ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 1021-1026

 บทที่ 1021 การฟักไข่ของอินทรีทอง

 

เขารับปากกับบัตเลอร์ว่าจะไปเข้าร่วมงานแสดงสินค้าอาหารทะเลที่อัมสเตอร์ดัม จากนั้นฉินสือโอวจึงโทรหาเจนนิเฟอร์ ให้เธอค้นหาข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับงานแสดงสินค้าอาหารทะเลแล้วส่งมาที่อีเมลของเขา


นี่คือข้อดีของการเป็นคนรวย มีเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็ไม่จำเป็นต้องทำเอง เพราะมีบางคนทำงานในด้านนี้ได้อย่างยอดเยี่ยมและดีกว่าตัวเอง


เจนนิเฟอร์ส่งข้อมูลที่รวบรวมได้ไปให้ฉินสือโอวในช่วงบ่าย พร้อมกับจัดประเภทตามลำดับประเด็นสำคัญอย่างเรียบร้อย


ฉินสือโอวเปิดข้อมูลดูว่าจริงๆ แล้วชื่อของงานแสดงสินค้าที่จะจัดขึ้นในอัมสเตอร์ดัมครั้งนี้คือซีฟู้ดเอ็กซ์โป ซึ่งไม่ใช่งานประมูลอาหารทะเลธรรมดาๆ แน่นอนว่าในระหว่างงานแสดงสินค้าจะมีการประมูลผลิตภัณฑ์ทางทะเลด้วย


งานแสดงสินค้าในครั้งนี้จะจัดขึ้นเป็นระยะเวลาสามวัน คาดว่าจะมีพ่อค้ามาเข้าร่วมงามประมาณสองพันรายจากหนึ่งร้อยสี่สิบสี่ประเทศและภูมิภาค และยังรวมถึงผู้นำเข้าและส่งออกผลิตภัณฑ์ทางทะเล บริษัทแปรรูปและโลจิสติกส์ บริษัทประมงและเพาะพันธุ์ ผู้ค้าปลีกและผู้ค้าส่ง


การจัดงานครั้งก่อนจัดขึ้นที่นครบรัสเซลส์ประเทศเบลเยียม ในตอนนั้นมีการจัดประมูลปลาทูน่าครีบน้ำเงินด้วย และราคาของปลาที่เข้าร่วมการประมูลก็เป็นราคาปกติทั่วไป เนื่องจากงานแสดงสินค้าและการประมูลปลาทูน่าโดยเฉพาะนี้มีความแตกต่างกัน และไม่มีราชาแห่งปลา ดังนั้นราคาจึงไม่สูง


ฉินสือโอวเดาว่าบัตเลอร์จะทำเรื่องไม่ดีกับเทซึกะอย่างแน่นอน เพราะเขารู้นิสัยของลุงหนวดดี เขาจะเอาปลาคุณภาพดีเข้ามาในงานแสดงสินค้าและจำหน่ายในราคาต่ำอย่างนั้นจึงไม่น่าเชื่อ


ในตอนเย็นเมื่อฉินสือโอวเห็นพ่อกำลังอุ้มเถียนกวาน้อยและเล่นกันอยู่หน้าประตู เขาจึงต้องการออกไปข้างนอกกันสองคน


หู่จือและเป้าจือก็กำลังเล่นกันอยู่ที่ประตูในขณะนี้ อยู่ๆ ใบหูก็สั่นขึ้นสองสามครั้ง จึงหันหน้ากลับไปมองไปที่เตาผิงในห้องอย่างตั้งใจ


ฝั่งทางเตาผิง มาสเตอร์ที่แช่อยู่ในอ่างน้ำอุ่นก็คลานขึ้นมาและพยายามยื่นคอยาวออกมาเพื่อมองดูข้างๆ


ฉินสือโอวไม่ได้สนใจอะไร แต่วินนี่ที่กำลังนอนอ่านหนังสืออยู่บนโซฟา จู่ๆ ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงรีบวิ่งไปดู และจากนั้นก็แล้วก็ส่งเสียงร้องอย่างแปลกใจ “รีบมาดู รีบมาดู! อินทรีทองเกิดแล้ว!”


เมื่อได้ยินเสียงร้องของวินนี่ ฉินสือโอวถึงรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นและเดินเข้าไปข้างๆ ตู้ฟักไข่ด้วยความรู้สึกแปลกใหม่


เขาใช้เงินซื้อตู้ฟักไข่นี้มา ซึ่งเป็นตู้ฟักไข่คุณภาพดีที่สามารถปรับอุณหภูมิได้และมีความคล้ายกับเครื่องซักผ้าขนาดเล็ก ข้างในว่างเปล่า มีแผงระบายความร้อนอยู่รอบๆ และมีปุ่มกดเพื่อปรับอุณหภูมิ


โดยปกติแล้วจะมีตาข่ายเล็กๆ ในตู้ฟักไข่ ซึ่งใช้สำหรับใส่ไข่ไก่ไข่เป็ดไข่นกหรือจะไข่อะไรก็ได้ เนื่องจากไข่ของอินทรีทองค่อนข้างใหญ่ ฉินสือโอวจึงให้ซีมอนสเตอร์ช่วยปรับเปลี่ยนให้ ของที่อยู่ข้างในจึงถูกเอาออกจนหมด จากนั้นก็เอาขนนกและปุยฝ้ายมาวางไว้และมีแค่ไข่นกอินทรีทองขนาดใหญ่เท่านั้น


เวลานี้เปลือกไข่นกอินทรีทองสีเทาขาวที่ปกคลุมไปด้วยอุจจาระและเลือดของมันก็แตกออกมาครึ่งหนึ่ง หัวโกร๋นของมันจึงค่อยๆ ยื่นคอออกมาและแปลกใจกับสิ่งรอบข้างเป็นอย่างมาก


วินนี่รีบปรับอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศและเพิ่มฟืนลงในเตาผิงเล็กน้อย ดังนั้นเธอจึงเปิดตู้ฟักไข่ดูอีกครั้งและหยิบเอาเปลือกไข่ที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งพร้อมกับอุ้มลูกนกที่อยู่ข้างในออกมา


แม้ว่าลูกนกอินทรีทองจะเพิ่งเกิด แต่หัวของมันก็จะเหมือนนกพิราบที่ตัวโตเต็มวัย แต่แค่ไม่มีขนบนลำตัว มันจึงดูหัวโล้นและน่าเกลียดมาก


หลังจากอุ้มออกมา มันก็เริ่มลืมตาขึ้นมองดูผู้คนที่อยู่รอบตัว ลูกนกอินทรีทองตัวน้อยจึงสับสนทันที มันอ้าปากเล็กๆ ที่มีสีขาวเหลืองกรีดร้องอย่างอ่อนโยน “จิ๊บจิ๊บ!”


พอเห็นแบบนี้แล้ว เออร์บักผู้รอบรู้จึงรีบเข้าไปดูและพูดว่า “เธอกำลังทำอะไร? รีบไปตามนิมิตส์กลับมา! โอ้ ให้ตายเถอะ! ลูกนกที่เพิ่งฟักออกมาจะลืมตาเพื่อจดจำพ่อแม่ของมัน ซึ่งนี่อาจจะส่งผลกระทบต่อการรักษาของพวกมัน!”


ฉินสือโอวจึงรีบวิ่งออกไปทันที แต่นิมิตส์และบุชเจ้าสองตัวนี้จะบินออกไปเที่ยวเล่นทุกหนทุกแห่งทันทีที่ลืมตาขึ้นมา แล้วใครจะรู้ว่าตอนนี้พวกมันทั้งสองอยู่ที่ไหน?


ฉินสือโอวทั้งผิวปากทั้งตะโกนเรียกก็ยังไม่เจอนก เขากังวลมาก เขาหันหลังกลับมาและมองเห็นห่านหัวสิงโตตัวใหญ่กำลังบิดก้นไปมาพร้อมกับหาแมลงกิน เขาจับมันไว้และไม่สนใจการต่อสู้ของมัน จากนั้นจึงลากมันเข้าไปในห้องรับแขก


“พระเจ้า บอสคุณเอาห่านกลับมาได้อย่างไรครับ?” ชาร์คถามอย่างสงสัย


ฉินสือโอวจึงด่าว่า “ใครจะไปรู้ว่าตอนนี้นิมิตส์กับบุชจอมซนทั้งสองตัวนี้หายไปอยู่ที่ไหนแล้ว? แย่จริงๆ เลย! ถ้าอย่างนั้นใช้ห่านขาวแทนไปก่อนแล้วกัน พวกนายออกไป!”


หลังจากที่ทุกคนถอยออกไป ฉินสือโอวจึงยื่นห่านขาวใส่ลูกนกอินทรีทองเหมือนขนของนกพิราบที่ถูกดึงออกมา ตัวหนึ่งใหญ่ตัวหนึ่งเล็ก ตัวหนึ่งสีขาวตัวหนึ่งสีเทาพวกมันทั้งสองจ้องมองกัน


ห่านขาวเอียงหัวมองไปที่ลูกนกอินทรีทองอย่างประหลาดใจและตกตะลึงเล็กน้อย ลูกนกอินทรียังไม่รู้เรื่องอะไร มันเงยหน้าขึ้นมองห่านขาว เดาว่ามันอาจจะหนาว จึงไม่สนใจอะไรแล้วเดินบิดไปมาเข้าไปอยู่ใต้ท้องของห่านขาว


บริเวณท้องของห่านจะเป็นที่ที่อบอุ่นที่สุด ขนที่แยกออกจากกันนั้นคือที่ที่พวกมันฟักไข่


ขอบคุณที่พระเจ้าคุ้มครอง ฉินสือโอวโชคดีที่ห่านขาวตัวนี้อยู่นิ่งๆ เป็นอยู่บ้าง หลังจากลูกนกอินทรีทองเข้ามา มันก็ไม่ได้วิ่งหนีออกไปหรืออ้าปากเพื่อโจมตีฝ่ายตรงข้าม แต่กลับนั่งยองๆ ตามสัญชาตญาณของมันและหนีบลูกนกอินทรีทองไว้ระหว่างขาตรงบริเวณช่วงท้อง


ลูกนกอินทรีทองรู้สึกอุ่นขึ้นเมื่อได้กกอยู่ในนี้ มันยื่นคอออกไปอย่างสบายพร้อมกับหลับตาลงและส่งเสียงร้อง “จิ๊บจิ๊บ”


ห่านขาวหันหันหน้าไปมองรอบๆ ฉินสือโอวกลัวว่าสิ่งรอบข้างทั้งคนและสัตว์จะทำให้มันตกใจ ดังนั้นเขาจึงส่งสัญญาณให้ทุกคนออกไปอย่างรวดเร็ว ชาร์คและแบล็คไนฟ์ช่วยกันยกมาสเตอร์เต่าอัลลิเกเตอร์สแนปปิ้งอย่างสุดแรงและพามันออกไปด้วยกัน


ในความเป็นจริงอุณหภูมิในเดือนมีนาคมเป็นช่วงที่เต่าอัลลิเกเตอร์สแนปปิ้งสามารถทนกับอุณหภูมิระดับนี้ได้ ดังนั้นหลังจากลงไปที่พื้นมาสเตอร์จึงไม่ไปอยู่ที่เตาผิงอีกและเมื่อได้ทดสอบอุณหภูมิภายนอกแล้ว ขาทั้งสี่ขาของมันก็รีบคลานออกไปอย่างรวดเร็ว


หลังจากที่ให้ทุกคนออกไปแล้ว ห่านหัวสิงโตก็ผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย มันก้มหัวลงมองลูกนกอินทรีทองและอ้าปากกว้างคายหนอนตัวอ้วนออกมา


ด้วยสัญชาตญาณการกินของลูกอินทรีทองจึงอ้าปากเล็กๆ อันอ่อนโยนคาบหนอนไว้ มันยื่นหัวพร้อมกับยื่นคอกลืนหนอนตัวนั้นเข้าไปในคำเดียว จากนั้นก็คายออกมา…


หลังจากที่ลูกนกอินทรีทองกินหนอนเข้าไป ห่านหัวสิงโตก็กระพือปีกและกรีดร้องขึ้น “แคว๊กแคว๊ก”


ฉินสือโอวกังวลว่ามันจะบ้าคลั่งโจมตีลูกนกอินทรีทอง แต่ที่ไหนได้อยู่ๆ มันก็ก้มหัวลงและใช้หัวของมันลูบที่ลูกนกอินทรีทอง มันนอนหมอบอยู่ข้างๆ เตาผิงมาโดยตลอดและยังกางปีกออกแล้วหนีบลูกนกอินทรีทองเข้ามา!


แบล็คไนฟ์ดีใจขึ้นมาทันทีและพูดว่า “ดีมาก มันยอมเลี้ยงลูกนกอินทรีทองตัวนี้แล้ว!”


ฉินสือโอวจึงถามด้วยความแปลกใจว่า “ทำไมลูกนกอินทรีทองถึงคายหนอนออกมาล่ะ?”


ก่อนหน้านี้วินนี่เคยหาวิธีติดต่อผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์ปีกของนิวฟันด์แลนด์เจอ เธอจึงรีบโทรหาเขาและถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ทันที


หลังจากวางสายโทรศัพท์ วินนี่จึงอธิบายว่า “เข้าใจแล้วล่ะ หลังจากอินทรีทองเกิดได้สิบกว่าวันมันจะอาศัยน้ำลายของแม่นกเป็นอาหาร มันจะเหมือนกับเด็กเพิ่งเกิดที่ต้องกินนมแม่และนี่คือสาเหตุที่มันคายหนอนออกมา สารอาหารบางอย่างในนั้นไม่มีอาหารชนิดอื่นมาแทนได้ แต่หลังจากนั้นมันถึงจะเริ่มกินหนอนทั้งตัวได้ “


พอได้ยินแบบนี้ ทุกคนก็จ้องมองทันที ฉันจะหาน้ำลายของนกอินทรีทองคำได้จากที่ไหน?


วินนี่จึงโทรหาผู้เชี่ยวชาญอีกครั้ง จากนั้นศาสตราจารย์ด้านการศึกษานกที่มหาวิทยาลัยอนุสรณ์นิวฟันด์แลนด์ได้ให้คำแนะนำกับพวกเขาว่า “สามารถใช้หลอดเข็มฉีดยาดูดนมที่มีความเข้มข้นสูงป้อนเข้าไปเข้าปากของลูกนกได้ รับรองว่าพวกมันจะมีชีวิตรอดต่อไปได้!”


วินนี่ตบที่หลังฉินสือโอวเบาๆ ฉินสือโอวจึงรีบไปซื้อนมผงในเมือง หลังจากกลับมาเขาก็ชงนมผงกับนมอุ่นๆ แล้วใช้หลอดเข็มฉีดยาที่ได้มาจากโอดอมดูดเข้าไป

 

 

 


บทที่ 1022 อินทรีทองชื่อแคลร์

 

ฉินสือโอวดูดนมข้นใส่หลอดแล้วส่งให้วินนี่ กอร์ดอนที่เฝ้าดูข้างๆ และกำลังใช้ตะเกียบคีบข้าวเข้าปากอยู่ก็ยกมือขึ้นอย่างใจร้อนและพูดอย่างกระวนกระวายใจว่า “ผมป้อนเอง ผมป้อนเอง พี่วินนี่ให้ผมป้อนได้ไหมครับ?”


วินนี่ยิ้มพร้อมกับยื่นหลอดเข็มฉีดยาให้เขา ฉินสือโอวรู้สึกว่าเหตุการณ์นี้ศักดิ์สิทธิ์มากเพราะทั้งสองคนเหมือนกำลังส่งต่อคบเพลิงให้กัน วินนี่ที่ท่าทางดูเคร่งขรึมแบบนั้นและกอร์ดอนก็ดูจริงจังเป็นอย่างมาก


หลังจากได้หลอดเข็มฉีดยามาแล้ว กอร์ดอนก็โน้มตัวเข้าไปใกล้ๆ ห่านขาวอย่างระมัดระวังและเอื้อมมือเข้าไปใต้ปีกห่านขาวและพยายามคลำหาลูกนกอินทรีทอง


ห่านขาวค่อยๆ เงยหน้าขึ้นและจ้องไปที่กอร์ดอนด้วยสายตาไม่พอใจ


กอร์ดอนไม่สนใจ จึงบ่นพึมพำคนเดียวว่า ‘มองอะไร’ แล้วก็เอื้อมมือคลำหาต่อ


ฉินสือโอวรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ห่านหัวสิงโตเป็นสัตว์ที่น่ากลัวมาก ลูกตาของพวกมันจะมีลักษณะปูดขึ้น ดังนั้นไม่ว่าพวกมันเห็นอะไรทุกสิ่งจะเล็กกว่าตัวมันเองเสมอ อย่าว่าแต่เด็กอย่างกอร์ดอนเลย แม้แต่เสือที่ดุร้ายพวกมันก็ยังไม่กลัว


สำหรับสิ่งที่พวกมันไม่กลัว ห่านหัวสิงโตจะรังแกและดูถูกเหยียดหยามอย่างมีความสุขมาก


เมื่อมองตรงไปที่กอร์ดอน จู่ๆ ห่านหัวสิงโตก็โผล่หัวออกมาทันที ขณะนั้นฉินสือโอวก็นึกถึงงูแบล็กแมมบาเทพเจ้าแห่งงูในตำนานของแอฟริกา ว่ากันว่างูตัวนั้นโจมตีได้อย่างรวดเร็วมาก และห่านหัวสิงโตก็ยื่นหัวออกมาพร้อมกับอ้าปากกัดแขนของกอร์ดอน


“อ้า!” เสียงกรีดร้องอันแสนเจ็บปวดก็ดังขึ้น ขนสีเหลืองทองบนตัวหู่จือและเป้าจือที่กำลังนั่งยองๆ มองดูอยู่ข้างๆ ก็ลุกซู่ขึ้นทันที จากนั้นก็กระโดดถอยหลังออกไปอย่างไม่ทันตั้งตัวและเงยหน้าขึ้นมามองฉินสือโอวอย่างตกใจกลัว!


ฉินสือโอวไม่มีเวลามาปลอบหู่จือและเป้าจือ เขารีบเข้าไปแยกห่านหัวสิงโตและกอร์ดอนออกจากกัน กอร์ดอนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เนื่องจากอุณหภูมิในเดือนมีนาคมกลับเข้าสู่ช่วงอบอุ่นแล้วและอีกอย่างอุณหภูมิในห้องรับแขกก็ค่อนข้างสูง กอร์ดอนสวมเพียงแค่เสื้อขนแกะตัวเดียว ดังนั้นเมื่อถูกห่านหัวสิงโตกัดเข้าไป ยิ่งทำให้เขาน่าสงสาร


เมื่อแยกห่านหัวสิงโตออกแล้ว กอร์ดอนก็กรีดร้องพร้อมกับวิ่งออกไป วินนี่จึงช่วยเขาถอดเสื้อและดูแผลให้ บนไหล่ของเขามีรอยช้ำสีม่วงเขียวขนาดเท่าฝ่ามือ นี่ก็ทำให้เห็นแล้วว่าห่านหัวสิงโตนั้นโหดร้ายขนาดไหน!


ฉินสือโอวลากห่านหัวสิงโตและลูกนกที่ซ่อนอยู่ใต้ปีกของห่านหัวสิงโตก็หลุดออกมา มันจ้องมองไปรอบๆ อย่างว่างเปล่า ร่างกายอันเปลือยเปล่าและเปราะบางของมันสั่นขึ้นมา จากนั้นจึงเดินโซเซเข้าไปที่ใต้ตัวของห่านหัวสิงโต


อินทรีทองสมกับเป็นเจ้าแห่งนกจริงๆ แม้แต่นกที่เพิ่งเกิดใหม่ คิดไม่ถึงว่าจะสามารถเดินเตาะแตะไปมาได้แล้ว โดยทั่วไปลูกนกเพิ่งฟักไข่ออกมา จะมีแรงยกหัวขึ้นและส่งเสียงเท่านั้น ซึ่งแค่นี้ก็ถือว่ายอดเยี่ยมแล้ว


กอร์ดอนถูกกัด แต่งานให้อาหารนกยังคงต้องทำต่อ วินนี่รับหลอดเข็มฉีดยามาพร้อมกับพูดปลอบโยนว่า “ให้ฉันทำเองเถอะค่ะ เราต้องทำเพื่อเจ้าตัวเล็กใช่ไหม?”


ฉินสือโอวมองไปที่กอร์ดอนที่ยังคงร้องไห้อยู่ จึงส่ายหัวอย่างแรง “อย่าๆๆ ที่รัก คุณอย่าไปเสี่ยงเลย ให้ผมทำเถอะ”


แบล็คไนฟ์อดไม่ไหวจึงพูดออกมาว่า “บอส จะยากอะไร เดี๋ยวผมจะกดห่านตัวนี้ไว้เอง ส่วนพวกคุณแค่ป้อนก็พอ”


เบิร์ดกดไหล่เขาไว้แล้วส่ายหัวพร้อมพูดว่า “ไม่ได้ ถ้านายทำแบบนี้จะทำให้ห่านหัวสิงโตที่บังคับได้แล้วทิ้งลูกนกอินทรีทอง การเลี้ยงลูกเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ ถ้านายบังคับและทำหน้าที่แทนพวกมัน นี่จะเป็นการทำลายความเชื่อใจของพวกมัน”


“ถ้าอย่างนั้นจะทำอย่างไรดีล่ะ?” เชอร์ลี่ย์พูดอย่างท้อใจ “เราต้องเลี้ยงลูกนกอินทรีทองตัวน้อยไม่ใช่เหรอคะ?”


แซนเดอร์สเดินเข้ามาพร้อมกับทิญาและถามอย่างสงสัยว่า “เฮ้ ทุกคน พวกคุณกำลังมุงดูอะไรกัน? นกเหรอ? นกตัวนี้ป่วยเหรอ?”


วินนี่ยักไหล่พร้อมกับอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทิญาจึงถามด้วยความตกใจว่า “พระเจ้า ไข่นกอินทรีทองฟักตัวแล้วเหรอคะ? เป็นเรื่องที่ทำให้ฉันตกใจมากจริงๆ ถ้าทำให้นกอินทรีทองตัวนี้เชื่องได้ จะทำให้ผู้คนอิจฉามาก”


นกอินทรีทองเป็นหนึ่งในนกเพียงชนิดเดียวในโลกที่มนุษย์ไม่สามารถเลี้ยงให้เชื่องได้ หลังจากพวกมันเจริญเติบโตแล้วนกอินทรีทองจะมีนิสัยที่เข้มแข็งและซื่อตรงมาก เมื่อถูกจับพวกมันจะอดอาหารหรือไม่ก็ทำร้ายตัวเอง แทนที่จะทำตัวเชื่อง


ในการเลี้ยงนกอินทรีทอง จะต้องเริ่มเลี้ยงตั้งแต่เป็นลูกนกเท่านั้นและการเลี้ยงดูนกอินทรีทองเป็นเรื่องที่ยากลำบาก เปลืองแรงและเปลืองเงิน ซึ่งเหมือนกับเจ้าหญิงและเจ้าชายในตะวันออกกลางเหล่านั้นที่ใช้ชีวิตไปวันๆ ไม่ทำอะไร


หลังจากแซนเดอร์สรู้ปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว เขาก็คิดอยู่สักพักแล้วเสนอแนะว่า “ผมจะเอายาสลบที่สามารถใช้กับปลา นกหรือสัตว์อื่นๆ ได้มาให้ แต่ไม่รู้เราจะแอบวางยาห่านตัวนี้ได้อย่างไร?”


ฉินสือโอวรู้สึกว่าข้อเสนอนี้ก็ไม่เลว เบิร์ดจึงตามแซนเดอร์สไปเอาขวดยา เมื่อได้มาแล้วก็เอายาสลบใส่ลงไปในหลอดเข็มฉีดยาเล็กน้อยและเสียบเข้าข้างในปีกของห่านขาวแล้วฉีดเข้าไป


ในไม่ช้า ห่านขาวก็ไม่สามารถรักษาสมดุลได้อีกต่อไป มันเดินโซเซวนไปมาอยู่อย่างนั้นซ้ำๆ จากนั้นร่างกายของมันก็แข็งทื่อและล้มลงไปนอนกับพื้น


วินนี่รู้สึกว่าวิธีมันโหดร้ายมากจึงส่ายหัวแล้วพูดว่า “ต่อไปไม่เอาแบบนี้แล้วนะคะ ยาสลบเป็นอันตรายต่อสุขภาพของห่านมากเกินไป”


แซนเดอร์สจึงอธิบายว่า “ไม่นะ ยาสลบของผมชนิดนี้ได้รับการพัฒนามาจากทางการแพทย์ของมนุษย์ ส่วนประกอบหลักคือเวคิวโรเนียม ซึ่งเป็นยาหย่อนกล้ามเนื้อ เป็นยาที่ร่างกายสามารถย่อยสลายได้และอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตเพียงเล็กน้อย”


พอห่านหัวสิงโตนอนลง ลูกนกอินทรีทองก็ปรากฏตัวขึ้นและอยู่ต่อหน้าทุกคนอย่างไม่รู้เรื่องอะไร


ฉินสือโอวโบกมือให้ทุกคนรีบถอยออกไป หู่จือเป้าจือและฉงต้าก็นั่งยองๆ บนพื้นมองอย่างไม่อาย ดังนั้นเขาจึงอดไม่ได้ที่จะด่าว่า “มองอะไร? มีอะไรน่าดูเหรอไง? ออกไปเล่นกันได้แล้ว อย่ามาอยู่ที่นี่!”


มีเงารางๆ ปรากฏขึ้นแวบหนึ่ง ซึ่งเป็นแมวป่าตัวอ้วนกระโดดขึ้นไปบนโซฟาแล้วเบิกตาจ้องมองไปที่ลูกนกอินทรีทองที่กำลังเหม่อลอยอยู่บนพื้น มันอ้าปากกว้างและแลบลิ้น จากนั้นขนหูของมันก็ตั้งชันขึ้นด้วยความตื่นเต้น


วินนี่จึงรีบเอื้อมมือไปจับแมวป่าไว้ พร้อมกับตบก้นเล็กๆ ของมันแล้วเตือนว่า “นี่ไม่ใช่ของกินนะ กินไม่ได้ เข้าใจไหม?!”


เจ้าแมวป่าตัวนี้ต้องได้รับการตักเตือนเพราะความสัมพันธ์ระหว่างแมวป่าและอินทรีทองค่อนข้างสลับซับซ้อน ลูกนกอินทรีทองเป็นหนึ่งในอาหารของแมวป่าและนกอินทรีทองที่ตัวโตเต็มวัยแล้วก็จะกินแมวป่าทั้งตัวใหญ่และตัวเล็ก แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะไม่ได้บาดหมางกัน แต่ความสัมพันธ์กลับไม่ค่อยดีเท่าไร


เมื่อถูกวินนี่ตักเตือน อารมณ์ของราชาซิมบ้าก็หดหู่ขึ้นทันทีและขนหูของมันเริ่มตกลงอีกครั้ง


ฉินสือโอวรีบไล่คนอื่นๆ ออกไป วินนี่จึงอุ้มลูกนกอินทรีทองใส่เข้าในตู้ฟักไข่และค่อยๆ ปลอบจนมันสงบลง จากนั้นฉินสือโอวจึงฉีดยาใส่ปากหลอดพลาสติกแล้วก็ยัดเข้าไปในปากของลูกนกอินทรีทองและค่อยๆ หยอดเข้าไปทีละนิด


เดิมทีลูกนกอินทรีทองปฏิเสธ หลังจากเข้าไปในตู้ฟักไข่ มันรู้สึกว่าอุณหภูมิพอเหมาะแล้ว จึงนอนลง ส่วนนมข้นที่หยอดเข้าไปในปาก มันกลับส่ายหัวไม่ยอมกิน


หลังจากไม่ยอมกินหลายครั้ง ในที่สุดก็มีน้ำนมไหลเข้าปากและมันก็ดูดปากกินเข้าไปด้วยสัญชาตญาณของมัน จากนั้นจึงลองให้มันเริ่มดื่มนมช้าๆ


ตั้งแต่ทำตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาเรื่องนก นี่เป็นครั้งแรกที่ลูกนกอินทรีทองกินเข้าไปถึงห้าหกคำ เมื่อเห็นความแรงของยาสลบในตัวของห่านขาวลดลงแล้ว วินนี่จึงเอาลูกนกอินทรีทองกลับเข้าไปอยู่ใต้ตัวมัน


หลังจากห่านหัวสิงโตตื่นแล้ว ก็เอาลูกนกอินทรีทองไปพักอยู่ข้างๆ เตาผิงกับห่านขาว ซึ่งเป็นการพักผ่อนอย่างสะดวกสบายได้ชั่วคราว


ดังนั้นงานที่เหลือคือการตั้งชื่อให้ลูกนกอินทรีทอง ฉินสือโอวเคยคิดเรื่องนี้มานานแล้วจึงพูดว่า “งั้นให้มันชื่อว่าแคลร์ไหม เป็นอย่างไรบ้าง?”


การตั้งชื่อจะต้องเป็นระบบ นกสองตัวในฟาร์มปลาอย่างนกฟรีเกตผู้ยิ่งใหญ่ที่มีชื่อว่านิมิตส์ นี่คือชื่อที่สง่างามจากทหารเรือผู้กล้าหาญของอเมริกาและนกอินทรีหัวขาวมีชื่อว่าบุช ชื่อนี้ไม่ต้องการคำอธิบายเลยเพราะอย่างไรทั้งสองชื่อนี้ก็เป็นชื่อของบุคคลที่มีชื่อเสียงทางการเมืองหรือไม่ก็ทางการทหารของอเมริกา


ดังนั้นชื่อของลูกนกอินทรีทองจึงต้องสอดคล้องกับกฎนี้และฉินสือโอวรู้สึกว่าไม่มีชื่อไหนเหมาะสมเท่าชื่อแคลร์อีกแล้ว

 

 

 


บทที่ 1023 วันแห่งการดองไข่เค็ม

 

แคลร์ พลโทแห่งกองทัพอากาศสหรัฐอเมริกา ผู้บัญชาการการรบทางอากาศที่มีชื่อเสียงของเอเชียในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เป็นผู้บัญชาการสูงสุดแห่งกองทัพอากาศอาสาสมัครของสหรัฐที่ทำสงครามในประเทศจีน ซึ่งมีชื่อเต็มคือแคลร์ ลี่ แชนนอล และคนจีนก็เคยชินกับการเรียกเขาว่า ‘แคลร์’ เพราะเป็นทหารที่มีทัศนคติที่สูงส่ง


บุคคลที่มีความสามารถในประวัติศาสตร์ของกองทัพอากาศโลกได้เกิดขึ้นมากมายเช่นฮูโก ชแปร์เลอ มันเฟรท ฟ็อน ริชท์โฮเฟินและโรแบร์ท ฟ็อน ไกรม์ซึ่งเป็นบุคคลที่คุ้นเคยกับประวัติศาสตร์การต่อสู้ทางอากาศของโลก ดังนั้นจึงต้องเป็นชื่อที่ต้องคุ้นหูอย่างแน่นอน เมื่อเทียบกับพวกเขาแล้ว แคลร์จึงเป็นได้แค่ตัวประกอบเท่านั้น


แต่ฉินสือโอวก็รู้จักคนเหล่านี้แค่ในสารคดีเท่านั้น สำหรับนายพลแคลร์แล้วเขากลับรู้จักเป็นอย่างดี


นอกจากนี้ยังให้ความหมายพิเศษในการตั้งชื่อลูกนกอิทรีทองว่าแคลร์อีกว่า นายพลแคลร์เป็นทหารต่างชาติที่ช่วยเหลือจีนในสงครามต่อต้านญี่ปุ่นและลูกนกอิทรีทองก็เป็นนกต่างถิ่นที่ช่วยเหลือนิมิตส์และบุช


เพียงแต่นายพลแคลร์ช่วยประเทศจีนที่กำลังลำบากทุกข์ยากและยอมทิ้งชื่อเสียงที่ยาวนานหลายศตวรรษไป แต่ลูกนกอินทรีทองถูกบุชเจ้านกใจร้ายปล้นและจัดการกับพ่อแม่ของมัน จากนั้นก็ไม่รู้ว่ามันจะถูกพวกเดียวกันประณามเสียๆ หายๆ ว่าเป็น ‘อินทรีทรยศ’ หรือไม่…


ชื่อนี้เป็นชื่อที่คิดออกหลังจากที่ฉินสือโอวและวินนี่ได้พูดคุยปรึกษากัน ทั้งคู่ประทับใจในตัวนายพลแคลร์มากและเห็นอกเห็นใจในชะตากรรมของลูกนกอินทรีทอง ดังนั้นจึงตั้งใจตั้งชื่อดีๆ แบบนี้ให้มัน


หลังจากที่ฉินสือโอวบอกชื่อออกไปแล้ว ทุกคนก็ค่อยๆ พยักหน้า แบล็คไนฟ์จึงพูดว่า “บอส ชื่อนี้ไม่เลวเลย ในเมื่อคุณตั้งชื่อความหมายดีๆ ให้กับสัตว์เลี้ยงได้ แล้วทำไมคุณถึงตั้งชื่อให้ลูกสาวว่า ‘เถียนกวา’ ล่ะ?”


ฉินสือโอวหรี่ตาใส่พร้อมกับยิ้มแล้วถามว่า “แล้วมีปัญหาอะไรไหม?”


“ไม่มีแน่นอนครับ!” แบล็คไนฟ์คุยโอ้อวดว่า “เถียนกวาเป็นชื่อที่น่ารักมาก ผมอยากจะมีลูกสาวอีกคนจริงๆ และจะตั้งชื่อน่ารักๆ แบบนี้ให้เธอ”


แสงแดดยามบ่ายอันแสนอบอุ่น ฉินสือโอวกำลังพูดคุยกับชาวประมง ทันใดนั้นไวส์ก็วิ่งเข้ามาจากประตูด้วยความหวาดกลัวและตะโกนว่า “สู้กันแล้ว! มาสเตอร์กำลังต่อสู้ครับ!”


 “มาสเตอร์? มาสเตอร์จากที่ไหน? ถึงกล้าเรียกตัวเองว่ามาสเตอร์ต่อหน้าอาจารย์อย่างนี้ได้!” ฉินสือโอวถาม


ไวส์ชี้ไปที่ข้างนอกประตูแล้วพูดว่า “มันคือมาสเตอร์ตัวใหญ่ อาจารย์คุณบอกไม่ใช่เหรอว่ามันเป็นสัตว์ในตำนานของสำนักเรา? ตอนนี้มันกำลังตีกันกับปอหลัวครับ!”


พอได้ยินเช่นนั้น ฉินสือโอวก็ถึงเข้าใจว่าตัวเองเข้าใจผิด มาสเตอร์จะอ่อนแอในช่วงฤดูหนาวและจะนิ่งเฉยเป็นอย่างมาก


ฉินสือโอวออกไปและเห็นว่าปอหลัวและมาสเตอร์กำลังเผชิญหน้ากันอยู่ ทุ่งหญ้ารอบๆ ก็กระจัดกระจายไม่เป็นระเบียบ แต่ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายไม่ได้ทำอะไร พวกมันแค่จ้องเขม่นใส่กันเท่านั้น


ฉินสือโอวจึงตะโกนเรียกให้คนมาสองสามคนให้พวกเขามายกมาสเตอร์ออกไปแล้วลากเอาปอหลัวมาไว้ข้างๆ เพื่อพยายามลดโอกาสที่พวกมันจะได้เจอหน้ากันและยังลดการปะทะกันของพวกมันอีกด้วย


ตอนนี้เพื่อที่จะดูแลเจ้าเด็กเหล่านี้ให้ดี ฉินสือโอวจึงต้องเป็นทั้งพ่อและแม่ให้กับพวกมัน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเหนื่อยใจจริงๆ


ในช่วงหิมะตกในฤดูหนาวของมาสเตอร์จะถูกปอหลัวจัดการอย่างน่าสงสาร ฉินสือโอวคงคิดไว้นานแล้วว่าด้วยอารมณ์และความใจแคบของเจ้ามาสเตอร์ มันจะต้องเอาคืนอย่างแน่นอน เพียงแค่เขาคิดไม่ถึงว่ามาสเตอร์จะแก้แค้นในช่วงฤดูหนาวได้!


หลังจากนั้นไม่กี่วัน ฉินสือโอวก็เฝ้าระวังพวกมัน เมื่ออากาศเริ่มอุ่นขึ้น พลังของมาสเตอร์ก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ อารมณ์ก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเช่นกันและมันก็หาเวลาที่จะแก้แค้นอยู่ตลอดเวลา


พ่อฉินกลับรู้สึกว่าฉินสือโอวใช้เวลาว่างทั้งวันเดินเล่นกับนกและหยอกเล่นกับสุนัขมากเกินไป จึงพูดว่า “ถ้าแกไม่มีอะไรทำก็ไปทำความสะอาดไม่ดีกว่าเหรอ? ไปดูลูกสาวของแกบ้าง จะเอ้อระเหยไปวันๆ แบบนี้ได้อย่างไร?”


ฉินสือโอวจึงพูดอย่างไม่พอใจว่า “ที่บ้านก็มีเด็กๆ ทำความสะอาดแล้ว ส่วนเถียนกวาก็มีวินนี่และแม่สับเปลี่ยนกันดูแลแล้ว แล้วผมยังต้องทำอะไรอีก? อีกอย่างผมว่างที่ไหน เห็นๆ อยู่ว่ากำลังจัดระเบียบเรื่องในบ้านว่ามันดีหรือไม่ดี?”


พ่อฉินไม่ฟังคำอธิบายของฉินสือโอว เขาคิดอยู่สักพักแล้วพูดว่า “เอาอย่างนี้ ไข่เป็ด ไข่ห่าน ไข่นกที่นี่มีมากมาย เรากินไม่ไหวหรอก จะทิ้งไว้ในตู้น้ำแข็งก็ไม่ใช่เรื่อง งั้นเอามาทำไข่เค็มเถอะ”


ไข่เค็มเป็นอาหารที่ฉินสือโอวคุ้นเคยเป็นอย่างดี เมื่อตอนที่เขายังเป็นเด็กที่บ้านของเขามีโถเซรามิกสีน้ำตาลหนาอยู่ใบหนึ่ง ซึ่งใช้สำหรับดองไข่เค็มกินโดยเฉพาะ ก่อนที่เขาจะเรียนมัธยม สภาพที่บ้านไม่ค่อยดีนัก ปกติจึงไม่ค่อยได้กินเนื้อสัตว์ เมื่อถึงเวลารับประทานอาหารถ้าแม่เอาไข่เค็มออกมาให้เขากิน นั่นจะทำให้เขามีความสุขตลอดทั้งวัน


ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตหรือตลาดที่ไหนก็สามารถหาซื้อไข่เค็มสำเร็จรูปได้แล้ว อีกทั้งยังเป็นบรรจุแบบสุญญากาศ แม้แต่ไข่แดงเค็มดิบก็ยังขาย ดังนั้นไข่เค็มจึงไม่ใช่ของหายากในวัยเด็กอีกต่อไปและฉินสือโอวก็ไม่ได้กินนานจนเกือบลืมรสชาติไปแล้ว


ถ้าพ่อฉินแนะนำอย่างอื่น ฉินสือโอวก็คงจะขัดแย้ง แต่พอได้ยินว่าจะดองไข่เค็มกัน หัวของเขาก็นึกถึงโถเซรามิกผิวหยาบและไข่แดงที่มีน้ำมันเยิ้มที่บ้าน คิดแล้วก็รู้สึกอยากกินขึ้นมาทันที


ไข่เป็ดจำนวนมากในฟาร์มปลาจะถูกเก็บไว้ในน้ำปูนขาวในตู้น้ำแข็ง ซึ่งจะทำให้ยืดอายุการเก็บรักษาให้นานขึ้นได้


ไข่ไก่ก็สามารถเอามาต้ม ผัด ทอดกินได้ ไข่นกหรือไข่ห่านก็ทำได้เช่นกัน แต่ถ้าเป็นไข่เป็ดจะไม่ค่อยเหมาะเท่าไร


ไข่เป็ดมีกลิ่นแรง โดยเฉพาะเป็ดที่เลี้ยงในฟาร์มปลากลิ่นจะแรงเป็นพิเศษ จึงไม่ควรใช้วิธีธรรมดาทั่วไป แต่เหมาะกับการดองไข่เค็มมาก เนื่องจากไข่เป็ดมีกลิ่นแรง จึงดองออกมาให้มีกลิ่นที่ไข่ชนิดอื่นๆ ไม่มี


ฉินสือโอวจึงสั่งซื้อโถเซรามิกออนไลน์ พ่อฉินตกใจมากจึงถามว่า “โถเซรามิกนี่ก็สั่งซื้อออนไลน์ได้ด้วยเหรอ? ถ้าเอามาส่งแล้วจะไม่แตกใช่ไหม?”


ฉินสือโอวหัวเราะแล้วพูดว่า “ตอนนี้เป็นยุคของเศรษฐกิจทางอินเทอร์เน็ต พ่อต้องปรับตัวให้เข้ากับชีวิตแบบนี้ได้แล้วนะ อย่ากังวลไปเลย อย่าบอกว่าพ่อซื้อเซรามิกผิวหยาบ นี่ผมกำลังซื้อเครื่องลายครามสีฟ้าขาว ขอแค่เจ้าของร้านกล้าขาย การขนส่งจะไม่มีเกิดปัญหาแน่นอน”


พ่อฉินส่ายหัวและพูดว่า “ฉันกับแม่ของแกแก่แล้ว เรียนรู้อะไรพวกนี้ไม่ได้หรอก”


เซรามิกผิวหยาบเป็นผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นของเซนต์จอห์น จึงสามารถส่งของให้ถึงได้ในวันเดียว พ่อฉินมองไปที่โถสีดำที่มีเชิงเล็กๆ สูงๆ และพูดอย่างหดหู่ว่า “เจ้านี่สวยจริงๆ ตอนแกเด็กๆ เราไม่ได้ให้ความสำคัญกับการดองไข่เป็ดเลย เสี่ยวฉินแกจำได้ไหมว่าเราใช้อะไรดอง?”


ฉินสือโอวจึงหัวเราะขึ้นมา ทำไมเขาจะจำไม่ได้ล่ะ? ตั้งแต่เด็กจนเขาโตเป็นผู้ใหญ่ การดองไข่เค็มของที่บ้านจะใส่เต้าเจี้ยวหมักกระปุกใหญ่


บ้านเกิดของเขาอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของมณฑลซานตง ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่ไม่อุดมสมบูรณ์และมีภูเขาเยอะ ในฤดูหนาวก็จะไม่ค่อยมีผัก เต้าเจี้ยวหมักจึงกลายเป็นหนึ่งในอาหารหลักในช่วงฤดูหนาว ซึ่งมันมีรสชาติเค็มมาก จะกินซาลาเปา โจ๊กหรือกินกับข้าวก็อร่อย


ดังนั้นจึงไม่เหมือนกับที่อื่น ที่บ้านเกิดของฉินสือโอว บ้านใครที่ซื้อเต้าเจี้ยวหมักก็มักจะซื้อแบบกระปุกเสมอและไม่กลัวว่ามันจะเน่าเสียด้วย เพราะอย่างมากก็แค่กลายเป็นเต้าหู้เหม็นและมันก็สามารถกินได้เหมือนกัน


ดังนั้นพอกินเต้าเจี้ยวหมักในกระปุกหมดแล้ว ก็จะนำมาล้างให้สะอาดและใช้ดองไข่เค็มได้เพราะขนาดกำลังพอดี


กระปุกเต้าเจี้ยวหมักสามารถหมักไข่เค็มได้ครั้งละประมาณยี่สิบฟอง ครั้งนี้ฉินสือโอวจึงใช้โถที่ขนาดใหญ่กว่าและสามารถจุได้ห้าสิบฟองอย่างไม่มีปัญหา เขาจึงซื้อมาสิบโถเพราะถึงอย่างไรในฟาร์มปลาก็มีคนเยอะ เมื่อถึงเวลาก็จะได้กินกันไวๆ


โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ ฉินสือโอวหันกลับไปมองที่อีวิลสันที่กำลังนั่งยองๆ อยู่ข้างหลังเหมือนกับภูเขาลูกหนึ่ง ถ้ามีเขาอยู่ เขาจะดองไข่เค็มครั้งละพันฟองและเอาออกมากินก็ไม่มีปัญหา!

 

 

 


บทที่ 1024 พ่อแม่กลับบ้านแล้ว

 

ฉินสือโอวหาตะกร้าหวายมาให้อีวิลสันและให้เขาไปเอาไข่เป็ดที่เก็บไว้ในตู้น้ำแข็งมา


“เอามาต้มกินเหรอ?” อีวิลสันถามอย่างสงสัย


ฉินสือโอวใช้โทรศัพท์มือถือหารูปไข่เค็มให้เขาดูและพูดว่า “ไม่ เราจะเอามาดองกิน”


อีวิลสันคิดสักพักแล้วยิ้มกว้างออกมาก “น่ากิน!”


หลังจากดูรูปแล้ว อีวิลสันก็ไปที่ตู้น้ำแข็งอย่างมีความสุข พ่อฉินและฉินสือโอวก็ล้างโถเซรามิกรอ เมื่อพวกเขาทำความสะอาดโถเสร็จแล้ว อีวิลสันก็กลับมาพร้อมกับไข่เป็ดที่มีความชื้นในตะกร้าหวายพอดี ไข่เป็ดที่เก็บไว้ในตู้น้ำแข็งนี้จะใช้น้ำทะเลในการหมัก


ไข่ไก่ ไข่เป็ดและไข่ห่านไม่สามารถเก็บไว้ในอุณหภูมิต่ำได้ เนื่องจากในไข่ขาวมีโปรตีนเป็นหลักและจะถูกทำลายได้ง่ายหากอุณหภูมิต่ำเกินไป ซึ่งจะทำให้ไม่สามารถกินได้ ดังนั้นอุณหภูมิจึงต้องไม่ต่ำเกินไปเพราะจะทำให้เน่าเสียได้ง่าย


ด้วยเหตุนี้ฉินสือโอวจึงวางกล่องพลาสติกขนาดใหญ่ไว้ในตู้น้ำแข็งน้ำและใส่น้ำทะเลไว้ข้างใน เพราะในน้ำทะเลมีส่วนประกอบของเกลืออยู่ เปลือกของไข่ไก่ ไข่เป็ดและไข่ห่านส่วนใหญ่จะเป็นแคลเซียมคาร์บอเนต ซึ่งสามารถทำปฏิกิริยาและจะทำให้เก็บรักษาไข่ได้นานขึ้น


พ่อฉินเชี่ยวชาญในการดองไข่เค็ม ฉินสือโอวจำได้ว่าตอนเด็กๆ ในหมู่บ้านของเขาถ้าจะดูว่าใครดองไข่เค็มได้ดีหรือไม่ดี จะต้องดูที่สีของไข่แดงของไข่เป็ดและความเยิ้มของน้ำมันในไข่แดง ซึ่งน้ำมันที่เยิ้มในไข่แดงจะบอกได้ว่าไข่เค็มฟองนี้ดองออกมาได้ดีที่สุด


ที่บ้านเพื่อนของฉินสือโอว ส่วนใหญ่จะดองไข่เค็มให้มีน้ำมันเยิ้มในไข่แดงกันไม่ค่อยได้ แต่การดองไข่เค็มของพ่อและแม่ของเขากลับประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก จนบางครั้งเพื่อนบ้านต้องเอาไข่มาให้พวกเขาดองให้


ต่อมาพอเข้ามาในเมือง ฉินสือโอวก็พบว่าไข่แดงของไข่เป็ดในซูเปอร์มาร์เก็ตก็มีน้ำมันเยิ้มออกมาเช่นเดียวกัน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เขามีความสุขอยู่พักหนึ่ง เพราะจากนั้นไม่นานข่าวอื้อฉาวเกี่ยวกับไข่เค็มซูดานก็เกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว…


หลังจากที่พ่อฉินเห็นกองไข่ไก่ ไข่เป็ดและไข่ห่านในตู้น้ำแข็งของฟาร์มปลาแล้ว ก็คิดเรื่องการดองไข่เค็มก่อนทันที ก่อนหน้านี้เขาเตรียมของเกือบครบทุกอย่างแล้ว ซึ่งต้องการแค่เหล้าขาวและเกลือเค็มเท่านั้นเอง


ตามประเพณีบ้านเกิดของฉินสือโอว จะใช้โคลนเหลืองในการดองไข่เค็ม โคลนเหลืองและเกลือผสมกับน้ำแล้วนำมาห่อไข่เป็ด ซึ่งจะทำให้ไข่เค็มที่ดองออกมามีรสชาติอร่อย


ตอนนี้ผู้คนให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากขึ้น การห่อไข่เป็ดด้วยโคลนเหลืองทิ้งไว้ทั้งสกปรกและวิธีการทำค่อนข้างยุ่งยาก พอได้ลองเปลี่ยนวิธีทำดู ก็ทำให้ฉินสือโอวรู้สึกว่าจริงๆ แล้วการใช้โคลนเหลืองห่อไข่และนำมาการดองนั้นดีที่สุด


เขาจึงปรึกษากับพ่อฉินและถามว่า “ถ้าอย่างนั้นผมจะไปหาโคลนเหลืองละเอียดๆ มา เราจะได้ใช้วิธีหมักของที่บ้านดีไหม?”


พ่อฉินหันกลับไปมองที่วินนี่พร้อมส่ายหัวแล้วพูดว่า “ช่างเถอะ มันไม่สะอาด ต้องเปลืองแรงทำความสะอาดอีกที แกมันขี้เกียจมากเกินไปแล้วจริงๆ วินนี่ต้องเป็นคนที่ต้องทำความสะอาดหลังจากนี้นะ!”


ฉินสือโอวหัวเราะ นี่ใช่พ่อหรือเปล่า? ลูกชายฉันขี้เกียจขนาดนี้เลยเหรอ?


พ่อฉินล้างไข่เป็ดให้สะอาดอย่างระมัดระวัง เขาใช้แปรงเช็ดสิ่งสกปรกที่เปลือกไข่จนสะอาด จากนั้นนำออกไปผึ่งให้แห้ง


ฉินสือโอวจึงไปต้มน้ำเกลือ เขาใส่น้ำลงหม้อและเทเกลือถุงใหญ่ลงไปต้มให้ละลาย จากนั้นก็ใส่โป๊ยกั๊กสองสามเม็ด พริกไทยเสฉวนอีกนิดหน่อยและอบเชยหนึ่งชิ้นลงไปต้มด้วยกัน หลังจากต้มจนเดือดแล้วก็รอให้น้ำเย็น แล้วจึงเทลงขวดเหล้าขาว


จากนั้นเทน้ำเกลือลงในโถและใส่ไข่เป็ดตามลงไปอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็ดองไว้ประมาณหนึ่งเดือนก็ใช้ได้แล้ว


ดังนั้นไข่เค็มที่หมักด้วยวิธีนี้จะทั้งอร่อยและสะอาด แต่จะใช้เวลาค่อนข้างนาน พ่อฉินจึงใช้วิธีอื่น ที่ง่ายกว่าและรวดเร็วกว่า ซึ่งใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งเดือนก็สามารถดองได้รสเค็มแล้ว


จากนั้นจึงเอาไข่เป็ดในเหล้าขาวที่มีดีกรีสูงเขย่าหนึ่งรอบ แล้วนำเกลือมาห่อไข่เป็ดเป็นชั้นบางๆ แล้วเอาใส่ในถุงพลาสติกก็พอ


วินนี่มองดูอยู่ข้างๆ จึงถามว่า “ทำไมวิธีดองถึงแบ่งเป็นสองแบบล่ะค่ะ?”


ฉินสือโอวโอบเธอพร้อมกับพูดว่า “วิธีหลังจะเร็วมากกว่า เพราะถุงพลาสติกรักษาอุณหภูมิได้ดี เกลือจะเข้าไปได้เร็วกว่า แค่ครึ่งเดือนไข่เป็ดก็จะมีรสชาติเค็ม แต่ไข่เป็ดที่ดองด้วยวิธีนี้จะไม่หอม ถ้าเป็นวิธีแรกจะใช้น้ำหมักเครื่องเทศในการดองไข่เป็ด ดังนั้นจึงจะมีกลิ่นหอมและหลังจากแช่น้ำหนึ่งเดือนไข่แดงในไข่เป็ดก็จะมีน้ำมันออกมาด้วย แต่วิธีนี้จะใช้เวลามากไปหน่อย”


วินนี่พยักหน้าอย่างเข้าใจทันที หลังจากพ่อฉินสาธิตวิธีทำให้ดูสักพัก วินนี่และคนอื่นๆ อีกหลายคนก็เริ่มช่วยกันทำความสะอาดไข่เป็ด จากนั้นไม่นานไข่เป็ดมากกว่าห้าร้อยฟองก็ทำการดองได้สำเร็จ


อีวิลสันนำขวดโหลไปวางไว้ที่ร่มๆ ในวิลล่าอย่างระมัดระวัง เหมือนกับที่ฉินสือโอวเคยทำเมื่อตอนที่เขายังเป็นเด็กอยู่ที่บ้าน


พอล้างไข่เป็ดแล้ว ฉินสือโอวสะบัดมือเบาๆ จากนั้นก็ไปดูลูกนกอินทรีทองอีกครั้ง


แม้ว่าห่านหัวสิงโตจะมีนิสัยที่ก้าวร้าว แต่ไม่รู้ว่ามันเคยกินปลาและกุ้งที่มีพลังโพไซดอนไปหรือเปล่า รู้แต่ว่ามันเป็นสัตว์ที่ฉลาดมาก หลังจากโดนเข็มฉีดยาสลบเป็นเวลาหลายวัน มันก็เริ่มรู้ทันแล้ว พอเห็นมีคนถือเข็มฉีดยาสลบเข้ามาใกล้ๆ มันก็จะทำตัวดีๆ ทันที


ฉินสือโอวหยิบเข็มฉีดยาสลบพร้อมกับลากลูกนกอินทรีทองออกมาและหยอดนมเข้าในปากให้มัน


ลูกนกอินทรีทองฉลาดกว่า มันพบว่าแม่ห่านขาวไม่สามารถป้อนอาหารให้มันอิ่มได้ จึงต้องอาศัยหลอดเข็มฉีดยาในมือของฉินสือโอวเพื่อกินให้อิ่มท้อง ดังนั้นตอนนี้ได้เห็นหลอดเข็มฉีดยาก็จะกระตือรือร้นมากกว่าได้เห็นแม่ของมันเองเสียอีก


แค่ในช่วงเวลาสี่ห้าวัน ร่างกายของลูกนกอินทรีทองก็เริ่มมีขนนุ่มและละเอียดเกิดขึ้น สีขนมันไม่ใช่สีเรียบหรือสวยงามอะไร แต่เป็นสีเทาอ่อน ซึ่งมองดูแล้วน่าเกลียดมาก ถ้าไม่ใช่เพราะปากรูปตะขอที่เต็มไปด้วยความดุร้าย เมื่อมันออกไปข้างนอกมีความเป็นไปได้สูงมากที่จะถูกถอนขนออกจนเป็นไก่ตัวผู้


ฉินสือโอวป้อนนมลูกนกอินทรีทองพร้อมกับใส่น้ำลงในอ่างไปด้วย เพื่อถ่ายทอดพลังโพไซดอนส่วนหนึ่งให้พวกมัน


บุชและนิมิตส์บินตามกันมา ห่านขาวจึงรีบลุกขึ้นยืนอย่างหวาดระแวงทันที มันกระพือปีกเพื่อบังลูกนกอินทรีทองไว้


ความรักของแม่นั้นยิ่งใหญ่จริงๆ ไม่ว่าจะเป็นห่านหัวสิงโตหรือห่านไท่หู พวกมันต่างก็กลัวอินทรีหัวขาว เพราะพวกมันกังวลว่าบุชและนิมิตส์จะทำร้ายแคลร์ตัวน้อย ห่านขาวจึงไม่กลัวตั้งแต่เห็นพวกมันครั้งแรก


บุชและนิมิตส์ไม่มีเจตนาร้ายต่อเจ้าแคลร์ตัวน้อย พวกมันทั้งสองฉลาดมาก เมื่อรู้ว่านี่เป็นความช่วยเหลือจากภายนอกที่สำคัญของพวกมันในอนาคต และยังประจบเอาใจมันอย่างสุดความสามารถ ซึ่งจะเอาปลาตัวเล็กติดมาด้วยทุกครั้งที่กลับมา


น่าเสียดายที่ตอนนี้แคลร์ตัวน้อยไม่สามารถกินอาหารที่มีเส้นใยดิบได้ จึงต้องให้ห่านขาวกินแทน


ฉินสือโอวป้อนนมแคลร์ตัวน้อยจนอิ่ม จากนั้นก็ยัดมันกลับไปให้กับห่านขาว ห่านขาวที่กางปีกออกอยู่ก็พับปีกลงแล้วซ่อนลูกนกอินทรีทองไว้


หลังจากที่ขนเริ่มยาวขึ้น ความสามารถในการต้านทานความหนาวของนกอินทรีทองก็ดีขึ้นและไม่ต้องการความอบอุ่นจากห่านขาวอีกต่อไป แต่ตอนนี้แคลร์ตัวน้อยและห่านขาวมีความผูกพันกันแล้ว ฉินสือโอวจึงไม่ได้บังคับให้พวกมันแยกออกจากกัน


หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จ ฉินสือโอวก็กำลังจะขึ้นไปเตรียมตัวข้างบน พ่อฉินโบกมือให้เขาแล้วพูดว่า “ฉันคุยกับแม่แกแล้วว่าอีกสองวันนี้จะกลับบ้าน”


“ทำไมถึงคิดอยากจะกลับกะทันหันแบบนี้ล่ะครับ? อยู่ที่นี่ช่วยผมกับวินนี่ดูแลเด็กๆ ไม่ดีเหรอ? ถ้าพ่อกับแม่กลับไปแล้วใครจะดูแลเด็กๆ ล่ะ?” ฉินสือโอวจึงพูดด้วยความตกใจ


พ่อฉินจุดบุหรี่ขึ้นมาสูบแล้วพูดว่า “มันดีมากเลยล่ะ อีกอย่างเจ้าเถียนกวาตัวน้อยก็เป็นเด็กดีและเชื่อฟังมากด้วย ที่จริงดูแลเธอมันก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไร วินนี่คนเดียวก็สามารถทำได้แล้ว ที่บ้านนั้นก็ยังมีงานอีกหลายอย่าง ในช่วงฤดูใบไม้ผลิบ่อปลาก็มีเรื่องเยอะด้วย อีกอย่างแกยังมีร้านอาหารที่ยังต้องตกแต่งและปรับปรุงใหม่เกือบทั้งหมดอีก ฉันกับแม่แกต้องกลับไปดู”


ฉินสือโอวเกลี้ยกล่อมอยู่สักพัก เขาต้องการให้พ่อกับแม่อยู่ที่นี่ พ่อฉินส่ายหัวและบอกว่าตอนนี้จะกลับไปกับแม่ฉินก่อนและรอจนกว่าเสี่ยวฮุยจะปิดเทอมภาคฤดูร้อน แล้วจะพาครอบครัวมาด้วยกันอีก ถึงตอนนั้นคงจะอยู่ที่นี่ได้นานและจะได้ช่วยดูแลเด็กๆ ด้วย


อาจเป็นเพราะพลังโพไซดอน เถียนกวาตัวน้อยจึงเป็นเด็กดีเชื่อฟังและมีสุขภาพดีกว่าเด็กคนอื่นๆ เธอมักจะนอนลงในรถเข็นเด็กและเล่นนิ้วมือของตัวเอง จะมีแค่ตอนที่รู้สึกหิวหรือรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำเท่านั้นที่จะกรีดร้องขึ้นมา เด็กคนนี้ทั้งน่ารักและฉลาดจริงๆ

 

 

 


บทที่ 1025 เรือเจ้าหญิงเริ่มออกเดินทาง

 

หลังจากคุยเรื่องการเดินทางกลับแล้ว พ่อฉินและแม่ฉินก็เก็บข้าวของในวันนั้นทันทีและจะพักที่ฟาร์มปลาต่ออีกแค่สองวัน ซึ่งพวกเขาตัดสินใจจะกลับบ้านในช่วงปลายเดือนมีนาคม


ฉินสือโอวจ้างเครื่องบินลำเล็กมาหนึ่งลำเพื่อบินตรงจากเซนต์จอห์นไปโทรอนโต จากนั้นก็ส่งพ่อแม่ขึ้นเครื่องบินและอธิบายเที่ยวบินให้พี่สาวของเขาฟังอย่างละเอียด แล้วเขาจึงกลับฟาร์มปลาด้วยความหดหู่


เรือปริ้นเซสเมล่อนได้รับการส่งมอบแล้วและเรือขนาดใหญ่ก็ได้จอดเทียบปลายท่าเรือที่มีเสาเข็มสูงเหมือนกับยักษ์ผู้ยิ่งใหญ่ที่มีความมุ่งมั่นและแน่วแน่รอที่จะต่อสู้กับคลื่นลูกใหญ่มหึมา


ช่วงที่ชาวประมงไม่ได้ออกทะเล พวกเขาก็จะทำความสะอาดเรือและเช็ดบริเวณดาดฟ้าเรือ ด้านข้างเรือและท้ายเรือให้สะอาดสะอ้าน ดังนั้นแม้ว่าภายนอกของเรือปริ้นเซสเมล่อนจะดูมีอายุหลายปี แต่ถ้าพอมองดูโดยรวมแล้วก็ไม่ต่างอะไรกับเรือลำใหม่


หลังจากพ่อแม่กลับไปอย่างกะทันหันแล้ว ฉินสือโอวก็รู้สึกแปลกๆ ในใจเล็กน้อย เมื่อวินนี่เห็นเช่นนั้นแล้วจึงแนะนำว่า “หลังจากเอาเรือเจ้าหญิงกลับมาก็ยังไม่ได้ออกทะเลให้คุ้นชินเลย ถ้าอย่างนั้นเราพาเถียนกวาออกทะเลไปนั่งเรือของเธอเล่นดีไหมคะ?”


ฉินสือโอวถึงกับตื่นเต้นแต่ก็ยังสองจิตสองใจอยู่จึงพูดว่า “มันไม่ค่อยดีมั้ง เถียนกวายังเล็กอยู่ ถ้าเกิดออกทะเลแล้วถูกลมทะเลพัดจะทำอย่างไร?”


วินนี่หัวเราะขึ้นมาและปลอบเขาว่า “ไม่เป็นไร ก็แต่งตัวให้อุ่นๆ หน่อย ฉันจะกอดเธอไว้ในอ้อมแขนเองไม่ต้องห่วงนะคะ และนี่ก็เป็นเรือของเธอ เธอจะพลาดโอกาสในการเดินทางครั้งแรกได้อย่างไร?”


ฉินสือโอวคิดอยู่ครู่หนึ่งก็รู้สึกว่าไม่น่าจะมีปัญหาใหญ่โตอะไร เขาจึงพยักหน้าและไปหาชาร์คเพื่อถามว่าเรือลำนี้จะลงน้ำได้เมื่อไร


เรือขนาดใหญ่ออกทะเลกับเรือขนาดเล็กออกทะเลจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ซึ่งจะต้องมีระบบลูกเรือที่สมบูรณ์ ต้องมีกัปตัน ผู้ช่วยกัปตัน ผู้ช่วยไต้ก๋งเรือ หัวหน้าวิศวกรและอื่นๆ


กัปตัน ผู้ช่วยกัปตัน ผู้ช่วยไต้ก๋งเรือตำแหน่งเหล่านี้ไม่มีปัญหา ฉินสือโอววางแผนว่าจะอาศัยใบรับรองลูกเรือและหลังจากตรวจสอบแล้วเขาก็จะเป็นกัปตันของเรือลำนี้


แม้ว่าเรือปริ้นเซสเมล่อนจะมีขนาดค่อนข้างใหญ่ แต่ก็ถือว่าเป็นเรือประมง การควบคุมนั้นจะหละหลวมกว่าเรือบรรทุกสินค้าและเรือโดยสารมาก จึงไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะที่แข็งแกร่งเกินไป


เรือประมงคนละประเภทกันก็จะมีหน้าที่แตกต่างกัน กัปตันจะมีตำแหน่ง คุณสมบัติและหน้าที่แตกต่างกันเช่นกัน


ในกรณีส่วนใหญ่กัปตันจะต้องมีใบรับรองความสามารถ และจะต้องมีความรู้ในด้านกฎการจัดการไอเอสเอ็มและเอ็นเอสเอ็มเป็นอย่างดี สามารถจัดการเรือตามระบบเอสเอ็มเอสของเรือได้ และสามารถรับผิดชอบหน้าที่ของกัปตันตามกฎที่ระบุไว้ในระบบเอสเอ็มเอสของเรือได้เป็นอย่างดี ทางที่ดีคือต้องมีประสบการณ์ในการให้บริการลูกเรือในมหาสมุทรรวมถึงมีความสามารถในการทำธุรกิจทางทะเล ส่วนความสามารถทางสังคม ความสามารถในด้านการควบคุมและการประสานงานจะต้องมีพื้นฐานอยู่แล้ว


แต่เรือประมงมีความพิเศษ เนื่องจากหน้าที่ของมันคือการจับปลา ดังนั้นหน้าที่ที่สำคัญที่สุดของกัปตันเรือประมงขนาดใหญ่จึงไม่ใช่การควบคุมและบริการ แต่เป็นการหาปลา ซึ่งจะต้องเข้าใจเกี่ยวกับปลาเป็นอย่างดีและสามารถพาลูกน้องสร้างรายได้ได้


ซึ่งในด้านความสามารถด้านนี้ของฉินสือโอวไม่ต้องพูดถึง นอกจากนี้กัปตันเรือประมงยังเป็นหนึ่งในเรือไม่กี่ประเภทที่ไม่จำเป็นต้องมีใบรับรองความสามารถของกัปตันแล้ว ขอแค่คนที่เป็นกัปตันสามารถรับผิดชอบและจัดการลูกเรือได้ก็พอ


ในกรณีนี้ ผู้ช่วยกัปตันจึงค่อนข้างสำคัญมาก


ผู้ช่วยกัปตันจะเป็นรองกัปตันคนแรกและผู้ช่วยหลักของกัปตัน ซึ่งจะต้องรับผิดชอบงานปกติทั่วไปบริเวณดาดฟ้าของเรือ เพื่อให้เดินเรือไปในทางที่ปลอดภัยและต้องให้ความสำคัญกับการตรวจสอบงานดูแลรักษาอุปกรณ์บนเรืออยู่เสมอ


ฉินสือโอวมีคนที่เหมาะสมในหน้าที่นั้นอยู่แล้ว นั่นก็คือซีมอนสเตอร์


ซีมอนสเตอร์เป็นชาวประมงที่เก่งที่สุดบนเกาะแฟร์เวลและยังเก่งกว่าชาร์คอีกด้วย เมื่อก่อนตอนที่เขาเป็นกะลาสีเรือเขาจะออกทะเลในระยะไกลเสมอและยังเคยเป็นผู้ช่วยไต้ก๋งเรือและผู้ช่วยกัปตันเรืออีกด้วย เพียงแต่ตอนนี้อุตสาหกรรมการเดินเรือของแคนาดาไม่ค่อยเจริญเท่าไรนัก อีกทั้งเขาไม่ต้องการห่างไกลจากบ้านนานเกินไปด้วย ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ว่างงาน


โดยปกติแล้วผู้ช่วยไต้ก๋งเรือจะเป็นชาร์ค ซึ่งงานนี้ค่อนข้างซับซ้อนเป็นอย่างมากและคนที่รับผิดชอบหน้าที่นี้จะต้องมีความอดทนมากพอสมควร


ก่อนที่ชาร์คจะมาที่ฟาร์มปลาต้าฉิน เขามีอารมณ์ที่ค่อนข้างฉุนเฉียว แต่หลังจากที่ได้ติดตามฉินสือโอว อารมณ์ของเขาก็สำรวมมากขึ้น อาจจะเหมือนกับความคิดของชาวแคนาดาหลายๆ คนที่คิดว่าหลังจากมีชีวิตที่มีความสุขแล้ว ก็จงเรียนรู้ที่จะขอบคุณโลกใบนี้


หลังจากได้เป็นผู้ช่วยไต้ก๋งเรือแล้ว ชาร์คต้องควบคุมเกี่ยวกับการเดินเรือของเรือปริ้นเซสเมล่อน รวมไปถึงการเข้าเวรในขณะที่เรือจอดเทียบท่าและดูแลอุปกรณ์การในการขับขี่


นอกจากนี้หลังจากกัปตันฉินสือโอวเลือกจุดหมายปลายทางแล้ว แผนการและการดำเนินการตามเส้นทางเรือรวมถึงการแก้ไขแผนที่ทะเลจะต้องส่งให้เขาด้วย


ถ้าเป็นเรือโดยสาร ผู้ช่วยไต้ก๋งเรือจะมีหน้าที่รับผิดชอบมากขึ้น จะต้องเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของเรือและรับผิดชอบการจัดการอุปกรณ์ทางการแพทย์บนเรือหรือทำหน้าที่เป็นแพทย์บนเรือ


ไม่ว่ากัปตันเรือ ผู้ช่วยกัปตันหรือผู้ช่วยไต้ก๋งเรืองานในเรือประมงนั้นค่อนข้างเรียบง่าย แต่มีตำแหน่งที่ไม่สามารถสะเพร่าได้ นั่นคือหัวหน้าวิศวกร


ความรับผิดชอบของหัวหน้าวิศวกรคือการตรวจสอบสภาพการทำงานของอุปกรณ์เครื่องยนต์ไฟฟ้าต่างๆ แก้ไขการทำงานของจำนวนพารามิเตอร์ที่ไม่ถูกต้องและวิธีการเดินเครื่อง นอกจากนี้เมื่อเรือเข้าออกจากท่าเรือหรือผ่านทางน้ำแคบๆ หรือเดินเรือในสถานการณ์ที่มีความยากลำบากและอื่นๆ หัวหน้าวิศวกรจะต้องควบคุมสะพานเรืออย่างรวดเร็วและควบคุมเครื่องยนต์หลักให้ถูกต้อง เพื่อให้ผ่านสถานที่เหล่านี้ไปให้ได้


โดยทั่วไปแล้วบนเรือหนึ่งลำ คนที่มีทักษะในการขับเรือมากที่สุดมักจะไม่ใช่กัปตันเรือ ไม่ใช่ผู้ช่วยกัปตัน แต่จะเป็นหัวหน้าวิศวกร เมื่อดูภาพยนตร์ที่ประสบกับภัยทางทะเล มักจะมีคนคนหนึ่งที่ต้องรีบออกไปควบคุมหางเสือเรือ ส่วนใหญ่คนคนนั้นจะเป็นหัวหน้าวิศวกร


งานนี้ไม่ใช่จะหาใครมาทำก็ได้ เขาต้องรู้เกี่ยวกับเครื่องยนต์ของเรือประมงให้มากพอ ไม่อย่างนั้นอาจจะใช้เวลาเป็นเดือนๆ ในการออกทะเล ถ้าเกิดเรือประมงทอดสมอลงทะเลลึก นั่นจะทำให้ซวยกันไปหมด


กลุ่มคนในฟาร์มปลาต้าฉินอาจจะยังไม่เจอปัญหาในการซ่อมบำรุงและตรวจสอบ แต่ก็ต้องทำการซ่อมบำรุงเครื่องยนต์และอุปกรณ์ในเรือประมงอย่างละเอียด


ฉินสือโอวมองว่าทุกคนไม่น่าเชื่อถือเท่าไรนัก ดังนั้นเขาจึงทำการรับสมัครคนงานด้วยตัวเองหรือไม่ก็ผ่านหัวหน้าวิศวกรที่มีความสามารถสูง


แต่เรื่องนี้ยังไม่ใช่เรื่องเร่งรีบในตอนนี้ ฉินสือโอวก็ไม่รีบออกทะเล และอุปกรณ์ทั้งหมดในเรือประมงก็เป็นของใหม่ทั้งหมด จึงไม่จำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบและซ่อมแซม ซึ่งถ้ามีปัญหาระหว่างการทดลองเดินเรือ อู่เรือโพไซดอนจะรับผิดชอบในการแก้ไขปัญหานั้น


ฉินสือโอวอุ้มเถียนกวาตัวน้อยและพาวินนี่ขึ้นไปบนเรือ หู่จือและเป้าจือก็ตามลงมาเหมือนกัน พวกมันส่ายหัวและหางเล็กๆ ไปมาพร้อมกับกระโดดขึ้นเรือ


หลัวปอรู้สึกไม่พอใจที่เห็นคนกำลังขึ้นเรือ มันเกลียดทะเลมากและไม่ชอบนั่งเรือ หลังจากวิ่งตามไปถึงท่าเรือมันก็หยุดฝีเท้าลง ฉงต้าไม่ได้ตามไป ไม่ใช่เพราะมันกลัวน้ำ แต่เพราะมันขี้เกียจ…


ต้าป๋ายที่นอนอยู่บนไหล่ของฉงต้าก็หาวนอนอย่างสบายอกสบายใจเหมือนกับไม่สนใจโลกภายนอก ราชาซิมบ้ามองไปที่ต้าป๋ายด้วยความอิจฉา เพราะมันก็อยากจะปีนขึ้นไปเหมือนกันแต่ฉงต้าไม่ชอบมัน เมื่อไรที่มันขึ้นไปบนตัวฉงต้า มันก็จะถูกสะบัดทิ้งทันที


ราชาซิมบ้ากรีดร้องอย่างไม่ยอม ฉงต้าจึงเหล่ตาไปมองมันและโบกมือขู่แมวป่าจนมันตกใจกลัวและกระโดดวิ่งหนีออกไป


วินนี่เรียกซิมบ้าให้ขึ้นเรือ ซิมบ้าเงยหน้าขึ้นและจ้องมองไปที่เรือลำใหญ่ลำนี้ มันส่งเสียงร้องและยังไม่กล้าขึ้นไป จากนั้นมันก็ส่ายหัวแล้วเดินกลับไปที่วิลล่า


ฉินสือโอวส่งสัญญาณให้ชาร์คเริ่มออกเรือ ชาวประมงทุกคนก็ขึ้นเรือกันแล้ว อีกทั้งยังใส่สูทเรียบร้อย ซึ่งเป็นสูทตอนที่พวกเขาใส่ไปเข้าร่วมงานแถลงข่าวชมเชยที่ท่าเรือบาสก์ ตอนนี้สภาพอากาศกับเวลาค่อนข้างพอใช้ได้ พวกเขาจึงใส่เสื้อผ้ามาอย่างเหมาะสมพอดี


เรือประมงเป่าแตรเรือและเสียงก็ดังขึ้นไปทั่วท้องฟ้า


ฉงต้าที่นั่งอยู่บนชายหาดก็ตกใจกับเสียงแตรเรือ จึงพลิกตัวอย่างขี้เกียจและลุกขึ้นอย่างระมัดระวังแล้วจ้องไปที่ตัวเรือประมงขนาดใหญ่ลำนั้น เมื่อเรือประมงเริ่มออกตัว มันก็รีบหันหลังวิ่งหนีไปทันทีคล้ายกับว่ามันกลัวล้อรถขนาดใหญ่ที่พุ่งเข้ามาบนชายหาด


จริงๆ แล้วเจ้าฉงต้าฉลาดมาก ถ้าล้อรถขนาดใหญ่ที่พุ่งเข้ามาบนชายหาดจริงๆ มันคงจะบดขยี้ให้เละเป็นชิ้นเนื้อ!

 

 

 


บทที่ 1026 เถียนกวาพลิกตัวได้แล้ว

 

เรือปริ้นเซสเมล่อนมาพร้อมกับพลังที่ไม่เคยมีที่ไหนมาก่อน เพราะเรือลำนี้ฝ่าคลื่นและพุ่งลงทะเล ความเร็วของเรือในตอนแรกมีความเร็วมาก เพียงแค่สี่หรือห้านอตเท่านั้น แต่หลังจากเข้าสู่เขตน้ำลึกประมาณสองร้อยเมตร ความเร็วของเรือก็ต้องเร่งให้เร็วขึ้นไปอีก ซึ่งจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นไปจนถึงสิบนอต


ฉินสือโอวยืนกอดวินนี่อยู่บนดาดฟ้าของเรือ ทำให้รู้สึกถึงลมทะเลที่มาปะทะบนใบหน้า


ช่วงปลายเดือนมีนาคม แสงแดดในตอนเที่ยงจะอบอุ่นและลมทะเลจะไม่แรงเหมือนช่วงเดือนสองเดือนก่อนหน้านี้ ลมที่พัดมายังมีความเย็นอยู่บ้างแต่ก็ยังพอทนได้


สายลมพัดปะทะลงบนใบหน้าเบาๆ พร้อมกับอากาศอันแสนอบอุ่นที่มีกลิ่นอายความสดชื่นของต้นหลิวชวนให้คนหลงใหล ที่นี่ไม่มีฝนในช่วงที่ดอกแอปริคอทบาน แต่มีทะเลหมอกครึ้มในทะเล ซึ่งก็เหมือนกับในทะเลที่ไม่มีต้นหลิวแต่กลับมีนกนางนวล


ไม่ว่าจะใกล้หรือไกล มักจะมีนกนางนวลบินอยู่เหนือทะเลเสมอและไกลออกไปอีกหน่อยก็จะมีนกจมูกหลอดหางสั้นฝูงใหญ่


ฝูงนกจมูกหลอดหางสั้นฝูงนี้จะเปลี่ยนสถานะของตัวมันเองตามถิ่นที่อยู่ในแต่ละฤดูกาล ในฤดูหนาวพวกมันจะไม่บินหลายหมื่นกิโลเมตรไปที่เส้นศูนย์สูตรเพื่อหนีความหนาวเย็น แต่พวกมันจะกลายเป็นนกเขตอบอุ่น พวกมันอาศัยอยู่รอบๆ ฟาร์มปลาตลอดทั้งปี ตอนกลางวันตกปลา กลางคืนก็กลับไปเชิงเขาในป่าที่เพื่ออยู่รวมกันเป็นกลุ่มและทำให้ตัวอบอุ่น


ผลกระทบของพลังโพไซดอนที่มีต่อฟาร์มปลากำลังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ปลาตัวเล็กกินสาหร่ายทะเล ปลาตัวใหญ่กินปลาตัวเล็ก สุดท้ายพลังโพไซดอนก็รวมอยู่ในตัวของพวกมันและนกทะเลมักจะกินปลาตัวเล็กที่มีพลังโพไซดอนเข้าไป แม้ว่ากินเข้าไปครั้งหนึ่งจะเป็นแค่พลังเล็กๆ น้อยๆ แต่ถ้าสะสมไปเรื่อยๆ ก็สามารถทำให้เกิดเป็นพลังระดับสูงขึ้นมาได้เช่นกัน


ปลาและกุ้งในฟาร์มปลาที่อยู่รอบๆ บริเวณน่านน้ำทะเลจะมีรสชาติดีที่สุด ดังนั้นพวกมันจึงดึงดูดพวกนักล่ามาเป็นจำนวนมาก


สาเหตุที่นกจมูกหลอดหางสั้นอยู่ที่นี่ก็เป็นเพราะปลาและกุ้งที่นี่ช่วยเสริมพลังความเร็วให้พวกมันและทำให้มีพลังงานมากเพียงพอ นอกจากนี้พลังโพไซดอนทำให้พวกมันมีพัฒนาการเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ซึ่งทำให้พวกมันสร้างขนเพื่อรักษาความอบอุ่นและช่วยให้ต้านลมหนาวในฤดูหนาวได้


นกนางนวลหลายร้อยตัวที่มีขนสีขาวราวกับหิมะและมีขอบปีกสีดำที่บินผ่านเหนือน้ำทะเล นกเหล่านี้บินขึ้นลงอย่างต่อเนื่อง บางครั้งพวกมันก็ส่งเสียงร้องขึ้นมาและบินเล่นอย่างอิสระในทะเลพร้อมกับมีกลิ่นอายของดินแดนแห่งความฝัน


วินนี่อุ้มเถียนกวาวางลงในรถเข็นเด็กและดึงผ้าห่อตัวออกเพื่อเผยให้เห็นหัวกลมๆ เล็กๆ ส่วนบนของรถเข็นเด็กทำจากพลาสติกใส หลังจากหัวของเจ้าตัวเล็กโผล่ออกมาแล้วก็ทำให้มองเห็นวิวรอบๆ และยังทำให้ไม่ถูกลมทะเลพัดอีกด้วย


เถียนกวายังเล็กมากที่จะคลานหรือลุกขึ้นนั่งได้ หลังจากนอนลงเธอก็จะไม่อึดอัดพร้อมกับถีบขาเล็กๆ และโบกแขนเล็กๆ ไปมา


ถ้าเทียบกับตอนที่เพิ่งเกิดมาใหม่ๆ ตอนนี้เถียนกวามีการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมาก ผิวก็ไม่แดงคล้ำอีกแล้วแต่กลับกลายเป็นสีแดงอมชมพูมีน้ำมีนวล ดูเหมือนกับน้ำใสสะอาด พอได้สัมผัสแล้วก็ไม่สามารถละมือออกไปได้เพราะผิวที่ดีของเธอทำให้แม่วินนี่รู้สึกอิจฉาอยู่เสมอ


ฉินสือโอวนั่งยองๆ ลงพร้อมกับยื่นมือออกไปหยอกล้อเธอ เด็กหญิงตัวน้อยจึงจ้องมองไปที่ฝ่ามือขนาดใหญ่ตรงหน้าอย่างตกตะลึง มือเล็กๆ พยายามยกมือขึ้นและกอดฝ่ามือใหญ่เอาไว้ จากนั้นก็ดึงมาไว้ต่อหน้าแล้วเธออ้าปากเล็กๆ เพื่ออมนิ้วหัวแม่มือของฉินสือโอวไว้ในปาก


นี่คือสิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์มากที่สุด คือปากเล็กๆ อมชมพูของเถียนกวา พออ้าปากแล้วกลับใหญ่มาก นิ้วหัวแม่มือของเขาจึงถูกอมเข้าไปและเด็กหญิงตัวน้อยก็ดูดอย่างใจจดใจจ่อทันที


ฉินสือโอวดึงมือของเขาออกมาอย่างพูดไม่ออกบอกไม่ถูก เด็กหญิงตัวน้อยก็ยังคงมองเขาด้วยความตะลึงอย่างต่อเนื่อง จากนั้นก็แบะปากเล็กๆ ฉินสือโอวคิดว่าเธอจะร้องไห้ แต่เธอแค่แบะปากพร้อมกับชูมือขึ้นและเล่นกับตัวเอง


วินนี่กลัวว่าเธอจะดูดนิ้วอีก จึงเอาแท่งนมใส่เข้าไปในปากของเธอ นี่เป็นสิ่งที่ใช้แทนการดูดนิ้วของเด็กโดยเฉพาะ ซึ่งจะมีกลิ่นหอมของนมจางๆ และมีวิตามินในปริมาณที่เหมาะสม ซึ่งสามารถเสริมโภชนาการให้กับเด็กๆ ได้


เถียนกวายังเล็กมาก แต่เธอเติบโตมาเป็นอย่างดี เธอจึงแข็งแรงกว่าเด็กทารกอายุสี่ห้าเดือนและเธอยังสามารถถือของเล็กๆ น้อยๆ ได้เองด้วย


เธอรู้สึกว่าแท่งนมนี้เพลินดี วินนี่จึงส่งให้แล้วมือเล็กๆ ก็ยื่นไปจับแขนแล้วยัดใส่เข้าปากทันที


วินนี่ทำหน้าที่ดูแลเด็กหญิงตัวน้อย ในขณะที่ฉินสือโอวก็ไปถามสถานการณ์การทำงานของเรือประมงกับชาร์คและคนอื่นๆ


ชาร์คมองไปที่แผงควบคุมจำนวนมากและพูดอย่างมีเบิกบานใจว่า “ไม่มีปัญหาครับ ทุกอย่างทำงานเป็นปกติ ผมกล้าพนันได้เลยว่าถ้าเราไปมหาสมุทรแปซิฟิกตอนนี้ก็ยังไม่มีปัญหา”


ฉินสือโอวยิ้มและพูดว่า “ระวังไว้หน่อยดีกว่า แต่ปีนี้ฉันจะต้องไปจับปลาในมหาสมุทรให้ได้ พวกนายคุยกับครอบครัวไว้ล่วงหน้าเลยนะ เพราะการออกเรือครั้งนี้จะต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งหรือสองเดือน”


“ผมรอไม่ไหวแล้วกัปตัน ผมตั้งหน้าตั้งตารอวันนี้มานานแล้ว!” บูลพูดอย่างตื่นเต้น


ฉินสือโอวขมวดคิ้วและพูดว่า “นายก็จะไปด้วยเหรอ? ลูกนายเพิ่งจะคลอดเองนะ นายจะให้แอนนี่ดูแลลูกเองเหรอ?”


บูลหัวเราะแล้วพูดว่า “แต่ผมต้องหาเงินซื้อนมไม่ใช่เหรอครับ?”


ปลาทูน่าครีบน้ำเงินที่เขาจับได้ครั้งที่แล้วยังไม่ได้ขายและยังไม่ได้รับเงินปันผลห้าเปอร์เซ็นต์ ทำให้สภาพการเงินของบูลในตอนนี้กลับมาตึงเครียดอีกครั้ง


หลังจากคุยกันได้สักพัก ฉินสือโอวก็กลับไปที่ดาดฟ้าเรือและเห็นเด็กหญิงตัวน้อยกำลังร้องไห้อยู่


“เกิดอะไรขึ้น? ลูกรัก ทำไมลูกถึงร้องไห้?” ฉินสือโอวถามด้วยความตกใจ


เขาเข้าไปดูใกล้ๆ เห็นว่าในมือของเด็กหญิงตัวน้อยยังคงถือแท่งนมไว้อยู่แล้วยกขึ้นมาไว้บนอกพร้อมกับร้องไห้อย่างเจ็บปวดใจ


วินนี่หัวเราะหึหึแล้วพูดว่า “เราใส่เสื้อให้เธอหนามากเกินไป เธอจึงเอื้อมแท่งนมใส่ปากไม่ได้ พอกินไม่ได้เธอก็ร้องไห้ทันที”


ฉินสือโอวมองเธอด้วยความไม่พอใจและเห็นว่ารอบๆ ไม่มีคนจึงบีบสะโพกของวินนี่พร้อมกับพูดว่า “คุณเป็นแม่จริงๆ ใช่ไหม? ทำไมยังไม่รีบไปช่วยเธออีกและยังมองดูอยู่ตรงนี้อย่างสนุกอีก?”


เด็กหญิงตัวน้อยส่งเสียงร้องด้วยความโกรธได้ไม่นาน ฉินสือโอวก็พลิกตัวเธอและอุ้มเธอลงนอนในรถเข็นเด็ก


แต่พอทำแบบนี้แล้ว เด็กหญิงตัวน้อยก็ยังเอื้อมแท่งนมไม่ถึงเพราะเสื้อผ้าที่หนารั้งแขนเล็กๆ ของเธอไว้อยู่ จึงไม่สามารถยกแขนขึ้นได้


วินนี่หัวเราะคิกคักขึ้น เธอบีบหูของฉินสือโอวพร้อมกับพูดหยอกว่า “ที่รัก คุณนี่โง่แต่น่ารักจริงๆ เลยนะ ลูกแค่งอแขนไม่ได้ แต่คุณให้เธอนอนจะมีประโยชน์อะไร?”


หลังจากเด็กหญิงตัวน้อยนอนลงเธอก็ยังคงมีความสุข ผลคือพองอแขนแล้ว เธอพบว่าตัวเองก็ยังกินแท่งนมไม่ได้ จึงรู้สึกว่าตัวเองได้รับความเจ็บปวดและโดนหลอกทันที จึงร้องไห้เสียงดังออกมาด้วยความเสียใจอีกครั้งแล้วโยนแท่งนมทิ้งลงข้างๆ


พอโยนแท่งนมทิ้งไปแล้ว เธอยกมือขึ้นควานหาอย่างไร้เดียงสาแต่ก็พบว่าแท่งนมหายไปแล้ว จึงรู้สึกเสียใจทันที


เมื่อเป็นเช่นนี้ เด็กหญิงตัวน้อยก็เริ่มกระวนกระวายใจ ดวงตากลมโตจึงจ้องมองดูรอบๆ และพยายามเงยหน้ามองดูข้างๆ ขาเล็กๆ ก็ออกแรงถีบพร้อมกับโยกตัวไปมา ‘ฮือฮือ’ จากนั้นไม่นานคิดไม่ถึงว่าเธอจะพลิกตัวทันที


ฉินสือโอวเห็นเช่นนี้จึงประหลาดใจมาก เขาหันหน้าไปมองวินนี่อย่างไม่น่าเชื่อ วินนี่เองก็มีสีหน้าประหลาดใจเช่นกัน จึงร้องตะโกนว่า “ที่รัก นี่ลูกสาวเราพลิกตัวเหรอคะ?”


การพลิกตัวเป็นวิธีการเคลื่อนไหวแรกของเด็กทารก ซึ่งทั่วโลกก็เป็นเช่นเดียวกัน ที่บ้านเกิดของฉินสือโอว เด็กทารกจะพลิกตัวได้ตอนประมาณสามเดือน นั่งได้ตอนหกเดือนและคลานได้ตอนแปดเดือน ดังนั้นจึงมีสุภาษิตกล่าวว่าสามพลิกหกนั่งเก้าคลาน


ตอนที่เถียนกวาคลอดได้ประมาณหนึ่งเดือนครึ่ง ฉินสือโอวเคยหาข้อมูลไว้ก่อนหน้านั้นว่าจริงๆ แล้วเวลาที่เด็กทารกพลิกตัวได้จะไม่แน่นอน เวลาที่พลิกตัวได้คือหลังจากคอแข็งแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องปกติสำหรับเด็กทารกอายุสี่ถึงเจ็ดเดือน


แต่เวลาที่พลิกตัวได้จริงๆ จะแตกต่างกันไป แปดสิบเปอร์เซ็นต์จะอยู่ในช่วงอายุสี่ถึงหกเดือนและสิบเปอร์เซ็นต์จะในช่วงอายุภายในสามเดือน แต่ฉินสือโอวไม่รู้ว่ามีจำนวนเท่าไรที่สามารถพลิกตัวได้สำเร็จภายในหนึ่งเดือนครึ่ง…


หลังจากพลิกตัวแล้ว อุ้งเท้าอ้วนของเด็กหญิงตัวน้อยก็แกว่งหารอบตัวอีกสักพัก คิดไม่ถึงว่าในที่สุดเธอก็หาแท่งนมเจอ


เธอจึงเอียงตัวและยกแขนขึ้นพร้อมกับมองที่แท่งนมสีขาวราวกับหิมะด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มอันไร้เดียงสา ซึ่งท่าทางของเธอดูพอใจเป็นอย่างมาก


แต่ทันใดนั้นดวงตาของเธอก็เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ เธอสะบัดมือและโยนแท่งนมทิ้งอีกครั้ง มืออ้วนๆ เล็กๆ จึงยื่นออกไปพร้อมกับส่งเสียงร้อง ‘อึกอึก’ ขึ้น

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)