เทพปีศาจหวนคืน 1025-1027

  บทที่ 1025 ค่ำคืนที่มืดมิด สายลมที่เหน็บหนาว


แปลโดย iPAT 


 


“ฮูม…”


 


ฟางหยวนบินข้ามท้องฟ้าด้วยร่างกายที่ลุกเป็นไฟ


 


สถานการณ์ก่อนหน้าค่อนข้างอันตราย


 


เผชิญหน้ากับเฮากงตง แม้ฟางหยวนจะมีวิญญาณอมตะสามดวงรวมถึงวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งความฝันและจิตวิญญาณ พวกมันก็มีประโยชน์ไม่มากในการต่อสู้


 


กระทั่งฟางหยวนจะต้องการเปลี่ยนวิญญาณกับเฮากงตง เขาก็ไม่สามารถทำได้


 


ก่อนหน้านี้ในการเปลี่ยนวิญญาณกับอิงอู๋เซี่ย เขาต้องจ่ายด้วยวิญญาณระดับมนุษย์จำนวนมาก


 


วิญญาณระดับมนุษย์ทั้งหมดที่เขามีอยู่ในเวลานี้ไม่เพียงพอให้เขาใช้ท่าไม้ตายอมตะ


 


แต่ด้วยการใช้ทักษะการแสดงที่สุดยอดของเขา มันจึงช่วยบรรเทาสถานการณ์และทำให้เขาสามารถปล้นชิงวิญญาณระดับห้าจำนวนสี่ดวงมาจากเฮากงตง


 


‘ในการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน ข้าได้เห็นความขัดแย้งระหว่างผู้อมตะภาคใต้และได้รับข้อมูลมากมาย ด้วยเหตุนี้ข้าจึงได้เรียนรู้ความสัมพันธ์ระหว่างผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่เก้าของตระกูลช่ายกับตงฟางเซียงจี้’


 


‘แต่สิ่งสำคัญที่ทำให้ข้าสามารถหลอกเฮากงตงเป็นเพราะความช่วยเหลือจากวิญญาณทัศนคติ’


 


แม้ฟางหยวนจะมีท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคย แต่นอกจากวิญญาณทัศนคติ เขาก็ไม่มีวิญญาณดวงอื่นที่ใช้ปลดปล่อยท่าไม้ตายนี้


 


เขาสามารถใช้เพียงวิญญาณทัศนคติเท่านั้น


 


‘ความสามารถของวิญญาณทัศนคติคือการปกปิดอารมณ์ที่แท้จริงและแสดงทัศนคติปลอมเพื่อทำให้ฝ่ายตรงข้ามหลงเชื่อ’


 


เมื่อคิดย้อนกลับไป ช่วยไม่ได้ที่ฟางหยวนจะรู้สึกว่าวิญญาณทัศนคติมีประโยชน์จริงๆ


 


ด้วยการใช้วิญญาณทัศนคติอย่างลับๆ การแสดงของฟางหยวนจึงยิ่งไร้ที่ติและทำให้เฮากงตงไม่กล้ายั่วยุเขา


 


มีข้อดีอีกประการ นั่นคือวิญญาณทัศนคติไม่พึ่งพาพลังงานอมตะ มันต้องการเพียงพลังจิตเท่านั้น


 


ฟางหยวนพึ่งเปลี่ยนร่าง เขายังต้องใช้เวลาสะสมพลังงานอมตะ


 


‘น่าเสียดายที่วิญญาณทัศนคติไม่ใช่ของข้า ข้าต้องคืนให้กับไห่ลั่วหลันในที่สุด’ ฟางหยวนรู้สึกเสียดาย


 


ฟางหยวนกับไห่ลั่วหลันมีข้อตกลงพันธมิตร ข้อตกลงนี้เข้มงวดมาก มันจำกัดทั้งในแง่ของร่างกายและดวงวิญญาณ


 


แม้ฟางหยวนจะอยู่ในร่างใหม่ เขาก็ยังไม่สามารถฝ่าฝืนข้อตกลง


 


‘แต่ผลกระทบจากข้อตกลงพันธมิตรจะถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน หนึ่ง ร่างกาย สอง ดวงวิญญาณ ดังนั้นข้าถือว่าเป็นพันธมิตรเพียงครึ่งเดียว’


 


‘เห้อ…ถึงเป็นเช่นนั้นมันก็ยังอันตรายมาก กระทั่งมันจะไม่ส่งผลกระทบต่อร่างกายของข้า แต่ดวงวิญญาณของข้าจะไม่สามารถอดทน’


 


‘หือ…ร่างนี้มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปัญญาค่อนข้างมากทีเดียว!’


 


ขณะที่ฟางหยวนกำลังครุ่นคิด เขากระหนักถึงบางสิ่งอย่างกะทันหัน


 


ก่อนหน้าเขาอยู่ในร่างผีดิบอมตะ ความคิดของเขาไม่ต่างจากคนชราและต้องใช้วิญญาณบนเส้นทางแห่งปัญญาช่วยในการคิด


 


แต่ร่างใหม่ของเขาสามารถสร้างกลุ่มความคิดและมอบแรงบันดาลใจมากมายให้เขาราวกับน้ำพุธรรมชาติที่ปะทุขึ้นสู่อากาศ


 


‘ในที่สุดข้าก็สามารถหยุดใช้วิญญาณบนเส้นทางแห่งปัญญาเพื่อเติมเต็มความคิด’ ฟางหยวนรู้สึกดีใจจนแทบจะกลั่นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่


 


ในอดีตเขาเสียค่าใช้จ่ายมากมายกับเรื่องนี้


 


แต่ด้วยร่างที่มีชีวิต เขาสามารถผลิตกลุ่มความคิดได้ด้วยตนเอง


 


‘ตราบเท่าที่เป็นมนุษย์มีชีวิต พวกเราสามารถใช้ความคิดทุกประเภท แต่ร่างนี้สามารถผลิตกลุ่มความคิดได้รวดเร็วกว่าปกติเป็นอย่างมาก ข้ารู้สึกราวกับอยู่ภายใต้แสงแห่งปัญญาตลอดเวลา’


 


ด้วยเหตุนี้ฟางหยวนจึงคาดเดาว่าร่างใหม่ของเขาเต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปัญญา


 


สำหรับตัวเลขที่แน่ชัด เขายังไม่สามารถประเมิน


 


‘นอกจากร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปัญญา ข้ายังมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งไฟจำนวนมาก!’ ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้นเมื่อมองเปลวเพลิงที่ลุกไหม้อยู่บนร่างกาย


 


เปลวเพลิงนี้เกิดจากวิญญาณอาภรณ์เพลิงระดับห้า


 


เฮากงตงใช้วิญญาณดวงนี้เช่นกัน แต่เขาสามารถปลดปล่อยเปลวเพลิงได้เพียงเล็กน้อย


 


แต่อาภรณ์เพลิงของฟางหยวนยาวมาก


 


นอกจากวิญญาณอาภรณ์เพลิง ฟางหยวนยังยืมวิญญาณเขม่าควันระดับห้ามาด้วย


 


ตอนนี้ฟางหยวนกำลังบินอยู่บนท้องฟ้าด้วยความช่วยเหลือจากวิญญาณดวงนี้


 


วิญญาณเขม่าควันจะปลดปล่อยควันสีดำออกมาและทำให้ผู้ใช้วิญญาณสามารถพุ่งทะยานขึ้นสู่อากาศ


 


สิ่งสำคัญที่สุดก็คือความเร็วของเขาเหนือกว่าความสามารถของวิญญาณดวงนี้ไปไกลมาก


 


มันสามารถเปรียบเทียบกับท่าไม้ตายระดับมนุษย์!


 


ฟางหยวนคิด ‘ดูเหมือนไม่เพียงร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งไฟแต่ข้ายังมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่เหมาะสมกับการบินอีกด้วย’


 


ด้วยวิธีนี้ ความสำเร็จด้านการบินของเขาจึงบรรลุสู่ระดับกึ่งปรมาจารย์เอก


 


ความสามารถในการบินหมายถึงความสามารถในการเคลื่อนไหวระหว่างการต่อสู้ มนุษย์เดินดินสามารถเคลื่อนที่ไปข้างหน้าข้างหลังด้านซ้ายและด้านขวา แต่มนุษย์ที่บินได้ไม่มีข้อจำกัดด้านทิศทาง นี่ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพอย่างแท้จริง


 


ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของเขาเพิ่มสูงขึ้นด้วยวิญญาณเพียงดวงเดียว!


 


แน่นอนว่าพลังการต่อสู้ในปัจจุบันของฟางหยวนยังถือว่าต่ำมาก หากเขาพบผู้อมตะภาคใต้ เขาต้องใช้วิญญาณทัศนคติหลอกฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น


 


‘ข้าควรหลีกเลี่ยงการต่อสู้และตามหาอิงอู๋เซี่ย ข้าต้องเปิดเผยตัวตนของเขาและรวมกลุ่มกับไห่ลั่วหลันและไท่เป่ยหยุนเฉิง’


 


เมื่อภูเขาอี้เทียนถูกปกคลุมไปด้วยอาณาจักรแห่งความฝัน อิงอู๋เซี่ยย่อมไม่กลับไปที่นั่น เจตจำนงพิเศษของฟางหยวนจะไม่ทำงานหากอิงอู๋เซี่ยไม่นำวิญญาณของเขากลับไปยังภูเขาอี้เทียน


 


นอกจากนั้นหากเกินเวลาที่กำหนด พวกมันจะระเบิดตัวเอง


 


แต่ตราบเท่าที่ฟางหยวนพบอิงอู๋เซี่ย เขายังสามารถเปลี่ยนสถานการณ์


 


วิธีการก็คือให้ไท่เป่ยหยุนเฉิงกับไห่ลั่วหลันช่วยรวบรวมวิญญาณเพื่อให้ฟางหยวนสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนวิญญาณอีกครั้งและควบคุมวิญญาณของเขา


 


แต่เวลามีจำกัด ฟางหยวนต้องรีบ


 


ความสามารถในการบินของเขาช่วยขยายมุมมองสายตา


 


มันดีกว่าการเดินเท้ามาก!


 


ระหว่างทางเขาพบร่องรอยการต่อสู้มากมาย


 


ผู้อมตะมักต่อสู้กันบนท้องฟ้า นี่คือสิ่งที่แตกต่างจากผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์


 


ดังนั้นร่องรอยของการต่อสู้ระหว่างผู้อมตะมักไม่ปรากฏบนพื้นดิน


 


อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาผ่านไปฟางหยวนยังไม่พบเป้าหมาย


 


เมื่อท้องฟ้าเริ่มมืด หัวใจของฟางหยวนก็จมดิ่งลง


 


“เห้อ…” เขาถอนหายใจและยอมแพ้ที่จะตามหาอิงอู๋เซี่ย


 


เพื่อตามหาเป้าหมาย ฟางหยวนเสี่ยงมาก


 


สถานที่แห่งนี้ไม่ปลอดภัย


 


ผู้อมตะภาคใต้มากมายตกตายลงที่ภูเขาอี้เทียน ตอนนี้กองกำลังทั้งหมดของภาคใต้กำลังส่งคนออกมาตรวจสอบพื้นที่


 


กลุ่มของไห่ลั่วหลันพบผู้อมตะเหล่านั้นระหว่างทาง


 


ฟางหยวนก็เช่นกัน เขาพบเฮากงตง


 


ความแตกต่างระหว่างสองสถานการณ์ก็คือกลุ่มของไห่ลั่วหลันเป็นผู้อมตะจากภาคเหนือ พวกเขาเป็นปฏิปักษ์โดยธรรมชาติของผู้อมตะภาคใต้ ขณะที่ฟางหยวนปลดปล่อยกลิ่นของผู้อมตะภาคใต้ออกมา ดังนั้นเขาจึงไม่ดึงดูดความสงสัยมากเกินไป


 


แต่หากเขายังอยู่ต่อ กระทั่งวิญญาณทัศนคติก็ไม่ทำให้เขาปลอดภัย


 


‘ข้าทิ้งเจตจำนงปลอมไว้ในใจของอิงอู๋เซี่ยแต่เขากลับไม่ตามหาข้า มันเป็นเพราะการขัดขวางของผู้อมตะภาคใต้งั้นหรือ? เป็นไปได้หรือไม่ว่ามีรายละเอียดที่ข้าไม่รู้ซ่อนอยู่?’ ฟางหยวนคาดเดา


 


‘เทพปีศาจจิตวิญญาณและนิกายเงาวางแผนมานานหลายหมื่นปี พวกเขาย่อมทิ้งบางสิ่งเอาไว้ เพียงกองกำลังพันธมิตรผีดิบในห้าภูมิภาคก็มีสมบัติเก็บไว้มากมาย อิงอู๋เซี่ยจะไปสถานที่เหล่านั้นหรือไม่?’


 


‘ในกรณีเลวร้ายที่สุด เขาจะใช้ตัวตนของข้าปล้นชิงทรัพย์สินของข้า แล้วข้าควรทำเช่นไร?’


 


‘ภูเขาตงฮันและหุบเขาเหล่าโปเคยเป็นของเทพปีศาจจิตวิญญาณมาก่อน แม้อิงอู๋เซี่ยจะไม่รู้จักภูมิประเทศของแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูและแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาว แต่เขาสามารถใช้วิญญาณท่องแดนอมตะเดินทางไปยังภูเขาตงฮันกับหุบเขาเหล่าโปได้โดยตรงใช่หรือไม่?’


 


‘แม้ดวงวิญญาณจะเปลี่ยนไป แต่มีหลายวิธีสามารถหลอกจิตวิญญาณแผ่นดิน สิ่งสำคัญก็คือศัตรูเป็นร่างแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณ!’


 


ฟางหยวนหยุดบินและลอยอยู่กลางอากาศ


 


สายลมที่เหน็บหนาวทำให้จิตใจของเขายิ่งเย็นชา


 


ค่ำคืนที่มืดมิดทำให้ใบหน้าของเขายิ่งดูเศร้าหมอง


 


อิงอู๋เซี่ย ไห่ลั่วหลัน ไท่เป่ยหยุนเฉิง พวกเขาอยู่ที่ใด?


 


วิญญาณท่องแดนอมตะ!


 


แสงสีเขียวส่องประกายขึ้นและนำอิงอู๋เซี่ยออกจากภาคใต้


 


“นายท่าน?” เสียงที่อ่อนน้อมดังขึ้น


 


“ถูกต้อง เป็นข้า” อิงอู๋เซี่ยตอบเสียงเย็น


 


เขามองไปรอบๆด้วยริมฝีปากที่ยกตัวขึ้นเป็นรอยยิ้ม


บทที่ 1026 มอบให้ฟงจินฮวง


แปลโดย iPAT 


 


“นายท่าน โปรดกล่าวรหัสลับ” เสียงที่อ่อนน้อมดังขึ้นอีกครั้ง


 


อิงอู๋เซี่ยกล่าว “สวรรค์มีเก้าชั้น”


 


เสียงสายเดิมตอบ “ปฐพีมีห้าภูมิภาค”


 


อิงอู๋เซี่ยกล่าวต่อ “ข้ามผ่านวันเวลา”


 


เสียงลึกลับตอบรับ “ปกครองทุกสรรพสิ่ง”


 


เจ้าของเสียงคุกเข่าลง “ซื่อหนิวคารวะนายท่าน”


 


“ลุกขึ้น” อิงอู๋เซี่ยหัวเราะ


 


ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หินโขกศีรษะลงบนพื้นสามครั้งก่อนจะลุกขึ้น


 


อย่างไรก็ตามเผชิญหน้ากับอิงอู๋เซี่ย เขายังก้มศีรษะลง ดวงตาของเขามองไปที่ปลายเท้าของอิงอู๋เซี่ยและไม่กล้ามองหน้าฝ่ายตรงข้ามโดยตรง


 


กลิ่นอายของเขาชัดเจนว่าเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด


 


อิงอู๋เซี่ยใช้วิญญาณท่องแดนอมตะแต่จุดมุ่งหมายของเขาไม่ใช่แดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูหรือแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาว ตรงข้ามเขาเดินทางมายังฐานทัพลับของนิกายเงาในภาคกลาง


 


อิงอู๋เซี่ยเป็นดวงวิญญาณแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณ


 


ก่อนหน้านี้เขายังไร้เดียงสาราวกับเด็กแรกเกิดเนื่องจากกายาแห่งความฝันลบความทรงจำทั้งหมดของเขาออกไป


 


แต่หลังจากผ่านการต่อสู้อันดุเดือดและได้รับความทรงจำบางส่วนจากเจตจำนงของเทพปีศาจจิตวิญญาณที่อยู่ในสายธารแห่งกาลเวลา อิงอู๋เซี่ยจึงเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ในระดับหนึ่งอย่างรวดเร็วและสามารถจัดการเรื่องต่างๆได้ดีขึ้น


 


เขากำเนิดใหม่และรู้แผนการของฟางหยวน


 


แต่อิงอู๋เซี่ยไม่สามารถใช้วิญญาณที่อยู่ในร่างผีดิบอมตะขณะที่เจตจำนงปลอมของฟางหยวนยังแฝงตัวอยู่ในใจและส่งผลกระทบต่อความคิดของเขา


 


ในสถานการณ์นี้มีเพียงวิญญาณท่องแดนอมตะเท่านั้นที่อิงอู๋เซี่ยสามารถใช้งาน


 


หากเขาเดินทางไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูโดยปราศจากการเตรียมตัว เขาอาจถูกค้นพบโดยจิตวิญญาณแผ่นดิน นั่นจะทำให้เขาพบปัญหา


 


ดังนั้นอิงอู๋เซี่ยจึงใช้วิญญาณท่องแดนอมตะเดินทางมายังสถานที่แห่งนี้เพื่อเตรียมการเป็นอันดับแรก


 


“ก่อนอื่นพาข้าไปยังห้องโถงหลักใต้พิภพ” อิงอู๋เซี่ยออกคำสั่ง


 


“ทราบแล้ว” ผู้อมตะซื่อหนิวเร่งตอบรับ


 


หลังจากชั่วครู่ทั้งสองก็ไปถึงห้องโถงขนาดใหญ่ที่อยู่ใต้พิภพ


 


รอบห้องเต็มไปด้วยค่ายกลวิญญาณที่ช่วยปกปิดและป้องกัน


 


อิงอู๋เซี่ยมองไปยังดวงจิตวิญญาณที่อยู่ลอยกลางห้อง


 


เขาสังเกตมันและถอนหายใจ


 


นี่คือดวงวิญญาณที่เหลืออยู่ของโป้ชิง!


 


ย้อนกลับไปโป้ชิงล้มเหลวในภัยพิบัติและถูกช่วยไว้อย่างฉิวเฉียดโดยสีเหลือง หลายพันปีผ่านไปแต่ดวงวิญญาณของโป้ชิงยังไม่ฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ นอกจากนั้นขนาดของดวงวิญญาณของเขายังหดเล็กลงเรื่อยๆอีกด้วย


 


ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งวารีจากภัยพิบัติครั้งนั้นยังวนเวียนอยู่รอบๆดวงวิญญาณของโป้ชิง แม้เขาจะได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปฐพีคอยช่วยเหลือ แต่มันก็เป็นอาการบาดเจ็บที่ไม่สามารถรักษา


 


อย่างไรก็ตามนิกายเงาไม่เคยยอมแพ้


 


พวกเขาสร้างสถานที่แห่งนี้และเลี้ยงเผ่ามนุษย์หินเอาไว้ที่นี่ หลังจากผ่านวันเวลาผู้อมตะเผ่ามนุษย์หินจึงถือกำเนิดขึ้น


 


ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หินผู้นี้ก็คือซื่อหนิว


 


แม้ซื่อหนิวจะเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ดแต่พลังการต่อสู้ของเขาก็ไม่ธรรมดา


 


น่าเสียดายในช่วงเวลาที่นิกายเงาต้องการความช่วยเหลือจากเขา วานรยักษ์ตาเดียวกลับปรากฏตัวขึ้นที่นี่ นั่นทำให้เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องต่อสู้และขับไล่มันไป


 


ด้วยเหตุนี้ซื่อหนิวจึงรอดชีวิตจากเหตุการณ์บนภูเขาอี้เทียน


 


แท้จริงแล้วมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดมากมายเกิดขึ้นกับนิกายเงา


 


นอกเหนือจากซื่อหนิว ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือฉินไป่เฉิงที่วิ่งเข้าไปหาฟงจิวเก้อ


 


เทพปีศาจจิตวิญญาณวางแผนหลอมรวมวิญญาณทารกอมตะและท้าทายสวรรค์ เป็นเรื่องธรรมดาที่สวรรค์จะต้องการหยุดเขา หากเทพปีศาจจิตวิญญาณเป็นปีศาจต่างโลก สถานการณ์ของเขาอาจดีกว่านี้ น่าเสียดายที่เขาไม่ใช่ ดังนั้นเขาจึงถูกยับยั้งโดยเจตจำนงสวรรค์


 


นิกายเงาขยายอิทธิพลไปทั่วโลก พวกเขามีความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดา แต่เนื่องจากเจตจำนงสวรรค์คอยขัดขวางพวกเขา นิกายเงาจึงไม่สามารถใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมด


 


หลังจากเทพปีศาจจิตวิญญาณพ่ายแพ้ สมาชิกนิกายเงาที่รอดชีวิตต่างแยกย้ายกันไปโดยเฉพาะกองกำลังพันธมิตรผีดิบที่ถูกทำลายลงอย่างสมบูรณ์


 


อย่างไรก็ตามนิกายเงายังทิ้งบางสิ่งเอาไว้เบื้องหลัง


 


ตัวอย่างเช่นผู้อมตะซื่อหนิวผู้นี้


 


หลังจากครึ่งชั่วโมง


 


“ที่นี่คือที่ใด?” ไท่เป่ยหยุนเฉิงออกมาจากมิติช่องว่างของอิงอู๋เซี่ย


 


“ไม่ใช่แดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูงั้นหรือ?” ไห่ลั่วหลันตามออกมาหลังจากนั้น


 


ทั้งสองมองไปรอบๆด้วยความสงสัย


 


ห้องใต้ดินแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นอย่างหยาบๆ แต่เมื่อทั้งสองใช้วิญญาณสายตรวจสอบ พวกเขากลับพบว่าที่นี่เป็นเพียงส่วนเล็กๆของเขาวงกตใต้พิภพเท่านั้น


 


“ที่นี่คือถ้ำของมนุษย์หินงั้นหรือ?” ไท่เป่ยหยุนเฉิงถาม


 


อิงอู๋เซี่ยพยักหน้า “ถูกต้อง เรากลับมาภาคกลางเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เราอยู่ที่นรกใต้พิภพ เผ่ามนุษย์หินถูกย้ายออกไปแล้ว มันกลายเป็นฐานทัพลับของท่านอาจารย์”


 


“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าวางแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาวไว้ในนรกใต้พิภพ ดังนั้นมันก็เป็นสถานที่ที่ท่านอาจารย์จัดเตรียมไว้ให้” ไท่เป่ยหยุนเฉิงเผยรอยยิ้มบาง


 


‘แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาวของฟางหยวนก็อยู่ที่นี่งั้นหรือ?’ อิงอู๋เซี่ยลอบคิด


 


“ราชันภูเขาม่วง?” หัวใจของไห่ลั่วหลันสั่นสะท้านขึ้นเมื่อคิดถึงราชันภูเขาม่วง นางเปิดปากถาม “เหตุใดเจ้าไม่กลับไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูโดยตรง?”


 


อิงอู๋เซี่ยเตรียมคำตอบไว้แล้ว ดังนั้นเขาจึงสามารถตอบกลับอย่างใจเย็น “ไม่ใช่ว่าข้าไม่ต้องการกลับ แต่ตัวตนของข้าถูกเปิดเผยแล้ว ผู้อมตะวังสวรรค์รู้เรื่องเกี่ยวกับข้า แม้ความเร็วของพวกเขาจะไม่สามารถเปรียบเทียบกับวิญญาณท่องแดนอมตะ แต่พวกเขามีวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูล พวกเขาสามารถออกคำสั่งให้นิกายโบราณทั้งสิบยึดครองแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูได้ทันที สุดท้ายพวกเขาจะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน”


 


“หากเรากลับไปที่นั่นโดยตรง มันอาจไม่ต่างจากการส่งตนเองเข้าสู่กับดัก ดังนั้นข้าจึงมาที่นี่เพื่อตรวจสอบเป็นอันดับแรก”


 


“แล้วผลลัพธ์เป็นอย่างไร?” ไห่ลั่วหลันถามต่อ


 


อิงอู๋เซี่ยถอนหายใจ “เป็นดังคาด ตัวตนของข้าถูกเปิดเผย นิกายโบราณทั้งสิบรู้แล้วว่าข้าอยู่เบื้องหลังการล่มสลายของวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริง ตอนนี้พวกเขากำลังบุกโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู”


 


ไท่เป่ยหยุนเฉิงตกใจมาก “ภูเขาตงฮันอยู่ที่นั่น พวกเราควรทำเช่นไร?”


 


ไท่เป่ยหยุนเฉิงรู้ว่าฟางหยวนมีวิธีลบสถานะผีดิบแล้ว ดังนั้นภูเขาตงฮันจึงถูกลดคุณค่าลง อย่างไรก็ตามแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูยังเต็มไปด้วยสมบัติและเป็นแหล่งรายได้สำคัญของฟางหยวน


 


อิงอู๋เซี่ยหัวเราะเย้ยหยัน “ปล่อยให้นิกายโบราณทั้งสิบนำแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูไป ไม่ช้าก็เร็วข้าจะนำมันกลับมา เรื่องเร่งด่วนในเวลานี้คือการเตรียมตัวและฟื้นฟู…อา…”


 


อิงอู๋เซี่ยหยุดพูดอย่างกะทันหันและเผยใบหน้าตกใจ


 


“เกิดสิ่งใดขึ้น?” ไท่เป่ยหยุนเฉิงเร่งถาม


 


ความโกรธพุ่งผ่านดวงตาของอิงอู๋เซี่ยก่อนที่เขาจะปั้นรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้าและนำเศษชิ้นส่วนของวิญญาณท่องแดนอมตะที่ถูกทำลายออกมา “ข้าถูกโจมตีโดยการจัดเตรียมของนิกายเงา ตอนนี้วิญญาณท่องแดนอมตะถูกทำลายแล้ว!”


 


“นี่!” ไท่เป่ยหยุนเฉิงกับไห่ลั่วหลันตกใจและเสียใจมาก


 


วิญญาณท่องแดนอมตะมีประโยชน์อย่างแท้จริง เมื่อมันถูกทำลาย ช่วยไม่ได้ที่คนทั้งสามจะรู้สึกถึงความสูญเสียครั้งใหญ่


 


อิงอู๋เซี่ยคิดด้วยความโกรธ ‘วิญญาณท่องแดนอมตะจะระเบิดตัวเองอย่างกะทันหันได้อย่างไร? ดูเหมือนฟางหยวนจะทิ้งบางอย่างเอาไว้ บัดซบ! เขาวางแผนทั้งหมด! เมื่อวิญญาณท่องแดนอมตะสามารถระเบิดตัวเอง วิญญาณดวงอื่นของเขาก็คงไม่ต่างกัน’


 


เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ อิงอู๋เซี่ยไม่สามารถนิ่งเฉยอีกต่อไป


 


เขาต้องคิดวิธีกำหราบวิญญาณของฟางหยวน


 


หลังจากทั้งหมดแผนการของฟางหยวนเป็นสิ่งที่อิงอู๋เซี่ยไม่เคยคิดและเตรียมตัวมาก่อน


 


‘เจตจำนงพิเศษ! มันต้องเป็นเจตจำนงพิเศษ! ดูเหมือนข้าต้องแข่งกับเวลา ข้าต้องยืมวิญญาณอมตะมาเพื่อกำหราบพวกมัน ข้าไม่สามารถปล่อยให้พวกมันระเบิดตัวเองอีก!’ อิงอู๋เซี่ยกรีดร้องอยู่ภายใน


 


ไท่เป่ยหยุนเฉิงรู้สึกผิดปกติและถามด้วยความกังวล “ฟางหยวน เกิดสิ่งใดขึ้นงั้นหรือ?”


 


ใบหน้าของอิงอู๋เซี่ยมืดมนมาก “มีปัญหาใหญ่ที่ต้องรีบแก้ไข มิฉะนั้นวิญญาณดวงอื่นๆของข้าจะมีจุดจบเดียวกับวิญญาณท่องแดนอมตะ!”


 


“กระไรนะ!? มีสิ่งใดที่ข้าสามารถช่วยได้หรือไม่?” ไท่เป่ยหยุนเฉิงเต็มไปด้วยความกังวล


 


“พวกเจ้าสามารถพักผ่อน มนุษย์หินจะพาพวกเจ้าไปยังห้องพัก ข้าสามารถรับมือกับสถานการณ์นี้ ไม่ว่าอย่างไรท่านอาจารย์ก็ไม่ทอดทิ้งพวกเรา หลังจากทั้งหมดพวกเรายังมีพันธมิตร” อิงอู๋เซี่ยกล่าวและเร่งเดินจากไป


 


ในเวลาเดียวกันที่ภูเขาเทียนตี้ของภาคกลาง


 


“เราทะลวงเข้าไปได้แล้ว!”


 


“ฮ่าฮ่าฮ่า แดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูสุดท้ายก็ตกเป็นของพวกเรา!”


 


“ให้ข้าดูว่าเด็กผู้นี้ได้รับผลประโยชน์ใดบ้าง!”


 


“ใจเย็น อย่าลืมว่าภูเขาตงฮันจะถูกแบ่งปันให้กับทั้งสิบนิกายโบราณ”


 


กลุ่มผู้อมตะภาคกลางบินเข้าไปในแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูด้วยความตื่นเต้น


 


แต่หลังจากนั้นร่างกายของพวกเขากลับเปียกชุ่มไปด้วยเม็ดเหงื่อ


 


“มันว่างเปล่าได้อย่างไร?”


 


“เกิดสิ่งใดขึ้น?”


 


“ภูเขาตงฮันอยู่ที่ใด?”


 


กลุ่มผู้อมตะภาคกลางกรีดร้อง


 


“ท่านคือฟงจิวเก้อใช่หรือไม่?” จิตวิญญาณแผ่นดินเสี่ยวหูปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าฟงจิวเก้อและมองเขาด้วยความโศกเศร้า


 


ฟงจิวเก้อพยักหน้าเล็กน้อย “ถูกต้อง เป็นข้า”


 


“เจ้านายของข้าสั่งให้ข้าบอกท่านว่าเขาได้นำทุกสิ่งที่จำเป็นออกไปจากที่นี่แล้ว สำหรับแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู มันจะถูกมอบให้เป็นกรรมสิทธิของฟงจินฮวงบุตรสาวของท่าน” จิตวิญญาณแผ่นดินเสี่ยวหูกล่าวอย่างตรงไปตรงมา


 


“กระไรนะ!? ฟางหยวนเร็วกว่าพวกเรางั้นหรือ?”


 


“จากการอนุมานของพวกเรา ไม่ใช่ว่าเขายังอยู่ที่ภาคใต้เช่นนั้นหรือ?”


 


“เหตุใดเขาจึงมอบแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูให้กับฟงจินฮวง เป็นไปได้หรือไม่ว่าพวกเขาทั้งสอง…”


 


“กล่าวถึงเรื่องนี้ ตั้งแต่การประลองบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม พวกเขาดูสนิทสนมกันมาก ทุกคนต่างรู้เรื่องนี้”


 


กลุ่มผู้อมตะกระซิบกระซาบ


 


แต่เพียงเมื่อสายตาของฟงจิวเก้อกวาดผ่านพวกเขา เสียงกระซิบก็หยุดลงทันที


บทที่ 1027 มิติช่องว่างที่น่าทึ่ง


แปลโดย iPAT 


 


ย้อนกลับไปไม่นาน


 


เมื่อไม่พบอิงอู๋เซี่ย ฟางหยวนหยุดลอยอยู่กลางอากาศด้วยความรู้สึกหดหู่


 


แผนเดิมของเขาไร้ที่ติ


 


การทิ้งเจตจำนงปลอมและเจตจำนงพิเศษไว้ในร่างเดิมทำให้เขามีโอกาสสูงมากที่จะประสบความสำเร็จ


 


แต่ผลลัพธ์กลับล้มเหลว


 


ฟางหยวนไม่รู้ว่าเขาเคยประสบความสำเร็จมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่เป็นเพราะเจตจำนงสวรรค์ที่กระตุ้นใช้วิญญาณกาลเวลาทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไป


 


อย่างไรก็ตามแม้ฟางหยวนจะพ่ายแพ้แต่เขาก็พยายามแก้ไขสถานการณ์


 


ในความเป็นจริงเขาเตรียมใจมาแล้ว นี่คือประสบการณ์ที่เขาได้รับหลังจากใช้ชีวิตมาหลายร้อยปี


 


ไม่ว่าแผนการจะยอดเยี่ยมเพียงใด มันก็มีโอกาสล้มเหลว กระทั่งเทพปีศาจจิตวิญญาณและนิกายเงาจะวางแผนการทั้งหมดมานานหลายหมื่นปี แต่สุดท้ายพวกเขายังล้มเหลว


 


ในโลกใบนี้ไม่มีผู้ใดที่ไม่เคยล้มเหลว


 


ฟางหยวนพยายามคาดเดาสถานการณ์ของอิงอู๋เซี่ย


 


สิ่งที่เป็นไปได้มากที่สุดก็คืออิงอู๋เซี่ยเผชิญหน้ากับผู้อมตะภาคใต้ทำให้เขาไม่สามารถกลับไปยังภูเขาอี้เทียน


 


หากเป็นกรณีนี้ มันยังไม่เลวร้ายที่สุด แผนการของฟางหยวนยังสามารถดำเนินต่อ


 


เมื่อฟางหยวนค้นพบอิงอู๋เซี่ย เขาจะได้รับวิญญาณทั้งหมดกลับคืน


 


แต่นี่ไม่ใช่กรณีเดียวที่เป็นไปได้


 


ฟางหยวนเป็นคนรอบคอบ เขาจะคิดถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดและเตรียมตัวรับมือกับมันเอาไว้เสมอ


 


‘แล้วสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดคือสิ่งใด?’ ฟางหยวนคิดขณะลอยอยู่กลางอากาศ


 


สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดก็คืออิงอู๋เซี่ยค้นพบแผนการของเขาและต่อต้านมันโดยใช้ประโยชน์จากไห่ลั่วหลันกับไท่เป่ยหยุนเฉิง จากนั้นก็เดินทางไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูและแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาวเพื่อฉกชิงสมบัติทั้งหมดของฟางหยวน


 


กรณีนี้มีความเป็นไปได้สูง


 


จากมุมมองของฟางหยวน อิงอู๋เซี่ยเป็นร่างแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณ ด้วยรากฐานที่แข็งแกร่ง มันไม่ใช่เรื่องยากที่อิงอู๋เซี่ยจะค้นพบเจตจำนงปลอมและเจตจำนงพิเศษของฟางหยวน


 


สิ่งสำคัญก็คืออาณาจักรแห่งความฝันขนาดมหึมาที่ภูเขาอี้เทียน


 


แม้อิงอู๋เซี่ยจะต้องการกลับไปช่วยร่างกลักที่ถูกขังไว้ในอาณาจักรแห่งความฝัน แต่เขามีวิญญาณบนเส้นทางแห่งความฝันน้อยเกินไปและไม่สามารถทำสิ่งใด


 


ร่างกายาแห่งความฝันของอิงอู๋เซี่ยมีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งความฝันอยู่จำนวนหนึ่ง แต่หลังจากกายาแห่งความฝันระเบิดตัวเอง ผู้ใดจะรู้ว่าวิญญาณเหล่านั้นจะยังอยู่หรือไม่ วิญญาณเป็นสิ่งบอบบาง พวกมันอาจถูกทำลายได้ด้วยนิ้วเพียงนิ้วเดียวของเด็กน้อย


 


กระทั่งวิญญาณเหล่านั้นจะยังคงอยู่ แต่อาณาจักรแห่งความฝันที่เกิดขึ้นใหญ่โตเกินไป สถานะปัจจุบันของอิงอู๋เซี่ยไม่สามารถเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันและนำวิญญาณเหล่านั้นกลับคืน


 


ฟางหยวนคิดถึงความเป็นไปได้ทั้งหมดและหยุดไล่ล่า


 


เขาบินลงสู่ภูเขาลูกหนึ่งก่อนจะนั่งลงใต้ต้นไม้ใหญ่และเชื่อมต่อกับสวรรค์สีเหลือง


 


เขายืมวิญญาณระดับห้าจำนวนสี่ดวงมาจากเฮากงตง


 


หนึ่งคือวิญญาณเขม่าควัน สองคือวิญญาณอาภรณ์เพลิง อีกสองดวงคือวิญญาณเชื่อมโยงสวรรค์และวิญญาณสัมผัสศักดิ์สิทธิ์


 


วิญญาณสองดวงหลังเป็นวิญญาณที่ใช้เชื่อมต่อกับสวรรค์สีเหลือง


 


หากเขามีวิญญาณสองดวงนี้ตั้งแต่แรก เขาจะสามารถซื้อวิญญาณที่จำเป็นจากสวรรค์สีเหลืองได้โดยตรงและไม่ต้องยืมวิญญาณจากเฮากงตง


 


ฟางหยวนตรวจสอบวิญญาณทั้งสี่ดวงก่อนจะใช้งานพวกมัน


 


ดังนั้นมันจึงไม่มีปัญหาในการเชื่อมต่อสวรรค์สีเหลือง


 


อย่างไรก็ตามเพียงเมื่อฟางหยวนกระตุ้นใช้งานพวกมัน ร่างกายของเขากลับสั่นสะท้านขึ้นด้วยความตกใจ


 


นี่เป็นความตกใจครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่เขากำเนิดใหม่


 


แม้ฟางหยวนจะรู้ว่าเบื้องหลังนิกายเงาคือเทพปีศาจจิตวิญญาณ แต่ฟางหยวนก็ยังตกใจกับเรื่องนี้


 


จิตใจของฟางหยวนสั่นไหวอย่างไม่สามารถระงับ ดวงตาของเขาเบิกกว้างขึ้นและเต็มไปด้วยความงุนงง


 


“เย็นไว้” เขาบอกตนเองแต่หัวใจของเขายังเต้นระรัว


 


เขาเพ่งจิตเข้าไปในมิติช่องว่างของตนอีกครั้ง


 


ตะลึง!


 


ตะลึงเป็นครั้งที่สอง


 


เขาขมวดคิ้วลึกและรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ


 


มิติช่องว่างของเขาน่าทึ่งมาก!


 


‘หากข้าไม่เห็นสิ่งนี้ด้วยตาของตนเอง ข้าจะไม่เชื่อว่ามีมิติช่องว่างเช่นนี้อยู่บนโลกใบนี้จริงๆ!’ ฟางหยวนคิด


 


ในความเป็นจริงเขาเตรียมใจไว้แล้ว


 


เทพปีศาจจิตวิญญาณทุ่มเทความพยายามหลายหมื่นปีเพื่อสิ่งใด?


 


เขาต้องการหลอมรวมวิญญาณทารกอมตะระดับเก้า!


 


เขาใช้ค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายาทั้งสิบ บูชายัญผู้อมตะภาคใต้จำนวนนับไม่ถ้วนรวมถึงกองกำลังพันธมิตรผีดิบ สุดท้ายเทพปีศาจจิตวิญญาณยังเสียสละตนเองและเผชิญหน้ากับภัยพิบัติมากมายเพื่อสิ่งนี้!


 


ความยากลำบากของมันไม่ใช่สิ่งที่ผู้อมตะระดับแปดจะสามารถจินตนาการถึง เพียงการรวบรวมสุดยอดกายาทั้งสิบ มันก็ยากมากแล้วโดยไม่ต้องกล่าวถึงการเตรียมการมานานกว่าหลายหมื่นปี


 


หลังจากใช้จ่ายทรัพยากรจำนวนมหาศาลและพึ่งพาการเสียสละมากมาย วิญญาณระดับเก้าถึงถูกหลอมสร้างขึ้น


 


แม้ฟางหยวนจะไม่รู้รายละเอียดในเชิงลึก แต่เขารู้ว่าวิญญาณทารกอมตะย่อมไม่ธรรมดา


 


วิญญาณระดับเก้ามีสถานะไม่ต่างจากผู้อมตะระดับเก้า มันทั้งหายากและทรงพลัง


 


ฟางหยวนเคยสัมผัสความยิ่งใหญ่ของวิญญาณระดับเก้ามาก่อน


 


มันก็คือวิญญาณสติปัญญา


 


กล่าวถึงวิญญาณสติปัญญา ฟางหยวนไม่แม้แต่จะสามารถปรับแต่งมัน


 


เขาทำได้เพียงอาบแสงแห่งปัญญา นี่ไม่ต่างจากการเห็นอาหารอันโอชะวางอยู่ตรงหน้าแต่ทำได้เพียงจ้องมองและดมกลิ่น


 


ถึงกระนั้นกลิ่นของมันก็น่าอัศจรรย์และทำให้ฟางหยวนได้รับผลประโยชน์มหาศาล


 


ปราศจากแสงแห่งปัญญา ฟางหยวนจะมาไม่ถึงจุดนี้


 


อย่างไรก็ตามตอนนี้เขากลับได้รับวิญญาณระดับเก้าดวงที่สอง!


 


มันก็คือวิญญาณทารกอมตะและครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการสูดดมแต่เขายังสามารถกลืนกินมันเข้าไปทั้งตัว!


 


‘เทพปีศาจจิตวิญญาณพยายามหลอมรวมวิญญาณทารกอมตะ แน่นอนว่ามันย่อมมีเบื้องหลัง’ ความคิดนี้ติดอยู่ในใจของฟางหยวนตลอดมา


 


แต่เขาต้องไล่ล่าอิงอู๋เซี่ยและไม่มีเวลาสำรวจความลึกลับของร่างกายนี้


 


หลังจากล้มเหลวในการตามจับอิงอู๋เซี่ย เขาพยายามแก้ไขสถานการณ์โดยการเชื่อมต่อสวรรค์สีเหลือง


 


นี่จึงเป็นครั้งแรกที่ฟางหยวนเพ่งจิตเข้าไปในมิติช่องว่างของตน


 


แค่เพียงแวบแรก มันก็ทำให้เขาตกตะลึงไปแล้ว


 


ทิวทัศน์ของมิติช่องว่างแห่งนี้ไม่ใช่เรื่องปกติ มันเกินกว่าจินตนาการของฟางหยวนไปไกลมาก


 


แม้มันจะเป็นมิติช่องว่างของผู้อมตะระดับหกแต่มันกลับใหญ่โตมาก


 


ใหญ่โตถึงระดับใด?


 


สำหรับผู้อมตะระดับหก มิติช่องว่างระดับต่ำมีพื้นที่ไม่เกินสองพันตารางกิโลเมตร มิติช่องว่างระดับกลางมีพื้นที่ประมาณสองพันถึงสี่พันตารางกิโลเมตร นี่เป็นมิติช่องว่างของผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่


 


มีผู้อมตะไม่มากที่ครอบครองมิติช่องว่างระดับสูงเช่นไท่เป่ยหยุนเฉิง แต่ถึงกระนั้นมันก็มีพื้นที่เพียงสี่พันเจ็ดร้อยถึงหกพันตารางกิโลเมตรเท่านั้น


 


หากเป็นมิติช่องว่างระดับสูงสุดของสุดยอดกายาทั้งสิบเช่นไห่ลั่วหลัน มันมีพื้นที่มากกว่าหกพันเจ็ดร้อยแต่ไม่เกินหนึ่งหมื่นสามพันตารางกิโลเมตร


 


มิติช่องว่างระดับสูงสุดหาได้ยากมากเนื่องจากมนุษย์ที่ครอบครองหนึ่งในสิบสุดยอดกายามักจะตกตายไปอย่างรวดเร็ว มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ


 


แน่นอนว่าเมื่อสุดยอดกายาสามารถบรรลุสู่ขอบเขตอมตะ พวกเขาจะได้รับทรัพยากรมหาศาล


 


มิติช่องว่างระดับสูงสุดไม่เพียงมีพื้นที่มากกว่า มันยังมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ามากกว่า และสามารถผลิตทรัพยากรได้มากกว่า กล่าวได้ว่าพวกเขามีอนาคตที่สดใสมาก


 


ผู้อมตะมากมายประสบปัญหาในการบ่มเพาะ


 


เหตุผลสำคัญเกิดจากมิติช่องว่างที่ไม่สามารถผลิตทรัพยากรได้เพียงพอต่อความต้องการของพวกเขา


 


เมื่อฝูงสัตว์อสูรที่อาศัยอยู่ในมิติช่องว่างของพวกเขามีมากเกินไป พวกเขาต้องขายบางส่วนออกไป เมื่อมนุษย์กลายพันธุ์ขยายเผ่าพันธุ์ พวกเขาต้องขายพวกมันไปเป็นทาส ไม่ว่าจะเป็นพืชพันธุ์การเกษตร หากมีมากเกินไป พวกมันก็ต้องถูกกำจัด


 


ทุกคนรู้ดีว่ายิ่งมีสัตว์อสูรมากเท่าใด พวกมันก็ยิ่งสืบพันธุ์มากเท่านั้น ทุกคนรู้ดีว่ายิ่งมีมนุษย์กลายพันธุ์มากเท่าใด พวกมันก็ยิ่งขยายเผ่าพันธุ์มากเท่านั้น ทุกคนรู้ดีว่ายิ่งมีพืชพันธุ์มากเท่าใด พวกมันก็ยิ่งเติบโตและแพร่พันธุ์มากเท่านั้น


 


แต่ผู้อมตะไม่มีทางเลือก


 


เพราะมิติช่องว่างของพวกเขาเล็กเกินไป


 


ดังนั้นผู้อมตะทุกคนจึงพยายามทุกวิถีทางเพื่อเพิ่มขนาดมิติช่องว่างของตน ตัวอย่างเช่นวิญญาณขยายอาณาเขตที่สามารถเพิ่มร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งห้วงมิติ นี่เป็นหนึ่งในวิธีขยายพื้นที่ของมิติช่องว่าง

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)