เทพปีศาจหวนคืน 1025-1027
บทที่ 1025 ค่ำคืนที่มืดมิด สายลมที่เหน็บหนาว
แปลโดย iPAT
“ฮูม…”
ฟางหยวนบินข้ามท้องฟ้าด้วยร่างกายที่ลุกเป็นไฟ
สถานการณ์ก่อนหน้าค่อนข้างอันตราย
เผชิญหน้ากับเฮากงตง แม้ฟางหยวนจะมีวิญญาณอมตะสามดวงรวมถึงวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งความฝันและจิตวิญญาณ พวกมันก็มีประโยชน์ไม่มากในการต่อสู้
กระทั่งฟางหยวนจะต้องการเปลี่ยนวิญญาณกับเฮากงตง เขาก็ไม่สามารถทำได้
ก่อนหน้านี้ในการเปลี่ยนวิญญาณกับอิงอู๋เซี่ย เขาต้องจ่ายด้วยวิญญาณระดับมนุษย์จำนวนมาก
วิญญาณระดับมนุษย์ทั้งหมดที่เขามีอยู่ในเวลานี้ไม่เพียงพอให้เขาใช้ท่าไม้ตายอมตะ
แต่ด้วยการใช้ทักษะการแสดงที่สุดยอดของเขา มันจึงช่วยบรรเทาสถานการณ์และทำให้เขาสามารถปล้นชิงวิญญาณระดับห้าจำนวนสี่ดวงมาจากเฮากงตง
‘ในการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน ข้าได้เห็นความขัดแย้งระหว่างผู้อมตะภาคใต้และได้รับข้อมูลมากมาย ด้วยเหตุนี้ข้าจึงได้เรียนรู้ความสัมพันธ์ระหว่างผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่เก้าของตระกูลช่ายกับตงฟางเซียงจี้’
‘แต่สิ่งสำคัญที่ทำให้ข้าสามารถหลอกเฮากงตงเป็นเพราะความช่วยเหลือจากวิญญาณทัศนคติ’
แม้ฟางหยวนจะมีท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคย แต่นอกจากวิญญาณทัศนคติ เขาก็ไม่มีวิญญาณดวงอื่นที่ใช้ปลดปล่อยท่าไม้ตายนี้
เขาสามารถใช้เพียงวิญญาณทัศนคติเท่านั้น
‘ความสามารถของวิญญาณทัศนคติคือการปกปิดอารมณ์ที่แท้จริงและแสดงทัศนคติปลอมเพื่อทำให้ฝ่ายตรงข้ามหลงเชื่อ’
เมื่อคิดย้อนกลับไป ช่วยไม่ได้ที่ฟางหยวนจะรู้สึกว่าวิญญาณทัศนคติมีประโยชน์จริงๆ
ด้วยการใช้วิญญาณทัศนคติอย่างลับๆ การแสดงของฟางหยวนจึงยิ่งไร้ที่ติและทำให้เฮากงตงไม่กล้ายั่วยุเขา
มีข้อดีอีกประการ นั่นคือวิญญาณทัศนคติไม่พึ่งพาพลังงานอมตะ มันต้องการเพียงพลังจิตเท่านั้น
ฟางหยวนพึ่งเปลี่ยนร่าง เขายังต้องใช้เวลาสะสมพลังงานอมตะ
‘น่าเสียดายที่วิญญาณทัศนคติไม่ใช่ของข้า ข้าต้องคืนให้กับไห่ลั่วหลันในที่สุด’ ฟางหยวนรู้สึกเสียดาย
ฟางหยวนกับไห่ลั่วหลันมีข้อตกลงพันธมิตร ข้อตกลงนี้เข้มงวดมาก มันจำกัดทั้งในแง่ของร่างกายและดวงวิญญาณ
แม้ฟางหยวนจะอยู่ในร่างใหม่ เขาก็ยังไม่สามารถฝ่าฝืนข้อตกลง
‘แต่ผลกระทบจากข้อตกลงพันธมิตรจะถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน หนึ่ง ร่างกาย สอง ดวงวิญญาณ ดังนั้นข้าถือว่าเป็นพันธมิตรเพียงครึ่งเดียว’
‘เห้อ…ถึงเป็นเช่นนั้นมันก็ยังอันตรายมาก กระทั่งมันจะไม่ส่งผลกระทบต่อร่างกายของข้า แต่ดวงวิญญาณของข้าจะไม่สามารถอดทน’
‘หือ…ร่างนี้มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปัญญาค่อนข้างมากทีเดียว!’
ขณะที่ฟางหยวนกำลังครุ่นคิด เขากระหนักถึงบางสิ่งอย่างกะทันหัน
ก่อนหน้าเขาอยู่ในร่างผีดิบอมตะ ความคิดของเขาไม่ต่างจากคนชราและต้องใช้วิญญาณบนเส้นทางแห่งปัญญาช่วยในการคิด
แต่ร่างใหม่ของเขาสามารถสร้างกลุ่มความคิดและมอบแรงบันดาลใจมากมายให้เขาราวกับน้ำพุธรรมชาติที่ปะทุขึ้นสู่อากาศ
‘ในที่สุดข้าก็สามารถหยุดใช้วิญญาณบนเส้นทางแห่งปัญญาเพื่อเติมเต็มความคิด’ ฟางหยวนรู้สึกดีใจจนแทบจะกลั่นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่
ในอดีตเขาเสียค่าใช้จ่ายมากมายกับเรื่องนี้
แต่ด้วยร่างที่มีชีวิต เขาสามารถผลิตกลุ่มความคิดได้ด้วยตนเอง
‘ตราบเท่าที่เป็นมนุษย์มีชีวิต พวกเราสามารถใช้ความคิดทุกประเภท แต่ร่างนี้สามารถผลิตกลุ่มความคิดได้รวดเร็วกว่าปกติเป็นอย่างมาก ข้ารู้สึกราวกับอยู่ภายใต้แสงแห่งปัญญาตลอดเวลา’
ด้วยเหตุนี้ฟางหยวนจึงคาดเดาว่าร่างใหม่ของเขาเต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปัญญา
สำหรับตัวเลขที่แน่ชัด เขายังไม่สามารถประเมิน
‘นอกจากร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปัญญา ข้ายังมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งไฟจำนวนมาก!’ ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้นเมื่อมองเปลวเพลิงที่ลุกไหม้อยู่บนร่างกาย
เปลวเพลิงนี้เกิดจากวิญญาณอาภรณ์เพลิงระดับห้า
เฮากงตงใช้วิญญาณดวงนี้เช่นกัน แต่เขาสามารถปลดปล่อยเปลวเพลิงได้เพียงเล็กน้อย
แต่อาภรณ์เพลิงของฟางหยวนยาวมาก
นอกจากวิญญาณอาภรณ์เพลิง ฟางหยวนยังยืมวิญญาณเขม่าควันระดับห้ามาด้วย
ตอนนี้ฟางหยวนกำลังบินอยู่บนท้องฟ้าด้วยความช่วยเหลือจากวิญญาณดวงนี้
วิญญาณเขม่าควันจะปลดปล่อยควันสีดำออกมาและทำให้ผู้ใช้วิญญาณสามารถพุ่งทะยานขึ้นสู่อากาศ
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือความเร็วของเขาเหนือกว่าความสามารถของวิญญาณดวงนี้ไปไกลมาก
มันสามารถเปรียบเทียบกับท่าไม้ตายระดับมนุษย์!
ฟางหยวนคิด ‘ดูเหมือนไม่เพียงร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งไฟแต่ข้ายังมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่เหมาะสมกับการบินอีกด้วย’
ด้วยวิธีนี้ ความสำเร็จด้านการบินของเขาจึงบรรลุสู่ระดับกึ่งปรมาจารย์เอก
ความสามารถในการบินหมายถึงความสามารถในการเคลื่อนไหวระหว่างการต่อสู้ มนุษย์เดินดินสามารถเคลื่อนที่ไปข้างหน้าข้างหลังด้านซ้ายและด้านขวา แต่มนุษย์ที่บินได้ไม่มีข้อจำกัดด้านทิศทาง นี่ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพอย่างแท้จริง
ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของเขาเพิ่มสูงขึ้นด้วยวิญญาณเพียงดวงเดียว!
แน่นอนว่าพลังการต่อสู้ในปัจจุบันของฟางหยวนยังถือว่าต่ำมาก หากเขาพบผู้อมตะภาคใต้ เขาต้องใช้วิญญาณทัศนคติหลอกฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น
‘ข้าควรหลีกเลี่ยงการต่อสู้และตามหาอิงอู๋เซี่ย ข้าต้องเปิดเผยตัวตนของเขาและรวมกลุ่มกับไห่ลั่วหลันและไท่เป่ยหยุนเฉิง’
เมื่อภูเขาอี้เทียนถูกปกคลุมไปด้วยอาณาจักรแห่งความฝัน อิงอู๋เซี่ยย่อมไม่กลับไปที่นั่น เจตจำนงพิเศษของฟางหยวนจะไม่ทำงานหากอิงอู๋เซี่ยไม่นำวิญญาณของเขากลับไปยังภูเขาอี้เทียน
นอกจากนั้นหากเกินเวลาที่กำหนด พวกมันจะระเบิดตัวเอง
แต่ตราบเท่าที่ฟางหยวนพบอิงอู๋เซี่ย เขายังสามารถเปลี่ยนสถานการณ์
วิธีการก็คือให้ไท่เป่ยหยุนเฉิงกับไห่ลั่วหลันช่วยรวบรวมวิญญาณเพื่อให้ฟางหยวนสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนวิญญาณอีกครั้งและควบคุมวิญญาณของเขา
แต่เวลามีจำกัด ฟางหยวนต้องรีบ
ความสามารถในการบินของเขาช่วยขยายมุมมองสายตา
มันดีกว่าการเดินเท้ามาก!
ระหว่างทางเขาพบร่องรอยการต่อสู้มากมาย
ผู้อมตะมักต่อสู้กันบนท้องฟ้า นี่คือสิ่งที่แตกต่างจากผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์
ดังนั้นร่องรอยของการต่อสู้ระหว่างผู้อมตะมักไม่ปรากฏบนพื้นดิน
อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาผ่านไปฟางหยวนยังไม่พบเป้าหมาย
เมื่อท้องฟ้าเริ่มมืด หัวใจของฟางหยวนก็จมดิ่งลง
“เห้อ…” เขาถอนหายใจและยอมแพ้ที่จะตามหาอิงอู๋เซี่ย
เพื่อตามหาเป้าหมาย ฟางหยวนเสี่ยงมาก
สถานที่แห่งนี้ไม่ปลอดภัย
ผู้อมตะภาคใต้มากมายตกตายลงที่ภูเขาอี้เทียน ตอนนี้กองกำลังทั้งหมดของภาคใต้กำลังส่งคนออกมาตรวจสอบพื้นที่
กลุ่มของไห่ลั่วหลันพบผู้อมตะเหล่านั้นระหว่างทาง
ฟางหยวนก็เช่นกัน เขาพบเฮากงตง
ความแตกต่างระหว่างสองสถานการณ์ก็คือกลุ่มของไห่ลั่วหลันเป็นผู้อมตะจากภาคเหนือ พวกเขาเป็นปฏิปักษ์โดยธรรมชาติของผู้อมตะภาคใต้ ขณะที่ฟางหยวนปลดปล่อยกลิ่นของผู้อมตะภาคใต้ออกมา ดังนั้นเขาจึงไม่ดึงดูดความสงสัยมากเกินไป
แต่หากเขายังอยู่ต่อ กระทั่งวิญญาณทัศนคติก็ไม่ทำให้เขาปลอดภัย
‘ข้าทิ้งเจตจำนงปลอมไว้ในใจของอิงอู๋เซี่ยแต่เขากลับไม่ตามหาข้า มันเป็นเพราะการขัดขวางของผู้อมตะภาคใต้งั้นหรือ? เป็นไปได้หรือไม่ว่ามีรายละเอียดที่ข้าไม่รู้ซ่อนอยู่?’ ฟางหยวนคาดเดา
‘เทพปีศาจจิตวิญญาณและนิกายเงาวางแผนมานานหลายหมื่นปี พวกเขาย่อมทิ้งบางสิ่งเอาไว้ เพียงกองกำลังพันธมิตรผีดิบในห้าภูมิภาคก็มีสมบัติเก็บไว้มากมาย อิงอู๋เซี่ยจะไปสถานที่เหล่านั้นหรือไม่?’
‘ในกรณีเลวร้ายที่สุด เขาจะใช้ตัวตนของข้าปล้นชิงทรัพย์สินของข้า แล้วข้าควรทำเช่นไร?’
‘ภูเขาตงฮันและหุบเขาเหล่าโปเคยเป็นของเทพปีศาจจิตวิญญาณมาก่อน แม้อิงอู๋เซี่ยจะไม่รู้จักภูมิประเทศของแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูและแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาว แต่เขาสามารถใช้วิญญาณท่องแดนอมตะเดินทางไปยังภูเขาตงฮันกับหุบเขาเหล่าโปได้โดยตรงใช่หรือไม่?’
‘แม้ดวงวิญญาณจะเปลี่ยนไป แต่มีหลายวิธีสามารถหลอกจิตวิญญาณแผ่นดิน สิ่งสำคัญก็คือศัตรูเป็นร่างแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณ!’
ฟางหยวนหยุดบินและลอยอยู่กลางอากาศ
สายลมที่เหน็บหนาวทำให้จิตใจของเขายิ่งเย็นชา
ค่ำคืนที่มืดมิดทำให้ใบหน้าของเขายิ่งดูเศร้าหมอง
อิงอู๋เซี่ย ไห่ลั่วหลัน ไท่เป่ยหยุนเฉิง พวกเขาอยู่ที่ใด?
วิญญาณท่องแดนอมตะ!
แสงสีเขียวส่องประกายขึ้นและนำอิงอู๋เซี่ยออกจากภาคใต้
“นายท่าน?” เสียงที่อ่อนน้อมดังขึ้น
“ถูกต้อง เป็นข้า” อิงอู๋เซี่ยตอบเสียงเย็น
เขามองไปรอบๆด้วยริมฝีปากที่ยกตัวขึ้นเป็นรอยยิ้ม
บทที่ 1026 มอบให้ฟงจินฮวง
แปลโดย iPAT
“นายท่าน โปรดกล่าวรหัสลับ” เสียงที่อ่อนน้อมดังขึ้นอีกครั้ง
อิงอู๋เซี่ยกล่าว “สวรรค์มีเก้าชั้น”
เสียงสายเดิมตอบ “ปฐพีมีห้าภูมิภาค”
อิงอู๋เซี่ยกล่าวต่อ “ข้ามผ่านวันเวลา”
เสียงลึกลับตอบรับ “ปกครองทุกสรรพสิ่ง”
เจ้าของเสียงคุกเข่าลง “ซื่อหนิวคารวะนายท่าน”
“ลุกขึ้น” อิงอู๋เซี่ยหัวเราะ
ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หินโขกศีรษะลงบนพื้นสามครั้งก่อนจะลุกขึ้น
อย่างไรก็ตามเผชิญหน้ากับอิงอู๋เซี่ย เขายังก้มศีรษะลง ดวงตาของเขามองไปที่ปลายเท้าของอิงอู๋เซี่ยและไม่กล้ามองหน้าฝ่ายตรงข้ามโดยตรง
กลิ่นอายของเขาชัดเจนว่าเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด
อิงอู๋เซี่ยใช้วิญญาณท่องแดนอมตะแต่จุดมุ่งหมายของเขาไม่ใช่แดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูหรือแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาว ตรงข้ามเขาเดินทางมายังฐานทัพลับของนิกายเงาในภาคกลาง
อิงอู๋เซี่ยเป็นดวงวิญญาณแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณ
ก่อนหน้านี้เขายังไร้เดียงสาราวกับเด็กแรกเกิดเนื่องจากกายาแห่งความฝันลบความทรงจำทั้งหมดของเขาออกไป
แต่หลังจากผ่านการต่อสู้อันดุเดือดและได้รับความทรงจำบางส่วนจากเจตจำนงของเทพปีศาจจิตวิญญาณที่อยู่ในสายธารแห่งกาลเวลา อิงอู๋เซี่ยจึงเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ในระดับหนึ่งอย่างรวดเร็วและสามารถจัดการเรื่องต่างๆได้ดีขึ้น
เขากำเนิดใหม่และรู้แผนการของฟางหยวน
แต่อิงอู๋เซี่ยไม่สามารถใช้วิญญาณที่อยู่ในร่างผีดิบอมตะขณะที่เจตจำนงปลอมของฟางหยวนยังแฝงตัวอยู่ในใจและส่งผลกระทบต่อความคิดของเขา
ในสถานการณ์นี้มีเพียงวิญญาณท่องแดนอมตะเท่านั้นที่อิงอู๋เซี่ยสามารถใช้งาน
หากเขาเดินทางไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูโดยปราศจากการเตรียมตัว เขาอาจถูกค้นพบโดยจิตวิญญาณแผ่นดิน นั่นจะทำให้เขาพบปัญหา
ดังนั้นอิงอู๋เซี่ยจึงใช้วิญญาณท่องแดนอมตะเดินทางมายังสถานที่แห่งนี้เพื่อเตรียมการเป็นอันดับแรก
“ก่อนอื่นพาข้าไปยังห้องโถงหลักใต้พิภพ” อิงอู๋เซี่ยออกคำสั่ง
“ทราบแล้ว” ผู้อมตะซื่อหนิวเร่งตอบรับ
หลังจากชั่วครู่ทั้งสองก็ไปถึงห้องโถงขนาดใหญ่ที่อยู่ใต้พิภพ
รอบห้องเต็มไปด้วยค่ายกลวิญญาณที่ช่วยปกปิดและป้องกัน
อิงอู๋เซี่ยมองไปยังดวงจิตวิญญาณที่อยู่ลอยกลางห้อง
เขาสังเกตมันและถอนหายใจ
นี่คือดวงวิญญาณที่เหลืออยู่ของโป้ชิง!
ย้อนกลับไปโป้ชิงล้มเหลวในภัยพิบัติและถูกช่วยไว้อย่างฉิวเฉียดโดยสีเหลือง หลายพันปีผ่านไปแต่ดวงวิญญาณของโป้ชิงยังไม่ฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ นอกจากนั้นขนาดของดวงวิญญาณของเขายังหดเล็กลงเรื่อยๆอีกด้วย
ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งวารีจากภัยพิบัติครั้งนั้นยังวนเวียนอยู่รอบๆดวงวิญญาณของโป้ชิง แม้เขาจะได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปฐพีคอยช่วยเหลือ แต่มันก็เป็นอาการบาดเจ็บที่ไม่สามารถรักษา
อย่างไรก็ตามนิกายเงาไม่เคยยอมแพ้
พวกเขาสร้างสถานที่แห่งนี้และเลี้ยงเผ่ามนุษย์หินเอาไว้ที่นี่ หลังจากผ่านวันเวลาผู้อมตะเผ่ามนุษย์หินจึงถือกำเนิดขึ้น
ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หินผู้นี้ก็คือซื่อหนิว
แม้ซื่อหนิวจะเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ดแต่พลังการต่อสู้ของเขาก็ไม่ธรรมดา
น่าเสียดายในช่วงเวลาที่นิกายเงาต้องการความช่วยเหลือจากเขา วานรยักษ์ตาเดียวกลับปรากฏตัวขึ้นที่นี่ นั่นทำให้เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องต่อสู้และขับไล่มันไป
ด้วยเหตุนี้ซื่อหนิวจึงรอดชีวิตจากเหตุการณ์บนภูเขาอี้เทียน
แท้จริงแล้วมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดมากมายเกิดขึ้นกับนิกายเงา
นอกเหนือจากซื่อหนิว ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือฉินไป่เฉิงที่วิ่งเข้าไปหาฟงจิวเก้อ
เทพปีศาจจิตวิญญาณวางแผนหลอมรวมวิญญาณทารกอมตะและท้าทายสวรรค์ เป็นเรื่องธรรมดาที่สวรรค์จะต้องการหยุดเขา หากเทพปีศาจจิตวิญญาณเป็นปีศาจต่างโลก สถานการณ์ของเขาอาจดีกว่านี้ น่าเสียดายที่เขาไม่ใช่ ดังนั้นเขาจึงถูกยับยั้งโดยเจตจำนงสวรรค์
นิกายเงาขยายอิทธิพลไปทั่วโลก พวกเขามีความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดา แต่เนื่องจากเจตจำนงสวรรค์คอยขัดขวางพวกเขา นิกายเงาจึงไม่สามารถใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมด
หลังจากเทพปีศาจจิตวิญญาณพ่ายแพ้ สมาชิกนิกายเงาที่รอดชีวิตต่างแยกย้ายกันไปโดยเฉพาะกองกำลังพันธมิตรผีดิบที่ถูกทำลายลงอย่างสมบูรณ์
อย่างไรก็ตามนิกายเงายังทิ้งบางสิ่งเอาไว้เบื้องหลัง
ตัวอย่างเช่นผู้อมตะซื่อหนิวผู้นี้
หลังจากครึ่งชั่วโมง
“ที่นี่คือที่ใด?” ไท่เป่ยหยุนเฉิงออกมาจากมิติช่องว่างของอิงอู๋เซี่ย
“ไม่ใช่แดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูงั้นหรือ?” ไห่ลั่วหลันตามออกมาหลังจากนั้น
ทั้งสองมองไปรอบๆด้วยความสงสัย
ห้องใต้ดินแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นอย่างหยาบๆ แต่เมื่อทั้งสองใช้วิญญาณสายตรวจสอบ พวกเขากลับพบว่าที่นี่เป็นเพียงส่วนเล็กๆของเขาวงกตใต้พิภพเท่านั้น
“ที่นี่คือถ้ำของมนุษย์หินงั้นหรือ?” ไท่เป่ยหยุนเฉิงถาม
อิงอู๋เซี่ยพยักหน้า “ถูกต้อง เรากลับมาภาคกลางเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เราอยู่ที่นรกใต้พิภพ เผ่ามนุษย์หินถูกย้ายออกไปแล้ว มันกลายเป็นฐานทัพลับของท่านอาจารย์”
“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าวางแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาวไว้ในนรกใต้พิภพ ดังนั้นมันก็เป็นสถานที่ที่ท่านอาจารย์จัดเตรียมไว้ให้” ไท่เป่ยหยุนเฉิงเผยรอยยิ้มบาง
‘แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาวของฟางหยวนก็อยู่ที่นี่งั้นหรือ?’ อิงอู๋เซี่ยลอบคิด
“ราชันภูเขาม่วง?” หัวใจของไห่ลั่วหลันสั่นสะท้านขึ้นเมื่อคิดถึงราชันภูเขาม่วง นางเปิดปากถาม “เหตุใดเจ้าไม่กลับไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูโดยตรง?”
อิงอู๋เซี่ยเตรียมคำตอบไว้แล้ว ดังนั้นเขาจึงสามารถตอบกลับอย่างใจเย็น “ไม่ใช่ว่าข้าไม่ต้องการกลับ แต่ตัวตนของข้าถูกเปิดเผยแล้ว ผู้อมตะวังสวรรค์รู้เรื่องเกี่ยวกับข้า แม้ความเร็วของพวกเขาจะไม่สามารถเปรียบเทียบกับวิญญาณท่องแดนอมตะ แต่พวกเขามีวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูล พวกเขาสามารถออกคำสั่งให้นิกายโบราณทั้งสิบยึดครองแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูได้ทันที สุดท้ายพวกเขาจะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน”
“หากเรากลับไปที่นั่นโดยตรง มันอาจไม่ต่างจากการส่งตนเองเข้าสู่กับดัก ดังนั้นข้าจึงมาที่นี่เพื่อตรวจสอบเป็นอันดับแรก”
“แล้วผลลัพธ์เป็นอย่างไร?” ไห่ลั่วหลันถามต่อ
อิงอู๋เซี่ยถอนหายใจ “เป็นดังคาด ตัวตนของข้าถูกเปิดเผย นิกายโบราณทั้งสิบรู้แล้วว่าข้าอยู่เบื้องหลังการล่มสลายของวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริง ตอนนี้พวกเขากำลังบุกโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู”
ไท่เป่ยหยุนเฉิงตกใจมาก “ภูเขาตงฮันอยู่ที่นั่น พวกเราควรทำเช่นไร?”
ไท่เป่ยหยุนเฉิงรู้ว่าฟางหยวนมีวิธีลบสถานะผีดิบแล้ว ดังนั้นภูเขาตงฮันจึงถูกลดคุณค่าลง อย่างไรก็ตามแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูยังเต็มไปด้วยสมบัติและเป็นแหล่งรายได้สำคัญของฟางหยวน
อิงอู๋เซี่ยหัวเราะเย้ยหยัน “ปล่อยให้นิกายโบราณทั้งสิบนำแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูไป ไม่ช้าก็เร็วข้าจะนำมันกลับมา เรื่องเร่งด่วนในเวลานี้คือการเตรียมตัวและฟื้นฟู…อา…”
อิงอู๋เซี่ยหยุดพูดอย่างกะทันหันและเผยใบหน้าตกใจ
“เกิดสิ่งใดขึ้น?” ไท่เป่ยหยุนเฉิงเร่งถาม
ความโกรธพุ่งผ่านดวงตาของอิงอู๋เซี่ยก่อนที่เขาจะปั้นรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้าและนำเศษชิ้นส่วนของวิญญาณท่องแดนอมตะที่ถูกทำลายออกมา “ข้าถูกโจมตีโดยการจัดเตรียมของนิกายเงา ตอนนี้วิญญาณท่องแดนอมตะถูกทำลายแล้ว!”
“นี่!” ไท่เป่ยหยุนเฉิงกับไห่ลั่วหลันตกใจและเสียใจมาก
วิญญาณท่องแดนอมตะมีประโยชน์อย่างแท้จริง เมื่อมันถูกทำลาย ช่วยไม่ได้ที่คนทั้งสามจะรู้สึกถึงความสูญเสียครั้งใหญ่
อิงอู๋เซี่ยคิดด้วยความโกรธ ‘วิญญาณท่องแดนอมตะจะระเบิดตัวเองอย่างกะทันหันได้อย่างไร? ดูเหมือนฟางหยวนจะทิ้งบางอย่างเอาไว้ บัดซบ! เขาวางแผนทั้งหมด! เมื่อวิญญาณท่องแดนอมตะสามารถระเบิดตัวเอง วิญญาณดวงอื่นของเขาก็คงไม่ต่างกัน’
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ อิงอู๋เซี่ยไม่สามารถนิ่งเฉยอีกต่อไป
เขาต้องคิดวิธีกำหราบวิญญาณของฟางหยวน
หลังจากทั้งหมดแผนการของฟางหยวนเป็นสิ่งที่อิงอู๋เซี่ยไม่เคยคิดและเตรียมตัวมาก่อน
‘เจตจำนงพิเศษ! มันต้องเป็นเจตจำนงพิเศษ! ดูเหมือนข้าต้องแข่งกับเวลา ข้าต้องยืมวิญญาณอมตะมาเพื่อกำหราบพวกมัน ข้าไม่สามารถปล่อยให้พวกมันระเบิดตัวเองอีก!’ อิงอู๋เซี่ยกรีดร้องอยู่ภายใน
ไท่เป่ยหยุนเฉิงรู้สึกผิดปกติและถามด้วยความกังวล “ฟางหยวน เกิดสิ่งใดขึ้นงั้นหรือ?”
ใบหน้าของอิงอู๋เซี่ยมืดมนมาก “มีปัญหาใหญ่ที่ต้องรีบแก้ไข มิฉะนั้นวิญญาณดวงอื่นๆของข้าจะมีจุดจบเดียวกับวิญญาณท่องแดนอมตะ!”
“กระไรนะ!? มีสิ่งใดที่ข้าสามารถช่วยได้หรือไม่?” ไท่เป่ยหยุนเฉิงเต็มไปด้วยความกังวล
“พวกเจ้าสามารถพักผ่อน มนุษย์หินจะพาพวกเจ้าไปยังห้องพัก ข้าสามารถรับมือกับสถานการณ์นี้ ไม่ว่าอย่างไรท่านอาจารย์ก็ไม่ทอดทิ้งพวกเรา หลังจากทั้งหมดพวกเรายังมีพันธมิตร” อิงอู๋เซี่ยกล่าวและเร่งเดินจากไป
ในเวลาเดียวกันที่ภูเขาเทียนตี้ของภาคกลาง
“เราทะลวงเข้าไปได้แล้ว!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า แดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูสุดท้ายก็ตกเป็นของพวกเรา!”
“ให้ข้าดูว่าเด็กผู้นี้ได้รับผลประโยชน์ใดบ้าง!”
“ใจเย็น อย่าลืมว่าภูเขาตงฮันจะถูกแบ่งปันให้กับทั้งสิบนิกายโบราณ”
กลุ่มผู้อมตะภาคกลางบินเข้าไปในแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูด้วยความตื่นเต้น
แต่หลังจากนั้นร่างกายของพวกเขากลับเปียกชุ่มไปด้วยเม็ดเหงื่อ
“มันว่างเปล่าได้อย่างไร?”
“เกิดสิ่งใดขึ้น?”
“ภูเขาตงฮันอยู่ที่ใด?”
กลุ่มผู้อมตะภาคกลางกรีดร้อง
“ท่านคือฟงจิวเก้อใช่หรือไม่?” จิตวิญญาณแผ่นดินเสี่ยวหูปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าฟงจิวเก้อและมองเขาด้วยความโศกเศร้า
ฟงจิวเก้อพยักหน้าเล็กน้อย “ถูกต้อง เป็นข้า”
“เจ้านายของข้าสั่งให้ข้าบอกท่านว่าเขาได้นำทุกสิ่งที่จำเป็นออกไปจากที่นี่แล้ว สำหรับแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู มันจะถูกมอบให้เป็นกรรมสิทธิของฟงจินฮวงบุตรสาวของท่าน” จิตวิญญาณแผ่นดินเสี่ยวหูกล่าวอย่างตรงไปตรงมา
“กระไรนะ!? ฟางหยวนเร็วกว่าพวกเรางั้นหรือ?”
“จากการอนุมานของพวกเรา ไม่ใช่ว่าเขายังอยู่ที่ภาคใต้เช่นนั้นหรือ?”
“เหตุใดเขาจึงมอบแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูให้กับฟงจินฮวง เป็นไปได้หรือไม่ว่าพวกเขาทั้งสอง…”
“กล่าวถึงเรื่องนี้ ตั้งแต่การประลองบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม พวกเขาดูสนิทสนมกันมาก ทุกคนต่างรู้เรื่องนี้”
กลุ่มผู้อมตะกระซิบกระซาบ
แต่เพียงเมื่อสายตาของฟงจิวเก้อกวาดผ่านพวกเขา เสียงกระซิบก็หยุดลงทันที
บทที่ 1027 มิติช่องว่างที่น่าทึ่ง
แปลโดย iPAT
ย้อนกลับไปไม่นาน
เมื่อไม่พบอิงอู๋เซี่ย ฟางหยวนหยุดลอยอยู่กลางอากาศด้วยความรู้สึกหดหู่
แผนเดิมของเขาไร้ที่ติ
การทิ้งเจตจำนงปลอมและเจตจำนงพิเศษไว้ในร่างเดิมทำให้เขามีโอกาสสูงมากที่จะประสบความสำเร็จ
แต่ผลลัพธ์กลับล้มเหลว
ฟางหยวนไม่รู้ว่าเขาเคยประสบความสำเร็จมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่เป็นเพราะเจตจำนงสวรรค์ที่กระตุ้นใช้วิญญาณกาลเวลาทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไป
อย่างไรก็ตามแม้ฟางหยวนจะพ่ายแพ้แต่เขาก็พยายามแก้ไขสถานการณ์
ในความเป็นจริงเขาเตรียมใจมาแล้ว นี่คือประสบการณ์ที่เขาได้รับหลังจากใช้ชีวิตมาหลายร้อยปี
ไม่ว่าแผนการจะยอดเยี่ยมเพียงใด มันก็มีโอกาสล้มเหลว กระทั่งเทพปีศาจจิตวิญญาณและนิกายเงาจะวางแผนการทั้งหมดมานานหลายหมื่นปี แต่สุดท้ายพวกเขายังล้มเหลว
ในโลกใบนี้ไม่มีผู้ใดที่ไม่เคยล้มเหลว
ฟางหยวนพยายามคาดเดาสถานการณ์ของอิงอู๋เซี่ย
สิ่งที่เป็นไปได้มากที่สุดก็คืออิงอู๋เซี่ยเผชิญหน้ากับผู้อมตะภาคใต้ทำให้เขาไม่สามารถกลับไปยังภูเขาอี้เทียน
หากเป็นกรณีนี้ มันยังไม่เลวร้ายที่สุด แผนการของฟางหยวนยังสามารถดำเนินต่อ
เมื่อฟางหยวนค้นพบอิงอู๋เซี่ย เขาจะได้รับวิญญาณทั้งหมดกลับคืน
แต่นี่ไม่ใช่กรณีเดียวที่เป็นไปได้
ฟางหยวนเป็นคนรอบคอบ เขาจะคิดถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดและเตรียมตัวรับมือกับมันเอาไว้เสมอ
‘แล้วสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดคือสิ่งใด?’ ฟางหยวนคิดขณะลอยอยู่กลางอากาศ
สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดก็คืออิงอู๋เซี่ยค้นพบแผนการของเขาและต่อต้านมันโดยใช้ประโยชน์จากไห่ลั่วหลันกับไท่เป่ยหยุนเฉิง จากนั้นก็เดินทางไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูและแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาวเพื่อฉกชิงสมบัติทั้งหมดของฟางหยวน
กรณีนี้มีความเป็นไปได้สูง
จากมุมมองของฟางหยวน อิงอู๋เซี่ยเป็นร่างแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณ ด้วยรากฐานที่แข็งแกร่ง มันไม่ใช่เรื่องยากที่อิงอู๋เซี่ยจะค้นพบเจตจำนงปลอมและเจตจำนงพิเศษของฟางหยวน
สิ่งสำคัญก็คืออาณาจักรแห่งความฝันขนาดมหึมาที่ภูเขาอี้เทียน
แม้อิงอู๋เซี่ยจะต้องการกลับไปช่วยร่างกลักที่ถูกขังไว้ในอาณาจักรแห่งความฝัน แต่เขามีวิญญาณบนเส้นทางแห่งความฝันน้อยเกินไปและไม่สามารถทำสิ่งใด
ร่างกายาแห่งความฝันของอิงอู๋เซี่ยมีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งความฝันอยู่จำนวนหนึ่ง แต่หลังจากกายาแห่งความฝันระเบิดตัวเอง ผู้ใดจะรู้ว่าวิญญาณเหล่านั้นจะยังอยู่หรือไม่ วิญญาณเป็นสิ่งบอบบาง พวกมันอาจถูกทำลายได้ด้วยนิ้วเพียงนิ้วเดียวของเด็กน้อย
กระทั่งวิญญาณเหล่านั้นจะยังคงอยู่ แต่อาณาจักรแห่งความฝันที่เกิดขึ้นใหญ่โตเกินไป สถานะปัจจุบันของอิงอู๋เซี่ยไม่สามารถเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันและนำวิญญาณเหล่านั้นกลับคืน
ฟางหยวนคิดถึงความเป็นไปได้ทั้งหมดและหยุดไล่ล่า
เขาบินลงสู่ภูเขาลูกหนึ่งก่อนจะนั่งลงใต้ต้นไม้ใหญ่และเชื่อมต่อกับสวรรค์สีเหลือง
เขายืมวิญญาณระดับห้าจำนวนสี่ดวงมาจากเฮากงตง
หนึ่งคือวิญญาณเขม่าควัน สองคือวิญญาณอาภรณ์เพลิง อีกสองดวงคือวิญญาณเชื่อมโยงสวรรค์และวิญญาณสัมผัสศักดิ์สิทธิ์
วิญญาณสองดวงหลังเป็นวิญญาณที่ใช้เชื่อมต่อกับสวรรค์สีเหลือง
หากเขามีวิญญาณสองดวงนี้ตั้งแต่แรก เขาจะสามารถซื้อวิญญาณที่จำเป็นจากสวรรค์สีเหลืองได้โดยตรงและไม่ต้องยืมวิญญาณจากเฮากงตง
ฟางหยวนตรวจสอบวิญญาณทั้งสี่ดวงก่อนจะใช้งานพวกมัน
ดังนั้นมันจึงไม่มีปัญหาในการเชื่อมต่อสวรรค์สีเหลือง
อย่างไรก็ตามเพียงเมื่อฟางหยวนกระตุ้นใช้งานพวกมัน ร่างกายของเขากลับสั่นสะท้านขึ้นด้วยความตกใจ
นี่เป็นความตกใจครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่เขากำเนิดใหม่
แม้ฟางหยวนจะรู้ว่าเบื้องหลังนิกายเงาคือเทพปีศาจจิตวิญญาณ แต่ฟางหยวนก็ยังตกใจกับเรื่องนี้
จิตใจของฟางหยวนสั่นไหวอย่างไม่สามารถระงับ ดวงตาของเขาเบิกกว้างขึ้นและเต็มไปด้วยความงุนงง
“เย็นไว้” เขาบอกตนเองแต่หัวใจของเขายังเต้นระรัว
เขาเพ่งจิตเข้าไปในมิติช่องว่างของตนอีกครั้ง
ตะลึง!
ตะลึงเป็นครั้งที่สอง
เขาขมวดคิ้วลึกและรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ
มิติช่องว่างของเขาน่าทึ่งมาก!
‘หากข้าไม่เห็นสิ่งนี้ด้วยตาของตนเอง ข้าจะไม่เชื่อว่ามีมิติช่องว่างเช่นนี้อยู่บนโลกใบนี้จริงๆ!’ ฟางหยวนคิด
ในความเป็นจริงเขาเตรียมใจไว้แล้ว
เทพปีศาจจิตวิญญาณทุ่มเทความพยายามหลายหมื่นปีเพื่อสิ่งใด?
เขาต้องการหลอมรวมวิญญาณทารกอมตะระดับเก้า!
เขาใช้ค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายาทั้งสิบ บูชายัญผู้อมตะภาคใต้จำนวนนับไม่ถ้วนรวมถึงกองกำลังพันธมิตรผีดิบ สุดท้ายเทพปีศาจจิตวิญญาณยังเสียสละตนเองและเผชิญหน้ากับภัยพิบัติมากมายเพื่อสิ่งนี้!
ความยากลำบากของมันไม่ใช่สิ่งที่ผู้อมตะระดับแปดจะสามารถจินตนาการถึง เพียงการรวบรวมสุดยอดกายาทั้งสิบ มันก็ยากมากแล้วโดยไม่ต้องกล่าวถึงการเตรียมการมานานกว่าหลายหมื่นปี
หลังจากใช้จ่ายทรัพยากรจำนวนมหาศาลและพึ่งพาการเสียสละมากมาย วิญญาณระดับเก้าถึงถูกหลอมสร้างขึ้น
แม้ฟางหยวนจะไม่รู้รายละเอียดในเชิงลึก แต่เขารู้ว่าวิญญาณทารกอมตะย่อมไม่ธรรมดา
วิญญาณระดับเก้ามีสถานะไม่ต่างจากผู้อมตะระดับเก้า มันทั้งหายากและทรงพลัง
ฟางหยวนเคยสัมผัสความยิ่งใหญ่ของวิญญาณระดับเก้ามาก่อน
มันก็คือวิญญาณสติปัญญา
กล่าวถึงวิญญาณสติปัญญา ฟางหยวนไม่แม้แต่จะสามารถปรับแต่งมัน
เขาทำได้เพียงอาบแสงแห่งปัญญา นี่ไม่ต่างจากการเห็นอาหารอันโอชะวางอยู่ตรงหน้าแต่ทำได้เพียงจ้องมองและดมกลิ่น
ถึงกระนั้นกลิ่นของมันก็น่าอัศจรรย์และทำให้ฟางหยวนได้รับผลประโยชน์มหาศาล
ปราศจากแสงแห่งปัญญา ฟางหยวนจะมาไม่ถึงจุดนี้
อย่างไรก็ตามตอนนี้เขากลับได้รับวิญญาณระดับเก้าดวงที่สอง!
มันก็คือวิญญาณทารกอมตะและครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการสูดดมแต่เขายังสามารถกลืนกินมันเข้าไปทั้งตัว!
‘เทพปีศาจจิตวิญญาณพยายามหลอมรวมวิญญาณทารกอมตะ แน่นอนว่ามันย่อมมีเบื้องหลัง’ ความคิดนี้ติดอยู่ในใจของฟางหยวนตลอดมา
แต่เขาต้องไล่ล่าอิงอู๋เซี่ยและไม่มีเวลาสำรวจความลึกลับของร่างกายนี้
หลังจากล้มเหลวในการตามจับอิงอู๋เซี่ย เขาพยายามแก้ไขสถานการณ์โดยการเชื่อมต่อสวรรค์สีเหลือง
นี่จึงเป็นครั้งแรกที่ฟางหยวนเพ่งจิตเข้าไปในมิติช่องว่างของตน
แค่เพียงแวบแรก มันก็ทำให้เขาตกตะลึงไปแล้ว
ทิวทัศน์ของมิติช่องว่างแห่งนี้ไม่ใช่เรื่องปกติ มันเกินกว่าจินตนาการของฟางหยวนไปไกลมาก
แม้มันจะเป็นมิติช่องว่างของผู้อมตะระดับหกแต่มันกลับใหญ่โตมาก
ใหญ่โตถึงระดับใด?
สำหรับผู้อมตะระดับหก มิติช่องว่างระดับต่ำมีพื้นที่ไม่เกินสองพันตารางกิโลเมตร มิติช่องว่างระดับกลางมีพื้นที่ประมาณสองพันถึงสี่พันตารางกิโลเมตร นี่เป็นมิติช่องว่างของผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่
มีผู้อมตะไม่มากที่ครอบครองมิติช่องว่างระดับสูงเช่นไท่เป่ยหยุนเฉิง แต่ถึงกระนั้นมันก็มีพื้นที่เพียงสี่พันเจ็ดร้อยถึงหกพันตารางกิโลเมตรเท่านั้น
หากเป็นมิติช่องว่างระดับสูงสุดของสุดยอดกายาทั้งสิบเช่นไห่ลั่วหลัน มันมีพื้นที่มากกว่าหกพันเจ็ดร้อยแต่ไม่เกินหนึ่งหมื่นสามพันตารางกิโลเมตร
มิติช่องว่างระดับสูงสุดหาได้ยากมากเนื่องจากมนุษย์ที่ครอบครองหนึ่งในสิบสุดยอดกายามักจะตกตายไปอย่างรวดเร็ว มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ
แน่นอนว่าเมื่อสุดยอดกายาสามารถบรรลุสู่ขอบเขตอมตะ พวกเขาจะได้รับทรัพยากรมหาศาล
มิติช่องว่างระดับสูงสุดไม่เพียงมีพื้นที่มากกว่า มันยังมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ามากกว่า และสามารถผลิตทรัพยากรได้มากกว่า กล่าวได้ว่าพวกเขามีอนาคตที่สดใสมาก
ผู้อมตะมากมายประสบปัญหาในการบ่มเพาะ
เหตุผลสำคัญเกิดจากมิติช่องว่างที่ไม่สามารถผลิตทรัพยากรได้เพียงพอต่อความต้องการของพวกเขา
เมื่อฝูงสัตว์อสูรที่อาศัยอยู่ในมิติช่องว่างของพวกเขามีมากเกินไป พวกเขาต้องขายบางส่วนออกไป เมื่อมนุษย์กลายพันธุ์ขยายเผ่าพันธุ์ พวกเขาต้องขายพวกมันไปเป็นทาส ไม่ว่าจะเป็นพืชพันธุ์การเกษตร หากมีมากเกินไป พวกมันก็ต้องถูกกำจัด
ทุกคนรู้ดีว่ายิ่งมีสัตว์อสูรมากเท่าใด พวกมันก็ยิ่งสืบพันธุ์มากเท่านั้น ทุกคนรู้ดีว่ายิ่งมีมนุษย์กลายพันธุ์มากเท่าใด พวกมันก็ยิ่งขยายเผ่าพันธุ์มากเท่านั้น ทุกคนรู้ดีว่ายิ่งมีพืชพันธุ์มากเท่าใด พวกมันก็ยิ่งเติบโตและแพร่พันธุ์มากเท่านั้น
แต่ผู้อมตะไม่มีทางเลือก
เพราะมิติช่องว่างของพวกเขาเล็กเกินไป
ดังนั้นผู้อมตะทุกคนจึงพยายามทุกวิถีทางเพื่อเพิ่มขนาดมิติช่องว่างของตน ตัวอย่างเช่นวิญญาณขยายอาณาเขตที่สามารถเพิ่มร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งห้วงมิติ นี่เป็นหนึ่งในวิธีขยายพื้นที่ของมิติช่องว่าง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น