เทพปีศาจหวนคืน 1013-1014

บทที่ 1013 ความทรงจำสีเทา


แปลโดย iPAT 


 


ภัยพิบัติใหญ่ครั้งนี้ไร้เหตุผลอย่างสิ้นเชิง


 


ไม่เพียงร่างกายของผู้อมตะจะถูกขังไว้ใต้ดิน จิตใจของพวกเขายังได้รับผลกระทบ


 


หากไม่สามารถนึกคิด แล้วพวกเขาจะกระตุ้นใช้วิญญาณได้อย่างไร?


 


มีเพียงวิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาที่สามารถช่วยเหลือในสถานการณ์นี้


 


แต่มันยังมีเงื่อนไขว่าต้องกระตุ้นใช้ทักษะเหล่านั้นล่วงหน้า มิฉะนั้นพวกเขาจะไม่สามารถปลดปล่อยตนเองจากคุกปฐพี


 


สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงพลังอำนาจของภัยพิบัติใหญ่ครั้งนี้และนี่ยังเป็นเพียงภัยพิบัติใหญ่ไม่ใช่หมื่นภัยพิบัติ


 


“บัดซบ!” อิงอู๋เซี่ยกรีดร้องและดิ้นรนต่อสู้แต่กลับไร้ประโยชน์ เขายังจมลงไปใต้ดินอย่างต่อเนื่อง


 


“หยุดดิ้นรน หยุดคิด มันจะทำให้สถานการณ์ของเราเลวร้ายลง” โป้ชิงที่อยู่ด้านข้างกล่าวอย่างสงบ


 


กล่าวอีกอย่าง ดวงวิญญาณของโม่เหยาสงบมาก


 


นางเต็มไปด้วยประสบการณ์


 


เมื่อนางยังมีชีวิต นางช่วยสามีของนางก้าวข้ามหมื่นภัยพิบัติ นางเคยเห็นภัยพิบัติที่น่ากลัวกว่านี้มาแล้ว


 


หากเปรียบเทียบ ภัยพิบัติใหญ่คุกปฐพีครั้งนี้ยังอ่อนโยนมาก


 


“พวกเราทำได้เพียงหวังว่าร่างหลักจะช่วยเหลือพวกเรา” อิงอู๋เซี่ยถอนหายใจและมองไปที่เทพปีศาจจิตวิญญาณ


 


อย่างไรก็ตามขาของเทพปีศาจจิตวิญญาณก็จมลงไปใต้ดินเช่นกัน ไม่เพียงเท่านั้นขาซ้ายของเขายังถูกเย็บติดกับพื้นดินอีกด้วย


 


นี่คือการโจมตีจากคฤหาสน์วิญญาณอมตะวังร้อยไหม


 


แม้เทพปีศาจจิตวิญญาณจะทรงพลัง แต่เขาก็ไม่สามารถควบคุมทุกสิ่งได้ในเวลาเดียวกัน


 


ดวงตาหนึ่งคู่ของเทพปีศาจจิตวิญญาณมองไปที่หอคอยดวงตาสวรรค์เพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของมันขณะที่ดวงตาอีกสองคู่มองขึ้นไปบนท้องฟ้า


 


บนท้องฟ้ามีกลุ่มเมฆสีเทาที่กำลังเคลื่อนตัวลงมา


 


หมื่นภัยพิบัติครั้งที่สองเริ่มขึ้นแล้ว!


 


แต่มันแตกต่างจากคุกพายุสายฟ้าที่รวดเร็วและรุนแรง


 


กลุ่มเมฆสีเทาเคลื่อนที่ช้ามาก


 


เทพปีศาจจิตวิญญาณยังไม่ขยับเขยื้อน เขายืนอยู่เงียบๆราวกับภูเขาที่เงียบสงบ


 


“ร่างหลักของเราถูกโจมตีงั้นหรือ?” อิงอู๋เซี่ยตะโกนด้วยความกังวล “นี่เป็นโอกาสดี เหตุใดไม่ตอบโต้?”


 


กระทั่งกลุ่มเมฆสีเทาเคลื่อนที่ลงมาปกคลุมร่างกายของเทพปีศาจจิตวิญญาณ เขาก็ยังไม่ขยับเขยื้อนแต่ยังควบคุมหอคอยดวงตาสวรรค์ตลอดเวลา


 


ผู้อมตะวังสวรรค์ใช้การเคลื่อนไหวบนเส้นทางแห่งภูตผีของหอคอยดวงตาสวรรค์ แต่ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งภูตผีของเทพปีศาจจิตวิญญาณอยู่ในระดับปรมาจารย์เอก แล้วหอคอยดวงตาสวรรค์จะสามารถต่อต้านเทพปีศาจจิตวิญญาณได้อย่างไร


 


“หมื่นภัยพิบัติมาถึงแล้ว!” อิงอู๋เซี่ยกัดฟันกล่าวเมื่อเห็นกลุ่มเมฆสีเทาเคลื่อนที่ลงมาอย่างช้าๆ


 


โป้ชิงแสดงออกด้วยความเคร่งเครียด


 


ภัยพิบัติใหญ่คุกปฐพีทำให้พวกเขากลายเป็นไร้พลังอำนาจ เมื่อหมื่นภัยพิบัติมาถึง มันจะเป็นเวลาตายของพวกเขาหรือไม่?


 


เมฆสีเทาเคลื่อนตัวลงมาแต่ไม่ได้ทำร้ายพวกเขา


 


“เกิดสิ่งใดขึ้น? เหตุใดหมื่นภัยพิบัติไม่เป็นอันตราย?” อิงอู๋เซี่ยรู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นว่าไม่เกิดสิ่งใดขึ้น


 


โป้ชิงไม่ตอบ


 


ผู้อมตะวังสวรรค์ตระหนักถึงภับพิบัตินี้แต่แน่นอนว่าพวกเขาไม่ตอบคำถามอิงอู๋เซี่ย


 


“นี่คือภัยพิบัติความทรงจำสีเทางั้นหรือ?” ผู้อมตะวังสวรรค์บางคนจดจำมันได้


 


“ความทรงจำสีเทา?”


 


บางคนตอบ “ตอนที่ข้ายังเด็ก ข้าได้รับมรดกของผู้อมตะระดับแปด ผู้อมตะผู้นี้ล้มเหลวในการก้าวข้ามหมื่นภัยพิบัติความทรงจำสีเทา ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต เขาทิ้งมรดกเอาไว้ ภัยพิบัตินี้ไม่ส่งผลกระทบต่อร่างกายแต่มันจะดึงความทรงจำที่เจ็บปวดที่สุดของผู้คนออกมาทำร้ายจิตใจพวกเขา”


 


“อย่าดูแคลนภัยพิบัตินี้ ผู้อมตะระดับแปดผู้นั้นใช้เวลาไม่ถึงสิบห้านาทีในความทรงจำสีเทาก่อนจะสูญเสียจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ทั้งหมดและไม่ต้องการมีชีวิตอยู่อีกต่อไป”


 


“กล่าวไปแล้ว ศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดก็คือตัวของเราเอง สำหรับมนุษย์ แม้คนผู้หนึ่งจะบรรลุระดับเก้า แต่พวกเขาย่อมมีช่วงเวลาหนึ่งในชีวิตที่อ่อนแอ เทพปีศาจจิตวิญญาณเข่นฆ่าสิ่งมีชีวิตทั้งโลก ผู้คนคาดเดาว่าเขามีปมในใจในวัยเยาว์”


 


“ผู้ใดบ้างที่ไม่มีความทรงจำที่เจ็บปวดซ่อนอยู่ในส่วนลึกของหัวใจ? ผู้ใดบ้างที่ไม่มีความทรงจำที่น่าอับอาย? ผู้ใดบ้างที่ไม่เคยทำสิ่งผิดพลาด? มันน่าทึ่งมาก! ภัยพิบัตินี้น่าทึ่งอย่างแท้จริง! บางทีเทพปีศาจจิตวิญญาณอาจสะดุดล้มอยู่ที่นี่!”


 


หมื่นภัยพิบัติ ความทรงจำสีเทา!


 


เพราะเทพปีศาจจิตวิญญาณตระหนักถึงภัยพิบัตินี้ ดังนั้นเขาจึงไม่เคลื่อนไหว


 


เขารู้ว่าไม่มีการโจมตีใดสามารถทำลายภัยพิบัตินี้ มีเพียงการเผชิญหน้ากับอดีตที่เจ็บปวด น่าอาย และผิดพลาดของตนเองเท่านั้นจึงจะสามารถผ่านพ้นภัยพิบัตินี้ไปได้


 


สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าเทพปีศาจจิตวิญญาณคือฉากเหตุการณ์ในวัยเด็กของเขา


 


“ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า!”


 


กลุ่มผู้ใช้วิญญาณปิดล้อมครอบครัวหนึ่งที่มีสมาชิกสามคน ดวงตาของพวกเขาเป็นสีแดงขณะที่พวกเขาคำรามอย่างดุร้าย


 


“ท่านพ่อ ท่านไม่สามารถฆ่าท่านแม่!” เด็กผู้หนึ่งปกป้องมารดาที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสและตะโกนด้วยพลังทั้งหมด


 


“ฮืม ผู้คนบนเส้นทางปีศาจต้องถูกประหารชีวิต! พวกเราฝ่ายธรรมะต้องรักษาความยุติธรรมและกวาดล้างความชั่วร้าย! เหตุใดพวกเราจะไม่สามารถสังหารนาง? ไม่เพียงพวกเราจะสามารถฆ่านาง แต่พวกเราต้องฆ่านาง! มีเพียงการฆ่านางเท่านั้นจึงจะสามารถกำจัดความอัปยศของตระกูล!” ผู้นำกลุ่มผู้ใช้วิญญาณกล่าวด้วยน้ำเสียงอันชอบธรรม เขาเป็นปู่ของเด็กน้อยและเป็นผู้นำตระกูล


 


คำกล่าวของผู้นำตระกูลได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มผู้อาวุโสของตระกูล


 


พวกเขายกแขนขึ้นและตะโกน


 


“ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า!”


 


“ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า!”


 


“พรวด!”


 


เสียงเลือดพุ่งออกมาจากร่าง


 


เด็กน้อยรีบหันหลังกลับก่อนที่รูม่านตาของเขาจะหดเล็กลง


 


เขาเห็นบิดาของตนใช้กริชแทงเข้าไปในหัวใจของมารดาด้วยน้ำตาที่ไหลนอง


 


เด็กน้อยอ้าปากกรีดร้องแต่กลับไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา


 


ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาเด็กน้อยกลายเป็นเงียบงัน


 


เห็นได้ชัดว่าเด็กผู้นี้ก็คือเทพปีศาจจิตวิญญาณในวัยเยาว์


 


ภายใต้อิทธิพลของภัยพิบัติความทรงจำสีเทา บาดแผลในวัยเด็กของเขาถูกขุดขึ้นมาอีกครั้ง


 


หลังจากนั้นเมฆสีเทายังแสดงฉากต่อไป


 


หลายปีต่อมา


 


เด็กหนุ่มเติบโตขึ้นเล็กน้อย เขายืนอยู่ต่อหน้าปู่ของเขาด้วยความเคารพ


 


ปู่ของเขาดื่มชาและถามอย่างไม่เป็นทางการ “ข้าให้เจ้าอ่านประวัติศาสตร์ของตระกูลเรา เจ้าได้เรียนรู้สิ่งใดบ้าง”


 


“ท่านปู่” เด็กชายทำความเคารพก่อนกล่าว “ช่วงสองสามวันที่ผ่านมาข้าได้เรียนรู้มากมาย”


 


“โอ้ รีบบอกข้า” ชายชราถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น


 


“เมื่อมองไปในประวัติศาสตร์ มีกฎที่ได้รับการยอมรับโดยทั่วกันข้อหนึ่ง นั่นคือการฆ่า” เด็กชายกล่าวอย่างสงบ


 


“ฆ่า?” ชายชราขมวดคิ้ว “อธิบายให้ข้าฟัง”


 


“ทราบแล้ว” เด็กชายกล่าวต่อ “เมื่อเราหิว เราต้องการอาหาร เราจะฆ่าเหยื่อ เมื่อเรามีศัตรู เราจะฆ่าศัตรูเพื่อกำจัดภัยคุกคาม เมื่อโลกสงบสุข ราชาจะฆ่าขุนศึกของตนเพื่อความมั่งคง…”


 


เด็กชายกล่าวอย่างช้าๆแต่เขาไม่ได้สังเกตว่าคิ้วของชายชรายิ่งขมวดแน่นมากขึ้น


 


เด็กชายยังกล่าวต่อ “ตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนานเต็มไปด้วยเหตุการณ์ที่เจ้าฆ่าข้า ข้าฆ่าเจ้า วีรบุรุษคือสิ่งใด? พวกเขาก็คือบุคคลที่สามารถฆ่าศัตรูส่วนใหญ่ ผู้แพ้คือสิ่งใด? พวกเขาก็คือฝ่ายตรงข้ามที่ถูกฆ่า”


 


“คำว่าฆ่าเป็นคำๆเดียวแต่มันกลับมีความหมายลึกซึ้งที่ซ่อนอยู่ จะฆ่าได้อย่างไร? คนผู้หนึ่งต้องใช้วิญญาณและลงมือด้วยตนเองหรือจ้างผู้ใช้วิญญาณคนอื่น เพื่อบรรลุเป้าหมาย บางครั้งเราไม่สามารถฆ่าได้ทันทีเพราะมันจะดึงดูดความเดือดร้อน ดังนั้นเราจึงเลือกที่จะลอบสังหาร การลอบสังหารมีหลายรูปแบบ…”


 


“พอแล้ว!” ชายชราตะโกนด้วยความโกรธและโยนถ้วยชาลงบนพื้น


 


ชายชราผุดลุกขึ้นยืนและชี้นิ้วไปที่เด็กชาย “ข้าให้เจ้าอ่านมันเพื่อรำลึกและชื่นชมความสำเร็จของบรรพชน ข้าต้องการให้เจ้าเรียนรู้ความอ่อนน้อมและความซื่อตรง ข้าต้องการให้เจ้าได้เห็นความรุ่งโรจน์ของฝ่ายธรรมะ แต่เจ้ากลับเรียนรู้เรื่องการฆ่างั้นหรือ? นี่เป็นความคิดที่บิดเบี้ยว! เจ้า…เจ้า…เจ้าจะถูกกักบริเวณอยู่ในบ้านเป็นเวลาหนึ่งเดือนและจงใช้ช่วงเวลานี้สำนึกผิด!”


 


“ทราบแล้ว ท่านปู่” เด็กชายกล่าวเบาๆแต่ดวงตายังส่องประกายด้วยความดื้อรั้น


 


ภาพเหตุการณ์เปลี่ยนไปอีกครั้ง


 


หลายปีต่อมา เด็กชายผู้นี้กลายเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับหนึ่ง


 


“ฮ่าฮ่าฮ่า ในที่สุดข้าก็สามารถหลอมรวมวิญญาณเก็บซ่อนกลิ่นอาย ข้าจะทำให้ท่านปู่ตกใจกับการศึกษาด้วยตนเองของข้า!”


 


เด็กชายลอบเข้าไปในห้องทำงานของปู่


 


“โอ้ ไม่ ข้าเป็นเพียงผู้ใช้วิญญาณระดับหนึ่งแต่ท่านปู่เป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสี่ มันเป็นเรื่องง่ายมากที่ท่านปู่จะพบข้า ข้าควรซ่อนตัวอยู่หลังประตูลับและกระโดดออกมาเพื่อทำให้ท่านปู่ตกใจในภายหลัง”


 


เด็กชายเปลี่ยนใจและเข้าไปซ่อนตัวหลังประตูลับ


 


หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้ยินเสียง


 


สองคนเดินเข้ามาในห้อง


 


ปู่ของเขาเดินเข้ามาด้วยความเร่งร้อน


 


“บุตรทรยศผู้นี้ เขาต้องการกบฎจริงๆงั้นหรือ? เขาต้องการทำร้ายพ่อของเขางั้นหรือ?” ผู้นำตระกูลโกรธมากและทุบโต๊ะอย่างแรง


 


“ท่านผู้นำ ตอนนี้ข่าวเรื่องท่านครอบครองวิญญาณอายุยืนแปดสิบปีกระจายออกไปแล้ว มันสามารถยืนยันได้ว่าเขาทรยศท่าน” เสียงแหบห้าวดังขึ้น


 


เด็กชายรู้ทันทีว่านี่คือผู้อาวุโสคนสนิทของผู้นำตระกูล


 


“ฮืม บุตรทรยศผู้นี้ เขาต้องการยึดอำนาจของข้า นี่เป็นไปได้อย่างไร?” ผู้นำตระกูลตะโกน


 


“ท่านผู้นำ มีตัวตนระดับสูงหลายคนสนับสนุนเขา” เสียงแหบห้าวกล่าวต่อ


 


หลังจากชั่วครู่ ปู่ของเด็กชายจึงเปิดปากกล่าวอย่างเคร่งขรึม “อิทธิพลของเขาไม่ควรถูกมองข้าม หากเราปราบปรามเขาอย่างเปิดเผย ไม่เพียงชื่อเสียงของเราจะเสียหาย มันยังจะสร้างความขัดแย้งภายในและทำให้ตระกูลอ่อนแอลง ฮืม…ไปเตรียมการ พวกเราจะลอบสังหารเขา เมื่อเขาตาย ผู้อาวุโสคนอื่นๆจะไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยอมรับความพ่ายแพ้!”


 


“ท่านผู้นำช่างฉลาดปราดเปรื่อง!”


 


หลังประตูลับ เด็กชายปิดปากของตนขณะที่ร่างกายสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรง


บทที่ 1014 มรดกบนเส้นทางอาหาร


แปลโดย iPAT 


 


ไท่เป่ยหยุนเฉิงอุ้มฟางหยวนวิ่งหนี


 


ไห่ลั่วหลันมองฉากเหตุการณ์วัยเด็กที่น่าสงสารของเทพปีศาจจิตวิญญาณเป็นครั้งสุดท้าย นางรู้สึกเข้าใจเทพปีศาจจิตวิญญาณเนื่องจากนางมีประสบการณ์ที่คล้ายคลึงกัน


 


ด้วยเหตุผลบางประการ ภัยพิบัติใหญ่คุกปฐพีไม่ส่งผลกระทบต่อพวกนาง


 


ไท่เป่ยหยุนเฉิงและไห่ลั่วหลันฉวยโอกาสนี้หลบหนีด้วยความตกใจและดีใจ


 


เขตต้องห้ามที่เกิดจากค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายาหายไปแล้ว นั่นทำให้ไท่เป่ยหยุนเฉิงกับไห่ลั่นหลันสามารถหลบหนีได้อย่างง่ายดาย


 


ในไม่ช้าภูเขาอี้เทียนก็ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง พวกเขามองไม่เห็นเมฆสีเทาอีกต่อไป


 


“ฟางหยวน ตื่น!” ไห่ลั่วหลันตบหน้าฟางหยวนแต่ฟางหยวนยังหลับสนิท


 


หากไม่มีวิญญาณท่องแดนอมตะของฟางหยวน พวกเขาจะไม่สามารถออกจากภาคใต้


 


เว้นเพียงพวกเขาจะข้ามกำแพงภูมิภาค


 


แต่นั่นจะทำให้พวกเขาพบความสูญเสียมากเกินไป


 


“ผู้อมตะจากภาคเหนือ?” เสียงดังมาจากระยะไกล


 


ไม่นานหลังจากนั้นผู้อมตะภาคใต้สามคนก็มาถึง


 


เมื่อเห็นไท่เป่ยหยุนเฉิงกับไห่ลั่วหลันในสภาพที่น่าสมเพช ผู้อมตะภาคใต้ทั้งสามรู้สึกตกใจมาก “ดูเหมือนพวกเจ้าจะได้รับบาดเจ็บจากภูเขาอี้เทียน เกิดสิ่งใดขึ้น? พูด!”


 


ไท่เป่ยหยุนเฉิงแสดงออกอย่างเป็นมิตร


 


แต่ไห่ลั่วหลันเผยรอยยิ้มเย็นชา “หากพวกเจ้าอยากรู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น? เหตุใดไม่ไปดูด้วยตาของตนเอง?”


 


ผู้อมตะภาคใต้ทั้งสามก่นเสียงเย็น ระดับการบ่มเพาะของพวกเขาไม่สูงนัก พวกเขาเดินทางมาที่นี่เพียงเพราะสมาชิกกลุ่มของพวกเขาที่เดินทางไปภูเขาอี้เทียนก่อนหน้านี้ขาดการติดต่อไป


 


ไม่ว่าจะเป็นกองกำลังใด พวกเขาต่างกังวลเกี่ยวกับคฤหาสน์วิญญาณอมตะสนามรบแห่งความโกลาหล


 


นอกจากนี้ไท่เป่ยหยุนเฉิงกับไห่ลั่วหลันยังได้รับบาดเจ็บสาหัสและไม่อยู่ในสภาพที่ดีนัก


 


“เราขอให้พวกเจ้าพูด มันจะดีที่สุดหากพวกเจ้าเชื่อฟังพวกเรา”


 


“ผู้อมตะภาคเหนือมาที่ภาคใต้แต่ยังทำตัวยโสงั้นหรือ?”


 


“อย่าเสียเวลาพูดให้มากความ จัดการพวกเขาซะ!”


 


การต่อสู้ปะทุขึ้นในที่สุด


 


ด้านภูเขาอี้เทียน เมฆสีเทายังไม่หายไป สถานการณ์กลายเป็นไร้ทางออก


 


ไม่ว่าวังสวรรค์จะพยายามเพียงใด พวกเขาก็ไม่สามารถเคลื่อนไหว


 


อิงอู๋เซี่ยกับโป้ชิงยังติดอยู่ใต้ดิน


 


เมฆสีเทาปกคลุมร่างกายของโป้ชิงและแสดงภาพเหตุการณ์ต่างๆตลอดเวลา


 


แต่ภาพเหล่านี้เป็นความทรงจำของโม่เหยาในวัยเด็ก นางกำลังเผชิญหน้ากับการหักหลัง


 


“ฮืม!” ผีดิบอมตะโป้ชิงก่นเสียงเย็นเย้ยหยัน


 


เผชิญหน้ากับความเจ็บปวดในอดีต โม่เหยาแสดงให้เห็นถึงความเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยว


 


“แปลก เหตุใดเจ้าไม่ได้รับผลกระทบจากเมฆสีเทาเหล่านี้?” โป้ชิงมองอิงอู๋เซี่ยที่อยู่ด้านข้าง


 


“ข้าไม่รู้” อิงอู๋เซี่ยมองเมฆสีเทาและส่ายศีรษะ “แต่เรื่องของเจ้าน่าสนใจจริงๆ”


 


โป้ชิงเย้ยหยัน “ดูเหมือนเพราะเจ้าพึ่งถือกำเนิดได้เพียงสิบแปดชั่วโมง ดังนั้นเจ้าจึงไม่มีเวลาเก็บเกี่ยวประสบการณ์ชีวิต”


 


ภัยพิบัติความทรงจำสีเทาไม่ส่งผลกระทบต่ออิงอู๋เซี่ยเพราะเขายังเด็กเกินไปและไม่มีประสบการณ์ชีวิต


 


แต่มันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับเทพปีศาจจิตวิญญาณ


 


‘หมื่นภัยพิบัติครั้งที่สองนี้เป็นเรื่องเลวร้ายอย่างแท้จริง เมื่ออยู่ในเมฆสีเทา ไม่เพียงความทรงจำจะถูกดึงออกมา แต่ความทรงจำเหล่านั้นยังส่งผลกระทบต่อจิตใจ ความทรงจำของข้าทำให้ข้ารู้สึกไม่สบายใจโดยเฉพาะเมื่อมันเกี่ยวกับคนรักของข้า…หากกระทั่งข้ายังได้รับผลกระทบจากสิ่งนี้ แล้วเทพปีศาจจิตวิญญาณที่มีชีวิตมาอย่างยาวนานจะจัดการกับมันอย่างไร?’ เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ช่วยไม่ได้ที่โม่เหยาจะมองไปยังเทพปีศาจจิตวิญญาณด้วยร่างของผีดิบอมตะโป้ชิง


 


ท่ามกลางกลุ่มเมฆสีเทา เทพปีศาจจิตวิญญาณราวกับภูเขาที่ไม่เคลื่อนไหว


 


ภาพในวัยเยาว์ของเทพปีศาจจิตวิญญาณยังดำเนินต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง ตอนนี้เขากลายเป็นผู้อมตะเรียบร้อยแล้ว


 


ในถ้ำนรกใต้พิภพ


 


“เจ้าหนู เจ้าต้องการมรดกของข้างั้นหรือ?” ท่ามกลางความมืดมิด ดวงตาคู่สีแดงส่องประกายขึ้น


 


“ถูกต้อง” ผู้อมตะกล่าวอย่างรวบรัด เขาสวมชุดคลุมสีดำ ผมยาวประบ่า การแสดงออกเย็นชา และมีแสงสว่างส่องสะท้อนออกมาจากดวงตาเป็นครั้งคราว


 


“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า” เสียงหัวเราะดังขึ้นอย่างบ้าคลั่ง


 


หลังจากชั่วครู่มันจึงหยุดลง


 


“ดูเหมือนเจ้าจะเตรียมใจมาแล้ว เช่นนั้นนี่คือบททดสอบของเจ้า!”


 


เสียงคำรามดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของสัตว์ประหลาดที่มีสองแขนสองขาเหมือนมนุษย์แต่ร่างกายปกคลุมไปด้วยเกล็ดและมีศีรษะเป็นจระเข้


 


ปากของมันเต็มไปด้วยเขี้ยวอันแหลมคมราวกับมีดสั้น


 


ศีรษะของมันยังมีเขามังกรหนึ่งคู่


 


แต่ร่างกายของมันปลดปล่อยกลิ่นอายของผู้อมตะออกมา


 


เห็นได้ชัดว่าสัตว์ร้ายตัวนี้คือผู้อมตะเผ่ามนุษย์อสูร


 


มนุษย์อสูรอ้าปากกัดเทพปีศาจจิตวิญญาณในวัยเยาว์แต่ฝ่ายหลังกลับไม่หลบ


 


มันฉีกแขนซ้ายของเป้าหมายออกจากร่าง


 


เลือดพุ่งออกมา


 


ภายใต้การบดเคี้ยวด้วยฟันของมนุษย์อสูร แขนของเทพปีศาจจิตวิญญาณถูกฉีกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เลือดไหลออกมาตามช่องฟันของมัน


 


มนุษย์อสูรกลืนเนื้อและกระดูกลงไปในท้องของมัน


 


“อร่อยมาก! ข้าไม่ได้กินเนื้อสดเช่นนี้มานานแล้ว!” มนุษย์อสูรคำราม


 


เทพปีศาจจิตวิญญาณยังไม่ถอยและปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามกัดต่อไป


 


มนุษย์อสูรกินแขนอีกข้างหนึ่งของเขาเข้าไปอย่างรวดเร็ว


 


หลังจากนั้นขาทั้งสองข้างของเขาก็ถูกกลืนกินเข้าไปเช่นกัน


 


ถูกโจมตีอย่างหนักหน่วงแต่การแสดงออกของเทพปีศาจจิตวิญญาณกลับไม่เปลี่ยนแปลง


 


มนุษย์อสูรกลายเป็นฝ่ายตกใจ


 


“เจ้าแตกต่างจากผู้คนก่อนหน้านี้” มนุษย์อสูรหยุดกินและประเมินเทพปีศาจจิตวิญญาณ “เจ้าปราศจากความหวาดกลัวอย่างสิ้นเชิง ข้าเป็นผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางอาหาร ผู้คนมากมายต้องการมรดกของข้าและอนุญาตให้ข้ากินพวกเขา แม้พวกเขาจะแสดงออกด้วยความแข็งกร้าวแต่ในใจของพวกเขากลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัว”


 


“พวกเขาคิดว่าจะสามารถปกปิดอารมณ์ความรู้สึกจากข้าแต่เนื้อของพวกเขากลับบ่งบอกอารมณ์ของพวกเขาอย่างชัดเจน มันไม่อร่อยเลย”


 


“แล้วเนื้อของข้าอร่อยหรือไม่?” เทพปีศาจจิตวิญญาณถาม


 


มนุษย์อสูรขมวดคิ้ว “กล่าวตามตรง เนื้อของเจ้ารวมถึงกระดูกของเจ้าเย็นมาก มันไม่อร่อยเลย มันเหมือนก้อนน้ำแข็งที่ข้ากินสมัยเด็กๆ ตอนนั้นข้าถูกไล่ล่าโดยมนุษย์ ข้าหลบหนีไปยังแดนน้ำแข็งและเต็มไปด้วยความหิวโหย”


 


“แต่ช่างมันเถอะ ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าติดอยู่ที่นี่และไม่ได้กินเนื้อสดๆมานาน แล้วข้าจะไม่พอใจได้อย่างไร? นอกจากนั้นข้ายังชอบหัวใจ ตับ ไต และลำไส้เป็นพิเศษ พวกมันคือของโปรดของข้า ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าต้องการมรดกของข้าแน่นอนว่ามันมีราคาที่ต้องจ่าย อย่าตายก่อนจะถึงตอนนั้น!”


 


หลังกล่าวจบคำ มนุษย์อสูรก็ฉีกหน้าท้องของเทพปีศาจจิตวิญญาณและดูดลำไส้ของเขาเข้าไปในปาก


 


ใบหน้าของเทพปีศาจจิตวิญญาณกลายเป็นซีดขาว แต่การแสดงออกของเขายังเย็นชาราวกับนั่นไม่ใช่ลำไส้ของเขา


 


ลึกเข้าไปในดวงตาของมนุษย์อสูรปรากฏร่องรอยของความตื่นตระหนก


 


เขากรีดร้องและชี้นิ้วไปที่หน้าอกของเทพปีศาจจิตวิญญาณ “ต่อไปข้าจะกินปอดของเจ้า! ลองดูว่าเจ้าจะทนได้หรือไม่?”


 


เทพปีศาจจิตวิญญาณเผยรอยยิ้มเย็นชา “แม้ข้าจะถูกกินจนเหลือแต่ศีรษะ ข้าก็ยังสามารถกู้คืนร่างกาย  เมื่อเวลานั้นมาถึง ข้าจะได้รับมรดกของเจ้า จากนั้นเจ้าจะสูญเสียคุณค่าทั้งหมด เจ้าควรห่วงตัวเองมากกว่า”


 


ร่างของมนุษย์อสูรกลายเป็นแข็งค้างไปหลายวินาทีก่อนที่เขาจะระเบิดความโกรธออกมา “เด็กน้อย! อย่ากล่าวใหญ่โต! ข้าจะรอดูว่าเจ้าจะทนได้นานเพียงใด!?”


 


มนุษย์อสูรเปลี่ยนกลยุทธ์เป็นเคลื่อนไหวอย่างช้าๆเพื่อให้เป้าหมายทรมานมากขึ้น


 


การแสดงออกของเทพปีศาจจิตวิญญาณค่อยๆเปลี่ยนจากเย็นชากลายเป็นสนใจ


 


มนุษย์อสูรถาม “เจ้ากำลังคิดสิ่งใด?”


 


“ข้าคิดว่ามันน่าสนใจมาก”


 


“ข้ากำลังกินเลือดเนื้อและอวัยวะภายในของเจ้า แต่เจ้ากลับอยากรู้อยากเห็นงั้นหรือ?” มนุษย์อสูรรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ


 


“แน่นอนว่าการกินเป็นเรื่องธรรมชาติของโลกใบนี้ แต่ในอีกแง่มุมหนึ่งของการกินมีการฆ่า พวกเราต้องกิน พวกเราต้องฆ่า หากพวกเรากินผัก พวกเราก็ต้องถอนรากถอนโคนพวกมัน นั่นก็คือการฆ่าประเภทหนึ่ง แม้เราจะกินลมและดื่มเพียงน้ำ ร่างกายของพวกเราก็ต้องย่อยมัน โดยรวมแล้วการกินก็คือการฆ่า แน่นอนว่าการฆ่าไม่ใช่เพียงเรื่องของการกิน ดังนั้นเส้นทางอาหารของเจ้าถือว่าด้อยกว่าเส้นทางการฆ่าของข้า”


 


“ข้ากินหลายสิ่ง แต่ข้าไม่เคยถูกกิน ตอนนี้เจ้ากำลังกินข้า นั่นก็เหมือนกับการฆ่าข้า ในทำนองเดียวกัน ข้าฆ่าสิ่งมีชีวิตมากมาย แต่ข้าไม่เคยถูกฆ่าอย่างช้าๆ นี่ทำให้ข้าเข้าใจความรู้สึกของการถูกฆ่าในอีกรูปแบบหนึ่ง มันเป็นรูปแบบที่เพลิดเพลิน คนถูกฆ่าต้องเตรียมพร้อมที่จะถูกฆ่า เพียงการฆ่าผู้อื่น ข้ายังไม่สามารถทำความเข้าใจมันอย่างเต็มที่ ขอบคุณที่ทำให้ข้าเข้าใจความหมายที่ลึกซึ้งของการฆ่ามากขึ้น”


 


มนุษย์อสูรเบิกตากว้างขณะจ้องมองเทพปีศาจจิตวิญญาณราวกับเห็นสัตว์ประหลาด


 


เหงื่ออันเย็นเยียบไหลลงมาจากศีรษะของมัน


 


มันรู้สึกว่าไม่สามารถกินชายที่อยู่ตรงหน้าได้อีกต่อไป


 


“เด็กบ้า! ข้าจะกินร่างกายส่วนบนของเจ้าแล้ว คอยดูว่าเจ้าจะสามารถยโสได้อีกนานเพียงใด!?” มนุษย์อสูรตะโกนราวกับคนบ้า


 


ในไม่ช้าร่างของเทพปีศาจจิตวิญญาณก็เหลือเพียงศีรษะ


 


เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์นี้ ผู้อมตะวังสวรรค์รวมถึงโป้ชิงและอิงอู๋เซี่ยกลายเป็นเงียบงัน


 


“นี่…คนผู้นี้ต้องเข้มแข็งถึงเพียงใด…” ผู้อมตะวังสวรรค์รู้สึกพูดไม่ออก


 


ก่อนหน้านี้ผู้อมตะวังสวรรค์มั่นใจมากว่าภัยพิบัติความทรงจำสีเทาจะสามารถจัดการเทพปีศาจจิตวิญญาณ แต่ตอนนี้พวกเขากลับสูญเสียความมั่นใจนั้นไปแล้ว


 


มนุษย์อสูรหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง


 


“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าถูกหลอกแล้ว แต่อย่าเสียใจ เจ้าเป็นคนที่สองร้อยสิบเจ็ดที่ถูกหลอก ฮ่าฮ่าฮ่า”


 


ดวงตาของเทพปีศาจจิตวิญญาณส่องประกายขึ้น “มรดกนี้เป็นของปลอมงั้นหรือ?”


 


“แน่นอนว่ามันมีอยู่จริง ย้อนกลับไปเมื่อข้าบ่มเพาะถึงระดับแปด คนเถื่อนจิวลี่พยายามจับข้าและขโมยมรดกบนเส้นทางอาหารของข้า ฮืม เวลานั้นข้าไม่สามารถเอาชนะเขา แต่เขาก็ไม่สามารถฉกชิงสิ่งที่เขาต้องการได้โดยง่ายเช่นกัน ข้าทำข้อตกลงกับเขาว่าข้าจะส่งมอบมรดกบนเส้นทางอาหารให้กับมนุษย์บางคนในอนาคตแต่ไม่ใช่เขาและผู้รับสืบทอดมรดกต้องผ่านการทดสอบจากข้า”


 


“หลังจากทำข้อตกลง ข้าถูกขังไว้ที่นี่ มนุษย์มากมายเดินทางมาที่นี่เพื่อรับมรดกของข้า แต่กระทั่งจิวลี่ก็ไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริงของข้า ฮ่าฮ่าฮ่า ร่างกายทั้งหมดของข้าเต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางอาหาร ข้าบรรลุระดับที่ไม่เคยมีผู้ใดบรรลุถึงมาก่อน ข้าสามารถกินหินกินลมเพื่อให้ท้องอิ่ม ข้ายังสามารถกินวิญญาณเพื่อเพิ่มร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าให้กับตนเอง ข้ากินพลังงานแห่งเต๋าเข้าไปอย่างไม่หยุดยั้ง ในที่สุดหลังจากหนึ่งพันปี ข้าจึงสามารถทำลายข้อตกลงที่เคยทำไว้!”


 


“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าเข้าใจแล้วใช่หรือไม่!? ต่อไปข้าจะกินศีรษะของเจ้าและเปลี่ยนเป็นสารอาหารบำรุงร่างกายของข้า อย่ากังวล ข้าจะจดจำเจ้าเอาไว้ เจ้าเป็นหนึ่งในคนที่โดดเด่นที่สุดท่ามกลางผู้คนที่น่าสงสารที่ข้าเคยกิน!”


 


“เป็นเช่นนี้” เทพปีศาจจิตวิญญาณยังแสดงออกอย่างสงบ


 


ทันใดนั้นมนุษย์อสูรพลันยกมือจับลำคอของตนและตะโกนด้วยความกังวล “เกิดสิ่งใดขึ้น? เกิดสิ่งใดขึ้น?”


 


เทพปีศาจจิตวิญญาณหัวเราะเย็นชา “ข้าไม่มีวันยอมให้ผู้อื่นมากำหนดชีวิตและความตายของข้า ไม่ต้องกล่าวถึงข้อตกลงเก่าๆ เจ้าคิดว่าเนื้อของข้ากินง่ายถึงเพียงนั้นงั้นหรือ? เนื้อทุกชิ้นที่เจ้ากินมีจิตวิญญาณของข้าแฝงอยู่ เจ้าเป็นผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางอาหาร แต่บังเอิญข้าประสบความสำเร็จบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณเช่นกัน”


 


“เส้นทางแห่งจิตวิญญาณ มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อใด? การแยกจิตวิญญาณจะทำให้เจ้าเจ็บปวดยิ่งกว่าการถูกแยกร่าง!”


 


“ข้าจะบอกให้เจ้ารู้ว่าข้าเป็นผู้สร้างเส้นทางแห่งจิตวิญญาณขึ้นมาด้วยตนเอง ส่วนความเจ็บปวด มันเป็นเพียงการทำให้ข้ารู้สึกถึงความน่าอัศจรรย์ของการฆ่าเท่านั้น”


 


ได้ยินคำกล่าวของเทพปีศาจจิตวิญญาณ ใบหน้าของมนุษย์อสูรกลายเป็นซีดเผือดและหยุดเคลื่อนไหวอย่างกะทันหัน


 


มันตายแล้ว!


 


ดวงตาของมันเบิกกว้างขณะจ้องมองเทพปีศาจจิตวิญญาณ


 


แม้ฝ่ายตรงข้ามจะเหลือเพียงศีรษะ แต่ดวงตาของมนุษย์อสูรกลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)