องครักษ์เสื้อแพร 1012-1013
ตอนที่ 1012 คนที่ถูกบีบให้จนแต้ม
โดย
Ink Stone_Fantasy
หอสังเกตการณ์สามหอจากที่สูงมองไปไกล มองไปยังพวกทหารม้าที่อยู่รอบๆ พื้นที่ราบเช่นนี้ รอบทัพใหญ่ปราบตะวันออกเหมือนว่าไม่มีมุมสังหารอีกแล้ว
เริ่มแรกศัตรูเข็นรถโล่ขึ้นหน้า ปืนใหญ่ก็เริ่มยิงถล่ม ทหารบนหอสังเกตการณ์แม้รู้ว่าตนเองมีหน้าที่ แต่ยังคงถูกสถานการณ์บนสนามดึงดูดความสนใจไปหมด
ทหารราบเบื้องหน้ามองสนามรบ ควันดินปืนคละคลุ้งไปทั่ว ยังต้องระวัง แต่ทว่าบนหอสังเกตการณ์มองลงไป ได้อีกความรู้สึกหนึ่ง ไม่รู้สึกเป็นห่วงอันใด อยู่ในมุมต้นลมเห็นชัด ได้ชมการรบที่เยี่ยมยอดกว่าในโรงงิ้วร้อยเท่า
จากที่สูงมองไปเห็นสิ่งต่างได้ครบถ้วนมาก สองฝ่ายระยะห่างกันไม่มาก สามารถมองเห็นทหารม้าสองปีกข้างได้ชัด รอจนมองเห็นลาและวัวด้านใน ก็รู้ว่าไม่ได้การแล้ว
นอกกำแพงเมืองล้วนเป็นหมู่บ้านมองโกลและเผ่าหนี่ว์เจิน วัวม้าไม่ขาดแคลน ลาน้อยมาก เพราะสัตว์นี้กำลังไม่ดีพอ ไม่ควรค่าแก่การนำมาใช้งาน
ตอนนี้แม้ว่ากำลังรบยังดี แต่ทหารเจี้ยนโจวก็ยังคงเคร่งเครียด แม้แต่วัวและลาก็ถูกนำขึ้นสนามรบ ของเล่นเช่นนี้บนสนามรบไม่มีประโยชน์อันใด ไม่อาจบุกอันใดได้ เรื่องนี้ย่อมมีเลศนัย มองบนหอแล้วก็รีบส่งข่าวลงมาแจ้งหวังทง
รายงานเสร็จ หวังทงพบความผิดปกติได้เร็วกว่าทหารด้านบนอยู่สักหน่อย แต่ทว่าหอสังเกตการณ์ทางซ้ายทัพใหญ่พบเรื่องที่สำคัญมากเรื่องหนึ่ง
“แม่ทัพใหญ่ ศัตรูอย่างน้อยทหารม้าสี่พันกำลังเร่งทะยานมายังปีกซ้ายทัพเรา!”
ทหารม้ารายงานจบ คนรอบๆ หวังทงล้วนเคร่งเครียด หวังทงเองก็มีสีหน้าอึ้งไป แต่ทว่าก็เผยรอยยิ้มทันทีกล่าวว่า
“นี่เป็นแผนหลักของศัตรูสินะ ในที่สุดก็เผยออกมาแล้ว!”
ตอนนี้สถานการณ์บนสนามรบ ย่อมเป็นปืนใหญ่กำลังกระหน่ำสังหารด้านหนึ่ง แต่ความจริงนั้นกำลังหลักมิได้เสียหายอันใด และยังดึงทหารกองกำลังหู่เวยสี่หน่วยทหารราบไปติดพัน พลปืนไฟครึ่งหนึ่งยังอยู่ด้านหลัง ตอนนี้จะเปลี่ยนตำแหน่งบุก ก็เท่ากับเปิดช่องให้ศัตรู
คนชินกับการใช้มือขวา ทำให้เกิดความเคยชินมากมายตามมา ล้วนให้กองกำลังทางขวาตั้งฐานมั่นที่สุด และการเคลื่อนไหวทุกอย่าง ไม่ว่าตะวันออกหรือตะวันตก ศูนย์บัญชาการทัพจะไม่ใช่ทัพใหญ่ตรงกลาง หากเป็นทางขวาเป็นส่วนใหญ่ กองปืนใหญ่ก็ตั้งอยู่ปีกขวา
พื้นที่เช่นนี้ใกล้จะเข้าสู่พื้นที่เขาแล้ว รอบด้านแม้ว่าเป็นที่ราบ แต่เนินเขาก็ยังมีอยู่ เป็นที่หลบเพื่อเคลื่อนไหวของทหารม้า
ใช้ทหารราบกับรถโล่ที่ดูน่ากลัวมาดึงดูดความสนใจทัพใหญ่ ใช้ทหารม้ามาเคลื่อนไหวทางปีกซ้ายโจมตี เพื่อฉวยโอกาสที่ไม่ทันตั้งตัว นี่นับเป็นแผนที่ดีไม่เลว
“มิน่าเจ้าหัวหน้าโจรจึงได้มีความสำเร็จเช่นวันนี้ มีความสามารถจริงๆ แต่ทว่า ไม่อาจฝืนฟ้าลิขิต!”
หวังทงกล่าวเช่นนี้ และออกคำสั่ง
“สี่หน่วยแถวหน้าขึ้นหน้า 30 ก้าว ทหารม้าทั้งหมดห้ามเคลื่อนไหวพลการ ผู้คุ้มกัน กองปืนใหญ่กับทัพใหญ่ปีกซ้าย หลี่หู่โถวอยู่ประจำที่บัญชาการ ข้าจะไปรับศึกปีกซ้าย จางอู่นำปืนใหญ่กระสุนสามชั่ง 5 กระบอกตามมา!”
ในวาจาเขามีคำสั่งมากมาย ทหารถ่ายทอดคำสั่งรับหน้าที่ของตน ขี่ม้ารีบออกไปถ่ายทอดคำสั่ง หวังทงนำทหารติดตามไปยังปีกซ้าย
ทหารม้าเจี้ยนโจวปรากฎตัวทางปีกซ้ายของทัพใหญ่ พวกเขาวกกลับมาที่นี่ ไม่อาจบุกเข้าโจมตีได้ทันที จะต้องจัดแถวก่อน
“หน่วยห้าสามกองไปเรียงแถวหน้ากระดานทางซ้าย พลปืนไฟไปเรียงแถวทางด้านขวาแถวหน้า!”
หวังทงขี่ม้าตะโกนสั่งดัง เสียงกลองสัญญาณดังตามมาทันที หน่วยห้าสามกองปรับแถวตามคำสั่งทันที ไม่จำเป็นต้องปรับรูปทัพมากนัก หนึ่งเดียวที่เคลื่อนที่ใหญ่ก็คือพลปืนไฟ ตอนนี้ทัพใหญ่ปีกซ้ายมีพลปืนไฟ 2,000 กว่า
การจัดแถวฝึกกันทุกวัน ขุนพลทหารเป็นหลัก หัวหน้าแถวเป็นแนวเส้น แถวก็จัดเสร็จอย่างรวดเร็ว บรรดาทหารเติมกำลังมาทางนี้
“พลทวนยาวหน่วยสามออกรบสองกอง ไปเรียงแถวคุกเข่าข้างหนึ่งตั้งทวนรับหน้าแถวปืนไฟ!!”
หวังทงยังออกคำสั่งอีก คำสั่งนี้เหมือนทำให้ทั้งกองเริ่มวุ่นวาย แต่ทว่าหน่วยสามเป็นทหารเก่ามาก จึงเคลื่อนที่ได้ไม่สับสน
ทางนี้กำลังจัดแถว ทหารม้าเจี้ยนโจวเองก็มิได้นิ่งสงบ จะต้องเร่งบุกเข้ามา ไม่เช่นนั้นจะยุ่งยากใหญ่
พลทวนยาววิ่งไปข้างหน้าเรียงแถว ทหารม้าเจี้ยนโจวขยับแล้ว หวังทงหันไปตะโกนสั่งลี่เทาเสียงดังว่า
“ใช้พลปืนไฟกำจัดทหารม้าศัตรูให้ราบ พลทวนยาวยันหน้ารับศึก!”
ลี่เทารับคำเสียงดัง พลปืนไฟจัดแถวใกล้เสร็จแล้ว ขุนพลทหารกับหัวหน้าเสียงดังสั่งการ แต่ทว่าเสียงตะโกนร้องชาวเผ่าหนี่ว์เจินดังยิ่งกว่า พวกเขาไม่สนใจกำลังม้าใดๆ ไม่สนใจว่าม้าจะรับไหวหรือไม่ หากลงแส้เฆี่ยนเต็มกำลังและแทงท้องม้าด้วยขอเหล็ก
พลปืนไฟแถวแรกถึงกับมองเห็นทหารม้าเผ่าหนี่ว์เจินแห่งเจี้ยนโจวบนหลังม้าถูกแทงท้องเลือดสาด ล้วนเป็นเพราะขอเหล็กแทง ม้าเจ็บปวด กระโดดบ้าคลั่งวิ่งทะยานเข้ามา
ยิ่งเข้ามาใกล้ หัวหน้าแถวปืนไฟก็ยิ่งนิ่ง รอจัดการกับศัตรูที่เข้ามาในรัศมียิง
จิตใจพลปืนไฟตอนนี้แน่วแน่นิ่งยิ่งกว่าการรบที่ผ่านมา เพราะด้านหน้าพวกเขามีพลทวนยาวสองแถวคุกเข่าบังหน้าพวกเขาไว้ ย่อมบรรจงยิงได้ดียิ่งขึ้น
“แม่ทัพใหญ่ ทหารราบพวกนอกด่านตรงหน้าเริ่มบุกมาแล้ว!”
ข่าวจากบนหอสังเกตการณ์ส่งลงมาถึงหวังทงเป็นระยะ
***************
เมื่อครู่ด้านหน้าทัพใหญ่มีรถโล่เหลือไม่กี่คันจอดโดดเดี่ยวเดียวดายกลางสนามรบ คนด้านหลังที่เข็นมาไม่เห็นแล้ว ปืนใหญ่หยุดยิงชั่วคราว
ครั้งนี้ที่บุกหน้าให้ทัพทหารเจี้ยนโจวเป็นราษฎรเผ่าหนี่ว์เจินตามหมู่บ้าน ปืนใหญ่ระดมยิงไปเมื่อครู่ เพื่อนกันตายไปหลายคน ทำให้พวกเขาตกใจหวาดกลัวหนัก ผู้ใดก็ไม่กล้าเดินหน้าต่อ แต่ทัพหลักทหารเจี้ยนโจวที่เป็นทหารม้าแม้ว่าไม่มาก แต่ใช้มาดูแลพวกนี้ถือว่าเพียงพอ หลังประสบเหตุเมื่อครู่ไป ถึงกับนอกจากความตายแล้วก็ไม่มีผู้ใดหนีรอดไปได้
ทหารเจี้ยนโจวรู้ข่าวทหารม้าตนปรากฏที่ปีกข้างตอนนี้แล้ว ไม่สนใจว่าข้างหน้าหรือปีกซ้าย ล้วนคิดจะปะทะกองกำลังหมิงให้รู้เรื่องกันไป ก็ย่อมต้องกล้าหาญบุกต่อ ขอเพียงทางหนึ่งสามารถดึงกำลังรบติดพันได้ อีกทางก็จะมีโอกาสยิ่งมาก
ชาวบ้านที่ขวัญหนีดีฝ่อถูกไล่ต้อนออกมายิ่งมาก มือพวกเขามีแต่ไม้พลอง ปลายหนึ่งเหลาแหลม อาจจะเผาไฟมาก่อน หรืออาจจะจุ่มกองอุจจาระมา ของเช่นนี้สกปรกมาก หากแทงโดนย่อมถึงตาย
เสียงกลองดังตึงๆ ๆ เสียงตะโกนด่าและร่ำไห้แม้ว่าอยู่กันไกล กองกำลังหู่เวยก็ล้วนได้ยิน หลี่หู่โถวจัดพลปืนไฟเรียงแถวสองข้างใหม่ด้านหน้า ในเมื่อศัตรูไม่มีรถโล่กำบัง อานุภาพสังหารปืนไฟก็ย่อมทรงประสิทธิภาพ
แต่ทว่าพลปืนไฟครึ่งใหญ่ล้วนเคลื่อนไปยังปีกซ้ายแล้ว ด้านหน้านี้เห็นชัดว่าน้อยมาก แต่ก็เพียงพอ ยังมีปืนใหญ่อีก
“พลปืนใหญ่ไม่ต้องเร่งรีบยิงปืนใหญ่ รอศัตรูล้ำเส้นเข้ามาค่อยยิง เช่นนี้จึงมีอานุภาพสังหารใหญ่ยิ่งขึ้น!”
หลี่หู่โถวเอ่ยขึ้น พลปืนใหญ่นำธงรีบวิ่งออกไปถ่ายทอดคำสั่ง ปืนใหญ่หยุดยิงได้ครู่หนึ่ง พลปืนใหญ่เติมกระสุนปืนพร้อมยิงแล้ว ก็หยิบผ้าชุบน้ำเย็นมาเช็ดตัวปืนใหญ่ โรงช่างสามธาราใช้วิธีการตะวันตกหลอมปืนใหญ่คุณภาพแม้ว่าดี แต่ยิงไปได้สองสามทีก็จะร้อนจัด บนสนามรบต้องเก็บแรงและกำลังไว้ให้มากที่สุด ดังนั้นพอมีเวลา คนงานก็รีบลดอุณหภูมิปืนใหญ่ จัดการให้มากที่สุด
ทหารราบเจี้ยนโจวตะโกนฮือเข้าบุก พวกเขาจำนวนใช่ว่ามากกว่าสี่หน่วยด้านหน้ามากนัก แต่ดูแล้วเหมือนว่ามากกว่าหลายเท่า เพราะกองกำลังหู่เวยจัดแถวเป็นระเบียบ แต่พวกเขานั้นไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นแถว
แต่หลี่หู่โถวก็ไม่ประมาท หอสังเกตการณ์ตั้งขึ้นมาสามารถมองเห็นพื้นที่ราบส่วนใหญ่ได้ไกล เช่นว่ารายงานข่าวที่มองเห็นกระจัดกระจาย กองกำลังนี้ด้านหลังยังตั้งแถวได้หนาแน่นกว่ามาก ทหารเจี้ยนโจววางแผนได้ไม่เลว
แต่ทว่าการวางแผนเช่นนี้ต่อหน้าปืนใหญ่ ช่างไร้ค่าแก่การเอ่ยถึง ทหารราบเจี้ยนโจวเคลื่อนกำลังก่อนหน้าทหารม้าปีกซ้าย พวกเขาข้ามเข้าเขตระยะยิงมาแล้ว ทหารม้าทางนั้นเพิ่งเคลื่อนทัพ
ก้าวข้ามเข้าเขตระยะยิง ย่อมส่งสัญญาณยิง ปืนใหญ่กระสุนสามชั่งกับหกชั่งยิงถล่มพร้อมกัน กระสุนปืนใหญ่ลอยหวือเข้ากระแทก ลอยไปตามเส้นทางกวาดล้างเป็นซากศพละเลงไปด้วยเลือดและเนื้อตามลูกเหล็กไป จากนั้นกระสุนปืนใหญ่ตกลงบนพื้น พื้นแข็งทำให้กระเด้งไปอีก แรงกระแทกไม่ได้ลดลงยามปะทะเข้าฝูงคน เส้นทางเลือดและเนื้อปรากฏอีกรอบ แถวยังคงเดินหน้า
ทหารราบเจี้ยนโจวเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น พวกเขาได้เห็นความร้ายกาจปืนใหญ่กองกำลังหมิงแล้ว ในใจพวกเขา ขอเพียงวิ่งไปได้ระยะหนึ่ง วิ่งปะทะทัพตรงหน้าได้ ปืนใหญ่ย่อมหยุดยิง ทหารราบศัตรูมีกำลังเข้มแข็ง แต่ยามนี้อย่างไรก็เผชิญกับความตาย อย่างไรก็ไม่ต้องมาทนกับสภาพนรกตามทางที่ผ่านมา
เสียงปืนใหญ่ดังไม่หยุด ทหารเจี้ยนโจวพวกเขารับปืนใหญ่อยู่ด้านหน้า จึงไม่อาจกระจายตัวออก ความหนาแน่นบุกเช่นนี้ยิ่งทำให้อานุภาพสังหารปืนใหญ่ยิ่งมาก
ราษฎรที่บุกอยู่ด้านหน้าล้วนระงับไม่อยู่ ไม่อาจถอยหลัง แต่สองข้างยังได้ สามารถวิ่งหนีได้ไกลเท่าไรก็ยิ่งดี ระหว่างทางอาจจะตาย แต่สถานการณ์ตอนนี้ ช่างเกินจะรับไหวแล้วจริงๆ
กองทัพหน้าปืนใหญ่แตกกระจัดกระจาย ทหารเจี้ยนโจวที่ตามมาก็ยิ่งเร่งความเร็ว พวกเขาคิดสู้ตาย กำลังใจยังคงฮึกเหิม พวกเขาเองรู้ว่า ตนเองยืนหยัดได้นานเท่าไร โอกาสชนะก็ยิ่งมาก ทหารเจี้ยนโจวล้วนบ้านแตกสาแหรกขาด ไม่มีทางไปแล้ว สู้ก็สู้แล้วกัน
เสียงปืนใหญ่หยุดลงในที่สุด ทหารเจี้ยนโจวถึงกับผ่อนฝีเท่าลงทันที เสียงปืนใหญ่กัมปนาทหมดไป ทำให้แต่ละคนรู้สึกผ่อนคลายลงอย่างไม่รู้ตัว การต่อสู้ปะทะกันตัวต่อตัวกำลังจะเริ่มตรงหน้าแล้ว
พวกเขาเข้ามาในรัศมียิงปืนไฟ ปืนไฟกองกำลังหู่เวยไม่ได้มีเสียงดังเหมือนปืนใหญ่อย่างนั้น แต่ก็สร้างอานุภาพสังหารเพียงพอเช่นกัน
ตอนที่ 1013 ล้อมกรอบ
โดย
Ink Stone_Fantasy
ปืนไฟสี่หน่วยแผงกลางยิงก่อน แต่ทว่าเสียงปืนไฟถูกเสียงปืนยิงทางปีกซ้ายกลบมิด
พลปืนไฟกว่าครึ่งถูกย้ายมายังปีกซ้าย กองปืนไฟแผงกลางจำนวนน้อยมาก ยิงไปรอบหนึ่งก็วิ่งลอดช่องระหว่างแถวพลทวนยาวกลับมา
ทหารเจี้ยนโจวไม่อาจตามทัน เพราะด้านหน้าพวกเขามีปืนใหญ่ระดมยิงทั่ว ถูกปืนไฟกราดยิงไปรอบ ความจริงก็แทบจะหมดเกลี้ยงแล้ว
เห็นพลปืนไฟกองกำลังหู่เวยวิ่งกลับตามช่องว่างของแถวทวนยาว ทหารเจี้ยนโจวที่วิ่งหนีปืนใหญ่ก็เริ่มมีแรง ระยะนี้หากบุกเข้าไปได้ย่อมดีที่สุด แต่ปืนใหญ่ก็ยิงคร่าชีวิตไม่หยุด ในใจก็กดดันยิ่ง หลายร้อยก้าวแค่นี้ทำให้ทุกคนรู้สึกเหน็ดเหนื่อยมาก
ซูเอ่อร์ฮาฉีที่กลับจากแม่น้ำไท่จื่อเหอเคยบอกว่า ทหารราบทวนยาวกองกำลังหมิงกองนี้กล้าหาญมาก ตั้งค่ายรับแน่นหนาไม่ถอย แต่ทหารเจี้ยนโจวแต่ละคนล้วนรู้สึกว่าขอเพียงบุกไปถึงตรงหน้าได้ ทหารกองกำลังหมิงก็มิใช่คู่ต่อสู้อีกต่อไป พวกเขามีแต่ปืนที่ร้ายกาจ พวกเขาถือทวนยาวก็เพียงเพื่อไม่คิดเข้าปะทะระยะประชิด
เบื้องหน้าในยามนี้เอง ปืนใหญ่กองกำลังหมิงก้องกัมปนาทก็หยุดยิง มาถึงตรงหน้าแล้ว ขอเพียงประชิดได้
“แทง!!”
สองฝ่ายปะทะกัน กองกำลังหมิงเหมือนกับป่าหนามเหล็กเรียงตัวกันมีช่องว่างอยู่ เหมือนว่าให้รอดตัวเข้าไปได้ แต่หากรอดแถวหนึ่งเข้ามาตามช่องได้ ไม่กี่ก้าว ก็จะพบว่าแผงตรงหน้ายังคงเป็นทวนยาว
ระยะใกล้กันเห็นๆ เพียงนี้ กองกำลังหมิงเห็นนับรบเผ่าหนี่ว์เจินแข็งแกร่งเพียงนี้เหตุใดจึงยังไม่แตกกระจัดกระจาย ยังคงยืนหยัดถือทวนยาวแทงไม่หยุด
ทหารเผ่าหนี่ว์เจินที่บุกเข้ากองกำลังหมิงได้ หลายคนมีสถานะทหารติดตามระดับไป่หยาหล่า พวกเขาสวมเกราะลวดขด บางคนยังกล้าหาญไม่กลัวเกรง ส่วนนอกยังมีเกราะผ้าอีกชั้น ยามเผชิญกับการระดมแทงของทวนยาวสามารถพอต้านทานได้ หากแต่ละคนที่เผชิญอยู่นั้นไม่เพียงแค่ทวนยาวด้ามเดียว
ทหารเจี้ยนโจวแต่ละคนล้มตายหน้าแผงทวนยาว มีบ้างที่ร่างกายแข็งแรง เคลื่อนไหวว่องไว คิดจะเล็ดรอดผ่านช่องว่างเข้าประชิดตัว หากพวกเขามักไม่อาจต้านทานการฟันด้วยทวนขวานของหัวหน้าทหาร ปืนไฟสองข้างยังคงยิง
พอเข้ามาในรัศมีสังหารตรงหน้า นักรบทหารเจี้ยนโจวความจริงนั้นตายไปมากกว่าตอนก่อนหน้าที่ถูกปืนไฟกับปืนใหญ่ระดมยิงมาก แต่การต่อสู้กลับยิ่งกล้าหาญ เพราะคิดไปเองว่าหากทะลุแนวนี้ได้ก็มีความมั่นใจในชัยชนะมากขึ้น แต่พวกเขาเสริมกำลังเข้ามาก็มีแต่มาตายเท่านั้น
แต่ละคนล้วนคิดเช่นนี้ ขอเพียงทะลายกองนี้ได้ หรือรบติดพันเอาไว้ได้ เช่นนั้นอีกทางก็อาจจะทะลายชนะศัตรูได้
***************
ปีกซ้ายตอนนี้ไม่ได้ยินเสียงคำสั่งกับเสียงด่าทออันใดแล้ว ถึงกับแม้แต่เสียงม้าร้องก็ไม่ได้ยินชัด เพราะเสียงยิงถล่มปืนไฟกลบเสียงทุกอย่าง
เพื่อรับประกันว่าจะยิงได้ต่อเนื่อง พลปืนไฟ 2,400 นายเรียงแปดแถว แต่ละแถวเว้นช่องระหว่างพลปืนไฟพอควร พอยิงเสร็จ ก็สามารถถอยกลับมาเติมกระสุนด้านหลังได้
ทหารม้าเจี้ยนโจวยังไม่ทันได้เข้าใกล้ระยะยิง พลปืนไฟก็กระชับไม้ง่ามตั้งปืนในมือแน่น เพราะพื้นดินเริ่มสะเทือน ทหารม้าเผ่าหนี่ว์เจินที่บุกอยู่ด้านหน้าสุดไม่ใช่ม้ามองโกลตัวเล็ก แต่เป็นม้าเหลียวตงตัวสูงใหญ่ ทำให้พวกเขายิ่งดูทรงกำลังน่ากลัว
ในใจพลปืนไฟ ไม่เพียงแต่ทหารใหม่ที่หวาดกลัว หลายคนก็หวาดกลัว แต่ทว่าการฝึกซ้อมทำให้พวกเขาตั้งท่าจนเคยชิน วินัยทำให้พวกเขาไม่อาจไม่ทำตามคำสั่ง ยิงก่อนระยะ ไม่ยิงในระยะที่กำหนด มีการลงโทษหนัก ทำให้พวกเขาแต่ละคนล้วนไม่กล้าลงมือพลการ
ไม่ต้องสนใจว่ายิงแม่นหรือไม่ แค่เล็งไปยังกองศัตรู หลังคำสั่ง ก็ให้จุดชนวนเหนี่ยวไกยิงก็พอ ทหารม้าศัตรูย่อมถูกยิง
หากมีเล็ดรอดมาได้ ปืนใหญ่ปีกซ้ายห้ากระบอกจะจัดการแทนพวกเขาต่อ ทหารม้าเจี้ยนโจวแม้กล้าหาญชาญศึก พวกเขาเข้ามาในรัศมียิง ยิงไปสามระลอก พวกเขายังคงบุกต่อเนื่อง จากนั้นก็หยุดไป เหมือนว่าระยะหน้าปืนไฟ 80 ก้าวมีกำแพงดินไร้รูปร่างขวางกั้นอยู่ ไม่ว่าจะบุกอย่างไรก็ล้วนไม่อาจเข้าใกล้เกินนี้ได้
มีคนแค่ม้าถูกยิง คนก็ร่วงจากหลังม้า ไม่อาจลุกขึ้นได้อีก มีคนถูกปืนไฟยิงล้ม มีคนถูกม้าเพื่อนทหารด้านหลังเตะและเหยียบ
การบุกเช่นนี้ คิดหันหลังกลับก็ยาก ได้แต่ขึ้นหน้า ขึ้นหน้าก็มีแค่ตายกับตายเท่านั้น
พลปืนไฟแปดแถวยิงจบ ด้านหน้าที่เป็นพลทวนยาวสองแถวก็ยังไม่ได้ปะทะกับศัตรู หากสีหน้าใต้หมวกเกราะล้วนเคร่งเครียด หลังปืนไฟยิงก็ปรากฏควันคละคลุ้ง
ระลอกสองยิงเสร็จ หวังทงหันหน้ามาสั่งทหารติดตามเสียงดังว่า
“ถ่ายทอดคำสั่ง หม่าซานเปียว ทหารม้าหน่วยประจัญบานกองกำลังหู่เวยทุ่มกำลังบุกสนามรบแนวกลาง เหยียบย่ำแถวทหารนอกด่าน ทหารม้าหน่วยอื่นที่เหลือให้ตลบหลังปีกซ้ายทหารม้าพวกนอกด่าน ทำลายให้ราบคาบ”
ทหารในสังกัดรีบขี่ม้าออกไปถ่ายทอดคำสั่ง หวังทงยังตะโกนสั่งทหารติดตามอีกนายว่า
“ให้หน่วยห้าพลทวนยาวสามกองเตรียมเดินหน้า”
***************
ศึกใหญ่แผ่นดินหมิงแต่ไรมาล้วนเป็นทหารม้าบุกหน้าปะทะ เสร็จศึกก็ล้วนเป็นทหารม้าไล่ล่าสังหาร แต่กองกำลังหู่เวยนี้ ทหารม้าแต่ไรล้วนเป็นกองกำลังที่เตรียมพร้อมไว้เท่านั้น
หม่าซานเปียวที่ชมชอบการต่อสู้มองทหารราบหลายหน่วยสู้กันดุเดือด เขาก็มักคิดว่าหรือว่าตนเองจะออกสู่สนามรบดี การมาหยุดรอที่นี่ หนึ่งก็เพื่อเตรียมพร้อมรับมือ อีกหนึ่งก็เพื่อดูแลม้า ม้าศึกมักไม่คุ้นชินกับปืนไฟและปืนใหญ่ ล้วนแตกตื่น ทหารม้าต้องใช้ผ้าอุดหูม้าไว้ จากนั้นก็ปลอบขวัญ เพื่อป้องกันไม่ให้ม้าสติกระเจิง
พอคำสั่งมา หม่าซานเปียวก็ดีใจสุดขีด สามารถนำทหารม้าหน่วยประจัญบานออกศึกแล้ว กองกำลังหู่เวยมีทหารม้าแบบนี้ทั้งหมด 300 กว่านาย ล้วนสวมเกราะหู่เวยครบชุด ม้ายังมีพรมปิดทับตัวอีกชั้น ใช้อาวุธเช่นทวน ไม่ก็ดาบใหญ่หรือขวานหนัก เดิมกองกำลังหู่เวยใช้ม้ามองโกล แม้ว่าเป็นม้าดีมองโกล แต่ก็ยากบุกได้เกินสามรอบ และยากจะวิ่งโจมตีระยะไกล
ตั้งแต่ยึดเมืองกุยฮว่าเฉิงได้ กองกำลังหู่เวยก็นำเข้าม้าชั้นดีมาจากซีอวี้ จึงเป็นก้าวแรกที่ทำให้ขบวนทัพม้ากองกำลังหู่เวยเปลี่ยนม้า
สามารถเป็นทหารม้ากองกำลังหู่เวย มักเป็นพวกทหารเก่าที่เข้ามาเป็นทหารนานพอควร หรือไม่ก็เป็นทหารม้ามองโกล ล้วนเป็นพวกที่กระหายเลือดชอบสงคราม แต่กองกำลังหู่เวยที่มักใช้การรบแบบปืนเป็นหลัก จึงไม่ค่อยได้มีโอกาสได้แสดงฝีมือ แต่ไรมาก็อัดอั้นมาก
สามารถมีโอกาสเข้าประจัญบานเช่นนี้ ทุกคนตื่นเต้นยินดี ไม่นานทหารม้าหน่วยประจัญบานก็เตรียมตัวเสร็จ ทหารม้าหน่วยอื่นก็ตามอยู่ด้านหลังทหารม้าหน่วยประจัญบาน
ทหารม้าอื่นล้วนมีทหารม้าจี้โจวเป็นแกนนำ เริ่มเคลื่อนไปทางปีกซ้ายทัพใหญ่ศัตรู
หม่าซานเปียวยกทวนยาวในมือขึ้น ตอนนี้สนามรบฟังไม่ได้ยินคำสั่งใดแล้ว ได้แต่ใช้สัญลักษณ์สั่งการแทน
ทวนในมือเขายกเอียงมุมลง ทหารม้าหน่วยประจัญบานก็เคลื่อนกำลัง ค่อยๆ เดินหน้า ทหารในชุดเกราะเต็ม ม้าก็มีพรมปิดทับ น้ำหนักรวมกันแล้วเรียกได้ว่าน่าตกใจ วิ่งทะยานกันไปพื้นดินสะเทือน เสียงชุดเกราะกระทบกันดังผสม เสียงฝีเท้าม้ากระแทกพื้นดังสนั่นยิ่ง อย่างช้าๆ ทหารม้าหน่วยประจัญบานก็กลบเสียงการเคลื่อนไหวทุกอย่างบนสนามรบ
จากปีกขวาทัพใหญ่ทะลุแนวเอียงข้ามมา ระยะให้ทหารม้าเร่งความเร็วนั้นยาวพอ มีระยะพอที่จะวิ่งเข้าใส่
ที่ยิ่งสำคัญก็คือ ทหารม้าหน่วยประจัญบานเคลื่อนไหว ทำให้ทหารราบเผ่าหนี่ว์เจินที่ยังบุกเข้ามาไม่ได้ตกอยู่ในภาวะแตกตื่น ทหารม้ากองกำลังหมิงไม่เคยนำมาใช้ พวกเขายังคิดว่าจะส่งกำลังมาสู้กับทหารม้าศัตรูปีกซ้าย คิดไม่ถึงว่าจะใช้มาโจมตีทหารราบ
หม่าซานเปียวขี่ม้าบุกหน้าสุด แต่ไรแถวทหารม้ามักเป็นรูปหัวธนู เขาสามารถมองเห็นทหารเผ่าหนี่ว์เจินแตกตื่นพากันน้าวธนูยิงมาทางเขา
ธนูยิงได้แม่นมาก แต่ไม่ได้ปักพอดีเข้ากับช่องว่างระหว่างชุดเกราะ หากยิงเข้าหน้าอกหม่าซานเปียวเต็ม ๆ หม่าซานเปียวถึงกับไม่ได้ขยับอาวุธปัดป้อง เพียงแค่เอี้ยวตัวหลบเบาๆ ธนูปะทะเกราะ ส่งเสียงดังตึง หากทำได้เพียงแค่ทำให้เกราะส่วนหน้าอกเป็นรอยบุ๋มเท่านั้น หม่าซานเปียวผงะหลังเล็กน้อย หากก็กลับสู่ภาวะปกติได้ทันที
เห็นทหารม้าในชุดเกราะเช่นนี้ ทหารม้าหน่วยประจัญบานสูงใหญ่วิ่งปะทะมาหน้าตน ทหารม้าเผ่าหนี่ว์เจินล้วนพากันหลบตามสัญชาตญาณ ไม่กล้าเข้าปะทะซึ่งหน้า
แต่ม้าอย่างไรก็ไวกว่าคน พอคนหลบ ในกองกำลังแน่นหนาเช่นนี้ ที่สองที่สามก็ย่อมหลบไม่ทัน
ทวนหม่าซานเปียวแทงมา มือกระชับแน่น มีอีกแขนช่วยอีกแรง แทงทหารม้าเผ่าหนี่ว์เจินตรงหน้า ทหารม้าเผ่าหนี่ว์เจินแม้สวมเกราะผ้า แต่ก็ถูกแทงทะลุ แต่แรงคนประสานแรงม้ากำลังแรงไม่ได้ลดลง กระแทกฝ่ายตรงข้ามกระเด็นลอย ไปปะทะด้านหลัง
พอถูกกระแทกกระเด็นเช่นนี้ กองทหารเผ่าหนี่ว์เจินก็ย่อมแตก คำกล่าวที่ว่า ดาบร้อนตัดไขมันวัว ไม่มีผู้ใดขวางทางอีก ก็คนเป็นเช่นนี้นี่เอง
ทหารม้าหน่วยประจัญบานกำลังจะฝ่าแนวกำลังทหารราบเผ่าหนี่ว์เจิน ทหารม้าสองข้างก็เริ่มเข้ากวาดล้าง ที่พวกเขาต้องทำก็คือสังหารจากมุมสูง
ทหารม้าบุกฝ่าไปอีกด้านแล้วก็วกกลับมา พริบตา ทหารราบเจี้ยนโจวก็แตกพ่ายสิ้นเชิง พวกเขาถูกทหารม้าล้อมไว้ตรงกลางแล้ว ด้านหน้าแน่นหนาเข้มแข็งมาก ถึงตอนนี้ยังไม่อาจแตะต้องกองทหารราบตรงหน้าได้ ตอนนี้ถูกทหารม้าล้อมสังหารแล้ว
การต่อสู้ไร้ความหวังสิ้นเชิง ทหารม้าปีกข้างที่บอกกันว่าเป็นโอกาสแห่งชัยชนะ ตั้งแต่ปรากฏตัว ก็ไม่มีความคืบหน้าใด กองปืนไฟยิงไม่หยุดราวกับถั่วระเบิด เสียงคนและม้าร้องโหยหวนไม่หยุดเช่นกัน ตอนนี้ทหารม้ากองกำลังหมิงลงสู่สนามรบแล้ว การรบนี้พ่ายแพ้สิ้นเชิงแล้ว
ยิงระลอกแรก ทหารม้าหน่วยประจัญบานโยนทวนยาวในมือทิ้ง คว้าเอาดาบและขวานจากอานม้าออกมา บุกเข้าสู่กลางกองกำลังทหารราบเผ่าหนี่ว์เจิน
“พลทวนยาวขึ้นหน้า พลปืนไฟยิงกันตามสบาย! บุกเข้าไปๆ !!”
หลี่หู่โถวตะโกนสั่งการบนหลังม้า เสียงคำสั่งประสานเสียงกลอง ทางปีกซ้าย หวังทงยืนบนหลังม้ามองไปยังการเคลื่อนไหวของทหารม้าหน่วยต่างๆ สีหน้ามีรอยยิ้ม กล่าวเบาๆ ว่า
“ล้อมกรอบได้แล้ว…”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น