันไม่แม้แต่จะสามารถขนส่งวิญญาณอมตะ นอกจากนั้นตอนนี้เจ้าก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฟางหยวน”


 


อิงอู๋เซี่ยได้รับข้อมูลมากมายจากเจตจำนงของเทพปีศาจจิตวิญญาณ


 


เขายังเข้าใจร่างใหม่ของฟางหยวนและรู้ว่ามันเต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า


 


ด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าหลายพันร่องรอย ฟางหยวนไม่สามารถเดินทางผ่านประตูแห่งดวงดาว


 


“แผนการต่อไปของข้าคือหลอมรวมวิญญาณท่องแดนอมตะ” อิงอู๋เซี่ยกล่าว


 


ดวงตาของไห่ลั่วหลันส่องประกายขึ้นขณะที่นางพยักหน้าเห็นด้วย


 


วิญญาณดวงนี้มีประโยชน์มากขณะที่อิงอู๋เซี่ยก็ฉลาดพอที่จะหลอมรวมมันเป็นอันดับแรก


 


“วิญญาณท่องแดนอมตะพึ่งถูกทำลาย มีความเป็นไปได้สูงที่เราจะประสบความสำเร็จในการหลอมรวม ก่อนหลอมรวมวิญญาณท่องแดนอมตะ เจ้าต้องหลอมรวมวิญญาณท่องแดนศักดิ์สิทธิ์ก่อนโดยการรวบรวมสุราชั้นยอดทั้งสี่…”


 


ก่อนที่ไห่ลั่วหลันจะกล่าวได้จบประโยค อิงอู๋เซี่ยกลับขัดจังหวะ “วิญญาณท่องแดนศักดิ์สิทธิ์อยู่ในมือของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา แต่มันไม่ได้หมายความว่าเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณท่องแดนอมตะมีเพียงหนึ่ง มีประตูหลายบานให้เลือกเพื่อไปถึงจุดหมายเดียวกัน”


 


ไห่ลั่วหลันเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น “นี่หมายความว่าเจ้ามีเคล็ดลับใหม่ในการหลอมรวมวิญญาณท่องแดนอมตะง้้นหรือ?”


 


“แน่นอน” อิงอู๋เซี่ยเผยรอยยิ้มมั่นใจ


 


รากฐานของเทพปีศาจจิตวิญญาณกับนิกายเงาไม่ใช่สิ่งที่สามารถดูแคลน


 


เจตจำนงของเทพปีศาจจิตวิญญาณจัดเตรียมหลายสิ่งไว้ให้อิงอู๋เซี่ยรวมถึงเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณท่องแดนอมตะ!


 


…..


 


ภาคใต้


 


ฟางหยวนเดินทางอยู่ในภูเขา


 


เขาพึ่งทำลายล้างหมู่บ้านตระกูลหนี่ ตอนนี้เขากำลังประเมินกำไรที่ได้รับ


 


ความผิดพลาดคือบทเรียน


 


เมื่อคนผู้หนึ่งเรียนรู้จากประสบการณ์และคิดวิเคราะห์เกี่ยวกับมัน พวกเขาจะเติบโตขึ้น


 


ฟางหยวนใช้ทาสสัตว์อสูรโจมตีหมู่บ้านตระกูลหนี่โดยที่เขาไม่จำเป็นต้องเคลื่อนไหว


 


มีเพียงสัตว์อสูรเดียวดายที่ทำให้ฟางหยวนมีปัญหาเล็กน้อย


 


ในการต่อสู้ครั้งนี้ฟางหยวนค้นพบจุดอ่อนมากมายของตนเอง


 


‘แม้ข้าจะมีวิญญาณอมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งดาบ แต่มันใช้พลังงานอมตะมากเกินไป’


 


วิญญาณและผู้ใช้วิญญาณมีเก้าระดับมาตั้งแต่โบราณ หลักการหนึ่งที่ทุกคนให้การยอมรับก็คือผู้ใช้วิญญาณควรใช้วิญญาณระดับเดียวกัน หากวิญญาณอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าหรือสูงกว่า พวกเขาจะไม่สามารถปลดปล่อยพลังอำนาจของมันออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ


 


ตัวอย่างเช่นทุกครั้งที่ฟางหยวนใช้วิญญาณระดับเจ็ด เขาต้องจ่ายด้วยพลังงานอมตะจำนวนมหาศาล


 


มิติช่องว่างจักรพรรดิของฟางหยวนสามารถผลิตองุ่นเขียวอมตะได้วันละสิบหกผล มันยังไม่เพียงพอให้เขากระตุ้นใช้งานวิญญาณอมตะระดับเจ็ดได้แม้แต่ครั้งเดียว


 


โชคดีที่เขาได้รับหินวิญญาณอมตะจำนวนหนึ่งมาจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา มิฉะนั้นเขาจะพบปัญหาหากต้องเผชิญหน้ากับอสูรโคลนเดียวดาย


 


‘ก่อนหน้านี้ข้ายังลังเล แต่ดูเหมือนข้าคงต้องลดระดับวิญญาณอมตะเหล่านี้’ ฟางหยวนถอนหายใจ


 


ยิ่งระดับของวิญญาณสูงเท่าใด พวกมันก็ยิ่งมีค่ามากเท่านั้น


 


แต่ในสถานการณ์ของฟางหยวน เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องลดระดับวิญญาณให้เหมาะสมกับตนเอง


 


ด้วยวิธีนี้ฟางหยวนจะสามารถใช้งานพวกมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ


 


‘ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมของข้าไม่สูงมากนัก ข้าควรให้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาทำเรื่องนี้’


 


‘แม้บุคลิกของเขาจะเปลี่ยนไป แต่เขาก็เป็นเจตจำนงของบรรพชนผมยาว ตราบเท่าที่ข้าใช้แต้มผลงาน เขาจะทำมัน’


 


ฟางหยวนไตร่ตรอง


 


การลดระดับวิญญาณมีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่าการหลอมรวมวิญาณ แต่มันก็มีโอกาสล้มเหลวเช่นกัน


 


ดังนั้นมันจะดีที่สุดหากฟางหยวนมอบหน้าที่นี้ให้กับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา


 


‘วิญญาณอมตะเหล่านี้จะเหลืออยู่กี่ดวงหากข้าพยายามลดระดับพวกมัน’


 


‘แต่แค่เพียงวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งดาบยังไม่พอ’


 


ฟางหยวนคิดถึงการต่อสู้กับอสูรโคลนเดียวดายอีกครั้ง


 


แม้เขาจะใช้วิญญาณอมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งดาบ แต่ฝ่ายตรงข้ามเป็นอสูรโคลนเดียวดาย


 


ร่างของมันแตกต่างจากสัตว์อสูรทั่วไปเพราะมันถูกสร้างขึ้นจากดินโคลนที่เต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปฐพีและสามารถก่อร่างขึ้นใหม่


 


แม้วิญญาณอมตะดาบบินของฟางหยวนจะแหลมคม แต่มันยังเป็นเรื่องยากที่จะทำลายร่างดินโคลนของอสูรโคลนเดียวดาย


 


แม้ฟางหยวนจะได้รับชัยชนะแต่เขาก็ไม่มีความสุขมากนัก


 


‘วิญญาณดาบบินเป็นวิญญาณอมตะของโป้ชิง เขาใช้มันเป็นแกนกลางเพื่อปลดปล่อยท่าไม้ตายอมตะ หากข้ามีท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งดาบ ข้าจะสามารถปลดปล่อยฝนดาบออกไปและสามารถกำจัดอสูรโคลนเดียวดายได้ในครั้งเดียว’


 


ฟางหยวนไม่เพียงต้องลดระดับวิญญาณอมตะแต่เขายังต้องการท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งดาบอีกด้วย


 


สำหรับการคิดค้นขึ้นมาด้วยตนเอง ลืมมันไปได้เลย


 


เขาไม่สามารถใช้แสงแห่งปัญญา ยิ่งไปกว่านั้นเขายังไม่มีความสำเร็จใดๆบนเส้นทางแห่งดาบ


 


หากไม่ใช่เพราะเขามีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งดาบในการครอบครอง เขาจะใช้วิธีบนเส้นทางแห่งเลือด


 


ฟางหยวนหยุดเท้า เขานั่งลงบนก้อนหินก่อนจะติดต่อจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา


 


ตอนนี้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไม่ได้สนใจเรื่องการหลอมรวมวิญญาณมากนัก เขากำลังยุ่งอยู่กับการขยายเผ่าพันธุ์มนุษย์ขนและปกครองโลกหล้า


 


แต่หากฟางหยวนใช้แต้มผลงาน จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจะไม่ปฏิเสธเขา


 


สำหรับท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งดาบ แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาเก็บท่าไม้ตายมากมายเอาไว้ในคลังสมบัติ


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเรียนรู้ท่าไม้ตายเหล่านี้เพื่อคิดค้นเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณ


 


แต่ฟางหยวนไม่รู้ว่าเขาจะได้รับท่าไม้ตายชนิดใด


 


เขาถามจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา “ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง ข้าตั้งใจว่าจะใช้โอกาสสุดท้ายขอให้ท่านหลอมรวมวิญญาณอมตะให้กับข้า”


 


แม้บุคลิกของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจะเปลี่ยนแปลงไป แต่ข้อตกลงยังอยู่


 


ฟางหยวนใช้โอกาสสองครั้งแรกในการหลอมรวมวิญญาณประตูแห่งดวงดาวและวิญญาณทะเลวิญญาณที่สอง


 


ตอนนี้เขาตัดสินใจใช้โอกาสครั้งสุดท้าย


 


“โอ้ เจ้าต้องการวิญญาณชนิดใด?” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาถาม


 


ฟางหยวนตอบกลับอย่างรวดเร็ว “วิญญาณท่องแดนอมตะ”


บทที่ 1039 ดาบทมิฬ


แปลโดย iPAT 


 


“วิญญาณท่องแดนอมตะ?” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาประหลาดใจเล็กน้อย


 


ฟางหยวนตอบกลับอย่างใจเย็น “อย่ากังวล ข้าแน่ใจว่าวิญญาณท่องแดนอมตะไม่มีอยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไป”


 


เรื่องที่ฟางหยวนถามหนี่เซียงก็คือวิญญาณท่องแดนอมตะ วิญญาณกาลเวลา และวิญญาณดวงอื่นๆของเขาถูกทำลายไปแล้วใช่หรือไม่?


 


คำตอบคือไม่!


 


ดังนั้นฟางหยวนจึงสามารถยืนยันบางสิ่ง


 


ประการแรก วิญญาณบางส่วนของเขาระเบิดตัวเองไปแล้วขณะที่วิญญาณบางดวงยังอยู่


 


ประการที่สอง อิงอู๋เซี่ยมีแนวโน้มที่จะค้นพบและสามารถทำลายแผนการที่ฟางหยวนเตรียมไว้ในร่างเดิมของเขา


 


หนี่เซียงรุ่นปัจจุบันเหลืออายุขัยไม่มาก หลังจากตอบคำถามเพียงข้อเดียวของฟางหยวน เขาก็เสียชีวิตทันที


 


แต่เพียงคำตอบเดียวก็ช่วยฟางหยวนได้มากแล้ว


 


‘ในกรณีเลวร้ายที่สุด อิงอู๋เซียได้ทำลายแผนการของข้าไปแล้ว ตอนนี้เขาจะซ่อนตัวจากข้าและไม่ได้อยู่ที่ภาคใต้อีกต่อไป’


 


‘ข้าไม่สามารถติดต่อไห่ลั่วหลันกับไท่เป่ยหยุนเฉิง มีความเป็นไปได้สูงมากที่พวกเขาจะเข้าร่วมกับอิงอู๋เซี่ยหรืออาจจะตายไปแล้ว’


 


‘ข้าสงสัยว่าวิญญาณดวงใดบ้างที่ถูกทำลายไปแล้ว แต่ด้วยความตั้งใจของข้า วิญญาณท่องแดนอมตะเป็นวิญญาณดวงแรกที่จะระเบิดตัวเอง’


 


ฟางหยวนทำเช่นนี้เพราะเขารู้จักพลังอำนาจของวิญญาณท่องแดนอมตะเป็นอย่างดี แน่นอนว่าเขาย่อมไม่ปล่อยให้ศัตรูใช้ประโยชน์จากมัน


 


‘สิ่งที่เป็นไปได้มากที่สุดก็คือการระเบิดตัวเองของวิญญาณท่องแดนอมตะทำให้อิงอู๋เซี่ยค้นพบปัญหาและรีบผนึกวิญญาณดวงอื่น’


 


‘สถานการณ์ของเขาเลวร้ายกว่าข้า แต่หากเขาสามารถผนึกวิญญาณดวงอื่น นั่นหมายความว่าเขาได้รับความช่วยเหลือจากไห่ลั่วหลัน ไท่เป่ยหยุนเฉิง หรือกองกำลังที่เหลืออยู่ของนิกายเงา’


 


นิกายเงาถูกสร้างขึ้นโดยเทพปีศาจจิตวิญญาณมานานหลายหมื่นปี เป็นเรื่องธรรมดาหากพวกเขาจะมีกองกำลังพิเศษที่ซ่อนอยู่


 


‘นิกายเงามีอยู่ทั้งห้าภูมิภาค กระทั่งกองกำลังพันธมิตรผีดิบก็เป็นกองกำลังย่อยของพวกเขา หลังจากการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน มีความเป็นไปได้ว่ากองกำลังในภาคใต้ของพวกเขาจะได้รับความสูญเสียมากที่สุด ขณะที่กองกำลังในภูมิภาคอื่นได้รับผลกระทบน้อยกว่า’


 


‘เมื่อวิญญาณท่องแดนอมตะถูกทำลาย อิงอู๋เซี่ยจะไม่สามารถพึ่งพาเพียงไห่ลั่วหลันกับไท่เป่ยหยุนเฉิงเพื่อจัดการข้า เขาต้องเตรียมความพร้อมโดยการรวบรวมสมาชิกที่เหลืออยู่ของนิกายเงา นอกจากนั้นเขาจะพยายามหลอมรวมวิญญาณท่องแดนอมตะเช่นกัน’


 


ร่างใหม่ของฟางหยวนทำให้เขาคิดเรื่องต่างๆได้อย่างรวดเร็ว


 


การหลอมรวมวิญญาณท่องแดนอมตะเป็นเรื่องเร่งด่วนที่เขาต้องทำ


 


เนื่องจากประตูแห่งดวงดาวไม่สามารถขนส่งร่างใหม่ของเขา วิญญาณท่องแดนอมตะยังเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุด


 


‘ตราบเท่าที่ข้าได้รับวิญญาณท่องแดนอมตะ ข้าจะสามารถเดินทางไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาได้โดยตรงและเก็บวิญญาณอมตะทั้งหมดไว้กับตัวข้าเอง’


 


‘ทรัพยากรในการบ่มเพาะที่ข้าสะสมไว้สามารถเก็บไว้ในมิติช่องว่างจักรพรรดิเช่นกัน’


 


‘ข้ายังสามารถไปที่ถ้ำนรกใต้พิภพเพื่อกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาว’


 


ไม่ว่าจะเป็นกรณีใด มันก็สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับฟางหยวน


 


สวรรค์สีเหลืองเป็นตลาดเปิดและยังเสียค่าธรรมเนียม มันไม่เหมาะที่จะใช้ขนส่งสิ่งของ


 


หากฟางหยวนใช้สวรรค์สีเหลืองขนส่งวิญญาณอมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งดาบ ความมั่งคั่งทั้งหมดของเขาอาจกลายเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น


 


“แน่ใจหรือว่าต้องการหลอมรวมวิญญาณท่องแดนอมตะ?” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาถามอีกครั้ง


 


ฟางหยวนรู้สึกผิดปกติ “อันใด? ท่านไม่สามารถงั้นหรือ?”


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาส่ายศีรษะ “ข้ามีความสามารถอย่างแน่นอน แต่ข้ายังขาดวัตถุดิบสำคัญ เจ้าลองทายดูว่ามันคือสิ่งใด?”


 


ฟางหยวนขมวดคิ้ว “มันคือแสงแรกกำเนิดงั้นหรือ?”


 


“ถูกต้อง” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาตอบ “ไม่ว่าเจ้าจะใช้เคล็ดลับใดในการหลอมรวมวิญญาณท่องแดนอมตะ วัตถุดิบที่สำคัญที่สุดก็คือแสงแรกกำเนิด มันเป็นเรื่องยากที่จะเก็บรักษาแสงชนิดนี้”


 


“ไม่มีแม้แต่เคล็ดลับเดียว?” ฟางหยวนรู้ว่าจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไม่ได้โกหก แต่เขาไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้


 


“ไม่มี” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาตอบอย่างหนักแน่น “ข้ามีเคล็ดลับในการหลอมรวมวิญญาณท่องแดนอมตะสองเคล็ดลับ แต่ทั้งสองต่างต้องใช้แสงแรกกำเนิด ความแตกต่างเดียวคือปริมาณของแสงแรกกำเนิดที่ใช้”


 


“วิญญาณท่องแดนอมตะล้ำค่ามาก หากไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ มันคงถูกหลอมรวมไปนานแล้ว”


 


ได้ยินเรื่องนี้ ช่วยไม่ได้ที่ฟางหยวนจะรู้สึกว่าตนเองโชคดีมากที่สามารถหลอมรวมวิญญาณท่องแดนอมตะ


 


อย่างไรก็ตามตอนนี้เซียวเมิ้งตายไปแล้ว


 


เซียวซานและเซียวเมิ้งเป็นตัวหมากเบี้ยของผู้อาวุโสสูงสุดตระกูลเซียวในการแข่งขันบนภูเขาอี้เทียน


 


ทั้งสองเป็นตัวตนที่โดดเด่น แต่พวกเขาก็เป็นเพียงผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์ที่ไร้นัยสำคัญสำหรับผู้อมตะ


 


เมื่อเซียวเมิ้งตายบนภูเขาอี้เทียน วิญญาณแสงสุดขั้วก็ถูกทำลายไปพร้อมกันกับเขา


 


‘เซียวเมิ้งตายไปแล้ว วิญญาณของเขาก็ไม่รอด แล้วข้าจะนำแสงแรกกำเนิดมาจากที่ใด? เป็นไปได้หรือไม่ที่จะใช้แสงแห่งปัญญาแทนแสงแรกกำเนิด?’ ฟางหยวนคิด


 


‘ลืมมันไปซะ แสงแห่งปัญญาอาจสามารถใช้แทนแสงแรกกำเนิด แต่ข้าไม่ใช่ผีดิบอมตะ ข้าไม่สามารถใช้งานมัน ข้าควรไปตรวจสอบที่ตระกูลเซียว บางทีข้าอาจพบเงื่อนงำบางอย่าง’


 


ฟางหยวนไตร่ตรองก่อนจะส่งวิญญาณที่ได้รับจากตระกูลหนี่ไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา


 


ต่อมาเขายังขอรายชื่อท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งดาบจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา


 


ฟางหยวนจบการสนทนากับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาและรีบเดินทางไปยังตระกูลเซียว


 


ระหว่างทางเขาตรวจสอบท่าไม้ตายเหล่านั้นและพบว่าส่วนใหญ่เป็นท่าไม้ตายระดับมนุษย์ มีท่าไม้ตายอมตะเพียงสามท่า


 


ท่ามกลางพวกมัน หนึ่งเป็นท่าไม้ตายที่ไม่สมบูรณ์ มันไม่ต่างจากเคล็ดลับการหลอมรวมที่ไม่สมบูรณ์ มันอาจมีคุณค่าในการศึกษาแต่มันไร้ประโยชน์ในการใช้งานจริง


 


อีกสองท่าเป็นท่าไม้ตายสายเคลื่อนไหวและท่าไม้ตายสายโจมตี


 


ท่าไม้ตายอมตะสายเคลื่อนไหวมีชื่อว่า ดาบประกายสายฟ้า มันใช้วิญญาณอมตะสองดวงเป็นแกนกลาง หนึ่ง วิญญาณอมตะประกายดาบ สอง วิญญาณอมตะเสียงสายฟ้า


 


ท่าไม้ตายอมตะสายโจมตีมีชื่อว่า ดาบทมิฬ มันใช้วิญญาณอมตะสองดวงเป็นแกนกลางเช่นกัน หนึ่ง วิญญาณอมตะดาบบิน สอง วิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืด


 


เมื่อเห็นชื่อวิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืด ช่วยไม่ได้ที่ฟางหยวนจะลอบถอนหายใจ


 


เขาเคยตามหาวิญญาณอมตะดวงนี้เมื่อนานมาแล้วแต่เขาไม่ประสบความสำเร็จ


 


หลังจากเทพธิดาเจียงหยูเสียชีวิต วิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดก็สูญหายไป


 


‘หากข้ามีวิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืด ข้าจะสามารถใช้มันร่วมกับวิญญาณอมตะดาบบินของข้าเพื่อปลดปล่อยท่าไม้ตายอมตะดาบทมิฬ น่าเสียดาย…’


 


ขณะที่ฟางหยวนกำลังคิดเรื่องนี้ เสียงสายหนึ่งกลับดังมาจากระยะไกล “สหาย โปรดรอก่อน”


 


ฟางหยวนหันหน้าไปรอบๆก่อนจะพบราชสีห์ปราณกำลังวิ่งเข้ามาพร้อมกับผู้อมตะสองคนที่นั่งอยู่บนแผ่นหลังของมัน


 


…..


 


ภาคกลาง ถ้ำนรกใต้พิภพ


 


อสูรวิญญาณกรีดร้องด้วยเสียงอันโหยหวน


 


“ระวัง วิญญาณอมตะเสียงภูตผีถูกใช้อีกครั้ง!” อิงอู๋เซี่ยตะโกนเตือน


 


คลื่นเสียงลึกลับพุ่งเข้าโจมตีอิงอู๋เซี่ย ไห่ลั่วหลัน และไท่เป่ยหยุนเฉิง


 


ทั้งสามไม่มีทางเลือกนอกจากต้องล่าถอยเท่านั้น


 


วิญญาณอมตะเสียงภูตผีเป็นวิญญาณอมตะป่าระดับเจ็ดที่อาศัยอยู่ในร่างของอสูรวิญญาณ อิงอู๋เซี่ย ไห่ลั่วหลัน และไท่เป่ยหยุนเฉิงบังคับให้อสูรวิญญาณตกอยู่ในอันตราย มันจึงตอบสนองด้วยการโจมตีที่รุนแรง


 


“นี่เป็นไปได้อย่างไร? อสูรวิญญาณตัวนี้เป็นเพียงสัตว์อสูรเดียวดายแต่มันกลับสามารถครอบครองวิญญาณอมตะระดับเจ็ด?” ไท่เป่ยหยุนเฉิงกรีดร้องด้วยร่างกายที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด


 


อีกสองคนก็อยู่ในสภาพที่ไม่น่ามองเช่นกัน


 


การแสดงออกของอิงอู๋เซี่ยกลายเป็นน่าเกลียด


 


พวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์คับขันอย่างกะทันหัน


 


ก่อนหน้านี้ทุกอย่างยังปกติแต่หลังจากนั้นอสูรวิญญาณตัวหนึ่งกลับพุ่งเข้าโจมตีพื้นที่ของนิกายเงาโดยไม่คาดคิด


 


“วิญญาณอมตะเสียงภูตผีไม่พึ่งพาพลังงานอมตะ มันอาศัยพื้นฐานของจิตวิญญาณเท่านั้น ก่อนหน้านี้มันต้องเป็นสัตว์อสูรบรรพกาล แต่หลังจากใช้งานวิญญาณอมตะเสียงภูตผีอย่างต่อเนื่อง มันจึงลดระดับลงมาเป็นสัตว์อสูรเดียวดาย” อิงอู๋เซี่ยอธิบาย


 


ในเวลาเดียวกันคำๆหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในใจของเขา เจตจำนงสวรรค์!


 


‘แผนการของนิกายเงาล้มเหลว ข้ากำเนิดใหม่แต่ไม่กำจัดฟางหยวนตามความต้องการของเจตจำนงสวรรค์ ดังนั้นเจตจำนงสวรรค์จึงต้องการกำจัดข้าเช่นกัน’


 


วิธีแห่งสวรรค์คือการรักษาสมดุล


 


ก่อนหน้านี้นิกายเงาพยายามซ่อนตัวเองจากเจตจำนงสวรรค์ พวกเขาจึงถูกขัดขวางไม่มากนัก


 


แต่อิงอู๋เซี่ยท้าทายสวรรค์อย่างเปิดเผย ดังนั้นเจตจำนงสวรรค์จึงส่งอสูรวิญญาณตัวนี้มาจัดการเขา


 


‘เจตจำนงสวรรค์มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง!’


 


‘ย้อนกลับไปฟางหยวนสามารถหลอมรวมวิญญาณกาลเวลาก็เพราะความตั้งใจของเจตจำนงสวรรค์ วิญญาณท่องแดนอมตะก็เช่นกัน!’


 


‘ข้าต้องทำลายวิญญาณกาลเวลาที่อยู่ในร่างของข้าจริงๆงั้นหรือ?’


 


อิงอู๋เซี่ยลังเล


 


“เราไม่สามารถต่อสู้กับอสูรวิญญาณตัวนี้! เหตุใดเจ้ายังต้องเก็บซ่อนความแข็งแกร่ง? เหตุใดไม่ใช่ค่ายกลวิญญาณเหล่านั้น!?” ไห่ลั่วหลันกระตุ้น

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)