เทพปีศาจหวนคืน 1028-1030
บทที่ 1028 เก้าชั้นฟ้า ห้าภูมิภาค
แปลโดย iPAT
ในการเพิ่มพื้นที่มิติช่องว่าง วิญญาณขยายอาณาเขตเป็นเพียงน้ำตาลบนหน้าเค้ก กล่าวไปแล้วไม่ว่าพวกเขาจะใช้วิธีการใด มิติช่องว่างของพวกเขาก็ยังไม่สามารถขยายตัวขึ้นเกินกว่าขีดจำกัดในระดับต่างๆ
กลับไปที่มิติช่องว่างของฟางหยวน
มันมีพื้นที่มากกว่าสามหมื่นสามพันห้าร้อยตารางกิโลเมตร!
มันเหนือกว่ามิติช่องว่างระดับสูงสุดของสุดยอดกายาไปไกลมาก
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือนี่ยังเป็นเพียงชั้นเดียว
ฟางหยวนพบว่ามิติช่องว่างของเขามีสิบชั้น!
แต่ละชั้นมีพื้นที่สามหมื่นสามพันห้าร้อยตารางกิโลเมตร!
นี่หมายความว่าอย่างไร?
ฟางหยวนไม่สามารถแม้แต่จะจินตนาการถึง
เพราะเขาไม่เคยได้ยินว่ามีมิติช่องว่างที่น่าขันเช่นนี้อยู่บนโลกใบนี้
แต่ขนาดของมิติช่องว่างยังเป็นเพียงจุดเริ่มต้น
มิติช่องว่างแต่ละชั้นของเขามีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นมาก
มิติช่องว่างของผู้อมตะทั่วไปมีพื้นที่ชั้นเดียว ตัวอย่างเช่นแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูและแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาว
แล้วเมื่อใดที่มิติช่องว่างสามารถแยกออกเป็นชั้น
คำตอบก็คือเมื่อมันยกระดับเป็นถ้ำสวรรค์ ในกรณีนี้ถ้ำสวรรค์นภาแห่งดาวเป็นตัวอย่างที่ดี
‘แดนศักดิ์สิทธิ์ที่มีลักษณะเหมือนถ้ำสวรรค์งั้นหรือ? กระทั่งแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนโลกใบนี้เช่นแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาก็ยังมีพื้นที่เพียงชั้นเดียว แต่แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาถูกลดระดับลงมาจากถ้ำสวรรค์ขณะที่แดนศักดิ์สิทธิ์ของข้าพึ่งก้าวเข้าสู่ระดับหก! และกระทั่งชั้นแรก มันยังแบ่งออกเป็นห้าภูมิภาค!’
มิติช่องว่างของฟางหยวนมีสิบชั้น ชั้นแรกเป็นแผ่นดินที่กว้างใหญ่และถูกแบ่งออกเป็นห้าภูมิภาค
ชั้นที่สองถึงสิบเป็นมิติที่ว่างเปล่า
สิ่งที่ทำให้ฟางหยวนรู้สึกสนใจก็คือแผ่นดินที่กว้างใหญ่แบ่งออกเป็นห้าภูมิภาคที่มีลักษณะภูมิประเทศที่แตกต่างกัน
ภาคกลางเป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์
ภาคใต้เต็มไปด้วยภูเขาและเมฆหมอก
ภาคเหนือเป็นที่ราบทุ่งหญ้าและมีลมกรรโชกแรง
ภาคตะวันออกเป็นมหาสมุทรที่เต็มไปด้วยหมู่เกาะราวกับกระดานหมากรุกขนาดใหญ่
ภาคตะวันตกเป็นทะเลทรายที่รกร้าง
‘สิ่งนี้เหมือนกับห้าภูมิภาคของโลกภายนอก…’ ฟางหยวนพึมพำอยู่ในใจ
แต่สิ่งที่ทำให้เขายิ่งตกใจมากกว่าก็คือชั้นที่สองถึงสิบ
ทั้งเก้าชั้นไม่มีพื้นดินแต่มันเป็นมิติที่มีสีสันแตกต่างกันตั้งแต่แดง ส้ม เหลือง เขียว ฟ้า น้ำเงิน ม่วง ขาว และดำ
‘นี่คือสวรรค์ทั้งเก้างั้นหรือ? ในอดีตมนุษย์คนแรกและบุตรธิดาของเขาทำให้สวรรค์เจ็ดชั้นพังทลายและร่วงหล่นลงมาบนพื้นพิภพ ตอนนี้จึงเหลือเพียงสวรรค์สีขาวและสวรรค์สีดำ’
‘เก้าชั้นฟ้า ห้าภูมิภาค เพราะเหตุนี้มันจึงถูกเรียกว่าวิญญาณทารกอมตะเช่นนั้นหรือ?’
ในความเป็นจริงฟางหยวนคาดเดาเอาไว้แล้วว่ามิติช่องว่างของเขาต้องไม่ธรรมดา แต่เขาไม่คิดว่ามันจะน่าประทับใจถึงระดับนี้ มันถึงระดับที่ทำให้ฟางหยวนรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย
หวาดกลัว?
มันเป็นอารมณ์ที่ยากจะทำความเข้าใจแต่สามารถอธิบายได้ด้วยคำนี้
ไท่เป่ยหยุนเฉิงเป็นบุคคลที่ยอดเยี่ยม ไห่ลั่วหลันเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นท่ามกลางกลุ่มคนระดับสูง
แล้วฟางหยวน?
เขาเหนือกว่าอัจฉริยะทั้งหมด มีเพียงคำเดียวที่สามารถอธิบาย นั่นคือสัตว์ประหลาด!
ผู้คนมักจะอิจฉาอัจฉริยะ แต่สำหรับสัตว์ประหลาด มันคือสิ่งที่เกินกว่าจินตนาการ มันจะทำให้ผู้คนหวาดกลัวและต้องการกำจัดทิ้ง!
ในช่วงห้าร้อยปีแรก มิติช่องว่างของฟางหยวนอยู่ในระดับสูง หลังจากเกิดใหม่มิติช่องว่างของเขากลายเป็นระดับกลาง
เขาทำงานหนักเพื่อให้ได้รับมิติช่องว่างระดับสูงสุด
แต่โดยไม่คาดคิด เขากลับได้รับมิติช่องว่างที่อัศจรรย์นี้
เขาเปลี่ยนจากผู้อมตะทั่วไปเป็นสัตว์ประหลาดอย่างกะทันหัน มันจึงช่วยไม่ได้ที่เขาจะรู้สึกหวาดกลัว
‘ข้าไม่สามารถปล่อยให้เรื่องนี้รั่วไหลออกไป มิฉะนั้นมันจะดึงดูดศัตรูมากมายเข้ามาหา’
‘แต่กระทั่งข้าจะบอกผู้อื่นเกี่ยวกับมิติช่องว่างนี้ก็จะไม่มีผู้ใดเชื่อข้า อาจมีเพียงเทพปีศาจจิตวิญญาณเท่านั้นที่เชื่อเรื่องนี้’
การแสดงออกของฟางหยวนเปลี่ยนเป็นมืดครึ้ม
ยิ่งมิติช่องว่างของเขาอัศจรรย์เท่าใด ความเป็นศัตรูระหว่างเขากับนิกายเงาก็ยิ่งรุนแรงมากเท่านั้น
แม้ฟางหยวนจะยังไม่ได้ตรวจสอบมิติช่องว่างนี้อย่างละเอียด แต่เพียงสิ่งที่ค้นพบเบื้องต้น มันก็ทำให้รอยร้าวระหว่างเขากับเทพปีศาจจิตวิญญาณยากที่จะประสานได้อีก
แม้ฝ่ายตรงข้ามจะไม่มีสมาชิกที่เป็นผู้อมตะระดับเก้า แต่พลังอำนาจของพวกเขาก็ไม่แตกต่าง เผชิญหน้ากับศัตรูเช่นนี้ แน่นอนว่าฟางหยวนย่อมรู้สึกกดดัน
‘ตอนนี้ร่างหลักของเทพปีศาจจิตวิญญาณยังติดอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝัน’
‘แต่เขาวางแผนมานานหลายหมื่นปี เขาต้องมีแผนสำรอง’
‘อิงอู๋เซี่ยเป็นร่างแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณ ตอนนี้เขาอยู่ในร่างของข้าโดยที่ข้าไม่รู้ที่อยู่ของเขา’
‘กองกำลังพันธมิตรผีดิบล่มสลายไปแล้ว ตอนนี้นิกายเงาจะเหลือความแข็งแกร่งที่ซ่อนไว้มากน้อยเพียงใด?’
‘ในชีวิตแรกของข้า เทพปีศาจจิตวิญญาณกับนิกายเงาประสบความสำเร็จใช่หรือไม่?’
ร่างใหม่ของฟางหยวนมีประโยชน์มาก
ในเสี้ยวพริบตาฟางหยวนสามารถคิดสิ่งต่างๆมากมาย
‘ตอนนี้ข้าควรเชื่อมต่อสวรรค์สีเหลืองเป็นอันดับแรก!’ ฟางหยวนปัดเป่าความคิดในใจออกไป
เขาใช้เวลาเพียงเล็กน้อยในการตรวจสอบมิติช่องว่างและพบว่ามันไม่มีปัญหา
ด้วยการใช้วิญญาณเชื่อมโยงสวรรค์และวิญญาณสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ ฟางหยวนสามารถติดต่อสวรรค์สีเหลืองได้อย่างง่ายดาย
สวรรค์สีเหลืองเป็นตลาดการค้าอันดับหนึ่งของโลกผู้อมตะ มันถูกสร้างขึ้นจากเศษชิ้นส่วนของสวรรค์สีเหลือง
หากมนุษย์มองขึ้นไปบนท้องฟ้า พวกเขาจะเห็นเพียงสวรรค์สีขาวและสวรรค์สีดำเท่านั้น เพียงเมื่อผู้อมตะใช้วิญญาณเชื่อมโยงสวรรค์ พวกเขาจึงจะสัมผัสได้ถึงสวรรค์สีเหลืองที่เหมือนคบเพลิงท่ามกลางความมืด
ในช่วงเวลาสั้นๆ ฟางหยวนพบเจตจำนงของจิตวิญญาณแผ่นดินเสี่ยวหูที่อยู่ในสวรรค์สีเหลืองอย่างรวดเร็ว
ก่อนที่เขาจะจากมา เขาสั่งให้จิตวิญญาณแผ่นดินเสี่ยวหูเชื่อมต่อกับสวรรค์สีเหลืองตลอดเวลา
ฟางหยวนไม่รู้ว่าสถานการณ์บนภูเขาอี้เทียนจะเป็นอย่างไร แต่เขารู้ว่าหากตัวตนของเขาถูกเปิดเผย แดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูจะถูกปิดล้อมโดยผู้อมตะภาคกลาง
ฝูงปลามังกรและอสรพิษเพลิงถูกย้ายไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาวเรียบร้อยแล้ว
แดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูมีภูเขาตงฮัน หอคอยหินกับทาสมนุษย์ขน
ในถ้ำใต้ดินมีวิญญาณสติปัญญาและวิญญาณบนเส้นทางแห่งดาบของโป้ชิงที่ถูกผนึกไว้
ภูเขาตงฮันถูกเก็บไว้ในแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูเพื่อความสะดวกในการขายวิญญาณความเด็ดเดี่ยว หลังจากทั้งหมดแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูมีช่องทางเชื่อมต่อกับนิกายคฤหาสน์วิญญาณและนิกายกระเรียนอมตะ หากภูเขาตงฮันถูกนำไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาว ศัตรูจะสามารถอนุมานได้โดยง่าย
นอกจากนั้นแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูยังมีร่องรอยแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งทาสจำนวนมาก มันทำให้ฟางหยวนสามารถจัดการทาสมนุษย์ขนได้ดีขึ้น หากทาสเหล่านี้ถูกย้ายไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาว พวกมันอาจไม่ฟังคำสั่งของฟางหยวน
แม้มนุษย์ขนจะเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ แต่พวกมันก็มีอารมณ์และทัศนคติในการทำงาน
แน่นอนว่าฟางหยวนคำนึงถึงไห่ลั่วหลันกับนางมารผลาญสวรรค์เช่นกัน
สำหรับวิญญาณสติปัญญา ฟางหยวนต้องการย้ายที่ตั้งของมันมากที่สุดแต่เขาไม่มีความสามารถนี้ ก่อนหน้ามันเป็นเพียงสถานการณ์คับขันที่บีบบังคับให้มันทำข้อตกลงกับฟางหยวน
ฟางหยวนติดต่อเจตจำนงของจิตวิญญาณแผ่นดินเสี่ยวหูอย่างรวดเร็ว
“นายท่าน?” เสี่ยวหูถาม
“ถูกต้อง ข้าเอง” ฟางหยวนตอบ
“หากเป็นนายท่านจริงๆ ท่านต้องบอกรหัสลับแก่ข้าก่อน” จิตวิญญาณแผ่นดินเสี่ยวหูกล่าวต่อ
หลังจากยืนยันรหัสลับ จิตวิญญาณแผ่นดินเสี่ยวหูกล่าวด้วยความสุข “นายท่านสบายดีหรือไม่? ข้าคิดถึงท่านมาก!”
ฟางหยวนหัวเราะก่อนจะบอกให้นางใช้แผนสองส่วนที่สาม
ตลอดมาฟางหยวนเผชิญหน้ากับแรงกดดันอย่างมาก เขากังวลว่าผู้อมตะภาคกลางจะโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู
เพื่อลดความสูญเสีย ฟางหยวนใช้แสงแห่งปัญญาวางแผนการมากมายเพื่อจัดการกับสถานการณ์ต่างๆที่อาจเกิดขึ้น
นอกจากนี้เขายังบอกแผนการเหล่านี้กับจิตวิญญาณแผ่นดินเสี่ยวหู
เป็นเรื่องที่ดีหากจะเตรียมการไว้ล่วงหน้า
แต่หลังจากได้ยินคำกล่าวของฟางหยวน จิตวิญญาณแผ่นดินเสี่ยวหูกลับตกตะลึงและเริ่มร้องไห้ “นายท่าน นายท่าน นายท่านไม่ต้องการข้าแล้วงั้นหรือ? ข้าเชื่อฟังท่านมากและจะเชื่อฟังท่านมากขึ้นหลังจากนี้”
“ฮ่าฮ่า” ฟางหยวนหัวเราะ “อย่าได้กังวล แผนสองส่วนที่สามได้รับการแก้ไขเมื่อเร็วๆนี้ ดำเนินการตามนั้น อีกฝ่ายจะไม่ใช่เจ้านายของเจ้าอย่างแท้จริง”
จิตวิญญาณแผ่นดินเสี่ยวหูยิ้มทั้งน้ำตา นางเชื่อฟางหยวนอย่างหมดหัวใจและไม่สงสัยในการตัดสินใจของเขา
นางทำตามแผนการของฟางหยวนและติดต่อจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาทันที
ฟางหยวนบอกจิตวิญญาณแผ่นดินเสี่ยวหูไว้นานแล้วว่าเขาเป็นผู้อาวุโสนอกของนิกายหลางหยา
หลังจากนั้นจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจึงส่งกลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนมายังแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูโดยผ่านประตูแห่งดวงดาว
พวกเขาใช้ค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้โบราณยักษ์สวรรค์เพื่อยกภูเขาตงฮันเก็บไว้ในมิติช่องว่างของผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนคนหนึ่งและเดินทางกลับแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา
จิตวิญญาณแผ่นดินเสี่ยวหูนำพวกเขาไปพบวิญญาณสติปัญญา กลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนตกใจมาก พวกเขาส่งข้อมูลกลับไปยังจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา หลังจากตกตะลึง เขาจึงบอกวิธีโน้มน้าววิญญาณสติปัญญาให้เดินทางไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์หยางหลา
หลังจากทุกอย่างเสร็จสิ้น ฟางหยวนจึงสามารถผ่อนคลาย
เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเปิดเผยการคงอยู่ของวิญญาณสติปัญญาต่อจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา
แต่ผลลัพธ์ที่ตามมาก็คือจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไม่ได้ทำให้ฟางหยวนผิดหวัง เขาเป็นเจตจำนงของผู้อมตะระดับแปดบรรพชนผมยาว รากฐานของเขาไม่มีผู้ใดสามารถหยั่งถึง
หากบรรพชนผมขาวเป็นมนุษย์ บางทีเขาอาจบรรลุถึงระดับเก้าในที่สุด
แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังได้รับการยกย่องว่าเป็นสุดยอดปรมาจารย์อันดับหนึ่งของโลกใบนี้ตลอดกาล
หลังจากนั้นฟางหยวนยังติดต่อจิตวิญญาณแผ่นดินแห่งดวงดาวเพื่อส่งหุบเขาเหล่าโปไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา
ด้วยวิธีนี้ภูเขาตงฮัน หุบเขาเหล่าโป และวิญญาณสติปัญญาจึงถูกย้ายไปเก็บไว้ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา
กระทั่งวิญญาณท่องแดนอมตะจะไม่ระเบิดตัวเองและอิงอู๋เซี่ยพยายามเดินทางไปยังภูเขาตงฮันหรือหุบเขาเหล่าโปโดยตรง เขาก็ต้องเผชิญหน้ากับนิกายหลางหยา ไม่เพียงเขาจะไม่ได้รับสิ่งใด เขายังจะตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายอีกด้วย
บทที่ 1029 วิญญาณโชคอึสุนัข
แปลโดย iPAT
‘ตอนนี้ทรัพยากรในแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูและแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาวได้รับการจัดการเรียบร้อยแล้ว’ หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจสำคัญ ฟางหยวนจึงสามารถถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เขาเป็นคนที่จะคำนึงถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดก่อนเสมอ ตอนนี้ไม่ว่าอิงอู๋เซี่ยจะตอบสนองอย่างไร ความสูญเสียของฟางหยวนก็จะลดลงอย่างมาก
สถานการณ์ของอิงอู๋เซี่ยกับฟางหยวนสลับกันด้วยวิธีนี้
เป้าหมายของฟางหยวนคือชีวิตนิรันดร์ ร่างกายภาพไม่ต่างจากเสื้อผ้าอาภรณ์สำหรับเขา เขาไม่ลังเลที่จะเปลี่ยนชุดใหม่ สิ่งที่เขาสนใจมีอยู่สามประการ
หนึ่ง วิญญาณชุดเดิมของเขา
สอง ทรัพยากรในแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูและแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาว
สาม ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับไท่เป่ยหยุนเฉิง ไห่ลั่วหลัน จิตวิญญารแผ่นดินหลางหยา และกองกำลังอื่นๆ
ฟางหยวนจ้องมองท้องฟ้าที่มืดมิดขณะที่สายลมทำให้กิ่งต้นสนสั่นไหว
เขาครุ่นคิดกับตนเอง ‘ตอนนี้วิญญาณท่องแดนอมตะควรจะระเบิดตัวเองไปแล้ว ต่อไปก็เป็นวิญญาณดวงอื่นๆ ข้าสงสัยว่าอิงอู๋เซี่ยจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร?’
‘มีความหวังเพียงเล็กน้อยที่ข้าจะสามารถนำวิญญาณเหล่านั้นกลับมา ตอนนี้ทรัพยากรทั้งหมดของข้าถูกย้ายไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาเรียบร้อยแล้วขณะที่แดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูถูกยึดครองโดยผู้อมตะภาคกลาง สำหรับแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาวที่อยู่ในถ้ำนรกใต้พิภพ มีเพียงไห่ลั่วหลันและไท่เป่ยหยุนเฉิงที่รู้เรื่องนี้’
ฟางหยวนไตร่ตรอง
ในแง่มุมที่สาม ความสัมพันธ์ระหว่างฟางหยวนกับนิกายคฤหาสน์วิญญาณและนิกายกระเรียนอมตะถูกทำลายลงแล้ว
ความจริงเบื้องหลังการล่มสลายของวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริงถูกเปิดเผยออกไปแล้ว วังสวรรค์ย่อมต้องติดตามเอาความเรื่องนี้กับฟางหยวน อย่างไรก็ตามอิงอู๋เซี่ยอยู่ในร่างเดิมของฟางหยวน นั่นหมายความว่าเขาอาจพบปัญหาเช่นกัน
ดังนั้นฟางหยวนจึงไม่กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก
สิ่งที่ฟางหยวนกังวลก็คือไท่เป่ยหยุนเฉิงกับไห่ลั่วหลัน
เทพธิดาหลี่ซานและนางมารผลาญสวรรค์เสียชีวิตไปแล้ว คุณค่าของไห่ลั่วหลันลดลงอย่างรวดเร็ว แต่นางยังเป็นผู้อมตะที่ครอบครองสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริง นอกจากนั้นในชีวิตก่อนหน้านางยังเคยเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณและสิ่งที่ไม่สามารถลืมก็คือโชคและนิสัยที่น่าเกรงขามของนาง
ด้านไท่เป่ยหยุนเฉิง เขามีวิญญาณอมตะเพียงสองดวง แต่พวกมันกลับล้ำค่ามาก
ฟางหยวนเกรงว่าคนทั้งสองจะถูกอิงอู๋เซี่ยหลอกใช้และหันมาสร้างปัญหาให้กับเขา
ด้วยเหตุนี้หลังจากจัดการเรื่องแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูและแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาว ฟางหยวนจึงพยายามติดต่อไห่ลั่วหลันและไท่เป่ยหยุนเฉิงผ่านสวรรค์สีเหลือง พวกเขาทิ้งเจตจำนงไว้ที่นั่น นี่เป็นการเตรียมตัวสำหรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด
อย่างไรก็ตามแม้ฟางหยวนจะสามารถติดต่อเจตจำนงของไห่ลั่วหลันกับไท่เป่ยหยุนเฉิงที่อยู่ในสวรรค์สีเหลือง มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาสามารถติดต่อคนทั้งสองได้อย่างแท้จริง
เพียงเมื่อไห่ลั่วหลันกับไท่เป่ยหยุนเฉิงเชื่อมต่อสวรรค์สีเหลืองและรับเจตจำนงของพวกเขากลับไป พวกเขาจึงจะได้รับข้อความที่ฟางหยวนทิ้งไว้
เมื่อไม่ได้รับการติดต่อกลับจากพวกเขา สายตาของฟางหยวนยิ่งเผยให้เห็นถึงความกังวล
ฟางหยวนหยุดคาดหวังและหันไปติดต่อจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา
ครั้งนี้เขาได้รับการติดต่อกลับทันที
“เด็กบ้า! เจ้าติดต่อข้าในที่สุด!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากรีดร้องด้วยความตื่นเต้น
ในความเป็นจริงจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยารับปากช่วยย้ายทรัพยากรให้กับฟางหยวนเนื่องจากสถานะผู้อาวุโสนอกของฟางหยวนเท่านั้น
แต่เมื่อจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเห็นภูเขาตงฮัน หุบเขาเหล่าโป โดยเฉพาะวิญญาณสติปัญญา เขาตกใจมาก
เขาไม่คาดหวังว่าทรัพยากรของฟางหยวนจะล้ำค่าถึงเพียงนี้
มันล้ำค่าจนไม่น่าเชื่อ
เมื่อได้ยินคำกล่าวของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา ฟางหยวนเผยรอยยิ้มราวกับเห็นลิงกอริลลากำลังกระโดดไปมาด้วยการแสดงออกที่มากเกินจริง
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามีต้นกำเนิดจากบรรพชนผมยาว ตอนนี้เขาอยู่ในบุลลิกที่ก้าวร้าวและทะเยอทะยาน
อย่างไรก็ตามเขายังเป็นเพียงจิตวิญญาณแผ่นดินที่ตรงไปตรงมาและสามารถรับมือได้ง่ายกว่าผู้อมตะเผ่ามนุษย์
เมื่อเห็นฟางหยวนยังเงียบ จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจึงไม่สามารถอดทน “ฟางหยวน นิกายหลางหยาให้ความช่วยเหลือเจ้าอย่างมากในครั้งนี้ หากเจ้าสูญเสียสิ่งเหล่านี้ไป เจ้าจะไม่ทุบศีรษะตนเองให้ตายงั้นหรือ? แล้วเจ้าจะตอบแทนข้าอย่างไร?”
เขาหยุดก่อนกล่าวต่อ “เด็กบ้า! บริจาคสิ่งเหล่านี้ให้กับนิกาย ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าพบกับความสูญเสียอย่างแน่นอน เจ้าเป็นผู้อาวุโสนอกของนิกายหลางหยา ข้าจะมอบแต้มผลงานจำนวนนับไม่ถ้วนให้เจ้า! แต้มผลงานเหล่านี้สามารถแลกเปลี่ยนเคล็ดลับการหลอมรวมและวิญญาณอมตะมากมาย!”
ตั้งแต่ฟางหยวนขอความช่วยเหลือจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา เขาก็เตรียมใจเอาไว้แล้ว ทุกคนที่ได้เห็นภูเขาตงฮัน หุบเขาเหล่าโป และวิญญาณสติปัญญา หัวใจของพวกเขาจะต้องสั่นสะท้านขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย กระทั่งจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาอาจเป็นคนตรงไปตรงมาและดื้อรั้น แต่เขาไม่ใช่คนโง่
ฟางหยวนตอบอย่างใจเย็น “ข้าเป็นผู้อาวุโสนอกของนิกายหลางหยา สิ่งเหล่านี้เป็นสมบัติของข้า ผู้อาวุโสสูงสุด ท่านคงไม่คิดที่จะฉกชิงพวกมันไปจากข้าใช่หรือไม่?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาหัวเราะก่อนตะโกน “หากข้ารู้เรื่องนี้ก่อน ข้าจะไม่ให้เจ้าเป็นผู้อาวุโสนอกของนิกายหลางหยาและจะยึดสมบัติเหล่านี้เอาไว้โดยตรง! บัดซบ! ข้าพูดความคิดออกไปอีกครั้ง!”
ฟางหยวนหัวเราะ
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาทำข้อตกลงกับฟางหยวนเรียบร้อยแล้ว มันสายเกินไปที่เขาจะยกเลิก อย่างน้อยที่สุดในปัจจุบันเขาก็ไม่มีวิธีฝ่าฝืนข้อตกลง
แม้เขาจะต้องการทำลายข้อตกลง เขาก็ยังต้องใช้เวลาเตรียมตัว
เนื่องจากจิตวิญญาณแผ่นดินไม่สามารถโกหก ฟางหยวนจึงทดสอบเพื่อดึงข้อมูลเล็กๆน้อยๆเท่านั้น
ตอนนี้เขาเข้าใจสถานภาพของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาแล้ว
ยิ่งคิดฟางหยวนก็ยิ่งมั่นใจว่ามันดีที่สุดที่จะฝากภูเขาตงฮัน หุบเขาเหล่าโป และวิญญาณสติปัญญาไว้ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา
ภูเขาตงฮันและหุบเขาเหล่าโปเคยเป็นสมบัติของเทพปีศาจจิตวิญญาณมาก่อน หากวิญญาณท่องแดนอมตะไม่ถูกทำลาย อิงอู๋เซี่ยจะสามารถเดินทางไปยังสถานที่ทั้งสองได้โดยตรง
หากฟางหยวนวางภูเขาตงฮันและหุบเขาเหล่าโปไว้ในมิติช่องว่างของตน มันอาจเป็นการเปิดประตูให้ขโมยเข้าบ้าน
สำหรับวิญญาณสติปัญญา ฟางหยวนไม่สามารถใช้งานมันได้ในช่วงเวลานี้
ตอนนี้เขาอยู่ในร่างใหม่ซึ่งแตกต่างจากร่างเดิมที่เป็นผีดิบอมตะ
ในร่างผีดิบอมตะ ฟางหยวนไม่ต้องกลัวแสงแห่งปัญญา แต่ตอนนี้หากเขาเข้าไปในอาณาเขตของแสงแห่งปัญญา อายุขัยของเขาจะลดลงอย่างรวดเร็ว นี่เป็นราคาที่ฟางหยวนไม่สามารถยอมรับ
ดังนั้นในช่วงเวลานี้มันจะดีที่สุดหากเขาไม่ใช้วิญญาณสติปัญญา
‘ข้าได้รับมิติช่องว่างจักรพรรดิแต่สูญเสียการสนับสนุนจากวิญญาณสติปัญญา มันเป็นผลกำไรที่ได้มาพร้อมกับความสูญเสีย แต่วันหนึ่งข้าจะหาวิธีใช้งานวิญญาณสติปัญญาด้วยร่างมนุษย์ที่มีชีวิต ในช่วงเวลานี้มันจะดีกว่าที่จะให้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาปกป้องวิญญาณสติปัญญาให้ข้า’
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ฟางหยวนจึงเปิดปากกล่าว “ผู้อาวุโสสูงสุด ท่านต้องการให้ข้ามอบสมบัติทั้งสามให้กับนิกาย นั่นย่อมเป็นไปไม่ได้ แต่เราสามารถสร้างความร่วมมือ ข้าสามารถให้นิกายหลางหยาใช้งานภูเขาตงฮัน หุบเขาเหล่าโป และวิญญาณสติปัญญา แต่นิกายต้องดูแลพวกมันให้ข้า หากเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้น ท่านจะต้องชดใช้ให้ข้าสิบเท่า แน่นอนว่าท่านสามารถชดเชยด้วยแต้มผลงานบางส่วน”
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาตะโกนด้วยความสุข “เด็กน้อย เจ้าช่างมีไหวพริบ ดี นั่นเป็นสิ่งที่เหมาะสม ข้าจะให้เด็กๆของข้าใช้ภูเขาตงฮันและหุบเขาเหล่าโปในการเสริมสร้างและขัดเกลาจิตวิญญาณ นี่จะเป็นตัวช่วยชั้นยอดในการหลอมรวมวิญญาณ วิญญาณสติปัญญาก็เช่นกัน ฮ่าฮ่า มันคือวิญญาณระดับเก้าบนเส้นทางแห่งปัญญา ในอดีตมันเป็นวิญญาณหลักของเทพอมตะกลุ่มดาว ฮ่าฮ่าฮ่า การใช้มันในการอนุมานเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมเกินไป”
ฟังจากน้ำเสียงของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา ชัดเจนว่าเขารู้วิธีใช้งานมัน ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องเปิดปากถามอย่างช่วยไม่ได้
แต่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไม่ใช่คนโง่ เขาหัวเราะเบาๆ “หากเจ้าอยากรู้วิธีใช้งานวิญญาณสติปัญญา เจ้าสามารถใช้แต้มผลงานในการแลกเปลี่ยน!”
ทั้งสองเจรจากันอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะสามารถสร้างข้อตกลงทั้งหมด
ฟางหยวนยังกล่าวถึงทาสอมตะเผ่ามนุษย์วิหคจ้าวจง นี่เป็นความสัมพันธ์ที่ไท่เป่ยหยุนเฉิงกับไห่ลั่วหลันล่วงรู้ ดังนั้นมันจะดีที่สุดหากจ้าวจงและเผ่ามนุษย์วิหคจะย้ายไปอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาเป็นการชั่วคราว
สำหรับทาสมนุษย์ขน หลังจากทะเลาะกับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา ทาสมนุษย์ขนยังเป็นของฟางหยวนแต่เขาต้องยกเลิกสถานะทาส พวกมันจะถือเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของฟางหยวนในนิกายหลางหยาเท่านั้น
เนื่องจากตัวตนที่แท้จริงของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาก็คือมนุษย์ขน ดังนั้นเขาจึงมีความรักในเผ่าพันธุ์ของตนและยังต้องการนำเผ่ามนุษย์ขนปกครองโลกอีกด้วย แน่นอนว่าจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาย่อมไม่ปล่อยให้ฟางหยวนกดขี่ชนเผ่าของเขา
มันดีมากแล้วที่เขาอนุญาตให้มนุษย์ขนเหล่านี้อยู่ใต้การบังคับบัญชาของฟางหยวนขณะที่ฟางหยวนก็มีความสุขกับเงื่อนไขนี้
ตราบเท่าที่ฟางหยวนต้องการหลอมรวมวิญญาณ เขายังสามารถใช้งานพวกมันได้ไม่ต่างจากก่อนหน้า
นอกจากนั้นด้วยรากฐานของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา พวกมันยังสามารถยกระดับขึ้นอย่างรวดเร็ว
ในที่สุดฟางหยวนก็บอกข้อมูลเกี่ยวกับอิงอู๋เซี่ยและนิกายเงาให้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยารับรู้อย่างคร่าวๆ
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยานิ่งเงียบไปชั่วขณะก่อนจะสามารถตอบสนอง
“เช่นนั้นเจ้าก็มีวิญญาณกาลเวลาที่เป็นวิญญาณหลักของเทพปีศาจบัวแดง!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากรีดร้อง “เด็กบ้า! โชคของเจ้าช่างบัดซบราวกับอึสุนัข! โอ้ เป็นไปได้หรือไม่ว่าเจ้ามีวิญญาณหลักของเทพอมตะตะวันเดือด วิญญาณโชคอึสุนัข!”
“วิญญาณหลักของเทพอมตะตะวันเดือดไม่ใช่วิญญาณโชคชะตาท้าทายสวรรค์แต่เป็นวิญญาณโชคอึสุนัขงั้นหรือ?”
จิตวิญญาณแผ่นดินเย้ยหยัน “เขาหลอมรวมวิญญาณโชคชะตาท้าทายสวรรค์ในช่วงปีหลังๆของชีวิต ในช่วงแรกของชีวิต วิญญาณโชคอึสุนัขเป็นวิญญาณหลักของเขา ข้าเคยร่วมมือกับเขาตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ แล้วข้าจะไม่รู้ได้อย่างไร?”
บทที่ 1030 ไห่ลั่วหลันรู้ความจริง
แปลโดย iPAT
นี่เป็นครั้งแรกที่ฟางหยวนเคยได้ยินเกี่ยวกับวิญญาณโชคอึสุนัข
ในสถานการณ์ปัจจุบันการเปิดเผยวิญญาณกาลเวลาไม่ใช่เรื่องใหญ่
ผู้อมตะวังสวรรค์รู้เรื่องนี้ นั่นหมายความว่านิกายโบราณทั้งสิบก็ต้องรู้และโลกของผู้อมตะก็ต้องรู้เช่นเดียวกัน
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากล่าวต่อ “น่าเสียดายที่วิญญาณกาลเวลาดวงนี้เป็นวิญญาณระดับหก หากเป็นวิญญาณกาลเวลาระดับเก้า เจ้าจะได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้วิญญาณกาลเวลาอยู่ในมือของอิงอู๋เซี่ย เราไม่สามารถให้เขาใช้งานมันได้! ข้ามีวิธีบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเพียงเล็กน้อย แต่มันไม่ใช่เรื่องยากที่จะต่อต้านวิญญาณกาลเวลาระดับหก”
“ต่อต้านวิญญาณกาลเวลา?” ฟางหยวนรู้สึกสนใจมาก ในความเป็นจริงเขากังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากที่สุด
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากล่าวต่อ “วิญญาณกาลเวลาเป็นเพียงวิญญาณระดับหก มันไม่ใช่เรื่องยากที่จะจัดการโดยเฉพาะเมื่อเรารู้ว่าผู้ใดครอบครองมันอยู่ มันอาจเป็นวิญญาณหลักของเทพปีศาจบัวแดง แต่แล้วอย่างไร? มีเพียงผู้ใช้วิญญาณที่ไม่อาจเอาชนะ แต่ไม่มีวิญญาณที่ไม่สามารถเอาชนะ บนโลกใบนี้เส้นทางแห่งกาลเวลาไม่ได้ยิ่งใหญ่ที่สุด ทุกเส้นทางล้วนมีความแข็งแกร่งของตนเอง แต่หากเราใช้วิธีบนเส้นทางแห่งกาลเวลา มันจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการต่อต้านวิญญาณบนเส้นทางแห่งกาลเวลา”
ฟางหยวนพยักหน้าเห็นด้วยกับคำกล่าวของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา
วิญญาณกาลเวลามีความสามารถที่น่าอัศจรรย์ แต่ไม่ใช่ว่าไม่มีวิธีต่อต้าน มนุษย์คือจิตวิญญาณของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด วิญญาณคือแก่นแท้แห่งสวรรค์พิภพ ธรรมชาติจะรักษาสมดุลของมันเสมอ มันเป็นเรื่องที่เข้าใจได้หากจะมีวิธีการบางอย่างสามารถต่อต้านวิญญาณกาลเวลา
‘ตั้งแต่กำเนิดใหม่ ข้าคิดว่าวิญญาณกาลเวลาเป็นไพ่ตายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของข้ามาตลอด ผู้ใดจะคิดว่าวันหนึ่งข้าจะต้องจัดการมัน’ ฟางหยวนลอบถอนหายใจ
ขณะที่เขากำลังติดต่อจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา ในเวลาเดียวกันที่ภาคกลาง
หุบเขาหมิงเติ้ง
นี่เป็นหุบเขาที่มีชื่อเสียงของภาคกลาง
มันอยู่ภายใต้การปกครองของนิกายเมฆาวายุและนิกายบัวสวรรค์ สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่ให้กำเนิดวิญญาณบนเส้นทางแห่งแสง
ลึกเข้าไปในหุบเขา มีปีศาจอมตะซ่อนตัวอยู่
เขาคือขุนเขาที่ไม่สามารถเคลื่อนย้าย กงซุนเหลียง
ทันใดนั้นเขาพลันเปิดเปลือกตาขึ้น
“มีบางคนติดต่อข้างั้นหรือ?” เขาพึมพำเบาๆ ความสงสัยบนใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดจริงจังหลังจากนั้น
เขาเพ่งจิตเข้าไปในมิติช่องว่างของตนและใช้วิธีการสื่อสารบางอย่าง
“นายท่าน ท่านต้องการยืมวิญญาณอมตะของข้างั้นหรือ?”
อีกด้านหนึ่ง ในส่วนลึกของถ้ำนรกใต้พิภพ อิงอู๋เซี่ยตอบกลับ “ถูกต้อง”
กงซุนเหลียงเปิดเปลือกตาขึ้นด้วยความลังเล
เขาเป็นปีศาจอมตะที่ถูกไล่ล่าโดยเฉพาะจากนิกายโบราณทั้งสิบ
เขาใช้ชีวิตเหมือนคนจรจัด ครั้งหนึ่งเมื่อเขาตกลงสู่หลุมพรางของศัตรูและเกือบเสียชีวิต เขาถูกช่วยไว้โดยชายลึกลับผู้หนึ่ง
กงซุนเหลียงไม่เพียงสามารถรักษาชีวิต เขายังสามารถเข้าร่วมกับองค์กรลึกลับ
มันมีชื่อว่า ท้าทายสวรรค์
สมาชิกขององค์กรถูกเรียกด้วยตัวเลข
ปราศจากความช่วยเหลือจากองค์กรนี้ กงซุนเหลียงจะไม่มีชีวิตที่สงบสุขเช่นวันนี้
เมื่อเวลาผ่านไปเขาเริ่มเห็นความสำคัญขององค์กรนี้มากขึ้นและสามารถคาดเดาแรงจูงใจของพวกเขาได้บ้าง
‘ตัวเลขระบุตัวตนของสมาชิกหมายถึงลำดับก่อนหลังในการเข้าร่วมและสถานะของพวกเขา นายท่านอยู่บนจุดสูงสุด เขาเป็นผู้สร้างนิกายท้าทายสวรรค์ แต่ตอนนี้เขากลับขอยืมวิญญาณอมตะจากข้า…’
หลังจากลังเลอยู่นาน กงซุนเหลียงทำได้เพียงกัดฟันและพยักหน้า
ภาคกลาง นิกายดาบสวรรค์
ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งดาบสองคน เหมาจุน และ เหมาอวี๋ กำลังปรึกษากันเกี่ยวกับปัญหาของนิกาย
ทันใดนั้นร่างกายของเหมาจุนพลันสั่นสะท้านขึ้นเมื่อได้รับข้อความจากอิงอู๋เซี่ย
เหมาจุนกล่าวกับเหมาอวี๋ด้วยความลังเล “นายท่านติดต่อมา ท่านต้องการยืมวิญญาณอมตะของพวกเรา”
เหมาอวี๋ขมวดคิ้ว “คนผู้นี้ลึกลับเกินไป เราพึ่งเข้าร่วมนิกายท้าทายสวรรค์ได้เพียงไม่นาน เราไม่เคยได้ยินข้อมูลเกี่ยวกับเขา แต่ตอนนี้เขากลับติดต่อมาเพื่อขอยืมวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”
เหมาจุนพยักหน้า “เราเข้าร่วมนิกายท้าทายสวรรค์เพราะต้องการความช่วยเหลือจากพวกเขา แต่ก่อนหน้านี้เมื่อพวกเราพยายามแยกตัวออกจากนิกายกระเรียนอมตะ พวกเขากลับไม่ให้ความช่วยเหลือใดๆ ตอนนี้เขากลับต้องการยืมวิญญาณอมตะของพวกเรา ช่างไร้ยางอายนัก!”
ไม่กี่ปีที่ผ่านมา สมาชิกบางคนของนิกายดาบสวรรค์ก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ ดังนั้นมันจึงกลายเป็นกองกำลังที่มีผู้อมตะสามคน
นิกายดาบสวรรค์เป็นกองกำลังย่อยของนิกายกระเรียนอมตะ แต่เมื่อพวกเขามีผู้อมตะสามคน พวกเขาจึงต้องการแยกตัวออกไป
น่าเสียดายที่แผนการของพวกเขาไม่ประสบความสำเร็จขณะที่ผู้อมตะคนที่สามของนิกายดาบสวรรค์ถูกดึงเข้าสู่นิกายกระเรียนอมตะ
หลังจากนั้นเป็นต้นมาชีวิตของเหมาจุนและเหมาอวี๋ก็กลายเป็นยากลำบาก
ทั้งสองต้องการหยิบยืมความแข็งแกร่งจากนิกายท้าทายสวรรค์ แต่ความปรารถนาของพวกเขาไม่ได้รับการตอบสนอง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีความสุขนัก
นี่ทำให้อิงอู๋เซี่ยไม่สามารถยืมวิญญาณอมตะจากพวกเขา
“ปัง!”
ในห้องลับ อิงอู๋เซี่ยทุบโต๊ะที่อยู่ด้านหน้าอย่างแรง
“ฮืม เหมาจุน เหมาอวี๋…” อิงอู๋เซี่ยกัดฟันแน่นด้วยความโกรธ
แน่นอนว่านิกายท้าทายสวรรค์ถูกสร้างขึ้นโดยนิกายเงา
ภาคกลางแตกต่างจากอีกสี่ภูมิภาค วังสวรรค์คือจุดสูงสุด พวกเขาใช้นิกายโบราณทั้งสิบเพื่อควบคุมทรัพยากรทั้งหมด
ขณะเดียวกันนิกายขนาดเล็กและขนาดกลางมากมายต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอด
ผู้ใดบ้างที่จะไม่ต้องการยกระดับ ผู้ใดไม่ต้องการขยายอาณาเขตของตน และผู้ใดจะไม่ต้องการทรัพยากรที่มากขึ้น?
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้อมตะ พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติเป็นครั้งคราว ดังนั้นพวกเขาจึงถูกบังคับให้บ่มเพาะและยกระดับ มิฉะนั้นพวกเขาจะตายในภัยพิบัติ
การเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตนเองไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่มีผู้ใดสามารถทำอาหารโดยปราศจากวัตถุดิบ
แต่นิกายโบราณทั้งสิบมีความแข็งแกร่งที่ไม่น่าเชื่อ พวกเขาสามารถยึดครองทรัพยากรส่วนใหญ่ ขณะที่กองกำลังอื่นไม่สามารถรวบรวมความแข็งแกร่งเพื่อต่อต้านพวกเขา
ผู้คนที่มีความทะเยอทะยานสังเกตเห็นสิ่งนี้และพยายามรวมกลุ่มทุกประเภท
แต่พันธมิตรเหล่านี้ไม่แข็งแรง เนื่องจากนิกายโบราณทั้งสิบพยายามสร้างปัญหาทุกประเภทให้กับพวกเขา
แน่นอนว่าปัญหาใหญ่ที่สุดก็คือความแข็งแกร่งของพวกเขาไม่เพียงพอที่จะท้าทายนิกายโบราณทั้งสิบของภาคกลาง
ดังนั้นนิกายเงาจึงสร้างนิกายท้าทายสวรรค์ขึ้นอย่างลับๆและพยายามรวบรวมสมาชิกเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง
แต่นี่เป็นเพียงแผนการเล็กๆของพวกเขา นิกายเงาไม่ได้คาดหวังกับมันมากนัก
ยิ่งมีสมาชิกมากเท่าใด มันก็ยิ่งจัดการได้ยากเท่านั้น
นอกจากนี้สมาชิกขององค์กรไม่ใช่ปีศาจต่างโลก พวกเขาไม่สามารถหลบหนีจากชะตากรรมและต่อต้านเจตจำนงสวรรค์
นี่เป็นเหตุให้ผู้คนเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในแผนการหลักของเทพปีศาจจิตวิญญาณ
แต่หลังจากนิกายเงาล้มเหลว อิงอู๋เซี่ยยังสามารถใช้ประโยชน์จากนิกายท้าทายสวรรค์
อย่างไรก็ตามเขาไม่ประสบความสำเร็จมากนักในการยืมวิญญาณอมตะ
มีเพียงตัวตนเช่นกงซุนเหลียงที่ไร้ผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลังเท่านั้นจึงจะให้อิงอู๋เซี่ยยืมวิญญาณอมตะเพราะไม่มีทางเลือก
อิงอู๋เซี่ยใช้เวลาค่อนข้างนานในการหยิบยืมวิญญาณอมตะขณะที่วิญญาณของฟางหยวนค่อยๆระเบิดตัวเองไปทีละดวง
แต่สุดท้ายอิงอู๋เซี่ยก็สามารถควบคุมสถานการณ์และป้องกันไม่ให้วิญญาณเหล่านั้นทำลายตัวเอง
“ฟางหยวน ครั้งนี้เจ้าทำได้ดีมาก! เจ้าช่างเด็ดเดี่ยวนัก!” ท่ามกลางความมืด อิงอู๋เซี่ยแสดงออกอย่างเคร่งขรึม “แต่มีเพียงคนที่มีความสามารถเช่นเจ้าเท่านั้นที่มีคุณสมบัติฉกชิงทารกอมตะ!”
หลังจากปรับแต่งวิญญาณทั้งหมดของฟางหยวน อิงอู๋เซี่ยยังใช้วิญญาณอมตะที่ยืมมากำจัดเจตจำนงปลอมที่อยู่ในใจของเขาออกไป
แต่ระหว่างนี้เขาตระหนักถึงการเคลื่อนไหวของไห่ลั่วหลัน
ไห่ลั่วหลันนั่งอยู่บนเตียงหินและเปิดเปลือกตาขึ้น
นางขมวดคิ้วและเผยให้เห็นถึงความกังวลในดวงตา
ท่ามกลางความมืด นางได้ยินเสียงของอิงอู๋เซี่ย “ไห่ลั่วหลัน หยุดพยายามได้แล้ว เจ้าไม่สามารถเชื่อมต่อสวรรค์สีเหลืองในสถานที่แห่งนี้”
ไห่ลั่วหลันกำลังจะกล่าวแต่กลับถูกขัดจังหวะโดยอิงอู๋เซี่ย “เจ้าไม่จำเป็นต้องแสร้งแสดงละคร ข้ารู้ว่าเจ้าสงสัยในตัวข้า เช่นนั้นข้าก็จะบอกเจ้า ข้าไม่ใช่ฟางหยวน ชื่อของข้าคืออิงอู๋เซี่ย”
การแสดงออกของไห่ลั่วหลันเปลี่ยนแปลงไปทันที
หลังจากทั้งหมดนางไม่ใช่ไท่เป่ยหยุนเฉิงที่สามารถหลอกลวงได้โดยง่าย
ตั้งแต่ฟางหยวนตื่นขึ้นจากอาณาจักรแห่งความฝัน เขาทำตัวแปลกประหลาดมาโดยตลอด ไห่ลั่วหลันไม่สามารถระงับความสงสัยที่อยู่ในใจ แต่เวลานั้นนางต้องพึ่งพาวิญญาณท่องแดนอมตะเพื่อหลบหนีออกจากภาคใต้เป็นอันดับแรก
มีค่ายกลวิญญาณมากมายอยู่ในสถานที่แห่งนี้ มันทำให้ไห่ลั่วหลันไม่สามารถเชื่อมต่อกับสวรรค์สีเหลือง
นี่ทำให้ไห่ลั่วหลันสงสัยตัวตนของอิงอู๋เซี่ยมากขึ้นไปอีก
แต่ตอนนี้เมื่ออิงอู๋เซี่ยบอกความจริงกับนางโดยตรง นางจึงไม่รู้ว่าควรแสดงออกอย่างไร
อิงอู๋เซี่ยยังกล่าวต่อ “ข้าเป็นหนึ่งในร่างแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณที่เข้ายึดร่างของฟางหยวน ตอนนี้เจ้ามีทางเลือกสองทาง หนึ่งคือตาย สองคือทิ้งฟางหยวนและเข้าร่วมกับข้า”
ในมุมมองของอิงอู๋เซี่ย ไห่ลั่วหลันครอบครองสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริงและสามารถหลบหนีจากชะตากรรม นางถือเป็นตัวหมากชั้นยอด
แต่หากไห่ลั่วหลันไม่รู้ว่าสิ่งใดดีต่อตัวนาง อิงอู๋เซี่ยก็พร้อมที่จะสังหารนางและใช้ศพของนางเพื่อลบสถานะผีดิบอมตะ
ด้วยค่ายกลวิญญาณทั้งหมดที่อยู่ที่นี่ อิงอู๋เซี่ยมั่นใจมากว่าตนเองสามารถเอาชนะไห่ลั่วหลัน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น