องครักษ์เสื้อแพร 1006-1007
ตอนที่ 1006 นโยบายสามสิ้น
โดย
Ink Stone_Fantasy
“พวกนอกด่านทั้งหมดไม่ว่าชายหญิง คนแก่หรือเด็กล้วนจับมัดโยงกัน เหมือนตลาดขายม้า…”
บัณฑิตหลายคนที่ตามกองทัพล้วนจดบันทึกเช่นนี้ จากนั้นก็ทอดถอนใจ แล้วกล่าวเรื่องความเป็นความตาย แต่ไรมาไม่เคยเห็นอะไรน่าอนาถเช่นนี้ แต่ทว่าเหล่าบัณฑิตนี้พอกลับถึงในด่าน ก็มักจะมีหญิงสาวเผ่าหนี่ว์เจินสองนางปรนนิบัติข้างกาย พวกหนังสัตว์โสมป่าอันใดล้วนมีไม่น้อย ยิ่งชำนาญการค้าขาย ยังมีพวกโรงบ้านนอกกำแพงเมือง เรื่องพวกนี้มีบันทึกเป็นลายลักษณ์น้อยมาก
มีตระกูลหลี่เป็นหัวหน้าขุนพลทหารนำสมบัติและเชลยกลับมาในด่านขายเกลี้ยง ผลที่ได้มาเปล่าๆ เช่นนี้ย่อมขายต่ำกว่าราคาตลาดมาก ไม่มีอะไรให้เสียเปรียบ ขอเพียงซื้อ ก็ไม่มีคำว่าไม่กำไร เชลยพวกนี้กินแต่ข้าวไม่เอาเงินเดือน ขอเพียงเลี้ยงดูคนคอยควบคุมพวกนี้ไว้ก็พอ
เมืองเหลียวโจวขาดอะไรก็ขาด แต่ไม่ขาดพวกถือมีดถือดาบ คนเหล่านี้ทำงานเพาะปลูกยาก ทำงานคุ้มกันก็พอได้ อย่าว่าแต่แถบนอกกำแพงเมือง ในเมืองเหลียวโจวตอนนี้เองก็ยังมีพื้นที่รกร้างมากมายยังไม่ได้บุกเบิก ขาดก็แต่แรงงานคน ได้มากมาคนหนึ่งก็กำไรมากอีกหนึ่งส่วน
สำหรับที่นานอกกำแพงเมือง หากไม่ใช่ทหาร ไม่ใช่คหบดีใหญ่ ก็ล้วนไม่มีปัญญาจะไปครอบครอง ของพวกนี้คนธรรมดาจึงไม่คิดว่าตนเองจะออกไปครอบครองเองได้
แต่ก็มีคนเสนอว่าให้รวมตัวกัน หรือไม่ก็เลือกผู้นำ ทุกคนลงเงินลงคน ไปร่ำรวยนอกกำแพงเมืองกันสักก้อน ที่นานอกกำแพงเมืองไม่อาจเห็นเงินได้ในเวลาสั้นๆ แต่หากระยะยาวแล้ว จะไม่ร่ำรวยได้อย่างไรไหว เจ้าว่าต้องระวังให้มากหน่อย เกิดพวกนอกด่านบุกมาจึงทำเช่นไร พวกนอกด่านล้วนใกล้ถูกสังหารเกลี้ยงแล้ว จะบุกกลับมาอีกได้อย่างไร ไม่ได้ยินหรือว่าในด่านหรือทางพวกกลุ่มพ่อค้าพ่อค้าทางนั้นกำเงินมากันแล้ว
ที่นาทรัพย์สินและแรงงาน มีขายไม่ขาด เขตปกครองเหนือโดยเฉพาะทางแถวเมืองหลวงและเทียนจิน เริ่มมีพ่อค้าไม่น้อยกำเงินเร่งเดินทางมากันแล้ว พ่อค้าในและนอกพื้นที่จำนวนมากล้วนกำลังรออยู่เมืองเสิ่นหยางและกองกำลังฝู่ซุ่นดูว่าจะมีของที่ได้จากสงครามอันใดมาขายกันบ้าง
ผู้ที่กล่าวอ้างคุณธรรมใหญ่ในกระโจมแม่ทัพนั่นกลับเป็นคนแรกที่ลงมือก่อน ในเมื่อของที่ได้จากสงครามไปมาต้องใช้เวลา ไม่สู้พวกเขามาซื้อกันเอง
จากด่านฝู่ซุ่นกวนมายังเฮ่อถูอาลาเส้นทางนี้ ล้วนมีทหารกองกำลังหมิงเฝ้ารักษา ป้อมค่ายตลอดทางล้วนถูกเก็บกวาดสะอาด ตลอดทางอันตรายใดล้วนไม่มี กำเงินมากัน มาซื้อที่ทัพใหญ่เลย ทัพใหญ่อย่างไรก็ลดความยุ่งยากในการนำกลับไป ราคาก็ย่อมถูกลงได้อีกมาก หากนำสินค้าที่ทัพใหญ่ต้องการมาด้วย ไปมาค้าขายสองทาง ก็ยิ่งกำไรสองทาง อีกอย่างอาจได้เห็นที่นาริมทาง หากต้องการสร้างการค้า ก็ต้องรีบวางแผน
หากตาดี สามารถลงมือได้ก่อนผู้อื่น คิดไม่รวยก็คงยาก ขุนนางที่กล่าวอ้างแต่คุณธรรมก็ร่ำรวยใหญ่ ทำให้บรรดาคนทัพใหญ่ต้องมองใหม่อีกรอบ
มีคนนำทางเช่นนี้ ต่อมาก็ตามๆ กันมาอีก พวกพ่อค้าล้วนทำเพื่อกำไร ผู้ใดจะไม่รังเกียจเส้นทางยากลำบาก จะว่าไปไปมาก็ล้วนมีกำลังผู้คุ้มกัน ความปลอดภัยไม่ต้องเป็นกังวล ในด่านนอกด่าน ขุนนางพ่อค้าทางการและส่วนตัวล้วนเร่งเดินทางมา
ตระกูลหลี่เห็นว่า ของได้จากสงครามควรส่งไปขายในเมืองเหลียวโจวจะเหมาะกว่า ราคาสูงกว่าได้อีกหน่อย แต่เมืองจี้โจว เมืองต้าถง เมืองเซวียนฝู่ แม้แต่กองกำลังหู่เวย ล้วนอยากขายในพื้นที่ให้เสร็จ ทุกคนล้วนรู้ว่าพวกเมืองเหลียวโจวคิดอะไร ของพวกนี้กำไรมาก ผู้ใดผ่านมือ ผู้นั้นก็เก็บเกี่ยวได้ไป ไยต้องไปให้เมืองเหลียวโจวกินคนเดียวด้วย จะว่าไป ตอนนี้ในเมืองเหลียวโจว สายหม่าหลินและสายซุนโส่วเหลียน ล้วนค่อยๆ สร้างอิทธิพลอำนาจ ไม่อยากให้ตระกูลหลี่กินคนเดียวมากไป
หวังทงก็แอบเห็นด้วย กล่าวตามจริง เขาเองก็ต้องมอง ‘ผู้กล่าวอ้างคุณธรรมใหญ่’ ผู้นั้นใหม่อีกรอบเช่นกัน ปากกล่าวสวยหรู ปฏิบัติงานได้มีหลักการ ไม่อาจมองข้ามบัณฑิตพวกนี้จริงๆ ตามทัพใหญ่มาเก็บเกี่ยวผลแห่งสงครามกันยิ่งมากขึ้น ก็ยิ่งมีประโยชน์ใหญ่ต่อการเพาะปลูกในวันหน้ายิ่งมาก ให้ร้านค้าที่มีใจหวาดกลัวเหล่านี้ได้เห็นความอุดมของแม่น้ำเฮยสุ่ยและเขาไป่ซาน เห็นเองว่ามีผลประโยชน์มากมายอีกเท่าไร พวกที่กล้าหาญก็ต้องยิ่งให้กำลังใจ ให้พวกเขานำมีดดาบออกต่อสู้แย่งชิงปล้นเพิ่ม
ทัพใหญ่แม้ว่าอยู่ระหว่างเดินทัพ แต่ทว่าข่าวตอนเหนือกับเมืองเหลียวโจวก็ยังคงมีมาไม่ขาด ตอนทัพใหญ่หวังทงเริ่มออกจากด่าน กลุ่มพ่อค้าติดอาวุธเมืองกุยฮว่าเฉิงก็เริ่มเรียกระดมกำลังเดินทางไปบุกเบิกที่ตัวหลุน
พื้นที่ฐานกำลังของเผ่าฉาฮาเอ่อร์อยู่ที่ตอนเหนือของตัวหลุน พวกเขาตั้งหลักที่ตัวหลุนยังไม่มั่น ย่อมมิอาจต้านทานกลุ่มพ่อค้าติดอาวุธที่ราวกับพยัคฆ์ร้ายเช่นนี้ได้ การตีตัวหลุนกับที่อื่นนั่นไม่เหมือนกัน ทหารม้าชนเผ่ารอบนอกเมืองกุยฮว่าเฉิงกำลังมากพอ แม้แต่ทางหนิงเซี่ยเองก็สนใจ
เพราะตัวหลุนเป็นที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดบนทุ่งหญ้า เมืองกุยฮว่าเฉิงก็เป็นที่ดี แต่กลุ่มพ่อค้าติดอาวุธกับโรงบ้านล้วนครอบครองผลประโยชน์ไปหมดแล้ว ชนเผ่าต่างๆ ก็มากไป แต่ตัวหลุนไม่เหมือนกัน ที่นี่เริ่มแรกก็เป็นที่เลี้ยงสัตว์และล่าสัตว์ที่ดีมาก ติ้งเป่ยโหวกับกลุ่มพ่อค้าล้วนอนุญาต ที่นี่ย่อมแบ่งสรรเป็นพื้นที่เลี้ยงสัตว์ให้กับผู้มีความชอบ พื้นที่หญ้าอุดมเช่นนี้ ผู้ใดไม่อยากได้ครอบครองสักผืน ผู้ใดไม่คิดครอบครองให้มากอีกหน่อย
แม้ทุกคนรู้ว่ากลุ่มพ่อค้าเมืองกุยฮว่าเฉิงจะมาสร้างป้อมโรงบ้านกันที่นี่ แต่ขอเพียงสามารถแบ่งพื้นที่เลี้ยงสัตว์ออกมาได้บ้าง ได้รับการส่งเสริมจากป้อมโรงบ้านใกล้ๆ นำม้าวัวไปขายให้กับร้านค้าใกล้ๆ ก็นับว่าเป็นโอกาสที่ดี
ขนาดพื้นที่เลี้ยงสัตว์ ที่ตั้งดีหรือไม่ ต้องดูว่าแต่ละฝ่ายตีมาได้อย่างไร พวกชนเผ่ารอบนอกเมืองกุยฮว่าเฉิงอะไรก็ไม่เป็น แต่การรบสู้ตายเป็นงานถนัด
ชายบนทุ่งหญ้าตอนนี้ล้วนรู้ ขอเพียงกล้าไปเสี่ยงภัย อำนาจวาสนาล้วนไม่ต้องกังวล กลุ่มพ่อค้าแต่ไรไม่เอาเปรียบ มีคนรับประกัน ทุกคนแน่นอนรุมกันมาราวฝูงผึ้ง
กำลังเผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นส่วนใหญ่ล้วนดึงไปทางตอนเหนือและตะวันออกของเมืองเหลียวโจว การต่อสู้หลายครั้งที่เมืองเหลียวโจว ทำให้พวกเขาสูญกำลังไปมาก ขณะเดียวกันยังต้องระวังป้องกันตนเองอีก ในเวลากระชั้นชิดนี้ไม่อาจสนใจทางตัวหลุนได้อีก
รถใหญ่กับปืนกลุ่มพ่อค้าติดอาวุธ กับกลุ่มผู้คุ้มกันยังไม่ทันลงมือ เพียงแค่ชนเผ่ารอบนอกเมืองกุยฮว่าเฉิง เผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นก็แทบรักษาตัวหลุนไม่อยู่แล้ว เผ่าเล็กๆ ที่เคยสวามิภักดิ์ก็เริ่มแปรพักตร์
*****************
หวังทงตอนนี้แต่ไรไม่เคยเห็นรายงานความชอบ สาเหตุก็ง่ายมาก ตอนนี้ทหารแต่ละค่ายทุกวันล้วนรายงานความชอบมา วันนี้จับพวกนอกด่านได้เท่าไร พรุ่งนี้ตัดหัวทิ้งเท่าไร
การที่ได้รับผลสำเร็จแห่งการรบดีเช่นนี้ เป็นเพราะราษฎรเฮ่อถูอาลาพากันหนี หลังจากนู่เอ่อร์ฮาชื่อนำกองทหารและครอบครัวจากไป บรรดาชนชั้นสูงเผ่าหนี่ว์เจินในเฮ่อถูอาลาก็ส่งคนไปขอสวามิภักดิ์หวังทง ผู้ใดจะคิดว่าหวังทงไม่รับ กลับไล่กลับไป
ไหนตอนแรกส่งทูตมาว่า คิดยอมจำนนหรือจะรบ ตอนนี้กลับปิดประตูจะรบอย่างเดียว สถานการณ์ตอนนี้ ชาวเฮ่อถูอาลาล้วนพากันหนี เดิมก็เป็นเมืองไม่ใหญ่นัก จะต้านทานกำลังทัพเกือบแสนได้อย่างไร
รายงานความดีความชอบแต่ละค่ายทหารนี้ก็ล้วนเป็นบันทึกพวกที่หลบหนีเหล่านี้ ตลาดค้ามนุษย์ที่ทัพใหญ่คึกคักมาก ทหารราบเมืองเหลียวโจวกับเมืองจี้โจวเก็บเงินไม่มาก ก็สามารถช่วยคุมเชลยทาสพวกนี้กลับเมืองเหลียวโจวให้ พ่อค้าที่มาทำการค้าล้วนยินดียิ่ง เชลยที่จับได้ก็ได้เงิน ผู้ใดไม่ยินดีจะออกไปจับกัน
ทหารเผ่าหนี่ว์เจินที่แบ่งเป็นกลุ่มย่อยออกก่อกวนกองกำลังหมิงล้วนถูกกำจัดไปเช่นนี้ ถึงกับมีชาวเผ่าหนี่ว์เจินมาแจ้งที่อยู่ของกองทหารเจี้ยนโจวที่กองกำลังหมิงเอง ไม่มีหมู่บ้านคอยส่งเสบียง ไม่มีหมู่บ้านคอยให้ที่พัก การเคลื่อนไหวโจมตีแบบกองโจรของพวกเผ่าหนี่ว์เจินแห่งเจี้ยนโจวก็ค่อยๆ สูญหายไป ทหารม้ากองกำลังหมิงก็ยิ่งกระจายกำลังออกตรวจตรากว้างขึ้น
ทหารเผ่าหนี่ว์เจินแห่งเจี้ยนโจวไม่น้อยที่หลบซ่อนอยู่ตามเขาก็ถูกบีบให้ลงจากเขามาหาอาหาร จากนั้นก็ถูกกองลาดตระเวนขบวนทัพม้ากองกำลังหมิงพบเข้า ปราบราบ
ทัพใหญ่ปลายเดือนสามเข้าใกล้เฮ่อถูอาลา กองทัพประชิดเมือง รอบๆ เจี้ยนโจวเกือบครึ่งล้วนถูกเก็บกวาดราบ ป้อมค่ายถูกทำลายเรียบ จากด่านฝู่ซุ่นกวนมาถึงรอบเฮ่อถูอาลา เส้นทางล้วนมีแต่ขบวนการค้าชาวฮั่นขนส่งสินค้าและทาส มีความรุ่งเรืองอย่างมาก
ในเมืองเฮ่อถูอาลาตอนนี้มีไม่ถึงหกหัน ต้านได้อย่างไร น่าขำสิ้นดี หวังทงไม่รับคำจำนนพวกเขา คิดจะหนีออกไปก็ย่อมถูกกองกำลังหมิงจับไปเป็นทาส
สุดท้าย รอบเมืองเฮ่อถูอาลาก็มีทหารเผ่าหนี่ว์เจินที่สิ้นหวังหลายร้อยต้องบุกทัพใหญ่อย่างไม่อาจหนีได้ ประตูเมืองปิดสนิทแน่น ล้วนรอความตาย
****************
“แม่ทัพใหญ่ ทหารสี่ร้อยตีนกำแพงเมืองถูกกวาดเรียบแล้ว”
ผู้ที่มารายงานมีน้ำเสียงแปลกประหลาดอยู่บ้าง จำนวนนี้ไม่ควรมารายงานต่อหน้าหวังทงด้วยซ้ำ หวังทงส่ายหน้ายิ้ม
“หม่าหย่งนำทัพต้าถง หลี่ซานสือนำทัพเซวียนฝู่ พวกเจ้านำกำลังทหารทั้งหมดโจมตี จู่เฉิงซวิ่นนำทหารม้าหนึ่งพันเข้าประสานงาน จากเวลานี้จนตะวันตกดิน พวกเจ้าทำอะไรในเมือง ข้าไม่ยุ่งเกี่ยว หลังตะวันตกดิน ข้าจะเผาเมืองทิ้ง ไม่ออกมา ก็อยู่เป็นเพื่อนพวกนอกด่านไปก็แล้วกัน!”
ได้ยินวาจานี้แล้ว ขุนพลทหารทุกคนเบื้องหน้าสบตากัน ล้วนมีสีหน้าตื่นเต้น วาจาหวังทงนี้ก็เท่ากับปล่อยให้พวกเขาทำอันใดก็ได้ในเมือง ให้มีความสุขได้วันหนึ่งเต็มๆ
แต่ละคนรับคำเสียงดัง นำกำลังออกไปตั้งทัพ กองกำลังที่เหลือรักษาการณ์ในตำแหน่ง ทหารม้ากองกำลังหู่เวยข้ามเฮ่อถูอาลา ต่อไปทางตะวันออกเฉียงเหนือเพื่อดูเส้นทาง ทั้งกองทัพตอนนี้อยู่ในสถานการณ์เท่ากับตั้งค่ายพัก
ปืนใหญ่ระดมยิงประตูเมืองเสร็จ ทหารหลายทางก็บุกเข้าเมืองเฮ่อถูอาลา ไม่นานในเมืองก็เริ่มลุกเป็นไฟ ได้ยินเสียงหัวเราะบ้าคลั่งกับเสียงตะโกนร้องดังและเสียงร่ำไห้ดังมาเป็นระยะ
“แม่ทัพใหญ่ ปล่อยให้คนเหล่านี้กระทำการตามอำเภอใจเช่นนี้ วันหน้าเกรงว่าจะเอาไม่อยู่ อาจเกิดเรื่องขึ้นได้!”
คนอื่นไม่พูด แต่ไช่หนานหาโอกาสกล่าวเตือน อย่างไรหากวินัยหย่อนยาน แม้แต่เป็นกองกำลังหู่เวยที่เข้มงวด แต่เห็นทหารด้วยกันทำตามอำเภอใจเช่นนี้ได้ก็กระทบขวัญทหารอยู่ไม่น้อย
เมืองเฮ่อถูอาลาเป็นเมืองหลวงเผ่าหนี่ว์เจินแห่งเจี้ยนโจวก็จริง แต่ทัพใหญ่ปราบตะวันออกเหมือนไม่หยุดแค่นี้ ยังเดินทางต่อไป หากตอนนี้ปล่อยปละทหารเช่นนี้ จากนี้จะยุ่งยาก
หวังทงโบกมือให้ทหารติดตามออกไป ขยี้ขมับ ยิ้มกล่าวกับไช่หนานว่า
“ทหารชายแดนเหล่านี้ เจ้ายังหวังให้พวกเขารบอีกหรือ ทำร้ายราษฎรบริสุทธิ์ จึงเป็นงานถนัดพวกเขา เช่นนี้ก็ดี ให้พวกนอกด่านเห็นว่าเรากวาดเรียบไม่เหลือเป็นเช่นไร สังหารสิ้นพวกที่คิดต่อต้าน เผาสิ้นที่อยู่ของพวกกล้าเป็นปรปักษ์กับเรา ให้พวกเขาเกรงกลัว”
พอฟ้ามืด ทหารม้าในเมืองก็เริ่มออกมา แต่ละคนตามตัวล้วนเต็มไปด้วยคราบเลือด สีหน้าตื่นเต้นเหน็ดเหนื่อย จากนั้นก็เผาเมือง
ตอนที่ 1007 ต้องล่าตัวเจ้าออกมาให้ได้
โดย
Ink Stone_Fantasy
เฮ่อถูอาลาเป็นเมืองใหญ่นอกกำแพงเมือง หากอยู่ในแผ่นดินหมิงก็อาจเท่ากับราวสามอำเภอรวมกัน และไม่มีสิ่งก่อสร้างจากอิฐ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นไม้
ทหารม้าออกมา ทหารที่ถือน้ำมันและเชื้อเพลิงดินปืนก็เข้าเมืองไป กองตามจุด ฟืนที่พวกนอกด่านสะสมไว้มาก ไว้ใช้หลายปี ในเมืองเฮ่อถูอาลาไม่ขาดแคลน พอฟ้าเริ่มมืด ไฟก็ถูกจุด
ไฟลามทั่วท้องฟ้าแดงฉานทั้งคืน กำแพงหลังคาบ้านเรือนจากฟางและไม้ล้วนติดไฟลุกไหม้ ไฟโหมกระหน่ำเช่นนี้ แม้แต่คนระยะห่างออกไปหลายสิบลี้ก็ยังมองเห็นแสงสีแดงอาบทั่วท้องฟ้า
ทัพใหญ่ปราบตะวันออกตั้งค่ายพักแรมแล้ว นอกจากทหารลาดตระเวน ในนอกค่ายล้วนคุมเข้ม แต่ทหารในค่ายแอบลอบมองออกไปตามร่อง ทหารลาดตระเวนยืนนิ่ง ภาพด้านหน้ายิ่งใหญ่เสียจริง ความหนาวเย็นนอกด่านในคืนฤดูใบไม้ผลิที่แต่ละคนล้วนเคยรู้สึก ตอนนี้อบอุ่นขึ้นมาก นี่ย่อมเป็นผลจากการเผา
เฮ่อถูอาลาเป็นที่รู้กันว่าเป็นเมืองหลวงเผ่าหนี่ว์เจินแห่งเจี้ยนโจว ผ่านคืนนี้ไป เมืองนี้ก็จะกลายเป็นเถ้าถ่าน ถึงกับเรียกได้ว่าเป็นสงครามล้างชาติ ทัพใหญ่ปราบตะวันออกตั้งแต่ระดับขุนพลทหารไปถึงคนงาน แต่ละคนล้วนคิดไปมากมาย คืนนี้นอนไม่หลับ
กระโจมแม่ทัพหวังทงตั้งอยู่ที่สูง ประตูกระโจมแม่ทัพเปิดไปยังเฮ่อถูอาลา หวังทงอยู่ในนั้น ขุนพลทหารก็เรียงรายซ้ายขวา ร่วมกันมองไปยังเฮ่อถูอาลาที่ลุกไหม้โชติช่วง
ในกระโจมแม่ทัพเงียบกริบ ทุกคนไม่ก้มหน้าก็มองไปยังกองเพลิงไกลออกไปตรงหน้า ชัยชนะอันโชติช่วงเช่นนี้มาถึงมาเช่นนี้ ถึงกับง่ายดายเพียงนี้ ในใจทุกคนไม่รู้จะกล่าวอย่างไรในเวลาไม่ทันตั้งตัวนี้
หวังทงมองไปยังกองเพลิงไกลๆ ได้กลิ่นควันไฟลอยมาจางๆ เหมือนว่ากำลังไร้กังวลหลังร่ำสุรา ท่าทีสบายอารมณ์ยิ่ง แต่ทุกอย่างยังไม่จบแค่นี้ ยังไม่ถึงเวลาสบายใจได้เสียทีเดียว
“ทุกท่าน…”
หวังทงกล่าวขึ้น พบว่าคนเบื้องหน้าไร้ปฏิกิริยา พอเสียงดังขึ้นอีกคำ ทุกคนจึงได้สติ สะดุ้งโหยง พากันยืนขึ้นคำนับลนลาน ไช่หนานข้างๆ ยิ้มส่ายหน้า ขุนพลทหารทุกคนล้วนถูกภาพเบื้องหน้ากระทบใจ พากันหวาดกลัวหวังทงมาก อยู่ๆ ก็เรียกเสียงดัง ปฏิกิริยาใต้จิตสำนึกจึงออกมาเช่นนี้
“จากวันนี้ไป เลือกเชลยที่เป็นชาวเผ่าหนี่ว์เจินราวร้อยคน ให้พวกเขาไปแจ้งข่าวตามที่ต่างๆ เผ่าหนี่ว์เจินแห่งเจี้ยนโจวเผ่าหนี่ว์เจินแห่งไห่ซี เผ่าหนี่ว์เจินภูเขาตอนเหนือแต่ละเผ่า ให้แพร่ข่าวไปให้ถึงทั้งหมด พวกเจี้ยนโจวหมดสิ้นแล้ว ผลเช่นนี้คิดว่าคนเหล่านี้ล้วนเห็นด้วยตากันแล้ว บอกว่าเป็นคำสั่งข้า ให้ที่พักพิงนู่เอ่อร์ฮาชื่อและทหารเขา ล้วนต้องโดนลงโทษเช่นนี้ จากนี้ไปยอมรับการสวามิภักดิ์และยอมแพ้อย่างจริงใจ!”
ทุกคนล้วนคำนับรับคำสั่ง หวังทงกล่าวว่า
“ทัพใหญ่เดินทัพขนาดเช่นนี้ ความเร็วช้ามาก สิ้นเปลืองเบี้ยหวัดและเสบียง จากนี้ทัพไล่ล่าข้าตัดสินใจให้ปลดภาระ ให้กองกำลังหู่เวยเป็นหลัก กองกำลังอื่นๆ ให้เลือกทหารม้า 500 นายตามไป ที่เหลือให้ประจำที่ค่ายที่นี่ ออกเก็บกวาดสี่ทิศ”
หวังทงหากกล่าวเช่นนี้เมื่อหลายเดือนก่อน กองกำลังอื่นย่อมไม่ทำตาม คิดจะเข้าเขตแดนศัตรูด้วย ยังเป็นทหารราบจำนวนมาก ไปแล้วใช่ว่ารนหาที่ตายหรือ
แต่ทว่าตอนนี้ไม่เหมือนเดิม เห็นชัดว่าผลการรบยิ่งใหญ่ให้ทุกคนได้แบ่งสรร หากไม่ไป ก็เท่ากับตนเองคิดไม่ได้เอง หวังทงเห็นทุกคนสีหน้ายินดี ก็ยิ้มกล่าวว่า
“ในกระโจมแม่ทัพนี้ทุกคนล้วนอยากไป พวกเจ้าเลือกที่เก่งกล้าที่สุดมาก็แล้วกัน ให้รองแม่ทัพพวกเจ้าเฝ้ารักษาการณ์ที่นี่ เข้าใจไหม?”
“ข้าน้อยรับคำสั่ง!!”
ทุกคนครั้งนี้รับคำพร้อมกัน เสียงดังกังวานอยู่มาก
****************
ขุนพลขอตัวออกไป หวังทงไปยังกองรถม้าในค่าย ทัพครั้งนี้แม้ว่ามีขุนนางบุ๋นตามมา แต่พวกเขาไม่มีสถานะเพียงพอจะพักรถม้าเช่นนี้ รถม้านี้ในกองทัพมีสองคัน คันหนึ่งเป็นของถานเจียง อีกคันเป็นของไช่หนาน
ไช่หนานสถานะสูงในเทียนจิน แม้มีชีวิตง่ายๆ ไม่มากเรื่อง แต่อำนาจวาสนาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าขันทีใหญ่ในวัง ทำให้มีนิสัยอย่างหนึ่ง ที่ว่าชอบดื่มชาเขียวจากอารามเต๋าที่เหลาซาน ชาพวกนี้ไม่ได้ออกวางขาย ล้วนเป็นพวกนักพรตทำไว้ดื่มเอง ยังมีเจ้าทะเลที่เมืองไหลโจวนามว่าเนี่ยซื่อส่งมอบให้ไช่หนานเป็นประจำ
หวังทงกับไช่หนาน ถานเจียงล้วนอยู่ในรถ ส่งคนไปตามหลี่หู่โถวมา พวกหวังทงอยู่ในนี้ ไช่หนานนำชาที่ตนชอบออกมา ด้านนอกเตรียมเตาไฟไว้แล้ว ในห้องเริ่มต้มน้ำชงชา
เห็นถานเจียงท่าทางอ่อนแรง หวังทงเป็นห่วงถามขึ้น
“ให้ต้าหู่กับเอ้อร์หู่ส่งโสมอายุมากเก็บไว้นานมาให้ท่าน ของพวกนี้เป็นของบำรุงใหญ่ ดีต่อสุขภาพท่านมาก”
“ขอบคุณนายท่านที่เป็นห่วง ข้าน้อยบาดเจ็บนานมีสะสมมานาน โสมคนพวกนี้ไร้ประโยชน์กับข้าน้อยแล้ว อย่าได้สิ้นเปลืองอีกเลย”
น้ำเสียงถานเจียงอ่อนแรงเต็มที่ หวังทงถอนหายใจ เขาพอเข้าใจถานเจียงว่าคิดอันใด กลับไม่ได้กล่าวออกมา หากกล่าวว่า
“จากนี้กองกำลังหู่เวยจะไปทางตะวันออกเฉียงเหนือต่อเพื่อไล่ล่า สุขภาพท่านไม่ดีนัก อยู่ที่เฮ่อถูอาลาดูแลสุขภาพ”
ถานเจียงเพียงแค่ส่ายหน้า แม้ไม่กล่าวอันใด แต่ก็ถือเป็นการยืนกรานปฏิเสธ หวังทงไม่กล่าวต่ออีก หลี่หู่โถวเองก็เข้ามาในรถม้า ถามไถ่อาการถานเจียง ทุกคนล้วนนั่งลง
“นโยบายสามสิ้นปราบราบคาบ เผาไม่เหลือ ตอนนี้หนึ่งในสามของเจี้ยนโจวหรืออาจมากกว่านี้ส่วนใหญ่ล้วนเก็บกวาดเรียบแล้ว ไม่เห็นควันไปบ้านเรือนทำอาหารแล้ว”
หวังทงเปิดประเด็นก่อน เหล่านี้ทุกคนแน่นอนล้วนรู้ หวังทงกล่าวต่อตรงไปตรงมาว่า
“รอบเมืองเสิ่นหยาง เผ่าหนี่ว์เจินแห่งไห่ซีบาดเจ็บล้มตายกันมาก อยากสู้แต่สู้พวกเราไม่ได้ พวกเราบีบมาถึงขั้นนี้ พวกเขาไม่เพียงแต่ไม่คิดแก้แค้น กลับหวาดกลัวกันมาก นู่เอ่อร์ฮาชื่อคิดแผนง่ายมาก คิดให้กำลังหลักได้หลบซ่อน ใช้กำลังเล็กออกก่อกวน รอให้พวกเราค่อยๆ หมดกำลังใจต่อสู้ไปเอง เขาค่อยรวบรวมกำลังเผ่าต่างๆ มาตีโต้คืน ตอนนี้เขาไม่มีโอกาสนั้นแล้ว”
“พี่ใหญ่ นู่เอ่อร์ฮาชื่อมีแผนเช่นนี้หรือ?”
หลี่หู่โถวถามขึ้นงงๆ เขาไม่รู้สึกว่าอีกฝ่ายจะคิดเช่นนี้ หวังทงยิ้มกล่าวว่า
“ป่าเถื่อนแม้ว่าป่าเถื่อน แต่หลายพันปีมานี้ อย่างไรก็ต้องมีวีรบุรุษเกิดขึ้นสักคนสองคน นับประสาอันใดกับเผ่าหนี่ว์เจินที่เพาะปลูกจับปลาไม่ต่างอันใดกับชาวฮั่นเรา พี่น้องนู่เอ่อร์ฮาชื่อยังได้เรียนหนังสือเรียนวิชาการต่อสู้กับคนเมืองเหลียวโจว เจ้าดูเขารวบรวมกำลังตั้งเจี้ยนโจว ล่อทัพใหญ่มาปราบ ร่วมกำลังกับเผ่าเคอเอ่อร์ชิ่น รวบรวมกำลังเผ่าหนี่ว์เจินแห่งไห่ซี แต่ละก้าวที่วางแผนมา ล้วนสมกับคำว่า วีรบุรุษ เพียงแต่เขาคิดไม่ถึงว่าแผ่นดินหมิงจะเข้มแข็งเพียงนี้ จะมีกองกำลังหู่เวยอย่างเรา!”
ได้ยินหวังทงกล่าวเช่นนี้ หลี่หู่โถวก็อดยืดอกภาคภูมิใจไม่ได้ ไช่หนานสีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม หวังทงมีบางวาจาในใจไม่กล่าวออกมา หากแผ่นดินหมิงไร้กำลังเข้มแข็งกองกำลังหู่เวย ไม่มีเงินทองจากเทียนจิน ไม่มีผลงานจากการตีเมืองกุยฮว่าเฉิงมาเปรียบ สถานการณ์ครั้งนี้จะเป็นเช่นไรนั้นกล่าวได้ยาก
หากจะกล่าวว่าเผ่าหนี่ว์เจินกับมองโกลจะตีเข้าด่านก็คงไม่ใช่ แต่พื้นที่สองในสามเมืองเหลียวโจวดีไม่ดีก็คงถูกพวกป่าเถื่อนพวกนี้ครอบครองไป พื้นที่ระเบียงเหลียวซีตะวันตกก็ย่อมกลายเป็นสนามรบ ชาวฮั่นส่วนใหญ่ในเมืองเหลียวโจวก็จะไปช่วยชาวเผ่าหนี่ว์เจิน แผ่นดินหมิงก็ย่อมต้องเสียงบประมาณไปกับการทหารชายแดนยิ่งมาก จากนั้นก็จะเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ ถึงตอนนั้นอะไรก็ล้วนกล่าวได้ยาก
“นู่เอ่อร์ฮาชื่อสละเฮ่อถูอาลาพื้นที่มั่นนี้ไป แม้ว่าใต้เท้าจะบีบเข้าอีกเท่าไร เขาก็ยังคงจะทนต่อไปงั้นหรือ ตอนนี้เส้นทางเติมเสบียงก็นับวันยิ่งไกล แม้กองกำลังหู่เวยเข้มแข็ง แต่ก็ต้องระมัดระวังรอบคอบ!”
ถานเจียงแทรกขึ้น ทัพใหญ่เกือบแสนวันๆ สิ้นเปลืองเสบียงกันมากจนน่าตกใจ แม้ว่าเมืองเหลียวโจวจะร่ำรวยเสบียงแต่ก็เต็มกำลังเต็มทีแล้ว ยังดีที่หวังทงล่อหลอกพ่อค้าจากเมืองเหลียวโจวมาทำการค้าได้ สินค้าทางการทหารที่ต้องการก็นำมาช่วยผ่อนภาระไปได้ไม่น้อย
หากนำกองกำลังหู่เวยรุกเข้าไปอีก เส้นทางเสบียงก็ต้องไกลออกไปอีก เบื้องหน้าที่จะไปไม่มีอะไรล่อใจพ่อค้าได้อีก พ่อค้าย่อมไม่ตามไป หากเส้นทางเสบียงเกิดปัญหาอันใด ก็ย่อมยุ่งยากใหญ่
“รถใหญ่นำเสบียงไปพอ ขบวนทัพม้าตลอดทางก็จะออกเก็บกวาดรอบๆ ทนรับได้เดือนหนึ่ง ปัญหาไม่มาก และเฮ่อถูอาลาที่นี่ยังเป็นเส้นทางกึ่งกลางไว้รองรับเรา เก็บเสบียงไว้ได้ กำลังทัพส่วนหนึ่งก็จะใช้ในการขนเสบียงและปกป้องเส้นทางนี้ ข้าพาขุนพลหัวหน้าพวกเขาไปด้วย ไม่กลัวพวกเขาไม่ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่”
หวังทงยิ้มกล่าว จากนั้นสีหน้าจริงจังกล่าวว่า
“หากนู่เอ่อร์ฮาชื่อยังไม่โผล่ออกมา เจี้ยนโจวนี้ก็ย่อมไม่มีที่ให้เขาได้ยืนแล้ว เผ่าหนี่ว์เจินแห่งไห่ซีกับเผ่าหนี่ว์เจินภูเขาตอนเหนือก็ไม่กล้ารับเขาไว้ ทหารที่เขานำไปด้วยก็ต้องสูญสลายสิ้น หากยังไม่ออกมาอีก เขาก็ได้แต่ตายในเขาไปอย่างไร้ข่าวเงียบๆ แล้ว ข้ามองนู่เอ่อร์ฮาชื่อไว้สูงไม่น้อย คนเช่นเขานี้มักใหญ่ใฝ่สูง ไม่ยอมสูญสิ้นไปเช่นนี้แน่ สู้ตายสักตั้งก็นับว่าเป็นการตายที่ไม่เสียทีของเขา”
พูดถึงตรงนี้ หวังทงกล่าวอย่างไม่ยี่หระต่อว่า
“จะว่าไป ข้านำกำลังหกหน่วยกองกำลังหู่เวยไป ไม่ใช่ทัพใหญ่เสียหน่อย นู่เอ่อร์ฮาชื่อก็ควรจะมีใจคิดเข้าข้างตัวเองอยู่บ้าง”
กองกำลังหู่เวยหกหน่วยกำลังรบเช่นไร ไม่ใช่ที่ทุกคนจะวิเคราะห์ได้ ผู้ใดหากดูแคลน ย่อมได้รับการสั่งสอนที่เจ็บปวดที่สุด หากไม่ใช่คนแผ่นดินหมิง ไม่สิ ถึงกับคนแผ่นดินหมิงเองก็ล้วนไม่อาจคิดภาพกองกำลังที่มีกำลังต่อสู้เช่นนี้ได้ ทุกคนล้วนชินกับการใช้กำลังคนมาก คนงานมากมาเทียบ ธรรมเนียมเหล่านี้ใช้ไม่ได้กับกองกำลังหู่เวย
“ใต้เท้ากล่าวได้ถูกต้อง นู่เอ่อร์ฮาชื่อสิ้นหนทาง ให้โอกาสเขาได้สู้ เขาย่อมไม่อาจไม่คว้าไว้ หากเขายังไม่คว้าไว้ เช่นนี้เขาเองก็ย่อมค่อยๆ สูญสิ้นไปเอง”
ไช่หนานถูกหวังทงกล่อมจนรู้สึกมั่นใจขึ้นมา หวังทงยกชาบนโต๊ะที่เย็นแล้วขึ้นดื่มจนหมด ถอนหายใจยาว กล่าวว่า
“ปราบนู่เอ่อร์ฮาชื่อสิ้นชื่อ จากนี้ก็เป็นเรื่องกลุ่มพ่อค้าแผ่นดินหมิงแล้ว ให้พวกเขาอยู่ต่อที่นี่ค่อยๆ โจมตีไป ตอนไหนไปถึงทะเลได้ ตอนนั้นตอนเหนือแผ่นดินหมิงก็ไร้ภัยร้ายสิ้นเชิง”
ทุกคนล้วนฟังจนตกในภวังค์ แม้แต่ถานเจียงที่สีหน้าอ่อนล้าก็ยังมีชีวิตชีวาขึ้นมา ไช่หนานยิ้มสัพยอกว่า
“หากเป็นเมื่อสิบปีก่อนมีคนกล่าวเช่นนี้ เกรงว่าข้าคงหัวเราะว่าเขาเสียสติไปแล้ว แต่วันนี้ใต้เท้ากล่าวเช่นนี้ ข้ากลับรู้สึกมั่นใจ”
“ถึงตอนนั้นก็ไม่มีภัยใหญ่ให้รบแล้ว…”
หวังทงถอนหายใจ อยู่ๆ รู้สึกหดหู่ลง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น