ลำนำบุปผาพิษ 1019-1022

 บทที่ 1019 ข้ายังคงไม่อาจหักใจมองท่านทุกข์ทรมานได้


หรงเจียหลัวนิ่วหน้าน้อยๆ นั่งพิงรถม้า หลังจากเขาอาการดีขึ้น ในสมองมักจะมีภาพเลือนรางบางอย่างแวบเข้าผ่าน แต่พยายามนึกอย่างไรก็นึกไม่ออกเลย


หรงเช่อมองสีหน้าของเขา เอ่ยขึ้นอย่างห่วงใย “เสด็จพี่ ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง?”


หรงเจียหลัวส่ายหน้านิดๆ “สบายดี”


หรงเช่อถอนหายใจเบาๆ “หนนี้โชคดีที่ได้แม่นางกู้ช่วยไว้ มิเช่นนั้นชีวิตของเสด็จพี่คงต้องมอบไว้ที่นี่แล้ว”


หรงเจียหลัวถอนหายใจพลางกล่าว “ใช่แล้ว โชคดีที่มีนางอยู่ ไม่เช่นนั้นแล้วข้าจะตายอย่างไรยังไม่รู้เลย…วันหน้าพี่จะต้องตอบแทนนางอย่างดี” เขาติดหนี้เด็กสาวคนนั้นมากมายเหลือเกิน


หรงเช่อยิ้มแวบหนึ่ง “เสด็จพี่ไม่ต้องกังวลพระทัย วันหน้าน้องจะตอบแทนนางอย่างดีแทนเสด็จพี่เอง”


หรงเจียหลัวตะลึงงัน ขมวดคิ้วเชิดหน้าขึ้น “พี่ตอบแทนด้วยตัวเองได้ ไยต้องให้เจ้ามาตอบแทน…”


หรงเช่อถอนหายใจเล็กน้อย เบี่ยงหัวข้อสนทนา “เสด็จพี่ ท่านชังข้าใช่หรือไม่?”


หรงเจียหลัวเลิกคิ้ว “ชังเจ้า? จะชังเจ้าไปทำไม? น้องแปด เจ้าพูดเหลวไหลอันใด?” หรงเช่อเป็นดั่งแขนขาของเขามาโดยตลอด ช่วยจัดการเรื่องราวให้เขาไม่น้อย และปกป้องพี่ชายอย่างเขาอยู่เสมอ อีกทั้งในการนำทัพทัพออกศึกครั้งนี้เขาก็เป็นทัพหน้าด้วย ทำให้เขามีความดีความชอบด้านการศึก


ความสัมพันธ์ของพี่น้องทั้งสองดีกว่าความสัมพันธ์พี่น้องคนอื่นๆ มากนัก


และหรงเจียหลัวก็ไว้เนื้อเชื่อใจเขา สองพี่น้องแทบไม่ต้องพูดอะไรกันเลย


ล้วนกล่าวกันว่าในราชวงศ์ไร้ซึ่งความสัมพันธ์ของครอบครัว มีเพียงความสัมพันธ์เชิงผลประโยชน์ หรงเจียหลัวรู้สึกโชคดีมาโดยตลอดที่มีน้องชายร่วมสายเลือดที่กล่าวได้ว่าสนิทสนมรู้ใจกันถึงเพียงนี้


ยามนี้จู่ๆ หรงเช่อก็เอ่ยเช่นนี้ออกมา ทำให้หรงเจียหลัวค่อนข้างสับสนอยู่บ้าง เขาใคร่ครวญเล็กน้อย คล้ายจะเข้าใจอะไรแล้ว “เจ้าพูดถึงเรื่องหนนี้ที่ข้าถูกพิษจนกลายเป็นผีดิบแล้วเกือบถูกเจ้าสังหารใช่ไหม? วางใจเถอะ ข้าไม่ชังเจ้า ถึงอย่างไรเจ้าก็ไม่รู้ว่าข้ามีสติอยู่ นึกว่าข้ากลายเป็นสัตว์ประหลาดไปแล้วจริงๆ ทำเช่นนี้ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ หากเปลี่ยนข้าก็อาจจะทำเช่นนี้เหมือนกันก็ได้”


หรงเช่อทอดถอนใจพลางเอ่ยว่า “ใช่แล้ว ข้าไม่รู้จริง นั่นแหละว่าท่านยังมีสติอยู่ ถึงอย่างไรก็เป็นพี่น้องกันมานานหลายปี ข้ายังคงไม่อาจหักใจมองท่านทุกข์ทรมานได้”


หรงเจียหลัวรู้สึกว่าท่าทางของเขาดูค่อนข้างพิกล แต่เป็นพี่น้องกันมานาน เขาจึงไม่ได้คิดมาก แถมยังยื่นมือไปตบไหล่หรงเช่อด้วย “เอาล่ะ อย่าคิดมากเลย พี่ไม่โทษเจ้าหรอก”


วันนี้หรงเช่อดูเหมือนจะช่างพูดนัก “เสด็จพี่ ท่านยังจำเรื่องราวก่อนที่ข้าจะอายุแปดขวบได้ไหม?”


หรงเจียหลัวตอบยิ้มๆ “เหตุใดจะจำไม่ได้เล่า? ก่อนเจ้าจะอายุแปดขวบก็คือตัวแสบผู้หนึ่งโดยแท้ ดั่งอันธพาลน้อย คิดจะเป็นอริกับทุกคน พบเจอพี่ชายอย่างข้าเจ้ายังไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่เลย ยามนั้นเจ้าชมชอบเพียงติดตามอยู่ด้านหลังหรงฉู่…” พูดมาถึงตรงนี้ก็ชะงักไป


หรงเช่อก็ยิ้มเช่นกัน “ใช่แล้ว ข้าในยามนั้นไม่รู้ความ สร้างความลำบากให้ท่านผู้เป็นพี่ชายไว้ไม่น้อย เนื่องจากยามนั้นเสด็จแม่ของข้าพูดกรอกหูสั่งสอนข้าอยู่ทุกวัน บอกว่าหรงฉู่สิถึงจะเป็นผู้กุมอำนาจในภายภาคหน้า การติดตามรัชทายาทผู้ไร้กำลังไร้อำนาจอย่างท่านจะไม่มีอนาคต อันที่จริงเด็กน้อยในยามนั้นก็รู้จักเลือกที่รักมักที่ชังแล้วเช่นกัน”


หรงเจียหลัวอดจะหัวเราะออกมาไม่ได้ “เคราะห์ดีที่พอเจ้าอายุแปดขวบก็รู้ความขึ้นมาอีกขั้น เริ่มติดตามข้าราวกับหางน้อยๆ ก็มิปาน ไล่ก็ไม่ไป”


หรงเช่อทอดถอนใจ “ใช่แล้ว ยามนั้นข้าบาดเจ็บหนัก สลบไปสามวันเต็มๆ เนื่องจากตอนที่ท่านไปเดินเล่นในสวนข้าคิดจะปองร้ายท่าน แต่กลับก้าวพลาดศีรษะกระแทกเข้ากับโขดหินก้อนหนึ่ง สลบอยู่ตรงหน้าท่านพอดี ยามนั้นท่านไม่สนความบาดหมางครั้งเก่าก่อนช่วยข้าเอาไว้ ซ้ำยังคอยเฝ้าข้าอยู่สามวัน ครานั้นข้าศีรษะกระแทกหนักเกินไป แม้แต่หมอหลวงก็ล้วนกล่าวว่าไม่มีประโยชน์แล้ว เสด็จแม่ของข้าก็ยอมแพ้แล้วเช่นกัน แต่ท่านผู้เป็นพี่ชายกลับไม่ยอมแพ้ ใช้พลังวิญญาณประคับประคองลมหายใจของข้าไว้ตลอด…”


————————————————————————————-


บทที่ 1020 ไม่อยากปิดบังอันใดกับท่านอีกต่อไป


หรงเจียหลัวเอ่ยอย่างจนปัญญา “ถึงอย่างไรเจ้าก็เป็นเพียงเด็กน้อยคนหนึ่ง อีกทั้งเป็นน้องชายของข้าด้วย ข้าย่อมมิอาจดูดายโดยไม่ช่วยเหลือได้ ถ้าช่วยได้ก็ต้องช่วยดู และความจริงก็ประจักษ์แล้วว่าการช่วยของข้าเป็นเรื่องที่ถูกต้องยิ่งนัก ช่วยอัจฉริยะน้อยผู้ล้ำเลิศได้หนึ่งคน แถมยังช่วยน้องชายแท้ๆ คนหนึ่งไว้ได้”


สายตาของหรงเช่อร่อนลงบนหน้าเขา ถอนหายใจเบาๆ “ใช่แล้ว ชีวิตวัยแปดขวบในปีนั้นสำหรับข้าแล้วกล่าวได้ว่าเป็นทางแยกสายหนึ่ง เสด็จพี่ ข้าไม่รู้สึกบ้างหรือว่าในช่วงก่อนแปดขวบกับหลังแปดขวบเปลี่ยนไปเหมือนเป็นคนละคนกัน?”


หรงเจียหลัวกล่าวอย่างปลื้มใจ “อืม เจ้าในช่วงหลังแปดขวบในที่สุดก็ไม่เกกมะเหรกเกเรอีกต่อไป สุขุมรู้ความขึ้นไม่น้อย เหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคนเลยจริงๆ นิสัยใจคอก็เปลี่ยนน่าชื่นชมกว่าเก่า ยามนั้นพี่ปลาบปลื้มนัก”


หรงเช่อยิ้มน้อยๆ แวบหนึ่ง “อันที่จริงแล้ว หากคนผู้หนึ่งลื่นล้มจนสลบไประยะหนึ่งนิสัยจะไม่เปลี่ยนไปมากนัก สาเหตุที่นิสัยเปลี่ยนไปมาก นั่นเป็นเพราะสังขารนั้นได้เปลี่ยนผู้ถือครองแล้ว…”


หรงเจียหลัวทึ่มทื่อไปครู่หนึ่ง ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองไปชั่วขณะ “อะไรนะ?”


หรงเช่อยิ้มนิดๆ มองดูเขาแล้วกล่าว “เสด็จพี่ท่านยังฟังไม่เข้าใจอีกหรือ?”


ใบหน้าหรงเจียหลัวซีดเผือด “ความหมายของเจ้าคือ? เจ้า…ความจริงแล้วเจ้าเป็นดวงวิญญาณอื่นที่มาสิงสู่ร่างเจ้าแปดงั้นหรือ?”


หรงเช่อพยักหน้า “มิผิด! หากว่าในสังขารนี้ยังเป็นคนเดิมอยู่ ยามนั้นต่อให้ท่านช่วยเขาไว้ เขาฟื้นขึ้นมาก็ไม่ซาบซึ้งตื้นตันท่านมากนักหรอก ยังคงเป็นอริกับท่านต่อไป เจ้าเด็กเหลือขอคนนั้นเป็นหมาป่าตาขาวที่เลี้ยงไม่เชื่อง…เสด็จพี่ ในฐานะรัชทายาทแล้ว ท่านโอบอ้อมอารีเกินไปจริงๆ”


หรงเจียหลัวดั่งถูกฟ้าผ่าใส่ เขานิ่งค้างไปครู่หนึ่งถึงเอ่ยถามประโยคหนึ่ง “เป็นไปไม่ได้! โลกนี้ไม่มีภูตผีที่สิงสู่ครอบครองตัวตนได้! เจ้าแปด เจ้าได้รับความสะเทือนใจอะไรหรือเปล่า? หรือว่าฝันอะไรมา?”


หรงเช่อยกยิ้มแวบหนึ่ง “เสด็จพี่ที่ท่านว่ามานั้นคือการถูกภูตผีดาษดื่นทั่วไปสิงสู่ ต่อให้สิงได้ร่างกายก็แข็งทื่อเสมือนผีดิบ แต่ถ้าหากในร่างนี้เดิมทีก็มีวิญญาณสองดวงอยู่แล้วล่ะ?”


หรงเจียหลัวตะลึงงัน “นั่นก็เป็นไปไม่ได้เหมือนกัน ว่ากันตามเหตุผลแล้ววิญญาณสองดวงไม่อาจอยู่ร่วมกันได้ นอกเสียจากวิญญาณอีกดวงหนึ่งจะทำพันธะจำนองวิญญาณ ยอมรับใช้ดวงวิญญาณหลัก…”


หรงเช่อยิ้มน้อยๆ “เสด็จพี่ทราบไม่น้อยเลยนี่ เป็นเช่นนี้จริงๆ ข้าสิงสู่ร่างนับตั้งแต่เขาถือกำเนิด ผูกพันธกับเขาถึงได้ถูกรับไว้ในร่าง แต่ดวงวิญญาณที่ทำพันธะไม่สามารถทรยศดวงวิญญาณหลักได้ เว้นแต่ดวงวิญญาณหลักจะถึงแก่กรรมด้วยสาเหตุบางอย่าง หากว่าไม่ลื่นล้มหัวฟาดตายไปในครั้งนั้น ข้าก็ยังเข้าแทนที่เขาไม่ได้…”


หรงเจียหลัวลองมาคิดๆ ดูแล้ว หรงเช่อในช่วงก่อนแปดขวบกำเริบเสิบสาน ซุกซนจนได้เรื่อง เคยจมน้ำ เคยหัวฟาด เคยตกลงมาจากสัตว์พาหนะ…ประสบเภทภัยมากมายอย่างยิ่ง ยามนั้นทุกคนในวังรู้สึกว่าองค์ชายแปดผู้นี้เชี่ยวชาญด้านการหาที่ตาย ยามนี้ไหนเลยจะทราบได้ว่าใช่การชี้นำของดวงวิญญาณพันธะดวงนี้หรือไม่?


หรงเจียหลัวจ้องมองหรงเช่อ “เจ้ามาบอกเรื่องนี้กับข้าในยามนี้มีเจตนาอะไร?”


หรงเช่อพูดจาจริงจังยิ่งว่า “เป็นเพราะข้าชอบเสด็จพี่มากจริงๆ ไม่อยากปิดบังอันใดกับท่านอีกต่อไป”


หรงเจียหลัวพูดไม่ออกแล้ว


อันที่จริงสำหรับหรงเช่อในช่วงก่อนแปดเขานั่นเขาค่อนข้างเอือมระอา แต่หรงเช่อในช่วงหลังแปดขวบน่าเอ็นดูอย่างยิ่ง ซ้ำยังกลายเป็นแขนขาให้เขาด้วย


ดังนั้นหรงเจียหลัวจึงไม่คิดจะล้างแค้นให้ ‘น้องชายร่วมสายเลือด’ แต่อย่างใด คนที่เขาคบหาสมาคมคือหรงเช่อคนที่อยู่เบื้องหน้านี้ มิใช่คนในอดีตผู้นั้น…


เขาสูดลมหายใจแล้วเอ่ยออกมา “อาเช่อ ข้าไม่สนใจว่าในอดีตเจ้าเป็นอะไรมาก่อน สรุปคือ เจ้าเป็นเจ้าของร่างนี้แล้ว เป็นน้องชายที่ดีของข้าเสมอมา ข้าไม่ถือสาอะไร แต่เรื่องนี้เจ้าอย่าได้แพร่งพรายต่อภายนอก คนนอกไม่แน่ว่าจะยอมรับได้ จะก่อให้เกิดข้อพิพาทมากมายขึ้นเปล่าๆ”


————————————————————————————-


บทที่ 1021 เป็นเขาที่ไว้ใจผิดคน!


หรงเช่อมองเขาอยู่ครู่ใหญ่ ส่ายหัวน้อยๆ “เสด็จพี่ ท่านช่างจิตใจดีเสียจริง ดีกับข้ามากเช่นกัน แต่น่าเสียดาย… ”


“น่าเสียอายอะไร?” หรงเจียหลัวขมวดคิ้ว เขารู้สึกผิดปกติขึ้นมารางๆ แล้ว


หรงเช่อแย้มยิ้ม “เสด็จพี่ ท่านยังจำได้ไหมว่าผู้ใดลอบปองร้ายท่าน ทำให้ท่านกลายเป็นผีดิบ?”


หรงเจียหลัวมองรอยยิ้มของเขา หัวใจพลันดิ่งวาบทันที “ผู้ใด?”


หรงเช่อหมุนพัดจีบในมือคราหนึ่ง ด้ามพัดชี้ไปทางตน “ข้าเอง!”


สีหน้าหรงเจียหลัวแปรเปลี่ยนในทันใด “อะไรนะ?!”


เขาคิดจะลุกขึ้นมา แต่ร่างกายกลับไร้เรี่ยวแรงเสมือนถูกถอดกระดูกออก เขาเงยหน้าขึ้นมาทันที “เจ้าทำอะไรกับข้าอีก?”


หรงเช่อยังคงนั่งประจันหน้ากับเขา เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ไม่ได้ทำอะไร เพียงวางยาชนิดหนึ่งไว้ในรถม้าคันนี้ ทำให้เสด็จพี่ไม่อาจใช้พลังยุทธ์ใดๆ ได้ ขยับเขยื้อนไม่ได้”


หรงเจียหลัวหน้าซีด ตะโดนเสียงดัง “จิ้งจอกดำ!” ผู้ที่บังคับรถม้าอยู่ด้านนอกคือจิ้งจอกดำ วรยุทธ์ของจิ้งจอกดำก็ล้ำเลิศเช่นกัน ถึงแม้จะเทียบกับหรงเจียหลัวไม่ได้ แต่ก็พอฟัดพอเหวี่ยงกับหรงเช่อ


เสียงตะโกนนี้ของหรงเจียหลัวดังไม่น้อย ทว่าด้านนอกกลับไม่มีความเคลื่อนไหวเลย


หรงเช่อส่ายศีรษะ “เสด็จพี่ ข้าติดตั้งเขตแดนเล็กๆ ไว้ในรถม้าคันนี้ เสียงของท่านส่งไปไม่ถึงด้านนอกหรอก”


เหงื่อเย็นเฉียบไหลลงมาจากหน้าผากหรงเจียหลัว เขามองหรงเช่ออยากไม่อยากจะเชื่อ “เพราะเหตุใด? เพราะเหตุใดถึงลอบปองร้ายข้า? ข้าถามตัวเองดูแล้วไม่มีตรงไหนที่ผิดต่อเจ้าเลย…”


แพขนตาของหรงเช่อหลุบลงเล็กน้อย “ท่านไม่ได้ผิดต่อข้าตรงไหนเลย เป็นข้าที่ผิดต่อท่าน”


หรงเจียหลัวชะงักไปครู่หนึ่ง กล่าวอย่างหม่นหมอง “เป็นเพราะตำแหน่งรัชทายาทนี้หรือ? เจ้าก็อยากเป็นจักรพรรดิสินะ? เจ้าสังหารข้าแล้วก็ยังมีหรงฉู่อยู่ ราชบัลลังก์นี้ไม่มีส่วนของเจ้าหรอก…”


หรงเช่อเม้มริมฝีปากบางนิดๆ เอ่ยอย่างเฉยเมย “ความจริงแล้วข้าไม่สนใจราชบัลลังก์นี้หรอก เพียงแต่ ยามนี้กลับทำได้เพียงครองบัลลังก์ก่อนแล้วค่อยว่ากัน ส่วนหรงฉู่ วันงพรุ่งนี้ข้าน่าจะได้รับข่าวว่าเขาถูกลอบสังหารไปแล้ว..”


สายตาของเขาร่อนลงบนหน้าหรงเจียหลัว “และนักฆ่าที่สังหารเขาก็ถูกส่งไปในนามของเสด็จพี่”


มือเท้าของของหรงเจียหลัวเย็นเฉียบ ถึงเขาจะจิตใจดีแต่มิได้โง่เขลา ย่อมทราบว่าทั้งหมดที่เขาพูดหมายความว่าอย่างไร ในราชวงศ์มีอยู่เพียงสามคนที่มีความเป็นไปได้ที่สุดว่าจะได้ขึ้นครองราชย์


เขา หรงฉู่ และหรงเช่อที่เรืองอำนาจขึ้นมาในช่วงไม่กี่ปีนี้…


ในศึกครั้งนี้ หรงเช่อมีความชอบยิ่งนัก มีคุณูปการด้านการรบเป็นที่เลื่องลือ และข่าวการทัพรายงานคุณูปการนี้ตัวเขาหรงเจียหลัวเป็นเขียนรายงานเองกับมือ จักรพรรดิซวนก้ส่งคนมาปูนบำเหน็จตกรางวัลอยู่หลายครั้ง ไม่ว่าจะในกองทัพหรือในอาณาจักรหรงเช่อก็มีบารมีค่อนข้างมากแล้ว


หากตัวเขาและหรงฉู่ล้วนสิ้นชีพไป เช่นนั้นราชบัลลังก์นี้ก็ย่อมตกเป็นของหรงเช่อ


คาดการณ์ได้ว่าไม่ว่าจะเป็นฝ่ายองค์รัชทายาทหรือว่าฝ่ายหรงฉู่ก็ล้วนไม่คัดค้านทั้งสิ้น


นกกระสาสู้กับหอยกาบ ชาวประมงได้รับผลประโยชน์


ที่แท้น้องชายที่เขาไว้ใจยิ่งนักมาโดยตลอดถึงจะเป็นผู้มีชัยในตอนสุดท้าย!


“เจ้าแปด แผนการของเจ้าช่างยอดเยี่ยมโดยแท้!” หรงเจียหลัวโศกหมอง ยามนี้เขายังไม่ฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ พลังยุทธ์สิบส่วนใช้ออกมาไม่ได้เลยสักส่วน ปะกอบกับถูกพิษเข้าไปอีก ไม่เหลือความหวังเลยสักนิด


เป็นเขาที่ไว้ใจผิดคน!


หรงเจียหลัวหลับตาลง “เจ้าลงมือเถอะ!”


ด้านหนึ่งไม่มีความเคลื่อนไหวอยู่พักใหญ่ หรงเจียหลัวลืมตาขึ้นอย่างประหลาดใจ มองเห็นหรงเช่อโบกพัดมองเขาด้วยรอยยิ้ม แววตาน่าพิศวง


“เหตุใดไม่ลงมือเล่า? เจ้าบอกเรื่องพวกนี้กับข้า มิใช่คิดจะทำให้ข้าได้กระจ่างแจ้งก่อนตาย แล้วสังหารข้าหรอกหรือ?”


หรงช่อหลุบตาลงทอดถอนใจ “เสด็จพี่มีเมตตาต่อข้าถึงเพียงนี้ ข้าไม่อาจหักใจสังหารท่านด้วยมือตนได้”


หรงเจียหลัวกำหมัด “หรือเจ้าคิดจะบีบให้ข้าฆ่าตัวตาย?”


“เสด็จพี่ทำได้ไหมล่ะ?”


————————————————————————————-


บทที่ 1022 เจ้าจะฆ่าก็ลงมือเสีย


“อย่าเรียกข้าว่าพี่! ข้าไม่มีน้องชายอย่างเจ้า! เจ้าจะฆ่าก็ลงมือเสีย อย่าได้หมายว่าข้าจะยอมฆ่าตัวตาย!”


หรงเช่อยังคงยิ้มอยู่เช่นเดิม เพียงแต่นัยน์ตากลับมีความสลดพาดผ่านแวบหนึ่ง “ข้าก็รู้อยู่แล้วว่าท่านทำไม่ได้…ดังนั้น…คอยอีกหน่อยเถิด”


เชาหยิบขลุ่ยไผ่เลาหนึ่งออกมา เป่าบรรเลงอย่างเอ้อระเหย


คอย? ยังต้องคอยอะไรอีก?


หรงเจียหลัวไม่มีทางคาดคิดว่าเขาจะปล่อยตนไปหลังจากที่เผยความลับทั้งหมดออกมาแล้ว เพียงแต่ในรถคันนี้มีแค่ตนกับเขา ถ้าเขาไม่ลงมือแล้วจะให้ผู้ใดมาลงมือ?


หรงเจียหลัวได้รับคำตอบที่เฝ้ารออยู่อย่างรวดเร็ว จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงจิ้งจอกดำร้องตะโกนอยู่ด้านนอก “เหยี่ยวไสยดำ! เหยี่ยวไสยดำมากมายเหลือเกิน!”


จากนั้นรถม้าก็โยกไหวทันที เห็นได้ชัดว่าจิ้งจอกดำที่อยู่ด้านนอกกำลังพยายามบังคับรถม้าหลบหลีกอย่างสุดชีวิต


ร่างกายหรงเจียหลัวไร้เรี่ยวแรง เมื่อถูกโยกเช่นนี้ ร่างกายจึงพุ่งถลาไปด้านหน้าทันที ถูกหรงเช่อยื่นพัดมากดไว้…


เหยี่ยวไสยดำเป็นสัตว์ปีกดุร้ายชนิดหนึ่ง เป็นวิหคที่มีพลังวิญญาณขั้นห้า สามารถฉีดทึ้งแรดได้ด้วยกรงเล็บ รถม้าที่เดินทางด้วยการเหินบินหวาดเกรงว่าจะพบวิหคชนิดนี้ระหว่างทางเป็นที่สุด เจอเพียงตัวเดียวก็ทำให้สารถีวุ่นวายหัวหมุนแล้ว แต่ยามนี้พวกเขากลับพบเจอเป็นฝูง! มีถึงสามสิบสี่สิบตัว!


พลังวิญญาณของจิ้งจอกดำคือขั้นห้า หากพบเหยี่ยวไสยดำเพียงตัวเดียว เขายังพอรับมือได้ แต่ยามนี้พบพานมากมายในคราวเดียว เขาหน้าเปลี่ยนสีอย่างสมบูรณ์แล้ว!


หรงเช่อชักพัดกลับ มองหรงเจียหลัวเป็นครั้งสุดท้ายแวบหนึ่ง “เสด็จพี่ ชาติหน้าก็เลือกเกิดในครรภ์ดีๆ แล้วกัน ครั้งนี้ขออภัยด้วย!” ประสานมือคารวะคราหนึ่ง เรือนกายไหววูบ พุ่งออกจากรถไป…


ภายในรถเหลือหรงเจียหลัวที่ขยับตัวแทบไม่ได้อยู่เพียงผู้เดียว ในที่สุดเขาก็ทราบแผนการทั้งหมดของหรงเช่ออย่างแจ่มแจ้งแล้ว


สาเหตุมิใช่เขาหักใจสังหารด้วยมือตนไม่ลง แต่เป็นการสร้างอุบัติเหตุอย่างหนึ่งขึ้น!


อย่างไรเสียหากเขาลงมือด้วยตัวเอง เป็นไปได้ว่าอาจหลงเหลือเบาะแสอันใดไว้บนร่างศพ ถูกคนสืบพบได้ แต่ยามนี้เขาสร้างอุบัติเหตุที่สมบูรณ์แบบอย่างหนึ่งขึ้น ถูกโจมตีระหว่างทาง เขากับจิ้งจอกดำล้วนต่อสู้หลั่งโลหิตอยู่ด้านนอก เหลือไว้เพียงเขาที่จะตกตายไปพร้อมกับรถม้าคันนี้…


ความคิดเขาเพิ่งแล่นมาถึงตรงนี้ นอกรถม้าก็มีเสียงจิกข่วนแว่วเข้ามา รวมถึงเสียงโหวกเหวกโวยวายด้วยความโกรธของจิ้งจอกดำกับหรงเช่อ…


ชัดเจนยิ่งนัก เหยี่ยวไสยดำมากมายเกินไป จิ้งจอกดำกับหรงเช่อต้านทานไม่ไหว ทำให้เหยี่ยวไสยดำกว่าสิบตัวกรูเข้ามากระแทกรถม้า


‘แคว่ก! แคว่ก! แคว่ก! แคว่ก…’ รถม้าถูกการโจมตีของเหยี่ยวไสยดำฉีกทึ้งออกเป็นชิ้น หรงเจียหลัวช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ร่วงหล่นลงไปดุจอุกกาบาต…


“องค์รัชทายาท!” เสียงตะโกนจนเสียงแทบหลงของจิ้งจอกดำแว่วเข้าหู


“เสด็จพี่รัชทายาท!” นี่คือเสียงตะโกนด้วยความตกใจของหรงเช่อ


หรงเจียหลีวหลับตาลง ร่างเขาไม่มีพลังวิญญาณเลยสักนิด ร่วงหล่นจากระดับความสูงกว่าสองพันเมตรไหนเลยจะยังมีทางรอด?


….


จิ้งจอกดำมือเท้าสั่นสะท้าน สืบหาร่องรอยของผู้เป็นนายอย่างบ้างคลั่งด้วยความยากลำบาก


วินาทีที่หรงเจียหลัวร่วงหล่นลงไปเขาก็กระโดดตามไปอย่างไม่แยแสสิ่งใดทั้งสิ้น ทว่าถูกหรงเช่อใช้แส้ม้วนตัวดึงขึ้นไป


เขาหันกลับไปมองทันที เห็นหรงเช่อขี่สิงโตเวหาตัวหนึ่งโผบินลงมาอย่างรวดเร็วเช่นกัน จิ้งจอกดำกำลังร่อนลงบนหลังสิงโตเวหาตัวที่เขาขี่อยู่


สิงโตเวหาอีกตัวกลายเป็นอาหารของเหยี่ยวไสยดำฝูงนั้นแล้ว…


ถึงแม้ทั้งสองจะขี่สัตว์พาหนะบินตามลงมาอย่างรวดเร็วแล้ว แต่สุดท้ายก็ยังไม่เร็วเท่าการร่วงหล่นอย่างไร้แรงโน้มถ่วงของหรงเจียหลัว ทั้งสองเบิกตามองเขาลอยละลิ่ว ร่วงดิ่งลงไปในป่าดงดิบที่อยู่ด้านล่าง…


พวกเขาตระเวนไปทั่วสถานที่ที่หรงเจียหลัวร่วงลงมา ว่ากันตามเหตุผลแล้วต่อให้เขาหล่นลงมาตาย ศพก็ควรอยู่ในรัศมีหนึ่งกิโลเมตรรอบบริเวณนี้


แต่คนทั้งสองไม่สนใจอาการบาดเจ็บทำการค้นหารอบบริเวณนี้อย่างถี่ถ้วนปานร่อนตะแกรงมาสองชั่วยามเต็ม ก็ไม่พบร่องรอยของหรงเจียหลัวเลย


————————————————————————————-

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)