เทพปีศาจหวนคืน 1008-1010
บทที่ 1008 บูชายัญ
แปลโดย iPAT
ภายใต้การควบคุมของฟางหยวน คฤหาสน์วิญญาณอมตะสนามรบแห่งความโกลาหลระเบิดแสงสีแดงออกมา
แสงสีแดงปกคลุมพื้นที่ในบริเวณกว้างราวกับไฟนรกที่แผดเผา
พลังงานลึกลับดูดกลืนวัชระทองคำเข้าไปภายใน
พลังงานอมตะระดับเก้าของเทพอมตะตะวันเดือดอนุญาตให้สนามรบแห่งความโกลาหลระเบิดพลังอำนาจของมันออกมาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
“ครืน…”
อย่างไรก็ตามสนามรบแห่งความโกลาหลยังได้รับผลกระทบจากวัชระทองคำบางส่วน
หลังจากทั้งหมดนี่คือภัยพิบัติใหญ่
แต่ฟางหยวนยังประสบความสำเร็จ
‘เราต่อสู้กันมานานแต่พลังงานอมตะของเทพอมตะตะวันเดือดกลับถูกใช้ไปไม่ถึงสามสิบส่วน อย่างไรก็ตามหลังจากดูดกลืนวัชระทองคำหนึ่งร้อยชิ้นเข้ามา พลังงานอมตะทั้งหมดของเทพอมตะตะวันเดือดกลับถูกใช้ไปอย่างรวดเร็ว!’
ค่าใช้จ่ายนี้ทำให้ฟางหยวนรู้สึกตกตะลึง
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เขาจะคำนึงถึงความสูญเสียและทำได้เพียงนำพลังงานอมตะระดับเก้าออกมาเพิ่มเท่านั้น
สนามรบแห่งความโกลาหลไม่เพียงสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระและปลอดภัยจากภัยพิบัติ มันยังสามารถดูดกลืนวัชระทองคำเข้าไปเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวมันเองได้อีกด้วย
หอคอยดวงตาสวรรค์เป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเก้าที่มีวิญญาณชะตากรรมเป็นแกนกลาง ดังนั้นมันจึงสามารถป้องกันตัวมันเองจากภัยพิบัติ
เมื่อเวลาผ่านไป เมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์กลายเป็นฝ่ายที่ได้รับความเสียหายมากที่สุด แม้พวกเขาจะใช้พลังแห่งความปรารถนา แต่มันยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับสนามรบแห่งความโกลาหลและหอคอยดวงตาสวรรค์
ภัยพิบัติวัชระทองคำดำเนินต่อไปเป็นเวลาแปดนาทีก่อนจะหยุดลงอย่างกะทันหัน
โดยไม่ปล่อยให้ทั้งสามฝ่ายมีเวลาหยุดพักหายใจ ภัยพิบัติครั้งใหม่ก็มาถึง
แสงสว่างส่องประกายขึ้นบนท้องฟ้าขณะที่กวางยักษ์หลายตัวทะยานร่างออกมา
กวางเหล่านี้มีขนาดเท่าช้างแต่มีร่างกายโปร่งแสง
พวกมันคือสัตว์อสูรแรกกำเนิด กวางแสง!
นี่คือภัยพิบัติสัตว์อสูรแรกกำเนิด สัตว์อสูรแรกกำเนิดแต่ละตัวมีพลังอำนาจเทียบเท่ากับผู้อมตะระดับแปดและตอนนี้พวกมันมีอยู่ถึงยี่สิบสองตัว
สัตว์อสูรระดับแปดยี่สิบสองตัว!
กระทั่งกวางเหล่านี้จะไม่มีวิญญาณอมตะป่าที่ดุร้ายในการครอบครอง พลังอำนาจของพวกมันก็เหนือกว่าภัยพิบัติก่อนหน้าไปไกลแล้ว
ฝูงกวางแสงพุ่งเข้ามาหาค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายาอย่างรวดเร็วและทำให้ใบหน้าของสมาชิกนิกายเงากลายเป็นซีดเผือด
ค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายาถูกเจาะทะลวงขณะที่พวกมันสามารถเข้ามาได้อย่างสะดวกสบาย
“กวางแสงมีเก้าสีที่สอดคล้องกับสวรรค์ที่พวกมันอยู่อาศัย กวางแสงขาวเหล่านี้ดูเหมือนจะมาจากสวรรค์สีขาว”
“กวางแสงมีนิสัยอ่อนโยน ตามตำนาน พวกมันจะนำดวงวิญญาณของมนุษย์ไปสู่สวรรค์ แต่ผู้ใดจะคิดว่าด้วยเจตจำนงแห่งสวรรค์ กวางแสงที่อ่อนโยนจะกลายเป็นดุร้ายและเต็มไปด้วยจิตสังหารเช่นนี้”
กระทั่งผู้อมตะของวังสวรรค์ยังไม่ต้องการเข้าร่วมในสถานการณ์นี้
ฟางหยวนนำสนามรบแห่งความโกลาหลหลบไปอยู่ที่ขอบรอบนอกของการต่อสู้
กวางแสงเป็นสิ่งมีชีวิต เขาไม่สามารถใช้สนามรบแห่งความโกลาหลดูดกลืนพวกมัน
การโจมตีที่สนามรบแห่งความโกลาหลสามารถใช้วิธีการบนเส้นทางแห่งกาลเวลาปิดผนึกคือสสารประเภทดิน น้ำ ลม ไฟ แต่ไม่ใช่สัตว์อสูร
โชคดีที่ฟางหยวนดูดกลืนวัชระทองคำมาก่อนหน้านี้ ดังนั้นเขาจึงใช้มันโจมตีกวางแสงที่เข้ามาใกล้และบังคับให้พวกมันจากไป
เผชิญหน้ากับภัยพิบัติครั้งนี้ สถานการณ์ของวังสวรรค์ดีที่สุด รองลงมาคือฟางหยวน ขณะที่นิกายเงาถูกกดดันมากที่สุดและตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤต
ในช่วงเวลาสำคัญผีดิบอมตะโป้ชิงก้าวออกมา
เขากระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะที่มีชื่อเสียง ดาบห้าดัชนี
กวางแสงส่วนใหญ่เสียชีวิตภายใต้พลังอำนาจของท่าไม้ตายนี้ กระทั่งพวกมันจะครอบครองวิญญาณอมตะป่าบางดวง แต่มันยังไร้ประโยชน์
โป้ชิงตายไปแล้วแต่ร่างกายของเขายังเต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งดาบ พลังอำนาจของมันแตกต่างจากดาบห้าดัชนีของฉินไป่เฉิงอย่างสิ้นเชิง
ด้วยการคงอยู่ของโป้ชิง นิกายเงาจึงสามารถก้าวข้ามภัยพิบัติครั้งนี้
อย่างไรก็ตามกลุ่มเมฆสีดำส่วนใหญ่สูญสลายไปแล้วและเผยให้เห็นร่างผีดิบอมตะสุดยอดกายาทั้งสิบอีกครั้ง
“ค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายาอ่อนแอลงแล้ว!” ฟางหยวนอุทาน
ด้วยความตั้งใจของเขา สนามรบแห่งความโกลาหลยิงวัชระทองคำออกไปเพื่อทำลายค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายาทันที
ในเวลาเดียวกันเจ้าวังสวรรค์ก็ฉวยโอกาสนี้บังคับหอคอยดวงตาสวรรค์พุ่งเข้าโจมตีค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายาจากอีกด้านหนึ่ง
“เราจะทำอย่างไร?” ในเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์ อิงอู๋เซี่ยยกมือขึ้นกุมศีรษะและกรีดร้อง
สมาชิกคนอื่นๆของนิกายเงาแสดงออกด้วยความเคร่งเครียด
มันเป็นช่วงเวลาสำคัญในการตัดสินแพ้ชนะ
หากค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายาถูกทำลายในเวลานี้ ทุกอย่างจะจบสิ้นลง นิกายเงาจะพบกับความพ่ายแพ้
“ไม่มีสิ่งใดที่พวกเราทำได้นอกจากบูชายัญกองกำลังพันธมิตรผีดิบ!” ผีดิบอมตะเทพเจ็ดดาราถอนหายใจยาวก่อนตัดสินใจ
ความจริงก็คือกองกำลังพันธมิตรผีดิบที่กระจายอยู่ทั้งห้าภูมิภาคเป็นกองกำลังย่อยภายใต้การปกครองของนิกายเงาเช่นเดียวกับนิกายโบราณทั้งสิบที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของวังสวรรค์
มันเป็นเพียงแค่นิกายเงาปกปิดตัวตนเอาไว้ลึกมาก กระทั่งตัวตนระดับสูงหลายคนของกองกำลังพันธมิตรก็ยังไม่รู้เรื่องนี้
กองกำลังพันธมิตรผีดิบเป็นแผนการใหญ่ของนิกายเงา พวกเขาสร้างมันขึ้นมาด้วยทุกสิ่ง
อย่างไรก็ตามตอนนี้พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเสียสละกองกำลังพันธมิตรผีดิบเพื่อกอบกู้สถานการณ์
แผนสำรองถูกใช้งาน ผีดิบอมตะเริ่มปรากฏตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง
พวกเขาก็คือผีดิบอมตะของกองกำลังพันธมิตรผีดิบจากทุกสาขา ผีดิบอมตะระดับหก ระดับเจ็ด และระดับแปดจำนวนมากปรากฏขึ้น
“นี่คือ?” ในคฤหาสน์วิญญาณอมตะสนามรบแห่งความโกลาหล ไห่ลั่วหลัน ไท่เป่ยหยุนเฉิง และคนอื่นๆเบิกตาโตด้วยความตกตะลึง
“ฮืม นิกายเงาอยู่เบื้องหลังกองกำลังพันธมิตรผีดิบจริงๆ!” เจ้าวังสวรรค์ขมวดคิ้วลึก สายตาของเขาเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบและเต็มไปด้วยเจตนาสังหาร “ดี เช่นนั้นเราก็จะกวาดล้างผู้ก่อการร้ายทั้งหมดในครั้งเดียว ทุกคนที่ต่อต้านเจตจำนงแห่งสวรรค์จะต้องถูกลงโทษ!”
อย่างไรก็ตามผีดิบอมตะเหล่านี้แสดงออกราวกับหุ่นเชิดที่ไม่รู้สึกตัว
ก่อนที่เจ้าวังจะสามารถทำสิ่งใด ผีดิบอมตะเหล่านี้ก็เสียสละตนเองและหลอมรวมเข้ากับค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายาเรียบร้อยแล้ว
“พี่ใหญ่!” เทพธิดาหลี่ซานกรีดร้องด้วยความโศกเศร้า
ท่ามกลางผีดิบอมตะเหล่านั้นมีนางมารผลาญสวรรค์รวมอยู่ด้วย
กระทั่งผีดิบอมตะระดับแปดผู้นำกองกำลังพันธมิตรผีดิบของภาคเหนือก็ยังอยู่ในสภาพที่ไม่รู้สึกตัว
ภายใต้การเฝ้ามองของเทพธิดาหลี่ซานกับไห่ลั่วหลัน นางมารผลาญสวรรค์เปลี่ยนตนเองกลายเป็นวัสดุในการหลอมรวมและผสานเข้ากับค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายา
เมื่อได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจากร่างของผีดิบอมตะรวมถึงมิติช่องว่างอมตะจำนวนมาก ค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายาจึงยกระดับขึ้นถึงจุดที่ไม่เคยเป็นมาก่อนขณะที่เมฆสีดำปกคลุมท้องฟ้าเอาไว้ทั้งหมด
เทพธิดาหลี่ซานยังกรีดร้องด้วยความเสียใจ
ไห่ลั่วหลันจมลงสู่ความเงียบ
ฟางหยวนขมวดคิ้ว กำลังเสริมระดับแปดที่เขาคาดหวังกลับตกตายไปต่อหน้า ผู้ใดจะคิดว่านิกายเงาจะมีความสัมพันธ์กับกองกำลังพันธมิตรผีดิบอย่างลึกซึ้งถึงเพียงนี้ กระทั่งได้เห็นกับตาก็ยังเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อ
‘ก่อนหน้านี้กองกำลังพันธมิตรผีดิบได้รับภารกิจให้สร้างค่ายกลวิญญาณขนาดใหญ่ ดูเหมือนมันจะเป็นหนึ่งในแผนการของนิกายเงา’ หัวใจของไท่เป่ยหยุนเฉิงราวกับถูกแช่แข็งเมื่อคิดถึงแรงจูงใจที่น่ากลัวของนิกายเงา
การแสดงออกของฟางหยวนเปลี่ยนเป็นไม่น่ามอง
‘ข้าคาดเดาความสัมพันธ์ระหว่างนิกายเงาและกองกำลังพันธมิตรผีดิบไว้แล้ว แต่ข้าไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ความทรงจำในชีวิตก่อนหน้าของข้าทำให้ข้าเข้าใจผิด หลังจากทั้งหมดในสงครามห้าภูมิภาค กองกำลังพันธมิตรผีดิบยังคงอยู่…’
‘บูชายัญผีดิบอมตะเกือบทั้งหมดของห้าภูมิภาคเพื่อค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายา พวกเขาต้องการหลอมรวมสิ่งใด? เป็นไปได้หรือไม่ว่าพวกเขาต้องการหลอมรวมวิญญาณในตำนานเพื่อชีวิตอันเป็นนิรันดร์!?’
ใบหน้าของเจ้าวังสวรรค์ก็กลายเป็นน่าเกลียดเช่นกัน
สมาชิกวังสวรรค์ต่างแสดงออกด้วยความกังวล
แม้พวกเขาจะเป็นตัวตนระดับสูงและเต็มไปด้วยประสบการณ์ แต่พวกเขาก็ยังตกใจกับการเคลื่อนไหวที่คาดไม่ถึงของนิกายเงาในครั้งนี้
นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป กองกำลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในห้าภูมิภาค กองกำลังพันธมิตรผีดิบถูกทำลายและสลายหายไปในสายลมเรียบร้อยแล้ว
“ฟิ้ว…ฟิ้ว…ฟิ้ว…”
เสียงดังเข้าหูของทุกคน
ภัยพิบัติใหญ่ครั้งที่สามร่วงหล่นลงมาอีกครั้ง
เจตจำนงแห่งสวรรค์ดุร้ายมาก ไม่ว่านิกายเงาจะพยายามหลอมรวมสิ่งใด ชัดเจนว่ามันเป็นการท้าทายสวรรค์และทำให้สวรรค์โกรธมาก
สวรรค์พิภพไม่อนุญาตให้พวกเขาสร้างสิ่งนี้!
ภัยพิบัติใหญ่ครั้งที่สามรุนแรงกว่าสองภัยพิบัติก่อนหน้านี้รวมกัน
สายฝนเริ่มร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า ฝนทุกสายมีขนาดเพียงครึ่งนิ้วแต่มันกลับแหลมคมราวกับสามารถเจาะทะลวงทุกสิ่งบนโลกใบนี้
ภัยพิบัติใหญ่ ฝนเจาะทะลวง!
ค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายาพึ่งถูกสร้างขึ้นมาใหม่ แต่เมฆสีดำที่หนาแน่นกลับได้รับผลกระทบที่รุนแรงภายใต้ฝนเจาะทะลวง
ฟางหยวนทำซ้ำสิ่งเดิมโดยการใช้พลังงานอมตะระดับเก้าของเทพอมตะตะวันเดือดกระตุ้นการทำงานของคฤหาสน์วิญญาณอมตะสนามรบแห่งความโกลาหลเพื่อดูดซับฝนเจาะทะลวง
อย่างไรก็ตามสนามรบแห่งความโกลาหลยังได้รับผลกระทบ วิญญาณจำนวนมากตกตายลงอย่างต่อเนื่อง
“หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป คฤหาสน์วิญญาณอมตะจะอยู่ได้ไม่เกินสิบห้านาที” ไห่ลั่วหลันกระตุ้นฟางหยวน
แต่ฟางหยวนไม่มีวิธีอื่น
แม้เขาจะพยายามดูดซับฝนเจาะทะลวงแต่เขายังไม่สามารถป้องกันได้ทั้งหมด
แน่นอนว่านิกายเงาได้รับความทุกข์ทรมานจากฝนเจาะทะลวงมากที่สุด
นี่คือความน่าสะพรึงกลังของภัยพิบัติใหญ่ที่กระทั่งผู้อมตะระดับแปดยังพบกับความยากลำบาก
เมื่อภัยพิบัติใหญ่ครั้งที่สามผ่านพ้นไป เมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์และสนามรบแห่งความโกลาหลแตกออกเป็นชิ้นๆ ขณะที่วิญญาณอมตะถูกพวกเขาเก็บเอาไว้
หอคอยดวงตาสวรรค์ก็เต็มไปด้วยรอยแตกหัก เหลี่ยมมุมต่างๆของหอคอยดวงตาสวรรค์พังทลายลงอย่างสิ้นเชิง
“ทุกอย่างจบลงแล้ว ผู้ชนะก็คือวังสวรรค์!” เจ้าวังหัวเราะเสียงดังก่อนจะกระตุ้นใช้การโจมตีของหอคอยดวงตาสวรรค์
มันเป็นการโจมตีโดยพลังอำนาจแห่งโชคชะตาที่ไม่สามารถหลบเลี่ยง!
ในเวลาต่อมา เจ้าวังจึงมองเห็นค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายาที่ถูกแยกออก ผู้อมตะนิกายเงาจำนวนมากได้รับบาดเจ็บล้มตาย ฟางหยวนและคนอื่นๆตายไปพร้อมกัน
บทที่ 1009 มือยักษ์
แปลโดย iPAT
“มันจบแล้ว” เจ้าวังสวรรค์มองไปที่สนามรบ
ในมุมมองสายตาของเขา เมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์กลายเป็นซากปรักหักพังไปแล้ว โป้ชิง เทพเจ็ดดารา และคนอื่นๆนอนเป็นซากศพอยู่บนพื้น อีกด้านหนึ่ง สนามรบแห่งความโกลาหลได้รับความเสียหายอย่างหนัก ศพของคนที่อยู่ภายในถูกแยกออกเป็นชิ้นๆ
เมฆสีดำบนท้องฟ้าเบาบางลงขณะที่แสงสีทองพุ่งลงมาจากท้องฟ้า
“นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้ท้าทายสวรรค์ ฮ่าฮ่าฮ่า” เจ้าวังหัวเราะเสียงดัง
แต่หลังจากนั้นเพียงไม่กี่ลมหายใจ เขากลับขมวดคิ้วและรู้สึกถึงบางสิ่งที่ผิดปกติ “โอ้ เดี๋ยว ไม่ใช่ว่าหอคอยดวงตาสวรรค์ได้รับความเสียหายและไม่สามารถใช้การโจมตีที่รุนแรงที่สุดของวิญญาณชะตากรรมงั้นหรือ?”
“ยัง…ข้ายังไม่สามารถหัวเราะ มีบางอย่างผิดปกติ เกิดสิ่งใดขึ้น?”
ในจังหวะนี้เจ้าวังจึงได้ยินเสียงอันแผ่วเบาลอยลงมาจากท้องฟ้า
“ท่านเจ้าวัง ท่านต้องตื่นขึ้นมา…”
“ตื่นเร็ว!”
“ตื่น? ไม่ใช่ว่าตอนนี้ข้าก็ตื่นอยู่งั้นหรือ?” เจ้าวังรู้สึกประหลาดใจและสงสัยมาก
ทันใดนั้นร่างของเขาพลันสั่นสะท้านขึ้นเมื่อตระหนักถึงความจริง
ศัตรูเสียชีวิตง่ายเกินไปโดยเฉพาะสมาชิกนิกายเงา หลังจากทั้งหมดพวกเขาได้รับการสนับสนุนจากบุคคลผู้นั้น!
นอกจากนี้ผู้อมตะวังสวรรค์ยังหายตัวไปและเหลือเขาเพียงผู้เดียวที่อยู่ในหอคอยดวงตาสวรรค์
“ข้าอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝัน! แต่ข้าจะออกไปได้อย่างไร?” เจ้าวังเริ่มกังวล แม้เขาจะรู้ว่าตนเองติดอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝัน แต่เขาไม่มีท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝันเช่นฟางหยวน เขาไม่สามารถหลบหนีออกจากอาณาจักรแห่งความฝัน
โลกแห่งความจริง เจ้าวังกำลังหลับสนิท
เขานอนกรนเสียงดังอยู่บนพื้นโดยมีผู้อมตะวังสวรรค์ยืนอยู่รอบๆ
เจ้าวังไม่เพียงแก่ชราแต่เขายังเหนื่อยมาก
ก่อนหน้านี้เพื่อซ่อมแซมวิญญาณชะตากรรม เขาหลอมรวมวิญญาณอย่างต่อเนื่อง ต่อมาเขายังต้องฟื้นฟูหอคอยดวงตาสวรรค์ ปกป้องนิกายบัวสวรรค์ และต่อสู้อย่างดุเดือดกับกลุ่มของโป้ชิง หลังจากนั้นเขาค้นพบผู้อยู่เบื้องหลังนิกายเงาและระดมผู้อมตะของวังสวรรค์เพื่อใช้หอคอยดวงตาสวรรค์เดินทางมายังภูเขาอี้เทียนทันที
เมื่อเขามาถึง เขาต้องควบคุมหอคอยดวงตาสวรรค์และเข้าสู่การต่อสู้ครั้งใหญ่
ดังนั้นในช่วงเวลาที่เขาเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝัน ร่างกายของเขาจึงได้รับการพักผ่อน เขาหลับสนิทและกระทั่งกรนเสียงดัง
ผู้อมตะวังสวรรค์พยายามปลุกเขา บางคนเทน้ำใส่หน้าเขา บางคนลองใช้ไฟเผา บางคนตะโกนจนคอเจ็บ พวกเขาพยายามทุกวิถีทางแต่ก็ไม่สามารถปลุกเจ้าวังให้ตื่นขึ้น
นี่คือพลังอำนาจของเส้นทางแห่งความฝัน
มันเกินกว่าความเข้าใจของคนยุคนี้ไปแล้ว
กระทั่งผู้อมตะระดับแปดของวังสวรรค์ก็ไม่สามารถทำสิ่งใด
ดังนั้นฉากที่น่าขันจึงเกิดขึ้น
ภายนอกหอคอยดวงตาสวรรค์ ค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายายังแข็งแกร่ง เมฆสีดำยังปกคลุมท้องฟ้าเอาไว้ทั้งหมด ขณะที่ภัยพิบัติใหญ่ยังไม่หยุด
หอคอยดวงตาสวรรค์ลอยอยู่กลางอากาศโดยไม่ขยับเขยื้อน
ภายในหอคอยดวงตาสวรรค์ ผู้อมตะวังสวรรค์กำลังวิตกกังวลและพยายามปลุกเจ้าวังให้ตื่นขึ้น
ด้านนิกายเงา บรรยากาศของพวกเขาไม่มืดมนอีกต่อไป ตอนนี้พวกเขารู้สึกผ่อนคลายมาก
“อิงอู๋เซี่ย เก่งมาก!”
“นี่คือพลังอำนาจของเส้นทางแห่งความฝันงั้นหรือ? น่าทึ่ง!”
“อา…ในที่สุดเจ้าก็บรรลุระดับแปด”
สมาชิกนิกายเงายืนล้อมวงรอบอิงอู๋เซี่ย บางคนรู้สึกผ่อนคลายจากสถานการณ์ก่อนหน้า บางคนรู้สึกหวาดกลัวต่อพลังอำนาจของเส้นทางแห่งความฝัน บางคนตบไหล่อิงอู๋เซี่ยและชื่นชมอย่างไม่หยุดหย่อน
หลังจากต่อสู้มาเป็นเวลานาน กายาแห่งความฝันของอิงอู๋เซี่ยก็บรรลุระดับแปด
ด้วยเหตุนี้เขาจึงสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งความฝันระดับแปด
หลังจากล้มเหลวสองครั้ง เขาประสบความสำเร็จในครั้งที่สามและสามารถนำดวงวิญญาณของเจ้าวังสวรรค์เข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝัน
ผลลัพธ์เกิดขึ้นทันที หอคอยดวงตาสวรรค์หยุดนิ่งอยู่กลางอากาศ นี่ทำให้แรงกดดันของนิกายเงาลดลงอย่างมาก
ผีดิบอมตะเทพเจ็ดดาราถาม “เจ้าวังสวรรค์จะถูกขังไว้นานเท่าใด?”
อิงอู๋เซี่ยตอบ “เขาเป็นผู้อมตะระดับแปดที่มีประสบการณ์สูง อาณาจักรแห่งความฝันสามารถกักขังเขาไว้ได้หลายนาที แต่กระทั่งเขาจะสามารถหลบหนีออกมา ข้าก็จะนำวิญญาณของเขาเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันอีกครั้งและอีกครั้ง”
“ดี ม่านเยี่ยนซื่อไม่ได้สร้างเจ้าขึ้นมาอย่างไร้ประโยชน์!” ผีดิบอมตะเทพเจ็ดดาราถอนหายใจ
ในเวลานี้หอคอยดวงตาสวรรค์เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง
“เกิดสิ่งใดขึ้น?” สมาชิกนิกายเงาตกใจ
บางคนมองไปที่อิงอู๋เซี่ยและถาม “เจ้าวังสวรรค์ออกมาจากอาณาจักรแห่งความฝันแล้วงั้นหรือ?”
ก่อนหน้านี้การโจมตีของอิงอู๋เซี่ยไร้ประโยชน์กับฟางหยวน นั่นทำให้ความมั่นใจของสมาชิกนิกายเงาลดลง
แต่ครั้งนี้อิงอู๋เซี่ยส่ายศีรษะด้วยความมั่นใจ “เจ้าวังสวรรค์ยังอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝัน ดูเหมือนคนอื่นจะบังคับหอคอยดวงตาสวรรค์แทนเขา”
ถูกต้อง เมื่อเห็นว่าพวกเขาไม่สามารถปลุกเจ้าวังให้ตื่นขึ้น ผู้อมตะวังสวรรค์คนอื่นๆจึงเข้าควบคุมหอคอยดวงตาสวรรค์
หอคอยดวงตาสวรรค์ไม่ได้เป็นของเจ้าวังเพียงผู้เดียว หลังจากเทพอมตะกลุ่มดาวเสียชีวิต หอคอยดวงตาสวรรค์กลายเป็นสมบัติสาธารณะของวังสวรรค์
ตอนนี้เจ้าวังติดอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝัน ผู้อมตะวังสวรรค์คนอื่นๆมีสิทธิ์เข้าควบคุมหอคอยดวงตาสวรรค์ด้วยความชอบธรรม
แต่หลังจากไม่นานหอคอยดวงตาสวรรค์ก็หยุดเคลื่อนไหวอีกครั้ง
กลุ่มของฟางหยวนเห็นสถานการณ์นี้เช่นกัน
ไห่ลั่วหลันกับเทพธิดาหลี่ซานแสดงออกด้วยความสงสัย “วังสวรรค์พยายามทำสิ่งใด?”
ใบหน้าของฟางหยวนกลายเป็นมืดครึ้ม “ดูเหมือนนิกายเงาจะใช้วิธีบนเส้นทางแห่งความฝันจัดการผู้อมตะวังสวรรค์เช่นเดียวกับที่พวกเขาพยายามทำกับข้า แต่…เหตุใดพวกเขาไม่เล็งเป้าไปที่วังสวรรค์ตั้งแต่แรก?”
“นั่นไม่ใช่สิ่งที่พวกเราต้องกังวลในเวลานี้! พวกเราสูญเสียสนามรบแห่งความโกลาหลไปแล้ว นิกายเงาก็สูญเสียเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์ เหลือเพียงวังสวรรค์ที่มีคฤหาสน์วิญญาณอมตะหอคอยดวงตาสวรรค์ แต่พวกเขาถูกขัดขวางโดยนิกายเงา พวกเรากำลังตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย ฟางหยวน เจ้าสามารถใช้วิญญาณท่องแดนอมตะหรือไม่?” ไท่เป่ยหยุนเฉิงเต็มไปด้วยความกังวล
“ข้าไม่สามารถทำได้” ฟางหยวนส่ายศีรษะและถอนหายใจ
“ตอนนี้พวกเรากลายเป็นเนื้อสดที่วางอยู่บนเขียง” ไห่ลั่วหลันเผยรอยยิ้มขมขื่นก่อนที่ดวงตาของนางจะส่องประกายขึ้นพร้อมกับกำหมัดแน่น “น่าเสียดายที่ไห่เจิ้งยังไม่ตาย ข้าไม่สามารถแก้แค้นให้ท่านแม่ก่อนตาย!”
ฟางหยวนมองไห่ลั่วหลันแต่เขาไม่ได้กล่าวสิ่งใด
หลังจากภัยพิบัติใหญ่ครั้งที่สาม เมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์และสนามรบแห่งความโกลาหลพังทลายลง ตอนนี้เหลือเพียงหอคอยดวงตาสวรรค์เท่านั้น
หอคอยดวงตาสวรรค์เป็นความหวังของฟางหยวน แต่ความหวังของเขากลับสูญสลายไปในอากาศ
โดยยังไม่ต้องพิจารณาถึงภัยพิบัติใหญ่ครั้งที่สี่ซึ่งฟางหยวนและคนอื่นๆไม่มีโอกาสอยู่รอด
‘จะเป็นเช่นนี้จริงๆงั้นหรือ?’ ฟางหยวนตรวจสอบวิญญาณกาลเวลาแต่มันยังไม่ฟื้นตัวและไม่สามารถใช้งาน
ทันใดนั้นเสียงพิณพลันดังลงมาจากท้องฟ้า
ตอนนี้เป็นเวลากลางวันแต่ท้องฟ้ากลับเต็มไปด้วยแสงดาวจำนวนนับไม่ถ้วน
“โอ้ ไม่ ค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายาไม่สามารถปิดกั้นการโจมตีบนเส้นทางแห่งเสียงได้ทั้งหมด ภัยพิบัติใหญ่ครั้งที่สี่คือภัยพิบัติพิณทะลวงใจ!”
“นอกจากนั้นยังมีดวงดาวบนท้องฟ้าในเวลากลางวัน นี่คือภัยพิบัติใหญ่ครั้งที่ห้า ภัยพิบัติสายธารแห่งดวงดาว!”
“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้? ภัยพิบัติใหญ่ครั้งที่สี่และห้ามาพร้อมกัน!”
เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ผู้อมตะนิกายเงาอุทานด้วยความตกใจ มันทำให้พวกเขาลืมเรื่องของวังสวรรค์กับฟางหยวนไปชั่วขณะ
ในหอคอยดวงตาสวรรค์ ผู้อมตะวังสวรรค์สูดหายใจลึก
ภัยพิบัติครั้งนี้รุนแรงเกินไป
ภัยพิบัติใหญ่ครั้งที่สี่รุนแรงกว่าภัยพิบัติใหญ่สามครั้งก่อนหน้ารวมกัน แต่ภัยพิบัติใหญ่ครั้งที่ห้ายิ่งรุนแรงมากกว่า สิ่งสำคัญที่สุดพวกมันยังเกิดขึ้นพร้อมกัน!
“นิกายเงาพยายามหลอมรวมสิ่งใด? เหตุใดสวรรค์จึงโกรธเกรี้ยวถึงเพียงนี้?” ผู้อมตะวังสวรรค์และฟางหยวนเต็มไปด้วยคำถาม
ภัยพิบัติใหญ่ทั้งสองยังไม่ได้โจมตีแต่กำลังสะสมพลังงาน
การแสดงออกของสมาชิกนิกายเงากลายเป็นเคร่งเครียด พวกเขาแทบไม่สามารถต่อต้านภัยพิบัติใหญ่สามครั้งแรก แล้วพวกเขาจะทำเช่นไรกับภัยพิบัติที่กำลังจะมาถึง
“ดูเหมือนพวกเรากำลังจะตาย” ไห่ลั่วหลันถอนหายใจ
ฟางหยวนชำเลืองมองไห่ลั่วหลันแต่เขามีความคิดที่แตกต่าง
ไม่ว่านิกายเงาพยายามหลอมรวมสิ่งใด แต่พวกเขาก็ได้สร้างค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายาและบูชายัญกองกำลังพันธมิตรผีดิบรวมถึงผู้อมตะภาคใต้ทั้งหมด
นอกจากนี้พวกเขายังเสียสละคฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งเจ็ดหลัง
ราคาที่พวกเขาจ่ายเป็นสิ่งที่เหนือกว่าจินตนาการของผู้ใด หากฟางหยวนไม่เห็นมันด้วยตาของตนเอง เขาจะไม่เชื่อหากบางคนกล่าวถึงเรื่องนี้
เนื่องจากนิกายเงายินดีจ่ายด้วยราคามหาศาล พวกเขาย่อมไม่ยอมแพ้
เป็นเพียงเวลานี้ที่เสียงพิณทะลวงผ่านค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายาและพุ่งเข้าสู่จิตใจของกลุ่มผู้อมตะ
การแสดงออกของพวกเขาเปลี่ยนแปลงไป พวกเขารู้สึกวิงเวียนและแทบไม่สามารถประคองร่างยืนอยู่ บางคนล้มลงทันที
ภัยพิบัติพิณทะลวงใจเริ่มขึ้นแล้ว
บนท้องฟ้า แสงดาวพุ่งลงมาราวกับคลื่นยักษ์
ภัยพิบัติสายธารแห่งดวงดาว!
สมาชิกนิกายเงาเตรียมพร้อมสำหรับความตายและทะยานร่างเข้าเผชิญหน้า
เหลือเพียงอิงอู๋เซี่ยที่ถูกทิ้งไว้ให้จัดการวังสวรรค์
“โดยปราศจากคฤหาสน์วิญญาณอมตะ พวกเราจะรอดชีวิตจากภัยพิบัตินี้ได้อย่างไร? ฮ่าฮ่าฮ่า ตายในภัยพิบัติสวรรค์พิภพยังดีกว่านอนตายอยู่บนเตียงด้วยความแก่ชรา” เทพธิดาหลี่ซานเริ่มรู้สึกมึนงง เลือดไหลออกมาจากทวารเจ็ดของนาง
นางยอมรับความพ่ายแพ้เรียบร้อยแล้ว
ส่วนคนอื่นๆ พวกเขายังพยายามดิ้นรนอย่างสิ้นหวัง
อย่างไรก็ตามในจังหวะนี้กลิ่นอายที่ทรงพลังกลับพุ่งขึ้นมาจากซากปรักหักพังของภูเขาอี้เทียน
มันคือแดนศักดิ์สิทธิ์ของนิกายเงา!
ประตูทางเข้าถูกเปิดออก
สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายบางอย่าง ใบหน้าของผู้อมตะระดับแปดวังสวรรค์ยังกลายเป็นซีดเผือดด้วยความหวาดกลัว
สมาชิกนิกายเงารู้สึกมีความสุข
“ร่างหลักของเราปรากฏแล้ว!”
“บึม!”
มือภูตผีขนาดใหญ่โผล่ออกมาจากประตูทางเข้าออกของแดนศักดิ์สิทธิ์
กลิ่นอายระดับเก้าปะทุขึ้น
คลื่นกระแทกระเบิดออกไปทั่วสนามรบ
หินระเบิดตกและกลายเป็นฝุ่นผงลอยขึ้นสู่อากาศ
“นี่…นี่คือ…” ไห่ลั่วหลันกับไท่เป่ยหยุนเฉิงตกตะลึง
“เทพปีศาจจิตวิญญาณ!” ในหอคอยดวงตาสวรรค์ เจ้าวังที่พึ่งตื่นขึ้นรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาลที่พุ่งเข้าสู่จิตใจขณะที่เขาเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของมือภูตผีออกมาทันที
บทที่ 1010 ไม่สามารถต้านทาน
แปลโดย iPAT
มือภูตผียื่นออกมาจากแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งชีวิตและความตายมีขนาดใหญ่โตเท่ากับภูเขา
แขนของมันยื่นออกมาได้ไม่เต็มที่และติดอยู่ที่ประตูทางเข้าออก
กลิ่นอายระดับเก้าปะทุออกไปทุกทิศทุกทาง
กลุ่มของฟางหยวนเร่งล่าถอยออกไป
ภายใต้พลังอำนาจระดับเก้า พวกเขารู้สึกราวกับหายใจไม่ออก
เมื่อมองไปที่มือยักษ์อีกครั้ง มันเหมือนเหวลึกอันมืดมิด
“นี่คืออสูรวิญญาณชนิดใด? กลิ่นอายของมันช่างน่ากลัวนัก อสูรวิญญาณทั่วไปไม่สามารถเปรียบเทียบกับสิ่งนี้! เป็นไปได้หรือไม่ว่าโลกนี้จะมีอสูรวิญญาณระดับเก้า!?” ไห่ลั่วหลันอุทานออกมาด้วยความตกใจ
นางยังไม่ตระหนักถึงตัวตนที่แท้จริงของมือภูตผี
“เป็นไปไม่ได้!” ใบหน้าของเทพธิดาหลี่ซานยิ่งซีดขาวกว่าก่อนหน้า นางกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ในบรรดาสิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนโลกใบนี้มีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่สามารถบรรลุระดับเก้า นั่นเป็นที่มาของคำกล่าวที่ว่ามนุษย์คือจิตวิญญาณของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด”
เมื่อดวงวิญญาณออกจากร่าง พวกมันจะอยู่ในสภาพที่อ่อนแอมาก
แต่มือของเทพปีศาจจิตวิญญาณกลับแข็งแกร่งราวกับหินผา
เทพปีศาจจิตวิญญาณบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ รากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของเขาลึกซึ้งเกินกว่าจิตนาการของผู้คน
‘เทพปีศาจ…เทพปีศาจจิตวิญญาณ…’ มองไปที่มือยักษ์ ฟางหยวนรู้สึกปากแห้ง
เขารู้ที่มาของมือข้างนี้
นี่เป็นเพราะเขาได้รับข้อมูลลึกลับจากบทเพลงของเทพอมตะกลุ่มดาวเมื่อถูกส่งเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันก่อนหน้านี้
“บทเพลงที่ล้มเหลวและวีรบุรุษที่สิ้นหวัง ความยากลำบากในการต่อต้านโชคชะตา”
“ดาบที่จมอยู่ใต้พื้นทรายทะยานขึ้นจากห้วงอดีตสร้างเสียงครวญครางไปทั่วน้ำตกสวรรค์”
“อนิจจา…”
“ค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาวนำวิญญาณสู่ความฝัน แล้วผู้ใดจะสามารถพักผ่อนอย่างสงบ?”
“ร่างกายและจิตใจอาจเปลี่ยนผัน แต่เจตจำนงสวรรค์ยังยิ่งใหญ่และไร้ขอบเขต”
ข้อมูลลึกลับถูกส่งเข้าสู่จิตใจของฟางหยวนด้วยบทเพลงลึกลับดังกล่าว
“ค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาวนำวิญญาณสู่ความฝัน แล้วผู้ใดจะสามารถพักผ่อนอย่างสงบ?” ประโยคนี้กล่าวถึงตัวตนที่แท้จริงของมือภูตผีและทำให้ฟางหยวนได้รู้ว่าเทพปีศาจจิตวิญญาณอยู่เบื้องหลังนิกายเงา
เมื่อฟางหยวนรู้เรื่องนี้ เขาตกใจมาก ด้วยการเตรียมใจมาก่อนหน้า ฟางหยวนจึงสามารถสงบจิตใจได้อย่างรวดเร็ว
ทุกชีวิตต้องตาย
นี่คือกฏของโลกที่ทุกคนเข้าใจดี กระทั่งผู้อมตะระดับเก้าก็ไม่สามารถหลบหนีจากชะตากรรมนี้
แล้วดวงวิญญาณของผู้อมตะระดับเก้าเหล่านี้จะเป็นอย่างไรหลังจากความตาย?
มีคำอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ในตำนานมนุษย์คนแรก
หลังจากหยางเมิ้งตาย ดวงวิญญาณของเขาเดินทางเข้าสู่ประตูแห่งชีวิตและความตายและได้พบกับวิญญาณอมตะความเที่ยงธรรมที่นั่น
บนถนนแห่งชีวิตและความตายเต็มไปด้วยวิญญาณทุกข์ทรมานและสามอุปสรรคสำคัญคือภูเขาตงฮัน หุบเขาเหล่าโป และแม่น้ำหวนคืน
ฟางหยวนไม่รู้ที่ตั้งของแม่น้ำหวนคืน แต่ภูเขาตงฮันกับหุบเขาเหล่าโปอยู่ในมือของเขา
นั่นทำให้เขาอนุมานว่าแม่น้ำหวนคืนไม่ได้อยู่บนถนนแห่งชีวิตและความตายเช่นกัน
เมื่อปราศจากอุปสรรคทั้งสาม มันไม่ใช่เรื่องยากที่ดวงวิญญาณจะหวนกลับมายังโลกของสิ่งมีชีวิต
นี่หมายความว่ามันไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้หากดวงวิญญาณของเทพปีศาจจิตวิญญาณจะหวนกลับมา
แต่ไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นด้านหลังประตูแห่งชีวิตและความตาย ความจริงก็คือดวงวิญญาณของเทพปีศาจจิตวิญญาณได้ปรากฏขึ้นแล้ว
‘ทั้งหมดนี้เป็นแผนการของเทพปีศาจจิตวิญญาณจริงๆ ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดนิกายเงาจึงทรงพลังถึงเพียงนี้ สมาชิกนิกายเงาไม่เกรงกลัวต่อความตายเพราะพวกเขารู้วิธีกู้คืนชีวิตเช่นนั้นหรือ? แต่เทพปีศาจจิตวิญญาณต้องการสิ่งใด? เขาทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายาโดยไม่สนใจความสูญเสีย เขากำลังหลอมรวมสิ่งใดกันแน่?’
ความสงสัยในใจของฟางหยวนทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เขารู้สึกราวกับมีชั้นเมฆหมอกหนาทึบปกคลุมอยู่รอบตัวเขา
“เทพปีศาจจิตวิญญาณ…ในที่สุดเจ้าก็ไม่สามารถทนได้!” ในหอคอยดวงตาสวรรค์ เจ้าวังสูดหายใจลึก
ด้วยความช่วยเหลือจากหอคอยดวงตาสวรรค์ เจ้าวังอนุมานถึงตัวตนของเทพปีศาจจิตวิญญาณเอาไว้แล้ว
ดวงตาคู่ที่เต็มไปด้วยเจตนาสังหารบนหอคอยดวงตาสวรรค์เมื่อครั้งนั้นก็คือเทพปีศาจจิตวิญญาณ!
เมื่อรู้ว่าเทพปีศาจจิตวิญญาณพยายามต่อต้านสวรรค์ด้วยการฟื้นคืนสู่ชีวิตและหลบหนีจากโชคชะตา เจ้าวังตกใจมากและเร่งระดมผู้อมตะของวังสวรรค์เพื่อหยุดยั้งแผนการของเทพปีศาจจิตวิญญาณ
ทุกสิ่งต้องผ่านชีวิตและความตาย นี่คือกฎที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
เมื่อเทพปีศาจจิตวิญญาณวางแผนฟื้นคืนสู่ชีวิต ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือการละเมิดชะตากรรมและเจตจำนงแห่งสวรรค์
นี่อาจเป็นสาเหตุที่วิญญาณโชคชะตาไม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างสมบูรณ์จนถึงตอนนี้
หากเทพปีศาจจิตวิญญาณที่โหดเหี้ยมที่สุดในประวัติศาสตร์ฟื้นคืน โลกจะกลับสู่ยุคมืดและเต็มไปด้วยการเข่นฆ่า เมื่อเวลานั้นมาถึง วังสวรรค์อาจจะไม่สามารถแม้แต่ปกป้องตนเอง
นั่นเป็นเหตุผลที่วังสวรรค์เข้าสู่การต่อสู้ครั้งนี้โดยไม่สนค่าใช้จ่าย พวกเขากระทั่งนำคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเก้าหอคอยดวงตาสวรรค์เข้าสู่สนามรบพร้อมกับกองทัพผู้อมตะของวังสวรรค์
“เทพปีศาจจิตวิญญาณ…ระดับเก้า…”
“ต้องกลัวงั้นหรือ? เขาตายไปแล้ว เขาต้องซ่อนตัวอยู่หลังประตูแห่งชีวิตและความตาย เขาไม่ใช่ผู้อมตะระดับเก้าอีกต่อไป!”
“ถูกต้อง ทุกคนสามารถสัมผัสได้ถึงความอ่อนแอของเขา หากเขามีความแข็งแกร่งเช่นในอดีต เหตุใดเขาต้องก่อตั้งนิกายเงาและสร้างร่างแยกมากมายเช่นนี้? เหตุใดเขาต้องวางแผนเหล่านี้?”
“ในความคิดเห็นของข้า เขาเป็นเพียงดวงวิญญาณดวงหนึ่งเท่านั้น นี่ไม่ใช่เทพปีศาจจิตวิญญาณ!”
สมาชิกวังสวรรค์ปลุกขวัญกำลังใจของกันและกันเพื่อขับไล่ความหวาดกลัวออกไปจากหัวใจของพวกเขา
เผชิญหน้ากับผู้อมตะระดับเก้า กระทั่งผู้อมตะระดับแปดของวังสวรรค์ยังรู้สึกกังวล
“ค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายาเป็นจุดอ่อนของเขา เราต้องหยุดมือภูตผีก่อนจะรวบรวมความแข็งแกร่งทำลายค่ายกลวิญญาณ!” ไป่เฉินเทียนตะโกน
“พูดได้ดี!” ผู้อมตะวังสวรรค์พยักหน้า จากนั้นสมาชิกบางส่วนก็เริ่มบินออกจากหอคอยดวงตาสวรรค์
หอคอยดวงตาสวรรค์เริ่มปลดปล่อยแสงสีขาวออกมา
ท่าไม้ตายอมตะนำวิญญาณสู่ความฝัน!
แต่อิงอู๋เซี่ยยังใช้ท่าไม้ตายอมตะของเขาอีกครั้ง
หนึ่งทักษะปกครองโลก!
“บัดซบ!” เจ้าวังสวรรค์โกรธมาก เขาถูกนำเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันเป็นครั้งที่สองและไม่สามารถปลดปล่อยตนเองได้โดยง่าย
ความพยายามของนิกายเงาตลอดระยะเวลาที่ยาวนานในการสร้างอิงอู๋เซี่ย ตอนนี้ผลงานของพวกเขาแสดงผลลัพธ์ที่โดดเด่นออกมาแล้ว กระทั่งคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเก้าก็ยังถูกหยุดโดยอิงอู๋เซี่ย
แม้บางคนจะเข้าควบคุมหอคอยดวงตาสวรรค์แทนเจ้าวัง แต่พวกเขาก็จะถูกส่งเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันเช่นกัน
“ฮืม พวกเจ้าคิดว่าวังสวรรค์มีเพียงหอคอยดวงตาสวรรค์เช่นนั้นหรือ?”
เป็นเพียงเวลานี้ที่ผู้อมตะที่บินออกมาจากหอคอยดวงตาสวรรค์นำคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังที่สองออกมา
คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปด วังร้อยไหม!
มันเป็นวังหยกขนาดเล็กที่วิจิตรงดงาม อย่างไรก็ตามคนผู้หนึ่งสามารถมองเห็นรอยแตกร้าวของมันได้อย่างชัดเจน
แม้มันจะเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปด แต่มันก็เป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะที่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก
“วังสวรรค์มีเพียงของโบราณเช่นนี้งั้นหรือ? เป็นเรื่องน่าอายที่พวกเจ้ายังเก็บสิ่งของที่ถูกทำลายโดยเทพปีศาจคลั่งเอาไว้และยังนำมันออกมาในเวลานี้เพื่อทำให้พวกเจ้าดูโง่เขลามากขึ้น!” โป้ชิงเย้ยหยันขณะยกมือขึ้นเหนือศีรษะ
เขาเตรียมใช้ท่าไม้ตายอมตะดาบห้าดัชนี
วังร้อยไหมสั่นสะท้านขึ้นขณะรวบรวมพลัง จากนั้นเข็มแสงเจ็ดเล่มจึงถูกยิงออกไป
เข็มแสงพุ่งเข้าโจมตีมือภูตผี พวกมันแทงทะลุมือภูตผีและปักลงบนพื้น
มือภูตผีพยายามเคลื่อนไหวแต่ไม่สามารถขยับเขยื้อน
เข็มแสงทั้งเจ็ดราวกับร้อยเส้นด้ายที่มองไม่เห็นเอาไว้และตรึงมือภูตผีให้อยู่กับที่
“วังร้อยไหมอาจเป็นเพียงคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปด แต่หลังจากศิษย์ของเทพอมตะแรกกำเนิด เทพอมตะกลุ่มดาวกำลังจะหมั้นหมาย เขาจึงได้จัดเตรียมสิ่งนี้ไว้เพื่อเป็นสินสอด ในอดีตเมื่อเทพปีศาจคลั่งโจมตีวังสวรรค์ เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากการโจมตีนี้และต้องหลั่งเลือดเพื่อปลดปล่อยตนเองจากมัน” ภายในวังร้อยไหม ผู้อมตะวังสวรรค์หัวเราะ
มือภูตผีถูกผนึกไว้ด้วยด้ายเย็บผ้าที่เกิดจากพลังงานแห่งเต๋า
หากเทพปีศาจจิตวิญญาณต้องการยกมือของเขาขึ้น เขาอาจต้องยกพื้นดินทั้งหมดของภาคใต้!
บางทีอาจมีเพียงเทพปีศาจคลั่งที่มีความสามารถชนิดนี้
แต่เทพปีศาจจิตวิญญาณในตอนนี้ไม่สามารถบรรลุมาตรฐานดังกล่าว
หลังจากทั้งหมดรากฐานของวังสวรรค์ไม่สามารถดูแคลน
แม้ต้องเผชิญหน้ากับเทพปีศาจจิตวิญญาณ พวกเขาก็มีวิธีที่สามารถรับมือ
เมื่อเห็นมือภูตผีถูกตรึงไว้กับพื้น ช่วยไม่ได้ที่ไห่ลั่วหลัน ไท่เป่ยหยุนเฉิง และคนอื่นๆจะจ้องมองด้วยความตกตะลึง
ด้านนิกายเงา พวกเขาแสดงออกด้วยความกังวล
อย่างไรก็ตามในเวลาต่อมามือภูตผีกลับละลายกลายเป็นแอ่งน้ำ
ของเหลวสีดำไหลออกมาจากประตูแห่งชีวิตและความตาย นี่ทำให้ภูเขารอบๆจมลงไปใต้ทะเลสาบสีดำอย่างรวดเร็ว
ฟางหยวนและคนอื่นๆบินขึ้นสู่ท้องฟ้า
วินาทีต่อมาทะเลสาบสีดำพลันแผ่พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าและควบรวมเป็นสัตว์ประหลาดสูงหลายพันเมตร!
“เทพปีศาจจิตวิญญาณ!” สมาชิกวังสวรรค์รู้สึกหวาดกลัวขณะที่กำปั้นสีดำทุบลงบนคฤหาสน์วิญญาณอมตะวังร้อยไหมอย่างแรง
ในเวลาเดียวกันมืออีกข้างของเขาก็คว้าหอคอยดวงตาสวรรค์เอาไว้ ด้วยความแข็งแกร่งของมือภูตผี หอคอยดวงตาสวรรค์ค่อยๆพังทลาย
ภัยพิบัติใหญ่พิณทะลวงใจและสายธารแห่งดวงดาวพุ่งลงมา
เทพปีศาจจิตวิญญาณคำรามขึ้นสู่ท้องฟ้าเพื่อหยุดเสียงพิณ
เขายกมืออีกสองข้างขึ้นและฉีกห้วงมิติออกอย่างดุเดือด
ห้วงมิติที่ว่างเปล่าดูดกลืนสายธารแห่งดวงดาวเข้าไปอย่างตะกละตะกลาม
ภัยพิบัติใหญ่ทั้งสองถูกกำหราบลงอย่างง่ายดายโดยเทพปีศาจจิตวิญญาณ!
ฟางหยวนและคนอื่นๆที่เป็นพยานในฉากเหตุการณ์นี้เบิกตาโตและกลายเป็นพูดไม่ออก
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น