ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 1027-1032

 บทที่ 1027 ฟาร์มปลาอันเจริญรุ่งเรือง

 

เด็กหญิงตัวน้อยพลิกตัวได้เป็นครั้งแรก สำหรับเด็กทารกแล้วการพลิกตัวถือเป็นการพัฒนาครั้งสำคัญในช่วงชีวิตของพวกเขา จากนั้นเป็นต้นมาการมองเห็นของพวกเขาจะไม่จำกัดแค่บนท้องฟ้าเท่านั้น แต่ยังขยายขอบเขตไปยังรอบข้างและเริ่มเข้าใจโลกอย่างแท้จริง


ฉินสือโอวหันหน้าไปมองตามแววตาของลูกสาวและนกนางนวลหลายสิบตัวที่บินลอยผ่านมาด้วยท่าทางที่สง่างามพร้อมกับกางปีกทั้งสองข้างเพื่อต้านลม เมื่อพวกมันบินจนเหนื่อยก็จะหยุดพักบนรั้วของดาดฟ้าเรือและทำการสางขนนกให้เป็นระเบียบ


เด็กหญิงตัวน้อยสีหน้าเต็มไปด้วยประหลาดใจ เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นนกนางนวลและเห็นเอลฟ์ตัวน้อยเหล่านี้ที่บินได้อย่างอิสระ ถือว่าพลิกตัวได้แต่ยังไม่มีพัฒนาการไปถึงขั้นคลานได้ เธอจึงรู้สึกอิจฉาในใจพร้อมกับยื่นแขนออกไปจับนกนางนวล


วินนี่ดึงมือเธอลงมา เด็กหญิงตัวน้อยก็ผลักออกด้วยความไม่พอใจและยกแขนขึ้นต่อ เมื่อเป็นเช่นนี้ วินนี่จึงยิ้มกรุ้มกริ่มและถือโอกาสทำเป็นไม่สนใจเธอ เธอจึงหมดแรงยกแขน ทำให้เธอยกขึ้นได้ไม่กี่วินาทีก็ยกไม่ขึ้นแล้ว


เด็กหญิงเริ่มโกรธ ดวงตากลมโตของเธอเริ่มมีน้ำไหลออกมาอย่างรวดเร็ว ปากเล็กๆ แบะลงและกำลังจะร้องไห้


ฉินสือโอวบีบแก้มของเธอด้วยความเอ็นดูและแอบวิ่งไปจับนกนางนวลอย่างเงียบๆ แต่จะเป็นไปได้อย่างไร นกนางนวลบินหนีไปแล้วก่อนที่เขาจะเข้ามาใกล้ซะอีก


“ฮือๆๆ…” สุดท้ายเด็กหญิงตัวน้อยก็ร้องไห้ขึ้นมา


“คุณนี่นะ ไม่รู้ใจลูกสาวเลย สำหรับสิ่งที่ได้เห็นเป็นครั้งแรก ขอแค่ได้เห็นเธอก็พอใจแล้ว ไม่ต้องถึงกับจับมาให้หรอก เธอจะไปรู้เรื่องอะไรล่ะ?” วินนี่จึงพูดอย่างไม่พอใจ


ฉินสือโอวถอนหายใจแล้วพูดว่า “ลูกสาวของผม แน่นอนว่าผมต้องเอาใจใส่สิ เธอต้องการอะไร ผมก็จะหามาให้เธอ! ก็ไม่ใช่นกนางนวลเหรอ? ชาร์คไปเรียกคนอื่นๆ มา เราจะไปจับนกนางนวลกัน!”


เขาตะโกนเรียกชาวประมงให้รีบมา เด็กหญิงตัวน้อยจึงหันหน้าไปมองคนเหล่านี้ เธอรู้สึกอึดอัดและทำปากขมุบขมิบและส่งเสียง ‘แงแง’ ขึ้นมา ไม่นานเธอก็นอนหงายทันที จากนั้นก็บิดตัวไปมาต่อเพราะอยากนอนตะแคงเหมือนเมื่อกี้อีก


เดาว่าเมื่อสักครู่นี้เธอใช้พลังงานมากเกินไป จึงพลิกตัวกลับมาไม่ได้ เธอจึงแบะปากร้องไห้ทันที


วินนี่ค่อยๆ ถอดเสื้อแจ็กเกตหนาออกให้เด็กหญิงตัวน้อยและเอาผ้าห่มผืนเล็กคลุมร่างกายของเธอเอาไว้ ทันใดนั้นเด็กหญิงตัวน้อยเริ่มสบายตัวขึ้น เธอขยับไหล่และถีบขาไปมาพร้อมกับบิดตูดเพื่อพลิกตัว ซึ่งทำให้เธอยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ


วินนี่จัดเสื้อผ้าให้เธออย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยอีกครั้ง ฉินสือโอวพูดว่า “คุณแค่ช่วยเธอพลิกตัว ทำไมถึงถอดเสื้อผ้าให้เธอล่ะ? ถ้าเธอหนาวจะทำอย่างไร?”


วินนี่หัวเราะพร้อมอธิบายว่า “เด็กทารกตัวน้อยต้องการความมั่นใจในการทำสิ่งต่างๆ ปล่อยให้เธอทำในสิ่งที่ทำได้ด้วยตัวเองเถอะ อย่าช่วยเธอทันทีที่เธอร้องไห้ แค่ไม่ปล่อยปละละเลยจนทำให้เธอรู้สึกกลัวก็พอ ส่วนอุณหภูมิไม่มีปัญหา การรักษาความอบอุ่นของรถเข็นเด็กทำงานได้ดีมาก”


ทั้งสองแลกเปลี่ยนกันอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ชาวประมงกลับดูประหลาดใจ แลนซ์จึงพูดอย่างไร้เดียงสาว่า “ว้าว พระเจ้า! บอส ผมจำได้ว่าเถียนกวาอายุแค่เดือนกว่าๆ ใช่มั้ยครับ? คิดไม่ถึงว่าเธอจะพลิกตัวได้เองแล้ว?”


ฉินสือโอวยักไหล่พร้อมพูดว่า “แน่นอน เมื่อแตงโมสุกผลมันก็จะหลุดออกมาตามธรรมชาติ ก็เหมือนกับเถียนกวาที่เติบโตได้เต็มที่แล้วก็สามารถพลิกตัวได้ ถือเป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ?”


แลนซ์มองไปที่บูลและถามว่า “ลูกนายอายุเท่าไหร่แล้ว?”


บูลมีสีหน้าไม่อยากตอบ แลนซ์จึงเตะขาเขาและถามอีกครั้ง บูลทำได้แค่ยิ้มแหย่ๆ แล้วพูดว่า “เกือบสามเดือนแล้ว”


“ถ้าฉันจำไม่ผิด เมื่อวานตอนที่ฉันไปบ้านนาย ลูกนายยังนอนหงายนอนคว่ำร้องไห้อุแงอุแงอยู่เลยไม่ใช่เหรอ? แต่เถียนกวาเพิ่งจะเดือนครึ่งเองกลับพลิกตัวได้แล้ว!” แลนซ์พูดอย่างดูถูก


บูลจึงรีบแก้ตัวให้ลูกชายของเขาทันที “เถียนกวายังตัวเล็กอยู่ นายดูลูกฉันสิอ้วนขนาดนั้น จะพลิกตัวเองง่ายๆ ได้อย่างไร อีกทั้งเด็กผู้หญิงก็มีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วด้วยไม่ใช่เหรอ? ส่วนเด็กผู้ชายจะมีการเจริญเติบโตที่ค่อนข้างช้า ใช่ เด็กผู้ชายเจริญเติบโตได้ช้า”


พวกชาวประมงหัวเราะดังลั่น เห็นได้ชัดว่าบูลไม่ต้องการพูดถึงเรื่องนี้อีก จึงรีบเบี่ยงประเด็นและพูดว่า “กัปตัน คุณเรียกพวกเรามามีเรื่องอะไรเหรอครับ?”


ขณะที่ฉินสือโอวกำลังจะพูด วินนี่ก็โบกมือขึ้นพร้อมพูดว่า “เขาแค่อยากจะอวดว่าลูกสาวพลิกตัวได้เท่านั้นเอง ไม่มีเรื่องอะไรหรอก”


ในเมื่อวินนี่พูดแบบนี้แล้ว ฉินสือโอวจึงยักไหล่และไม่ได้บอกออกไปว่าวางแผนจะจับนกนางนวล เรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ต้องฟังวินนี่ ส่วนเรื่องสำคัญต้องปรึกษากับเขาก็พอ


หลังจากหยอกล้อสาวน้อยได้สักพัก ชาวประมงก็กลับไปตรวจสอบการทำงานของเครื่องยนต์และอุปกรณ์ต่อ


ฉินสือโอวตระเวนไปตามสถานที่สำคัญหลายแห่งอย่างไม่มีปัญหา อุตสาหกรรมหนักโพไซดอนสมกับที่เป็นอู่ซ่อมเรืออันดับต้นๆ ในแคนาดาจริงๆ เขาปรับเปลี่ยนแก้ไขเรือปริ้นเซสเมล่อนได้สำเร็จ ด้วยสายตาของมือสมัครเล่นอย่างฉินสือโอว จะต้องมองไม่ออกอย่างแน่นอนว่านี่เป็นเรือที่เอามาปรับแต่งใหม่


ในห้องขับเรือชาวประมงจะตะโกนส่งเสียงเป็นระยะๆ เครื่องหาปลาของเรือประมงมีความทันสมัยมากขึ้นซึ่งมีหน้าจอขนาดใหญ่ห้าสิบห้านิ้ว บางครั้งมันก็สามารถตรวจจับร่องรอยของปลาได้


หลังจากเดินทางได้ประมาณสองชั่วโมงกว่า จู่ๆ เสียงที่คล้ายกับเสียงแตรก็ดังขึ้นที่หน้าเรือประมง จากนั้นก็มีน้ำพุ่งขึ้นมา ฉินสือโอวจึงไปหยิบกล้องโทรทรรศน์ส่องดูข้างหน้าและเห็นว่ามีวาฬสีน้ำเงินตัวใหญ่ตัวหนึ่งกำลังปรากฏเหนือบนผิวน้ำ


จากนั้นจึงเดินเรือไปข้างหน้าเรื่อยๆ แถบยาวสีเขียวเล็กๆ ปรากฏขึ้นบนหน้าจอของเครื่องหาปลา ชาวประมงต่างพากันตื่นเต้น แลนซ์จึงตะโกนว่า “นี่จะใช่ปลาทูน่าครีบน้ำเงินทั้งหมดเลยเหรอ?”


ฉินสือโอวรีบถ่ายทอดจิตสำนึกแห่งโพไซดอนออกไปทันที อันที่จริงแล้วมีฝูงปลาขนาดใหญ่หนึ่งฝูงที่มีปลาทูน่ารวมกันมากกว่าหนึ่งร้อยตัวปรากฏขึ้นที่ปีกข้างของเรือประมงและกำลังไล่ตามฝูงปลาค็อดตัวเล็ก หางของพวกมันแกว่งไปมาอย่างรวดเร็วและพวกมันก็สลับกันไปข้างหน้าเพื่อกลืนกินปลาค็อดตัวเล็กเข้าไปในปาก


เมื่อเป็นเช่นนี้ ฉินสือโอวจึงได้แยกปลาทูน่าออกและเหลือไว้สิบกว่าตัวเพื่อให้เข้าใกล้เรือประมงต่อไป ส่วนคนอื่นๆ ก็กำลังควบคุมการเดินเรือให้ย้อนกลับ


ด้วยความเจริญรุ่งเรืองของฟาร์มปลาในปัจจุบัน จึงมีความเป็นไปได้ที่จะทำให้สามารถพบกับฝูงปลาทูน่าครีบน้ำเงินที่อยู่รวมกันประมาณสิบกว่าตัวได้ แต่ฝูงปลาขนาดใหญ่ที่ปรากฏขึ้นนี้มีมากกว่าร้อยตัว นั่นจึงทำให้ตกใจเล็กน้อย


ปลาทูน่าครีบน้ำเงินว่ายน้ำได้อย่างรวดเร็วมาก พวกมันไล่ตามปลาค็อดผ่านใต้ท้องเรือประมงและค่อยๆ หายตัวไป


แต่หลังจากนั้นไม่นาน ฝูงปลาโอแถบฝูงหนึ่งก็ปรากฏขึ้น ซึ่งบนเรือปริ้นเซสเมล่อนมีการติดตั้งเครื่องขับไล่ฝูงปลาอยู่และนี่เป็นอุปกรณ์จับปลาที่มีความทันสมัยมาก มันเป็นผลไบโอนิกส์ที่ได้จากตัวปลาโลมา ซึ่งสามารถปล่อยคลื่นเสียงที่มีความถี่สูงขับไล่ฝูงปลาได้


ชาร์คเปิดเครื่องขับไล่ฝูงปลา ฝูงปลาโอแถบขนาดใหญ่ก็ลุกลี้ลุกลนทันที ปลาตัวเล็กจึงตกใจกลัว เพราะปลาตัวใหญ่ที่มีความยาวมากกว่าครึ่งเมตรถูกคลื่นเสียงขับไล่และหนีเตลิดไปตามทางข้างหน้าอย่างรวดเร็ว มีปลาบางตัวถึงกับหนีขึ้นไปเหนือน้ำทะเล…


ปลาทูน่าเป็นปลาที่สวยงามที่สุดในมหาสมุทรและไม่มีอะไรมาเทียบได้ ความงามของพวกมันไม่เหมือนกับปลาสวยงามที่เห็นกันได้ทั่วไป เป็นเพราะลำตัวของพวกมันมีความแข็งแรงงดงามและมีลายเส้นที่ราบเรียบ เหมือนกับรวงข้าวสาลีและซังข้าวโพดที่แข็งแรงในพื้นที่เพาะปลูก จึงทำให้ผู้คนรู้สึกพึงพอใจ


หลังจากปลาโอแถบตัวใหญ่กระโดดออกไปอย่างตื่นตระหนกตกใจแล้ว รูปร่างคล้ายกระสวยของพวกมันก็ปรากฏขึ้นท่ามกลางแสงอาทิตย์และหนังปลาก็กระทบเข้ากับแสงแดด เปล่งรัศมีหลากสีสันออกมา ทำให้ชาวประมงที่กำลังเฝ้าดูต่างส่งเสียงร้องขึ้นด้วยความประหลาดใจอย่างต่อเนื่อง


ฉินสือโอวโยนเบ็ดตกปลาลงไป เหยื่อปลาที่เขาใช้คือเหยื่อสดๆ ที่เต็มไปด้วยพลังโพไซดอน ปลาตัวเล็กหนึ่งตัวและปลาโอแถบตัวใหญ่ที่มีความยาวหนึ่งเมตรอีกหนึ่งตัวก็เป็นเหมือนกับยิงธนูขึ้นฟ้าแล้วอ้าปากกว้างเพื่อกินเบ็ด


เมื่อรู้สึกว่าเบ็ดจมลงน้ำแล้ว ฉินสือโอวจึงเริ่มดึงเบ็ด จากนั้นไม่นานก็จับปลาทูน่าตัวใหญ่แข็งแรงได้หนึ่งตัว


ใบหน้าอันสวยงามของวินนี่ก็แสดงท่าทีประหลาดใจออกมา เธอดึงแขนของฉินสือโอวแล้วพูดว่า “พระเจ้า คิดไม่ถึงเลยว่าฟาร์มปลาของเราจะเจริญขนาดนี้? มันน่าเหลือเชื่อมากจริงๆ!”

 

 

 


บทที่ 1028 ขี่เจ้าชายน้อยฉงต้า

 

วินนี่ถือปลาทูน่าและฉินสือโอวก็โอบเธอไว้ แล้วขอให้เบิร์ดถ่ายรูปให้สักสองสามรูป จากนั้นก็โยนปลากลับลงทะเลไป


หลังจากกินแต่อาหารทะเลมาเป็นเวลาสองปีครึ่ง แม้ว่าฉินสือโอวจะไม่เบื่อ แต่อาหารทะเลก็ไม่น่าสนใจสำหรับเขาอีก ต่อให้จะเป็นปลาทูน่าที่มีรสชาติอร่อยก็ตาม


เขาเตรียมปลาแฮร์ริ่งตัวเล็กที่เต็มไปด้วยพลังโพไซดอนให้วินนี่และแขวนไว้ที่เบ็ดเพื่อให้เธอตกปลา


หลังจากตกเหยื่อลงไปได้ไม่กี่วินาทีสายเบ็ดก็ตึงขึ้น วินนี่ส่งเสียงร้องออกมาอย่างตื่นเต้น “มีปลากินเบ็ดของฉันแล้ว! รีบมาดูเร็ว ฉันมีลางสังหรณ์ว่ามันจะต้องเป็นปลาตัวใหญ่แน่ๆ!”


ในขณะที่เธอกำลังส่งเสียงร้องอย่างมีความสุข วินนี่ก็บิดไปมาบนที่นั่งล้ออย่างลำบาก ฉินสือโอวจึงเป็นมือตกปลาสำรองคอยอยู่ข้างๆ เธอ ช่วยเธอดึงสายเบ็ดหรือจับที่นั่งล้อในขณะที่รอให้เธอพักหายใจ ในที่สุดในขณะที่วินนี่ดึงปลาขึ้นมา ชาวประมงก็ส่งเสียงร้องด้วยความดีใจขึ้นมาเบาๆ


ปลาที่ตกได้ตัวนี้มีความยาวมากกว่าหนึ่งเมตรและเป็นปลาที่มีขนาดใหญ่ นี่ไม่ใช่ปลาโอแถบแต่กลับเป็นปลาอีโต้มอญ สีของปลาจะเป็นสีเขียวมรกตและจะดูงดงามมากเมื่อแสงอาทิตย์ส่องกระทบลงมา


เรือประมงลอยอยู่ในทะเลเป็นเวลาห้าถึงหกชั่วโมงแล้ว ฉินสือโอวและวินนี่ก็ยังคงตกปลาต่อไปเรื่อยๆ แต่สุดท้ายปลาที่ตกได้ส่วนใหญ่จะถูกโยนกลับลงน้ำทะเลไป พวกเขาตกปลาเพียงเพื่อความสนุกสนานเท่านั้น


การทดลองเดินเรือในครั้งนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากและเรือประมงก็กลับถึงท่าเรือได้อย่างปลอดภัย ชาวประมงพากันเดินกอดคอลงเรือพร้อมกับพูดคุยกันอย่างสนุกสนานเฮฮา ฉินสือโอวที่ยืนอยู่บนท่าเรือจึงหันกลับมามองดู เรือปริ้นเซสเมล่อนที่กำลังจมอยู่ในแสงพระอาทิตย์ยามเย็นอย่างความสง่าและโดดเด่น ทำให้รู้สึกอัศจรรย์ใจมาก


หู่จือและเป้าจือเป็นกลุ่มแรกที่มักจะออกมาต้อนรับฉินสือโอว เมื่อพวกเขาลงเรือ เจ้าสองตัวนี้จะวิ่งตามไปพร้อมกับกระดิกหูขนาดใหญ่ขอพวกมันไปด้วย


ในที่สุดสุนัขพันธุ์แลบราดอร์ริทรีฟเวอร์ก็โตขึ้นแล้ว ไม่น่ารักเหมือนตอนเด็กๆ เนื่องจากอาหารบำรุงร่างกายค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ เจ้าสองตัวนี้จึงแข็งแรงมาก หัวโต ปากกว้าง ขาทั้งสี่ข้างทั้งอ้วนและแข็งแรง ขนสีเหลืองทองก็แน่นไปทั้งตัว ทำให้ผู้คนที่พบเห็นต่างก็


ชื่นชอบพวกมันเป็นอย่างมาก


ฉินสือโอวกอดเจ้าสองตัวนี้ไว้ทั้งซ้ายขวา จากนั้นลิ้นเหนียวๆ ขนาดใหญ่ทั้งสองของพวกมันก็เลียที่ใบหน้าของเขา เขาทั้งยิ้มพร้อมกับหลบหลีกและมองหาคนอื่นๆ ไปด้วย สุดท้ายนอกจากหู่จือและเป้าจือแล้วก็ไม่มีใครมาเลย


ก่อนจะเดินไปถึงวิลล่า ห่านขาวตัวหนึ่งก็กำลังเดินโซซัดโซเซและมีลูกนกอินทรีทองสีเทากำลังตามหลังมาพร้อมกับเรียนรู้และทำตัวเหมือนห่านขาว ซึ่งเจ้าตัวเล็กก็เดินส่ายไปมาตามห่านขาวเช่นกัน


แคลร์มีพัฒนาการที่ดีมาก ในระยะเวลาเพียงแค่สิบวัน ขนบนตัวมันก็ยาวเท่ากันแล้ว แน่นอนว่าทั้งหมดนี้เป็นขนอ่อนที่เพิ่งเกิดใหม่


เมื่อเห็นฉินสือโอว แคลร์ก็ส่ายตูดพร้อมกับวิ่งเข้าไปหา เพียงแค่ระยะเวลาไม่นาน ฝีเท้าของมันก็มั่นคงแล้ว กรงเล็บของมันแข็งแรงมากและยังวิ่งได้เร็วเหมือนกับแม่ไก่ตัวอ้วนเลยด้วย


ฉินสือโอวนั่งยองๆ ลงและลูบไปที่แคลร์พร้อมกับยิ้มให้วินนี่แล้วพูดว่า “ดูสิ ไม่ใช่เจ้าตัวเล็กทุกตัวจะไม่มีจิตสำนึก ในที่สุดผมก็ไม่เสียแรงเปล่าที่หลายวันมานี้พยายามเป็นทั้งพ่อและแม่ให้มัน”


ห่านขาวกระพือปีกส่งเสียงแควกแควก แคลร์จึงหันหลังและวิ่งกลับไปทันที ห่านขาวก้มหน้ามองที่ต้นหญ้าอ่อนที่เพิ่งเกิดใหม่และเห็นแมลงตัวอ้วนหนึ่งตัว ลูกนกอินทรีทองจึงใช้ปากอันแหลมคมจิกและเขย่าไปมา จากนั้นมันก็เงยหน้าพร้อมกับยืดคอขึ้นแล้วกินแมลงตัวนั้นเข้าไป


วินนี่ถึงกับตกใจและถามด้วยความประหลาดใจว่า “แคลร์กินแมลงได้แล้วเหรอคะ?”


เมื่อก่อนฉินสือโอวป้อนแค่นมข้นให้มันกินตลอด นี่คงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้มันเติบโตได้อย่างแข็งแรงขนาดนี้


เออร์บักที่กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่หน้าประตูก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ใช่ มันไม่ต้องใช้ขวดนมแล้ว วันนี้ตอนเที่ยงฉันป้อนนมให้มันช้า เจ้าตัวเล็กหิว จึงตามแม่ห่านขาวไปหาแมลงกินข้างนอก”


อินทรีทองเป็นนกชนิดหนึ่งที่มีความสามารถในการย่อยอาหารได้ดี อาหารคำแรกของพวกมันมักจะเป็นปลาตัวเล็กหรือชิ้นเนื้อบางๆ ของสัตว์ป่า นกอินทรีตัวเมียจะหาแมลงมาป้อนลูกไม่ได้ นั่นจึงไม่ใช่อาหารของพวกมัน


หลังจากกลับมาวินนี่ก็ดูแลเด็กๆ ส่วนฉินสือโอวก็ไปทำอาหาร


เขาหยิบผลไม้ที่วางไว้บนโต๊ะอาหารออกมา ฉงต้าที่กำลังนอนขี้เซาอยู่บนพื้นก็สูดดมกลิ่นอย่างรวดเร็วทันทีพร้อมกับเบิกตากว้างเหมือนกับเห็นเนื้อชิ้นใหญ่ และเงยหน้ามองไปที่ผลไม้บนโต๊ะอย่างมีความหวัง


ต้าป๋ายนั่งข้างๆ มันอย่างเงียบๆ ก็ทำท่าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฉินสือโอวจึงโยนแอปเปิลลูกเล็กให้ ต้าป๋ายก็กระโดดขึ้นงับเข้าปาก ซึ่งหนึ่งคำแบ่งได้เป็นสองชิ้นคือชิ้นใหญ่และชิ้นเล็ก ชิ้นใหญ่ให้ฉงต้า ส่วนชิ้นเล็กเอาไว้ให้ตัวเองกิน ช่างแสนรู้จริงๆ


หลังจากฉงต้ากินแอปเปิลเข้าไปแล้วก็เริ่มตะกละอยากกินมากขึ้น มันยืดคอยาวมองดูผลไม้บนโต๊ะพลางร้องเสียงอาวูอาวูเบาๆ ไปด้วย จนน้ำลายของมันแทบจะไหลออกมา


ฉินสือโอวกำลังหั่นผักจึงไม่ได้สนใจมัน ในขณะที่เจ้าแมวป่าตัวน้อยที่กำลังนั่งยองๆ อยู่บนรถเข็นเด็กก็สังเกตเห็นเหตุการณ์นี้ ดวงตากลมโตก็กลอกไปมา ‘กูรูกูรู’ จากนั้นมันกระโดดลงมาและปีนขึ้นไปบนโต๊ะอาหาร


วินนี่จะไม่ปล่อยให้เจ้าตัวเล็กเหล่านี้ปีนบนโต๊ะอาหารเด็ดขาด แต่เสี่ยวหมิงและซิมบ้าจะเป็นข้อยกเว้น เพราะการปีนเป็นธรรมชาติของพวกมันและพวกมันยังสามารถคลานไปที่ไหนในฟาร์มปลาก็ได้


หลังจากปีนขึ้นไปบนโต๊ะแล้ว ซิมบ้าก็คาบบลูเบอร์รีไว้ในปากแล้วหนีไปอยู่ตรงขอบโต๊ะ


ทันใดนั้นดวงตาของฉงต้าก็ลุกวาวขึ้นมาทันที มันกลืนน้ำลาย จากนั้นมันก็นอนลงใต้โต๊ะและอ้าปากรอให้ซิมบ้าโยนผลไม้ลงมาให้


ซิมบ้ากลับไม่ยอมโยนผลไม้ลงมาและมองลงไปที่ฉงต้าพร้อมกับคาบบลูเบอร์รีไว้ในปาก


จากนั้นฉงต้ารออยู่สักพักก็ไม่เห็นอาหารตกเข้าไปในปากสักที มันจึงหมดความอดทน แล้วลุกขึ้นพร้อมกับร้องคำรามอย่างไม่พอใจ


พอมันร้องคำราม ซิมบ้าจึงโยนบลูเบอร์รีลงจากบนโต๊ะ จากนั้นมันก็นอนลงข้างๆ และจ้องมองดูฉงต้าต่อ


ฉงต้าทำอะไรไม่ถูก มันจึงทำได้แค่พับหูกลมๆ เล็กๆ ลงและรออย่างมีความหวังต่อไป


ซิมบ้าแอบมองฉินสือโอวอย่างเงียบๆ และเมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้สนใจตัวเอง มันจึงเลียริมฝีปากพร้อมกับเอาผลไม้ทั้งหมดที่อยู่กลางโต๊ะยกมาไว้ขอบโต๊ะและกองไว้เป็นภูเขาผลไม้เล็กๆ


ด้วยความโลภมากของฉงต้า มันจึงกลืนกินน้ำลายอย่างสิ้นหวังและทำตาปริบๆ มองไปที่ผลไม้ด้วยความตกตะลึง


หลังจากรออยู่สักพัก แมวป่าก็คาบบลูกเบอร์รีขึ้นมาลูกหนึ่งแล้วโยนให้ฉงต้า ฉงต้าอ้าปากกว้างรอ เอาเลยสิ กินเลย!


พอมันกินลูกแรกแล้วก็อยากจะกินลูกที่สองอีก ฉงต้ายังคงอ้าปากกว้างอย่างต่อเนื่อง แต่แมวป่าก็ไม่ได้ป้อนมันและกระโดดลงจากโต๊ะ จากนั้นก็คลานไปตามแผ่นหลังกว้างของฉงต้าจนถึงไหล่ของมันอย่างคล่องแคล่วว่องไว


นอกจากต้าป๋ายแล้ว ฉงต้าจะไม่ชอบแบกสัตว์อื่นๆ ฉินสือโอวเดาว่ามันไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ แต่มันรู้สึกว่าเหมือนโดนเหยียดหยามมากกว่าและมันก็ขี้เกียจเกินไป จึงรู้สึกว่าการเดินแบบนี้ยิ่งจะทำให้เหนื่อยกว่าเดิม


ดังนั้น หลังจากซิมบ้าปีนขึ้นไปแล้ว ฉงต้าก็สะบัดออกอย่างไม่เต็มใจ ไขมันในร่างกายก็แกว่งไปมาเหมือนน้ำไหล ทำให้ซิมบ้ายืนไม่นิ่งและลื่นลงไปทันที


ซิมบ้าจึงปีนขึ้นไปบนโต๊ะอีกครั้งและโยนสับปะรดลงไปอีกชิ้น


ฉงต้าทำปากขมุบขมิบแล้วกินเข้าไป ซิมก็บ้ากัดแอปเปิลลูกเล็กพร้อมกับกระโดดลงมาและปีนขึ้นไปบนตัวของฉงต้าต่อ


เมื่อเป็นเช่นนี้ ฉงต้าตกตะลึงมากและพยายามหันหัวอ้วนๆ ไปมาเพื่อมองดูซิมบ้าหรือจะพูดอีกนัยหนึ่งว่ามันมองแอปเปิลลูกเล็กในปากของซิมบ้าต่างหาก มันก้มหน้าลงพร้อมกับถอนหายใจอย่างหมดหนทางและยอมให้ซิมบ้านั่งบนไหล่


ฉินสือโอวทั้งต้มซุปและมองดูพวกมันไปด้วย เขาตกใจกับความฉลาดของซิมบ้า แม้ว่าพลังโพไซดอนจะมีความสามารถในการส่งเสริมพัฒนาการด้านความฉลาดของสัตว์ได้ แต่มันก็ไม่สู้ความฉลาดที่มีโดยธรรมชาติแบบนี้ได้?


ระหว่างทานอาหารเขาก็เล่าเรื่องนี้ให้วินนี่ฟัง แต่วินนี่กลับไม่แปลกใจแล้วพูดว่า “อย่าดูถูกความฉลาดของแมวป่าเชียวนะคะ พวกมันมีความจุสมองที่ใหญ่ที่สุดในสัตว์ตระกูลแมวและเมื่อแมวป่าโตเต็มวัยก็จะมีสติปัญญาเท่ากับเด็กอายุห้าขวบ”


เมื่อฉงต้ากินจนอิ่มและดื่มจนพอแล้ว ตอนเย็นฉินสือโอวก็พามันไปออกกำลังกายลดน้ำหนัก ดังนั้นมันจึงวิ่งช้าๆ ซิมบ้าที่นั่งบนไหล่ของมันก็ทำหน้ามุ่ยเข้าหากัน ดูเหมือนว่าจะไม่พอใจ

 

 

 


บทที่ 1029 กลิ่นหอมของดอกทิวลิป

 

หลังจากนั้นสองวัน ราชาซิมบ้าก็พยายามเรียกร้องความสนใจ ฉินสือโอวเดาว่ามันคงเป็นความภาคภูมิใจของแมวป่า ที่แอบอ้างบารมีของผู้อื่นมาข่มเหงผู้ที่ด้อยกว่าได้ โดยมันเป็นแมวที่เอาความโหดร้ายน่ากลัวของหมีมาใช้ ขอแค่ฉงต้าออกเดินทาง มันก็จะนอนบนไหล่หรือหลังของฉงต้าเพื่อให้คนอื่นๆ หวาดกลัว


น่าเสียดายที่ฉงต้าขี้เกียจมากเกินไป นอกจากตอนที่หู่เป้าหลัวปอทะเลาะกันแล้ว ก็จะมีเพียงฉินสือโอวและวินนี่เท่านั้นที่จะพามันออกกำลังกายซึ่งตอนนั้นมันถึงจะวิ่ง ส่วนเวลาอื่นๆ มันก็จะหาที่ซ่อนและนอนหลับ


ฉินสือโอวไม่เข้าใจว่าหมีตัวนี้นอนเยอะแบบนี้มาจากไหน? เมื่อก่อนเขาเคยคิดว่าหมีเป็นสัตว์ที่ขี้เกียจมากและโดยปกติถ้าไม่มีอะไรทำถึงจะนอน


แต่หลังจากที่เขาค้นหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตก็พบว่าหมีสีน้ำตาลโคดิแอคค่อนข้างขยัน เพราะพวกมันมีความอยากอาหารมากและต้องเดินหาอาหารตลอดเวลา ไม่อย่างนั้นพวกมันก็จะหิว


ดังนั้นขนาดตัวของหมีสีน้ำตาลโคดิแอคจึงค่อนข้างแข็งแรง กำลังในการต่อสู้จึงแข็งแกร่งเป็นพิเศษ พวกมันแทบจะใช้ชีวิตอยู่ในป่าเขาอเมริกาเหนือได้อย่างไม่มีอันตรายใดๆ เช่น ถ้าหากพวกมันเจอ เสือพูม่า หมาป่าสีเทา หมูป่าและเสือชีตาห์ พวกมันก็จะวิ่งหนี


ปลายเดือนมีนาคม งานแสดงสินค้าอาหารทะเลที่อัมสเตอร์ดัมกำลังจะเริ่มขึ้น บัตเลอร์มีคุณสมบัติที่จะได้เข้าร่วมนิทรรศการในครั้งนี้จึงขอให้ฉินสือโอวพาวินนี่และลูกไปเที่ยวเนเธอร์แลนด์สักครั้งด้วยกัน


วินนี่ส่ายหัวแล้วบอกว่าเธอจะไม่ไป ให้ฉินสือโอวไปดูด้วยตัวเองก็พอ เธออยากอยู่บ้านดูแลลูกและเถียนกวาก็ยังเล็กเกินไปที่จะนั่งเครื่องบิน


ดังนั้นฉินสือโอวจึงทำได้เพียงพาเบิร์ดและนีลเซ็นไปทำหน้าที่เป็นบอดี้การ์ดในการออกเดินทางครั้งนี้ เซนต์จอห์นมีเที่ยวบินตรงไปยังอัมสเตอร์ดัม ซึ่งมันค่อนข้างที่จะสะดวกมาก


อัมสเตอร์ดัมเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในเนเธอร์แลนด์และตั้งอยู่ในนอร์ทฮอลแลนด์ของเนเธอร์แลนด์ ซึ่งชื่อนี้มาจากคำว่าอัมสเทลรวมกับคำว่าดัม เป็นเขื่อนที่ตั้งอยู่แม่น้ำอัมสเทล ซึ่งก็คือที่ตั้งของดามสแควร์ในปัจจุบัน


ก่อนศตวรรษที่ 12 อัมสเตอร์ดัมเป็นเพียงหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ แต่หลังจากการพัฒนาทางการค้าแล้ว ก็ทำให้เมืองนี้กลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญของโลกในช่วงยุคทองของเนเธอร์แลนด์ ในยุคนั้นอัมสเตอร์ดัมเป็นศูนย์กลางของการเงินและเพชร


ปัจจุบันตำแหน่งของมันก็ยังคงสำคัญมาก เพราะเป็นสนามบินที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสี่ในยุโรปรองาจากลอนดอน ปารีสและแฟรงก์เฟิร์ต


หลังจากเครื่องบินลงจอดที่สนามบิน ฉินสือโอวก็เดินแบกกระเป๋าเดินทางออกมาและมีรถแท็กซี่จอดอยู่ตรงหน้าเขา คนขับยื่นหัวออกมาและใช้ภาษาอังกฤษถามอย่างเชี่ยวชาญว่า “เฮ้ เพื่อน คุณจะไปไหน?”


ฉินสือโอวจึงบอกชื่อของโรงแรม ซึ่งเป็นที่อยู่ที่บัตเลอร์ให้เขาไว้และบอกว่าได้จัดการการเดินทางไว้ให้เขาแล้ว


เมื่อได้ยินชื่อโรงแรม ‘กลิ่นหอมของดอกทิวลิป’ คนขับรถวัยกลางคนก็หัวเราะขึ้นและพูดว่า “ผมคิดว่าคุณต้องเป็นคนจีนแน่ๆ เลย ใช่มั้ย?”


 “หรือว่าสำเนียงของผมติดแบบจีนมาเหรอครับ?” ฉินสือโอวถาม


คนขับรถวัยกลางส่ายหัวพร้อมกับหัวเราะแล้วพูดว่า “ไม่ใช่ นักท่องเที่ยวจากทางฝั่งตะวันออก จะชอบพักที่โรงแรมกลิ่นหอมของดอกทิวลิปและส่วนใหญ่จะเป็นคนจีน แจ็ค เฉิน กังฟูมังกร เขาเคยถ่ายทำภาพยนตร์ที่นั่น หนังเรื่องนี้ชื่อ “ฉันคือใคร” คุณน่าจะรู้จักดีใช่ไหม?”


ฉินสือโอวพยักหน้าแล้วพูดว่า “ใช่ ผมรู้จัก ผมเคยดูหนังเรื่องนี้ ที่แท้ก็ถ่ายทำที่อัมสเตอร์ดัมนี่เอง? โอ้ โปรดยกโทษให้ผมด้วย ตอนที่ผมดูหนังเรื่องนี้ผมยังเด็กมากและขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโลก”


เขาดูหนังเรื่องนี้ตอนที่เขาอยู่ชั้นประถม ซึ่งตอนนั้นแม้แต่นิวยอร์กหรือลอสแอนเจลิสเขาก็ยังไม่รู้จักเลยด้วยซ้ำ แล้วจะไปรู้จักอัมสเตอร์ดัมได้จากที่ไหน


หลังจากรอให้นีลเซ็นและเบิร์ดขึ้นรถแล้ว คนขับรถก็เริ่มแนะนำสถานการณ์ในภาพยนตร์เรื่อง “ฉันคือใคร” ในอัมสเตอร์ดัมอย่างกระตือรือร้น


ฉินสือโอวไม่เคยรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องมาก่อน หลังจากฟังคำแนะนำของคนขับแล้วถึงรู้ว่าเฉินหลงมีชื่อเสียงมากในอัมสเตอร์ดัมและยังเกือบเทียบเท่ากับซูเปอร์สตาร์ชั้นนำของฮอลลีวูด


ขณะที่ถ่ายทำ “ฉันคือใคร” ในตอนนั้นรัฐบาลของเมืองอัมสเตอร์ดัมได้ให้สิทธิพิเศษเป็นอย่างมาก ในช่วงวันที่สาม สี่และห้าตุลาคม รัฐบาลเมืองได้กำหนดว่าจะปิดถนนสายหลักนอกเมืองท่าเป็นเวลาหกชั่วโมงต่อวัน แม้แต่ทางด่วนรถหกเลนนอกอาคารเทศบาลยังถูกปิดเพื่อให้พวกเขาได้ยืมสถานที่ถ่ายทำ


กองทัพเรือเนเธอร์แลนด์ส่งทหารกว่าสามร้อยนายเข้าร่วมการแสดงรวม ทั้งทหารกองทัพบกและกองทัพเรือ มนุษย์กบ รถทหารและเครื่องบินรบอเนกประสงค์ ยิ่งไปกว่านั้นยังจัดอาหารและเครื่องดื่มให้โดยไม่คิดค่าตอบแทน


หลังจากออกนอกต่างประเทศ ฉินสือโอวก็พบว่ามีโฆษณาหลายตัวในประเทศจีนที่แตกต่างกับต่างประเทศ เฉินหลงมีชื่อเสียงธรรมดามากในประเทศจีน เพราะเรื่องเซียวเหล่งนึ่งและเรื่องจุกจิกของลูกชาย จึงทำให้แฟนหนังรุ่นใหม่จำนวนมากไม่ให้ความสนใจเขา


แต่ในต่างประเทศเฉินหลงกลับโด่งดังมาก แม้แต่ในฮอลลีวูด เขายังเป็นนักแสดงชื่อดังที่ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างมากอีกด้วย แต่ที่อัมสเตอร์ดัม เฉินหลงเป็นเพียงชื่อที่ใช้แทนภาพยนตร์จีนและกังฟูของจีนเท่านั้น


ดอกทิวลิปเป็นดอกไม้ประจำชาติของเนเธอร์แลนด์ หลังจากนั่งแท็กซี่เข้าเมืองแล้วจะมีสวนสาธารณะปรากฏขึ้นไปทั่วทุกที่และมีดอกทิวลิปที่กำลังเจริญเติบโตงอกงามอยู่ภายในสวน


คนขับรถแนะนำสายพันธุ์ของดอกไม้เหล่านี้ให้พวกเขารู้จักอย่างกระตือรือร้น แต่ฉินสือโอวก็ยังแยกแยะไม่ออก เพราะดอกไม้ที่เขาเห็นคือดอกไม้สีเหลืองทองที่เจริญงอกงามและผลิบานในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ ทำให้เมืองนี้เต็มไปด้วยความอบอุ่นและมีชีวิตชีวา


ในที่สุดรถก็มาจอดที่หน้าประตูของโรงแรมขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนจะมีอายุหลายปี คนเฝ้าประตูช่วยเปิดประตูให้ ฉินสือโอวจึงยื่นธนบัตรสิบยูโรให้เขา จู่ๆ คนเปิดประตูก็ยิ้มแย้มขึ้นทันที จากนั้นก็ช่วยถือกระเป๋าและส่งขึ้นไปชั้นบน


ฉินสือโอวไม่ได้ขึ้นไปชั้นบน เขายืนอยู่ที่จัตุรัสหน้าโรงแรมพร้อมกับมองดูไปรอบๆ เพราะเพิ่งมาเนเธอร์แลนด์เป็นครั้งแรก เขาจึงยังคงประหลาดใจเป็นอย่างมาก


ฝั่งตรงข้ามของโรงแรมมีตึกที่ยังสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์และไปข้างหน้าอีกหน่อยทั้งสองข้างทางก็เป็นตึกสูงโออ่าตระการตา ฉินสือโอวรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยเขาจึงถามคนเฝ้าประตูว่า “ตึกพวกนั้นเคยเป็นที่อยู่อาศัยของคนมีชื่อเสียงใช่ไหม?”


 “ไม่ใช่ครับคุณผู้ชาย นั่นเป็นบทเรียนในประวัติศาสตร์ ครั้งหนึ่งเคยเป็นเขตที่อยู่อาศัยของชาวยิวก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งฝั่งตรงข้ามจะเป็นโบสถ์อันเจริญรุ่งเรืองของศาสนายิว” คนเฝ้าประตูพูดอย่างระมัดระวัง


จากนั้น คนเฝ้าประตูก็เล่าเรื่องประวัติศาสตร์ช่วงหนึ่งให้ฉินสือโอวฟัง


ในวันที่ 10 พฤษภาคม ค.ศ.1940 นาซีเยอรมันได้บุกเนเธอร์แลนด์ ชาวเยอรมันจึงได้จัดตั้งระบอบการปกครองนาซีขึ้นในอัมสเตอร์ดัมและเริ่มกดขี่ข่มเหงชาวยิว แม้ว่าพลเมืองบางส่วนจะฝ่าฝืนกับความอันตรายในการปกป้องชาวยิว แต่สุดท้ายชาวยิวที่มีสัญชาติดัตช์มากกว่าหนึ่งแสนคนก็ถูกควบคุมตัวในค่ายกักกันและมีชาวยิวที่มีสัญชาติดัตช์เพียงห้าพันคนเท่านั้นที่รอดชีวิต


ในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่สอง การสื่อสารระหว่างอัมสเตอร์ดัมและภูมิภาคอื่นๆ ถูกตัดขาดทั้งหมด อาหารและเชื้อเพลิงก็ขาดแคลนเป็นอย่างมากเช่นกัน ในช่วงฤดูหนาวต้นไม้จำนวนมากในเมืองจึงถูกประชาชนตัดโค่นเพื่อไปทำฟืน บ้านของชาวยิวถูกทำการรื้อถอนก่อนและต่อมาก็รื้อไปจนถึงโบสถ์อันเจริญรุ่งเรือง แม้ว่าศาสนิกชนจะพยายามปกป้องกันอย่างเต็มที่แล้วก็ตาม แต่ต้นไม้ส่วนใหญ่ก็ถูกปล้นจนหายไปในพริบตา


หลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง รัฐบาลเมืองอัมสเตอร์ดัมรู้สึกอับอายกับเรื่องนี้มาก จึงรักษาโบสถ์ที่ไม่สามารถใช้งานนี้ไว้เพื่อเป็นบทเรียน โดยหวังว่าผู้คนจะควบคุมตัวเองและรักษามโนธรรมได้


คนเฝ้าประตูเห็นว่าฉินสือโอวสนใจโบสถ์เก่าแก่มากและคิดว่าเขาคงชอบสิ่งปลูกสร้างที่มีความเก่าคร่ำครึนี้ จึงแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวสองสามแห่งให้เขา


อัมสเตอร์ดัมได้อนุรักษ์ตึกเก่าแก่จำนวนมาก หลังสงครามโลกครั้งที่สอง เมืองนี้เคยถูกพยายามรื้อถอนและสร้างใหม่ บริเวณที่อยู่อาศัยของชาวยิวในช่วงก่อนสงครามถูกรื้อออกจนหมดและถนนแคบๆ ในบางพื้นที่อย่างถนนยูดาห์ก็ถูกรื้อถอนด้วยเช่นกัน


การรื้อถอนตึกเก่าแก่ทำให้ประชาชนส่วนหนึ่งเกิดความไม่พอใจและทำให้เกิด “การจลาจลในจัตุรัสใหม่” ในที่สุด ต่อมาการประท้วงของประชาชนก็ได้ผล การรื้อถอนและการสร้างขยายถนนก็ถูกยุติลงและมีเพียงแค่การก่อสร้างรถไฟใต้ดินอย่างต่อเนื่องเท่านั้น นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันตึกเก่าแก่และทัศนียภาพของเมืองอีกด้วย


………………………………………………

 

 

 


บทที่ 1030 คุณถูกจับแล้ว

 

ฉินสือโอวรู้สึกว่ารัฐบาลของอัมสเตอร์ดัมทำแบบนี้แล้วส่งผลดีมาก ทำให้คนรุ่นหลังและชาวต่างชาติมีโอกาสได้เข้าใจประวัติศาสตร์ของตัวเอง


ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมโลกที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดคือประเทศจีน ซึ่งก็คือสี่ยอดสิ่งประดิษฐ์อันยาวนาน ซึ่งจีนพัฒนาได้ดีกว่าอียิปต์โบราณ บาบิโลนและอินเดียโบราณ โดยจีนทิ้งความยิ่งใหญ่เอาไว้เป็นเวลากว่าห้าพันปี


แต่ปัจจุบัน จีนได้แนะนำวัฒนธรรมของตนเองและยิ่งกว่านั้นคือตามบันทึกโบราณและการฟื้นฟูสถาปัตยกรรมสมัยใหม่เป็นวัตถุที่ขาดความชัดเจน นี่จึงเป็นสิ่งที่น่าเสียดายเป็นอย่างมาก


กลิ่นหอมของดอกทิวลิปเป็นโรงแรมระดับห้าดาว ภายในจะมีห้องนั่งเล่นที่ถูกเปลี่ยนให้เป็นห้องจัดแสดงนิทรรศการโดยเฉพาะ และภายในห้องจะมีข้อมูลที่ถูกบันทึกไว้เมื่อตอนที่เฉินหลงมาถ่ายทำภาพยนตร์ในอัมสเตอร์ดัม มีภาพถ่ายและอุปกรณ์ประกอบฉากมากมาย นอกจากนี้ยังเล่ากันอีกว่าภาพยนตร์ต้นฉบับในตอนนั้นก็ยังถูกเก็บไว้ที่นี่อีกด้วย


งานแสดงสินค้าอาหารทะเลในครั้งนี้จะจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้เท่านั้น ฉินสือโอวจึงมาถึงก่อนหนึ่งวันเพื่อพักผ่อน


แต่สมรรถภาพร่างกายของเขาก็เหมือนกับสัตว์ป่า แถมนีลเซ็นและเบิร์ดก็เป็นเหมือนไทแรนโนซอรัสที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์มากกว่า เมื่อมาถึงอัมสเตอร์ดัมแล้วพวกเขาจะมาเอาแต่เอนหลังนอนไม่ได้ หลังจากทั้งสามคนวางกระเป๋าลงแล้วจึงไปล้างหน้าล้างตาและตัดสินใจกันว่าจะออกไปเดินเล่น


อัมสเตอร์ดัมมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย รวมถึงเครือข่ายคลองประวัติศาสตร์ พิพิธภัณฑ์แห่งชาติเนเธอร์แลนด์ พิพิธภัณฑ์แวนโก๊ะ บ้านแอนน์ แฟร้งค์และอื่นๆ เป็นต้น ว่ากันว่าทุกปีจะมีนักท่องเที่ยวมากกว่าสี่ล้านคนมาเที่ยวชมที่นี่


ในฐานะที่เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในเนเธอร์แลนด์ อัมสเตอร์ดัมผ่านกระบวนการพัฒนาจากหมู่บ้านชาวประมงไปสู่มหานครเมือง ผ่านความรุ่งเรืองและการทำลายล้าง รวมถึงการล้างบาปของสงครามโลก ถ้ามองในระดับที่มั่นคงแล้ว ประวัติพวกนี้ก็ยังเป็นเพียงแค่ส่วนเล็กๆ ในประวัติศาสตร์ของเนเธอร์แลนด์เท่านั้น


หลังจากที่พวกเขามาถึงโรงแรมได้ไม่นาน บัตเลอร์ก็รีบมาทันที บัตเลอร์สวมเสื้อผ้าสไตล์ฮิปฮอป มีโซ่สีทองขนาดใหญ่คล้องคอ ใส่แว่นกันแดดและสวมแหวนทั้งสิบนิ้วลวดลายไม่ซ้ำกัน ถ้าเจอคนแบบนี้ที่เซนต์จอห์นคงจะคิดว่าเป็นพวกคนที่สามารถจัดการกับพวกนักเลงได้


หลังจากบัตเลอร์เคาะประตูและเข้ามาในห้อง เขาก็บิดเอวไปมาพร้อมกับกระโดดโลดเต้นอย่างตื่นเต้นทันที หน้าผากของฉินสือโอวมีเหงื่อผุดออกมา เขาพูดอย่างจนปัญญาว่า “บัตเลอร์ โซ่ทองที่คุณใส่หนากว่าข้อมือลูกสาวผมอีก นี่คุณไม่รู้สึกเหนื่อยบ้างเลยเหรอ?”


สีหน้าของลุงหนวดทำเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น “นี่สิถึงจะเรียกว่าตัวตน! ฉิน สิ่งนี้สามารถแสดงความเป็นเอกลักษณ์ในตัวฉันได้อย่างชัดเจน!”


ฉินสือโอวยักไหล่ใส่ โอเค ผมยอมแพ้คุณแล้ว


บัตเลอร์เห็นฉินสือโอวและลูกน้องแต่งตัวกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ก็รู้แล้วว่าพวกเขาต้องการจะทำอะไร เขาเคยมาอัมสเตอร์ดัมหลายครั้ง เพราะที่นี่เป็นที่ตั้งของตลาดอาหารทะเลที่สำคัญในยุโรป ดังนั้นจึงคุ้นเคยกับเส้นทางจุดชมวิวอยู่บ้างและสามารถเป็นไกด์ให้กับหลายๆ คนได้


สมกับที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นเมืองแห่งดอกทิวลิป ตั้งแต่เดินออกจากโรงแรม กลิ่นหอมของดอกทิวลิปก็ยังคงปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่มีหยุด


บัตเลอร์ซื้อหัวดอกทิวลิปราคาสิบสองยูโร ซึ่งมันมีลักษณะเหมือนกับหัวหอม ฉินสือโอวถือเอาไว้ในมือและสงสัยว่าของสิ่งนี้ประโยชน์อะไร บัตเลอร์จึงอธิบายว่านี่เป็นผลิตภัณฑ์ประจำท้องถิ่นของอัมสเตอร์ดัม พอเอาไปปลูกแล้วมันก็คือดอกทิวลิป นอกจากนี้ยังสามารถเอาไปทำอาหารได้อีกด้วย…


“โอ้ว้าว มันเต็มไปประโยชน์จริงๆ” ฉินสือโอวหยิบหัวดอกทิวลิปขนาดเท่ากำปั้นขึ้นมาดู แต่สุดท้ายเขาก็ยังไม่รู้จะเริ่มจัดการกับมันอย่างไรอยู่ดี


 “หัวดอกทิวลิปสามารถใช้ทำเป็นอาหารได้จริงๆ มันอุดมไปด้วยน้ำ วิตามินและส่วนประกอบของแป้งข้าวโพดซึ่งมาถึงหกเท่าของเนื้อวัว พอกินเข้าไปแล้วจะมีความกรุบกรอบอยู่ในปาก แต่ถ้าโรยยี่หร่าลงไปด้วยเล็กน้อย ก็จะทำให้มีกลิ่นของเนื้อไก่” เบิร์ดกล่าว


นีลเซ็นยิ้มพร้อมกับผลักเขา แล้วพูดว่า “หัวของต้นพืชไม่ใช่แมลงนะแล้วนายก็ไม่ใช่แบร์ กริลด้วย!”


หลังจากเดินเล่นกันไปมาสักพัก บัตเลอร์ก็ถามว่า “นายอยากไปที่ไหน? เราจะเดินเตร็ดเตร่แบบนี้ไม่ได้นะ”


นีลเซ็นจึงฮึกเหิมขึ้นมาทันทีพร้อมกับตะโกนเสียงดังว่า “ย่านโคมแดง! ผมอยากไปย่านโคมแดง!”


ย่านโคมแดงในเนเธอร์แลนด์เป็นหนึ่งในสองสถานที่ที่ผู้ชายไปมากที่สุดในโลก ซึ่งอีกที่หนึ่งคือโตเกียวในช่วงที่อากาศร้อนมาก


เนเธอร์แลนด์มีผู้อพยพจำนวนมากเช่นเดียวกับแคนาดา เป็นเวลาหลายศตวรรษที่อัมสเตอร์ดัมเป็นเหมือนกับแม่เหล็กดึงดูดผู้คนที่ถูกกดขี่ข่มเหงจากประเทศต่างๆ ในยุโรปให้มาหาที่พักพิง โดยเฉพาะชาวยิวหรือคนนอกศาสนาจากฝรั่งเศสหรือประเทศคาทอลิกอื่นๆ


ชาวอัมสเตอร์ดัมเชื่อในศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกและนิกายโปรเตสแตนต์มาอย่างต่อเนื่อง สถานที่แห่งนี้จึงเป็นแหล่งหลอมรวมขนาดใหญ่ของกลุ่มชาติพันธุ์ที่แตกต่างกันมาโดยตลอด เนื่องจากประสบการณ์มากมายในการเจรจากับต่างประเทศและการค้าบ่อยครั้ง ทำให้สถานที่พิเศษบางแห่งเจริญรุ่งเรืองขึ้น ย่านโคมแดงจึงเป็นผลผลิตสูงสุดของอุตสาหกรรมเหล่านี้


แม้ว่าฉินสือโอวจะไม่ใช่นักพรต แต่อย่างไรก็ตามเขาก็เป็นชายที่มีความซื่อสัตย์ นอกจากนี้เขายังรู้สึกว่าการมีภรรยาที่น่ารักอยู่ในบ้าน จึงไม่จำเป็นต้องไปหาความสุขกับผู้หญิงอื่นข้างนอก ยิ่งกว่านั้นในย่านโคมแดงก็ไม่ใช่ที่ของหญิงสาวสวย


ทันทีที่นีลเซ็นพูดถึงย่านโคมแดง แม้แต่เบิร์ดชายนิสัยดีคนนี้ก็ยังแสดงท่าทางโหยหา เพราะอุตสาหกรรมในอัมสเตอร์ดัมได้รับการพัฒนาและมีชื่อเสียงไปทั่วโลก!


ฉินสือโอวจึงให้บัตเลอร์พาพวกเขาไปเที่ยวชม ส่วนตัวเขาจะเดินเล่นอยู่แถวๆ นี้ก็พอ


บัตเลอร์จ้างแท็กซี่ให้เขา แล้วพูดว่า “นายลองไปที่อนุสรณ์ของแวนโก๊ะดู ฉันจำได้ว่านายเคยขายภาพเหมือนของแวนโก๊ะหลายครั้งแล้วไม่ใช่เหรอ?”


ฉินสือโอวอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ แล้วพูดว่า “ลืมไปเถอะ นั่นมันไม่ใช่ภาพวาดของจริง มันเป็นแค่ของปลอมเท่านั้นเอง แต่การไปอนุสรณ์ของแวนโก๊ะก็ฟังดูไม่เลว เราจะต้องเพิ่มความรู้ทางวัฒนธรรมให้กับตัวเองซะหน่อย”


บัตเลอร์ชูโซ่ทองที่คล้องคอขึ้นพร้อมกับหัวเราะ แล้วพูดว่า “นี่คือความรู้ทางวัฒนธรรมของฉัน!”


อนุสรณ์ศิลปะแวนโก๊ะอยู่ห่างจากโรงแรมไปแค่ไม่กี่ช่วงตึก เป็นตึกที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความโรแมนติก ในขณะที่ฉินสือโอวไปซื้อตั๋วเขารู้สึกกลุ้มใจขึ้นมาเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าการขายตั๋วที่นี่จะแบ่งแยกเป็นประเทศ


ผู้เข้าชมจากประเทศนอกสหภาพยุโรปต้องซื้อตั๋วในราคาสิบยูโร ในขณะที่ผู้เข้าชมจากประเทศในสหภาพยุโรปจะซื้อตั๋วในราคาแค่ห้ายูโร


ฉินสือโอวไม่เข้าใจสาเหตุที่อนุสรณ์ตั้งวิธีการขายตั๋วแบบนี้ นอกจากนี้พนักงานขายตั๋วยังบอกเขาอีกว่าในขณะที่เข้าชมไม่สามารถสวมเสื้อคลุมได้ สามารถนำแค่ของส่วนตัวเข้ามาได้เท่านั้น


ดังนั้น ฉินสือโอวจึงเริ่มไม่สนใจแล้ว


เดิมทีเขาไม่สนใจภาพวาดสีน้ำมันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นก็คงไม่ขายผลงานต้นฉบับของแวนโก๊ะออกไป ตราประทับนั้นของอวี๋เชียนเขายังเก็บสะสมไว้เป็นอย่างดี ดังนั้นในเมื่อรู้สึกไม่สบายใจ เขาจึงไม่เข้าไปในอนุสรณ์ แต่กลับที่ศูนย์ของขวัญที่อยู่ข้างๆ แทน


ของที่ขายในศูนย์ของขวัญจะเป็นของเลียนแบบภาพวาดแวนโก๊ะในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโพสต์การ์ด โปสเตอร์และสิ่งของอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ยังมีงานแฮนด์เมดพิมพ์ลายภาพเช่นเสื้อยืด แก้ว ชุดเดรสและอื่นๆ


ฉินสือโอวจึงซื้อภาพเลียนแบบเซต ‘ทานตะวัน’ มาและยังมีภาพเหมือนตัวเองของแวนโก๊ะ มีทั้งคนที่มีหูและไม่มีหู อย่างไรซะราคาก็ไม่แพงและพื้นที่ว่างในวิลล่าก็ยังมีอีกมากมาย ถ้าเอากลับไปแขวนประดับตกแต่งคงจะดีมาก


ฉินสือโอวที่กำลังถือของที่ซื้อมาและเห็นว่ามีร้านกาแฟที่ตกแต่งอย่างสวยงามอยู่ริมถนน เขาจึงเดินเข้าไปแล้วสั่งกาแฟที่ต้องการดื่มมาหนึ่งแก้ว


เมื่อกาแฟมาเสิร์ฟให้ฉินสือโอว พนักงานผมบลอนด์สุดหล่อก็ยื่นที่วางบุหรี่ให้ฉินสือโอวแล้วถามว่า “อยากลองกลิ่นไหนครับ?”


ฉินสือโอวโบกมือพร้อมกับยิ้ม แล้วพูดว่า “ขอบคุณมากครับ แต่ผมไม่สูบบุหรี่”


หนุ่มหล่อชาวยุโรปตะวันออกก็ยักไหล่ใส่พร้อมกับเดินออกไป แต่ฉินสือโอวยังไม่ทันได้จิบกาแฟสักคำ ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลเทาคนหนึ่งก็เดินเข้าพร้อมกับหยิบกล่องบุหรี่ออกมา แล้วถามว่า “คุณครับ คุณอยากเพลิดเพลินกับช่วงเวลาที่ดีในตอนบ่ายไหมครับ?”


ฉินสือโอวเห็นว่าเด็กขายบุหรี่คนนี้อายุไม่เยอะ เขาจึงคิดว่าเขาคงทำงานพาร์ตไทม์หรือไม่ก็เป็นเพราะสถานะทางครอบครัวไม่ดีจึงออกมาทำงานนอกเวลา ดังนั้นเขาจึงช่วยซื้อบุหรี่ที่ดีที่สุดหนึ่งมวนในราคายี่สิบยูโรและยังมีกลิ่นมิ้นต์อีกด้วย


ผลก็คือทันทีที่เขารับบุหรี่ไป ชายรูปร่างสูงใหญ่สองคนก็กั้นเขาจากทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เมื่อเด็กชายเห็นสองคนนี้ก็หันหลังกลับเตรียมจะวิ่ง แต่มือของชายสูงใหญ่คนนั้นกลับเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วและควบคุมเด็กไว้ได้ในทันที


ฉินสือโอวคิดว่าพวกเขาเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยของร้านกาแฟหรือไม่ก็เป็นแก๊งมาเฟียท้องถิ่น เขาจึงลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า “เฮ้ นี่พวกคุณ…”


“คุณผู้ชาย คุณถูกจับแล้ว ผมคือตำรวจอัมสเตอร์ดัม” ชายร่างสูงใหญ่คนหนึ่งพูดอย่างเคร่งขรึมพร้อมกับถือใบรับรองในมือออกมาและในนั้นคือตราตำรวจเนเธอร์แลนด์ เมื่อเห็นเช่นนี้ ฉินสือโอวตกตะลึงทันที!

 

 

 


บทที่ 1031 เที่ยวสถานีตำรวจเนเธอร์แลน...

 

ฉินสือโอวนั่งอยู่ในสถานีตำรวจในอัมสเตอร์ดัม ข้างๆ เขาคือเด็กหนุ่มคนนั้น ทั้งสองจ้องมองกัน ตากลมโตจ้องไปที่ดวงตาขนาดเล็กและตกตะลึงไปชั่วขณะ


ฉินสือโอวเป็นผู้ชายที่ซื่อสัตย์มาก เขาเคารพและปฏิบัติตามกฎหมายมาเสมอ ซึ่งก่อนที่จะออกจากประเทศเขาได้ไปทำงานที่บริษัท ไชน่า เนชั่นแนล ออฟชอร์ ออยล์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด แม้ว่าจะเป็นการทำงานนอกสถานที่เขาก็จะอยู่เฉยๆ อย่างเชื่อฟังในโรงแรมและส่วนใหญ่เขาจะออกไปเดินเล่นรอบๆ จุดชมวิวมากกว่า


อันที่จริงเขาเป็นคนไม่ค่อยมีความกล้า ด้วยความที่เป็นคนละเอียดรอบคอบ เพื่อที่จะปกป้องตัวเองจึงต้องหยุดปัญหาในวันนี้


สุดท้ายการคุ้มครองมีมากมายหลายวิธี แต่เด็กๆ กลับไม่ได้รับการคุ้มครอง ตำรวจได้ชี้แจงความผิดในการจับกุมเขา ซึ่งก็คือการช่วยเหลือผู้เยาว์ให้กระทำผิดกฎหมาย…


นี่เป็นครั้งแรกที่ฉินสือโอวเคยได้ยินว่ามีข้อหาแบบนี้ เอาล่ะ เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม เพราะเขาไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน เขาจึงเป็นได้แค่กบในกะลา แต่เขาเสียเปรียบมาก ใครจะรู้ว่าบุหรี่ที่เด็กคนนี้ขายจะเป็นกัญชา!


ใช่แล้ว ดูแล้วบุหรี่ที่เด็กหนุ่มหล่อขายจะเหมือนกับของลีโอนาร์โดซึ่งมันมีกัญชาอยู่ ฉินสือโอวไม่ได้เตรียมใจไว้สำหรับเรื่องนี้ เขายังคิดว่าเด็กคนนี้ขายแค่บุหรี่พื้นเมืองเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าเด็กคนนี้เคยอยู่ประเทศจีนและยังเป็นผู้ค้ายาเสพติดอีกด้วย


หลังจากชายชุดนอกเครื่องแบบทั้งสองคนยืนยันว่าบุหรี่ในมือของฉินสือโอวมีกัญชา พวกเขาจึงจับกุมทั้งสองคนและธนบัตรที่ฉินสือโอวมอบให้ก็กลายเป็นหลักฐานทางวัตถุและจะถูกตำรวจเอาไปด้วย ซึ่งขณะนี้หลักฐานในกระเป๋าที่วางไว้อยู่ไม่ไกลก็ถูกเอาไปด้วย…


เมื่อเห็นสีหน้าที่ไร้เรี่ยวแรงของฉินสือโอว เด็กหนุ่มคนนั้นก็แบะปากอย่างดูถูกเหยียดหยามและพูดว่า “ดูแล้วอายุของคุณคงจะค่อนข้างเยอะ ทำไมถึงขี้ขลาดแบบนี้ล่ะ? อย่ากลัวไปเลย บันทึกพวกนี้ทำอะไรเราไม่ได้หรอก ผมเคยเข้ามาหลายครั้งแล้ว ก็ยังมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้?”


พอได้ยินคำพูดของเด็กหนุ่ม ฉินสือโอวก็อดไม่ได้ที่จะกระตุกมุมปาก เด็กหนุ่มคนนี้เป็นแค่นักเลงตัวน้อย ซึ่งเขาเกลียดคนประเภทนี้มากที่สุด เพราะตอนเด็กๆ เขาเคยถูกคนประเภทนี้รังแก


ฉินสือโอวขี้เกียจที่จะพูดคุยกับนักเลงตัวน้อยคนนี้ เขาจึงนั่งยองๆ ลงที่มุมห้องพร้อมกับกอดอกเข้าไว้ด้วยกันอย่างเงียบๆ และรอบัตเลอร์กับลูกน้องมาถึง


นี่มันไม่ยุติธรรมกับเขาจริงๆ เที่ยวผู้หญิงโสเภณีกลับไม่เป็นอะไร เขาเป็นชายหนุ่มที่ดีและเคารพปฏิบัติตามกฎหมายแต่กลับถูกจับมาที่สถานีตำรวจ และถ้าจัดการกับคดีไม่ได้ เขาอาจจะถูกส่งตัวกลับแคนาดาเพื่อสอบปากคำ


เนเธอร์แลนด์เป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศในโลกที่ขายกัญชาได้ถูกต้องตามกฎหมาย นี่คือสิ่งที่ฉินสือโอวเคยได้ยินมาก่อนหน้านี้ การขายกัญชาจะไม่ผิดกฎหมายขอเพียงแค่อยู่ในขอบเขตปริมาณที่กำหนดตามกฎหมาย


แต่ถ้าขายกัญชาให้กับผู้เยาว์หรือซื้อกัญชาจากผู้เยาว์ ปัญหานั้นจะร้ายแรงมาก ถ้าฉินสือโอวไม่เอาหนังสือเดินทางออกทันเวลา เขาคงจะไม่ได้อยู่ในห้องคุมตัวนักโทษของสถานีตำรวจ แต่ต้องถูกส่งเข้าไปอยู่ในห้องคุมขัง จากนั้นก็รอขึ้นศาล


ห้องคุมตัวนักโทษเป็นที่ที่ผู้ต้องสงสัยใช้กักตัวชั่วคราวในสถานีตำรวจเนเธอร์แลนด์ ตอนที่ฉินสือโอวและเด็กหนุ่มเข้ามาก็มีคนอยู่ในห้องนั้นหลายคนแล้ว หลังจากที่เขานั่งยองๆ ลง ชายหนุ่มผิวขาวที่ทำทรงผมแปลกๆ ก็เดินเข้ามาถามพร้อมกับทำหน้าทะเล้น “คุณเป็นคนญี่ปุ่นเหรอ?”


ฉินสือโอวไม่ต้องการยุ่งวุ่นวายกับคนเหล่านี้ เขาจึงยักไหล่ใส่และไม่พูดอะไร จากนั้นก็หันหลังให้กับชายหนุ่ม เห็นได้ชัดว่าไม่ต้องการพูดคุยทักทายเขา


ในขณะที่ฉินสือโอวกำลังหันหลังก็รู้สึกว่าก้นของเขาแน่นขึ้นเพราะมีฝ่ามือขนาดใหญ่กำลังบีบก้นเขาอยู่


ฉินสือโอตกใจมากและรีบหันกลับมาทันที ชายหนุ่มที่ไม่น่าสนใจคนนั้นก็ขยิบตาให้เขาอย่างมีเลศนัยและพูดว่า “เฮ้ เด็กญี่ปุ่น อยากกินไส้กรอกลูกใหญ่ของพี่ชายชาวเนเธอร์แลนด์ไหม? พี่ชายจะพาคุณออกไปฟินกัน เป็นอย่างไรล่ะ?”


เมื่อได้ยินสิ่งที่ชายหนุ่มพูด ฉินสือโอวก็รู้สึกโกรธขึ้นมาทันที เขาอยากจะกลับไปเมื่อสองสามวันก่อนจริงๆ จะได้ดูว่าการเดินทางในครั้งนี้ตัวเองจะต้องเจอกับอะไรบ้าง เมื่อเห็นการดูถูกเหยียดหยามของชายหนุ่มแล้ว เขาก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับชายคนนี้ ไม่สงสัยเลยว่าเขาเป็นพวกรักร่วมเพศ


ฉินสือโอวไม่ได้เหยียดการรักร่วมเพศ ช่วงเรียนมหาวิทยาลัยเขาเคยอ่านรายงานการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ฉบับหนึ่งกล่าวว่าการรักร่วมเพศส่วนใหญ่เป็นสิ่งที่มีมาแต่กำเนิดและเกี่ยวข้องกับการหลั่งสารภายในของฮอร์โมน ซึ่งธรรมชาติของมนุษย์ไม่สามารถควบคุมได้


แต่รสนิยมทางเพศของเขานั้นถูกต้องแล้ว เขาไม่ได้จะเหยียดคนเหล่านี้และเขาก็ไม่ต้องเข้าไปคลุกคลีด้วยเช่นกัน


ชายหนุ่มคิดว่าเขาแกล้งสนุกดี จึงหัวเราะอย่างชั่วร้ายพร้อมกับโน้มตัวเข้าไปใกล้ๆ และเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าของฉินสือโอวด้วยสีหน้าทะลึ่ง


สีหน้าของฉินสือโอวก็เย็นชาขึ้นมาทันที จากนั้นก็ผลักชายหนุ่มออกไปแล้วพูดอย่างโมโหว่า “นี่คุณ ออกไปให้พ้นจากผม ถ้าเข้าใกล้ผมอีกละก็ ผมจะตีคุณจนทนไม่ไหวเลยคอยดูสิ! ผมเป็นคนจีน กังฟูของจีน แจ็คเฉินน่ะ คุณรู้จักไหม?”


ชายหนุ่มดูเหมือนจะเสียสติเล็กน้อย เขามีรอยยิ้มแปลกๆ ตลอดเวลาบนใบหน้าทำให้ดูเหมือนว่าเขาป่วยทางจิต


หลังจากถูกฉินสือโอวผลักเขาออกไป เขาก็หันหน้ากลับไปมองที่คนอื่นๆ พร้อมหัวเราะ แล้วพูดว่า “มาดูสิ รีบมาดูเร็ว ความดุร้ายของม้าญี่ปุ่นตัวนี้น่ากลัวจริงๆ ดีล่ะ ฉันชอบขี่ม้าดุๆ มาเถอะที่รัก มาให้ฉันได้เลี้ยงดูซะดีๆ”


ชายหนุ่มพูดพลางเอนตัวเข้ามาใกล้ๆ อีกครั้ง ฉินสือโอวสุดจะทน เขาจึงกำหมัดข้างขวาไว้แน่นพร้อมกับบิดเอวแล้วชกออกไปทันทีเสียงอู้อี้ก็ดังขึ้น ‘ตุ้บ’ ชายหนุ่มคนนั้นก็ลงไปกองกับพื้นและดวงตาทั้งสองข้างร้อนผ่าวขึ้น แขนของเขากุมท้องน้อยไว้พร้อมกับส่งเสียงตะโกน ‘ฮือฮือ’ แต่กลับพูดไม่ออก


หมัดของฉินสือโอวที่เพิ่งชกออกไปกระแทกไปที่ตับ นี่เป็นท่าที่แบล็คไนฟ์สอนเขา แค่หมัดเดียวก็สามารถทำให้คู่ต่อสู้สูญเสียพลังในการต่อสู้และยังไม่เป็นอันตรายต่อชีวิต แต่จะทำให้เจ็บปวดมากและไม่สามารถส่งเสียงร้องได้


มีเพียงไม่กี่คนในห้องที่รู้จักกับชายหนุ่ม เมื่อเห็นสถานการณ์นี้พวกเขาจึงมืดแปดด้านและต้องการจะเข้ามาล้อมเขาไว้ ฉินสือโอวไม่ต้องการต่อสู้หรือพูดอีกนัยหนึ่งว่าเขาไม่ต้องการสร้างปัญหาเพิ่มอีก เขาจึงถีบกรงเหล็กตรงหน้าอย่างแรง


เมื่อได้ยินเสียงแสบหู ‘โครมโครม’ ดังขึ้น เสาเหล็กเรียบๆ ที่มีความหนาเท่านิ้วหัวแม่มือของผู้ใหญ่ก็ถูกฉินสือโอวเตะจนโค้งงอ


เมื่อเห็นเช่นนี้ สายตาของผู้คนที่ต้องการจะล้อมรอบก็มองตรงมาที่ฉินสือโอวพร้อมกับกลืนน้ำลายและถอยห่างออกไปทันที หนึ่งคนในนั้นยังบ่นพึมพำว่า “ไอ้เกย์บ้านี่ สมควรแล้วที่ถูกตี! คนจีนจีนเฉิน ทำได้งดงามมาก!”


ฉินสือโอวเตะประตูเหล็กเสียงดังมาก จนทำให้ตำรวจพุงโตที่อยู่ข้างนอกคนหนึ่งเดินเข้ามาอย่างสุดจะทนพร้อมกับสบถอย่างไม่พอใจ เขาสบถเป็นภาษาดัตช์ จึงทำให้ฉินสือโอวไม่เข้าใจ เขาจึงยักไหล่พร้อมกับนั่งยองๆ ลงไปอีกครั้งเหมือนกับเด็กที่ไร้เดียงสา


ตำรวจก้มหน้าลงและพบว่าเสาเหล็กโค้งงอ ทันใดนั้นม่านตาก็หดลงทันที เขาหยิบกระบองตำรวจที่อยู่ข้างหลังออกมาพร้อมกับสบถอีกครั้ง ฉินสือโอวกลัวว่าคนเหล่านี้จะเอาเปรียบอีก จึงหยิบหนังสือเดินทางออกมาและตะโกนว่า “ผมเป็นพลเมืองแคนาดา! ผมไม่เข้าใจว่าคุณกำลังพูดอะไร! ผมต้องการไปหาสถานทูตของเรา!”


ตำรวจจึงจ้องมองไปที่เขา จากนั้นก็ชี้ไปที่กรงเหล็กที่โค้งงอและถามเป็นภาษาอังกฤษอย่างฝืนๆ ว่า “หุบปาก! นี่ใครทำ?”


ฉินสือโอวหันกลับไปมองที่คนกลุ่มนั้น คนเหล่านั้นเป็นพวกพาล พวกเขาไม่กลัวตำรวจ เพราะพวกเขารู้ว่าตัวเองไม่ได้ก่อคดีใหญ่อะไร ถูกคุมตัวมากสุดก็แค่เวลาหนึ่งหรือสองวัน แต่พวกเขากลับกลัวฉินสือโอวเล็กน้อย จึงมองดูสภาพที่น่าสงสารของชายที่กองอยู่กับพื้นคนนั้น หมัดที่โดนเข้าไปคาดว่าคงจะไม่สามารถขยับตัวได้เป็นเวลาหลายวัน


ดังนั้น หลายคนจึงพร้อมใจกันส่ายหัวไม่รู้และเด็กหนุ่มที่ขายกัญชาให้กับฉินสือโอวก็ชี้ไปที่ชายหนุ่มที่นอนขดตัวอยู่บนพื้นเหมือนกุ้งพร้อมกับตะโกนอย่างตื่นเต้นว่า “เขา เขาเป็นคนทำ!”


ตำรวจไม่หลงกลและจะไม่โดนหลอกได้ง่ายๆ อีก เขาเดาออกว่านั่นมันต้องเกี่ยวกับฉินสือโอว จึงจ้องมองไปที่เขา


ในช่วงเวลาเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย เสียงของบัตเลอร์ก็ดังขึ้น “เฮ้ ฉิน เพื่อนรักของฉัน นายอยู่ที่ไหน?”


………………………………………………..

 

 

 


บทที่ 1032 งานแสดงสินค้าโลก

 

ความจริงได้พิสูจน์แล้วว่าการสร้างเครือข่ายความสัมพันธ์เป็นเรื่องที่จำเป็นมาก บัตเลอร์ที่อยู่ในมาดนักเลงก่อนหน้านั้น แต่พอหลังจากเข้าไปในสถานีตำรวจแล้วเขาก็มีวิธีที่จะพาฉินสือโอวออกมาได้


บัตเลอร์พาคนคนหนึ่งมาพร้อมกับโทรศัพท์หนึ่งเครื่อง ซึ่งเขาเป็นทนายความที่มีชื่อเสียงในอัมสเตอร์ดัมและในสายโทรศัพท์คือสมาชิกสภาเมืองในอัมสเตอร์ดัมโทรมา หลังจากหัวหน้าสถานีตำรวจรับสายแล้วจึงออกมาพูดว่า “คดีคนจีนฉิน ใครเป็นคนรับช่วงต่อ? หลังจากสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานแล้ว ไม่มีปัญหาในการปล่อยตัว”


ฉินสือโอวและเด็กหนุ่มคนนั้นจึงถูกนำตัวไปที่ห้องสอบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงรูปร่างอ้วนท้วมคนหนึ่งพูดว่า “เมื่อสองวันก่อน เราได้รับข่าวว่ามีผู้เยาว์ขายกัญชาที่ร้านกาแฟเหมือนความรัก เจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบของเราจึงเข้าไปตั้งจุดสังเกตติดต่อกันสองวันและในที่สุดก็จับกุมคุณทั้งสองได้ คุณฉิน คุณต้องการจะพูดอะไรไหม?”


ทนายความกระแอมแทรกขึ้นเพื่อต้องการจะพูด ฉินสือโอวจึงส่ายหัวและชิงพูดเองว่า “คุณตำรวจหญิง ผมเป็นชาวตะวันออกที่หัวโบราณคนหนึ่ง การศึกษาที่ผมได้รับมาตั้งแต่เด็กก็คือการสูบบุหรี่เป็นอันตรายต่อสุขภาพและผมเป็นคนไม่สูบบุหรี่ นอกจากนี้หลังจากที่ผมจากบ้านเกิดมา ผมก็อาศัยอยู่ในเมืองเล็กๆ ที่ห่างไกลจากแผ่นดินใหญ่ในแคนาดามาตลอด ที่นั่นเด็กๆ มักจะทำธุรกิจเล็กๆ ในฐานะที่พวกเราเป็นพ่อแม่สิ่งที่ต้องทำก็คือการสนับสนุน ซึ่งเราต้องสนับสนุนความเป็นอิสระของพวกเขา”


“ดังนั้น เมื่อผมเห็นเด็กคนหนึ่งมาขายบุหรี่ให้ผม ผมก็คิดว่าผมควรจะช่วยเขา นั่นคือเหตุผลที่ผมซื้อบุหรี่ ความจริงผมไม่คิดจะสูบบุหรี่เลย เรื่องนี้เป็นความเข้าใจผิดทั้งนั้น ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่นี่สามารถกระจายกัญชาแบบนี้ได้!”


ทนายความจึงพูดเสริมฉินสือโอวว่า “แคนาดาไม่ผ่านการยื่นขอคำร้องขอกัญชาให้ถูกต้องตามกฎหมายได้ ในเซนต์จอห์นมีกัญชาถือเป็นเรื่องถูกกฎหมายก็จริง แต่การขนส่งและขายกัญชานั้นเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ผมคิดว่าลูกความของผมไม่มีประสบการณ์ที่คล้ายกับกรณีนี้ ดังนั้นจึงขาดประสบการณ์ที่จะมีส่วนเกี่ยวข้อง”


ตำรวจหญิงมองไปที่ฉินสือโอว จากนั้นก็ตรวจสอบข้อมูลในคอมพิวเตอร์และเริ่มปรึกษากับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ทั้งซ้ายขวาอย่างเงียบๆ


ฉินสือโอวได้ยินคนเหล่านี้พูดคุยกันเกี่ยวกับกิจกรรมการกุศลที่เขาเข้าร่วม รวมถึงการแข่งขันการกุศลข้ามช่องแคบที่จัดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ดูเหมือนว่ากิจกรรมเหล่านี้จะเพิ่มคะแนนให้เขาเป็นอย่างมาก ต่อมาคนเหล่านี้ก็พากันพยักหน้าและจบการปรึกษาหารือกัน


ตำรวจหญิงยื่นเอกสารที่เขียนด้วยลายมือให้ฉินสือโอว เพื่อให้เขาดูว่ามีปัญหาอะไรหรือไม่และถ้าไม่มีปัญหาแล้วก็แค่ลงชื่อถือว่าเป็นอันเสร็จเรียบร้อย


ทนายความอ่านเอกสารนั้นก่อนหนึ่งรอบ จากนั้นก็พยักหน้าแล้วยื่นให้ฉินสือโอวแสดงให้รู้ว่าไม่มีปัญหา


หลังจากฉินสือโอวลงชื่อแล้ว ตำรวจหญิงก็จับมือเขาและพูดว่า “เราเชื่อว่าครั้งนี้เป็นเรื่องเข้าใจผิด แต่ถ้าเกิดเรื่องคล้ายกรณีแบบนี้อีก คงจะไม่ใช่เรื่องเข้าใจผิดแล้ว นอกจากนี้ยินดีต้อนรับสู่อัมสเตอร์ดัม คุณเจ้าของฟาร์มปลา”


ในที่สุดเรื่องนี้ก็จบลง


ในขณะที่ฉินสือโอวกำลังจะกลับก็เห็นเด็กหนุ่มยังถูกขังอยู่ เขาจึงถามตำรวจหญิงว่าจะทำอย่างไรกับเขา ตำรวจหญิงจึงพูดด้วยท่าทีปวดหัวว่า “หลังจากอบรมสองวันเขาจะได้รับการปล่อยตัว ใครให้เขาเป็นผู้เยาว์กันล่ะ? ความเป็นจริงเราต้องการให้พวกเขาเห็นความผิดพลาดที่เลวร้ายของการขายกัญชาเท่านั้น แต่มันก็เป็นไปไม่ได้”


เรื่องนี้อยู่นอกเหนือการควบคุมของฉินสือโอว สังคมนี้มีกฎการดำเนินการในตัวมันตัวเองและกฎชุดนี้ก็ซับซ้อนกว่าห่วงโซ่อาหารในมหาสมุทรซะอีก เขาเป็นแค่คนธรรมดาทั่วไป ไม่ใช่พระเจ้า จึงไม่สามารถช่วยเด็กที่ทำความผิดเหล่านี้ได้


หลังจากเดินออกจากสถานีตำรวจ ฉินสือโอวตบไหล่บัตเลอร์เบาๆ และพูดว่า “ขอบคุณมากเพื่อน โชคดีที่มีคุณ”


บัตเลอร์โบกมืออย่างไม่สนใจและพูดว่า “ไม่เป็นไร ฉันยังไม่ได้ออกแรงทำอะไรเลย นายก็ออกมาได้แล้ว อันที่จริงถ้าสถานีตำรวจไม่ยอมให้ความร่วมมือ ฉันก็เตรียมวิธีที่ดีกว่านี้ไว้รอแล้ว”


“คืออะไรเหรอ?” ฉินสือโอวถามอย่างสงสัย


บัตเลอร์หัวเราะแล้วพูดว่า “บังคับใช้กฎหมายประมงไงล่ะ! ฉันจะฟ้องพวกเขาเรื่องการบังคับใช้กฎหมายประมง ฉันแค่ให้เงินเด็กคนนั้นหนึ่งหมื่นยูโร เขาก็ยอมเรียกฉันว่าพ่อแล้ว!”


นี่เป็นอุบายตื้นๆ ที่บัตเลอร์เอามาใช้ได้อย่างเชี่ยวชาญ ตอนที่เขาอยู่ในสลัมที่สหรัฐอเมริกาและนักเลงตัวเล็กๆ เหล่านั้นก็เป็นสิ่งที่เขารู้ดีที่สุด พูดแล้วจะหาว่าโอ้อวดบัตเลอร์รู้จักพวกเขาดีกว่าที่พวกเขารู้จักตัวเองซะอีก


หลังจากสถานการณ์นี้ผ่านพ้นไป ตอนนี้ก็เป็นช่วงที่พระจันทร์เต็มดวงและมีดวงดาวระยิบระยับอยู่บ้างเล็กน้อย ฉินสือโอวจึงออกไปเลี้ยงข้าวบัตเลอร์และคนอื่นๆ ที่ติดตามมาด้วย จากนั้นก็ให้เงินพวกเขาห้าพันยูโร เพื่อให้บัตเลอร์พานีลเซ็นและเบิร์ดไปเที่ยวกันอย่างจัดเต็มในคืนนี้


ก่อนหน้านั้นทั้งสามคนคาดเดากันว่าจะถูกฉินสือโอวลากกลับหลังจากเดินเล่นเสร็จ ซึ่งเรื่องนี้ฉินสือโอวก็ยังคงไม่พอใจอยู่เล็กน้อย


ถึงอย่างไรเบิร์ดและนีลเซ็นก็ไม่ยอมไปเพราะพวกเขาทั้งสองรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้อยู่ใกล้ๆ ฉินสือโอวจนทำให้เขาถูกตำรวจจับ ถ้าพวกเขาทำหน้าที่ของตัวเองอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ฉินสือโอวก็คงจะไม่ซื้อกัญชาที่เด็กเอามาขายให้อย่างไม่รู้เรื่องอะไร


เมื่อเป็นเช่นนี้ บัตเลอร์จึงชวนพวกเขาไปที่น้ำพุร้อน เพราะน้ำพุร้อนในยามค่ำคืนที่อัมสเตอร์ดัมมีชื่อเสียงไปทั่วยุโรป


พอถึงสระน้ำพุร้อน ฉินสือโอวก็เพลิดเพลินไปกับความสบายของน้ำพุร้อน ร่างกายและจิตใจที่เหนื่อยล้าของเขาก็ได้รับความผ่อนคลายมากขึ้น


บัตเลอร์มานั่งข้างๆ เขา ฉินสือโอวจึงหันหน้าไปและกำลังจะพูด แต่ก็เห็นโซ่ทองเส้นหนาลอยอยู่เหนือน้ำ…


“พระเจ้า นี่เป็นโซ่ทองหรือโซ่พลาสติก?” ฉินสือโอวพูดด้วยความตกใจจนลืมเรื่องที่ตัวเองจะพูด


บัตเลอร์ยิ้มพร้อมกับถอดโซ่ทองออกวางไว้ข้างๆ แล้วอธิบายว่า “จริงๆ แล้วมันชุบด้วยทอง เพื่อที่จะหล่อให้เป็นรูปเป็นร่าง จึงมีพลาสติกอยู่ในนั้น ดังนั้นไม่มีอะไรแปลกหรอก โซ่ทองหนาๆ ทุกเส้นก็เป็นแบบนี้หมดแหละ”


นอกจากนี้ โซ่ทองที่บัตเลอร์สวมก็หนาพอๆ กับนิ้วหัวแม่มือของผู้ใหญ่และเหมือนกับโซ่ล่ามสุนัขพันธุ์ทิเบตัน มาสทิฟฟ์ ถ้าเป็นทองคำบริสุทธิ์จริงๆ สวมแค่วันเดียวก็สามารถถ่วงกระดูกต้นคอให้อยู่ผิดตำแหน่งได้


หลังจากอาบน้ำเสร็จ ฉินสือโอวและลูกน้องก็กลับโรงแรมและงานแสดงสินค้าผลิตภัณฑ์ประมงจะเริ่มในวันรุ่งขึ้น


งานแสดงสินค้าจะเริ่มตั้งแต่เวลาสิบโมงเช้า ซึ่งในช่วงเช้าจะไม่เกี่ยวกับฉินสือโอว เขาอยู่ในโรงแรมรอจนถึงเที่ยงพร้อมกับกินข้าวเสร็จถึงจะไปที่งานแสดงสินค้า สถานที่จัดงานเป็นโรงยิม


ในโรงยิมแออัดไปด้วยผู้คนจำนวนมาก ส่วนด้านนอกก็มีธงปักอยู่จำนวนมากเช่นกัน ธงแดงระดับห้าดาวของจีนและธงใบเมเปิลของแคนาดาที่กำลังปลิวสะบัดไปมา บูธของแผนกผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำและบริษัทอาหารทะเลมากกว่าหนึ่งร้อยประเทศจากภูมิภาคทั่วโลกมีอยู่มากมายจนทำให้โรงยิมขนาดใหญ่แห่งนี้เริ่มแออัด


เมื่อเข้ามาทางประตูหลัก จะมีคนกำลังกล่าวสุนทรพจน์ในห้องโถง ฉินสือโอวจึงหยุดฟังสักพัก “…อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ประมงเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีกำลังและคาดเดาไม่ได้มากที่สุดในโลก ทุกๆ ปีอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ประมงต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงและความท้าทายใหม่ๆ มากมาย บริษัทภายในอุตสาหกรรมไม่สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงและความท้าทายได้ในทันทีและยังพบว่าการพัฒนาในระยะยาวก็เป็นไปได้ยากด้วยเช่นกัน…งานแสดงสินค้าเฉพาะทางเช่นงานแสดงสินค้าการประมงนานาชาติแห่งอัมสเตอร์ดัมที่มีระดับสูงแบบนี้ สามารถดึงดูดผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมประมงจากทั่วทุกมุมโลกให้มารวมตัวกันเพื่อรับมือกับโอกาสใหม่ๆ และความท้าทายในอุตสาหกรรมร่วมกัน…”


หลังจากฟังได้สักพักฉินสือโอวเริ่มรู้สึกเบื่อ จึงพานีลเซ็นและเบิร์ดออกไป จุดสำคัญของการจัดแสดงในวันนี้นอกจากผลิตภัณฑ์ประมงของประเทศต่างๆ แล้ว ยังมีธุรกิจแปรรูปผลิตภัณฑ์ประมงขนาดใหญ่ ผู้ให้บริการอุปกรณ์แปรรูป ฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและบริษัทประมงในทะเลก็มาจัดแสดงอุปกรณ์ การบริการและเทคโนโลยีใหม่ๆ ของพวกเขา


ผลิตภัณฑ์ประมงไม่มีประโยชน์สำหรับฉินสือโอว คุณภาพสินค้าเหล่านั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฟาร์มปลาต้าฉิน ในทางตรงกันข้ามอุปกรณ์แปรรูปและเทคโนโลยีการพัฒนาใหม่ๆ เหล่านี้ต่างหากที่มีประโยชน์กับเขามากกว่า


………………………………………………

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)