ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 1012-1020
บทที่ 1012 ตอร์ปิโดตะวันออก
ฉินสือโอวขมวดคิ้วมองไปที่เขาพร้อมกับหัวเราะเยาะแล้วพูดว่า “ผมไม่เข้าใจว่าทำไมคุณถึงสนใจเรื่องของผมขนาดนี้ นี่คุณ คุณกลัวว่าผมเข้าร่วมการแข่งขันแล้วจะทำให้คุณแพ้อย่างน่าเกลียดใช่ไหม?”
แรนส์อยากจะโต้เถียง แต่เขาสังเกตเห็นว่าผู้คนที่อยู่รอบๆ กำลังมองเขาอยู่ เขาจึงรู้สึกเสียหน้าเล็กน้อย เขายิ้มอย่างเหยียดหยามแล้วพูดว่า “ช่างเถอะ ผมไม่พูดพร่ำกับคุณแล้ว ผมจะทำให้ดูว่านักกีฬามืออาชีพที่ยอดเยี่ยมเป็นอย่างไร!”
กรรมการตัดสินคนหนึ่งพาแรนส์ออกไป ส่วนอีกคนหนึ่งก็แสดงท่าทางให้ฉินสือโอวพาหู่จือและเป้าจือลงไป
ฉินสือโอวนั่งยองๆ ลงและกอดแลบราดอร์ทั้งสอง แล้วพูดว่า “ไม่ นี่คุณ เมื่อกี้ผมก็บอกไปแล้ว ผมไม่ได้ทำผิดกฎ! การแข่งขันไม่ได้ห้ามนำสัตว์เลี้ยงเข้าร่วม! อีกอย่างนี่ไม่ใช่สัตว์เลี้ยงของผม แต่เป็นคนในครอบครัวของผม พวกมันคือลูกชายสองตัวของผม! ดูสิ พวกมันน่าเอ็นดูมากขนาดนี้ พวกคุณยังจะกลัวอะไร?”
ฝั่งข้างๆ มีคนพูดขึ้นมาอย่างเขินอาย “นี่คุณ แบบนี้มันก็ไม่ค่อยดีเท่าไรหรือเปล่า? ในกรณีที่สุนัขของคุณเกิดบ้าคลั่งแล้วกัดคนในน้ำล่ะ…”
ฉินสือโอวยิ้มออกมาอย่างมั่นใจ แล้วพูดว่า “อันดับแรก ที่คุณพูด นี่คือความน่าจะเป็นของ ‘ในกรณีที่’ ตามสถิติความน่าจะเป็นนี้สามารถไม่รับการพิจารณาได้ อันดับที่สอง เด็กๆ ของผมเป็นเด็กดีมาก ไม่มีทางกัดคนแน่นอน! และสุดท้ายถ้าพวกมันกัดคนจริงๆ ผมยินดีชดใช้ค่าเสียหายให้เป็นเงินหนึ่งแสนดอลลาร์แคนาดา!”
ประโยคสุดท้ายที่พูดอย่างดุดัน ทำให้คนรอบข้างเริ่มพูดคุยกันทันที บางคนจ้องมองไปที่หู่จือและเป้าจือด้วยสายตาให้ความสนใจและสายตาแบบนี้ทำให้แลบราดอร์ทั้งสองตัวยึดบั้นท้ายอีกครั้ง
กรรมการตัดสินปรึกษากันสักพักหนึ่งและก็ยังไม่สามารถให้ผลสรุปได้ ดังนั้นจึงไปหาคณะกรรมการจัดงาน หลังจากฉินสือโอวได้ติดต่อพูดคุยกับคณะกรรมการจัดงานแล้ว จึงพูดว่า “พวกคุณ การแข่งขันการกุศลของเราจัดขึ้นเพื่อความสร้างสรรค์และดึงดูดผู้คนให้สนใจกับปัญหาสุขภาพของเด็กเล็กมากขึ้น ดังนั้นผมจะพาสุนัขของผมเข้าร่วมด้วย นี่ไม่ใช่เรื่องที่ดีเหรอ?”
สมาชิกคณะกรรมการจัดการทำการปรึกษากันและเห็นด้วยกับเรื่องนี้ การอธิบายภายนอกคือแลบราดอร์ค่อนข้างเชื่องและไม่กัดคนตามใจ อีกทั้งหลังจากพวกเขาลงไปในน้ำ ตำแหน่งที่อยู่ก็จะแยกจากกันไกลมากและเมื่อถึงเวลาทั้งสองฝ่ายจะไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้
สุนัขพันธุ์แลบราดอร์ริทรีฟเวอร์ถูกเรียกว่าเป็นสุนัขประจำชาติของแคนาดา มีคนมากมายที่เลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้และในผู้เข้าแข่งขันอย่างน้อยก็มีครึ่งหนึ่งที่เลี้ยงเจ้าตัวเล็กตัวนี้ไว้ที่บ้าน ดังนั้นจริงๆ แล้วจิตสำนึกในการต่อต้านจึงไม่ได้มีมากนัก ทุกคนเพียงแค่รู้สึกว่ามันผิดปกติเท่านั้นเอง
ฉินสือโอวนึกได้ว่าต้องพาหู่จือและเป้าจือไปที่จุดสิ้นสุดของสะพานลอยน้ำ ในระหว่างนั้นคนจำนวนมากก็กำลังเบียดกันไปเบียดกันมา หู่จือและเป้าจือจึงเงยหน้าจ้องมองด้วยดวงตากลมโตแอ๊บแบ๊ว ตลอดทางเดินที่เบียดกันคิดไม่ถึงว่าจะสามารถชนะใจผู้คนจำนวนมากได้
ทุกคนถอดเสื้อแจ็กเกตออกเพื่อเตรียมกระโดดลงน้ำ ทันทีที่ฉินสือโอวถอดเสื้อผ้าออกก็เผยให้เห็นผิวพรรณและกล้ามเนื้อของเขา เหล่ากรรมการตัดสินจึงวิ่งเข้าไปหาเขาอีกครั้งแล้วพูดว่า “คุณ คุณต้องใส่ชุดดำน้ำ ไม่สามารถลงน้ำแบบนี้ได้!”
กรรมการตัดสินอีกคนหนึ่งอธิบายกติกาการแข่งขันให้ฉินสือโอวฟัง อันดับแรกในระหว่างการว่ายน้ำจะต้องสวมหมวกว่ายน้ำ แต่ถ้านักกีฬาทำหมวกว่ายน้ำหายโดยไม่ตั้งใจในช่วงเวลาการแข่งขันก็จะไม่ถูกลงโทษ
อันดับที่สอง ในการแข่งขันอนุญาตให้ใส่แว่นตาว่ายน้ำและคลิปหนีบจมูกได้ แต่ไม่อนุญาตให้ใช้อุปกรณ์ที่ช่วยในการว่ายน้ำ เช่นตีนกบ ถุงมือ ไม้พายหรือแม้แต่การลอยตัวก็จะไม่อนุญาตให้ใช้
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือถ้าอุณหภูมิของน้ำยี่สิบองศาขึ้นไปคุณไม่จำเป็นต้องสวมชุดกันน้ำ แต่ถ้าอุณหภูมิของน้ำต่ำกว่าสิบสี่องศาจำเป็นต้องสวมชุดกันน้ำ และถ้าอุณหภูมิของน้ำอยู่ระหว่างอุณหภูมิทั้งสองระดับนี้ จะมีกรรมการตัดสินมาตกลงว่านักกีฬาจำเป็นต้องสวมชุดกันน้ำหรือไม่
ไม่แปลกใจเลยที่อุณหภูมิของน้ำในตอนนี้จะต่ำกว่าสิบองศาเซลเซียส ตามกฎกติกาทุกคนจะต้องสวมชุดดำน้ำและไม่ต้องนำมาเอง เพราะจะมีคณะกรรมการจัดงานจัดการไว้ให้
ตอนนี้อารมณ์ข้างในของฉินสือโอวคือซวยแล้ว เพราะเขาฝึกฝนแบบเปลือยกายมาเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ แต่พวกคุณบอกกับฉันว่าต้องสวมชุดดำน้ำ? และนี่จะทำให้ฉันโดดเด่นได้อย่างไร?
บูลที่อยู่ข้างๆ จึงช่วยเขาพูด “พวกคุณ ผมสามารถยืนยันได้ว่ากัปตันของเราไม่มีปัญหากับการว่ายน้ำแบบนี้แน่นอน เขาเป็นคนที่ชอบการว่ายน้ำในฤดูหนาวและตลอดทั้งปีเขาจะว่ายน้ำโดยไม่ใส่ชุดว่ายน้ำ!”
เหล่ากรรมการตัดสินยังคงไม่อนุญาต ต่อมาฉินสือโอวจึงคิดหาทางออกได้ทันที แล้วพูดว่า “นี่เป็นประเพณีของชาติเรา เรานับถือทะเลและจะต้องสัมผัสกับน้ำทะเลด้วยหัวใจและจิตวิญญาณ อันที่จริงที่บ้านเกิดของผมทางฝั่งตะวันออก แม้แต่กางเกงชั้นในเราก็ยังไม่ใส่!”
นี่เป็นเคล็ดลับอย่างหนึ่ง การผสมระหว่างชาติพันธุ์ของแคนาดาค่อนข้างวุ่นวายมาก ประเพณีอะไรแปลกๆ ก็มีหมดและรัฐธรรมนูญแห่งชาติกำหนดว่าต้องเคารพประเพณีและความเชื่อของผู้อพยพ นี่เป็นเหมือนกับทรัพย์สินส่วนตัว เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่สามารถล่วงละเมิดได้
ดังนั้นกรรมการตัดสินจึงร้องเรียกเรือคายัคลำหนึ่งเพื่อเตรียมอุปกรณ์ปฐมพยาบาล เช่นกลูโคส ช็อกโกแลตร้อน น้ำร้อนและเข็มลดอาการบาดเจ็บที่เกิดจากความเย็น และให้คนบนเรือจ้องมองไปที่ฉินสือโอวโดยเฉพาะ ซึ่งถ้าทำแบบนี้ถึงจะอนุญาตให้เขาลงน้ำได้
ดังนั้นจึงอนุญาตให้ฉินสือโอวทำแบบนี้ได้ เวลาการแข่งขันเกือบจะคลาดเคลื่อน หลังจากกรรมการตัดสินออกไปแล้วจึงยิงปืนให้สัญญาณเริ่มการแข่งขัน
‘ปัง!’ เสียงปืนที่คมชัดก็ดังขึ้น ฉินสือโอวสวมหมวกพร้อมกับเท้าทั้งสองข้างเตะลงพื้น ซึ่งเหมือนกับปลากระโทงที่กำลังกระโดดลงไปในน้ำอย่างรวดเร็ว
ข้างหลังเขา มีเสียงเห่าโฮ่งๆ หู่จือและเป้าจือ พวกมันก็กระโดดตามลงไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นการเคลื่อนไหวด้วยขาสั้นทั้งสี่ข้างก็สะบัดอย่างรวดเร็ว พวกมันตามฉินสือโอวอยู่ข้างซ้ายและขวาอย่างมีความสุข เหมือนกับเรือลาดตระเวนที่คอยคุ้มกันเส้นทางเดินเรือให้กับเรือบรรทุกเครื่องบิน
หลังจากลงไปในน้ำ ฉินสือโอวเองก็ออกแรงเต็มที่ เขาเลือกใช้ท่าว่ายน้ำฟรีสไตล์ แกว่งแขนสลับไปมาและใช้ขาทั้งสองข้างตีน้ำตามจังหวะ เขาพุ่งตัวออกไปกว่าสิบเมตรในเวลาไม่กี่วินาที
อาสาสมัครสองคนที่กำลังนั่งบนเรือคายัคก็ติดตามฉินสือโอว หลังจากเห็นการกระโดดน้ำและท่าทางการออกตัวของเขาแล้ว ทั้งสองคนก็อดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นยืนและปรบมือให้ แล้วร้องตะโกนว่า “เป็นการออกตัวที่สวยงามมาก! สู้ๆ!”
การแกว่งแขนทั้งสองข้างฉินสือโอวนั้นมีแรงมากและการตีขาทั้งสองข้างก็มีความเร็วมาโดยตลอดตั้งแต่เริ่มออกตัว สิบนาทีผ่านไปเขาทิ้งระยะห่างจากขบวนใหญ่และกลายเป็นผู้นำของการแข่งขัน แม้แต่แรนส์และเซลต้าที่ได้รับการจับตามองมากที่สุดก็ยังคงตามอยู่ข้างหลังเขา
การออกตัวของแรนส์ก็แข็งแรงและรวดเร็วมากเช่นกัน ผลคือเมื่อเขาคิดว่าตัวเองเกือบจะอยู่นำหน้าทุกคนแล้ว เขาจึงเงยหน้าขึ้นและมองเห็นคนเปลือยท่อนบนกำลังว่ายน้ำอยู่ข้างหน้าตัวเอง
“บ้าเอ๊ย ฉันต้องมองผิดไปแน่ๆ!” เขาบ่นพึมพำในใจ ในขณะที่เปลี่ยนอากาศหายใจก็ลูบที่ใบหน้าไปด้วย จากนั้นจึงมองดูอย่างละเอียด ไม่ผิด มีคนเปลือยท่อนบนว่ายน้ำอยู่หน้าเขาจริงๆ!
“พระเจ้า มีคนบ้าที่ไหนเข้าร่วมการแข่งขันนี้ด้วยเหรอ?!” แรนส์แทบไม่อยากจะเชื่อ จึงแกว่งแขนทั้งสองข้างพุ่งตรงไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เพื่อดูว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ผลคือเมื่อเขาเร่งความเร็ว คนที่อยู่ข้างหน้าก็จะเร่งความเร็วด้วยเช่นกัน ระยะห่างของทั้งสองไม่เพียงแต่จะไม่ใกล้กันแล้ว แต่กลับยิ่งมีระยะห่างที่เพิ่มมากขึ้น
เมื่อเห็นสถานการณ์นี้ แรนส์ไม่เพียงแต่ไม่ร้อนใจ แต่กลับใจเย็นลง เขาคาดว่าคนที่อยู่ข้างหน้าต้องเป็นมือใหม่ในการแข่งขันว่ายน้ำทางไกล การแข่งขันว่ายน้ำระยะทางสิบห้ากิโลเมตร ต้องใช้เวลาสามถึงสี่ชั่วโมงอย่างต่อเนื่อง การเริ่มออกตัวไม่ควรเร็วเกินไปเพราะจังหวะสำคัญกว่าความแข็งแกร่งของร่างกาย
เมื่อเป็นเช่นนี้ อารมณ์ของเขาจึงมั่นคงและเริ่มว่ายน้ำไปข้างหน้าตามจังหวะของตัวเอง
แสงแดดกำลังดี มีคลื่นลมพัดเล็กน้อยและนี่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับการว่ายน้ำทางไกล เพราะการแข่งขันว่ายน้ำต้องว่ายตามทิศทางลม ดังนั้นเมื่อรู้สึกเหนื่อยล้า ก็สามารถอาศัยแรงของคลื่นลมเพื่อทำการลอยไปตามกระแสคลื่นได้ในระยะสั้นๆ
การข้ามช่องแคบไม่ใช่การข้ามแบบแนวเส้นตรง แต่เป็นการข้ามไปตามเส้นทแยงมุม ไม่อย่างนั้นจะไม่ใช่สิบห้ากิโลเมตร แต่เป็นสิบสองกิโลเมตร
แต่ฉินสือโอวไม่ได้พักมาตลอดทาง เขาพาหู่จือและเป้าจือมุ่งมั่นพุ่งไปข้างหน้าอย่างห้าวหาญ
“แม่เจ้า ชาวจีนคนนี้เหมือนตอร์ปิโดอย่างไรอย่างนั้น!” ชายหนุ่มผิวขาวคนหนึ่งร้องตะโกนด้วยความตกใจบนเรือคายัคที่ถูกส่งมาดูแลฉินสือโอวโดยเฉพาะ
ชายอีกคนก็มีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ “ฉันไม่เคยเห็นตอร์ปิโดที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้มาก่อนเลย เอ๊ะ ไม่สิ ฉันไม่เคยเห็นคนที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้มาก่อนเลย
บทที่ 1013 ครึ่งทางของความสำเร็จ
พอลงน้ำก็เริ่มเร่งความเร็วทันที ฉินสือโอวว่ายออกไปห้าถึงหกร้อยเมตรในรวดเดียว จากนั้นจึงผ่อนคลายและเริ่มลดความเร็วลง
หู่จือและเป้าจือก็เคลื่อนไหวขาสั้นๆ ของพวกมันอย่างรวดเร็ว เหมือนกับปลาโลมาตัวน้อยสองตัวที่กำลังตามหลังฉินสือโอว คิดไม่ถึงว่าพวกมันไม่ตกแถวเลย
ทั้งสองคนที่อยู่บนเรือคายัคก็เริ่มกังวลขึ้นมาเล็กน้อย จึงร้องตะโกนว่า “ตอร์ปิโดตะวันออก คุณควบคุมจังหวะของคุณไว้ให้ดีที่สุด การแข่งขันเพิ่งเริ่มต้นขึ้น! คุณยังมีเส้นทางอีกยาวไกลที่ต้องไป!”
พวกเขาเป็นห่วงว่าฉินสือโอวจะหักโหมมากเกินจนเป็นตะคริวหรือสูญเสียแรง ถึงอย่างไรนี่ก็คือในทะเลและยังมีอุณหภูมิต่ำอีก ถ้ามีปัญหาฉุกเฉินอะไรเกิดขึ้น พวกเขาไม่ใช่เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์มืออาชีพ จึงไม่สามารถช่วยเหลือให้พ้นจากอันตรายได้
ฉินสือโอวหันกลับไปมอง คนที่อยู่ในระยะใกล้เขามากที่สุดยังอยู่ห่างออกไปหนึ่งร้อยเมตรกว่า เขาจึงสร้างความได้เปรียบด้วยการเป็นผู้นำได้สำเร็จ
ด้วยกำลังแรงร่างกายของเขาในตอนนี้ การเร่งความเร็วอย่างต่อเนื่องจึงไม่มีปัญหาอะไร แต่เขาต้องพิจารณาถึงคนอื่นๆ ที่อยู่รอบๆ ด้วย ต้องไม่แสดงออกให้เกินหน้าเกินตามากเกินไป หลักการของการเป็นคนที่มีความสามารถจะทำให้ถูกอิจฉาได้ง่ายจึงต้องเข้าใจในส่วนนี้
ดังนั้น เขาจึงแกล้งลดกำลังแรงในร่างกายและลดความเร็วลงแล้วไปด้านข้างของเรือ เขาเอื้อมมือออกไปจับเรือคายัคแล้วพูดว่า “นี่คุณ ขอเครื่องดื่มร้อนๆ สักแก้วหน่อยสิ!”
ชายหนุ่มคนหนึ่งเทโกโก้ร้อนแก้วหนึ่งให้เขาทันที ฉินสือโอวดื่มจนหมดอย่างรวดเร็ว แล้วส่งหู่จือและเป้าจือขึ้นไปบนเรือเพื่อป้อนน้ำร้อนให้พวกมัน
ด้วยความที่ติดตามเขามาตลอดทาง ชายหนุ่มทั้งสองต่างรู้สึกเอ็นดูหู่จือและเป้าจือ พวกเขาไม่เพียงแต่ป้อนน้ำร้อนให้พวกมัน แต่ยังทำบิสกิตอัดแข็งที่มีความร้อนสูงให้กับพวกมันอีกด้วย
เมื่อหู่จือและเป้าจือกินเสร็จแล้ว จากนั้นฉินสือโอวก็ผิวปาก จึงทำให้พวกมันนั่งลงและเหยียดขาขวาหน้าออกมาจับมือกับชายหนุ่มทั้งสอง
ชายหนุ่มทั้งสองมีความสุขและไม่คิดอะไรมาก สุนัขพันธุ์แลบราดอร์ริทรีฟเวอร์เป็นสัตว์ที่ฉลาดมาก การจับมือกับผู้คนเป็นทักษะพื้นฐานของมัน ซึ่งแตกต่างจากฮัสกี ตลอดชีวิตของมันแม้แต่จะจับมือยังไม่สามารถเรียนรู้ได้…
ฉินสือโอวคว้าเรือคายัคไว้และหยุดพักครู่หนึ่ง แล้วถามว่า “ข้างหลังของผมคือใคร?”
ชายหนุ่มที่ส่งเครื่องดื่มร้อนให้เขาจึงพูดว่า “เขาคือแรนส์ เคลวิน คนคนนี้เป็นคนที่ถูกจับตามองมากที่สุด เขาเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของคุณอย่างแน่นอนเลยล่ะ คุณต้องระวังให้ดี เขาถนัดการออกแรงในช่วงครึ่งหลัง เพราะเขาเป็นนักกีฬามืออาชีพ”
ชายหนุ่มอีกคนก็เตือนด้วยความหวังดีอีกว่า “คุณไม่ควรเริ่มออกตัวเร็วขนาดนี้ มันจะทำให้คุณสูญเสียแรงในร่างกายมากเกินไป กล้ามเนื้อของคุณยังไม่ปรับตัวให้เข้ากับการเคลื่อนไหวที่มีระดับเข้มข้นแบบนี้ คุณควรจะเริ่มจากช้าไปเร็ว เหมือนกันกับคนอื่นๆ”
ฉินสือโอวหัวเราะและกล่าวขอบคุณ เขาเช็ดหน้าแล้วมองดูแรนส์ที่กำลังพยายามว่ายน้ำตามมาอยู่ข้างหลังพร้อมกับรอยยิ้มอันตรายที่ปรากฏออกมาบนใบหน้า จากนั้นเขาก็ผลักเรือคายัคออกแล้วหมุนตัวว่ายน้ำไปตามทาง
“นี่คุณเวียนหัวแล้วใช่ไหม?” ชายหนุ่มคนหนึ่งรีบถาม
เมื่อฉินสือโอวออกไป หู่จือและเป้าจือก็กระโดดลงน้ำและว่ายน้ำตามหลังเขาไป
เพิ่งจะว่ายได้แค่ระยะทางสั้นๆ ฉินสือโอวจะเวียนหัวได้อย่างไร? เขาว่ายกลับไปอยู่ข้างๆ แรนส์ และลอยตัวในน้ำรักษาสมดุลของร่างกาย เขาโผล่หัวแล้วตะโกนใส่แรนส์ว่า “เฮ้ คุณนักว่ายน้ำมืออาชีพ คุณตามหลังอยู่นะ!”
มันยากที่จะมองเห็นอีกฝ่ายอย่างชัดเจนในน้ำซึ่งอยู่ห่างออกไปหลายสิบเมตร เพราะมีคลื่นซัดขึ้นลงอยู่ตลอดและยังมีแสงสะท้อนจากดวงอาทิตย์กระทบกับน้ำทะเลอีก ดังนั้นเมื่อสักครู่นี้แรนส์และฉินสือโอวจึงจำฝ่ายตรงข้ามไม่ได้
เมื่อเห็นฉินสือโอวที่เปลือยท่อนบนปรากฏตัวอยู่ข้างๆ แรนส์จึงรู้สึกประหลาดใจในตอนแรก จากนั้นก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เขาว่ายน้ำเข้าไปแล้วพูดว่า “หึหึ นี่มันก็แค่เริ่มต้น! นี่คนจีน อย่ามั่นใจไปหน่อยเลย นี่มันก็แค่เริ่มต้นเท่านั้น!”
“การเริ่มต้นที่ดีก็ถือว่าเป็นครึ่งทางของความสำเร็จ นี่คุณไม่เข้าใจเหรอ?” ฉินสือโอวพูดอย่างดูถูกเหยียดหยามพร้อมกับแกว่งแขนว่ายน้ำต่อไป เขาไม่ได้ว่ายน้ำออกไปโดยตรง แต่เขาว่ายวนรอบๆ แรนส์ประมาณสองรอบก่อนและสุดท้ายก็ส่งจูบให้แรนส์แล้วเร่งความเร็วว่ายน้ำไปข้างหน้า
แรนส์ถูกเขายั่วยุให้โมโหอย่างรุนแรง จนสบถคำหยาบออกมาเป็นจังหวะ อย่างไรก็ตามกำลังแรงของเขาก็สามารถประคับประคองให้ถึงสิบห้ากิโลเมตรได้อย่างไม่มีปัญหา เขาจึงเร่งความเร็วทันทีเพื่อพยายามไล่ตามฉินสือโอวให้ทัน
ฉินสือโอวหันกลับไปสังเกตเห็นสิ่งนี้ จึงยิ้มอย่างเย็นชาในใจ เขาแกว่งแขนและตีขาทั้งสองข้างจนน้ำสาดกระเด็น เหมือนกับเป็นตอร์ปิโดจริงๆ เขาแหวกน้ำทะเลแล้วว่ายน้ำไปข้างหน้าตามทิศทางการหมุนเวียนของคลื่นลูกใหญ่และสะบัดแรนส์ออกไปได้สำเร็จ
แรนส์พยายามไล่ตามอย่างสุดความสามารถ แต่ตามอย่างไรก็ตามไม่ทัน ในใจเขาทั้งโกรธและเกลียดมาก เขากัดฟันอดทนไว้เพราะต้องการพยายามตามฉินสือโอวให้ทัน
หลังจากไล่ตามได้กว่าสิบนาที แรนส์จึงเริ่มท้อใจและพบว่านี่มันเป็นไปไม่ได้ เขาตามชายคนนี้ไม่ทันจริงๆ!
มันแปลกประหลาดมาก แรนส์มองไปที่แผ่นหลังอันแข็งแรงของฉินสือโอวด้วยความพร่ามัวเพราะเต็มไปด้วยแสงแดดในน้ำทะเล ทันใดนั้นก็นึกถึงเอียน โธร์ป คู่ต่อสู้ที่เขาเคยพบในโอลิมปิกปี 2004
โธร์ปเป็นนักกีฬาว่ายน้ำระดับสมบัติแห่งชาติของออสเตรเลีย ในช่วงห้าปีก่อนและหลังศตวรรษที่ 21 เขาได้เป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในวงการว่ายน้ำของโลก จึงทำให้ผู้คนจำนวนมากพ่ายแพ้อย่างยับเยินต่อหน้าเขาและแรนส์ก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย
แน่นอนว่าแรนส์เป็นคู่ต่อสู้ที่ไม่ได้เป็นที่นิยมเท่าไรนักและก็ไม่ได้เป็นภัยต่อตัวโธร์ปสักนิดเลย
สาเหตุที่อยู่ๆ ก็มีความคิดที่กะทันหันนี้ขึ้นมา เป็นเพราะตอนที่แรนส์เข้าร่วมการแข่งขันว่ายน้ำระยะสองร้อยเมตรในโอลิมปิกที่เอเธนส์ เขาได้อยู่ร่วมกลุ่มเดียวกับโธร์ปและยังอยู่ใกล้กับลู่ว่ายน้ำ
ในช่วงการแข่งขัน โธร์ปได้สร้างความประทับใจให้กับแรนส์นั่นก็คือตอร์ปิโด และตอนนี้ฉินสือโอวก็ให้สิ่งนี้กับเขา คิดไม่ถึงว่าจะทำให้เขาประทับใจได้ขนาดนี้!
แรนส์ส่ายหัวและสลัดความคิดไร้สาระนี้ออกไป ก็แค่คนผิวเหลืองจะเทียบเท่าราชาแห่งวงการว่ายน้ำของโลกได้อย่างไร? เขาดูถูกเหยียดหยามในใจและรวบรวมแรงเพื่อเตรียมไล่ตามต่อไป เขาเชื่อว่าชนชาติผิวเหลืองไม่สามารถมีกำลังแรงว่ายน้ำอย่างต่อเนื่องได้ถึงระยะทางสิบห้ากิโลเมตร และจากนี้เขาต้องมีโอกาสแซงได้อย่างแน่นอน!
แต่เขาก็ยังตามฉินสือโอวไม่ทัน สุนัขพันธุ์แลบราดอร์ริทรีฟเวอร์ที่มีขนสีเหลืองสองตัวว่ายตามหลังเขามาติดๆ จากนั้นก็ว่ายวนรอบๆ เขาสองรอบและสะบัดหัวใส่แล้วจากไปอย่างสง่าผ่าเผย…
“แม่เจ้า!” อยู่ๆ แรนส์ก็โมโหขึ้นมาอย่างแรง แน่นอน เขารู้ว่าใครเป็นคนเลี้ยงสุนัขสองตัวนี้!
แรนส์ที่กำลังโกรธจัดก็เกิดความคิดที่จะแซงหน้าฉินสือโอวอีกครั้ง แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามมากแค่ไหน ก็ไม่สามารถไล่ตามชายที่อยู่ข้างหน้าคนนั้นได้
หลังจากว่ายน้ำออกไปได้ห้ากิโลเมตร ฉินสือโอวไม่ได้เร่งความเร็วอีก แต่ก็ไม่ได้ลดความเร็วลงด้วยเช่นกัน เขาใช้ความเร็วพอประมาณในการว่ายน้ำ
หลังจากแรนส์ว่ายน้ำออกไปได้ห้ากิโลเมตรกลับรู้สึกว่าท่าไม่ดี เพราะจังหวะของเขาเริ่มมั่วไปหมดแล้ว! ยิ่งไปกว่านั้นเขาประเมินสมรรถภาพร่างกายของตัวเองในตอนนี้สูงเกินไป ถึงอย่างไรเขาก็อายุสี่สิบกว่าแล้ว กำลังแรงของร่างกายก็ลดลงอย่างรวดเร็ว เดิมทีเขาคาดว่าจะออกแรงในช่วงครึ่งหลัง แต่ตอนนี้ไม่มีทางแสดงมันออกมาแล้ว!
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ผู้เข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมดต่างก็พยายามดิ้นรนต่อสู้ในน้ำอย่างสุดชีวิต แรนส์ลดความเร็วลงเพื่อให้ตัวเองได้ยืมใช้พลังของคลื่นในการว่ายไปอย่างช้าๆ และฟื้นฟูกำลังแรงของเขาไปด้วย เมื่อทำเช่นนี้ คนข้างหลังที่ยังคงรักษาความเร็วเท่าเดิม ก็จะค่อยๆ เข้าใกล้เขามากขึ้น จากนั้นก็แซงเขาได้สำเร็จ…
“แรนส์ สู้ๆ!” คนแรกที่แซงแรนส์คือเซลต้านักกีฬาคนผิวดำ ระดับการว่ายน้ำของเขาจริงๆ แล้วอยู่ในระดับปานกลาง คนผิวดำเป็นชนชาติที่ไม่เหมาะกับกีฬาว่ายน้ำมากที่สุด แต่เขาก็อดทนได้ดี มีกำลังแรงเต็มที่ ซึ่งในหมู่นักกีฬาว่ายน้ำมือสมัครเล่นยังถือว่าเป็นผู้ที่มีฝีมือสูง
แรนส์มองไปที่แผ่นหลังอันดำสนิทของเซลต้า เขากัดฟันด้วยความโกรธแค้นในใจ
แต่ช้าก่อน เขาไม่ค่อยโกรธแค้นคู่ต่อสู้เท่าไรแล้ว เพราะคนแซงหน้าเขามีมากขึ้นเรื่อยๆ และเขาก็โกรธแค้นไม่ลงแล้ว
“แรนส์ สู้ๆ ฉันรอนายอยู่ข้างหน้า!”
“แรนส์ ดึงศักยภาพของนายออกมา ไม่ต้องรักษาให้พวกเรา!”
“เพื่อนรัก นายต้องการปล่อยให้เรานำไปก่อนสักพักแล้วค่อยเร่งแซงเราทีหลังใช่ไหม? โอเคๆ งั้นก็ให้ฉันนำหน้าไปก่อนสักพักแล้วกัน!”
เมื่อเห็นเงาของแต่ละคนที่ว่ายนำหน้าตัวเองไป แรนส์ก็รู้สึกอยากร้องไห้แต่ร้องไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง จึงทำได้เพียงอ้าปากและตะโกนออกไปว่า “แม่เจ้าโว้ย…”
ทันใดนั้นคลื่นลูกใหญ่ก็ซัดเข้ามา ในขณะที่แรนส์กำลังอ้าปากพอดี เขาจึงถูกน้ำทะเลซัดเข้าไปในปากและสำลักออกมา…
บทที่ 1014 กองทุนเถียนกวา
ฉินสือโอวไม่ต้องการถูกผู้คนมองว่าเป็นตัวประหลาด ดังนั้นต่อมาเขาจึงลดความเร็วในการว่ายน้ำลง เพื่อให้ผู้เข้าแข่งขันที่อยู่ข้างหลังเข้าใกล้เขาได้อีกสักนิด
บางทีอาจเป็นเพราะแรนส์ วันนี้ฉินสือโอวถึงอยู่ในสภาพที่ดีอย่างผิดปกติ แน่นอนว่านี่ยังเกี่ยวกับคลื่นลมที่ค่อนข้างเบาในนอร์ทัมเบอร์แลนด์ ความเร็วของเขาเร็วกว่าตอนฝึกซ้อมอย่างน้อย 20% ถ้าเขาพุ่งตัวด้วยกำลังทั้งหมด สิบห้ากิโลเมตรภายในเวลาสามชั่วโมงกว่าก็ไม่มีปัญหาอะไร
เมื่อได้รับผลกระทบจากเขา หู่จือและเป้าจือก็พยายามอย่างสุดความสามารถ พวกมันคุ้มกันทั้งสองด้านของฉินสือโอวตลอดทาง คล้ายกับเจ้าสุนัขตัวเล็กที่เล่นอย่างสนุกสนาน
การรวมกันของคนหนึ่งคนและสุนัขอีกสองตัวเป็นสิ่งที่สะดุดตาจริงๆ โดยเฉพาะฉินสือโอวที่ยังคงเปลือยท่อนบน ทำให้ดึงดูดความสนใจของสื่อทุกสำนักได้อย่างรวดเร็ว
หลังจากฉินสือโอวว่ายน้ำได้สิบกิโลเมตร เรือคายัคขนาดเล็กห้าถึงหกลำและเรือลำเล็กอีกสองลำได้ล้อมรอบเขาไว้ ซึ่งบนเรือมีคนถือกล้องถ่ายรูปกำลังถ่ายภาพเขาตลอดทางและยังมีนักข่าวตัวน้อยกำลังพูดคุยกันอย่างตื่นเต้นไปทั่วทุกที่
เสียงคลื่นซัดของน้ำทะเล ทำให้ฉินสือโอวได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดกันไม่ค่อยชัด เขารู้สึกแค่ว่ามันต้องดีมากแน่ๆ
ตอนนี้หู่จือและเป้าจือกำลังทำตัวไม่ดีกับปอหลัว เมื่อเห็นคนคลั่งไคล้ ดูเหมือนว่าพวกมันจะรู้ประโยชน์ของการถ่ายภาพด้วยกล้องถ่ายรูป พวกมันจึงแสดงท่าทางห้าวหาญและมีพละกำลังมาก เดิมทีเจ้าสองตัวนี้รู้สึกเหนื่อยอยู่บ้างเล็กน้อย ฉินสือโอวจึงลดความเร็วก็เพื่อที่จะดูแลพวกมัน
แต่ต่อมาก็พบว่ามีกล้องถ่ายรูปกำลังหันมาที่ตัวเอง จึงหุบปากลงพร้อมกับเบิ่งตาทันที ใบหน้าเล็กๆ จึงเต็มไปด้วยความเคร่งขรึมและเอาลีลาการวางมาดของสุนัขแลบราดอร์ที่มีชื่อเสียงออกมา
ในช่วงห้ากิโลเมตรสุดท้าย ความเร็วของฉินสือโอวก็ค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ เพื่อให้คนที่อยู่ข้างหลังได้มีโอกาสเข้ามาใกล้ได้มากขึ้น เมื่อเห็นชายหาดที่แหลมจอริเมนในรัฐนิวบรันสวิก เซลต้าที่อยู่อันดับที่สองก็อยู่ห่างจากฉินสือโอวไม่ถึงสองร้อยเมตรแล้ว
ถ้าเป็นการวิ่งบนพื้นดินธรรมดา ระยะทางสองร้อยเมตรปัญหาจะอยู่ที่ลมหายใจ แต่ถ้าอยู่ในน้ำและต้องว่ายสิบห้ากิโลเมตร สองร้อยเมตรนี้จะเป็นระยะทางเท่ากับคูน้ำตามธรรมชาติ เซลต้าแทบจะไม่ให้ตัวเองตกแถวและต้องการแซงฉินสือโอวเพื่อขึ้นเป็นลำดับที่หนึ่ง ซึ่งเป็นไปไม่ได้
ฉินสือโอวก็พยายามจะทำให้สำเร็จภายในรวดเดียว เขาพุ่งตัวออกไปอย่างสุดกำลัง เมื่อวิ่งไปถึงฝั่ง ขาทั้งสองข้างเหยียบลงบนชายหาด เขายกแขนทั้งสองข้างขึ้นสูงพร้อมกับลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปข้างหน้า
พนักงานบริการที่รออยู่จุดหมายปลายทางก็ส่งเสียงต้อนรับเขา มีการจัดวางการยิงสลุตแปดนัดบนชายหาดและมีเสียงดังขึ้นในเวลาเดียวกัน เพนท์บอลที่อยู่ใต้พื้นดินก็ระเบิดเสียงดังขึ้น เศษกระดาษหลากสีก็ตกใส่เต็มตัวของฉินสือโอวทันที
บางคนเอาผ้าห่มมาเตรียมไว้ให้กับฉินสือโอวคลุม บางคนก็ส่งน้ำกลูโคสร้อนให้เขาและบางคนก็แขวนเหรียญทองขนาดเล็กไว้ที่คอของเขา สรุปคือทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามทางของเขาที่วางไว้
นักข่าวคนหนึ่งจึงพูดอย่างตื่นเต้นว่า “คุณตอร์ปิโดตะวันออก คุณรู้ไหมว่าคุณใช้เวลาไปทั้งหมดเท่าไร?”
ถึงแม้ว่าตอนนี้ฉินสือโอวจะไม่ได้รู้สึกเหนื่อยจนเดินไม่ไหว แต่เขาก็ล้ามาก เขาแอบบ่นความไร้สาระของนักข่าวคนนี้ในใจ เขาเปลือยท่านบนลงน้ำไม่มีทั้งโทรศัพท์ไม่มีทั้งนาฬิกา แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าตัวเองใช้เวลาไปเท่าไร?
แต่เขาก็ยังไม่ได้พูดอะไร ก็มีขึ้นตอบแทนเขาขึ้นมาว่า “เขาใช้เวลาไปสามชั่วโมงห้าสิบสองนาที! ยังไม่ถึงสี่ชั่วโมงด้วยซ้ำ! คุณฉิน คุณได้สร้างสถิติในการแข่งขันครั้งนี้ คุณทิ้งตำนานไว้ คุณยอดเยี่ยมมาก!”
กล้องและไมโครโฟนที่อยู่ต่อหน้า ฉินสือโอวจึงรีบแสดงท่าทางอันสง่างามของเขาออกมา “เป็นสิ่งที่เหลือเชื่อมากจริงๆ! เดิมทีผมคาดไว้ว่าตัวเองอาจจะเสียเวลาไปประมาณสี่ชั่วโมงยี่สิบนาที แต่คิดไม่ถึงว่าจะเข้าเส้นชัยภายในสี่ชั่วโมงสุดท้าย ขอบคุณพระเจ้า! ขอบคุณภรรยาและครอบครัว! และต้องขอบคุณลูกชายทั้งสองที่คอยร่วมทางไปกับผม!”
ฉินสือโอวหันกลับมา หู่จือและเป้าจือที่กำลังสะบัดขนอยู่บนชายหาดก็มองไปที่เขาแล้วกางแขนออกแล้ววิ่งไปหาเขาอย่างมีความสุขและกระโดดขึ้นไปเกาะบนตัวเขา มือข้างหนึ่งของเขาก็อุ้มแลบราดอร์ทั้งสองไว้ในอ้อมแขนและใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความสุข
ตากล้องกดชัตเตอร์รัวๆ เสียงจากแฟลชกล้องก็ดังขึ้น ‘แชะแชะ’ ในขณะถ่ายภาพของคนหนึ่งคนกับสุนัขสองตัวกอดกันที่กำลังอย่างมีความสุขจากมุมต่างๆ
จากนั้นเซลต้าก็ตามเขามาติดๆ เขาเดินอย่างโซซัดโซเซและเหนื่อยล้าจากการแช่แข็งมานาน ใบหน้าดำมืดของเขาซีดเล็กน้อย จึงมีคนส่งน้ำกลูโคสร้อนให้เขา แม้ว่าอุณหภูมิจะค่อนข้างสูง แต่เขาก็ยังกรอกลงไปในปาก แล้วตะโกนว่า “ขอบคุณพระเจ้า! ฉันมีชีวิตรอดมาถึงฝั่งแล้ว!”
ฉินสือโอวเดินไปกอดเขาและถามอย่างตั้งใจว่า “เฮ้ คุณ คุณเห็นผู้ชนะเลิศของเราแล้วหรือยัง?”
“คุณจะบอกว่าเขาคือแรนส์ เคลวินเหรอ?” เซลต้าเข้าใจความหมายของเขา “อ้อ ชายผู้น่าสงสารคนนั้น เหมือนว่าเขาจะไม่ติดสามอันดับแรกเลยด้วยซ้ำ ผมคิดว่าเขาคงไม่ได้รับเหรียญรางวัล นี่มันช่างน่าเสียดายจริงๆ! แต่การจัดอันดับก็ไม่สำคัญ ไม่ใช่เหรอ?”
ฉินสือโอวชูเหรียญทองของตัวเองขึ้นพร้อมกับยิ้มไปด้วย เซลต้าก็ลูบที่เหรียญเงินของตัวเองและยิ้มด้วยเช่นเดียวกัน
อันที่จริงฉินสือโอวค่อนข้างใช้แผนสกปรก เพราะเขาเพิ่งปล่อยจิตสำนึกแห่งโพไซดอนในขณะที่ว่ายน้ำไปด้วย หลังจากเห็นแรนส์จึงสร้างคลื่นใต้น้ำและบังเอิญไปตรงข้ามกับทิศทางการว่ายน้ำของเขาพอดี ดังนั้นแรนส์จึงได้ผลไม่คุ้มกับแรงที่เสียไป เขาว่ายน้ำได้ไม่ไกลมากนักก็รู้สึกเหนื่อยแล้ว จึงทำได้เพียงต้องหยุดพักตลอดเวลา
แรนส์ผู้น่าสงสารยังคงไม่รู้ว่าปัญหาอยู่ตรงไหน เขาคิดว่าเป็นเพราะตัวเองอายุมากแล้ว กำลังแรงของตัวเองจึงลดลงเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นคนธรรมดาทั่วไปแต่ละคนไล่ตามตัวเองทัน เขาก็ยิ่งรู้สึกท้อใจมากขึ้นเรื่อยๆ เขาว่ายน้ำได้แค่ครึ่งทาง คิดไม่ถึงว่าต้องยอมแพ้และขึ้นเรือไปพัก!
ถ้ามองจากจุดนี้ การที่แรนส์ไม่ประสบความสำเร็จในอาชีพการงานก็มีส่วนเช่นกัน สภาพจิตใจภายในของเขาไม่แข็งแกร่งพอที่จะต่อสู้กับลมพายุ
เมื่อรอเรือคายัคที่รับผิดชอบด้านการพยาบาลจอดเทียบฝั่งหมดแล้ว ก็มีคนเริ่มเช็กจำนวนผู้เข้าแข่งขัน ฉินสือโอวถูกกลุ่มนักข่าวล้อมรอบอย่างฮึกเหิม เขากอดวินนี่และลูกสาวของเขาพร้อมกับรับสัมภาษณ์ด้วยกัน เขาหันกลับไปมองเห็นแรนส์ที่อยู่ไม่ไกลและกำลังมองเขาอย่างหดหู่
ฉินสือโอวรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้โกรธแค้นอะไรแรนส์ เขาไม่รู้ว่าทำไมผู้ชายคนนี้ถึงต่อต้านเขาตั้งแต่แรก ในตอนนั้นที่ให้สัมภาษณ์อยู่ เขาก็แสดงออกอย่างค่อนข้างเงียบ แต่แรนส์เริ่มกัดเขาแล้วทำตัวเป็นเหมือนกับหมาบ้า
บางทีถ้าเป็นเมื่อสองปีก่อน ฉินสือโอวอาจจะไปโอ้อวดต่อหน้าแรนส์แล้วก็ได้ แต่ตอนนี้เขาไม่ได้มีความคิดนั้นอีกแล้ว
ทั้งสองอยู่คนละโลกกัน เมื่อพูดถึงคำนี้ก็ทำให้แรนส์รู้สึกสิ้นหวัง ฉินสือโอวไม่เคยมองว่าเขาเป็นคู่ต่อสู้เลย
ถ้าฉินสือโอวดุร้ายจริงๆ เขาสามารถควบคุมฉลามขาวยักษ์และเฮยป้าหวังโดยตรงได้ พวกมันสามารถกลืนแรนส์เข้าไปได้ในครั้งเดียว แต่ในความเป็นจริงตั้งแต่ได้รับหัวใจโพไซดอนมา ฉินสือโอวก็ไม่เคยคิดที่จะทำร้ายใครรวมถึงอัลเบิร์ตด้วย
แรนส์ที่กำลังมองดูฉินสือโอวอยู่ไม่ไกลนัก ก็มีนักข่าวพูดถึงเรื่องความขัดแย้งของทั้งสองคนขึ้น และถามฉินสือโอวว่าเขาคิดอย่างไรกับเรื่องนี้
พอฉินสือโอวกำลังจะพูด วินนี่ก็ดึงแขนของเขาไว้ก่อนและยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับนักข่าว แล้วพูดว่า “นั้นมันก็เป็นแค่เพียงการทดสอบฝีมือก่อนการแข่งขันระหว่างนักว่ายน้ำฝีมือดีทั้งสองคนเท่านั้นเอง ซึ่งก็เป็นเหมือนกับตอนที่นักมวยอยู่บนสังเวียนกำลังพ่นคำดูถูกเหยียดหยามใส่กัน ความจริงแล้วพวกเขาต่างชื่นชมกันและกันและมีความสัมพันธ์ที่เรียบง่ายมาก”
และไม่ใช่นักข่าวทุกคนที่ต้องการซักถามหรือประดิษฐ์กับดักภาษาเพื่อให้เป็นข่าวใหญ่ เมื่อฟังคำพูดของวินนี่ นักข่าวหลายคนในที่เกิดเหตุนั้นก็มองเธอด้วยสายตาเคารพนับถือ จากนั้นก็เปลี่ยนประเด็นถาม
ประเด็นต่อมาเกี่ยวข้องกับกองทุนของฉินสือโอว ซึ่งเขาได้คิดถึงเรื่องนี้ไว้แล้ว จึงพูดออกไปว่า “ผมจะตั้งมูลนิธิเล็กๆ ที่เรียกว่า ‘กองทุนเถียนกวา’ ซึ่งคาดว่าเงินทุนในการลงทุนครั้งแรกนี้จะอยู่ที่ห้าแสนดอลลาร์แคนาดา ผมหวังว่ามันจะช่วยเด็กๆ ที่ต้องการความช่วยเหลือได้”
หลังจากได้ยินเช่นนั้น นักข่าวและผู้เข้าชมต่างค่อยๆ ปรบมือให้เขาและการแข่งขันการกุศลในครั้งนี้มีการบริจาคเงินถึงครึ่งล้าน ซึ่งเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมาก!
บทที่ 1015 ภาพถ่ายครอบครัว
การจัดกิจกรรมข้ามช่องแคบในครั้งนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นไปตามที่ฉินสือโอวคาดหวังไว้ เขาได้รับตำแหน่งชนะเลิศและได้มีมูลนิธิเกิดขึ้นเป็นที่แรกในชีวิตของเขาและยังเอาชื่อของลูกสาวตัวเองมาตั้งเป็นชื่อมูลนิธิอีกด้วย
ในคืนวันนั้นก็มีการจัดงานเลี้ยงตอนเย็น ซึ่งฉินสือโอวต้องเป็นตัวหลักของงานอย่างแน่นอน ไม่เพียงแต่ฉลองตำแหน่งชนะเลิศของเขาเท่านั้น แต่ยังฉลองเพราะเป็นรางวัลที่ยอดเยี่ยมมากอีกด้วย
เนื่องจากฉินสือโอวเป็นคนทำสถิติใหม่ในการข้ามช่องแคบสิบห้ากิโลเมตรด้วยเวลาสามชั่วโมงห้าสิบสองนาที และเขายังทำสถิตินี้ได้สำเร็จด้วยการเปลือยท่อนบน เช่นเดียวกับที่นักข่าวกล่าวไว้ก่อนหน้านี้คือเขาได้ทิ้งตำนานไว้ที่นี่
หู่จือและเป้าจือก็ตามฉินสือโอวมาเข้าร่วมงานเลี้ยง พวกมันจึงได้กลายเป็นตัวหลักของงานไปด้วยเพราะงานเลี้ยงครั้งนี้ล้วนเป็นพ่อและแม่ที่มีครอบครัวแล้วเกือบทั้งหมด หลายๆ คนจึงพาเด็กๆ มาด้วย หู่จือและเป้าจือทำตัวน่ารักมาตลอดทาง เด็กๆ จึงชอบพวกมันมาก
ในขณะที่รับประทานอาหารอยู่นั้นก็มีตากล้องคนหนึ่งถ่ายภาพที่คมชัดมากให้กับฉินสือโอว เขายิ้มและพูดว่า “คุณฉิน หวังว่ารูปใบนี้จะเก็บความทรงจำที่ดีไว้ให้พวกคุณ”
ในภาพฉินสือโอวยิ้มอย่างสดใส โดยมีพื้นหลังเป็นมหาสมุทรอันกว้างใหญ่และท้องฟ้าสีคราม ข้างๆ เขาเป็นวินนี่ที่สีหน้าเต็มไปด้วยความสุขและในอ้อมแขนของเขาก็เป็นแลบราดอร์ขนสีเหลืองทองกำลังหรี่ตาพร้อมกับยกมุมปากขึ้นราวกับว่าพวกมันกำลังยิ้มอยู่
เมื่อเห็นเนื้อหาในภาพแล้ว ฉินสือโอวก็หัวเราะเสียงดังขึ้น จากนั้นจึงเขากอดตากล้องอย่างอบอุ่นแล้วพูดว่า “ขอบคุณคุณมากๆ เลยนะ นี่เป็นรูปที่ดีที่สุดที่ผมเคยได้รับมาเลย ผมจะเอารูปไปขยายแล้วแขวนไว้ในห้องนั่งเล่น”
หลังจากงานเลี้ยงสิ้นสุดลง ในขณะที่ฉินสือโอวกำลังจะกลับก็มีคนร้องเรียกเขาเอาไว้ “เฮ้ ฉิน อยู่คุยกันสักครู่ได้ไหม?”
ฉินสือโอวจึงหันกลับไปมองและคิดไม่ถึงว่าจะเป็นแรนส์ เคลวิน จากนั้นจึงคว้าวินนี่มาหลบอยู่ข้างหลังเขาและถามอย่างระแวงว่า “คุณต้องการคุยเรื่องอะไร?”
เมื่อเห็นท่าทางของเขา แรนส์จึงยิ้มเจื่อนแล้วพูดว่า “ผมมาที่นี่เพื่อขอโทษคุณ คุณไม่ต้องระแวงผมขนาดนั้น ผมก็เป็นพ่อของลูกสองคน ผมจะทำร้ายคนที่กำลังจะเป็นพ่อเหมือนกันและวินนี่ที่กำลังจะเป็นแม่ได้อย่างไร?”
ฉินสือโอวก็รู้สึกว่าตัวเองกังวลมากเกินไป เขาก็ไม่ได้โกรธแค้นอะไรแรนส์มากขนาดนั้น แน่นอนว่าถ้าแรนส์รู้ถึงแผนสกปรกตอนที่เขาอยู่ใต้น้ำแล้ว เขาจะไม่พูดอย่างนี้
วินนี่ตบหลังฉินสือโอวเบาๆ เพื่อบอกว่าตัวเองจะไปหาบูลกับเด็กๆ ก่อน และปล่อยให้เขากับแรนส์ได้พูดคุยกันดีๆ
ทั้งสองคนนั่งอยู่ในร้านกาแฟข้างๆ โรงแรม แรนส์ถูฝ่ามือไปมาและชิงพูดขึ้นก่อนว่า “ผมมาที่นี่เพื่อขอโทษคุณ ฉิน เมื่อตอนเช้าผมพูดเกินไป ผมดูถูกประเทศและเชื้อชาติของคุณ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมตอนนั้นผมถึงเลวร้ายมากขนาดนั้น บางทีผมก็อาจจะโลภมากจนขาดสติ”
แต่ไหนแต่ไรฉินสือโอวเป็นคนนิสัยใจอ่อน ต่อให้ใครมาขอโทษ เขาก็จะให้อภัย เขาจึงโบกมือแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไรแรนส์ ผมก็มีส่วนผิดเหมือนกัน ตอนนั้นปฏิกิริยาของผมก็รุนแรงเกินไป ดูเหมือนว่าผมจะต้องปรับอารมณ์ของตัวเองด้วยเหมือนกัน”
แรนส์ยิ้มเจื่อนๆ แล้วพูดว่า “ไม่ๆๆๆ ฉิน ปฏิกิริยาของคุณเป็นปกติ ในตอนนั้นอาจเป็นเพราะว่าคุณได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ผมคิดว่าผมจะเป็นตัวหลักและตัวตั้งตัวตีในการแข่งขันการกุศลครั้งนี้ สุดท้ายผมก็พบว่าคนจำนวนมากให้ความสนใจคุณ ดังนั้นผมจึงอิจฉาคุณและจงใจเป็นศัตรูกับคุณ ซึ่งมันไม่ถูกต้อง”
พอได้ยินเช่นนั้นฉินสือโอวก็ตระหนักได้ทันที ไม่น่าล่ะที่ผู้ชายคนนี้เผชิญกับคำตอบของตัวเองในตอนนั้นได้อย่างรวดเร็ว ใช่ การแข่งขันการกุศลในครั้งนี้ จริงๆ แล้วยังไม่ได้เป็นที่รู้จักกันดีเท่าไรนัก นักนักกีฬาระดับชาติอย่างแรนส์ยอมมาเข้าร่วม ก็ถือว่าเป็นการโฆษณาที่ยอดเยี่ยมมากแล้วจริงๆ
น่าเสียดายที่แรนส์บังเอิญเจอกับผู้ทิ้งตำนานไว้ที่เกาะพรินซ์เอ็ดเวิร์ดอย่างฉินสือโอว การมาถึงของฉินสือโอวทำให้แรนส์มีภาพลักษณ์ที่ไม่ดี สำหรับคนที่มีนิสัยหยิ่งยโสแล้ว นี่เป็นเรื่องที่รับไม่ได้จริงๆ
เพราะอยากจะเข้าใจในจุดนี้ ฉินสือโอวจึงไม่มีความเห็นอะไรกับแรนส์ ถึงอย่างไรก็เป็นเพราะตัวเองบังคับให้ฝ่ายตรงข้ามยอมแพ้การแข่งขันและเขาก็รู้สึกละอายใจเล็กน้อย
เมื่อปรับความเข้าใจกันแล้ว ทั้งสองก็ยิ้มพร้อมกับจับมือกันและกลายเป็นเพื่อนกัน
สุดท้ายในขณะที่กำลังแยกจากกัน แรนส์ก็พูดว่า “ฉิน ผมอิจฉาคุณจริงๆ เพราะคุณมีภรรยาที่ดีมาก วินนี่มาหาผม เธอมาขอโทษผมแทนคุณ ซึ่งมันทำให้ผมเข้าใจความผิดพลาดของตัวเองว่าอยู่ตรงไหน เธอเป็นผู้หญิงที่ฉลาดและจิตใจดี ขอให้คุณทะนุถนอมเธอด้วย”
ฉินสือโอวถึงกับผงะ จากนั้นใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขาไม่ได้พูดอะไรต่อ ทำแค่เพียงพยักหน้า หลังจากแยกจากกันเขาก็รีบไปหาวินนี่ เขาไม่สนว่าเธอจะอยู่กับใคร เขายื่นมือออกไปกอดเธอและจูบลงที่ริมฝีปากของเธออย่างลึกซึ้ง
“นี่คุณเป็นบ้าอะไร?” วินนี่ถามอย่างไม่พอใจ
ฉินสือโอวหัวเราะแล้วพูดว่า “อยู่ๆ ผมก็รักคุณมากเป็นพิเศษ ดังนั้นก็เลยจูบคุณ”
บูลกะพริบตาปริบๆ พร้อมกับสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตกใจ จึงหันกลับมากอดแอนนี่แล้วจูบลงที่ริมฝีปากของเธออย่างลึกซึ้งเช่นกัน
แอนนี่เม้มปากพร้อมกับสะบัดหน้าหนีและผลักเขาออก แล้วพูดอย่างด้วยความโมโหว่า “พระเจ้า นี่คุณเป็นบ้าอะไร?”
“อยู่ๆ ผมก็รักคุณมากเป็นพิเศษ…” บูลว่า
“งั้นเมื่อก่อนคุณไม่เคยรักฉันเลยเหรอ? ไม่อย่างนั้นทำไมวันนี้อยู่ๆ ถึงมาจูบฉันล่ะ?” แอนนี่ถาม
บูล “…”
หลังจากพักอยู่ที่เกาะพรินซ์เอ็ดเวิร์ดได้สองวัน ฉินสือโอวก็พาพ่อแม่ วินนี่และลูกสาวไปเที่ยวชมรอบๆ เกาะสวรรค์แห่งนี้ก่อนจะนั่งเรือกลับเกาะแฟร์เวล
เนื่องจากสภาพอากาศดี แม้ว่าวิลล่าจะว่างหลายวัน แต่ก็ไม่มีฝุ่นเลย ฉินสือโอวจึงเอาภาพถ่ายหมู่ของเขา วินนี่ หู่จือและเป้าจือมาขยายเป็นภาพวาดขนาดใหญ่ที่มีความยาวและความกว้างหนึ่งเมตรแล้วแขวนไว้บนผนัง ซึ่งเข้ากันได้ดีกับภาพ ‘พื้นที่บริเวณรอบแม่น้ำในเทศกาลชิงหมิง’
ฉงต้าเงยหน้าขึ้นมองรูปนี้ มันขมวดคิ้วสั้นของมันและมองดูรูปสักพัก ทันใดนั้นก็ยืนขึ้นและชี้ไปที่รูปพร้อมกับร้องตะโกนอาวูๆ อย่างไม่พอใจ หน้าอันอ้วนท้วนของมันก็หน้านิ่วคิ้วขมวดเข้าหากัน ดูท่าทางเหมือนจะไม่พอใจมาก
ฉินสือโอวรีบขึ้นมาดูอย่างรวดเร็วและเข้าใจว่าฉงต้าไม่พอใจที่ในรูปถ่ายไม่มีเขาอยู่ แต่ตอนนี้ภาพก็ถ่ายออกมาแล้วและเขาก็ทำอะไรไม่ได้
ดังนั้นฉินสือโอวจึงทำได้เพียงถ่ายรูปคู่กับฉงต้าและแสดงบนคอมพิวเตอร์ให้มันเห็น
แต่ฉงต้าก็ยังไม่พอใจ มันจ้องไปที่รูปภาพบนผนังแล้วกรีดร้องอาวูๆ ออกมาไม่หยุด วินนี่ก็เลยต้องเตรียมชามสลัดผลไม้ให้มัน ในที่สุดมันก็สงบลงและกินอย่างมีความสุข หลังจากกินเสร็จมันก็แบะปากแล้วชี้ไปที่รูปพลางกรีดร้องไปด้วย
วินนี่จึงต้องเปิดโฟโตชอป แล้วเอารูปถ่ายฉงต้าวางระหว่างฉินสือโอวกับเธอ หลังจากพิมพ์ภาพออกมาก็นำมาแขวนไว้บนผนังใหม่อีกครั้ง
จากนั้นหลัวปอจึงเข้ามาเห็น ก็เริ่มส่งเสียงร้องเห่าหอนบรู้วๆ ใส่รูปภาพด้วยน้ำเสียงเศร้าโศกเสียใจ ทำให้ดึงดูดคู่รักหมาป่าขาวเข้ามาในเวลากลางคืน
วิธีนี้ค่อนข้างได้ผล วินนี่กลัวว่าจิตใจอันเปราะบางของหลัวปอจะวิ่งตามพ่อและแม่ไป จึงรีบใช้โฟโตชอปตัดต่อรูปนี้อีกครั้งอย่างต่อเนื่องและเอาหลัวปอไปวางตรงเท้าของเธอ
คราวนี้วินนี่ก็ถือโอกาสทำการตัดต่อเพิ่มเติมอีก คือเอาแมวป่าซิมบ้าวางไว้ในอ้อมแขนของเธอ เอากระรอกเสี่ยวหมิงวางไว้บนไหล่ของฉินสือโอว นิมิตส์และบุชก็บินสูงบนท้องฟ้าอยู่ข้างหลัง กวางอูฐปอหลัวก็มุดหัวโผล่ออกมาและมาสเตอร์ก็นอนอย่างสบายอกสบายใจอยู่บนพื้น
พอได้เห็นรูปถ่ายใหม่แล้ว ฉินสือโอวก็อดไม่ได้ที่จะปกปิดความรู้สึกบนใบหน้าของตัวเอง รูปถ่ายใบนี้เป็นรูปที่ดีมาก ในเมื่อตอนนี้เป็นแบบนี้แล้ว ช่างรนหาที่จริงๆ เลย!
รูปถ่ายต้นฉบับก่อนหน้านี้ วินนี่ก็ไม่ได้เอาทิ้ง แต่แอบแขวนไว้ในห้องนอนอย่างเงียบๆ ตอนนี้ฉงต้าเป็นหมีตัวโตกึ่งตัวเต็มวัยแล้ว ซึ่งน้อยครั้งมากที่มันจะเข้ามาในห้องนอน ขอแค่มันไม่เห็น ก็จะไม่เป็นไร
ภาพถ่ายครอบครัวใหม่ถูกแขวนไว้บนผนัง ฉงต้าและพวกหลัวปอก็เงยหน้าขึ้นมองอย่างพึงพอใจและกลับมาเป็นเด็กดีอีกครั้ง
บทที่ 1016 หลุมดำในมหาสมุทร
ในตอนเย็นฉินสือโอวกำลังกอดและร่วมรักกับวินนี่ หลังจากมีความสุขกันแล้ว วินนี่ก็ผลักเขาไปอาบน้ำ เขาขี้เกียจจึงมุดตัวเข้าไปในผ้าห่มและแกล้งทำเป็นหลับ จากนั้นก็แผ่จิตสำนึกลงไปที่ฟาร์มปลา
จิตสำนึกแห่งโพไซดอนเคลื่อนไหวออกไปประมาณสองถึงสามกิโลเมตร กุ้งก้ามกรามก็เริ่มปรากฏขึ้นที่ใต้ท้องทะเล ฝูงกุ้งก้ามกรามเหล่านี้จะรวมตัวกันเป็นกลุ่มและย้ายไปอยู่ใต้ท้องทะเลเพื่อหาสถานที่ที่กระแสน้ำกัลฟ์สตรีมไหลผ่าน จากนั้นจะใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น
กุ้งก้ามกรามนอนแผ่อยู่บนพื้นทรายใต้ท้องทะเล ฝูงกุ้งก้ามกรามจะยื่นก้ามโตเพื่อขุดทรายและในไม่ช้าก็ขุดปลาหมึกตัวเล็กๆ ที่ซ่อนอยู่ออกมาทีละตัว
ก้ามโตของมันเป็นเหมือนกับมีดตัด มันจะเอาปลาหมึกตัวเล็กมาแบ่งออกเป็นหลายๆ ส่วนและกุ้งก้ามกรามที่อยู่รอบๆ ก็จะเข้ามาใกล้และเริ่มกินมันเข้าไป
กุ้งก้ามกรามเหล่านี้ส่วนใหญ่เพิ่งได้รับการผสมพันธุ์เมื่อปีที่แล้ว พวกมันเติบโตอย่างรวดเร็วและกุ้งก้ามกรามที่มีขนาดใหญ่จะมีความยาวถึงยี่สิบถึงสามสิบเซนติเมตร บางครั้งจะมีกุ้งก้ามกรามสีรุ้งที่ขนาดใหญ่กว่าปกติปรากฏออกมาให้เห็น มันมีความยาวถึงสี่สิบเซนติเมตร
ถ้าพวกมันสามารถเติบโตจนมีความยาวได้ถึงครึ่งเมตร กุ้งก้ามกรามชนิดนี้จะมีราคาสูง ซึ่งมีเฉพาะช่วงโอกาสดีๆ เท่านั้นถึงจะใช้ประโยชน์กุ้งก้ามกรามแบบนี้ได้
ฉินสือโอวมองไปที่กุ้งก้ามกรามที่กำลังจะจากไป ทันใดนั้นก็เห็นปลิงทะเลตัวอ้วนนิ่มจำนวนหนึ่งกำลังนอนอยู่บนโขดหินโสโครกอยู่ไม่ไกล
ดังนั้นจึงทำให้เขานึกขึ้นมาได้ว่า น่านน้ำทะเลแห่งนี้เป็นโลกของปลิงทะเล ทางที่ดีควรจะแยกกุ้งก้ามกรามให้อยู่ห่างจากพวกมัน เพราะกุ้งก้ามกรามก็กินปลิงทะเลเป็นอาหารด้วย
ฟาร์มปลาต้าฉินมีปลิงทะเลหลายชนิด แต่ที่พบมากที่สุดคือปลิงขาวและปลิงทะเลขั้วโลกเหนือ ในหมู่ปลิงขาวจะชอบอาศัยอยู่ตามพื้นทรายปะการังที่มีสาหร่ายทะเลและชอบใช้ชีวิตอยู่ในน้ำลึกระยะห้าเมตรถึงยี่สิบเมตร แต่บางครั้งก็สามารถพบเห็นพวกมันอยู่ในบริเวณทะเลน้ำตื้น
ฉินสือโอวไล่ฝูงกุ้งก้ามกรามออกไปยังทะเลน้ำลึก กุ้งก้ามกรามนับพันตัวถือกรงเล็บขนาดใหญ่พร้อมกับยกกล้ามโตขึ้นและกระจายฝูงออกเพื่อป้องกันตัวเอง ซึ่งเหมือนกับการเดินทัพของทหารที่มีเกราะคุ้มกัน บังเอิญที่ฉลามแมวเจ็ดพี่น้องเพิ่งกลับมาจากทะเลลึกพอดี พวกมันเงยหน้ามองดูและเห็นว่ามีกุ้งก้ามกรามกำลังเดินเข้ามา พวกมันคิดว่าเจออาหารแล้ว จึงดีใจตื่นเต้นไม่หยุดทันที
สุดท้ายพวกมันจึงเตรียมตัวอ้าปากแบ่งกันกินอาหารที่พระเจ้าประทานให้ด้วยความตะกละ จากนั้นกองกำลังหลักของฝูงกุ้งก้ามกรามก็จับกลุ่มกันและปรากฏตัวขึ้น…
เมนล็อบสเตอร์เป็นกุ้งที่มีการโจมตีสูงมาก หลังจากเจอกับสัตว์ที่เป็นศัตรูพวกมันจะไม่หนีด้วยความหวาดกลัว แต่พวกมันจะอาศัยการรวมตัวกันเป็นจำนวนมาก เพื่อแยกกันเป็นทีละฝูงแล้วไปล้อมรอบฉลามแมว
มันเดย์เป็นตัวที่กล้าทำสิ่งต่างๆ อย่างไม่คาดคิด ในขณะที่ฝูงกุ้งก้ามกรามทั้งหมดกำลังจะถูกกินเข้าไปอย่างดุเดือดนั้น พวกมันจึงฉวยโอกาสลอยขึ้นและกางกล้ามโตออกเพื่อเริ่มโจมตีร่างกายของมันเดย์ มันเดย์เจ็บปวดเป็นอย่างมาก จึงไม่มีอารมณ์กินกุ้งเหล่านี้แล้ว มันหันหลังว่ายหนีออกไป
ฉลามแมวเจ็ดพี่น้องขี้ขลาดมาก อีกหกตัวที่เหลือเมื่อเห็นพี่ชายคนโตว่ายน้ำหนีออกไปแล้ว พวกมันก็ว่ายหนีตามออกไปโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย
ฉินสือโอวไปสำรวจดูปลิงขาวอยู่พักหนึ่ง ทันใดนั้นก็พบว่ามีปลาตัวเล็กว่ายแหวกออกมาจากตัวของปลิงขาว จากการสำรวจของจิตสำนึกแห่งโพไซดอน ทำให้เห็นว่าพละกำลังของปลิงขาวไม่มีปัญหาอะไรและการดำรงชีวิตของพวกมันก็เป็นไปอย่างปกติดี
เขาคิดว่าตัวเองมองผิดไป แต่หลังจากเดินไปรอบๆ ฝูงปลิงขาว ก็ทำให้เขาก็เห็นปลาตัวเล็กจำนวนหนึ่งกำลังเข้าออกจากตัวของปลิงทะเลตัวใหญ่อยู่
เมื่อเห็นเช่นนี้ ฉินสือโอวจึงรู้สึกท่าไม่ดีแล้ว จึงโทรศัพท์หาแซนเดอร์สและถามว่า “ศาสตราจารย์ ก่อนหน้านี้พวกชาวประมงรายงานผมว่าปลิงทะเลที่ผมเพาะเลี้ยงไว้เหมือนจะมีปลาตัวเล็กอยู่ข้างในตัวของมัน นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
แซนเดอร์สจึงแนะนำว่า “ปลิงที่มีสภาพแบบนี้เป็นปลิงขาวใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ผิด ปลาตัวเล็กเหล่านั้นเรียกว่าเพิร์ลฟิช พวกมันชอบอาศัยอยู่ในลำไส้ของปลิงทะเล พวกมันจะเอาหางแหลมๆ สอดเข้าไปในทวารรวมของปลิงทะเล จากนั้นก็จะไถลเข้าไป โดยปกตินอกจากวางไข่และออกไปหาอาหารแล้ว มันจะไม่ออกมาข้างนอกเลย”
หลังจากแนะนำง่ายๆ แล้ว เขาก็ส่งข้อมูลบางอย่างให้ฉินสือโอว เพื่อให้เขาได้ลองอ่านดู “คุณลองเอาไปอ่านเองก่อน ถ้ามีคำถามอะไรก็ถามผมได้ ความสัมพันธ์ระหว่างเพิร์ลฟิชและปลิงขาวค่อนข้างแปลก บางชนิดอาศัยอยู่ร่วมกัน บางชนิดก็เป็นปรสิต งั้นพรุ่งนี้ผมจะไปตรวจดูที่ใต้ท้องทะเลเพื่อจะได้สั่งยาที่เหมาะสมให้”
ฉินสือโอวจึงไปดูสภาพปลิงทะเลก่อนและพบว่ามีเพิร์ลฟิชจำนวนมากอยู่ในฝูงปลิงทะเล แต่ยังไม่พบการตายของปลิงทะเล พบแค่ปลิงทะเลที่มีเพิร์ลฟิชอยู่ในตัวของพวกมัน จึงทำให้พวกมันเติบโตได้ค่อนข้างช้า
ต่อมาเขาจึงสำรวจหาข้อมูลอีกครั้ง ก็พบว่าความสัมพันธ์ระหว่างเพิร์ลฟิชกับปลิงขาวมีความซับซ้อนมากจริงๆ พวกมันชอบอาศัยอยู่ตามรูในตัวและส่วนปากทวารหนักของปลิงทะเล เพียงแค่ยื่นส่วนหัวออกมาก็สามารถขับออกมาได้แล้ว ดังนั้นตามปกติแล้วพวกมันจะไม่ออกมาจากปลิงทะเลบ่อยนัก
เมื่อพวกมันหิว พวกมันมักจะจับเหยื่อมากินเอง แต่ความเป็นจริงแล้วพวกมันไม่มีอาหาร จึงเกาะกินอวัยวะภายในของปลิงทะเล
ปลิงทะเลเป็นสัตว์ที่แปลกมาก พวกมันมีชีวิตอยู่ได้โดยไม่มีอวัยวะภายใน แน่นอนว่าอวัยวะภายในของพวกมันยังสามารถเจริญเติบโตเองได้อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นสารอาหารจึงถูกส่งไปยังอวัยวะภายใน เพื่อเจริญเติบโตอย่างช้าๆ ตามธรรมชาติ
เพิร์ลฟิชและปลิงขาวไม่เพียงแต่มีความสัมพันธ์แบบปรสิตเท่านั้น บางครั้งมันก็มีชีวิตแบบอยู่ร่วมกัน เนื่องจากปลิงทะเลตัวอ้วนจะมีโภชนาการสูง แต่ความสามารถในการเคลื่อนไหวจะแย่มาก ไม่มีความสามารถในการโจมตีและความสามารถในการป้องกันตัว ดังนั้นการอาศัยอยู่ใต้ท้องทะเลจึงเป็นสิ่งที่อันตรายมาก
ปูและกุ้งก้ามกรามบางชนิดชอบกินปลิงทะเลเป็นอาหาร ดังนั้นเวลานี้เพิร์ลฟิชจึงมีผลประโยชน์เป็นอย่างมาก
เพิร์ลฟิชมีขนาดใกล้เคียงกับปลาไหล ในความเป็นจริงพวกมันเป็นชื่อเรียกรวมของปลาทะเลรูปร่างเรียวยาวที่มีรูปร่างคล้ายปลาไหลกว่าสิบชนิด นอกจากจะเป็นปรสิตเกาะในตัวของปลิงทะเลแล้ว พวกมันยังเป็นปรสิตในตัวสัตว์น้ำจำพวกมีเปลือกแข็งอย่างเช่นปู กุ้งก้ามกรามและอื่นๆ
กุ้งก้ามกรามและปูไม่มีความสามารถในการสร้างอวัยวะภายในให้เกิดขึ้นเองได้ใหม่ ดังนั้นเมื่อถูกเกาะกิน พวกมันจึงต้องตายอย่างเดียวเท่านั้น
พวกมันค่อนข้างโง่ จึงไม่รู้ว่าตัวเองถูกเพิร์ลฟิชฆ่าตายและยังคิดว่าปัญหาอยู่ที่ปลิงขาว เมื่อผ่านไปเป็นเวลานาน พวกมันจะจู่โจมปลิงขาวไม่ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ปลิงขาวจึงข่มเหงพวกมันเพราะตัวเองก็มีความสามารถในการป้องกันตนเองอยู่เล็กน้อย
เมื่อเห็นเช่นนี้แล้ว เพิร์ลฟิชก็มีมูลค่าอยู่เช่นกัน แต่หลังจากฉินสือโอวคิดดูแล้วจึงตัดสินใจจะกำจัดพวกมัน เนื่องจากเขาเพาะเลี้ยงปลิงทะเลเพื่อให้พวกมันเติบโตได้อย่างรวดเร็วและเพื่อขายทำรายได้ ถ้าเพิร์ลฟิชเกาะกินจนทำให้การเติบโตของพวกมันช้าลง อย่างนั้นก็คงต้องปล่อยไป
สำหรับความอันตรายของกุ้งก้ามกรามและปูต่อปลิงทะเล? นี่ยังเป็นความอันตรายที่ค่อนข้างเล็กน้อยมาก ปลิงทะเลจะอาศัยอยู่ในบริเวณปะการังค่อนข้างเยอะและโดยทั่วไปฝูงกุ้งก้ามกรามและปูจะไม่เข้าไปในน่านน้ำบริเวณปะการัง
ปัญหาของเพิร์ลฟิชก็ได้ให้ศาสตราจารย์แซนเดอร์สเป็นคนจัดการ ฉินสือโอวจึงไปดูระดับฟาร์มปลาของเขาสักหน่อย
หลังจากเดินเล่นอยู่บริเวณทะเลน้ำตื้นได้สักรอบ ฉินสือโอวก็ไปที่ทะเลลึก สุดท้ายหลังจากเขาเอาจิตสำนึกแห่งโพไซดอนแผ่เข้าไปในตัวของหมึกยักษ์คราเคน ทันใดนั้นก็รู้สึกว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล คราเคนไม่ได้อยู่ในฟาร์มปลา แต่อยู่ในทะเลลึกทางตอนใต้ของฟาร์มปลา
โดยปกติแล้วฉินสือโอวจะไม่ค่อยมาที่นี่ เพราะไม่มีการค้าปลาทะเลเชิงพาณิชย์ในทะเลลึกและฟาร์มปลาของเขาก็มีพื้นที่ใหญ่มากพอที่จะดูแลฟาร์มปลาของตัวเองได้ จึงไม่กระตือรือร้นที่จะสนใจบริเวณภายนอก
และในขณะที่ก็กำลังตามหาคราเคนอยู่รอบๆ นี้ ฉินสือโอวก็รู้สึกตกใจเล็กน้อย เพราะคิดไม่ถึงว่าจะมีหลุมน้ำเงินอยู่ไม่ไกลใต้ท้องทะเล!
ที่เรียกว่าหลุมน้ำเงิน เป็นเพราะมีน้ำรูปทรงกลมสีน้ำเงินเข้มปรากฏขึ้นใกล้กับผิวน้ำมหาสมุทรอันเงียบสงบ ถ้ามองจากที่สูง หลุมชนิดนี้จะมีสีฟ้าสด มีความลึกลับและแปลกประหลาดมาก ดังนั้นจึงเรียกว่าหลุมน้ำเงิน
หลุมน้ำเงินมีขนาดและรูปร่างที่แตกต่างกันมากมายและกระจัดกระจายอยู่ในมหาสมุทรทั่วโลก ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะปรากฏในน่านน้ำบริเวณชายฝั่งเท่านั้น จะไม่มีทางพบเห็นหลุมน้ำเงินในทะเลลึกเป็นอันขาด
แน่นอนว่าที่ไม่พบหลุมน้ำเงินในทะเลลึก ไม่ใช่ว่ามันไม่มี แต่เป็นเพราะมันหาได้ยาก เนื่องจากบริเวณน่านน้ำของชายฝั่งสามารถเห็นความแตกต่างระหว่างสีของหลุมน้ำเงินกับสีน้ำทะเลโดยรอบได้อย่างชัดเจน จึงทำให้พบเห็นได้ง่าย แต่ในทะเลลึก บนพื้นผิวของทะเลจะไม่พบเห็นความแตกต่างของสี จึงเป็นเรื่องยากที่จะพบหลุมน้ำเงินใต้ท้องทะเล
ขณะนี้ฉินสือโอวจึงใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนมองดู ทำให้เขาเห็นหลุมลึกขนาดใหญ่ที่อยู่ในระยะไกล ซึ่งตอนนี้ในทะเลลึก สีของหลุมขนาดใหญ่นี้ไม่ได้เป็นสีน้ำเงินเข้มแล้ว มันกลับเป็นสีดำมืดสลัว ถ้าเป็นอย่างนั้นหลุมนี้คงจะเป็นหลุมดำในมหาสมุทร!
บทที่ 1017 สิ่งมีชีวิตที่ไม่สามารถควบ...
เมื่อมองไปที่หลุมขนาดใหญ่ใต้ท้องทะเลลึกและดำมืด ฉินสือโอวก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายตัวเอง
ตั้งแต่ที่เขาได้รับหัวใจโพไซดอนมา เขาก็ได้เดินทางไปทั่วมหาสมุทร เนื่องจากสภาพจิตใจของเขาถ้าไม่อยากรู้อยากเห็นก็คงอยากสงบจิตสงบใจ ซึ่งไม่เหมือนกับตอนนี้ คิดไม่ถึงว่าเขาจะแสดงความหวาดกลัวออกมา
ฉินสือโอวรู้เกี่ยวกับหลุมน้ำเงินในมหาสมุทรเป็นอย่างดี ลักษณะโครงสร้างประเภทนี้เป็นแท่นปูนขาวที่ก่อตัวขึ้นเมื่อหนึ่งร้อยสามสิบล้านปีก่อน ในช่วงยุคธารน้ำแข็งเมื่อสองล้านปีก่อน สภาพอากาศที่หนาวเย็นทำให้น้ำในธารน้ำแข็งและครอบน้ำแข็งของโลกแข็งตัว ทำให้ระดับน้ำทะเลลดลงเป็นอย่างมาก
เนื่องจากการกัดเซาะของน้ำจืดและน้ำทะเล จึงทำให้เกิดโพรงหินปูนที่มีรูพรุนจำนวนมากในบริเวณโครงสร้างของปูนขาว ตำแหน่งที่ตั้งของหลุมน้ำเงินเคยเป็นถ้ำหินขนาดใหญ่มาก่อน โพรงหินปูนที่มีรูพรุนถล่มลงมาโดยบังเอิญเนื่องจากแรงโน้มถ่วงและแผ่นดินไหวจนทำให้เกิดช่องขนาดใหญ่และกลายเป็นหลุมกว้าง
ดังนั้นเมื่อน้ำแข็งหิมะละลายและระดับน้ำทะเลสูงขึ้น น้ำทะเลจะไหลย้อนเข้ามาในหลุม ก่อให้เกิดปรากฏการณ์หลุมน้ำเงินอันน่าประหลาดในทะเลสาบที่ถูกล้อมรอบด้วยน้ำทะเล
แต่เนื่องจากความพิเศษของโครงสร้างปูนขาว ทำให้ปากหลุมของถ้ำหินปูนชนิดนี้มีขนาดไม่ใหญ่มาก เช่น หลุมน้ำเงินฮอนดูรัสที่มีชื่อเสียงที่สุด ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสิบสิ่งมหัศจรรย์ทางธรณีวิทยาอันดับต้นๆ ของโลก แต่มันมีเส้นผ่านศูนย์กลางเพียงสี่ร้อยเมตรและมีความลึกเพียงหนึ่งร้อยห้าสิบเมตรเท่านั้น
เมื่อมองไปที่หลุมดำใต้ท้องทะเลในตอนนี้ ฉินสือโอวกวาดตามองดู จึงสังเกตเห็นเส้นผ่านศูนย์กลางของหลุมดำนั้นซึ่งมีความยาวอย่างน้อยหนึ่งกิโลเมตรและเป็นสีที่รู้จักกันดี เหมือนว่ามันจะดำมืดมากจนไม่สามารถวัดได้!
หลุมน้ำเงินฮอนดูรัสถูกเรียกว่าเป็นดวงตาแห่งมหาสมุทร ฉินสือโอวมองดูมันอยู่ตรงนี้จึงรู้สึกว่าหลุมดำนี้ก็คือปากทางของมหาสมุทร
คราเคนอยู่ห่างไกลจากหลุมดำ เขาจึงว่ายน้ำไปรอบๆ ตัวมันอย่างช้าๆ เนื้อเยื่อของมันหดตัวและคลายตัวอย่างต่อเนื่อง ไอน้ำที่หนาและมีขนาดใหญ่ก็พุ่งออกมาจากช่องท้องของมันและทำให้ให้มันว่ายน้ำใต้ท้องทะเลได้เหมือนกับจรวด
คราเคนดูเหมือนว่าจะหวาดกลัวหลุมดำนี้เล็กน้อย หนวดสิบเส้นกำลังขดปลายนวดไว้แน่น แม้ว่าหนวดด้านหน้าจะบาดเจ็บและอยู่ในสภาพช่วงฟื้นตัว แต่มันก็ยังยกกระบองขึ้นมา
หลังจากรู้สึกถึงจิตสำนึกแห่งโพไซดอน คราเคนก็ผ่อนคลายลงชั่วขณะ มันพ่นน้ำลงสู่ใต้ท้องทะเลและค่อยๆ เคลื่อนตัวไปข้างหน้าด้วยแรงของหนวดมัน
ขณะนี้ จู่ๆ ก็มีเงามืดว่ายผ่านหัวคราเคนอย่างรวดเร็ว ฉินสือโอวจึงแผ่จิตสำนึกแห่งโพไซดอนให้ควบคุมบริเวณโดยรอบให้กว้างกว่าเดิม จึงพบว่าเงามืดที่ว่ายผ่านหัวคราเคนคือฉลามหางยาวและนี่ก็ทำให้เขาคลายความกังวลลงบ้างเล็กน้อย
ฉลามหางยาวเป็นฉลามที่เขาเอากลับมาจากน่านน้ำของเกาะไอซ์ไฟเออร์ในช่วงแรกๆ แต่ดูเหมือนว่าเจ้าฉลามตัวนี้จะไม่ค่อยมีความรู้สึกเป็นเจ้าฟาร์มปลา หลังจากกลับมาฉินสือโอวแทบจะไม่ได้เจอมันเลย เขายังคิดว่ามันไปหลบภัยหนาวที่น่านน้ำแอตแลนติกใต้แล้ว คิดไม่ถึงว่าจู่ๆ จะได้บังเอิญมาเจอมันมาที่นี่
ฉลามหางยาวว่ายน้ำได้อย่างรวดเร็ว หลังจากปรากฏตัวขึ้นมันจะไปว่ายอยู่น่านน้ำเหนือหัวคราเคน บางครั้งมันก็มักจะทำท่าทางกระโจนลงและหางเรียวยาวของมันจะกระทบกับน้ำทะเลทำให้เกิดระลอกคลื่นเล็กๆ
คราเคนไม่สนใจฉลามหางยาว สิ่งสิ่งนี้เป็นแค่เศษของเหลือในอาหารของมันเท่านั้น
แต่ฉลามหางยาวกลับต้องการยั่วยุคราเคนเป็นอย่างมาก หลังจากว่ายน้ำอยู่น่านน้ำเหนือหัวคราเคนสองสามรอบ มันจึงฉวยโอกาสตอนที่คราเคนเผลอกดหัวลงแล้วก็ฆ่า หางเรียวยาวแกว่งไปมาพร้อมกับพุ่งเข้าใส่หัวของคราเคนอย่างรวดเร็ว
ตามธรรมชาติแล้วคราเคนไม่สามารถทนต่อการยั่วยุของฉลามหางยาวได้ ทันใดนั้นมันจึงจ้องเขม่นด้วยดวงตากลมโตทั้งสองข้างที่เหมือนกับโคมไฟ เนื้อเยื่อดูดซับน้ำและพ่นออกมา หนวดสิบเส้นของมันจึงดึงกระบองออกมาทักทาย
ทั้งสองฝ่ายต่างระบายอารมณ์กันอย่างหนัก เมื่อเห็นท่าทางอย่างนั้นแล้วก็เหมือนกับเป็นสงครามอันยิ่งใหญ่ที่ไม่จบไม่สิ้น ฉินสือโอวรู้สึกเศร้ากับฉลามหางยาว เพราะว่ามันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคราเคนอย่างแท้จริง แม้ว่าหมึกยักษ์แทบจะไม่ขยับหนวดเขี้ยวใช้เลย แต่ก็สามารถใช้พลังในตัวมันเองฆ่าได้อย่างง่ายดาย
ฉลามหางยาวและหมึกยักษ์ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่มีน้ำหนักมาก ฉลามหางยาวมีความยาวเพียงสี่หรือห้าเมตร ในขณะที่หมึกยักษ์มีหนวดยาวมากกว่าสิบเมตร!
ทั้งสองฝ่ายโจมตีเข้าหากัน หลังจากฉลามหางยาวพุ่งลงมาในระยะหนึ่ง จึงเห็นว่าตอนที่กำลังจะเข้าไปในเขตการโจมตีของหมึกยักษ์ มันสะบัดหางอย่างแรง มันดึงตัวขึ้นขยับทิศทางและว่ายตรงไปข้างหน้า เหมือนว่าต้องการจะหนี
คราเคนไล่ตามฉลามหางยาวไปข้างหน้า มันมีขนาดตัวที่ใหญ่และแรงระเบิดที่รุนแรง แต่ความคล่องแคล่วว่องไวกลับเทียบกับฉลามหางยาวไม่ได้
เห็นได้ชัดว่าฉลามหางยาวรู้เรื่องนี้ดี มันจึงพาคราเคนว่ายไปข้างหน้าประมาณหนึ่งหรือสองกิโลเมตร จากนั้นก็เปลี่ยนทิศทางและก้มหัวมุดลงไปใต้ท้องทะเล
คราเคนที่ต้องการฆ่าฉลามหางยาวจึงไล่ตามอย่างใกล้ชิด เนื้อเยื่อก็ดูดน้ำและพ่นน้ำออกอีกครั้ง จากนั้นมันก็ก้มหัวว่ายน้ำลงไป
หมึกยักษ์อาศัยแรงปฏิกิริยาของการพ่นน้ำในการเคลื่อนที่ไปข้างหน้า ซึ่งนี่ก็เป็นสิ่งที่ทำให้เห็นแล้วว่ามันไม่มีความสามารถในการเคลื่อนไหวอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง หลังจากการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วได้ในครั้งนี้จะต้องทำการหยุดนิ่งชั่วคราวและพอดูดน้ำและพ่นน้ำออกมาอีกครั้งถึงจะสามารถเพิ่มความเร็วได้
แต่ฉลามหางยาวกลับเดินทางได้อย่างไร้ขีดจำกัด มันโค้งตัวพุ่งออกไปได้ระยะหนึ่ง จู่ๆ ก็ดึงตัวขึ้นแล้วสะบัดหางด้วยความรวดเร็วที่สุดและถือโอกาสพุ่งไปข้างหน้าอย่างเมามัน ซึ่งมีความเร็วมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ
ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่หมึกยักษ์จะเปลี่ยนทิศทางในตอนนี้ มันเหมือนกับทุ่นระเบิดน้ำ มันม้วนพุ่งตัวไปที่ใต้ท้องทะเล หลังจากพุ่งออกไปได้ระยะหนึ่งมันก็สูญเสียพลังและต้องหยุดนิ่งอยู่ในน้ำชั่วคราว…
ทันใดนั้นฉินสือโอวก็รู้สึกได้ว่าคราเคนกระวนกระวายใจอย่างมาก หนวดของมันแผ่ขยายออกเพื่อเตรียมการต่อสู้อยู่ตลอดเวลา!
เมื่อมองไปตามคราเคน ฉินสือโอวก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าตำแหน่งของหมึกยักษ์ในตอนนี้ค่อนข้างแปลกไปเพราะมันไปอยู่บนขอบของหลุมดำขนาดใหญ่หลุมนั้นพอดี!
ขณะนี้น้ำบริเวณรอบๆ หลุมดำเหมือนกับน้ำที่กำลังเดือด ทันใดนั้นก็มีระลอกคลื่นลูกใหญ่สูงขึ้น สัตว์ประหลาดตัวใหญ่ตัวหนึ่งลอยขึ้นมาจากน้ำและวนเวียนพร้อมกับโผเข้าใส่หมึกยักษ์ที่กำลังลอยอยู่บนปากหลุมดำ
ซึ่งตอนนี้คราเคนกำลังตกอยู่ในสภาพที่เพิ่งพ่นน้ำเสร็จและยังไม่ได้ดูดน้ำทะเลเข้าไป แรงในการเคลื่อนไหวของมันในขณะนี้จึงต่ำมาก แต่พอสัตว์ประหลาดพุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว มันวนไปข้างหน้าและไต่ไปตามผนังของหลุมดำ จากนั้นมันจึงหดตัวและเริ่มโจมตีคราเคน
เหตุการณ์นี้เกินความคาดหมายของฉินสือโอวมาก เขาถึงกับอ้าปากค้างและมองไปที่เหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความตกใจ นี่มันคือสัตว์ประหลาดอะไรกัน?!
สิ่งที่พุ่งออกมาจากหลุมดำนี้ทั้งยาวและแบนมากคล้ายกับตะขาบเล็กน้อย ตัวที่แบนราบของมันจะเป็นแผ่นเชื่อมต่อกัน ซึ่งชิ้นส่วนแต่ละแผ่นของมันมีขนาดใหญ่มาก โดยหนึ่งแผ่นจะมีความยาวสองถึงสามเมตรและกว้างหนึ่งเมตรกว่า
เมื่อมันโผล่ออกมา จะมีชิ้นส่วนเผยออกมาให้เห็นมากกว่าสิบหรือยี่สิบชิ้น ร่างกายขนาดใหญ่ที่มีความยาวสามสิบถึงสี่สิบเมตรจึงปรากฏขึ้นในสายตาของฉินสือโอว
ขณะนี้คราเคนกลับสงบลง เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มันได้ต่อสู้กับสัตว์ประหลาดตัวนี้ เมื่อต้องเผชิญกับคู่ต่อสู้ที่น่ากลัว มันจะยืดขยายหนวดสิบเส้นออกมาและรัดเข้าไปตามสัญชาตญาณ
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดของหมึกยักษ์คือวิธีการต่อสู้ในการใช้หนวดรัดจนตาย เนื่องจากหนวดของพวกมันมีพลังมาก แม้แต่เรือลำเล็กๆ ก็สามารถรัดให้แตกเป็นชิ้นๆ ได้ คู่ต่อสู้ธรรมดาๆ ทั่วไปอย่างเช่นปลาวาฬและฉลาม ก็แทบจะไม่มีชีวิตรอดเมื่อถูกพวกมันรัด
แต่สัตว์ประหลาดตัวนี้กลับไม่กลัว หลังจากที่หนวดของคราเคนพัดรอบตัวของมัน คิดไม่ถึงว่ามันจะรัดคราเคนกลับ จากนั้นคราเคนสะบัดด้วยความเจ็บปวด การปะทะร่างกายของพวกมันทำให้เกิดบาดแผลน่ากลัวขึ้นมากมาย!
ฉินสือโอวแอบส่งเสียงร้อง เขารีบขึ้นไปควบคุมสัตว์ประหลาดตัวนั้นเพื่อต้องการให้คราเคนหลุดออกมา แต่ก็มีบางอย่างทำให้เขาตกใจกลัวขึ้นคือเขาไม่สามารถควบคุมหรือทนกับสัตว์ประหลาดตัวนี้ได้ เขารู้สึกว่าได้ควบคุมสัตว์ประหลาดตัวนั้นไว้แล้ว แต่มันยังคงโจมตีใส่คราเคน!
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเจอกับสถานการณ์ที่แปลกประหลาดเช่นนี้ คิดไม่ถึงว่าจะไม่สามารถควบคุมสิ่งมีชีวิตในทะเลได้!
บทที่ 1018 กงล้อฟันหมาป่า
คราเคนและสัตว์ประหลาดรูปร่างตะขาบขนาดใหญ่ตัวนั้นถูกรัดเข้าไว้ด้วยกัน สัตว์ประหลาดมีเปลือกที่แข็งมาก มันไม่สนใจความสามารถในการรัดจนตายของหมึกยักษ์ด้วยซ้ำ ดูเหมือนว่าจะมีสิ่งแหลมคมอยู่บริเวณส่วนท้องของมัน ซึ่งทำให้คราเคนมีบาดแผลไปทั้งตัว!
เดิมทีฉินสือโอวไม่เคยให้ความสำคัญกับสัตว์ประหลาดตัวนี้เลย เพราะไม่ว่าสิ่งมีชีวิตในทะเลจะมีความแข็งแรงในการต่อสู้อย่างน่ากลัวแค่ไหนก็ตาม เขาก็สามารถควบคุมมันได้หมด
แต่นั่นมันคือเมื่อก่อน ซึ่งครั้งนี้เกิดขึ้นเป็นกรณีพิเศษ คิดไม่ถึงว่าเขาจะไม่สามารถควบคุมสัตว์ประหลาดตัวนี้ได้ สถานการณ์ของคราเคนจึงอันตรายขึ้นมาทันที!
ฉินสือโอวแทบจะไม่สนใจหรือตกตะลึงเลย เขาเริ่มใช้มาตรการสำรองอย่างรวดเร็ว จิตสำนึกแห่งโพไซดอนได้ถ่ายทอดพลังโพไซดอนเข้าสู่คราเคน และจิตสำนึกแห่งโพไซดอนอีกส่วนก็ได้พัดไปตามบริเวณรอบๆ น่านน้ำที่อันตรายและน่ากลัวแห่งนี้
เพื่อที่จะปกป้องคราเคน ครั้งนี้ฉินสือโอวจึงถ่ายทอดพลังงานให้อย่างสุดชีวิต หลังจากที่คราเคนได้ดูดซึมเข้าไปแล้วมันจะเป็นเหมือนกับสารกระตุ้น อันดับแรกร่างกายมันจะสั่นก่อนสักพัก จากนั้นถึงจะกลายเป็นพลังที่แข็งแกร่ง ด้วยคลื่นน้ำทะเลที่ซัดอย่างหนัก จึงทำให้สัตว์ประหลาดตัวนั้นก็ถูกเหวี่ยงออกไปทางอื่น
หลังจากที่สัตว์ประหลาดตัวนั้นถูกเหวี่ยงออกไปแล้ว จากนั้นมันจึงไปนอนเก็บตัวอยู่บนกำแพงหินของหลุมดำ ส่วนคราเคนก็ถอยกลับอย่างรวดเร็ว ทั้งสองฝ่ายจึงแยกออกจากกันทันที
หลังจากนั้น สงครามก็ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ!
คราเคนดูเหมือนจะแปลงร่างเป็นคิงคอง หนวดเส้นหนึ่งของมันกระทบลงใต้ท้องทะเลอย่างรุนแรง จึงเกิดคลื่นลูกใหญ่ซัดขึ้นและก้อนหินก็แตกเป็นเสี่ยงๆ หลังจากรวบรวมพลังได้ ก็พุ่งไปข้างหน้าด้วยพลังและความกล้าหาญ
แต่สัตว์ประหลาดตัวนั้นที่เกาะอยู่บริเวณขอบหลุมดำก็ไม่ได้อ่อนข้อแม้แต่น้อย ร่างกายบางส่วนของมันยกตัวขึ้น เหมือนกับงูไททันโอโบอาที่กำลังแหงนหน้า จากนั้นก็ตกลงไปใต้ท้องทะเลและว่ายวนไปข้างหน้า ท่าทางมันจะรัดคราเคนอีกครั้ง
ฉินสือโอวก็ไม่ได้ใจดำอำมหิตอะไร เพียงแต่แค่ไม่มีความจำเป็นที่จะฆ่าสัตว์ในมหาสมุทรด้วยตัวเอง โดยเฉพาะสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่
ถ้าหลังจากคราเคนและสัตว์ประหลาดตัวนี้แยกออกจากกันแล้วต่างคนต่างอยู่ เขาก็จะไม่คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก เขาจะให้สัตว์ประหลาดตัวนี้เป็นเครื่องหมายแห่งความตกใจในความทรงจำขิงเขาก็พอ เขาคิดหาวิธีอย่างหนักเพื่อจะทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้น
คิดไม่ถึงว่าสัตว์ประหลาดตัวนี้จะไม่รับการควบคุมของฉินสือโอวได้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอกับสถานการณ์แบบนี้ ความประหลาดใจที่เกิดขึ้นในใจของเขานั้นแค่คิดก็รู้แล้วว่าผลจะเป็นอย่างไร
แต่ตอนนี้คราเคนและสัตว์ประหลาดยังคงต่อสู้กันอย่างต่อเนื่องและท่าทางของคราเคนก็กวัดแกว่งไปมาอย่างไม่มีหยุดพัก ความดุร้ายของมันแข็งแกร่งมากในขณะนี้ ซึ่งฉินสือโอวไม่เคยเห็นมาก่อน
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ฉินสือโอวไม่สามารถนิ่งดูดายได้ เขาต้องการช่วยคราเคนจัดการสัตว์ประหลาดตัวนี้ ถึงอย่างไรก็ตามคราเคนก็เป็นหนึ่งในกองกำลังคนโปรดของเขา
หลังจากตัดสินใจแล้ว ฉินสือโอวได้ให้คำแนะนำกับคราเคนและสอนให้มันต่อสู้ด้วยตัวเอง
อย่างไรก็ตามคราเคนก็เป็นปลาหมึกที่ไม่มีความคิดอะไร แม้ว่ามันจะมีกระบองฟันหมาป่าและยังสามารถใช้เพื่อต่อสู้ได้ แต่เมื่อพบคู่ต่อสู้ มันจะใช้สัญชาตญาณในการรัดจนตายอยู่ดี
เห็นได้ชัดว่าการถูกรัดตายไม่ได้เป็นอันตรายต่อสัตว์ประหลาดตัวนี้เลย อีกทั้งสัตว์ประหลาดตัวนี้ยังสามารถรัดและฆ่ามันกลับได้
ฉินสือโอวให้คราเคนถอยห่างออกไปอย่างต่อเนื่อง จากนั้นก็ค่อยๆ เข้าไปใกล้ๆ เมื่อลำตัวของสัตว์ประหลาดยาวขึ้น เขาก็ฉวยโอกาสสะบัดกระบองฟันหมาป่า ซึ่งเหมือนเกมตีหนูที่ให้หัวของมันโผล่ขึ้นมาได้แป๊บเดียวเท่านั้นจากนั้นก็ตีหัวมัน!
คราเคนมีพรสวรรค์ในการต่อสู้เป็นอย่างมาก หมึกยักษ์เป็นเทพเจ้าแห่งสงครามในทะเล ซึ่งในตำรานี้ยังรวมถึงสิ่งมีชีวิตที่ดุร้ายมากอย่างวาฬเพชฌฆาตและวาฬหัวทุย
หลังจากที่ฉินสือโอวได้แนะนำคราเคนแล้ว มันจึงได้เรียนรู้วิธีในการต่อสู้กับสัตว์ประหลาด ในขณะที่มันตกอยู่ในที่นั่งลำบาก มันกลับตีลงไปที่หัวของสัตว์ประหลาดตัวนั้นพอดี ทำให้หัวของมันถูกทุบไปครึ่งหนึ่ง!
หัวของสัตว์ประหลาดที่ถูกทุบครึ่งหนึ่ง เปลือกของมันจึงแตกออกและของเหลวสีเขียวหนืดในร่างกายก็ไหลออกมา
ฉินสือโอวคิดว่านี่คงเป็นสมองของมันและคิดว่าสัตว์ประหลาดตัวนี้ถูกฆ่าแล้ว ใครจะคิดว่าหลังจากสัตว์ประหลาดที่ได้รับการโจมตีอย่างหนักจะหมุนตัวพร้อมกับหดตัวลงทันที แต่การเคลื่อนไหวด้วยความเร็วก็ยังคงเหมือนเดิม เหมือนกับว่ามันไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย!
“แม่เจ้า!” เมื่อเห็นสถานการณ์นี้ ฉินสือโอวก็ถึงกับอดจะสาปแช่งมันไม่ได้
ต่อมาสัตว์ประหลาดจึงหดตัวและกระโดดกลับลงไปในหลุมดำใต้ท้องทะเล หมึกยักษ์จึงต้องการถือโอกาสตอนที่มันอ่อนแอจัดการมันซะ ผลคือมันวิ่งอย่างร้อนใจไปที่ปากหลุมดำ ด้วยความที่คลื่นทะเลซัดเข้ามา สัตว์ประหลาดจึงยื่นหัวออกมาอีกครั้ง พร้อมกับเริ่มโจมตีและต้องการรัดมันอย่างรวดเร็ว
ดังนั้นฉินสือโอวจึงไม่เพียงแต่สาปแช่งเท่านั้น มันยากที่จะเชื่อจริงๆ หัวของสัตว์ประหลาดตัวนี้เห็นๆ อยู่ว่าถูกคราเคนทุบจนแตก แต่ทำไมมันถึงยังไม่เป็นอะไรเลยสักนิด? และยังเต็มเปี่ยมไปด้วยพละกำลังในการต่อสู้?
นอกจากนี้ เขายังมองดูอย่างละเอียดก็ยิ่งตกใจกับสิ่งอยู่ข้างหลัง หัวของสัตว์ประหลาดที่ถูกคราเคนทุบล่ะ? มันฟื้นตัวภายในเวลาอันรวดเดียวได้อย่างไร?
เมื่อเจอสถานการณ์เช่นนี้ ฉินสือโอวก็ได้มีการคาดเดาไว้สองเรื่องในใจ อย่างแรกคือความสามารถในการฟื้นตัวของสัตว์ประหลาดตัวนี้ยอดเยี่ยมมาก หัวที่โดนทุบจนแตกสามารถกลับคืนสู่สภาพปกติได้ภายในเวลาไม่กี่สิบวินาที อีกอย่างหนึ่งคือทั้งตัวมันไม่ใช่ตัวเดียวกัน แต่เป็นสัตว์ประหลาดหลายตัวที่อยู่รวมกันและกัดกันไว้!
การคาดเดาแรกไม่มีความน่าเชื่อถือเท่าไรนัก ตามธรรมชาติแล้วไม่น่าจะมีสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวแบบนี้ ไม่อย่างนั้นสิ่งมีชีวิตอื่นๆ คงใช้ชีวิตอยู่ไม่ได้ ถ้ามหาสมุทรถูกพวกมันปกครอง แล้วจะมีหัวใจโพไซดอนไว้ทำไม?
สิ่งที่ฉินสือโอวมั่นใจคือการคาดเดาข้อที่สอง เขาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงกระต่ายทะเลที่เขาเคยเห็นมาก่อนในช่วงผสมพันธุ์ เจ้าตัวเล็กเหล่านั้นก็เชื่อมต่อกันอย่างต่อเนื่องแบบนี้ แม้จะมีหลายร้อยตัวก็ยังสามารถเชื่อมต่อเข้าด้วยกันได้!
การคาดเดาไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญในตอนนี้คือต้องกำจัดสัตว์ประหลาดตัวนี้ก่อน จากนั้นฉินสือโอวจึงหาจุดอ่อนของมันเจอ นั่นก็คือต้องรัดคู่ต่อสู้
ดังนั้นเขาจึงสอนให้คราเคนแผ่ขยายหนวดทั้งแปดเส้นเพื่อรัดสัตว์ประหลาดตัวนี้ไว้ จากนั้นดึงหนวดอีกสองเส้นออกมาและใช้กระบองฟันหมาป่าทุบตีสัตว์ประหลาดตัวนี้เหมือนกับว่ากำลังตีกลอง!
“ตุ้บๆๆๆ” ตอนนี้ภายใต้ท้องทะเลเปรียบเหมือนกับเพลงร็อกที่กำลังเริ่มบรรเลงขึ้น ในที่สุดคราเคนก็คว้าโอกาสในการแก้แค้นได้ เพราะมีฉินสือโอวคอยถ่ายทอดพลังโพไซดอนเป็นกำลังหนุนหลังให้กับมัน และในขณะนี้จึงสามารถเรียกได้ว่าเป็นผู้กล้า
กระบองฟันหมาป่าที่มีน้ำหนักหลายร้อยกิโลกรัมถูกหมึกยักษ์เหวี่ยงขึ้นไป มันทรงพลังพอๆ กับเครื่องตอกเสาเข็ม กระบองไม้ที่ทุบลงจะต้องทุบลงบนตัวของสัตว์ประหลาด ดังนั้นคราเคนจึงยื่นมือออกไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เหวี่ยงกระบองทุบลงไปนับสิบครั้งภายในเวลาไม่ถึงสิบวินาทีและทุบลงบนกลางตัวของมันซ้ำๆ อย่างต่อเนื่อง!
ส่วนเชื่อมต่อตรงกลางจึงถูกทุบ ทันใดนั้นสัตว์ประหลาดตัวนี้ก็ขาดเป็นสองท่อน ท่อนหนึ่งวนหนีกลับเข้าไปในหลุมดำ ในขณะที่อีกท่อนหนึ่งยังคงรัดหมึกยักษ์อย่างบ้าคลั่ง
นี่จึงเป็นการยืนยันการคาดเดาของฉินสือโอวว่าสัตว์ประหลาดตัวนี้ไม่ใช่ทั้งตัวของมัน แต่เป็นสัตว์ประหลาดตัวแบนขนาดเล็กที่มีความยาวสองถึงสามเมตรเชื่อมต่อกัน
สิ่งนี้ยังอธิบายความสงสัยในใจของฉินสือโอวได้เช่นกัน ไม่แปลกที่เขาไม่สามารถควบคุมสัตว์ประหลาดตัวนี้ได้ เพราะจิตสำนึกแห่งโพไซดอนจะควบคุมได้แค่สัตว์ประหลาดตัวเล็กๆ เท่านั้น สัตว์ประหลาดประเภทอื่นจึงควบคุมไม่ได้ แต่ไม่ใช่เพราะว่าเขาไม่สามารถควบคุมได้
คราเคนยังคงต่อสู้ดิ้นรนต่อไป มันสะบัดและขว้างสัตว์ประหลาดพวกนั้นที่รัดตัวมันอยู่ออกไป เพื่อไม่ให้มันเชื่อมต่อรวมกันได้อีก สัตว์ประหลาดตัวน้อยจึงไม่มีพลังในการต่อสู้ หลังจากถูกคราเคนขว้างออกไปแล้วพวกมันก็กระจัดกระจายไปทั่วทุกทิศทาง บางส่วนหนีไปที่หลุมดำ บางส่วนก็ถูกขว้างทิ้งลงใต้ทะเล
สัตว์ประหลาดตัวน้อยที่ถูกขว้างลงใต้ทะเลเผยให้เห็นอีกด้านหนึ่งของมันคือ ส่วนท้องของสัตว์ตัวนี้มีปากขนาดใหญ่ที่น่าเกลียดน่ากลัว ข้างในมีฟันแหลมคมจำนวนมากและมีขาปล้องอยู่รอบๆ ตัว ถ้ามองดูคร่าวๆ แล้วน่าจะมีประมาณสิบกว่าขา ไม่แปลกใจที่มันวิ่งได้เร็วมากขนาดนี้
คราเคนเกิดความภาคภูมิใจเหมือนกับตีหนูได้ พร้อมกับไล่ตามและโบกหนวดไปมาใส่สัตว์ประหลาดตัวน้อยพวกนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้หนวดทั้งหมดของมันได้รับการปลดปล่อยแล้วและพลังการต่อสู้ก็เพิ่มสูงขึ้นอีกด้วย!
แค่เห็นคราเคนพ่นน้ำเพื่อไล่โจมตีสัตว์ประหลาดตัวน้อย หนวดทั้งเก้าเส้นก็สับเปลี่ยนกันโจมตีตามลำดับ เหมือนกับกังหันกำลังหมุนอยู่ หนวดเส้นหนึ่งจึงทุบลงไปที่ทันทีและอีกเส้นก็รีบดึงกลับคืนตาม จากนั้นก็ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ มันทุบสัตว์ประหลาดตัวน้อยจนแตกละเอียดจนไม่เหลือซากเหมือนกับพายุหอบเอาเศษปุยเมฆ
บทที่ 1019 ราคาต่อหน่วยเก้าแสนห้าหมื่น
ด้วยการใช้ทักษะที่ไม่ธรรมดาของกงล้อฟันหมาป่า คราเคนจึงทุบสัตว์ประหลาดที่เจอด้วยแรงทั้งหมดจนตายและถือโอกาสนี้ระบายความโกรธ มันพุ่งเข้าไปในหลุมดำใต้ท้องทะเล
ฉินสือโอวขวางมันไว้ได้ ใครจะรู้ว่าในหลุมดำมีสัตว์ประหลาดอยู่มากแค่ไหน? ในกรณีถ้ามีสัตว์ประหลาดหลายร้อยตัว แล้วคราเคนตกลงไปในหลุมดำและถูกรัดไว้ เห็นแค่ปากขนาดใหญ่ที่น่ากลัวบริเวณท้องของสัตว์ประหลาด ก็คงจะกินมันได้ในรวดเดียว
เขาใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนลงไปสำรวจเส้นทาง หลังจากเข้าไปในหลุมดำแล้ว ฉินสือโอวก็พบว่าหลุมใต้น้ำแห่งนี้ไม่เพียงแต่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ แต่ยังมีความลึกอยู่พอสมควร เดาได้ว่าน่าจะมีความลึกประมาณห้าถึงหกร้อยเมตร ซึ่งลึกกว่าหลุมน้ำเงินฮอนดูรัส!
ในหลุมมีเปลือกลักษณะวงรีจำนวนมากซึ่งมีความยาวสองถึงสามเมตรและกว้างหนึ่งเมตรกว่า ตอนแรกฉินสือโอวคิดว่าพวกมันทั้งหมดเป็นสัตว์ประหลาดใต้ท้องทะเล แต่พอเขาตระหนักอย่างละเอียดแล้ว ข้างในนั้นไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่เลย
เขาใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนในการม้วนคลื่น จึงทำให้เปลือกลอยไปตามคลื่น ดังนั้นเขาจึงเห็นได้ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงเปลือกส่วนหลังที่ไม่มีการเน่าเสียหลังจากที่สัตว์ประหลาดตายเท่านั้นเอง
แต่เปลือกส่วนหลังเหล่านี้มีจำนวนมากจริงๆ ไม่รู้ว่าในหลุมดำทั้งหมดนี้จะมีอยู่มากเท่าไร ดังนั้นสัตว์ประหลาดจึงซ่อนอยู่ในนั้น ขอเพียงแค่พวกมันไม่ขยับตัว เว้นแต่จะมีทักษะความชำนาญมากอย่างจิตสำนึกแห่งโพไซดอน ไม่อย่างนั้นจะไม่สามารถสังเกตเห็นการมีอยู่ของพวกมันได้
จิตสำนึกแห่งโพไซดอนยังคงวนเวียนอยู่ในหลุมดำอีกรอบและฉินสือโอวก็ไม่สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติอื่นๆ จึงถอยออกมาและพาคราเคนออกไป
แม้ว่าจะไม่รู้จักตัวตนของสัตว์ประหลาดเหล่านี้ แต่ก็เห็นได้ชัดแล้วว่าพวกมันมีชีวิตอยู่ในหลุมดำมาหลายสิบปี พวกมันเคยชินกับชีวิตที่ซ่อนตัวอยู่ในหลุมหลบภัยอันมืดมิดนี้ แม้จะไม่รู้ว่าพวกมันกินอะไรเป็นอาหาร แต่ก็สามารถยืนยันได้ว่า จริงๆ แล้วการบุกรุกของพวกมันก็ไม่ได้รุนแรงมากนัก
เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ฉินสือโอวจึงไม่จำเป็นต้องกำจัดมัน
ตอนนี้เขาได้เดาเรื่องราวทั้งหมดจากพื้นฐานแล้ว น่าจะเป็นฉลามหางยาวที่ไม่รู้ว่าไปเจอสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวเหล่านี้ได้อย่างไร พวกมันเคยเกือบตายในปากหมึกยักษ์หลายครั้ง จึงเต็มไปด้วยความโกรธแค้น ดังนั้นเขาจึงคิดหาวิธีดึงดูดคราเคนเข้ามาและรอโอกาสชิงผลประโยชน์เมื่อมันพลาด
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คราเคนถูกเอาเปรียบ อย่างน้อยครั้งหนึ่งหนวดของมันถูกสัตว์ประหลาดพวกนี้กินเข้าไป!
ฉินสือโอวออกคำสั่งให้คราเคนว่า ต่อไปนี้ไม่ต้องมาบริเวณรอบๆ หลุมดำใต้ทะเลนี้และไม่ต้องรบกวนชีวิตของสัตว์ประหลาดเหล่านี้อีก ถ้าจะแก้แค้นมัน อย่างน้อยวันนี้ก็จัดการมันได้มากกว่ายี่สิบตัวแล้ว นั่นก็ถือว่าเป็นการแก้แค้นแล้ว
ความแค้นของคราเคนรุนแรงมากและมันก็ไม่ต้องการหยุดแค่นี้ ตอนที่ฉินสือโอวจึงพามันออกไป มันไม่เต็มใจเป็นอย่างมาก ดวงตากลมโตก็จ้องมองด้วยสายตาอันเคียดแค้นไปที่หลุมดำใต้ทะเลตลอดทาง
ฉลามหางยาวว่ายน้ำอยู่เหนือน่านน้ำทะเล ซึ่งพอเห็นแล้วก็ยิ่งน่าเสียดาย ฉินสือโอวใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนเพื่อควบคุมมันและส่งมันไปที่น่านน้ำทางตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะ สัตว์เหล่านี้ฉลาดมาก คิดไม่ถึงว่ามันเกือบจะฆ่าคราเคน ต่อจากนี้จึงต้องให้พวกมันอยู่ในที่ที่ห่างไกลออกไป
หลังจากแก้ปัญหานี้แล้ว ฉินสือโอวก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
ก่อนหน้านั้นที่เห็นคราเคนถูกมนุษย์กำจัดหนวดของมัน หลังจากนั้นมาเขาก็ไม่วางใจมาตลอดว่าจะมีอะไรน่ากลัวเข้ามาในฟาร์มปลาแห่งนี้อีกเมื่อไร ตอนนี้ดูเหมือนว่าในฟาร์มปลาจะไม่มีปัญหาอะไรแล้ว เพราะหลุมดำก็อยู่ที่ใต้ท้องทะเลลึกนอกฟาร์มปลา
วินนี่กำลังกล่อมเถียนกวาตัวน้อยนอน พอฉินสือโอวกลับมาเธอจึงเตะขาของเขาให้ไปอาบน้ำ ฉินสือโอวยื่นมือออกมาลูบขาอันเรียบเนียนและบอบบางของวินนี่และพูดอย่างกำกวมว่า “อย่าโวยวายไปสิที่รัก ผมเหนื่อยมากเลยนะ”
ที่เขาบอกว่าเหนื่อย ก็เป็นเพราะเหนื่อยกับการช่วยเหลือคราเคนจัดการกับสัตว์ประหลาดตัวนั้น จึงทำให้วินนี่เข้าใจผิดอย่างเห็นได้ชัด
หลังจากตื่นนอนในเช้าวันรุ่งขึ้น ฉินสือโอวก็กลับมาจากการออกกำลังกายตอนเช้า เขารับประทานอาหารเช้าอย่างมีความสุข จากนั้นในขณะที่เขากำลังกินโจ๊กอยู่นั้นก็พบสิ่งแปลกๆ ซ่อนอยู่ในโจ๊กของเขา
วินนี่ใส่ใจเขามาโดยตลอด เมื่อเห็นเขาคีบสิ่งเแปลกๆ นี้ขึ้นมาด้วยสีหน้าแปลกใจ เธอจึงยื่นมือออกไปกดข้อมือของเขาไว้และกระซิบด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ “คุณนี่นับวันยิ่งไร้ยางอายมากขึ้นจริงเลยนะๆ!”
“อะไร? เป็นอะไร?” ฉินสือโอวถามด้วยความสงสัย
วินนี่มองเขาด้วยสายห่วงใยและทำปากแบะใส่สิ่งที่แปลกประหลาดนั้นแล้วพูดว่า “เมื่อคืนคุณบอกว่าเหนื่อยไม่ใช่เหรอ? วันนี้ฉันเลยตั้งใจทำสิ่งนี้เพื่อบำรุงร่างกายให้คุณ”
ฉินสือโอวสังเกตไปที่แท่งไม้เล็กๆ นี้อย่างละเอียด และในระหว่างนั้นเขาก็รู้ว่ามันคืออะไร เขารู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกทันที “ที่รัก คุณยังคิดว่าผู้ชายของคุณยังต้องการสิ่งนี้อีกอยู่เหรอ? นี่คุณเอามาได้อย่างไร?”
“ก็ต้องเอามาจากกวางแดงน่ะสิ” วินนี่กัดหูของเขาแล้วพูดว่า “ถ้าคุณไม่ต้องการแล้วใครต้องการล่ะ? แล้วเมื่อคืนใครกันที่บอกกับฉันว่าเหนื่อย?”
ทนไม่ได้แล้ว มันเป็นเรื่องศักดิ์ศรีของผู้ชายที่ไม่สามารถทนได้! ฉินสือโอวกินอวัยวะเพศของกวางเข้าไปสองสามคำและกัดฟันด้วยความแค้น เขาจึงตัดสินใจว่าคืนนี้จะทำให้วินนี่ต้องคุกเข่าร้องขอชีวิต!
บัตเลอร์โทรมาหาเขาในตอนเช้าและในสายลุงหนวดก็พูดอย่างอิ่มอกอิ่มใจว่า “เฮ้ ฉิน น่าเสียดายที่นายไม่ได้เข้าร่วมการประมูลปลาทูน่าครีบน้ำเงินในครั้งนี้! นายเลยไม่เห็นว่าการแข่งขันการประมูลในครั้งนี้ดุเดือดแค่ไหน! นายรู้ไหมว่าราคาซื้อขายล่าสุดอยู่ที่เท่าไร?”
“เก้าแสนห้าหมื่นเยน ถือเป็นการทำลายสถิติเลยล่ะ!” ฉินสือโอวพูดอย่างใจเย็น
บัตเลอร์พูดอย่างตื่นตระหนกตกใจว่า “นายรู้ได้อย่างไร? นายเข้าร่วมการประมูลด้วยเหรอ?”
ฉินสือโอวกลอกตาและพูดอย่างจนปัญญาว่า “ขอร้องล่ะบัตเลอร์ ใช้สมองของคุณให้มากกว่านี้หน่อยได้ไหม? ผมรู้มาจากในข่าว ตอนนี้การประมูลได้รับการอัปเดตแบบเรียลไทม์บนอินเทอร์เน็ตแล้ว”
หลังจากได้ยินสิ่งที่เขาพูดบัตเลอร์ก็สบถออกมาและพูดด้วยความโกรธว่า “ฉิน นายทำแบบนี้ไม่ได้ ถ้าทำแบบนี้ต่อไปนายจะไม่มีเพื่อน! ทำไมนายไม่คล้อยตามฉันและปล่อยให้ฉันเสแสร้งไปเรื่อยๆ ล่ะ?”
ฉินสือโอวเงียบไปครู่หนึ่ง เขารู้สึกว่าบัตเลอร์พูดถูก จากนั้นจึงถามว่า “บัตเลอร์ ปลาตัวนี้ราคาเท่าไร?”
“กิโลกรัมละเก้าแสนห้าหมื่นเยน ทั้งหมดสี่ร้อยหกสิบกิโลกรัม ขายในราคาสี่ร้อยสามสิบเจ็ดล้านเยนหรือสามจุดหกล้านดอลลาร์สหรัฐ!” บัตเลอร์กล่าว
“โอ้ พระเจ้า! โอ้ มันบ้าไปแล้ว! โอ้ ไม่อยากจะเชื่อ! โอ้ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ…” ฉินสือโอวร้องตะโกน
ทางฝั่งบัตเลอร์เคร่งเครียดขึ้นมาทันที เขาจะรู้สึกอย่างไรที่ฉินสือโอวกำลังหยอกล้อเป็นเด็กอยู่ได้?
เป็นอย่างที่บัตเลอร์ว่า น่าเสียดายที่ฉินสือโอวไม่ได้เข้าร่วมการประมูลตลาดปลาซึกิจิที่โตเกียวในครั้งนี้
เนื่องจากปีที่แล้วการผลิตปลาทูน่าครีบน้ำเงินลดลงอย่างรวดเร็ว ปลาที่นำมาประมูลเมื่อต้นปีนี้จึงกลายเป็นเป้าหมายการแข่งขันของร้านอาหารต่างๆ และราชาแห่งปลาที่บัตเลอร์นำมา ทำให้ชาวญี่ปุ่นต้องการแย่งชิงมันมาให้ได้
เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ปลาที่เขานำมาในปีนี้จะมีขนาดตัวที่ไม่ใหญ่มาก มีน้ำหนักไม่ถึงห้าร้อยกิโลกรัม แต่เมื่อปีที่แล้วปลามีน้ำหนักตัวอยู่ที่หกร้อยกิโลกรัม
ปลาทูน่าครีบน้ำเงินไม่ได้ขึ้นอยู่กับน้ำหนักเท่านั้น แต่ยังรวมถึงคุณภาพของเนื้ออีกด้วย คุณภาพเนื้อของปลาชนิดนี้มีความโดดเด่นมาก หลังจากการตรวจสอบโดยรายงานการวิจัยของสำนักงานกรมประมงของญี่ปุ่น หรือจะเรียกว่าเป็นปลาทูน่าคุณภาพดีเยี่ยมที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์และยังได้รับการประเมินราคาออกมาเป็นระดับทูเอส
นี่คือสาเหตุที่ทำให้ทุกคนแย่งชิงกันอย่างดุเดือด ต่างคนต่างต้องการจับปลาตัวนี้ จากนั้นจึงเกิดวิกฤตในโลกแห่งการทำอาหารของโตเกียว
เมื่อฉินสือโอวดูข่าว เขาก็ค่อนข้างประหลาดใจที่พบว่าสุดท้ายแล้วไม่ใช่บริษัทร่วมทุนคิโยมุระที่ได้ปลาตัวนี้ไป แต่กลับเป็นบริษัทไดนิสึ ประธานอิสึซาโอะ อาโอยาม่าบุคคลที่มีความทะเยอทะยาน และในตอนท้ายเขาก็ได้แบกปลาตัวนี้ไปกับเทซึกะ โกดะ
บทที่ 1020 บทเรียนแสนประทับใจ
เมื่อปีที่แล้วฉินสือโอวตั้งราคาของราชาแห่งปลาต่อหน่วยประมูลเพียงหกแสนเยน แต่ปีนี้กลับพุ่งสูงขึ้นถึงเก้าแสนห้าหมื่น!
ในความเป็นจริงนี่ไม่นับว่าเป็นการพุ่งสูงขึ้นของราคาสินค้า เมื่อสามปีก่อนราคาต่อหน่วยเริ่มต้นของราชาแห่งปลาคือแปดแสนสี่หมื่นเยนและราคาต่อหน่วยซื้อขายขั้นสุดท้ายคือหนึ่งจุดศูนย์สี่ล้านเยน ปลาน้ำหนักสองร้อยยี่สิบกิโลกรัมจะขายในราคาสูงได้มากถึงสองจุดสี่ล้านดอลลาร์สหรัฐ
จากนั้นหน่วยงานประมงของญี่ปุ่นคิดว่าราคาประมูลปลาทูน่าชนิดนี้สูงเกินจริง จากนั้นจึงเข้าไปแทรกแซงราคาตลาดและไม่อนุญาตให้ราคาประมูลเกินห้าแสนเยน
แต่การเข้าแทรกแซงของพวกเขาเกิดความล้มเหลวเป็นอย่างมาก เดิมจะยึดตามประเพณี แต่แล้วทำไมต้องประมูลราชาแห่งปลาในราคาสูงทุกปี? เนื่องจากเหล่าพ่อค้าอาหารทะเลค่อนข้างเชื่อในเรื่องโชคลางและยังคิดว่าราคานี้จะเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจในตลาดปลา ดังนั้นราคาประมูลยิ่งสูงมากเท่าไร ก็จะสามารถบอกได้ว่าปริมาณของฝนในปีนี้ยิ่งดี
นับว่าเป็นการหาเรื่องใส่ตัว ราคาประมูลในปีที่แล้วตกลงฮวบ แต่ฉินสือโอวก็ได้นำปลาทูน่าครีบน้ำเงินที่เพาะเลี้ยงญี่ปุ่นไป และบังเอิญที่จำนวนปลาทูน่าครีบน้ำเงินที่ผลิตในสหรัฐอเมริกาและฟิลิปปินส์ในปีที่แล้วมีจำนวนน้อย ต่อมาในปีนั้นจึงเป็นปีที่ปลาทูน่าในญี่ปุ่นขาดแคลนเป็นอย่างมาก
เหล่าพ่อค้าอาหารทะเลจึงไม่สามารถมองหาสาเหตุจากสภาพความเป็นจริง พวกเขารู้แค่ว่า เมื่อก่อนการประมูลราชาแห่งปลาในราคาสูงเป็นสัญญาณที่ดี ดังนั้นเมื่อปีที่แล้วรัฐบาลจึงเข้าไปแทรกแซงการประมูลอย่างไม่ยอมแพ้ ส่งผลให้ตลาดปลาทูน่าซบเซาตลอดทั้งปี
พวกเขาเชื่อมั่นว่าในช่วงระหว่างนี้มีความเกี่ยวพันกัน จึงผลักความรับผิดชอบให้กับรัฐบาล และในการประมูลครั้งนี้จะไม่มีการแทรกแซงกฎระเบียบของกรมประมง ไม่ว่าเขาจะตั้งราคาเท่าไร ขอเพียงแค่สามารถหาปลามาเองได้ก็พอ!
แน่นอนว่าไม่มีใครทำธุรกิจที่ต้องเสียเงิน ถ้าคุณภาพของราชาแห่งปลาที่บัตเลอร์นำมานั้นไม่สูงพอที่จะขายได้ในราคาสูง เหล่าพ่อค้าอาหารทะเลและเจ้าของร้านอาหารคงไม่เสนอราคาอย่างดุเดือดขนาดนี้ ที่สำคัญคือคุณภาพของปลาตัวนี้ดีมากและสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างแน่นอน
นี่คือสาเหตุที่ทำให้กลุ่มคนแย่งชิงกันอย่างบ้าคลั่ง!
บัตเลอร์รู้กฎระเบียบของการพัฒนาเศรษฐกิจของตลาดดี หลังจากมาถึงญี่ปุ่นเขาก็เริ่มโปรโมตปลาตัวนี้ ดังนั้นราชาแห่งปลาที่ยังไม่ได้รับการประมูลตัวนี้ก็ถูกแพร่กระจายไปทั่ว ในความเป็นจริงราชาแห่งปลาไม่ใช่แค่ปลาธรรมดาๆ แต่ยังเป็นการโฆษณาอีกด้วย
ทุกคนเข้าใจเรื่องนี้ดี ดังนั้นในการประมูลพวกเขาจึงต้องใช้ศักยภาพทั้งหมดเพื่อแย่งชิงราชาแห่งปลามาอย่างเต็มที่ อันที่จริงถ้ามองแค่มูลค่าของปลาตัวเดียว แม้ว่าคุณภาพเนื้อปลาตัวนี้จะดีมากแค่ไหน แต่ถ้าสามารถขายได้มากกว่าหนึ่งแสนเหรียญก็ถือว่าเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์มากแล้ว
หลังจากโปรโมตออกไปแล้ว ปลาชนิดนี้จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่ปลาธรรมดาๆ เท่านั้น
ไดนิสึประธานแห่งบริษัทไดนิสึผู้มีความทะเยอทะยานสูง เนื่องจากเมื่อปีที่แล้วมีปลาทูน่าจำนวนมาก เขาจึงไม่ได้แย่งประมูลกับเทซึกะ โกดะจนจบและปล่อยราชาแห่งปลาตัวนั้นไป
ปีนี้ตลาดอยู่ในภาวะซบเซามาก อิสึซาโอะ อาโอยาม่าจึงต้องการสร้างธุรกิจขนาดใหญ่ในตลาดอาหารทะเลที่โตเกียวจึงทำได้เพียงแค่เอาชนะเท่านั้น จากนั้นก็เกิดเหตุการณ์ที่เขาเสนอราคาเก้าแสนห้าหมื่นเยนขึ้น
ถ้าพูดถึงราคานี้ก็ไม่นับว่าเป็นราคาที่เกินจริง เพียงแค่ไม่กี่ปีที่ก่อนหน้านี้ ราคาเก้าแสนห้าหมื่นเยนยังคงเป็นราคาของราชาแห่งปลา จึงมีการเสนอราคาของราชาแห่งปลาในราคาต่อหน่วยเป็นล้านเยน ซึ่งคุณภาพเนื้อของราชาแห่งปลาในตอนนี้ก็มีคุณภาพดีและใหญ่มากขึ้น ดังนั้นราคาเก้าแสนห้าหมื่นเยนจะได้อะไร?
อิสึซาโอะ อาโอยาม่าคิดว่าเขากำลังได้เปรียบ เพราะราชาแห่งปลาที่เทซึกะ โกดะประมูลไป คุณภาพโดยรวมยังเทียบไม่ได้กับปลาตัวนี้
สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวรู้สึกแปลกใจคือคิดไม่ถึงว่าเทซึกะจะไม่ได้ราชาแห่งปลาในปีนี้ นี่จึงเป็นเรื่องผิดปกติหรือว่าการเงินของบริษัทร่วมทุนคิโยมุระมีปัญหา ทำไมสุดท้ายเขาถึงยอมถอยให้อิสึซาโอะได้?
ฉินสือโอวเดาจากสัญชาตญาณของตัวเองว่าเทซึกะคงจะเกิดความกังวลไปเอง แต่เมื่อเขาลองคิดดูอีกครั้ง ทันใดนั้นก็นึกถึงเรื่องที่บัตเลอร์และเทซึกะที่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน อีกทั้งเขายังมีปลาทูน่าครีบน้ำเงินคุณภาพดีสามตัวอยู่ในมือของเขา…
พอนึกเรื่องนี้ได้ ฉินสือโอวจึงหยิบโทรศัพท์ที่เพิ่งวางสายไป รีบโทรกลับไปหาบัตเลอร์แล้วถามว่า “บัตเลอร์ ทำไมเทซึกะถึงไม่ประมูลราชาแห่งปลาไปล่ะ? หรือว่าไม่ใช่นิสัยของเขา”
เขาไม่คิดว่าบัตเลอร์จะจัดหาปลาให้เทซึกะในราคาต่ำ บางทีลุงหนวดอาจจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับชาวญี่ปุ่นก็เป็นได้ แต่เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกว่ากับเงินดอลลาร์สหรัฐ ฉินสือโอวเดาว่าผู้ชายคนนี้คงจะวางแผนทำเรื่องไม่ดีกับชาวญี่ปุ่น!
บัตเลอร์ไม่เข้าใจความหมายของเขา จึงยิ้มแห้งแล้วพูดว่า “เรื่องนี้ เอ่อ เรื่องนี้ฉันก็ไม่ได้รู้อะไรมากนัก อาจจะเป็นเพราะเขารู้สึกว่าปลาตัวนี้คงไม่คุ้มค่ากับราคาสามล้านห้าแสนดอลลาร์หรือเปล่า?”
ฉินสือโอวหัวเราะกลับแล้วพูดว่า “แล้วเขาจะใช้วิธีอะไร ใช้ราคาที่ต่ำกว่าเพื่อให้ได้ปลาตัวใหญ่ที่มีคุณภาพสูงแบบนี้เหรอ?”
“งานประมูลของเมืองอัมสเตอร์ดัมที่เนเธอร์แลนด์!”
ฉินสือโอวพูดคำตอบนี้ออกมา บัตเลอร์จึงหัวเราะขึ้น “ใช่ ฉิน นายเดาถูกแล้ว ฉันบอกกับเทซึกะในวินาทีสุดท้ายว่าเรายังสามารถไปเข้าร่วมงานประมูลที่เนเธอร์แลนด์ได้เพื่อที่เราจะได้รับผลกำไรสูงสุด ไม่ใช่เหรอ?”
ไม่ต้องอธิบายอะไรมาก ฉินสือโอวก็เข้าใจความหมายของบัตเลอร์
ผู้ชายคนนี้ทำเรื่องไม่ดีกับเทซึกะผู้โชคร้ายจริงๆ ชาวญี่ปุ่นอาจจะฉลาดอยู่บ้างเล็กน้อย แต่สำหรับเรื่องนี้พวกเขายังไม่เคยเจอกับบัตเลอร์
ฉินสือโอวสามารถคาดเดาได้ว่าหลังจากครึ่งเดือนนี้จะเกิดอะไรขึ้นในงานประมูลที่อัมสเตอร์ดัม ปลาทูน่าครีบน้ำเงินขนาดใหญ่คุณภาพดีกว่าจะปรากฏขึ้น เทซึกะจึงต้องประมูลมันให้ได้ ไม่อย่างนั้นบริษัทไดนิสึของอิสึซาโอะคงออกหน้าออกตาอยู่ที่โตเกียว บริษัทคิโยมุระของเขาจะต้องเป็นผู้สนับสนุนในปีนี้
ดังนั้นเทซึกะต้องประมูลปลาตัวนี้ แม้ว่าราคานั้นเขาจะไม่สามารถเป็นเจ้าของได้ บางทีเขาก็คิดว่าชาวดัตช์และชาวยุโรปคงจะไม่ลงทุนกับปลาทูน่าและราคาของปลาตัวนี้ก็จะไม่สูงมากเกินไป
เมื่อถ้าบัตเลอร์มาถึง เขาจะหาผู้สนับสนุนและขึ้นราคาอย่างต่อเนื่อง?
ไม่สงสัยที่ฉินสือโอวจะรู้ทันลุงหนวด เขาจะทำแบบนี้อย่างแน่นอน!
พอได้ยินสือโอวหัวเราะ ‘หึหึ’ ในโทรศัพท์ บัตเลอร์ก็รู้ว่าเขามองแผนการของตัวเองออก ลุงหนวดจึงทำเป็นเสแสร้งโต้เถียงว่า “ฉิน นายอย่าคิดอะไรไร้สาระ ฉันไม่ได้คิดจะทำอะไรไม่ดีกับเทซึกะหรอกนะ แต่เขาทำร้ายฉันก่อนเอง ฉันแค่จะเอาคืนเท่านั้น!”
“เขาทำร้ายคุณเหรอ?” ฉินสือโอวถามด้วยความสงสัย
บัตเลอร์พูดอย่างมั่นใจว่า “แน่นอน! ฉันมองเขาเหมือนกับเป็นน้องชาย ฉันบอกเขาว่าฟาร์มปลาของนายมีปลาทูน่าครีบน้ำเงิน ทันทีหลังจากนั้นคิดไม่ถึงว่าเขาจะแจ้งกับตระกูลมอร์รี่ในนิวยอร์กเจ้าปัญหาให้รู้ทันที! ฉันจะไม่มีวันให้อภัยเขาเป็นอันขาด! ไม่มีทางให้อภัยแน่นอน!”
ฉินสือโอวอดไม่ได้ที่หัวเราะออกมา นี่เป็นข้อแก้ตัวที่ดีจริงๆ ทั้งทำไม่ดีกับเทซึกะและยังเอาอกเอาใจเขาอีกด้วย แม้ว่าจะรู้สีผิวของบัตเลอร์ แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “บัตเลอร์ คุณแน่ใจนะว่าคุณไม่ใช่ชาวยิว?”
บัตเลอร์พูดอย่างไม่พอใจว่า “แน่นอน ฉินคือคนผิวดำ แต่ เหอะๆ ว่ากันว่าปู่ของฉันเหมือนจะมีสายเลือดชาวยิวอยู่ส่วนหนึ่ง…”
ก่อนฉินสือโอวจะวางสายโทรศัพท์จึงพูดว่า “ตั้งใจทำงานเถอะ บัตเลอร์ ถ้าคุณจะขึ้นราคาอย่างหนัก ตลาดอาหารทะเลระดับสูงของโลก สุดท้ายแล้วมันจะตกมาเป็นโลกของเรา!”
ความจริงแล้ว เขาใส่ความในใจหลังจากพูดประโยคนี้ออกไปด้วย มันไม่ใช่โลกของเรา แต่เป็นโลกของฉันต่างหาก! ส่วนบัตเลอร์ล่ะ? ก็เป็นแค่หนึ่งในหุ้นส่วนในการบุกเบิกตลาดอาหารทะเลของเขาเท่านั้น
ไม่มีคำว่าเพื่อนกันตลอดไปจะมีแต่คำว่าผลประโยชน์ตลอดกาล บัตเลอร์และเทซึกะได้ให้บทเรียนที่น่าประทับให้กับเขา ก่อนหน้านั้นทั้งสองคนจะแสดงออกว่าเป็นเพื่อนสนิทกันที่สุดกันมาตลอด แต่พอให้วางแผนฝ่ายตรงข้าม พวกเขาก็ยังไม่มีความปรานีกันเลยแม้แต่น้อย!
บัตเลอร์ยิ้มอย่างมีความสุขแล้วพูดว่า “แน่นอน แน่นอน น้องชาย ตลาดอาหารทะเลระดับสูงในอนาคตจะต้องเป็นโลกของเราอย่างแน่นอน! ใช่สิ งานแสดงสินค้าอาหารทะเลที่อัมสเตอร์ดัมในช่วงปลายเดือนนี้ นายต้องมาให้ได้นะ”
ฉินสือโอวยิ้ม “แน่นอน แล้วเจอกันที่เนเธอร์แลนด์”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น