เทพปีศาจหวนคืน 1031-1032
บทที่1031 ไร้ที่ติ
แปลโดย iPAT
ไห่ลั่วหลันตกใจและโกรธมาก
การประกาศอย่างกะทันหันของอิงอู๋เซี่ยทำให้ใบหน้าของไห่ลั่วหลันกลายเป็นมืดครึ้ม
แม้ไห่ลั่วหลันจะไม่รู้ว่าอิงอู๋เซี่ยเป็นร่างแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณ แต่นางผ่านประสบการณ์บนภูเขาอี้เทียนมาแล้ว นางรู้ว่าอิงอู๋เซี่ย นิกายเงา และเทพปีศาจจิตวิญญาณอยู่ฝ่ายเดียวกัน
บนภูเขาอี้เทียน ป้าทั้งสองของนาง นางมารผลาญสวรรค์ และเทพธิดาหลี่ซานตกตายลงที่นั่น
หญิงทั้งสองเป็นสมาชิกครอบครัวคนสำคัญของนาง
เมื่อนิกายเงาเป็นฆาตกรที่สังหารนางมารผลาญสวรรค์และเทพธิดาหลี่ซาน มันจึงช่วยไม่ได้ที่ไห่ลั่วหลันจะเต็มไปด้วยความโกรธและเกลียดชังต่อคนกลุ่มนี้
อิงอู๋เซี่ยรู้เรื่องนี้แต่เขาไม่สนใจและต้องการใช้กำลังบังคับไห่ลั่วหลันให้ยอมจำนนโดยตรง
หากนางไม่ยอมจำนน เขาจะฆ่านาง!
แม้อิงอู๋เซี่ยจะอยู่ในร่างผีดิบอมตะระดับหกของฟางหยวน แต่เขามีวิญญาณอมตะระดับเจ็ดของซื่อหนิว สิ่งสำคัญที่สุดก็คือค่ายกลวิญญาณของที่นี่
มันสามารถป้องกันการตรวจสอบของวังสวรรค์และต่อต้านการโจมตีของสัตว์อสูรป่าที่อยู่ในถ้ำนรกใต้พิภพ หลังจากทั้งหมดนี่คือค่ายกลวิญญาณที่ใช้ปกป้องดวงวิญญาณของโป้ชิงมาตลอดหลายปีที่ผ่านมาและไม่ใช่สิ่งที่สามารถดูแคลน
นี่คือความมั่นใจของอิงอู๋เซี่ย
แม้อิงอู๋เซี่ยจะเป็นเพียงร่างแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณ แต่เขาก็ได้รับบุคลิกที่เหี้ยมโหดมาจากร่างหลัก
ไห่ลั่วหลันแสดงออกด้วยใบหน้ามืดมน
‘ตั้งแต่อิงอู๋เซี่ยกล้าท้าทายข้าโดยไม่เกรงกลัว เขาย่อมต้องเตรียมตัวมาแล้วและมีความมั่นใจมาก ความสามารถของฝ่ายตรงข้ามไม่อาจหยั่งรู้โดยเฉพาะเมื่อเขามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเทพปีศาจจิตวิญญาณ หากข้าขัดขืน ข้าอาจตายอยู่ที่นี่ ตอนนี้ข้าทำได้เพียงอดทนและหาโอกาสแก้แค้นในภายหลังเท่านั้น’
หลังจากคิดได้เช่นนี้ ไห่ลั่วหลันจึงเปิดปากกล่าว “นิกายเงาของเจ้าสังหารคนในครอบครัวของข้าสองคน แต่เจ้ากลับต้องการให้ข้าเข้าร่วม เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะทรยศงั้นหรือ?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า” อิงอู๋เซี่ยหัวเราะ “มีสิ่งใดต้องกลัว?”
เขาหยุดก่อนกล่าวต่อ “ประการแรก ข้าแข็งแกร่งขณะที่เจ้าอ่อนแอ ประการที่สอง ข้ามีวิธีบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่สามารถสร้างข้อตกลงพันธมิตร ประการที่สาม ข้าเข้าใจบุคลิกของเจ้า เจ้ายังไม่ได้แก้แค้น ไห่เจิ้งยังมีชีวิตอยู่ เจ้าพอใจที่จะให้มันจบลงเช่นนี้งั้นหรือ? กระทั่งเจ้าจะสังหารไห่เจิ้งไปแล้ว เจ้าก็ยังต้องอดทนบ่มเพาะในช่วงเวลานี้และหาโอกาสแก้แค้นข้าในอนาคต”
ไห่ลั่วหลันเงียบ
คำกล่าวของอิงอู๋เซี่ยทำให้หัวใจของไห่ลั่วหลันจมดิ่งลง
รู้เขารู้เราจะไม่มีวันพ่ายแพ้ ไห่ลั่วหลันไม่ได้คาดหวังว่าอิงอู๋เซี่ยจะรู้จักนางดีถึงเพียงนี้ ในทางตรงข้าม นางกลับไม่รู้สิ่งใดเกี่ยวกับเขา
สิ่งนี้เกิดจากฟางหยวน
เมื่อผู้อมตะเฒ่าม่านเยี่ยนซื่อพบสิ่งผิดปกติเกี่ยวกับฟางหยวน เขาใช้วิญญาณเผยความลับสวรรค์เพื่อเปิดเผยข้อมูลต่างๆของเป้าหมาย
เนื่องจากไห่ลั่วหลันและไท่เป่ยหยุนเฉิงเป็นคนใกล้ชิดของฟางหยวน นิกายเงาจึงได้รวบรวมข้อมูลของพวกเขามาอย่างละเอียด
เดิมทีอิงอู๋เซี่ยไม่รู้ แต่เขาได้รับข้อมูลมากมายจากเจตจำนงของเทพปีศาจจิตวิญญาณที่อยู่ในสายธารแห่งกาลเวลา นั่นทำให้เขาได้เรียนรู้หลายสิ่งเกี่ยวกับไห่ลั่วหลัน
เห็นไห่ลั่วหลันเงียบ อิงอู๋เซี่ยรอคอยอย่างอดทนโดยไม่เร่งรัด
มีเพียงแสงจากตะเกียงที่ส่องสว่างอยู่ท่ามกลางความมืด
หลังจากไม่นาน ไห่ลั่วหลันจึงเปิดปากกล่าว “เจ้าต้องการให้ข้าเข้าร่วมเพื่อกำจัดผู้ใด หากให้ข้าต่อสู้กับวังสวรรค์ เจ้าสามารถฆ่าข้าในตอนนี้”
“ฮ่าฮ่าฮ่า” อิงอู๋เซี่ยหัวเราะ “ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบ ข้าต้องการใช้เจ้าจัดการฟางหยวน”
ไห่ลั่วหลันกล่าวด้วยเสียงสูงขึ้น “โอ้ ดูเหมือนฟางหยวนจะยังไม่ตาย?”
“ไม่เพียงเขาจะยังไม่ตาย เขายังได้รับผลประโยชน์มหาศาล!” อิงอู๋เซี่ยไม่ปิดบังความเกลียดชังที่มีต่อฟางหยวน
“เจ้าต้องการใช้ประโยชน์จากข้าเพื่อทำร้ายฟางหยวนและยึดครองแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูงั้นหรือ?” ไห่ลั่วหลันยังถามต่อ
“ฮืม!” อิงอู๋เซี่ยก่นเสียงเย็น “แดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูและแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาวกลายเป็นสถานที่รกร้างไปแล้ว ทรัพยากรทั้งหมดของเขาถูกย้ายไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา”
“แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา?”
“ฮ่าฮ่า มันเป็นสถานที่ที่เจ้ากับเทพธิดาหลี่ซานต่อสู้กับกลุ่มของฉินไป่เฉิง ไห่เจิ้ง และเทพธิดาเจียงหยู ฟางหยวนไม่ได้บอกเจ้างั้นหรือ?” อิงอู๋เซี่ยเย้ยหยัน
ไห่ลั่วหลันจมลงสู่ความเงียบ
อิงอู๋เซี่ยกล่าวต่อ “แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาคือมิติช่องว่างที่ถูกทิ้งไว้โดยบรรพชนผมยาว มันเคยเป็นถ้ำสวรรค์ก่อนที่จะลดระดับมาเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ อาจกล่าวได้ว่ามันเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์อันดับหนึ่งของโลกใบนี้ แดนศักดิ์สิทธิ์เมืองหลวงของภาคเหนือถูกทำลายไปแล้ว ตอนนี้ไม่มีแดนศักดิ์สิทธิ์ใดสามารถเปรียบเทียบกับแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา”
“ฟางหยวนไม่เพียงย้ายทรัพยากรไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาแต่เขายังเข้าร่วมนิกายหลางหยาและกลายเป็นคนรับใช้ของเผ่ามนุษย์ขนเพื่อต่อต้านเผ่ามนุษย์!”
การแสดงออกของไห่ลั่วหลันเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินเรื่องนี้
อิงอู๋เซี่ยเผยรอยยิ้มราวกับรู้ความคิดของนาง “เจ้าเดาถูก ข้ามีสายลับอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ข้ารู้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ฟางหยวนจะไม่สามารถวิ่งไปรอบๆได้นานนัก สำหรับเจ้า เจ้าทำได้เพียงเข้าร่วมกับข้าเพื่อมีชีวิตต่อไปเท่านั้น”
ทิวทัศน์ของภูเขาอี้เทียนปรากฏขึ้นในใจของไห่ลั่วหลันอีกครั้ง
ร่างกายใหญ่โตของเทพปีศาจจิตวิญญาณยังฝังแน่นอยู่ในหัวใจของนาง
‘เทพปีศาจจิตวิญญาณ…’ ไห่ลั่วหลันพึมพำอยู่ในใจก่อนจะเปิดปากกล่าวด้วยการแสดงออกที่เคร่งขรึม “สถานการณ์ไม่ได้อยู่ในการควบคุมของข้า ข้าจะเข้าร่วมกับเจ้า แต่ข้าขอเตือนเจ้า กระทั่งเจ้าจะต้องการให้ข้าจัดการฟางหยวน แต่ข้ายังมีสัญญาพันธมิตรกับเขา”
“เพียงสัญญาพันธมิตร ข้าสามารถกำจัดออกไปได้อย่างง่ายดาย” อิงอู๋เซี่ยกล่าวด้วยความมั่นใจ
ไห่ลั่วหลันถาม “เจ้าแน่ใจงั้นหรือ? สัญญาพันธมิตรของพวกเราระบุรายละเอียดไว้ชัดเจนมาก หากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดทำลายข้อตกลง อีกฝ่ายไม่จำเป็นต้องทำตามข้อตกลงอีกต่อไป”
อิงอู๋เซี่ยรู้สึกยุ่งยากเล็กน้อย “โอ้ เช่นนั้นหากข้าช่วยเจ้ากำจัดสัญญาพันธมิตร มันก็คือการช่วยฟางหยวนกำจัดสัญญาพันธมิตรทางอ้อมงั้นหรือ?”
ไห่ลั่วหลันพยักหน้า “ถูกต้อง”
ฟางหยวนคิดถึงสถานการณ์นี้เอาไว้แล้ว ก่อนหน้าเขาเกรงว่าเทพธิดาหลี่ซานจะลบข้อตกลง ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องป้องกันเอาไว้ล่วงหน้า
แต่สิ่งต่างๆกลับเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เรื่องไม่คาดคิดมักเกิดขึ้นในชีวิตเสมอ
ตอนนี้เทพธิดาหลี่ซานเสียชีวิตแต่อิงอู๋เซี่ยกลับต้องการช่วยไห่ลั่วหลันลบข้อตกลง
‘การสร้างข้อตกลงพันธมิตรคือการทิ้งร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งข้อมูลเอาไว้ทั้งบนร่างกายและดวงวิญญาณ ในการลบข้อตกลง ข้าต้องลบร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าเหล่านั้น’ อิงอู๋เซี่ยคิด
‘มันเป็นเรื่องง่ายที่ข้าจะกำจัดร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าของไห่ลั่วหลันโดยใช้ค่ายกลวิญญาณแต่วิธีนี้จะช่วยฟางหยวนเช่นกัน’
อิงอู๋เซี่ยไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น
ในความคิดของอิงอู๋เซี่ย สถานการณ์ที่ดีที่สุดก็คือไห่ลั่วหลันเป็นอิสระจากข้อตกลงขณะที่ฟางหยวนยังถูกกักขังเอาไว้
ด้วยวิธีนี้ ในการกำจัดฟางหยวน ไห่ลั่วหลันจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ
‘แท้จริงแล้วไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะบรรลุเป้าหมายนี้ตราบเท่าที่ข้าสามารถค้นหาร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่เป็นจุดเชื่อมต่อและทำลายมันก่อน’
บนร่างของไห่ลั่วหลันต้องมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่ระบุว่า ‘หากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดทำลายข้อตกลง อีกฝ่ายไม่จำเป็นต้องทำตามข้อตกลงอีกต่อไป’
อิงอู๋เซี่ยต้องค้นหาร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋านี้และทำลายมันเป็นอันดับแรกเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่เขาต้องการ
‘แต่มันยากมาก…’ อิงอู๋เซี่ยขมวดคิ้วลึก
หากผิดพลาดเพียงเล็กน้อย พวกเขาจะได้รับผลกระทบย้อนกลับที่รุนแรง
‘บัดซบ! ฟางหยวนผู้นี้รอบคอบเกินไป! แผนการของเขาไร้ที่ติ!’ อิงอู๋เซี่ยรู้สึกถึงปัญหา
หากเป็นก่อนการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน เรื่องนี้จะไม่ใช่ปัญหา อิงอู๋เซี่ยสามารถขอให้สมาชิกนิกายเงาบางคนหรือกระทั่งร่างหลักจัดการมันได้อย่างง่ายดาย
แต่สถานการณ์ในเวลานี้แตกต่างออกไป
หลังการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน นิกายเงาพบความสูญเสียครั้งใหญ่ พวกเขาเหลือสมาชิกอยู่เพียงเล็กน้อย
อิงอู๋เซี่ยรู้ว่ากระทั่งเขาจะพยายามสร้างนิกายเงาขึ้นมาใหม่ มันก็ไม่สามารถบรรลุถึงระดับเดิม
‘หากเป็นเช่นนี้คุณค่าของไห่ลั่วหลันจะลดลงอย่างมาก ข้าควรสังหารนางและใช้ร่างของนางลบสถานะผีดิบของข้าหรือไม่?’ อิงอู๋เซี่ยคิด
แต่หลังจากพิจารณา เขาปฏิเสธความคิดนี้
‘การฟื้นคืนสู่ชีวิตด้วยมิติช่องว่างแห่งชีวิตและความตายมีจุดอ่อนมากมาย หากข้าโชคไม่ดี มิติช่องว่างของข้าอาจระเบิด หากข้าใช้ร่างผีดิบอมตะทั่วไปสร้างมิติช่องว่างแห่งชีวิตและความตาย มันจะมีความเสี่ยงน้อยกว่า’
เมื่อคิดถึงมิติช่องว่างแห่งชีวิตและความตาย ช่วยไม่ได้ที่อิงอู๋เซี่ยจะคิดไปถึงวิญญาณทารกอมตะ
เขากัดฟันแน่นขณะที่ความรู้สึกเกลียดชังที่มีต่อฟางหยวนทวีความรุนแรงมากขึ้น
หลังจากคิดค้นมิติช่องว่างแห่งชีวิตและความตาย นิกายเงาและเทพปีศาจจิตวิญญาณยังทุ่มเทความพยายามในการพัฒนาวิญญาณทารกอมตะ แต่สุดท้ายฟางหยวนกลับฉกชิงมันไป ความพยายามทั้งหมดของพวกเขากลายเป็นสูญเปล่า ความเกลียดชังนี้ฝังลึกเกินกว่าที่จะแก้ไข
‘ลืมมันไปซะ ข้าควรปลดปล่อยไห่ลั่วหลัน ตอนนี้ข้ากำลังขาดแคลนกำลังคน พรสวรรค์ของไห่ลั่วหลันยอดเยี่ยมมาก นางจะเป็นผู้ติดตามที่ดี’
‘ฟางหยวน วันหนึ่งเจ้าจะต้องตกอยู่ในกำมือของข้า เมื่อเวลานั้นมาถึง ข้าจะดึงเส้นเอ็นทุกเส้นของเจ้าออกมา ข้าจะถลกผิวหนังทั้งหมดของเจ้าและใช้มันหลอมรวมวิญญาณทารกอมตะอีกครั้ง!’
บทที่ 1032 ขนส่งวิญญาณผ่านสวรรค์สีเหลือง
แปลโดย iPAT
“โอ้ เจ้าตัดสินใจแล้วงั้นหรือ? เจ้าเป็นผู้อาวุโสสูงสุดนอกของนิกายหลางหยา เจ้าสามารถใช้แต้มผลงานแลกเปลี่ยนกับวิธีเหล่านี้” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากล่าวด้วยรอยยิ้ม
ที่ภาคกลางไห่ลั่วหลันถูกบังคับโดยอิงอู๋เซี่ยและไม่มีทางเลือกนอกจากยอมจำนน ฟางหยวนไม่รู้เรื่องนี้และกำลังติดต่อกับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามีต้นกำเนิดมาจากบรรพชนผมยาว ไม่ใช่เรื่องแปลกหากเขาจะมีวิธีต่อต้านวิญญาณกาลเวลา
ระหว่างการสนทนา ฟางหยวนรู้สึกตกใจมากเมื่อพบว่าจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามีมากกว่าสิบวิธีที่สามารถจัดการวิญญาณกาลเวลา
เมื่อมีหลายวิธีให้เลือก ฟางหยวนรู้สึกลังเลเล็กน้อย
เขาถามเมื่อคิดถึงบางสิ่ง “ข้ามีคำถาม ตอนนี้ข้ามีแต้มผลงานอยู่เท่าใด?”
“สามร้อยแต้ม!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาลังเลก่อนตอบ
“สามร้อย…” ฟางหยวนขมวดคิ้ว เขาไม่เคยทำภารกิจให้กับนิกายหลางหยามาก่อน แต้มผลงานทั้งหมดมาจากการให้ยืมภูเขาตงฮัน หุบเขาเหล่าโป และวิญญาณสติปัญญาเท่านั้น
อย่างไรก็ตามภูเขาตงฮัน หุบเขาเหล่าโป และวิญญาณสติปัญญามีคุณค่าเพียงสามร้อยแต้มงั้นหรือ?
ฟางหยวนมีข้อสงสัยแต่เขาไม่ได้ถามโดยตรง “ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง ข้าไม่แน่ใจว่าท่านใช้วิธีใดคำนวณแต้มผลงานของข้า?”
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามีความสุขมากเมื่อได้ยินฟางหยวนเรียกตนเองว่าผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง
เขากล่าวอย่างตรงไปตรงมา “นี่เป็นเรื่องง่ายมาก ภูเขาตงฮันหนึ่งร้อยแต้ม หุบเขาเหล่าโปหนึ่งร้อยแต้ม และวิญญาณสติปัญญาอีกหนึ่งร้อยแต้ม”
เสียงของฟางหยวนต่ำลง “วิญญาณสติปัญญาเป็นวิญญาณระดับเก้า เหตุใดมันจึงมีมูลค่าเท่ากับภูเขาตงฮันและหุบเขาเหล่าโป?”
“ไม่จำเป็นต้องสงสัย” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาตอบอย่างรวดเร็ว “เจ้าให้นิกายยืมสมบัติทั้งสาม แต่นิกายต้องแบกรับค่าใช้จ่ายไม่ว่าจะเป็นปราณพิภพหรืออาหารของวิญญาณสติปัญญา แต้มผลงานของเจ้าเหมาะสมแล้ว ข้ารู้ว่าความยุติธรรมเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนิกาย อย่ากังวล เราจะแลกเปลี่ยนอย่างยุติธรรม แต่เราก็จะไม่ให้เจ้าทำกำไรจากนิกายเช่นกัน”
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาหยุดก่อนกล่าวต่อ “แน่นอนว่าหากเจ้าบริจาคพวกมันให้กับนิกาย เจ้าจะได้รับแต้มผลงานจำนวนมหาศาลล! เป็นไปได้เช่นกันที่เจ้าจะกลายเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของนิกายหลางหยา!”
ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของนิกายหลางหยา? แม้ฟางหยวนจะไม่ใช่เจ้าของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา แต่เขาก็สามารถระดมกำลังผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนใช่หรือไม่?
อย่างไรก็ตามจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยายังกล่าวต่อ “แต่เพื่อให้เจ้ากลายเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของนิกายหลางหยา เจ้าต้องกำจัดสถานะมนุษย์และเปลี่ยนเป็นมนุษย์ขนอย่างสมบูรณ์ มีเพียงมนุษย์ขนเท่านั้นที่สามารถปกครองมนุษย์ขน!”
น้ำเสียงของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นในอุดมการณ์ของตนเอง
ฟางหยวนปัดเป่าความคิดฟุ้งซ่านทิ้งไปทันที เขาไม่สงสัยเลยว่าจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามีวิธีเปลี่ยนมนุษย์ให้เป็นมนุษย์ขน แต่การเปลี่ยนเป็นมนุษย์ขนเป็นราคาที่ฟางหยวนไม่สามารถยอมรับ
โดยพื้นฐานแล้วโลกใบนี้ถูกปกครองโดยเผ่าพันธุ์มนุษย์ แม้มนุษย์กลายพันธุ์จะสามารถบรรลุขอบเขตอมตะ แต่พวกเขาก็ยังถูกมองข้าม
นอกจากนี้ข้อบกพร่องที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษย์กลายพันธุ์ก็คือพวกเขาไม่สามารถบรรลุถึงระดับเก้า!
ฟางหยวนปรารถนาชีวิตนิรันดร์ การบ่มเพาะเป็นเพียงเครื่องมือ แต่เห็นได้ชัดว่ายิ่งระดับการบ่มเพาะสูงเท่าใด เขาก็ยิ่งเข้าใกล้เป้าหมายมากเท่านั้น
ตรรกะนี้ง่ายมาก หากเปรียบเทียบ ระหว่างมดกับต้นไม้ สิ่งใดอยู่ใกล้กับชีวิตนิรันดร์มากกว่า?
ตอนนี้ฟางหยวนมีแต้มผลงานเพียงสามร้อยแต้ม จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาคำนวณไว้อย่างแม่นยำโดยไม่เปิดโอกาสให้ฟางหยวนต่อรอง
อย่างไรก็ตามฟางหยวนรู้สึกว่าแต้มผลงานเหล่านี้มีคุณค่ามาก หากใช้อย่างชาญฉลาด มันจะช่วยเขาได้มาก
หลังจากไตร่ตรองอย่างรอบคอบ ฟางหยวนไม่รีบใช้แต้มผลงานเหล่านี้เพื่อแลกกับวิธีรับมือวิญญาณกาลเวลา
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากล่าว “แต้มผลงานมีไว้ใช้ อย่าตระหนี่เกินไป พวกเรามีภารกิจอีกมากมาย ตราบเท่าที่เจ้าทำสำเร็จ เจ้าจะได้รับแต้มผลงานเพิ่มขึ้น”
“โอ้ ภารกิจใด?” ฟางหยวนถามเบาๆ
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาต้องการใช้ความแข็งแกร่งของฟางหยวน ดังนั้นเขาจึงเร่งตอบคำถาม
ฟางหยวนส่ายศีรษะหลังจากได้ยินคำอธิบาย
ภารกิจของนิกายหลางหยาแบ่งออกเป็นสองประเภท หนึ่งคือรวบรวมทรัพยากร สองคือฝึกฝนการต่อสู้ให้กับผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขน
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาบุคลิกที่สองต้องการปกครองโลกใบนี้ เป็นธรรมดาที่เขาจะต้องฝึกการต่อสู้ให้กับผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขน
ก่อนหน้านี้ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนรู้เพียงวิธีหลอมรวมวิญญาณ พวกเขาไม่เคยฝึกการต่อสู้มาก่อน ดังนั้นพลังการต่อสู้ของพวกเขาจึงต่ำมาก
แต่ปัจจุบันฟางหยวนไม่มีเวลาฝึกการต่อสู้ให้กับผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนหรือออกรวบรวมทรัพยากร
“ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง ตอนนี้ข้ากำลังขาดแคลนวิญญาณ เป็นไปได้หรือไม่ที่ท่านจะช่วยซื้อวิญญาณจากสวรรค์สีเหลืองและตรวจสอบพวกมันก่อนจะส่งมาให้ข้า” ฟางหยวนเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไม่ได้ปฏิเสธเรื่องนี้
ชุดวิญญาณถูกส่งผ่านสวรรค์สีเหลืองไปยังมิติช่องว่างของฟางหยวนอย่างรวดเร็ว
วิญญาณชุดแรกประกอบด้วยวิญญาณบุปผาเก็บสุรา วิญญาณหญ้าถุงข้าว วิญญาณน้ำพุ วิญญาณกินลมดื่มน้ำค้าง และอื่นๆ
ตอนนี้แตกต่างออกไป ก่อนหน้าฟางหยวนเป็นผีดิบอมตะ เขาไม่จำเป็นต้องกินหรือดื่ม
แต่ร่างกายที่มีชีวิตยังต้องการสารอาหาร กระทั่งผู้อมตะก็อาจตกตายหากขาดอาหารเป็นเวลานาน เว้นเพียงพวกเขาจะมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางอาหาร
นอกจากวิญญาณระดับมนุษย์เกี่ยวกับอาหารและน้ำดื่มยังมีวิญญาณเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกเล็กน้อย
ฟางหยวนยังไม่พอใจวิญญาณอาภรณ์เพลิงเพราะมันดึงดูดความสนใจมากเกินไป
หลังจากได้รับวิญญาณเปลี่ยนเสื้อผ้า เขารีบเปลี่ยนชุดทันที
นอกเหนือจากนั้นยังมีวิญญาณเกี่ยวกับที่อยู่อาศัย ตัวอย่างเช่นวิญญาณถ้ำสามดารา
วิญญาณชุดที่สองมีวิญญาณถ้วยชมทิวทัศน์และวิญญาณประตูแห่งดวงดาว
มันไม่ปลอดภัยที่จะส่งสิ่งของต่างๆผ่านสวรรค์สีเหลือง
สวรรค์สีเหลืองเป็นตลาดเปิด มันไม่ใช่ช่องทางลับ
วิญญาณถ้วยชมทิวทัศน์เป็นประตูมิติที่ไม่คำนึงถึงภูมิภาค
ไม่ว่าจะเป็นวิญญาณถ้วยชมทิวทัศน์หรือวิญญาณประตูแห่งดวงดาว จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาได้รับพวกมันมาจากฟางหยวนทั้งสิ้น
ด้วยบุลลิกแรกของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา เป็นธรรมดาที่เขาจะหลอมรวมพวกมันเก็บไว้เป็นจำนวนมาก
ดังนั้นวิญญาณทั้งสองดวงจึงถูกส่งจากแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาโดยตรง พวกมันทำให้วิญญาณแสงสมบัติในสวรรค์สีเหลืองส่องประกายสว่างไสวและดึงดูดความสนใจจากผู้อมตะมากมาย
หลังจากทั้งหมดพวกมันเป็นเพียงวิญญาณระดับมนุษย์แต่กลับล้ำค่ามาก
ผู้อมตะหลายคนพยายามสอบถามแต่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาปฏิเสธที่จะตอบ
วิญญาณชุดที่สามยังเป็นวิญญาณระดับมนุษย์ พวกมันถูกส่งมาจากคลังสมบัติของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาโดยตรง ฟางหยวนต้องการใช้วิญญาณเหล่านี้ทดสอบมิติช่องว่างจักรพรรดิ
การทดสอบก่อนหน้าเป็นเพียงการสังเกตอย่างผิวเผินเท่านั้น
เพื่อเรียนรู้มิติช่องว่างจักรพรรดิ เขาต้องใช้วิญญาณเป็นเครื่องมือ
วิญญาณชุดที่สี่เป็นวิญญาณหลัก
มันคือวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งดาบของโป้ชิง!
ฟางหยวนขโมยวิญญาณมากมายมาจากโป้ชิง เขาใช้วิธีการบนเส้นทางแห่งปัญญาเพื่อหลอกลวงวิญญาณเหล่านี้และค่อยๆปรับแต่งพวกมันอย่างช้าๆ
ก่อนเข้าร่วมการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน เขาสามารถปรับแต่งวิญญาณอมตะเปลี่ยนวิญญาณเท่านั้น แต่ในช่วงเวลาสำคัญ มันยังช่วยเขาพลิกสถานการณ์
ตอนนี้วิญญาณอมตะเปลี่ยนวิญญาณยังอยู่กับฟางหยวน
สำหรับวิญญาณอมตะดวงอื่นๆ มันเต็มไปด้วยเจตจำนงของโป้ชิงและเป็นเรื่องยากที่จะปรับแต่งพวกมัน ดังนั้นวิญญาณเหล่านี้จึงถูกทิ้งไว้ในแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู
อย่างไรก็ตามแม้จะไม่สามารถปรับแต่งแต่ไม่ได้หมายความว่าไม่สามารถ ค่ายกลวิญญาณที่ฟางหยวนสร้างขึ้นยังปรับแต่งพวกมันตลอดเวลา
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือเป็นความโชคดีของฟางหยวนที่ไม่ได้นำวิญญาณอมตะเหล่านี้ติดตัวไปยังภูเขาอี้เทียน มิฉะนั้นตอนนี้พวกมันจะตกอยู่ในกำมือของอิงอู๋เซี่ย
วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งดาบเหล่านี้ประกอบไปด้วยวิญญาณดาบแห่งปัญญาระดับแปด วิญญาณดาบทะลวงมิติระดับเจ็ด วิญญาณคิ้วดาบระดับเจ็ด วิญญาณคลื่นดาบระดับเจ็ด และวิญญาณดาบบินระดับเจ็ด
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาส่งเพียงวิญญาณดาบทะลวงมิติและวิญญาณดาบบินให้กับฟางหยวนเท่านั้น
ธุรกรรมเกิดขึ้นและจบลงอย่างรวดเร็วแต่มันกลับสร้างความโกลาหลขึ้นในสวรรค์สีเหลือง
“แสงสมบัติสูงหลายร้อยเมตร เกิดสิ่งใดขึ้น?”
“ธุรกรรมวิญญาณอมตะงั้นหรือ!?”
“เป็นไปได้อย่างไร?”
“ข้าเห็นมัน! บางคนขายวิญญาณอมตะระดับเจ็ดสองดวง พวกเขาเคลื่อนไหวเร็วมาก!”
“ซื้อขายวิญญาณอมตะระดับเจ็ดสองดวง โอ้ สวรรค์! ข้าไม่มีวิญญาณอมตะระดับหกแม้แต่ดวงเดียว ผู้ใดช่างร่ำรวยนัก!?”
ธุรกรรมวิญญาณระดับมนุษย์จากก่อนหน้าดึงดูดความสนใจจากผู้คนไปบ้างแล้ว ตอนนี้เมื่อเกิดการซื้อขายวิญญาณอมตะ มันจึงช่วยไม่ได้ที่จะเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในสวรรค์สีเหลือง
โดยปกติธุรกรรมวิญญาณอมตะมักจะเป็นการแลกเปลี่ยนวิญญาณ มันหาได้ยากที่จะพบเห็นการซื้อขายวิญญาณอมตะด้วยหินวิญญาณอมตะ
ดังนั้นการทำธุรกรรมของฟางหยวนกับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจึงไม่ต่างจากการโยนหินลงไปในทะเลสาบและสร้างระลอกคลื่นให้เกิดขึ้น
“วิญญาณอมตะสองดวง…แต่ละดวงทำให้แสงสมบัติสูงหลายร้อยเมตร แต่อีกฝ่ายกลับจ่ายด้วยหินวิญญาณอมตะ!”
ข้อมูลนี้ทำให้บทสนทนาร้อนแรงมากขึ้นไปอีก
“เจ้าล้อข้าเล่นหรือไม่?”
“นี่ไม่ใช่ธุรกรรมปกติ พวกเขาใช้สวรรค์สีเหลืองในการขนส่งวิญญาณ!”
“แม้พวกเขาจะต้องการขนส่งวิญญาณอมตะแต่มันก็หาได้ยากเพราะสวรรค์สีเหลืองจะเก็บค่าธรรมเนียมตามความสว่างไสวของแสงสมบัติ!”
ในครั้งเดียว ฟางหยวนกับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาทำให้สวรรค์สีเหลืองตกอยู่ในความสันสบวุ่นวาย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น