ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 1038-1051

 ตอนที่ 1038 กระอักเลือด


หานป๋อหย่วนพาเหมยเหมยและเพื่อนๆ ไปที่โรงแรมเล็กๆ ใกล้กับโรงเรียน ถึงแม้ว่าขนาดร้านจะเล็ก แต่ดูแล้วค่อนข้างสะอาดตา กิจการดำเนินไปได้ค่อนข้างดี


“ร้านเล็กขนาดนี้จะมีอาหารอร่อยๆ ได้อย่างไรกัน” เหมยเหมยมองไปแวบหนึ่ง แล้วทำสีหน้ารังเกียจ


อู่เชากับเจียงซินเหมยส่งสายตาที่เต็มไปด้วยความมึนงงให้กัน พวกเขาเป็นแขกประจำของร้านนี้ สัปดาห์หนึ่งจะมากินไม่ต่ำกว่า 3 วัน เหมยเหมยคิดจะทำอะไรกันแน่


หานป๋อหย่วนตกใจเล็กน้อย เขากำลังจะบอกว่ารสชาติของอาหารเจ้านี้ไม่เลว เหมยเหมยก็พูดว่า “ฉันรู้จักร้านหนึ่งรสชาติอาหารดีมาก พวกเราไปกินร้านนั้นกันเถอะ”


เธอพูดเสร็จก็ไม่รอให้หานป๋อหย่วนพูดอะไร เดินนำหน้าไป ไม่ให้เวลาหานป๋อหย่วนปฏิเสธเลยด้วยซ้ำ


อาหารของร้านนี้อร่อยอยู่แล้ว แต่มันถูกเกินไป ถึงแม้ว่าเธอกับพวกเจ้าอ้วนจะกินจนท้องแตก หานป๋อหย่วนก็ยังจ่ายเงินไม่เท่าไหร่ แล้วแบบนี้เธอจะหายแค้นได้อย่างไร


หานซู่ฉินทั้งตระกูลล้วนน่าขยะแขยงที่สุด วันนี้เธอจะทำให้หานป๋อหย่วนกระอักเลือดให้ได้ เพราะเธอรู้ว่า พวกเขาเห็นเงินสำคัญมาก ตอนนี้เธอคิดได้แต่เพียงวิธีนี้เท่านั้น ต้องสั่งสอนหานป๋อหย่วนสักหน่อย


เหมยเหมยเดินไปที่โรงแรมขนาดใหญ่ไม่ไกลมากนักอย่างคุ้นเคย เธอไม่ได้ไปที่ที่หรูหรามากเกินไป เธอกลัวว่าร้านที่แพงเกินไป ขนาดที่จะเอาหานป๋อหย่วนไปขายก็ยังคงจ่ายไม่ไหว เธอมองไปที่หานป๋อหย่วนที่อยู่ด้านหลัง จงใจพูดขึ้นว่า “กินที่นี่ละกันนะ พี่ป๋อหย่วนว่าอย่างไรคะ”


หลังจากได้ยินเสียงที่สาวเจ้าเรียกเขาด้วยน้ำเสียงที่ลากยาวอย่างจงใจด้วยท่าทีที่ออดอ้อน หานป๋อหย่วนตัวสั่นเล็กน้อย ความคิดที่อยากจะได้เหมยเหมยก็ยิ่งมีมากขึ้น


ของชั้นเลิศที่นาน ๆ จะได้เห็นที ถ้าเขาไม่ได้ลิ้มลองสักคำ คงต้องรู้สึกผิดกับตัวเองแน่ ๆ


หานป๋อหย่วนก็เริ่มรู้สึกได้ใจขึ้นมาในทันที ดูท่าแล้วจ้าวเหมยก็ไม่ได้แตกต่างจากผู้หญิงที่เห็นแก่เงินคนอื่น ๆ เสียแรงที่เมื่อก่อนเขาคิดว่าเธอไม่ใช่พวกวัตถุนิยม


“ตามใจเหมยเหมยเลยครับ”


หานป๋อหย่วนมองเหมยเหมยด้วยสายตาที่เอ็นดู หลงใหล แล้วเขาก็เอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋า เพื่อสำรวจดูความหนาของกระเป๋าเงิน  ยังดีที่ที่บ้านเพิ่งส่งเงินค่าใช้จ่ายมา ขอเพียงแค่สามารถจับจ้าวเหมยได้ กินข้าวไม่กี่มื้อก็ถือว่าคุ้ม


เหมยเหมยหันหน้าหนีในทันที ตอนที่เหยียนหมิงซุ่นมองเธอด้วยสายตาอย่างนี้ เธอจะรู้สึกมีความสุขมาก แต่พอมาเป็นหานป๋อหย่วน เธอกลับรู้สึกสะอิดสะเอียนเป็นอย่างมาก


เพื่อที่จะหลอกเงินตาหมอนี่ เธอต้องเสียสละมากจริง ๆ


เพื่อที่จะแสดงให้เห็นถึงความเป็นสุภาพบุรุษ หานป๋อหย่วนให้พวกเหมยเหมยสั่งอาหารก่อน เหมยเหมยก็ไม่ได้เกรงใจ รับเมนูมาแล้วก็สั่งชุดใหญ่ อีกทั้งยังสั่งของที่แพงอีกด้วย ไม่ถึงหนึ่งนาทีก็สั่งไปแล้วสิบกว่าอย่าง


“ท่านผู้นำบอกไว้ว่าพวกเราไม่ควรสิ้นเปลืองอาหาร เหมยเหมยว่าเราควรกินให้หมดก่อนแล้วค่อยสั่งดีไหมครับ” ยิ้มของหานป๋อหย่วนยิ่งอยู่ยิ่งฝืน


“ไม่ได้สิ้นเปลืองนะ อาหารพวกนี้ดูเหมือนจานใหญ่ แต่จริง ๆ แล้วปริมาณมันไม่ได้มากเลย”


เหมยเหมยทำเป็นฟังไม่รู้เรื่อง แล้วก็สั่งอาหารเพิ่มอีก คาดว่าราคารวม ๆ น่าจะถึงสามสี่ร้อยแล้ว ถึงจะเริ่มหยุดสั่ง ถ้าสั่งเยอะเกินไป เดี๋ยวหานป๋อหย่วนจะไม่มีเงินจ่าย สามสี่ร้อยกำลังพอดี เงินที่หานป๋อหย่วนมีติดกระเป๋าไว้ต้องพอแน่


หานป๋อหย่วนโมโหจนจุกอก มองอาหารที่ละลานตาเต็มโต๊ะ เป็นอย่างที่จ้าวเหมยพูดไว้ไม่มีผิด แต่ละจานปริมาณไม่ได้มาก แต่ราคาแพงมาก


ตอนนี้เขาก็ไม่แน่ใจว่าจ้าวเหมยจงใจ หรือเป็นเพราะเห็นแก่เงินกันแน่ แต่ว่าตอนนี้ใจเขากลับรู้สึกเจ็บปวดจริง ๆ


“เสี่ยวเชา ซินเหมย พวกเธอรีบกินเร็ว อาหารรสชาติไม่เลวจริง ๆ หานป๋อหย่วนพี่ก็กินด้วยสิ ไม่ต้องเกรงใจนะ”


อาหารที่เหมยเหมยสั่งมา ส่วนใหญ่เป็นอาหารทะเล เธอคีบหอยเชลล์ขึ้นมา กินวุ้นเส้นที่อยู่ด้านบนก่อน แล้วค่อยกินเนื้อ อร่อยจนเธอชมไม่หยุดปาก


อู่เชากับเจียงซินเหมยก็แกล้งทำเป็นใบ้ ก้มหน้าก้มตากิน อาหารอร่อยขนาดนี้ ไม่กินก็เสียดายแย่เลย


หานป๋อหย่วนกินคำหนึ่งใจก็กระตุกทีหนึ่ง ไม่สามารถรับรู้ได้ถึงรสชาติความอร่อยของอาหาร ความเจ็บปวดเข้ามาแทนที่ไปหมด เขาหายใจเข้าลึก ๆ ยิ้มแล้วพูดว่า “เหมยเหมย อีกไม่กี่วันจะวันเกิดของพี่ พี่ชวนเพื่อนไม่กี่คนไปร้องเพลงด้วยกัน เธอจะมาด้วยกันไหม”


 ………………………………………………


ตอนที่ 1039 กินเสร็จก็ไป


หานป๋อหย่วนเปลี่ยนความคิดอย่างกะทันหัน เขาไม่อยากจะพูดถึงเรื่องของหานซู่ฉินแล้ว วันนี้เสียเงินจนแทบจะกระอักเลือด ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องได้อะไรกลับคืนมาบ้าง ผู้หญิงส่วนใหญ่ก็จะหยิ่งผยองแบบนี้แหละ ขอเพียงได้นอนกับหล่อนแล้ว ไม่ว่าจะหยิ่งผยองแค่ไหน ก็จะกลายเป็นลูกแมวเชื่อง ๆ ไปในทันที


คอยดูเถอะ พอถึงเวลาถ้าเขาให้จ้าวเหมยไปทางทิศตะวันออก เธอจะไม่มีทางกล้าไปทางทิศตะวันตกแน่ แล้วถ้าหากว่าในมือของเขายังมีหลักฐานไว้แบล็คเมลล่ะก็——


อย่างพวกรูปโป๊อะไรแบบนี้


เรื่องของคุณป้าก็จะจัดการได้ด้วยเหมือนกัน ไม่จำเป็นต้องพูดพร่ำทำเพลงอะไรมาก


มือที่คีบอาหารของเหมยเหมยหยุดชะงัก แววตาประหลาดใจเล็กน้อย คำพูดของหานป๋อหย่วนเธอค่อนข้างจะคิดไม่ถึง ไม่ใช่ว่าเขาต้องมาพูดจาหว่านล้อมแทนหานซู่ฉินหรอกหรอ


เธอใช้ความคิดสักพัก แล้วพูดแบบตะกุกตะกักว่า  “ถึงเวลาแล้วค่อยดูอีกทีละกัน ดูว่าฉันมีเวลารึเปล่า”


หานป๋อหย่วนรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อไป กลัวว่าจ้าวเหมยจะสงสัย จึงทำหน้าตาน่าสงสารแล้วพูดว่า: “ผมหวังว่าเหมยเหมยจะมาได้ ผมอยู่ที่นี่ไม่มีญาติสนิทมิตรสหาย เหมยเหมยถ้าคุณไม่มา ก็คงไม่มีใครมาฉลองวันเกิดให้ผม”


เหมยเหมยขมวดคิ้วเบาๆ ลูบแขนที่กำลังขนลุกซู่ เธอทนไม่ได้จริง ๆ ที่เห็นผู้ชายทำเสียงดัดจริตเหมือนผู้หญิง เธอมองที่อาหารบนโต๊ะ กำลังการต่อสู้ของเจ้าอ้วนถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว อีกไม่เยอะก็จะหมดแล้ว


“ดูคุณพูดเข้าสิ โอหยางซานซานไม่ใช่เพื่อนสนิทคุณเหรอ แล้วฉันยังได้ยินมาว่าในโรงเรียนคุณมีเพื่อนผู้หญิงเยอะแยะเต็มไปหมดเลย จะไม่มีคนมาฉลองวันเกิดให้พี่ได้อย่างไรกัน”


ภารกิจสำเร็จลุล่วงแล้ว เหมยเหมยก็ขี้เกียจจะเสแสร้งอีกต่อไป ก็เลยพูดจาเหน็บแนมไปเล็กน้อย แล้วก็ดึงเจ้าอ้วนที่ยังอยากกินอยู่ให้ไปได้แล้ว


เจ้าอ้วนทำปากแบบยังกินไม่เต็มที่ พูดขึ้นด้วยความเสียดายว่า “ไข่ปลาหมึกยังเหลืออีกตั้งครึ่งจาน”


เจียงซินเหมยหงุดหงิดจนต้องเตะไปที่ขาของเขา “เธอก็ดีแต่กิน เดี๋ยวให้เธอเป็นคนไปจ่ายเงินเลยนะ”


เจ้าอ้วนส่ายหัวอย่างแรง ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะไม่ได้ขาดแคลนเงินแต่อย่างไร เขาก็ไม่มีวันยอมจ่ายแน่นอน อีกอย่างถึงอาหารจะรสเลิศ แต่ถ้าจะต้องออกเงินเอง ตอนกินมันก็ไม่ได้มีความสุขมากขนาดนั้น


อาหารที่ดีที่สุดในโลกก็คืออาหารฟรี อร่อยที่สุดแล้ว


“เหมยเหมย เธอจงใจแกล้งเขาใช่ไหม” อู่เชาเดาออกอย่างรวดเร็ว เขาถามขึ้นด้วยความอยากรู้


“แน่นอนอยู่แล้วสิ ฉันไม่ชอบหมอนี่มาตั้งแต่แรกแล้ว เกิดมาน่าสะอิดสะเอียน พออยู่ต่อหน้าฉันทำเป็นสุภาพบุรุษ เหอะ เทียบพี่หมิงซุ่นไม่ได้แม้แต่ปลายเล็บ”


เหมยเหมยไม่ได้บอกสาเหตุที่แท้จริงในการแกล้งหานป๋อหย่วน อู่เชากับเจียงซินเหมยเป็นคนนอก ยิ่งรู้น้อยยิ่งดี ไม่เช่นนั้นอาจจะติดร่างแหไปด้วย


หานป๋อหย่วนกินอาหารที่เหลือด้วยความหงุดหงิด ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ค่อยชอบกินอาหารทะเล แต่ก็ต้องกินทุกอย่างให้เกลี้ยง อาหารแพงขนาดนี้ ถ้าเขาไม่กินก็คงจะต้องรู้สึกผิดกับกระเป๋าเงินตัวเองแน่ ๆ


ตอนที่พนักงานมาเก็บเงิน หานป๋อหย่วนยิ่งรู้สึกเจ็บมากกว่าเดิม ราคาเกินกว่าที่เขาประมาณการไว้มาก เขาหลุดปากพูดขึ้นมาว่า “ทำไมแพงขนาดนี้ พวกเรากินไปแค่ 15 อย่างเองนะ”


อาหาร 15 อย่างก็เกือบจะสี่ร้อยแล้ว แพงกว่าในเมืองอีก นี่คิดจะปล้นกันหรอ


“คุณครับ อาหาร 15 อย่างที่คุณกินเป็นอาหารทะเลที่ทางเราเพิ่งไปจับสด ๆ มาเมื่อเช้า รสชาติสดอร่อยที่สุด ราคาแน่นอนว่าจะต้องแพงเล็กน้อย แต่ร้านเราไม่หลอกลวงผู้บริโภคนะครับ คุณภาพอาหารสมราคา ถึงจะเป็นอธิบดีกรมการค้ามากินก็ราคานี้เหมือนกันครับ”


พนักงานพูดด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจ นัยน์ตาแฝงไปด้วยความเย้ยหยันเล็กน้อย ราวกับกำลังพูดว่า  ไม่มีเงินยังกล้ามาที่นี่แกล้งทำตัวเป็นคุณชายหรอ


หานป๋อหย่วนกัดฟันส่งเงินที่จะเป็นค่าใช้จ่ายเดือนหน้าของเขาให้กับพนักงาน ราวกับเลือดออกซิบ ๆ ที่หัวใจ ความโกรธแค้นต่อเหมยเหมยยิ่งมากขึ้นทวีคูณ ยัยผู้หญิงคนนี้ต้องจงใจแน่ ๆ


งั้นก็อย่าหาว่าเขาไม่เกรงใจละกัน ในเมื่อผู้หญิงคนนี้ไม่เชื่อฟัง เขาก็จำเป็นต้องใช้วิธีอื่นแล้ว


หานป๋อหย่วนยิ้มอย่างเย็นยะเยือก หน้าของเขานั้นแฝงไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะเอาชนะ


ตอนที่ 1040 หลอกแต๊ะอั๋ง


เหยียนหมิงซุ่นมารับเหมยเหมยที่โรงเรียนเช่นเคย เขามักจะต้องออกไปทำงานข้างนอกอยู่เป็นประจำ เวลาที่ใช้อยู่กับเหมยเหมยจึงน้อยเกินไป ช่วงเวลาครึ่งเดือนนี้เขาจะไม่ยอมแยกจากเหมยเหมยเลยแม้แต่วินาทีเดียว


เจียงซินเหมยกับอู่เชาต่างก็รู้เรื่องของเหมยเหมยกับเหยียนหมิงซุ่น จึงเดินแยกออกไปอย่างรู้งาน เหมยเหมยก้าวขึ้นรถด้วยความเบิกบานใจ


“ช่วงนี้ทำตัวดีขนาดนี้ อยู่ข้างนอกแอบไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม” เหมยเหมยจงใจพูดแกล้ง


เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้พูดอะไร เขากำลังตั้งใจใส่เข็มขัดนิรภัยให้เธอ แต่มือกลับสัมผัสไปโดนหน้าอกหน้าใจของสาวเจ้าราวกับจงใจ เหมยเหมยตัวกระตุกเล็กน้อย มองไปที่ผู้กระทำความผิด กระจกรถยังไม่ได้ปิดเลย คนอื่นเห็นเข้าจะทำอย่างไร


“นั่งให้ดี ๆ ”


เหยียนหมิงซุ่นเข้าใกล้ด้วยท่าทีที่ปกติ พยายามใส่เข็มขัดนิรภัยให้เธอต่อไป แต่วันนี้ดูเหมือนเข็มขัดจะไม่ค่อยเชื่อฟัง เสียบกี่ครั้งก็ดูเหมือนจะเสียบไม่เข้า มือไม้ของเขาก็ดูเหมือนจะไปสัมผัสโดนจุดอ่อนไหวของเหมยเหมยอยู่ตลอดเวลา


“เหยียนหมิงซุ่น พี่ตั้งใจใช่ไหม เดี๋ยวฉันคาดเอง”


เหมยเหมยรู้สึกเขินอาย จนตัวยิ่งขดลงไปอีก ขดจนจะกลายเป็นกุ้งไปเสียแล้ว


“เธอคาดได้ไม่ดี ก็บอกแล้วว่าอย่าขยับ ใกล้จะได้แล้ว”


เหยียนหมิงซุ่นทำหน้าตาท่าทีจริงจัง กล่าวโทษเหมยเหมยว่าไม่เชื่อฟัง แล้วก็พยายามคาดเข็มขัดนิรภัยที่ดูเหมือนจะไม่มีวันคาดได้ต่อไป มือของเขาก็ยิ่งซุกซนมากขึ้นกว่าเดิม


ยัยนี่ถึงขั้นกล้าแกล้งเขา เดี๋ยวนี้กล้ามากใช่ไหม แต่ดูจากตอนนี้แล้ว ยัยนี่ก็ยังคงขี้กลัวเหมือนเดิม ตัวจะขดลงไปใต้เบาะได้อยู่แล้ว


เหมยเหมยก้มหน้าอยู่ จึงทำให้ไม่เห็นสายตาตลกขบขันของเหยียนหมิงซุ่น ไม่เช่นนั้นเธอคงจะรับรู้ได้แล้วว่า เธฮกำลังโดนคนบางคนแกล้งอยู่


เหมยเหมยผู้น่าสงสาร ตอนนี้เธอยังคงคิดว่าเป็นเพราะตัวเองไม่ได้นั่งดี ๆ เหยียนหมิงซุ่นจึงไม่สามารถคาดเข็มขัดให้เธอได้


“งั้นก็ไม่คาดแล้ว พี่หมิงซุ่นรีบขับรถเถอะ” เหมยเหมยเร่งเขา ถ้าหากมีเพื่อนมาเห็นล่ะก็ เธอคงไม่มีหน้าจะไปเจอใครแล้วจริง ๆ


เหยียนหมิงซุ่นมองหญิงสาวที่กำลังเขินอายบิดงอตัวเหมือนกุ้ง ก็ไม่อยากจะแกล้งเธออีกแล้ว จึงคาดเข็มนิรภัยให้เสร็จสรรพเรียบร้อย เขากระซิบลงที่ข้างหูหญิงสาวว่า “เมื่อกี้กล้ามากไม่ใช่หรอ ตอนนี้ทำไมอ่อนปวกเปียกแบบนี้ล่ะ”


ลมหายที่เร่าร้อนของเขาทำให้เหมยเหมยรู้สึกมึนงง แต่เธอก็ฟังออกว่าเขากำลังพูดจาแกล้งเธออยู่ เธอโมโหมองไปที่เหยียนหมิงซุ่นที่กำลังยิ้มมุมปาก ในขณะที่เธอกำลังจะโผตัวไปกัดเขานั้น เหยียนหมิงซุ่นก็มองออกไปที่นอกกระจก เหมยเหมยรีบกลับมานั่งด้วยท่าทีที่สงบนิ่งเหมือนเดิม เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น


รอไปก่อนเถอะ เดี๋ยวกลางคืนค่อยจัดการกับตาหมอนี่ ยิ่งอยู่ยิ่งร้ายขึ้นทุกวัน


เหยียนหมิงซุ่นหอมไปที่ใบหูสีชมพูของเธออย่างรวดเร็ว แล้วก็รีบถอยตัวออกมา รถเคลื่อนออกไปในขณะที่เหมยเหมยกำลังนั่งกัดฟัน มุมปากของเขาแสดงให้เห็นรอยยิ้มได้ใจ


หลักจากที่รถแล่นออกจากโรงเรียนอีจง เหมยเหมยก็ไม่กลัวอะไรอีกต่อไป เธอกัดไปที่มือของเหยียนหมิงซุ่นอย่างเต็มแรง แต่ว่า ——


“โอ้ย…”


เหมยเหมยกุมมือไว้ที่ปาก น้ำตาปริ่มมองไปที่ใครบางคน มือของตาบ้านี่แข็งยิ่งกว่าหิน ฟันของเธอแทบจะหลุดออกมาอยู่แล้ว


เหยียนหมิงซุ่นถอนหายใจด้วยความปลง เขากำลังจับพวงมาลัยอยู่ เวลาใช้แรงที่มือ กล้ามเนื้อที่มือก็จะแข็งตัว ยัยโง่นี่หาเรื่องใส่ตัวแท้ ๆ


มองเห็นสายตาร้องทุกข์ของเหมยเหมยแล้วเขาก็ใจอ่อน เหยียนหมิงซุ่นถอนหายใจอีกครั้ง แล้วยื่นมือขวาออกไป ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ เหมยเหมยได้ใจ ทำท่ากัดลงไปอย่างเต็มแรง


ดูแล้วเหมือนจะใช้แรงมาก แต่จริง ๆ เป็นการกัดเพียงเบา ๆ เท่านั้น สำหรับเหยียนหมิงซุ่นแล้ว แค่รู้สึกคัน ๆ ชา ๆ ก็เท่านั้นเอง ลูกกระเดือกของเขาเคลื่อนไหวโดยไม่รู้ตัว


ยัยโง่นี่กำลังอ่อยเขาอยู่นะ รู้ตัวบ้างไหม


“เมื่อกี้ฉันเพิ่งไปเข้าห้องน้ำมา เหมือนจะลืมล้างมือ…” เหยียนหมิงซุ่นจงใจพูดแกล้ง


เหมยเหมยชะงักในทันที สะบัดมือของเขาออก แล้วพูดด้วยความโมโหว่า  “ เหยียนหมิงซุ่น พี่มันน่ารังเกียจ”


เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกได้ใจจนต้องผิวปากออกมา เขาลูบหัวยัยสิงโตน้อยที่กำลังพองขนเบา ๆ เขาไม่รู้สึกเลยว่าการโกหกหลอกแต๊ะอั๋งแฟนตัวเองเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจแม้แต่น้อย


แฟนที่ดูโง่ ๆ ก็มีไว้ให้หลอกแต๊ะอั๋งไม่ใช่เหรอ


…………………………………………..


ตอนที่ 1041 ความคาดหวังของแม่ยาย


เหยียนหมิงซุ่นพาเหมยเหมยส่งถึงบ้านโดยที่เขาไม่ได้กลับบ้านแต่เลือกอยู่ต่อ เขาต้องคุยกับจ้าวอิงหัวเสียหน่อย


“คุณรู้แผนของหานซู่ฉินแล้วสินะ?” เหยียนหมิงซุ่นถามอย่างตรงไปตรงมา


จ้าวอิงหัวพยักหน้าจริงจัง “โทรมาแล้วแต่ฉันปฏิเสธไป”


เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะอย่างเย้ยหยัน “หานซู่ฉินไม่ยอมแพ้แน่นอน ตอนนี้นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดเท่าที่เธอจะคิดได้ เพื่อที่เธอจะได้รักษาตำแหน่งตัวเองไว้ ซึ่งย่อมทำได้ทุกวิถีทาง”


“ไว้ใจได้ ฉันไม่มีทางเสียสละลูกสาวของฉันเพื่อตระกูลอะไรนั่นหรอก!” จ้าวอิงหัวพูดดั่งให้คำสาบาน เมื่อนั้นเขาไม่ยินยอมที่จะเสียสละน้องสาวอย่างไรบัดนี้ก็ยิ่งไม่มีวันยอมเสียสละตัวลูกสาวไปเช่นกัน!


เหยียนหมิงซุ่นมั่นใจกับท่าทีของจ้าวอิงหัวแล้วก็พึงพอใจอย่างมาก เขาพูดเป็นเชิงเตือน “กลัวก็แต่หานซู่ฉินกับจ้าวอิงสยงอับจนหนทางแล้วจะทำได้ทุกอย่าง แต่คุณก็ไว้วางใจได้ ผมไม่มีวันให้เหมยเหมยเป็นอะไรไปแน่นอน”


จ้าวอิงหัวยื่นมือตบบ่าเหยียนหมิงซุ่นหนักๆ แล้วตอบเป็นเชิงขอบคุณ “ขอบคุณ!”


“เหมยเหมยเป็นว่าที่ภรรยาของผมในอนาคต การที่ผมปกป้องเธอเป็นเรื่องที่สมควรทำอยู่แล้ว!”


เหยียนหมิงซู่นไม่คิดจะปิดบังความอยากครอบครองของเขาที่มีต่อเหมยเหมยสักนิดจนจ้าวอิงหัวชะงักไปพักใหญ่ กัดฟันกรอดจนเกิดเสียงดัง อยากจะต่อยไปสักหมัดจริงๆ


กล้าคิดไม่ซื่อกับลูกสาวต่อหน้าเขา เจ้าหมอนี่เหิมเกริมนัก!


แล้วทำไมเขาถึงชื่นชมนิสัยเจ้าหมอนี่นักล่ะ!


จ้าวอิงหัวที่ทั้งรักทั้งเกลียดปรึกษากับเหยียนหมิงซุ่นที่ห้องทำงานเกือบหนึ่งชั่วโมง เหยียนซินหย่ากับเหมยเหมยเตรียมอาหารเย็นที่ห้องครัว ว่าที่ลูกเขยในอนาคตมาทานข้าวทั้งทีเหยียนซินหย่าแทบจะจัดโต๊ะอาหารเป็นหมั่นฮั่นฉวนสีให้รู้แล้วรู้รอด![1]


“เหมยเหมย หมิงซุ่นอยู่ในค่ายทหารเป็นยังไงบ้าง? แม่เห็นว่าเขาคล้ำขึ้นเยอะ ลำบากมากเลยใช่มั้ย?” เหยียนซินหย่าถามอย่างเป็นห่วง


เหมยเหมยหัวเราะอย่างระอา “แม่ถามหนูแล้วจะให้หนูไปถามใคร? หนูไม่ได้จับตาดูอยู่ในค่ายทหารสักหน่อย เดี๋ยวแม่ไปถามพี่หมิงซุ่นเองสิ”


เหยียนซินหย่ายิ้มเก้อ นั่นน่ะสิ เธอนี่สติเลอะเลือนจริงๆ


“แล้วตอนนี้เหยียนหมิงซุ่นทำงานตำแหน่งอะไรเหรอ? เขาไม่ใส่ชุดทหารเลยไม่รู้ตำแหน่งของเขา”


เหยียนซินหย่าเริ่มลังเล แม้เธอไม่ใช่แม่ยายที่มักใหญ่ใฝ่สูงแต่นี่เกี่ยวโยงถึงความสุขตลอดชีวิตของลูกสาว เธอต้องหวังอยากให้เหยียนหมิงซุ่นได้ดิบได้ดีในค่ายทหารไต้เต้าขึ้นตำแหน่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งดี!


เหมยเหมยแสร้งพูดหยอก “แม่คะ พี่หมิงซุ่นเพิ่งเป็นทหารได้สามปีจะมีตำแหน่งอะไร ก็ยังเป็นแค่ทหารธรรมดาคนหนึ่ง!”


เหยียนซินหย่าผิดหวังเล็กน้อย นับนิ้วพึมพำเอง “สิบเจ็ด…จบมหาวิทยาลัยอย่างน้อยต้องทำงานสองสามปีก็อีกหกเจ็ดปี หกเจ็ดปีตอนนั้นน่าจะได้เป็นนายร้อยแล้วสินะ…”


เหมยเหมยได้ยินจนมึนเลยถามด้วยความแปลกใจ “แม่พึมพำอะไรคะ? อะไรคือนายร้อยนายสิบ?”


เหยียนซินหย่าตักซุปกระดูกซี่โครงใส่กระเทียมเจียวเสร็จสรรพ “เปล่า ลูกยกนี่ออกไปแล้วเรียกพวกคุณพ่อมาทานข้าว พอคุยแล้วก็ไม่จบไม่สิ้น!”


เหมยเหมยยิ้มคิกคักพลางหยิบกระดูกซี่โครงหนึ่งชิ้นมาแทะก่อนจะไปเรียกอีกสองคน


ขณะทานข้าวเหยียนซินหย่าคีบผักให้เหยียนหมิงซุ่นอย่างอดไม่ได้ กระตือรือร้นเสียจนจ้าวอิงหัวนึกอิจฉาและแสร้งทำเป็นไอตลอดคืนก็ยังไม่มีใครสนใจเขา ผู้หญิงในบ้านทั้งสองคนไม่ว่าในสายตาหรือหัวใจต่างมีแต่เหยียนหมิงซุ่น จะว่างมาสนใจเขาเสียที่ไหนกันล่ะ


จ้าวอิงหัวที่อัดอั้นอยู่เต็มอกหลังทานข้าวก็ไปนั่งดูโทรทัศน์อย่างไม่พอใจ คร้านจะส่งใครบางคนที่ขัดหูขัดตาเขา เหยียนซินหย่าให้เหมยเหมยเก็บถ้วยชามโดยที่ตัวเองไปส่งเหยียนหมิงซุ่นตรงลานหน้าบ้าน


“หมิงซุ่นเอ้ย น้าคิดว่าหลายปีนี้เธอเร่งฝีเท้าให้เร็วหน่อยก็ได้นะ ยังไงก็น่าจะไปถึงตำแหน่งนายร้อยสินะ น้าคิดว่าเธอต้องทำได้แน่ๆ” เหยียนซินหย่าพูดเสียงอันเบาด้วยสีหน้ามั่นอกมั่นใจอย่างไม่มีเหตุผล


………………………..


[1] หมั่นฮั่นฉวนสี โต๊ะอาหารจีนหลวงสำหรับฮ่องเต้ในยุคราชวงศ์ชิงที่มีทั้งอาหารแมนจูและชาวฮั่น


ตอนที่ 1042 ความละโมบโลภมาก


เหยียนหมิงซุ่นชะงักงันและไม่เข้าใจความหมายเหยียนซินหย่าไปชั่วขณะ เท่าที่เขาดูเหยียนซินหย่าไม่ใช่คนมักใหญ่ใฝ่สูงแบบนั้นและไม่สนใจเรื่องผลประโยชน์ ทำไมจู่ๆ ก็เรียกร้องให้เขาเป็นถึงนายร้อยล่ะ?


แน่นอนว่าตำแหน่งของเขาในตอนนี้เหนือกว่านายร้อยไปหลายขั้นแล้ว!


เหยียนซินหย่าเห็นเหยียนหมิงซุ่นเงียบไปเลยคิดว่าเขารู้สึกเสียศักดิ์ศรีเลยรีบอธิบายด้วยความรู้สึกผิดชั่วขณะ “หมิงซุ่นอย่าเข้าใจฉันผิดไปนะ ฉันไม่ได้บอกว่าเธอจะต้องทำให้ได้ แค่ให้พยายามทำให้ได้”


เหยียนหมิงซุ่นจงใจถาม “ทำไมล่ะครับ? คุณน้ารู้สึกว่าตำแหน่งของผมไม่คู่ควรกับเหมยเหมยเหรอ?”


เหยียนซินหย่าส่ายศีรษะรัว “ไม่ใช่อยู่แล้ว ความหมายของฉันคือหมิงซุ่นต้องคิดถึงชีวิตในอนาคต ฉันได้ยินมาว่าถ้าแต่งงานกับทหารต้องมีตำแหน่งระดับนายร้อยขึ้นไปถึงจะอยู่ด้วยกันได้ ไม่อย่างนั้นสองสามีภรรยาต้องแยกกันอยู่สองที่ อนาคตถ้าเธอไม่ได้เป็นนายร้อย เหมยเหมยชีวิตต้องลำบากแน่!”


เหยียนหมิงซุ่นชะงักงัน ว่าที่แม่ยายในอนาคตคนนี้ของเขาช่างมีความคิดที่กระโดดก้าวไปไกลเหลือเกิน ทำไมโยงไปถึงเรื่องติดตามสามีที่ค่ายทหารไปได้ล่ะ?


แต่เขาชอบคุยประเด็นนี้ แบบนี้ดูเหมือนว่าเขาจะชนะใจว่าที่แม่ยายในอนาคตได้แล้วสิ?


“น้าเหยียน น้าตกลงให้เหมยเหมยแต่งงานกับผมแล้วเหรอ?” เหยียนหมิงซุ่นถามเพื่อเป็นการยืนยันเสียงเบา


เหยียนซินหย่ามองเหยียนหมิงซุ่นอย่างตกตะลึง ความคิดสี่มิติฉบับศิลปินของเธอทำให้เธอคิดไปถึงเรื่องอื่นเลยอดทำหน้าบึ้งตึงไม่ได้ตวาดไปว่า “หมิงซุ่นเธอหมายความว่ายังไง? หรือว่าเธอแค่คิดเล่นๆ กับเหมยเหมย? ฉันไม่คิดว่าเธอจะเป็นคนแบบนี้ เธอรีบไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้เลย แล้วห้าม…”


เหยียนหมิงซุ่นปวดหัวเอามือกุมหน้าผาก นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย แม่ยายของเขาไร้เหตุผลยิ่งกว่าเหมยเหมยเสียอีก!


เพิ่งปลอบประโลมใจเหยียนซินหย่าได้ทั้งทีเหยียนหมิงซุ่นก็รีบสารภาพความในใจอันภักดีไม่เคยคิดจะนอกลู่นอกทางที่เขามีต่อเหมยเหมยออกไป สร้างความพึงพอใจแก่เหยียนซินหย่าอย่างมากเลยตอบกลับ “ฉันรู้อยู่แล้วว่าเธอเป็นเด็กดี แต่ไปอยู่ค่ายทหารก็ตั้งใจเข้านะ พยายามให้ได้ตำแหน่งนายร้อยภายในหกปีล่ะ!”


เหยียนหมิงซุ่นมองเหยียนซินหย่าด้วยใบหน้ายิ้มแย้มก็หูผึ่ง หกปี? ทำไมถึงเป็นหกปีล่ะ?


กฎหมายกำหนดว่าผู้หญิงแต่งงานได้ตั้งแต่อายุยี่สิบนี่!


“น้าเหยียน สามปีต่างหาก ภายในสามปีผมต้องเป็นนายร้อยได้แน่ๆ” เหยียนหมิงซุ่นทำสีหน้าแน่วแน่


เหยียนซินหย่ากลับไม่เข้าใจความหมายของเหยียนหมิงซุ่นแถมยังดีใจแทนนึกว่าเขามีความมุ่งมั่น หลังส่งเหยียนหมิงซุ่นกลับไปเธอเดินกลับเข้าบ้านด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม  จ้าวอิงหัวกระแอมเสียงไอด้วยความหึงหวงเพื่อสื่อถึงความไม่พอใจอย่างหนักหน่วงของเขา


“คุณเป็นหวัดหรือเปล่า? ฉันเห็นคุณไอตลอดคืนเลย ฉันไปต้มน้ำสาลี่ใส่น้ำตาลกรวดให้แล้วกัน!” เหยียนซินหย่าว่าแล้วก็หมายจะเข้าไปต้มน้ำสาลี่ใส่น้ำตาลกรวดในห้องครัว


จ้าวอิงหัวรีบห้ามเธอไว้ “ไม่เป็นไร ก็แค่กับข้าวเค็มไปหน่อย คุณมาดูทีวีเป็นเพื่อนผมหน่อย เมื่อกี้ทำไมไปส่งนานขนาดนี้ คุณคุยอะไรกับเหยียนหมิงซุ่นบ้าง?”


เหมยเหมยที่กำลังล้างถ้วยอยู่ในครัวก็หูผึ่ง เธอเองก็อยากรู้มากเหมือนกัน!


“ไม่มีอะไร แค่ให้หมิงซุ่นตั้งใจทำงานในค่ายทหาร พยายามให้คว้าตำแหน่งนายร้อยเร็วๆ” เหยียนซินหย่ากดเปลี่ยนช่องข่าวเป็นช่องฉายละครน้ำเน่าจากไต้หวัน ช่วงนี้เธอกำลังติดตามอยู่ เสียน้ำตาไปเป็นโอ่งได้


จ้าวอิงหัวไม่เข้าใจเลยถามภรรยาว่าหมายความว่าอย่างไร เหยียนซินหย่าเขม่นตาใส่เขาแวบหนึ่ง “ต้องเป็นนายร้อยถึงจะอนุญาตให้ภรรยาติดตามไปอยู่ค่ายทหารได้ไง ถ้าเหมยเหมยแต่งงานกับหมิงซุ่นแล้วติดตามไปด้วยไม่ได้ ลูกสาวเราก็ต้องเป็นหม้ายน่ะสิ”


เหมยเหมยในห้องครัวหน้าแดงก่ำทันทีแทบจะทำจานลื่นมือตกพื้น แม่ของเธอความคิดก้าวกระโดดเกินไปล่ะมั้ง นี่ยังห่างจากวัยแต่งงานเธออีกตั้งหลายปี!


จ้าวอิงหัวอารมณ์พุ่งปรี๊ดจนเผลอสำลักไอติดกันหลายครั้งเสียงแทบขาดใจ เหยียนซินหย่าลูบหลังให้เขาทั้งบอกเรื่องที่เหยียนหมิงซุ่นให้คำมั่นสัญญาสามปีไปด้วย พูดชมว่า “หมิงซุ่นช่างเป็นคนที่มีอุดมการณ์จริงๆ!”


“แค่กแค่กแค่ก…”


จ้าวอิงหัวโกรธจนอารมณ์เปลี่ยนตามไม่ทันและยิ่งไอหนักกว่าเดิม ภรรยาของเขาใสซื่อเกินไปแม้แต่ความละโมบของเหยียนหมิงซุ่นยังดูไม่ออก สามปีคิดจะแต่งงานกับลูกสาวเขางั้นเหรอ?


ฝันไปเถอะ!


………………………….


 ตอนที่ 1043 เปลี่ยนกฎ


ตกดึกเหมยเหมยก็ได้รับสายจากทนายหม่าว่าหลินเจิ้นกั๋วมาถึงแล้วและอยากเจอเธอสักครั้งในช่วงบ่ายพรุ่งนี้ ดูเหมือนว่าหลินเจิ้นกั๋วจะใจร้อนน่าดู!


เหมยเหมยคิดๆ แล้วก็ตอบตกลงไปแล้วโทรหาเหยียนหมิงซุ่น เขาพักอยู่แถบอีจง พรุ่งนี้ไปเป็นเพื่อนเธอได้พอดี


แม้เหยียนหมิงซุ่นจะมีบ้านในเมืองจินหลายแห่งแต่ทุกครั้งที่เขากลับเมืองจินก็ต้องไปพักกับคุณปู่คุณย่าเสมอ ห่างกันไปสามปีคนแก่ตระกูลเหยียนสองคนค่อยๆ ยอมรับความจริงที่ว่าหลานชายไปเป็นทหารได้ทีละนิดและไม่ตื๊อเรื่องเรียนมหาวิทยาลัยอีก


เพียงแต่เหยียนโฮ่วเต๋อกลับไม่ยอมยกโทษให้ลูกชายคนโต ไม่เคยมีจดหมายสักฉบับตลอดสามปีที่ผ่านมา ยิ่งอย่าพูดถึงโทรหาเลย เหยียนหมิงซุ่นเองก็ไม่ยอมอ่อนข้อ ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูกมาถึงจุดเยือกเย็น


หลินเจิ้นกั๋วอายุราวหกสิบกว่าปีโดยมีผมหงอกขาวทั้งสองข้างบ่งบอกช่วงอายุอย่างชัดเจน หน้าตาคล้ายคลึงกับหลานชายคุณหลินอย่างมาก ตามที่ว่ามาคือภรรยาของหลินเจิ้นกั๋วเสียชีวิตท่ามกลางเหตุการณ์จลาจลครานั้น คนที่รอดมีเพียงเขากับหลานชายหลินฮั่นเหวินสองคน


ทนายหม่าเองก็มาถึงแล้ว หลินเจิ้นกั๋วเป็นคนนิสัยตรงไปตรงมา อ้าปากก็ถามเหมยเหมยเลยว่าสามารถจ่ายได้เท่าไรด้วยสีหน้าระอาเต็มทน


“ผมก็ไม่คิดจะปิดบังคุณจ้าว สถานการณ์ซิงซิงในตอนนี้แย่มาก เดิมทีผมกะจะอาศัยหนังสือของคุณจ้าวมาพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส แต่เงินกู้ที่คุยไว้กับธนาคารไม่สำเร็จ ซิงซิงมาถึงทางตันแล้ว” หลินเจิ้นกั๋วยิ้มกล่าวออกมาอย่างขมขื่น


เหมยเหมยถึงบางอ้อทันที มิน่าถึงได้รีบร้อนนัก!


เธอชี้ไปยังเหยียนหมิงซุ่นแล้วกล่าว “คุณหลินคุยกับเขาแล้วกัน เขาสามารถจัดการเรื่องของฉันได้อย่างมีอำนาจเต็มที่”


เรื่องที่ต้องใช้สมองเหล่านี้ให้เหยียนหมิงซุ่นทำแล้วกัน มีเรื่องก็ให้แฟนหนุ่มจัดการไง!


เดิมทีหลินเจิ้นกั๋วยังคิดจะใช้ท่าทีเรียกร้องความเห็นใจต่อหน้าแม่หนูคนนี้เพื่อหลอกเงินให้มากกว่านี้เสียหน่อย กลับไม่คิดว่าเหมยเหมยจะพาเหยียนหมิงซุ่นมาด้วย แค่เห็นผู้ชายคนนี้ก็รู้ว่าไม่ใช่คนที่จะหาเรื่องได้ง่ายๆ!


ความจริงได้พิสูจน์แล้วว่าเขามองไม่ผิด เหยียนหมิงซุ่นหาเรื่องไม่ง่ายเลยจริงๆ แค่ไม่กี่ประโยคก็สามารถแบ่งหุ้นของซิงซินไปถึงร้อยละสามสิบกลายเป็นหุ้นส่วนรายใหญ่รายที่สองรองจากหลินเจิ้นกั๋ว


ส่วนหนังสือเล่มนั้นของเหมยเหมย การช่วยตีพิมพ์หนังสือแทนหุ้นส่วนยังมีหน้ามาแบ่งค่าตอบแทนครึ่งครึ่งอีกหรือ?


แน่นอนว่าต้องสี่ต่อหก เหมยเหมยหกส่วนซิงซิงสี่ สี่ส่วนนี้ซิงซิงยังต้องนับรวมโบนัสรายปีที่ต้องแบ่งให้เหมยเหมยอีกด้วย


เหมยเหมยยังพกหนังสือรวมบทความสองเล่มของเจ้าอ้วนน้อยมาให้หลินเจิ้นกั๋วอ่านผ่านๆ ตาอีกต่างหาก


“นี่เป็นหนังสือของเพื่อนฉันคุณชายน่าหลัน นามปากกาของเขาพวกคุณน่าจะเคยได้ยิน นี่เป็นนักเขียนมือใหม่ที่ผงาดขึ้นในสามปีนี้ เป็นคนรุ่นเดียวกับฉันแต่ภาษาการเขียนกลับดูเป็นผู้ใหญ่ น่าจะมีตลาดรองรับ”


เหมยเหมยเน้นย้ำอายุของเจ้าอ้วนน้อย นี่เป็นคำเกริ่นที่สามารถดึงดูดความสนใจจากนักอ่านชั้นดีเชียว


ชาติก่อนเธอเห็นนักเขียนบางส่วนที่ใช้ชื่อนามปากกาว่า ‘นักเขียนสาวงาม’ หรือ ‘นักเขียนหนุ่มน้อย’ แล้วได้ความสนใจอย่างล้นหลาม


เจ้าอ้วนน้อยเป็นคนมีพรสวรรค์อย่างแท้จริง ต่อให้ต้องขายภาพลักษณ์ก็ไม่มีอะไรมาก ความสามารถที่แท้จริงไม่ต้องกลัวอุปสรรค!


หลินเจิ้นกั๋วไม่ได้อ่านหนังสือ เขาพูดด้วยความตกใจ “บทความของคุณชายน่าหลันผมเคยอ่านมานานแล้ว ไม่คิดว่าเขาจะเป็นเพื่อนของคุณจ้าวแล้วยังอายุน้อยขนาดนี้ ช่างเป็นเด็กที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อยจริงๆ!”


หลินฮั่นเหวินพูดเสริม “ความจริงถ้าไม่ใช่เพราะเงินทุนไม่เอื้ออำนวยผมอยากเซ็นสัญญาหนังสือของคุณชายน่าหลันไว้ด้วย วงการนักเขียนในฮ่องกงตลอดหลายปีมานี้ขาดคนมีความสามารถเลยต้องการนักเขียนรุ่นใหม่อย่างคุณจ้าวกับคุณชายน่าหลันมากๆ”


เหมยเหมยยิ้มตอบ “เงินไม่ใช่ปัญหา ก็วางจำหน่ายพร้อมกันเลยแล้วกัน พรุ่งนี้ฉันจะให้คุณชายน่าหลันมาเซ็นสัญญากับคุณ ส่วนแบ่งครึ่งต่อครึ่ง หลังจากนั้นถ้าซิงซิงเซ็นสัญญากับนักเขียนในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ก็แบ่งกันครึ่งครึ่งทุกกรณี”


มีเงินคือพระเจ้า ต่อให้เธอใช้เงินตบหัวก็ต้องเปลี่ยนกฎต่ำทรามของทางนั้นให้ได้!


เหอะ กินข้าวของจีนแผ่นดินใหญ่ ดื่มน้ำจากจีนแผ่นดินใหญ่แต่ยังดูถูกคนจีนแผ่นดินใหญ่ ช่างหาเรื่องให้ด่าเสียจริง!


ตอนที่ 1044 มือปืน


การเซ็นสัญญากับซิงซิงจบลงด้วยดีที่ทั้งสองฝ่ายต่างยินดีปรีดา ลุงหลานหลินเจิ้นกั๋วทั้งสองคนต่างหากที่ตื่นเต้นที่สุดเพราะสำนักพิมพ์ของพวกเขาเป็นดั่งเลือดเนื้อที่พวกเขาลงทุนมากว่าครึ่งชีวิต หากปิดตัวลงจริงๆ สองลุงหลานคู่นี้น่าจะเสียใจที่สุด


หลินฮั่นเหวินสอบถาม “คุณจ้าวเคยได้ยินนักเขียนที่ชื่อโอหยางซานซานมั้ยครับ?”


เหมยเหมยเลิกคิ้วมองอีกฝ่ายด้วยความแปลกใจ โอหยางซานซานเริ่มแต่งบทความตั้งแต่เมื่อไร? หรือว่าชื่อนามสกุลเหมือนกัน?


“เธอแต่งหนังสือเรื่องอะไรคะ?” เหมยเหมยถาม


หลินฮั่นเหวินล้วงหนังสือเล่มบางจากกระเป๋าทำงานออกมาแล้วยื่นให้ “นี่เป็นหนังสือรวมบทความของเธอ เป็นนักเขียนมือใหม่ที่เพิ่งปรากฏตัวในสองปีนี้เหมือนกัน ภาษาเขียนก็ดูคล่องเหมือนผู้ใหญ่”


เหมยเหมยดูวันตีพิมพ์ของหนังสือก่อนพบว่าเพิ่งตีพิมพ์ปีนี้และตีพิมพ์ไปจำนวนห้าพันเล่ม หน้าแรกของหนังสือเป็นรูปถ่ายของนักเขียน


ก็ได้ ไม่ต้องรอยืนยันแล้วว่าเป็นคนชื่อสกุลเหมือนกันเฉยๆ หรือเปล่าเพราะผู้หญิงในรูปก็คือนางแพศยาโอหยางซานซานนั่นเอง


คำนำได้เขียนแนะนำโอหยางซานซานอย่างละเอียดว่าเชี่ยวชาญการเล่นฉิน การแข่งหมาก การแต่งบทกลอนและการวาดรูป แล้วไหนยังหน้าตาสวยงามขนาดนี้แทบจะเป็นที่โปราดปราณของพระเจ้าเลยล่ะ


เหมยเหมยแค่นหัวเราะใส่ หวงอวี้เหลียนใช้แผนใหม่หรือ?


เส้นทางการเป็นนักวาดไม่เป็นไปตามที่หวังก็เปลี่ยนมาเบียดเบียนวงการนักเขียนแทนงั้นสิ?


เหอะ จากสติปัญญาของโอหยางซานซาน ตีให้ตายเธอก็ไม่เชื่อว่าบทความเหล่านี้ถูกแต่งโดยโอหยางซานซาน เหมยเหมยเลือกอ่านมาหนึ่งถึงสองบทความ หลินฮั่นเหวินพูดไม่ผิดเพราะภาษาเขียนนั้นดูช่ำชองคล่องแคล้วไม่แพ้เจ้าอ้วนน้อย


ต่อให้ภาษาเขียนของเจ้าอ้วนน้อยจะช่ำชองขนาดไหนก็ยังสัมผัสได้ถึงความอ่อนเยาว์ได้บ้าง ในเมื่ออายุยังน้อยกันอยู่!


แต่บทความเหล่านี้ของโอหยางซานซานกลับไม่มีกลิ่นอายความอ่อนเยาว์ หากไม่มีรูปถ่ายของโอหยางซานซานตรงหน้าปกคงคิดว่าเป็นผลงานของนักเขียนที่มากด้วยประสบการณ์คนใดคนหนึ่งแน่


“คุณหลินคิดว่ายังไงคะ?” เหมยเหมยถาม


หลินฮั่นเหวินตอบตรงๆ “บทความเหล่านี้มีหลายรูปแบบ ทั้งเฉียบคม สนุก ผ่อนคลาย รู้สึกว่าไม่ได้เขียนด้วยคน ๆ เดียวกัน ต่อให้เป็นผลงานของคนเดียวกันก็ไม่มีทางใช่ผลงานของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง มีประสบการณ์ชีวิตและความรู้สึกนึกคิดบางอย่างที่ไม่มีทางเป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งจะเขียนออกมาได้”


“เพราะฉะนั้นความหมายของคุณหลินคือ?”


หลินฮั่นเหวินยิ้มตอบ “ความจริงคุณจ้าวเข้าใจความหมายของผมแล้ว ทางนั้นของเรามีอาชีพหนึ่งเรียกว่า ‘มือปืน’ มีนักเขียนบางส่วนที่จะจ้างคนที่มีทักษะการเขียนที่ดีช่วยแต่งบทความแทนพวกเขาเพื่อเร่งปิดต้นฉบับ สุดท้ายก็ประทับด้วยชื่อของนักเขียน คนที่ช่วยแต่งบทความพวกนี้ก็คือมือปืน”


เหมยเหมยยกนิ้วโป้งให้เขา สายตาเฉียบคมอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด บทความพวกนี้ของโอหยางซานซานมาจากมือปืนอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง?


โอหยางเซี่ยงหมิงรับผิดชอบส่วนวรรณกรรมศิลปะอยู่แล้ว หวงอวี้เหลียนจะหามือปืนไม่กี่คนคงไม่ใช่เรื่องยากเกินความสามารถ


หลินฮั่นเหวินพูดต่อ “นักเขียนที่ชื่อโอหยางซานซานคนนี้เคยติดต่อผมมาช่วงก่อนหน้านี้ อยากให้ซิงซิงช่วยตีพิมพ์ให้แต่ถูกผมปฏิเสธไป ผมเดาว่าเธออาจจะไปหาอีเจีย”


“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเรา”


เหมยเหมยออกจะสมน้ำหน้าด้วยซ้ำ หวงอวี้เหลียนไปหาอีเจียก็รอถูกปอกลอกให้หนังหลุดไปเถอะ!


แต่หวงอวี้เหลียนแค่อยากจะช่วยสร้างกระแสให้โอหยางซานซานมากกว่าเพื่อให้ดื่มด่ำกับตำแหน่งนักเขียนวัยรุ่นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ฉายานี้ค่อนข้างได้รับความนิยมอยู่ค่อนข้างสูง พอจะช่วยเคลือบทองไว้บนตัวโอหยางซานซานได้หลายชั้นแล้ว!


เหมยเหมยที่นั่งอยู่ในรถยิ่งคิดยิ่งไม่พอใจจนอดยู่ปากไม่ได้ โอหยางซานซานอาศัยความลำบากของคนอื่นเพื่อเติมสีสันให้ตัวเอง ทำเรื่องผิดบาปผิดหลักจรรยาบรรณแบบนี้เธอควรช่วยธำรงธรรมแทนสวรรค์ดีหรือเปล่านะ?


เหยียนหมิงซุ่นดูออกถึงความไม่พอใจของแฟนสาวเลยกระซิบข้างหูเธอเบาๆ “ให้ฉันช่วยตามหาหลักฐานมือปืนของโอหยางซานซานให้มั้ย?”


เหมยเหมยดวงตาลุกวาวพลางโอบลำคอเหยียนหมิงซุ่นไว้แล้วพยักหน้าแรง ๆ แถมยังเป็นฝ่ายมอบรอยจูบให้ก่อนหนึ่งที


……………………………


ตอนที่ 1045 โอหยางซานซานที่ทะเยอทะยาน


อิทธิพลของเหยียนหมิงซุ่นในตอนนี้เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างมาก ไม่กี่วันเขาก็ตามหามือปืนที่ช่วยแต่งบทความแทนโอหยางซานซานได้


เป็นดั่งหลินฮั่นเหวินพูดไว้ไม่มีผิด มือปืนไม่ได้มีเพียงคนเดียวแต่มีถึงสามคน ชายสองคนกับหญิงอีกหนึ่งคน


สามคนนี้ล้วนเป็นนักเขียนที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียงนัก มีความสามารถแต่กลับโดนกลบถึงได้ถูกหวงอวี้เหลียอ้างว่าจะช่วยตีพิมพ์หนังสือพวกเขามาหลอกล่อ หลอกเอาทั้งสามคนไปช่วยเป็นมือปืนให้โอหยางซานซานอย่างสมยอมใจ


ลูกน้องของเหยียนหมิงซุ่นทำงานรวดเร็วมีประสิทธิภาพ บันทึกคำให้การของทั้งสามคนพร้อมทั้งให้เซ็นชื่อประทับรอยนิ้วมือ


“เหมยเหมยกะจะเปิดโปงโอหยางซานซานเมื่อไหร่? ตอนนี้เหรอ?” เหยียนหมิงซุ่นเอาคำให้การเหล่านี้ให้เหมยเหมยดู


เหมยเหมยส่ายศีรษะแรงๆ สายตาที่กำลังขบคิดแล่นพาดผ่าน “ไม่ใช่ตอนนี้ รออีกสักช่วงก่อน รอให้หนังสือของโอหยางซานซานตีพิมพ์ มีชื่อเสียงแล้วค่อยว่ากัน”


เหยียนหมิงซุ่นแค่ฟังก็รู้ทันว่ายายเด็กคนนี้กำลังวางแผนอะไรอยู่ถึงกระตุกยิ้มมุมปาก หยิกแก้มเหมยเหมยเบาๆ หนึ่งทีพูดเสียงสูง “ร้ายขึ้นนะ?”


เหมยเหมยกลอกตาใส่เขาแวบหนึ่งแล้วคำรามขึ้นว่า “ฉันกำลังธำรงธรรมแทนสวรรค์อยู่ ปราบมารปีศาจ!”


เหยียนหมิงซุ่นอมยิ้มน้อยๆ ช่างมีเหตุมีผลเสียจริง ดูเข้มแข็งกว่าคนอ่อนแอในวัยเด็กคนนั้นเยอะ


ผ่านไปไม่กี่วันลูกน้องของเหยียนหมิงซุ่นก็มารายงานว่าโอหยางซานซานเซ็นสัญญาสิบห้าปีกับอีเจียโดยมีส่วนแบ่งครึ่งต่อครึ่ง ดูท่าทางอีเจียจะให้หน้าหวงอวี้เหลียนมากทีเดียว


โอหยางซานซานเพิ่งเซ็นสัญญาไปหวงอวี้เหลียนก็เริ่มปั่นกระแส ปฏิเสธไม่ได้ว่าทักษะการปั่นกระแสของผู้หญิงคนนี้ไม่ด้อยไปกว่าดาราดังพวกนั้นเลยแม้แต่นิดเดียว


หวงอวี้เหลียนเองก็มาผิดเวลาไปหน่อย หากเธอเกิดช้าสักไม่กี่สิบปีแค่รูปลักษณ์ภายนอก โฉมหน้าของเธอรวมถึงทักษะการปั่นกระแสชั้นเยี่ยมของเธอแล้ว ต้องเป็นดาราที่มีกระแสแถวหน้าแน่นอน


“พวกเธอได้ข่าวมั้ย? โอหยางซานซานเขียนหนังสือล่ะตอนนี้กำลังวางขายที่ฮ่องกง อีกสักพักจะมีงานแจกลายเซ็นที่ฮ่องกงด้วย”


“พระเจ้า โอหยางซานซานเก่งจัง หน้าตาสวยขนาดนี้ ทั้งเก่งฉิน เล่นหมากเป็น เขียนหนังสือเป็น วาดรูปก็เป็น พระเจ้า คนเรียนแย่อย่างเรายังมีทางรอดอีกไหมนะ?”


“สมแล้วที่รุ่นพี่โอหยางเป็นไอดอลของฉัน ทั้งหน้าตาดีและมากด้วยความสามารถแล้วยังขยันมุ่งมั่นแบบนี้อีก ฉันจะเรียนรู้จากเธอ!”


……


เพื่อนร่วมห้องกำลังถกเกี่ยวกับหนังสือของโอหยางซานซาน มีทั้งคนอิจฉามีทั้งคนที่นับถือจากใจจริง อีกส่วนหนึ่งที่พูดกระแนะกระแหน แต่เพื่อนส่วนใหญ่อิจฉากันทั้งนั้น


ในเมื่อเด็กสมัยนี้ยังใสซื่อบริสุทธิ์นักไม่ได้เจ้าเล่ห์เจ้าแผนการเหมือนเด็กรุ่นใหม่ แม้พวกเขาจะอิจฉาคนที่มีความสามารถจริงๆ แต่ส่วนมากก็ให้ความชื่นชม


เหมยเหมยแค่นยิ้มในใจ ให้โอหยางซานซานได้ใจไปก่อน


ตอนนี้เธอปีนไปอยู่ที่สูงมากแค่ไหน อนาคตก็มีแต่จะร่วงตกลงมามากเท่านั้น!


เจียงซินเหมยซุบซิบกับเจ้าอ้วนพลางพูดด้วยความขุ่นเคือง “ทำไมนายไม่เปิดเผยเรื่องที่นายเป็นคุณชายน่าหลันล่ะ? ถ้านายบอกไปนะโอหยางซานซานก็เทียบไม่ได้หรอก”


เจ้าอ้วนน้อยรีบส่ายหน้า “ถ่อมตัวถ่อมตัว ไม่จำเป็นต้องไปแก่งแย่งชื่อเสียงจอมปลอมพวกนี้”


สิ่งที่เขาให้ความสำคัญคือเรื่องเงิน ของอย่างชื่อเสียงอะไรเทือกนี้ต้องโทษที่เขายังอายุน้อยเกินไปเลยรู้สึกจากใจว่าของพวกนี้ไม่ได้สร้างความสุขแก่เขามากเท่าเงิน!


เจียงซินเหมยคุกรุ่นเพราะความเฉยเมยต่อเรื่องชิงดีชิงเด่นของเจ้าอ้วนน้อยเลยเบนทิศไปยังเหมยเหมย


“พวกเธอละทางโลกกันแล้วหรือไง? ทั้งที่มีของดีอยู่ในตัวกลับถ่อมตัวบ้าบออยู่ได้ ตอนนี้ดีล่ะสิให้โอหยางซานซานได้หน้าไปเต็มๆ…จะบ้าตาย!”


เจียงซินเหมยก่นด่าไปหลายประโยคก็ยังไม่สาแก่ใจเลยด่าต่อ “ถ้าฉันมีความสามารถเท่าพวกเธอ คุยโม้ไปทั่วสารทิศแล้ว ไม่มีทางเปิดช่องให้โอหยางซานซานได้หน้าหรอก?”


“นั่นไง พระเจ้ารู้ว่าเธอมีนิสัยชอบอวดเลยจงใจไม่ให้เธอมีความสามารถด้านการเขียนหนังสือ!”


อู่เชาจงใจพูดหยอกล้อเรียกให้เจียงซินเหมยตบหลังกบาลไปทีหนึ่ง ไม่นานเธอเองก็หัวเราะตาม


ตอนที่ 1046 ทุกอย่างกลับตาลปัตรเมื่อดำเนินถึงจุดหนึ่ง


ตอนเที่ยงไปทานข้าวที่โรงอาหารพวกเขายังคงไปกันสามคน อู่เชาพูดด้วยความตื่นเต้น “เมื่อวานฉันถามพ่อครัวมาล่ะว่าวันนี้ทำเมนูเคาหยก ซู้ด…ฉันไม่ได้กินเคาหยกมานานแล้ว วันนี้อย่างน้อยต้องได้กินห้าชิ้น ไม่ หกชิ้น”


เจียงซินเหมยแค่นเสียงใส่ “กินอีกก็อ้วนเป็นหมูแล้ว”


“เหอะ ผู้หญิงที่ไม่เป็นผู้ใหญ่พอกับผู้ชายนิสัยเสียอยู่ด้วยกันยาก ฉันไม่ถือสาผู้หญิงอย่างพวกเธอแล้วกัน…” เจ้าอ้วนน้อยเห็นเหมยเหมยทำหน้าบึ้งตึงก็ใจเต้นตุบตับ รีบยิ้มพูดเอาอกเอาใจ “แน่นอนว่ายกเว้นเหมยเหมย…”


เพียงแต่ไม่นานเขาก็พบว่าเหมยเหมยไม่ได้ฟังเขากับเจียงซินเหมยพูดอยู่แต่กลับมองไปอีกทาง


เจียงซินเหมยกระทุ้งศอกใส่เขาพลางพูดด้วยความขุ่นเคือง “โอหยางซานซานอวดอีกแล้ว”


ที่ไม่ไกลจากตรงนี้มีคนกลุ่มหนึ่งซึ่งตรงกลางคือโอหยางซานซานกำลังยิ้มหน้าบาน


“รุ่นพี่โอหยาง เซ็นให้ฉันหน่อยสิ!”


“ให้ฉัน…ฉันมาก่อน!”


……


โอหยางซานซานพูดเสียงหว่านล้อมอ่อนโยน “ได้กันทุกคน อย่าเบียดกันนะ…ระวังได้รับบาดเจ็บ…”


“โอ้…รุ่นพี่โอหยางอ่อนโยนจัง…สวยจัง…มีความสามารถจัง…ฉันชอบเธอจัง…”


“ฉันก็เหมือนกัน…ขนาดฝันฉันยังอยากเป็นเทพธิดาอย่างรุ่นพี่โอหยางเลย…”


……


เด็กนักเรียนชั้นมอสี่ที่หน้าตาอ่อนเยาว์ทำหน้าซาบซึ้งมองเทพธิดาของพวกเธอด้วยความหลงใหล


แน่นอนว่าส่วนมากก็เป็นผู้ชายที่กระตือรือร้นกว่านี้ สายตาเร่าร้อนแทบมองจนทะลุตัวอีกฝ่าย มีผู้ชายบางคนตะโกนพูดด้วยคำพูดฮึกเหิมอย่าง ‘ฉันชอบเธอ’ ทำเอาโอหยางซานซานหน้าแดงปลั่ง แต่นัยน์ตาที่หลุบมองลงต่ำมีเพียงความได้ใจ


ที่แท้โอหยางซานซานคนนี้เริ่มทำท่าเหมือนดาราที่ให้ลายเซ็นแก่เหล่านักเรียนที่ชื่นชอบเธอในโรงอาหาร ในมือนักเรียนกลุ่มนี้ต่างมีหนังสือกันคนละเล่มอันเป็นผลงานเล่มแรกของโอหยางซานซาน หรืออาจเป็นผลงานสุดท้าย!


“ให้ตายเถอะ ดูท่าทางได้ใจของเธอสิ คิดว่าตัวเองเป็นดาราหรือไงกัน…โอ๊ย…โกรธจนอิ่มแล้ว ฉันไม่กินข้าวแล้ว กินน้ำซุปหน่อยก็พอ”


เจียงซินเหมยพร่ำบ่นด้วยความโกรธ เธอกับโอหยางซานซานมีเรื่องบาดหมางใจกันมานาน มิน่าเธอถึงได้โกรธขนาดนี้


ความจริงโรงเรียนได้มีการจัดงานแสดงทุกปีซึ่งจะรวบรวมนักเรียนที่มีทักษะการเต้นเพื่อแสดงด้วยกัน เจียงซินหย่ามักถูกเลือกให้เป็นคนนำเต้นเพราะเต้นดีกว่าคนอื่น


แต่โอหยางซานซานที่อิจฉาตาร้อนไม่รู้ว่าหวงอวี้เหลียนใช้วิธีอะไร นับตั้งแต่นั้นมาตำแหน่งคนนำเต้นก็ไม่ใช่ที่ของเจียงซินเหมยอีกต่อไปกลายเป็นของโอหยางซานซานมาโดยตลอด


หากจะว่าโอหยางซานซานเต้นดีก็ว่าไปอย่างเพราะเจียงซินเหมยเองก็ไม่ใช่คนใจแคบนักหนา ทว่าปัญหาคือเจ้าหมีสีน้ำตาลตัวนี้ไม่มีพรสวรรค์ด้านการเต้น ท่าทีอันทุลักทุเลนั้นทำเอาเจียงซินเหมยที่อยู่ด้านหลังเห็นยัยนี่มือไม้ไปไม่พร้อมกัน บิดตัวราวกับเต้นเพลงลูกทุ่ง เจียงซินเหมยถึงได้เกิดความไม่พอใจ


เลยเป็นสาเหตุที่เจียงซินเหมยเกิดความขัดแย้งกับโอหยางซานซานนับแต่นั้นมา แม้ไม่ใช่คู่อริที่ต้องตายกันไปข้างแต่ก็เหมือนน้ำกับไฟ


เหมยเหมยเห็นแล้วนึกขำเลยพูดเกลี้ยกล่อมพลางๆ “เรื่องมักกลับตาลปัตรถ้าไปถึงจุดหนึ่ง เธอรอดูต่อไปเถอะ!”


เจียงซินหย่าตาวาวเป็นประกายแล้วรีบมากระซิบถามข้างหูเหมยเหมยอย่างลึกลับ “เธอหมายความว่าโอหยางซานซานใกล้ตกอับแล้ว?”


“แผนการใหญ่จะหลุดออกไปไม่ได้ รีบกินข้าวเถอะ!”


เหมยเหมยหัวเราะรับข้าวที่อู่เชาตักให้มาทาน เจียงซินเหมยไม่ใช่เซียวเซ่อ บางเรื่องเธอทำได้แค่ใบ้ให้เพียงเท่านั้น


ดีที่เจียงซินเหมยรู้ขอบเขตเลยไม่ถามไถ่อีกกลับเลือกก้มหน้าทานข้าวไป สามคนทานข้าวไม่พูดคุยกันมีเพียงเสียงเคี้ยวอาหารเลยทำให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเงียบสงัด


แต่ดันมีคนไม่รู้จักเจียมตัว


……………………….


 ตอนที่ 1047 ความท้าทายจากอู่เยวี่ย


ไม่รู้ว่าอู่เยวี่ยกับเหยียนหมิงต๋ามานั่งโต๊ะข้างพวกเขาตั้งแต่เมื่อไร


เหยียนหมิงต๋ากำลังคีบเนื้อในถ้วยตัวเองใส่ถ้วยอู่เยวี่ยด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างอิ่มเอมใจ ดูโง่เขลาสิ้นดี


เขาดูแลเยวี่ยเยวี่ยได้อีกแล้ว ช่างน่าดีใจจังเลย!


เหมยเหมยขมวดคิ้วรีบเคี้ยวอาหารในปากให้เร็วกว่าเดิม เห็นอู่เยวี่ยก็รู้สึกสะอิดสะเอียนใจ รีบทานให้เสร็จแล้วกลับห้องเรียนดีกว่า


อู่เยวี่ยชำเลืองมองมาทางเหมยเหมยแล้วทำตาประกายวาววับ อีกฝั่งงานแจกลายเซ็นของโอหยางซานซานจบลงแล้ว อู่เยวี่ยเลยโบกมือให้เธอ “ซานซานทางนี้…”


โอหยางซานซานทนกล้ำกลืนความรังเกียจเอาไว้แล้วเค้นรอยยิ้มดูดีออกมา ก้าวเดินอย่างสง่ามาแล้วนั่งลง


“ขอบคุณที่พวกเธอช่วยตักข้าวให้ฉัน” โอหยางซานซานพูดขอบคุณเสียงเบา


“เยวี่ยเยวี่ยให้ฉันเป็นคนตักให้”เหยียนหมิงต๋ารีบอธิบายและสายตาไม่ได้มองโอหยางซานซานอีก ได้แต่ก้มหน้าทานเนื้อต่อไป


สำหรับเขาแล้วมีเพียงอู่เยวี่ยที่เรียกความสนใจจากเขาได้ ผู้หญิงคนอื่นต่อให้เป็นเทพธิดากลับชาติมาเกิดเขาก็ไม่สนใจ


อู่เยวี่ยลอบถอนหายใจที แม้เธอไม่ชอบเหยียนหมิงต๋าและไม่คิดจะแต่งงานกับเขาแต่เธอกลับไม่อยากให้เหยียนหมิงต๋าไปชอบผู้หญิงคนอื่น


ตอนนี้เห็นท่าทีที่เหยียนหมิงต๋ามีต่อโอหยางซานซานเธอก็สบายใจแล้วล่ะ


โอหยางซานซานเป็นถึงผู้หญิงในฝันของชายกว่าครึ่งในโรงเรียนเชียว เหยียนหมิงต๋ายังทำท่าไม่สนใจใยดีแบบนี้บ่งบอกว่าเขายัง…


อู่เยวี่ยอดได้ใจไม่ได้ โอหยางซานซานพื้นหลังครอบครัวดีแค่ไหน มีความสามารถมากแค่ไหนแล้วอย่างไร?


แต่ภายในใจของผู้ชายบางคนกลับมีเพียงเธออู่เยวี่ยเป็นการดีที่สุด ไม่มีใครแทนที่เธอได้ทั้งนั้น!


โอหยางซานซานแค่เห็นเมนูเคาหยกสีดำเป็นปื้นในถ้วยก็หมดความอยากอาหาร เธอเป็นคนทางเหนือเลยไม่ชินกับอาหารทางใต้ โดยเฉพาะเมนูเคาหยกอันขึ้นชื้อนี้ ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ทำใจชอบไม่ลง


อู่เยวี่ยเห็นท่าทางกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของโอหยางซานซานก็สะใจขึ้นมาบ้าง


เธอจงใจตักเคาหยกให้เธอทั้งที่ความจริงในโรงอาหารยังมีเมนูหมูสามชั้นตุ๋นแต่เธอไม่ให้เหยียนหมิงต๋าตัก ไม่รู้ทำไม แต่เธอไม่ชอบให้คนอื่นมีความสุข


ตั้งแต่เกิดเรื่องคืนนั้นอู่เยวี่ยก็รู้สึกว่าคนทั้งโลกนี้ล้วนมีความผิดต่อเธอ ไม่มีใครจะมีความสุขไปมากกว่าเธอได้ ทางที่ดีเธอต้องได้เป็นคนที่ได้ทานเนื้อเพียงคนเดียวส่วนคนอื่นกล้ำกลืนทานผักดองเค็มไปสิถึงจะสะใจพอ!


อู่เยวี่ยเหลือบมองมาทางเหมยเหมยอีกแวบหนึ่งก็เกิดความคิดเลวร้ายหนึ่งผุดขึ้นมา


“ซานซานเธอเก่งจริงๆ หน้าตาสวยแล้วยังมีความสามารถ ไม่เหมือนใครบางคนที่มีแต่หน้าตา นอกจากรูปลักษณ์ภายนอกก็ไม่มีอะไรอีกแล้ว”


อู่เยวี่ยจงใจพูดเสียงดังแถมสายตาที่แสร้งมองไปทางเหมยเหมยเป็นพักๆ แม้ไม่ได้เจาะจงชื่อแต่ทุกคนที่เห็นก็รู้ว่าอู่เยวี่ยหมายถึงใคร


เหยียนหมิงต๋าทำหน้าอึดอัด เขาพอจะเดาความสัมพันธ์ของพี่ใหญ่กับจ้าวเหมยได้ หากไม่ผิดจากที่เขาคาดจ้าวเหมยน่าจะได้เป็นว่าที่พี่สะใภ้ในอนาคตของเขา


หากเขาแต่งงานกับเยวี่ยเยวี่ยล่ะก็อู่เยวี่ยกับจ้าวเหมยก็คือพี่สะใภ้น้องสะใภ้กัน คงไม่ดีหากตั้งตัวเป็นศัตรูกันแบบนี้


“เยวี่ยเยวี่ยไม่ต้องพูดแล้ว” เหยียนหมิงต๋าเกลี้ยกล่อมเสียงเบาพร้อมสายตาที่ฉายแววว่าไม่เห็นด้วย


อู่เยวี่ยใจหล่นวูบ ไฟโทสะที่บอกไม่ถูกพุ่งพรวดขึ้นมากลางอกแต่กลับตีหน้าเศร้า สองตาน้ำตาคลอเบ้าพลางมองเหยียนหมิงต๋าอยู่อย่างนั้น


เหยียนหมิงต๋าไม่รู้จะทำอย่างไรต่อเลยได้แต่ถอนหายใจอย่างระอา ก้มหน้าทานข้าวต่อเพราะคร้านจะสอดมือเข้าไปยุ่งเรื่องระหว่างผู้หญิงอีก


อย่างไรเสียต่อหน้าสาธารณชนก็คงไม่เกิดเรื่องอะไร ถ้าเกิดเรื่องอะไรจริงๆ เขาค่อยออกหน้าก็ไม่สาย!


อู่เยวี่ยยิ้มอย่างได้ใจ เธอรู้อยู่แล้วว่าเหยียนหมิงต๋าไม่มีทางช่วยจ้าวเหมยเธอถึงได้ปรับเสียงให้ดังขึ้นกว่าเดิม“ คนบางคนคิดว่าตัวเองหน้าตาดีเลยคิดว่าทุกคนต้องชอบเธอ เหอะ เท่าที่ฉันมอง จะดีแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ ภายนอกดูสวยแต่ภายในมีแต่ของเสีย”


ตอนที่ 1048 ใครก็อย่าอยู่สบายเลย


โอหยางซานซานเอามือปิดปากแล้วพูดเสียงเล็กเสียงน้อย “อู่เยวี่ยนี่จริงๆ เลยนะ ตอนกินข้าวอย่าพูดเรื่องนี้สิ อีกอย่างหน้าตาดีก็นับว่าเป็นความสามารถอย่างนึงไง อย่างน้อยก็มีคนชอบนี่นา!”


แม้เธอดูถูกดูแคลนกับความมองหมิ่นของอู่เยวี่ยแต่พอได้ฟังแล้วก็รู้สึกได้เอาคืนไปด้วย


ถ้าจะว่าบนโลกใบนี้ใครเกลียดจ้าวเหมยมากที่สุดนอกจากอู่เยวี่ยแล้วเกรงว่าคงมีแต่โอหยางซานซาน


จุดนี้พวกเธอสองคนปรองดองกันดีเพื่อต่อกรกับจ้าวเหมยอย่างเต็มที่


อู่เยวี่ยแค่นเสียงกล่าวว่า “ผู้ชายชอบน่ะสิ ผู้หญิงแบบนี้นอกจากยั่วผู้ชายเก่งแล้วทำอะไรได้อีก? เทียบไม่ได้แม้แต่ปลายนิ้วเดียวของซานซานเลย ถ้าอยู่ในยุคสมัยก่อนซานซานเธอก็คือฮูหยินใหญ่จากตระกูลผู้ดี นางสุนัขจิ้งจอกพรรค์นั้นอย่างมากเป็นได้แค่ของประดับ ประทังชีวิตจากการขายตัว!”


ขณะที่พูดอยู่สายตาของอู่เยวี่ยก็จดจ้องเหมยเหมยไม่ละสายตาทั้งกระตุกยิ้มมุมปากอย่างร้ายกาจ


นักเรียนที่นั่งดูเรื่องสนุกๆ อยู่ต่างตะลึง บุญคุณความแค้นของอู่เยวี่ยกับเหมยเหมยไม่ใช่ความลับในโรงเรียน พวกเขาไม่สอดมือเข้าไปยุ่งเรื่องบุญคุณความแค้นของคนอื่นอยู่แล้ว


แต่เพราะอู่เยวี่ยคะแนนเรียนแย่เกินไปส่วนเหมยเหมยทั้งหน้าตาสวยทั้งการเรียนดี ฉะนั้นนักเรียนส่วนมากยืนอยู่ฝั่งเดียวกับเหมยเหมย


ยามนี้เห็นอู่เยวี่ยกล้าเหยียดหยามจ้าวเหมยอย่างโจ่งแจ้ง บนใบหน้าหลายคนเริ่มฉายแววไม่เห็นด้วย


โอหยางซานซานได้ยินแล้วรู้สึกสะใจอย่างมากแต่เธอไม่อยากให้มีผลต่อภาพลักษณ์ของเธอเลยแสร้งดึงตัวอู่เยวี่ยไว้ “อู่เยวี่ยเธออย่าพูดอีกเลย รีบกินข้าวเถอะ”


“ซานซานเธออย่าห้ามฉันเลย เธอเก่งกว่าเขาตั้งร้อยเท่า เธอกลัวอะไร?”


อู่เยวี่ยทำท่าเหมือนไม่พอใจแทนเพื่อน ถ้านับเรื่องเสแสร้งเก่งโอหยางซานซานยังด้อยกว่าอู่เยวี่ยนัก!


โอหยางซานซานอยากปลีกตัวทำตัวเป็นผู้บริสุทธิ์ เหอะ ฝันไปเถอะ!


อย่างไรตอนนี้เธอก็เป็นเสียแบบนี้แล้ว ใครก็อย่าได้ดีไปเลย!


โอหยางซานซานยิ้มเก้อลอบกัดฟันกรอด วันนี้อู่เยวี่ยเป็นบ้าอะไร แม่ของเธอย้ำนักหนาว่าการใหญ่ยังไม่สำเร็จอย่าเป็นฝ่ายท้าทายจ้าวเหมยก่อน


อู่เยวี่ยกำลังสร้างปัญหาให้เธออยู่นะ!


แม้รู้ว่าอู่เยวี่ยกำลังเป็นฝ่ายยั่วยุก่อนแต่โอหยางซานซานกลับไม่ยอมเป็นฝ่ายอ่อนข้อกว่ายามอยู่ต่อหน้าเพื่อนๆ โดยเฉพาะในที่ที่มีจ้าวเหมยอยู่


“เธอพูดอะไรน่ะ ฉันมีอะไรต้องกลัว…” โอหยางซานฝืนยิ้ม


อู่เยวี่ยเดาทางนิสัยของโอหยางซานซานได้อย่างแม่นยำแล้วนั่นก็คือชีวิตที่ดีของเธอ มีคุณแม่ผู้เก่งกาจอย่างหวงอวี้เหลียนคอยวางแผนให้อยู่เบื้องหลัง ไม่อย่างนั้นคนโง่อย่างโอหยางซานซานคงเทียบไม่ได้แม้แต่ปลายนิ้วของเธออู่เยวี่ยด้วยซ้ำ


“ซานซานเธอมีพื้นหลังครอบครัวที่ดี เป็นลูกคุณหนูที่แท้จริงแล้วยังมีความสามารถ เธอต่างหากถึงจะเป็นดาวเด่นประจำโรงเรียนของเราได้ ส่วนคนที่หน้าตาอย่างกับปีศาจจิ้งจอกนั่นก็เป็นได้แค่ดอกไม้ประดับตามสโมสรอันดับหนึ่งเท่านั้นแหละ”


สโมสรอันดับหนึ่งของคุณหนูใหญ่เฝิงพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงหลายปีนี้และเปิดอีกหลายสาขาตามเมืองต่างๆ ทั่วประเทศ ซึ่งเมืองจินเองก็มีหนึ่งสาขา หรูหรายิ่งกว่าสาขาใหญ่ในเมืองหลวง เป็นสถานที่เลื่องชื่อไม่มีใครในเมืองจินไม่รู้จัก


อู่เยวี่ยยิ่งพูดให้ชัดเจนกว่าเดิมเหลือแค่ไม่ได้พูดชื่อจ้าวเหมยเท่านั้น ทุกคนต่างมองไปทางเหมยเหมยที่นั่งนิ่งอย่างพร้อมเพรียงเพราะอยากรู้ว่าเธอจะทำอย่างไรต่อ


เจียงซินเหมยโกรธมานานแล้ว พอได้ยินอู่เยวี่ยเย้ยหยันเพื่อนว่าเป็นโสเภณีจะทนไหวได้อย่างไรไหว ลุกพรวดทันที


“อู่เยวี่ยเธอเป็นบ้าอะไรที่โรงเรียน เหอะ คะแนนสอบตัวเองแย่ยิ่งกว่าขี้หมายังมีหน้ามาว่าคนอื่น เธอเอาหน้ามาจากไหน? ใช่สิ ฉันนึกได้แล้ว หน้าของเธออู่เยวี่ยหนากว่าหนังวัวอีก ตอนนี้ยิ่งน่าขายหน้ากว่าเดิม!”


เจียงซินเหมยปากร้ายไม่แพ้ใคร นอกจากพูดจี้จุดแล้วยังเสียงใสก้อง ไม่นานก็สามารถสกัดมาดทรงพลังของอู่เยวี่ยได้


…………………………….


ตอนที่ 1049 ลงมือเลย


อู่เยวี่ยเองก็ลุกขึ้นพูดอย่างเย้ยหยัน “เจียงซินเหมยเธอต่างหากเป็นหมาบ้าที่คนอื่นเลี้ยง ฉันพูดถึงใครกัน? ฉันได้เจาะจงชื่อมั้ย? ทำไมเธอถึงรีบร้อนจะรับแทนจัง? หรือว่าอยากเป็นโสเภณีจริงๆ!”


โอหยางซานซานใช้มือปิดปากหัวเราะขบขันน้อยๆ สะใจจริงๆ อย่างไรเสียไม่ใช่เธอที่ไปหาเรื่องจ้าวเหมยก่อน เธอแค่นั่งดูเรื่องสนุกๆ มีให้ดูฟรีก็ต้องดูสิ


เจียงซินเหมยโกรธจนหน้าขาวซีด ผู้หญิงคนนี้เองก็เป็นคนนิสัยใจร้อนและคร้านจะต่อล้อต่อเถียงกับอู่เยวี่ยเลยพับแขนเสื้อเตรียมตบกันสักฉาด อู่เยวี่ยตาลุกวาว เธออยากปั่นให้เรื่องมันใหญ่กว่านี้พอดี!


ในเมื่อเธอในตอนนี้ชีวิตก็ล้มเหลวพอแล้วไม่ว่าจะพุ่งชนใครก็ชนะ เรื่องยิ่งใหญ่ยิ่งดี!


เหมยเหมยคว้าเจียงซินเหมยไว้แล้วส่ายศีรษะให้เธอน้อยๆ เจียงซินเหมยกล่าวอย่างโมโห “เธอฟังสิว่าหล่อนพูดจาไม่น่าฟังขนาดไหน!”


“ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่หล่อนพ่นคำสกปรกแบบนี้ออกมา เธอถือสากับเด็กเรียนแย่แบบนี้ก็เหมือนลดคุณค่าตัวเองนะ!”


เพิ่งสิ้นเสียงเหมยเหมยอู่เยวี่ยก็หวีดร้องแทรกมาทันที “จ้าวเหมยเธอว่าใครเรียนแย่? เธอพูดมาให้รู้เรื่องนะ!”


แม้ตอนนี้คะแนนสอบของเธอไม่ดีแต่อู่เยวี่ยกลับไม่อยากถูกคนอื่นมองว่าเป็นเด็กเรียนแย่เลยสักนิด เธอยังภูมิใจกับอดีตที่เคยรุ่งเรืองของเธอมาโดยตลอดและไม่เคยคิดว่าตัวเองเรียนแย่


เธอแค่ไม่อยากเรียนเท่านั้น ไม่อย่างนั้นจากความรู้ของเธอการจะสอบได้อันดับหนึ่งเป็นเรื่องที่ง่ายมาก!


“เธอรีบรับไว้ทำไม? หรือว่าเธอคิดว่าตัวเองเป็นเด็กเรียนแย่ที่คะแนนยิ่งกว่าเศษเลขนั่นล่ะ?” เหมยเหมยย้อนคำพูดทั้งหมดที่อู่เยวี่ยเคยว่าเจียงซินเหมยไว้ก่อนหน้ากลับไปจนเพื่อนนักเรียนคนอื่นหัวเราะออกมาเสียงดัง


นักเรียนที่สามารถเข้าเรียนโรงเรียนอีจงได้ล้วนเป็นนักเรียนดีเด่นแถวหน้าประจำเมือง ต่อให้มีการใช้เส้นบ้างแต่คะแนนไม่ได้แย่ชวนให้โกรธเท่าอู่เยวี่ย ฉะนั้นในโรงเรียนอู่เยวี่ยจึงไม่ได้มีมนุษยสัมพันธ์ต่อคนรับข้างสักเท่าไรนัก


เพื่อนๆ ต่างไม่ใคร่จะสนใจเธอ ตอนนี้ก็ย่อมไม่มีใครแก้ต่างแทนเธอนอกจากเหยียนหมิงต๋า


“เหมยเหมยเธออย่าว่าเยวี่ยเยวี่ยแบบนี้ ยังไงหล่อนก็เป็นพี่สาวของเธอนะ!” เหยียนหมิงต๋ามองเหมยเหมยอย่างไม่พอใจ


“เหยียนหมิงต๋าหุบปากเดี๋ยวนี้ ไม่ใช่เรื่องของนาย ไสหัวไปเลยไป๊!”


เหมยเหมยตวาดเสียงดุดันใส่เหยียนหมิงต๋าอย่างไม่เกรงใจ เหอะ คืนนี้จะให้เหยียนหมิงซุ่นสั่งสอนเจ้าโง่นี่สักที


อู่เยวี่ยพูดประชด “จ้าวเหมยตอนนี้เธอยังไม่ได้แต่งงานกับพี่หมิงซุ่นเลยก็จะวางมาดพี่สะใภ้แล้วเหรอ?”


สีหน้าเพื่อนๆ เปลี่ยนไปเล็กน้อยและเริ่มกระซิบกระซาบ


“พี่หมิงซุ่นที่ว่าคือพี่ใหญ่ของเหยียนหมิงต๋าใช่มั้ย? ผู้ชายที่หลายวันนี้มาคอยรับจ้าวเหมยคนนั้น หล่อมากเลยล่ะ!”


“ใช่ เขานั่นแหละ พวกเธอยังไม่รู้สินะ สามปีก่อนโรงเรียนมีเทพบุตรสองคน คนหนึ่งชื่อเหยียนหมิงซุ่น คนหนึ่งชื่อเหมยซูหาน สองคนนี้คนหนึ่งเย็นชาดุจไชมึ้งชวยเสาะ[1] อีกคนก็อบอุ่นดั่งฮวยมั่วเล่า[2] ต่างก็ตรงสเปคฉันหมดเลย!” คนที่พูดคือนักเรียนหญิงชั้นมัธยมปลายปีหนึ่งคนหนึ่งซึ่งอาศัยอยู่ในอีจงมาตั้งแต่เด็ก


“เหมยซูหานใช่คนที่สอบได้อันดับหนึ่งสายศิลป์ของเมืองจินเมื่อสามปีก่อนใช่มั้ย? ฉันเคยเห็นรูปเขาบนหนังสือพิมพ์ เป็นคุณชายที่ดูดีจริงๆ!”


“ใช่ เขานั่นแหละ เขาสอบเข้ามหาวิทยาลัยปักกิ่ง ตอนนี้น่าจะปีสามแล้ว”


“เหยียนหมิงซุ่นล่ะ? ตอนนี้เขาเรียนมหาวิทยาลัยที่ไหน?”


“เขาน่ะ ตอนนี้เป็นคนที่น่ารักที่สุดในโลกเชียวล่ะ เหยียนหมิงซุ่นเองก็เกรดดีเหมือนกันแต่เขาไม่ได้สอบเข้ามหาวิทยาลัยเพราะไปเป็นทหารแล้ว ได้ยินว่ากำลังไปได้ดีในค่ายทหารจนเลื่อนตำแหน่งแล้วล่ะ!” ผู้หญิงคนก่อนหน้าทำตาเป็นประกาย สีหน้าเคลิบเคลิ้ม


พี่ชายทหารในชุดลายทหารมักสร้างความหวั่นไหวแก่เหล่าหญิงสาวได้เสมอ ทั้งที่เหยียนหมิงซุ่นสอบเข้ามหาวิทยาลัยดีๆ ได้แท้ๆ แต่กลับเลือกทิ้งอนาคตอันสวยงามโดยอาสาไปสมัครเป็นทหารเพื่อปกป้องประเทศชาติ จึงเรียกให้เหล่านักเรียนชายและนักเรียนหญิงที่กำลังอยู่ในวัยหัวเลี้ยวหัวต่ออดเอนเอียงไปทางนั้นโดยห้ามใจตัวเองไม่ได้


“จ้าวเหมยโชคดีชะมัด อนาคตฉันก็จะหาแฟนเป็นทหารเหมือนกัน” นักเรียนหญิงหลายคนแอบสาบานกับตัวเอง


เหมยเหมยที่ได้รับสายตาประกายที่ท้วมท้นไปด้วยความอิจฉาปนแค้นใจก็ฉงน  แต่ไม่มีเวลามาครุ่นคิดให้ละเอียด เธอเองก็ไม่มีอยากมาเสียเวลาให้กับอู่เยวี่ย


เดินไปหยิบชามข้าวบนโต๊ะอาหารของอู่เยวี่ยที่ข้างในเต็มไปด้วยเคาหยกสีดำสนิทแล้วก็ผัดไข่ใส่กุยช่ายคว่ำใส่หัวอู่เยวี่ย


เมนูเคาหยกสีดำ ไข่สีเหลือง ผักกุยช่ายสีเขียว เนื้อสีน้ำตาล เม็ดข้าวสีขาว…


สภาพดูไม่จืดเลยจริงๆ!


………………………


[1] ไชมึ้งชวยเสาะ หรือภาษาจีน ซีเหมินชุยเสวี่ย มิตรสนิทของเล็กเซียวหงผู้มีบุคลิกเย็นชา ในนิยายเรื่อง ‘เล็กเสี่ยวหงหงส์ผงาดฟ้า’


[2] ฮวยมั่วเล่า หรือภาษาจีน ฮวาหม่านโหลว ตัวละครอีกตัวในนิยายเรื่องเดียวกัน


ตอนที่ 1050 ครั้งเดียวถึงแก่ชีวิต


ภายใต้สายตาผู้คนมากมาย  เหมยเหมยวางถ้วยชามลงบนโต๊ะพลางมองอู่เยวี่ยที่ยังไม่ทันตั้งตัวด้วยสายตาเหยียดหยามแล้วกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “อู่เยวี่ย เธอมีเวลาว่างมาใส่ร้ายคนอื่นแบบนี้ก็ควรไปตั้งใจเรียนมากกว่านี้เถอะ อย่าเป็นตัวถ่วงให้โรงเรียนเลย!”


นักเรียนคนอื่นต่างมองจนตาค้าง จ้าวเหมยใจกล้าเกินไปแล้วหรือเปล่า!


แต่ทำไมพวกเขาถึงรู้สึกพอใจจัง…สะใจมาก…


“กรี๊ด…ฉันจะฆ่าเธอ!”


ผ่านไปครู่ใหญ่อู่เยวี่ยถึงตั้งสติได้ ความรู้สึกมันเยิ้มบนหัวกับน้ำซุปที่หยดลงมาทำเอาอู่เยวี่ยแทบเป็นบ้า!


“เยวี่ยเยวี่ย…”


เหยียนหมิงต๋ารีบคว้าตัวอู่เยวี่ยที่กำลังจะพุ่งเข้าไปตบเหมยเหมยไว้ แน่นอนว่าเขาไม่พอใจต่อเหมยเหมยมาก เทกับข้าวใส่ศีรษะเยวี่ยเยวี่ยได้อย่างไร?


แต่เขาเกรงกลัวเหยียนหมิงซุ่นมากกว่า หากให้พี่ใหญ่รู้ว่าตอนเยวี่ยเยวี่ยตีกับจ้าวเหมยตัวเขาเองก็อยู่ในเหตุการณ์แต่ไม่ห้ามอู่เยวี่ยไว้ พี่ใหญ่จะต้องฆ่าเขาแน่!


“เหยียนหมิงต๋านายอย่าดึงฉันนะ ฉันจะฆ่ามัน…เหยียนหมิงต๋านายช่วยใครกันแน่…นายปล่อยฉันนะ…”


อู่เยวี่ยกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งพร้อมกับข้าวที่มีอยู่เต็มศีรษะ บนเสื้อเปื้อนไปด้วยคราบน้ำมัน สภาพดูไม่จืดเอาเสียเลย


เหยียนหมิงต๋าคอยเกลี้ยกล่อมอย่างใจเย็นแต่มือกลับไม่ยอมปล่อย อู่เยวี่ยใกล้จะบ้าตายเพราะเขาเลยยกเท้าเตะเขาไปรัวๆ หลายทีทำเอาคนข้างๆ เห็นแล้วก็อดสูดปากไม่ได้


เหมยเหมยแค่นเสียงหัวเราะเบาๆ แล้วปรายตามองไปทางโอหยางซานซานแวบหนึ่งด้วยสายตาเฉยชาปนเย้ยหยัน


“คุณโอหยางตอนนี้เป็นถึงนักเขียนวัยรุ่นที่กำลังดังในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เชียว ต้องรอบคอบเรื่องการคบเพื่อนหน่อยนะ อย่าเหมารวมหมาแมวที่ไหนก็ได้เป็นเพื่อนสนิทไปหมด!”


เธอหยุดชะงักไปทีแล้วหัวเราะเสียงเบาก่อนกล่าว “แน่นอนว่าอาจเป็นเพราะคุณโอหยางคบเพื่อนจากโชคชะตาสินะ ในเมื่อมันเรื่องยากจริงๆ ที่จะได้เจอเพื่อนที่มีอุดมการณ์เหมือนกัน!”


โอหยางซานซานตีหน้าขรึม นางแพศยากล้าบอกว่าเธอกับอู่เยวี่ยเป็นเพื่อนร่วมอุดมการณ์งั้นเหรอ?


“ฉันรู้ว่าคุณจ้าวเหมยเป็นลูกสาวของผู้ว่าจังหวัดเลยมีสถานะสูงส่ง ไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดาอย่างเราจะสู้ได้ แต่คุณจ้าวเหมยพูดอะไรทำอะไรก็ชักจะเหิมเกริมไปหน่อย ต่อให้คุณอู่เยวี่ยจะมีความผิดมากแค่ไหนเธอไม่เห็นต้องเทกับข้าวใส่ตัวหล่อนท่ามกลางสายตาทุกคนเลยนี่นา?”


โอหยางซานซานระงับอารมณ์ขุ่นมัวไว้แต่ยังคงรอยยิ้มอ่อนโยนไว้เช่นเดิม หากแต่ถ้อยคำที่กล่าวออกมากลับเต็มไปด้วยเจตนาร้าย


พื้นหลังครอบครัวของเหมยเหมยน้อยคนในอีจงที่รู้ เธอไม่มีทางเอาโทรโข่งคอยป่าวประกาศว่าพ่อตัวเองเป็นผู้ว่าจังหวัดอยู่แล้ว เพื่อนนักเรียนส่วนมากรู้แค่ว่าพื้นหลังครอบครัวเธอไม่แย่ ส่วนทำงานอะไรนั้นมีเพียงน้อยคนที่รู้รายละเอียด


พอถูกโอหยางซานซานเปิดโปงเข้าสีหน้าเพื่อนนักเรียนหลายคนก็ยิ่งฉายแววอิจฉาปนแค้นมากกว่าเดิม


หน้าตาสวยขนาดนี้ พื้นหลังครอบครัวไม่ธรรมดาอีก พระเจ้า…


เว้นทางรอดให้พวกเขาบ้างเถอะ!


“ฉันกับอู่เยวี่ยไม่ถูกกันเรื่องนี้คนรู้ไม่น้อย เทียบกับสิ่งที่อู่เยวี่ยเคยทำไว้กับฉันแล้ว ฉันแค่เทข้าวใส่หล่อนนับว่าใจบุญมากแล้ว โอหยางซานซานถ้าเธอสงสาร วันหลังก็อย่าใช้อู่เยวี่ยเป็นอาวุธปืน”


เหมยเหมยเว้นช่วงไปสักพักก็เผยยิ้มแล้วพูดประชดประชัน “โอหยางซานซานเธอนี่น่าสนใจจริงๆ กลัวก็แต่เพื่อนๆ ยังไม่รู้ว่าพ่อของโอหยางซานซานเป็นคนใหญ่คนโตจากที่ไหนสินะ เป็นถึงรัฐมนตรีว่าการทบวงกิจการวิทยุและโทรทัศน์แห่งเมืองจิน ช่องโทรทัศน์ สื่อมวลชน สำนักพิมพ์หนังสือพิมพ์ นิตยสาร โฆษณาอะไรเทือกนี้…ถูกดูแลโดยคุณปู่ของคุณโอหยาง…โอ๊ะ ไม่สิ ต้องเป็นคุณพ่อสิ”


โอหยางซานซานได้ยินคำว่าคุณปู่ที่หลุดจากปากเหมยเหมยก็หน้าซีดทันที


ประวัติการเกิดของเธอกลายเป็นจุดอ่อนของเธอมาตลอดและกลายเป็นต้นตอแห่งความหวาดกลัวของเธอ


เธอเหมือนลูกโป่งที่เจาะเอาอากาศออกจนแฟบ ไม่กล้าปริเสียงพูดอะไรอีกสักคำเดียว


“เธออยู่สงบเสงี่ยมหน่อย ไม่อย่างนั้นฉันจะแปะประกาศไว้ที่โรงเรียนให้คุณครูนักเรียนทุกคนรู้เบื้องหลังชีวิตที่น่าอับอายของเธอ!”


เหมยเหมยมองท่าทางโกรธแค้นแต่ไม่กล้าปริปากของโอหยางซานซานอย่างพอใจ  มีความสุขอย่างหาที่เทียบไม่ได้


………………………..


 ตอนที่ 1051 ลงมือได้ก็อย่าพูดให้เสียเวลา


เหมยเหมยฉุดเจียงซินเหมยกับอู่เชาออกไปจากโรงอาหารเพราะคร้านจะสนใจอู่เยวี่ยที่ยังกรีดร้องอยู่


“เหมยเหมยเมื่อกี้เธอเท่จังเลย!”


เจียงซินเหมยตาเป็นประกายมองเหมยเหมยด้วยสีหน้ายกย่องชื่นชม เธอไม่เคยคิดเลยว่าเพื่อนที่ปกติดูเป็นคนอ่อนแอปวกเปียกเวลาลงไม้ลงมือแล้วจะแสบได้ขนาดนี้ เหมือนจอมยุทธหญิงในหนังจอเงินเลย


เหมยเหมยแค่นเสียงหัวเราะออกมาอย่างภูมิใจกล่าวว่า “ลงมือได้ก็อย่าพูดให้เสียเวลา เข้าใจไหม!”


นี่เป็นประโยคยอดฮิตบนอินเทอร์เน็ตเมื่อชาติที่แล้ว ตอนนี้เธอรู้สึกเพียงว่ามันมีเหตุผลในตัวของมันที่จะกลายเป็นประโยคยอดฮิตได้!


เจียงซินเหมยพยักหน้ารัว “ฉันจะจำไว้ หลังจากนี้จะไม่ทะเลาะกับคนอื่นอีก ใช้เท้าเลย!”


“ใช่ ใช้เท้าเลย ฉันจะบอกเธอให้นะว่าเวลารับมือกับโรคจิตต้องเตะขึ้นจากด้านล่างแล้วกระทืบหนักๆ ให้มันไม่มีอวัยวะไว้สืบลูกสืบหลานต่อ ส่วนรับมือกับคุณป้ามหาภัยก็ต้องกระชากของเธอแล้วเตะที่ท้องของเธอ ทางที่ดีพกผงปูนขาวไว้ติดตัว…” เหมยเหมยแบ่งปันวิธีการป้องกันตัวให้เพื่อน นี่เป็นสิ่งที่เธอเรียนมาจากคุณเว๋ยเสี่ยวเป่า[1]เชียวนะ


“จะโหดเกินไปหรือเปล่า?” เจียงซินเหมยชักลังเล


เหมยเหมยกลอกตาใส่ “ถ้าใจอ่อนกับคนชั่วก็เท่ากับใจโหดเหี้ยมต่อตัวเอง หรือว่าเธออยากเป็นแม่พระอย่างพระแม่มาลี?”


เจียงซินเหมยรีบส่ายหน้า “ไม่เอา ฉันจะเป็นจอมยุทธหญิงที่คอยปราบมารชั่วร้าย!”


เหมยเหมยเห็นท่าทางกระตือรือร้นของเด็กสาวก็ชักกลัวเหลือเกินว่าภายภาคหน้าสาวผู้นี้จะถูกเอารัดเอาเปรียบเลยพูดเสริมอีกประโยค “ก็ต้องขึ้นอยู่กับแรงตัวเองด้วย ถ้าสู้ไม่ไหวก็วิ่ง เราเป็นผู้หญิงที่ร่างกายอ่อนแอไม่ขายหน้าหรอก!”


“อืม สู้ไม่ไหวก็หนีไว้ก่อน”


เจียงซินเหมยพยักหน้าราวกับรัวกลอง ตอนนี้อยากลองไปท้าทายใครสักคนที่ขัดหูขัดตาจัง!


อู่เชาก้มหน้าเอามือกุมหน้าผากแล้วถอนหายใจยาว เตะเป้า กระชากผม ผงปูนขาว…


ดูเหมือนว่าเมื่อสักครู่เหมยเหมยคงจะปรานีแล้ว!


เหยียนหมิงต๋าพาอู่เยวี่ยที่ยังไม่หายโกรธกลับไปล้างตัวที่บ้านคุณปู่เพราะอยู่ใกล้โรงอาหารแค่ไม่กี่ก้าวก็ถึง เหยียนหมิงซุ่นเองก็อยู่บ้านซึ่งกำลังซ่อมแซมซุ้มองุ่นอยู่ ซุ้มองุ่นมีหลายจุดที่เริ่มหย่อนยานลงบ้างแล้ว


“คุณย่า เยวี่ยเยวี่ยตัวสกปรก ขอมาล้างตัวที่บ้านเราหน่อยนะครับ”


เดิมเหยียนหมิงต๋าคิดจะแอบให้อู่เยวี่ยล้างตัวแล้วรีบกลับแต่ใครจะคิดว่าทั้งคุณปู่คุณย่าและพี่ชายล้วนอยู่บ้านกันหมด ก็เกิดอาการใจสั่นอย่างฉับพลันและเริ่มทำสีหน้ากังวล


คุณยายหยางมุ่นคิ้วน้อยๆ เธอไม่ชอบอู่เยวี่ยจากใจจริง จิตใจต่ำช้าเจ้ามารยาก็เรื่องหนึ่ง ตอนนี้คะแนนสอบแย่ยิ่งกว่า หลานชายกลับยอมจมปลักอยู่กับคนแบบนี้อยู่อีก


แต่ผู้มาเยือนย่อมเป็นแขก จะให้เธอไล่กลับคงไม่ดี คุณยายหยางพยักหน้าด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “ไปล้างตัวที่ห้องอาบน้ำเถอะ”


ความเย็นชาของคนตระกูลเหยียนเรียกให้อู่เยวี่ยใจหล่นวูบ เดิมทีอยากจะฟ้องสิ่งที่ตัวเองเจอมาหน่อยก็ทำได้แค่กลืนลงคอไป


คนส่วนใหญ่บนโลกนี้ล้วนเป็นคนที่มักใหญ่ใฝ่สูง คงเห็นว่ายามนี้เธอเป็นลูกสาวร้านขายปลาเลยไม่คิดจะสนใจใยดีเธอไงล่ะ


“ถ้าพื้นหลังครอบครัวเธอดีกว่านี้อีกหน่อย หรือมีงานที่มีหน้ามีตาสักหน่อยก็ยังดี เยวี่ยเยวี่ยอนาคตของเธอต้องยาวไกลมากแน่ๆ!”


ถ้อยคำของหวงอวี้เหลียนดังขึ้นข้างหูอีกครั้ง อู่เยวี่ยกัดปากและตัดสินใจบางอย่าง


หลังเลิกเรียนวันนี้ลองไปที่บริษัทคุณพ่ออีกสักครั้งแล้วกัน วันเวลาผ่านไปตั้งนานแล้วอู่เจิ้งซือน่าจะกลับจากงานสัมมนาแล้ว  ขอแค่เธอได้กลับไปอยู่กับอู่เจิ้งซือก็จะไม่ให้คนอื่นดูถูกเธอได้อีก!


อู่เยวี่ยรีบสระผมอย่างเร่งรีบก่อนจะขอตัวกลับ เหยียนหมิงต๋าเองก็อยากไปด้วยแต่เหยียนหมิงซุ่นเรียกตัวเขาไว้


“หมิงต๋านายอยู่ต่อ ฉันมีเรื่องจะถามนาย!”


เหยียนหมิงต๋ายืนตัวแข็งทื่อแล้วรีบบอกไป “ใกล้จะเข้าเรียนสายแล้วพี่”


“ตอนนี้บ่ายโมงสิบเอ็ดนาที คาบแรกของช่วงบ่ายเริ่มบ่ายโมงครึ่ง พอได้แล้ว”


เหยียนหมิงซุ่นยกแขนขึ้นมาดูแวบหนึ่งแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ห้ามปฏิเสธเป็นอันขาด


……………………….


[1] พระเอกซีรี่ส์จีน เรื่อง จอมยุทธอุ้ยเสี่ยวป้อ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)