เทพปีศาจหวนคืน 1004-1007
บทที่ 1004 แผนการที่ซ่อนเร้น
แปลโดย iPAT
ฟางหยวนขับไล่เมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์แต่เขาไม่รู้ว่าโป้ชิงอยู่ภายใน
เขาฉวยโอกาสบินกลับไปที่ภูเขาอี้เทียนอีกครั้ง
ตอนนี้ภูเขาอี้เทียนพังทลายไปแล้ว ผู้ใช้วิญญาณมนุษย์ล้มตายลงและทิ้งซากศพเอาไว้ทุกหนทุกแห่ง
ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น เขายังไม่ยอมแพ้
“ผีดิบอมตะสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริงระดับแปด เจ้าต้องเป็นของข้า! หือ?” ฟางหยวนบังคับคฤหาสน์วิญญาณอมตะบินลงไปด้านล่างแต่ในจังหวะนี้คฤหาสน์วิญญาณอมตะอีกหลังกลับพุ่งเข้ามาปิดกั้นเส้นทางของเขาเอาไว้
มันเหมือนป้อมปราการสีดำแต่ไม่ใหญ่โตเท่าเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์
หากเปรียบเทียบ เมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์เหมือนเจ้าชายรูปงามขณะที่คฤหาสน์วิญญาณอมตะที่สองราวกับนักรบชุดเกราะเหล็ก
ฟางหยวนกัดฟันแน่นและบังคับคฤหาสน์วิญญาณอมตะบินลงไปอย่างต่อเนื่อง
เขาต้องแข่งขันกับเวลา
ยิ่งปล่อยให้เวลาผ่านไปนานเท่าใด ผีดิบอมตะสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริงระดับแปดก็จะสามารถฟื้นตัวได้มากเท่านั้น
“บึม!”
ด้วยเสียงที่ดังสนั่น คฤหาสน์วิญญาณอมตะสองหลังพุ่งชนกัน
คลื่นกระแทกระเบิดออกไปทุกทิศทุกทางขณะที่คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสองตกอยู่ในสภาวะชะงักงัน
คฤหาสน์วิญญาณอมตะป้อมปราการเหล็กถูกบังคับให้ล่าถอยแต่คฤหาสน์วิญญาณอมตะสนามรบแห่งความโกลาหลก็ชะลอความเร็วลงเช่นกัน
‘สนามรบแห่งความโกลาหลเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเจ็ด ดูเหมือนฝ่ายตรงข้ามจะเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเจ็ดเช่นกัน’ ฟางหยวนคิด
เขาถอนหายใจเมื่อตระหนักว่าตนเองสูญเสียโอกาสไปแล้ว
เขาพยายามอย่างหนักแต่สิ่งกีดขวางที่ไม่คาดคิดทำให้เขาไม่ประสบความสำเร็จ
ระยะเวลานี้เพียงพอให้ผีดิบอมตะสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริงระดับแปดฟื้นตัวและหลุดจากการปราบปรามของฟางหยวน
เมื่อความพยายามล้มเหลว ฟางหยวนตัดสินใจล่าถอยทันที
ฟางหยวนบังคับสนามรบแห่งความโกลาหลบินขึ้นสู่ท้องฟ้า เขาไม่ได้บินขึ้นไปด้านบนแต่บินไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้
คฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังที่สามและสี่ปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งสองเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะขนาดเล็ก หนึ่งอยู่ในรูปลักษณ์ของรถม้าที่ส่องแสงสีแดง อีกหนึ่งเป็นปราสาทสีเทาที่น่าขนลุก
คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสี่ไล่ล่าสนามรบแห่งความโกลาหลของฟางหยวนมาอย่างไม่ลดละ
ฟางหยวนเคลื่อนที่ไปในทุกทิศทางแต่ยังถูกกีดขวางโดยคฤหาสน์วิญญาณอมตะของฝ่ายตรงข้ามและไม่สามารถทะลวงออกจากค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายา
การแสดงออกของฟางหยวนกลายเป็นมืดครึ้ม
เขาไม่ได้คาดหวังว่านิกายเงาจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้
คฤหาสน์วิญญาณอมตะหายากมาก แต่นิกายเงากลับมีถึงสี่ พวกเขาพยายามทำสิ่งใด นี่เป็นคำถามที่ฟางหยวนไม่สามารถหาคำตอบ
แม้สถานการณ์จะไม่เป็นไปตามความคาดหมายแต่ฟางหยวนยังสงบนิ่ง
ศัตรูแข็งแกร่งแต่ฟางหยวนยังไม่หมดหวังเพราะฝ่ายที่สามยังไม่เคลื่อนไหว
ฟางหยวนมองขึ้นไปบนท้องฟ้าเป็นครั้งคราว เขากำลังรออยู่
กระทั่งวังสวรรค์จะไม่รู้ว่านิกายเงาจะลงมือเมื่อใด แต่ในเวลานี้พวกเขาควรมาถึงแล้ว
เมื่อวังสวรรค์ลงมือโจมตี ฟางหยวนจะใช้ประโยชน์จากความวุ่นวายและหลบหนี
‘แต่เหตุใดวังสวรรค์ถึงยังไม่โจมตี?’ ฟางหยวนคิดและลดพลังของสนามรบแห่งความโกลาหลลงอย่างตั้งใจ
สถานการณ์เปลี่ยนไปทันที
สนามรบแห่งความโกลาหลถูกสะกดข่มโดยสี่คฤหาสน์วิญญาณอมตะ
ภายในหอคอยดวงตาสวรรค์ แสงสีขาวในดวงตาของเจ้าวังค่อยๆเลือนหายไป
เขาเผยรอยยิ้มเย้ยหยันหลังจากอนุมานบางสิ่ง “คนที่อยู่ในคฤหาสน์วิญญาณอมตะสนามรบแห่งความโกลาหลเป็นปีศาจต่างโลก ชื่อของเขาคือฟางหยวน วังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริงของภาคเหนือถูกทำลายโดยเขา ดูเหมือนคนผู้นี้จะมีความสัมพันธ์บางอย่างกับเทพปีศาจบัวแดงและเทพปีศาจจิตวิญญาณ อย่าคิดว่าเขากำลังถูกข่มเหง มันเป็นเพียงการล่อลวงให้พวกเราโจมตีเท่านั้น”
“โอ้ เช่นนั้นฟางหยวนกับนิกายเงาเป็นมิตรหรือศัตรู? การต่อสู้ที่รุนแรงของพวกเขาเป็นการจัดฉากหรือไม่?” เหลียนจิ่วเฉิงถามด้วยความสับสน
เจ้าวังโบกมือ “ข้าไม่สนใจความสัมพันธ์ระหว่างฟางหยวนกับนิกายเงา มันไม่สำคัญ แต่เนื่องจากเขาต้องการให้พวกเราลงมือโจมตี เช่นนั้นเราก็จะทำมัน ค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายาเป็นหนึ่งในแผนการสำคัญของศัตรู ข้าคิดว่าพวกเขาได้รับผีดิบอมตะสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริงระดับแปดไปแล้ว ทุกคน ร่วมมือกับข้า เราจะใช้หอคอยดวงตาสวรรค์ทำลายค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายาและแผนการของศัตรู”
ทุกคนตอบสนองความต้องการของเจ้าวังอย่างรวดเร็ว
ผู้อมตะจากวังสวรรค์มารวมตัวกันและกระตุ้นใช้งานหอคอยดวงตาสวรรค์
ลำแสงสีขาวพุ่งไปยังค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายาทันที
“ข้าต้องการใช้ฟางหยวนหยุดการโจมตีของวังสวรรค์และยื้อเวลา แต่ดูเหมือนแผนการนี้จะไม่สามารถหลอกลวงสมาชิกวังสวรรค์ โจมตี!” ผีดิบอมตะเทพเจ็ดดาราคิดและออกคำสั่ง
“ดี วังสวรรค์โจมตีแล้ว!” ฟางหยวนรู้สึกยินดีแต่ในจังหวะนี้คฤหาสน์วิญญาณอมตะอีกสามหลังกลับปรากฏขึ้น
หนึ่งเป็นศาลาสีเขียว อีกหนึ่งเป็นคฤหาสน์สีขาว สุดท้ายเป็นหอคอยสีทอง
คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามร่วมมือกันต่อต้านการโจมตีของหอคอยดวงตาสวรรค์
“…..” ฟางหยวนกลายเป็นพูดไม่ออก
คฤหาสน์วิญญาณอมตะกลายเป็นสิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไปตั้งแต่เมื่อใด? พวกเขามีแผนการใดกันแน่?
ฟางหยวนรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้นเรื่อยๆ
เดิมทีเขาคิดว่าเบื้องหลังเหตุการณ์บนภูเขาอี้เทียนลึกราวกับก้นทะเลสาบ แต่ผู้ใดจะคิดว่าสถานที่แห่งนี้จะเป็นก้นมหาสมุทร!
รายละเอียดถูกซ่อนไว้ลึกเกินไป
“ดี ดี ดี เมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์ ป้อมปราการเหล็ก รถม้าโลหิต ปราสาทฝันร้าย ศาลาเขียว คฤหาสน์รังไหม หอคอยทองคำ…คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งเจ็ดถูกบังคับให้ออกมาโดยการเคลื่อนไหวเดียวของข้า” ภายในหอคอยดวงตาสวรรค์ เสียงของเจ้าวังดังขึ้น
เขาเปิดเผยชื่อของคฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งเจ็ดออกมาในครั้งเดียว
“ตอนนี้เราจะให้พวกเจ้าได้เห็นพลังอำนาจที่แท้จริงของหอคอยดวงตาสวรรค์!” เจ้าวังตะโกน
คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเก้าหอคอยดวงตาสวรรค์ถูกกระตุ้นใช้งานอย่างเต็มที่
โดยปราศจากการแจ้งเตือน
ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีขาว
โลกถูกอาบย้อมไปด้วยแสงสีขาว
กระทั่งฟางหยวนที่อยู่ในคฤหาสน์วิญญาณอมตะสนามรบแห่งความโกลาหลยังมองเห็นเพียงแสงสีขาว
ทุกหนทุกแห่งมีเพียงแสงสีขาว
มันอาจดูเหมือนไม่อันตรายแต่ฟางหยวนรู้ว่ามันอันตรายมาก
“นี่…การโจมตีนี้…” เมื่อแสงสีขาวเริ่มเลือนหาย ฟางหยวนมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยร่างกายที่สั่นสะท้าน
บนท้องฟ้า เศษซากของคฤหาสน์วิญญาณอมตะจำนวนมากร่วงหล่นลงมาและกลายเป็นวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วน
ไม่มีวิญญาณดวงใดรอดชีวิต
ซากศพของวิญญาณเหล่านี้ค่อยๆแตกสลายไปกลางอากาศ
สิ่งลึกลับที่สุดก็คือวิญญาณเหล่านี้ดูเหมือนไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆแต่พวกมันกลับสูญเสียพลังงานชีวิตไปอย่างสมบูรณ์
คฤหาสน์วิญญาณอมตะสามหลังที่อยู่ใกล้หอคอยดวงตาสวรรค์มากที่สุด ศาลาเขียว คฤหาสน์รังไหม และหอคอยทองคำ พังทลายลง คฤหาสน์วิญญาณอมตะอีกสี่หลังที่เหลือได้รับความเสียหายอย่างหนัก
โดยรวมแล้วคฤหาสน์วิญญาณอมตะสนามรบแห่งความโกลาหลของฟางหยวนได้รับความเสียหายน้อยที่สุด
‘วังสวรรค์ช่วยข้างั้นหรือ?’ ฟางหยวนคิดแต่เขาก็ปฏิเสธความคิดนี้อย่างรวดเร็ว
“ฮืม ปีศาจต่างโลก!” เจ้าวังมองสนามรบแห่งความโกลาหลและผีดิบอมตะสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริงระดับแปด
การโจมตีก่อนหน้านี้ใช้วิญญาณชะตากรรมเป็นแกนกลางเพื่อปลดปล่อยพลังอำนาจที่น่าสะพรึงกลัวออกมา
นี่คือพลังแห่งโชคชะตา
โชคชะตาถูกกำหนดไว้แล้ว
หากปราศจากโชคชะตา แม้พวกเขาจะทำงานหนักเพียงใด พวกเขาก็จะไม่ประสบความสำเร็จ
นี่เป็นการโจมตีที่ไม่สามารถหลบเลี่ยง
มันสามารถทำลายค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายาแต่คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามหลังเสียสละตนเองเพื่อขัดขวางการโจมตีนี้
อีกด้านหนึ่ง ผีดิบอมตะสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริงระดับแปดปรากฏตัวขึ้นและบินเข้าไปแทนที่ตำแหน่งของอิงอู๋เซี่ย
“หลังจากถูกผนึกมานานหลายปี ข้าได้พบศัตรูที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ช่างน่าตื่นเต้นนัก ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าชอบมัน!” ผีดิบอมตะสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริงระดับแปดเงยหน้าหัวเราะขึ้นสู่ท้องฟ้า
เขาชี้นิ้วไปที่หอคอยดวงตาสวรรค์และตะโกน “คนชั่วจากวังสวรรค์เข้ามา! ฉลองให้กับการฟื้นคืนชีพของข้า!”
ค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายาถูกกระตุ้นการทำงานอย่างสมบูรณ์โดยการเข้าร่วมของผีดิบอมตะสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริงระดับแปด!
เมฆสีดำเคลื่อนเข้าปกคลุมพื้นที่ทั้งหมดเอาไว้ด้วยความเร็วสูง
ผีดิบอมตะสุดยอดกายาทั้งสิบหายตัวเข้าไปในกลุ่มก้อนเมฆสีดำ
มิติช่องว่างอมตะจำนวนมากถูกดึงออกมาและส่องแสงราวกับดวงดาวบนท้องฟ้า
พวกมันก็คือมิติช่องว่างของผู้อมตะภาคใต้ที่ตกตายลงที่นี่!
วิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนบินเข้าหลอมรวมกับเมฆสีดำ
เมื่อมาถึงจุดนี้ฟางหยวนเริ่มตระหนักถึงบางสิ่ง “ค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายาเป็นค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม! นิกายเงาพยายามหลอมรวมสิ่งใด? พวกเขาใช้มิติช่องว่างของผู้อมตะภาคใต้เป็นส่วนประกอบในการหลอมรวมงั้นหรือ?”
วิธีดังกล่าวไม่เคยปรากฏมาก่อน
ผู้อมตะที่ยิ่งใหญ่กลับถูกสังหารและใช้เป็นวัสดุในการหลอมรวม
กระทั่งฟางหยวนที่มีประสบการณ์ห้าร้อยปีก็ไม่เคยเห็นเรื่องเช่นนี้มาก่อน
นิกายเงาเป็นกองกำลังลึกลับที่ซ่อนอยู่ในประวัติศาสตร์ แรงจูงใจที่แท้จริงและแผนการมากมายของพวกเขากำลังจะถูกเปิดเผยเร็วๆนี้!
บทที่ 1005 คนทรยศ
แปลโดย iPAT
“พวกเจ้าต้องการใช้ค่ายกลวิญญาณนี้ต่อต้านพวกเรางั้นหรือ? แม้พวกเจ้าจะไม่เคารพพวกเรา แต่การท้าทายสวรรค์ไม่สามารถทำได้และต้องถูกลงทัณฑ์!”
เจ้าวังรวบรวมความแข็งแกร่งของผู้อมตะจากวังสวรรค์เพื่อปลดปล่อยการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดออกไปอีกครั้ง
“อดทนไว้!” สมาชิกนิกายเงาคาดเดาเรื่องนี้ไว้แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงบังคับคฤหาสน์วิญญาณอมตะพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
โลกถูกอาบย้อมด้วยแสงสีขาว
การโจมตีจากวิญญาณชะตากรรมไม่สามารถป้องกัน
เมื่อทุกอย่างกลับคืนสู่ความสงบ ฟางหยวนพ่นเลือดคำโตออกมาขณะที่ใบหน้าเปลี่ยนเป็นซีดขาว
แม้เขาจะเป็นปีศาจต่างโลกแต่เขายังเป็นส่วนหนึ่งของโลกใบนี้และได้รับอิทธิพลจากการโจมตีนี้บางส่วน แน่นอนว่าเขาได้รับผลกระทบน้อยกว่าคนอื่นๆ
เมื่อกวาดตามองสภาพแวดล้อม ฟางหยวนพบว่าคฤหาสน์วิญญาณอมตะป้อมปราการเหล็ก รถม้าโลหิต และปราสาทฝันร้ายได้พังทลายลงแล้ว
คฤหาสน์วิญญาณอมตะสนามรบแห่งความโกลาหลของฟางหยวนก็ได้รับความเสียหายอย่างมากเช่นกัน แม้มันจะอยู่ภายในค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายาแต่วิญญาณอมตะสองดวงรวมถึงวิญญาณระดับมนุษย์อีกนับพันดวงก็ถูกทำลายไปแล้ว นั่นทำให้สนามรบแห่งความโกลาหลสามสิบส่วนแตกออก
แต่ฟางหยวนมีความสุขกับเรื่องนี้
เขาต้องการให้วังสวรรค์โจมตีค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายาต่อไป
เมื่อค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายาเกิดช่องโหว่ เขาจะสามารถหลบหนี
สถานการณ์ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ วังสวรรค์มาที่นี่เพื่อจัดการนิกายเงา หากฟางหยวนหนีไปตอนนี้ วังสวรรค์จะไม่ไล่ล่าเขาในทันที
ภายใต้การจ้องมองด้วยความคาดหวังของฟางหยวน แสงสีขาวห่อหุ้มหอคอยดวงตาสวรรค์เอาไว้และเริ่มสะสมพลังงาน
หากค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายาถูกโจมตีอีกครั้ง มันจะพังทลายลงอย่างแน่นอน
“ฟิ้ว…”
อย่างไรก็ตามในจังหวะนี้เมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์กลับพุ่งเข้ามาหาฟางหยวน
“พวกเจ้าไม่ต่อต้านวังสวรรค์แต่เลือกโจมตีข้างั้นหรือ?” ฟางหยวนหัวเราะเย้ยหยันแต่ไม่ได้ต่อสู้กับอีกฝ่าย
เขาหลบหนีไปทุกที่และรอคอยการโจมตีครั้งต่อไปของวังสวรรค์
“บึม!”
ทันใดนั้นแสงสีขาวที่ห่อหุ้มหอคอยดวงตาสวรรค์กลับเกิดการระเบิดและสูญสลายไปโดยไม่คาดคิด
หอคอยดวงตาสวรรค์ได้รับความเสียหายอย่างหนัก
ผู้อมตะที่อยู่ในหอคอยดวงตาสวรรค์พ่นเลือดออกมาหลังจากประสบกับผลกระทบย้อนกลับของความล้มเหลว
จากเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์ เสียงของผีดิบเทพเจ็ดดาราดังออกมา “เจ้าวังสวรรค์ เจ้าตกลงสู่หลุมพรางของพวกเราแล้ว”
ตอนนี้ภายในเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์มีผู้อมตะนิกายเงารวมตัวกันอยู่มากกว่าสิบชีวิต นั่นรวมถึงผีดิบอมตะเทพเจ็ดดารา ผีดิบอมตะโป้ชิง และอิงอู๋เซี่ย
คฤหาสน์วิญญาณอมตะหกหลังถูกทำลายแต่สมาชิกนิกายเงาใช้วิธีบนเส้นทางแห่งห้วงมิติหลบหนีมายังเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์
ด้วยค่ายกลวิญญญาณสุดยอดกายาและการวางแผนมาอย่างยาวนาน ไม่ใช่เรื่องแปลกที่พวกเขาจะสามารถทำเรื่องนี้
“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?” ฟางหยวนทั้งสงสัยและตกใจ
ภายในหอคอยดวงตาสวรรค์ ผู้อมตะเริ่มตื่นตระหนก
“หอคอยดวงตาสวรรค์เป็นคฤหาสน์วิญญาณระดับเก้า มันเสียหายถึงระดับนี้ได้อย่างไร?”
“ก่อนหน้านี้นิกายเงาไม่ได้โจมตี นั่นหมายความว่าหอคอยดวงตาสวรรค์มีปัญหางั้นหรือ?”
“มีคนทรยศในวังสวรรค์!” การแสดงออกของเจ้าวังกลายเป็นมืดครึ้ม เขามองไปที่ไป่เฉินเทียนกับเหลียนจิ่วเฉิง
หลังจากโป้ชิงตื่นขึ้น ดาบแสงอาละวาดไปทั่วภาคกลางและยังตัดหอคอยดวงตาสวรรค์ออกเป็นสองส่วน
เพื่อกู้คืนความเสียหาย เจ้าวังต้องขอความช่วยเหลือจากไป่เฉินเทียนและเหลียนจิ่วเฉิง
เจ้าวังไม่ใช่คนทรยศแน่นอน ดังนั้นปัญหาต้องมาจากไป่เฉินเทียนหรือเหลียนจิ่วเฉิง
เมื่อได้ยินคำกล่าวของเจ้าวัง ผู้อมตะคนอื่นๆรีบถอยห่างจากผู้ต้องสงสัยทั้งสองและล้อมกรอบพวกเขาเอาไว้
“เดี๋ยว! ข้าจะเป็นคนทรยศได้อย่างไร?” ไป่เฉินเทียนตกใจและโกรธมาก เขาเร่งปกป้องตนเอง “ในการเข้าเป็นสมาชิกของวังสวรรค์มีการทดสอบมากมาย วังสวรรค์ก่อตั้งมาสามล้านปี แล้วจะมีผู้ทรยศเกิดขึ้นได้อย่างไร? บางทีนี่อาจเป็นแผนการของนิกายเงา สิ่งสำคัญที่สุดในเวลานี้คือทำลายค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายา เราต้องไม่ตกหลุมพรางของศัตรู!”
การแสดงออกของไป่เฉินเทียนเต็มไปด้วยความจริงใจ ความกังวลของเขาไม่สามารถปิดบัง
“ฮ่าฮ่าฮ่า” เหลียนจิ่วเฉิงที่อยู่ด้านข้างหัวเราะเสียงดัง ใบหน้าของเขากลายเป็นมืดมนขณะที่เขากวาดตามองไปรอบๆ “แน่นอนเพราะมันถูกสร้างขึ้นเมื่อสามล้านปีก่อน การทดสอบเหล่านี้จึงล้าสมัยไปแล้ว มันเป็นเรื่องยากงั้นหรือหากนิกายเงาจะแทรกซึมเข้ามา?”
“เหลียนจิ่วเฉิง เจ้า!” ไป่เฉินเทียนตะโกนและก้าวถอยหลังด้วยความตกใจ
“ดังนั้นเหลียนจิ่วเฉิงก็คือคนทรยศ!”
“เจ้าคือเหลียนจิ่วเฉิงหรือผู้ใดกันแน่?”
ผู้อมตะวังสวรรค์เตรียมพร้อมต่อสู้แต่ยังไม่มีผู้ใดเคลื่อนไหว
“เหลียนจิ่วเฉิงไม่เคยมีตัวตนตั้งแต่แรก พวกเจ้าต้องการหยุดข้างั้นหรือ? กระทั่งคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเก้าก็ยังทำไม่สำเร็จ ฮ่าฮ่าฮ่า เอาตัวรอดให้ได้ก่อน!”
หลังกล่าวจบคำ เหลียนจิ่วเฉิงฆ่าตัวตายทันที
สายลมสีเขียวพัดออกมาจากร่างของเขา
“ลมมรณะ!”
ความกล้าหาญของเหลียนจิ่วเฉิงผู้นี้ไม่ต่างจากฉินไป่เฉิงแม้แต่น้อย
ลมมรณะสามารถกลืนกินทุกสิ่ง แต่ที่นี่คือคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเก้าหอคอยดวงตาสวรรค์ ดังนั้นผู้อมตะจากวังสวรรค์จึงสามารถกำหราบมันลงได้ในที่สุด
อย่างไรก็ตามความตายของเหลียนจิ่วเฉิงไม่ได้นำมาเพียงสายลมมรณะ
เมื่อเหลียนจิ่วเฉิงสามารถทรยศ แล้วผู้อื่นจะไม่สามารถเช่นนั้นหรือ?
กลุ่มผู้อมตะจากวังสวรรค์เริ่มไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน
“วิธีทดสอบการเข้าสู่วังสวรรค์ไม่ได้ปรับปรุงมานานหลายปีแล้ว มีความเป็นไปได้ที่ศัตรูจะแทรกซึมเข้ามา” ผู้อมตะคนหนึ่งกล่าว
“หอคอยดวงตาสวรรค์เสียหายมากน้อยเท่าใด?” บางคนให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากกว่า
เจ้าวังส่ายศีรษะ “สี่สิบส่วนถูกทำลาย เราไม่สามารถใช้การโจมตีเช่นก่อนหน้าได้อีก หากพวกเราบังคับใช้งานมัน หอคอยดวงตาสวรรค์อาจระเบิดออกเป็นชิ้นๆ”
เจ้าวังถอนหายใจ
หากไม่ใช่เพราะวิญญาณชะตากรรมยังไม่ฟื้นตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์ นิกายเงาจะไม่ประสบความสำเร็จเช่นนี้
กล่าวได้ว่าแผนการของนิกายเงายอดเยี่ยมอย่างมาก
เหลียนจิ่วเฉิงแฝงตัวอยู่ในวังสวรรค์มานานนับพันปีโดยไม่เคยถูกสงสัย เมื่อเขาลงมือ เขาสามารถทำลายการโจมตีที่รุนแรงที่สุดของหอคอยดวงตาสวรรค์ได้ทันที
แน่นอนว่านิกายเงาใช้ประโยชน์จากความสำเร็จของเทพปีศาจบัวแดง
หากวิญญาณชะตากรรมยังสมบูรณ์ หอคอยดวงตาสวรรค์จะสามารถระงับความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ด้วยตัวของมันเอง
“ทุกคน ผู้ทรยศถูกเปิดโปงแล้ว เหตุใดพวกเจ้ายังปิดล้อมข้า?” ไป่เฉินเทียนไม่สามารถอดทนอยู่ในสถานการณ์นี้
ในที่สุดกลุ่มผู้อมตะของวังสวรรค์จึงตอบสนองด้วยการขอโทษและยกเลิกการปิดล้อม
อย่างไรก็ตามพวกเขายังไม่ไว้ใจไป่เฉินเทียนอย่างสมบูรณ์
เจ้าวังตระหนักถึงเรื่องนี้และรีบควบคุมสถานการณ์ “ทุกคน ฟังข้า อย่าระแวงกันเอง เหลียนจิ่วเฉิงกล่าวเกินจริง หากมีสายลับอยู่ในวังสวรรค์มากมาย หอคอยดวงตาสวรรค์คงถูกทำลายไปนานแล้ว พวกเราจะมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร?”
ขวัญกำลังใจของสมาชิกวังสวรรค์พุ่งสูงขึ้นเมื่อได้ยินถ้อยคำเหล่านี้
“เกือบไปแล้ว พวกเราเกือบตกลงสู่หลุมพรางของเขา”
“ท่านเจ้าวังกล่าวได้ถูกต้อง นิกายเงาสามารถบรรลุถึงจุดนี้ นี่คือมากที่สุดแล้ว”
“หากเหลียนจิ่วเฉิงสามารถหลอกการตรวจสอบของพวกเราได้จริงๆ เหตุใดเขาต้องเปิดเผยตัวและฆ่าตัวตาย? นี่หมายความว่าเขาไม่มีความมั่นใจและแสดงว่าวิธีการตรวจสอบของพวกเรายังมีประโยชน์”
“อย่าพึ่งคิดว่าเหลียนจิ่วเฉิงเข้ามาในวังสวรรค์ได้อย่างไร? เรื่องเร่งด่วนตอนนี้คือหอคอยดวงตาสวรรค์สูญเสียการโจมตีที่รุนแรงที่สุดไปแล้ว แต่เรายังมีความหวัง ตราบเท่าที่พวกเราร่วมมือกัน คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเก้าจะสามารถทำลายแผนการของศัตรูได้อย่างแน่นอน!”
สมาชิกวังสวรรค์ทุกคนล้วนเป็นทหารผ่านศึกที่มีประสบการณ์ หลังจากพูดคุย ขวัญกำลังใจของพวกเขาก็กลับมาอีกครั้ง
หอคอยดวงตาสวรรค์พุ่งลงไปราวกับดาวตก
นิกายเงาไม่ได้ขัดขวางพวกเขาและยังเปิดช่องให้หอคอยดวงตาสวรรค์เข้ามา
อีกด้านหนึ่ง ฟางหยวนต้องการออกไปแต่ถูกขัดขวางโดยเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์
ด้วยเหตุนี้ภายในค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายาจึงเกิดการต่อสู้ที่ชุลมุนวุ่นวายขึ้นน
แม้หอคอยดวงตาสวรรค์จะได้รับความเสียหายแต่มันยังเป็นฝ่ายได้เปรียบ
นิกายเงาใช้เมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์และพลังอำนาจของค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายาโจมตีหอคอยดวงตาสวรรค์ขณะที่ฟางหยวนพยายามหลบหนีอย่างสุดความสามารถ
สถานการณ์ของฟางหยวนดีขึ้นมากจากก่อนหน้า
นิกายเงาและวังสวรรค์ต่างได้รับความเสียหายครั้งใหญ่ สำหรับฟางหยวนที่เป็นปีศาจต่างโลก เขาได้รับความเสียหายน้อยที่สุด
“ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน นิกายเงาและวังสวรรค์เป็นศัตรูที่ไม่สามารถอยู่ร่วมโลก พวกเขาจะต่อสู้กันอย่างดุเดือดต่อไป เมื่อพวกเขาอ่อนแอลง ข้าจะมีโอกาส ตอนนี้ข้าต้องรักษาความแข็งแกร่งเอาไว้” ฟางหยวนประเมิน
“ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน ตราบเท่าที่พวกเราอยู่ในค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายา ฝ่ายตรงข้ามจะเฝ้าระวังหอคอยดวงตาสวรรค์ ยิ่งนาน พวกเขาจะยิ่งอ่อนแอลง โอกาสชนะของเราจะสูงขึ้น” เจ้าวังอธิบายสถานการณ์
“ยื้อเวลาไว้!” ผีดิบอมตะโป้ชิงตะโกน
ผีดิบอมตะเทพเจ็ดดาราตอบรับ “ถูกต้อง เรามีอิงอู๋เซี่ย ยิ่งเรายื้อเวลาได้นานเท่าใด ระดับการบ่มเพาะของเขายิ่งจะสูงขึ้น ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งความฝันของเขาทรงพลังมาก กระทั่งวังสวรรค์ก็ไม่สามารถป้องกัน!”
“พวกท่านกำลังกล่าวถึงข้าเช่นนั้นหรือ?” อิงอู๋เซี่ยชี้นิ้วไปที่ตนเอง
ผีดิบอมตะเทพเจ็ดดาราพยักหน้า “กระทั่งเจ้าวังสวรรค์ก็ไม่สามารถอนุมานเกี่ยวกับเจ้า แต่ปัญหาเดียวก็คือยิ่งระดับการบ่มเพาะสูงเท่าใด ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งความฝันก็ยิ่งซับซ้อน เจ้าจะต้องควบคุมมันให้ดี!”
อิงอู๋เซี่ยสูดหายใจลึก “ท่านลุงผีดิบ ข้าเริ่มประหม่าเมื่อได้ยินเรื่องนี้”
ด้วยความบังเอิญ ทั้งวังสวรรค์ นิกายเงา และฟางหยวน พวกเขาต่างต้องการยื้อเวลาออกไป แต่ท้ายที่สุดจะเป็นผู้ใดที่สามารถหัวเราะเป็นคนสุดท้าย?
บทที่ 1006 เข้าและออก
แปลโดย iPAT
“เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง”
สายฟ้าฟาดลงมาอย่างไม่หยุดยั้ง
ท้องฟ้าเต็มไปด้วยประกายสายฟ้าแลบลั่นท่ามกลางกลุ่มก้อนเมฆสีดำ
ค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายาเปลี่ยนเป็นกลุ่มก้อนเมฆสีดำไปแล้ว ผีดิบอมตะสุดยอดกายาทั้งสิบหายตัวไปในกลุ่มเมฆ นี่ทำให้แผนการโจมตีของฟางหยวนล้มเหลว
ท่ามกลางกลุ่มก้อนเมฆสีดำ คฤหาสน์วิญญาณอมตะสามหลังราวกับดวงดาวที่โคจรรอบกันและกัน
ทุกฝ่ายกำลังเฝ้ารอโอกาส แต่กลยุทธ์ของฝ่ายใดจะเป็นผู้ชนะ
เมื่อภัยพิบัติเริ่มรุนแรงมากขึ้น ค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายากลายเป็นอ่อนแอลง อย่างไรก็ตามมันยังไม่อ่อนแอถึงระดับที่เจ้าวังสวรรค์คาดหวัง
เนื่องจากทั้งสามฝ่ายต่างเฝ้าระวังซึ่งกันและกัน ดังนั้นโอกาสของฟางหยวนจึงไม่เคยมาถึง
“โอ้ ตอนนี้การบ่มเพาะของข้าถึงระดับเจ็ดแล้ว” ในเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์ อิงอู๋เซี่ยกล่าวอย่างร่าเริง
“ดี เราจะจัดการฟางหยวนก่อนและยึดครองสนามรบแห่งความโกลาหล” ผีดิบอมตะเทพเจ็ดดารากล่าว
อิงอู๋เซี่ยพยักหน้า
นิกายเงาจัดเตรียมท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งความฝันและชุดวิญญาณที่เหมาะสมให้เขาในทุกระดับการบ่มเพาะ
เหตุใดนิกายเงาจึงเลือกจัดการฟางหยวนก่อนวังสวรรค์?
ประการแรก ฟางหยวนมีการบ่มเพาะระดับหกเท่านั้น เขาจัดการได้ง่ายกว่า นอกจากนี้หลังจากจัดการฟางหยวน นิกายเงายังสามารถครอบครองสนามรบแห่งความโกลาหลและใช้มันต่อสู้กับวังสวรรค์
ประการที่สอง วังสวรรค์ยังไม่ได้กดดันนิกายเงามากนัก สมาชิกนิกายเงาตระหนักถึงเรื่องนี้และกำลังใช้ประโยชน์จากมัน
ประการที่สาม อิงอู๋เซี่ยอยู่ในระดับเจ็ดเท่านั้น ท่าไม้ตายอมตะนำวิญญาณสู่ความฝันยังไม่มีประโยชน์มากนักกับผู้อมตะระดับแปดจำนวนมากของวังสวรรค์ หากใช้มันมากเกินไป ฝ่ายตรงข้ามจะมีเวลาอนุมานและหาวิธีป้องกัน
การแสดงออกของอิงอู๋เซี่ยเปลี่ยนเป็นจริงจังขณะกระตุ้นใช้ท่าไม้ตาย
“อย่าประมาท ช้าๆ”
“เจ้าทำได้ โชคดี!”
สมาชิกนิกายเงารู้สึกประหม่ายิ่งกว่าตัวของอิงอู๋เซี่ยเอง
ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งความฝันระดับเจ็ด นำวิญญาณสู่ความฝัน!
ภายใต้การจ้องมองของทุกคน อิงอู๋เซี่ยไม่ทำให้พวกเขาผิดหวัง เขากระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายได้สำเร็จ
พลังอำนาจลึกลับพุ่งตรงไปยังคฤหาสน์วิญญาณอมตะสนามรบแห่งความโกลาหล
ฟางหยวนไม่ได้เตรียมตัวไว้ล่วงหน้า ดังนั้นเขาจึงถูกนำเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันทันที
ในศาลาบนเกาะกลางทะเลสาบ เทพอมตะกลุ่มดาวกำลังดีดพิณของนาง
“บทเพลงที่ล้มเหลวและวีรบุรุษที่สิ้นหวัง ความยากลำบากในการต่อต้านโชคชะตา”
“ดาบที่จมอยู่ใต้พื้นทรายทะยานขึ้นจากห้วงอดีตสร้างเสียงครวญครางไปทั่วน้ำตกสวรรค์”
“อนิจจา…”
“ค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาวนำวิญญาณสู่ความฝัน แล้วผู้ใดจะสามารถพักผ่อนอย่างสงบ?”
“ร่างกายและจิตใจอาจเปลี่ยนผัน แต่เจตจำนงสวรรค์ยังยิ่งใหญ่และไร้ขอบเขต”
เหมือนสองครั้งก่อนหน้า ข้อมูลจำนวนมากพุ่งเข้าสู่จิตใจของฟางหยวน
“ค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาวนำวิญญาณสู่ความฝัน แล้วผู้ใดจะสามารถพักผ่อนอย่างสงบ? ค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาว…นำวิญญาณสู่ความฝัน…ดังนั้นความจริงเบื้องหลังนิกายเงาก็คือสิ่งนี้!” ฟางหยวนตกตะลึง
“แปลก” ในเวลาเดียวกัน อิงอู๋เซี่ยเกาศีรษะของตนอยู่ในเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์
“เกิดสิ่งใดขึ้น? เจ้าทำไม่สำเร็จงั้นหรือ?” คนอื่นๆถาม
พวกเขากังวลมากกับการแสดงออกที่แปลกประหลาดของอิงอู๋เซี่ย
อิงอู๋เซี่ยส่ายศีรษะ “เขาหลับและเข้าสู่ความฝัน แต่ผลลัพธ์กลับแตกต่างออกไป”
ผู้อมตะนิกายเงารู้สึกผ่อนคลายลง
“อิงอู๋เซี่ย นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าใช้ท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ด เป็นเรื่องปกติที่มันจะแตกต่างจากสิ่งที่เจ้าคาดหวัง”
“เมื่อเราทำสำเร็จ เราจะฉวยโอกาสนี้ยึดครองสนามรบแห่งความโกลาหล”
เมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์กลับลำและพุ่งตรงไปยังสนามรบแห่งความโกลาหลทันที
อย่างไรก็ตามในจังหวะที่เมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์เข้าใกล้สนามรบแห่งความโกลาหล อิงอู๋เซี่ยกลับเบิกตากว้าง “โอ้ ไม่ เขาสามารถหลบหนีจากมัน!”
ท่าไม้ตายอมตะนำวิญญาณสู่ความฝันส่งผลกระทบต่อผู้อมตะคนอื่นๆ
แต่ฟางหยวนกลับได้รับผลกระทบจากมันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เพราะเหตุใด?
นับรวมผู้อมตะทั้งหมดที่นี่ ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งความฝันของฟางหยวนเป็นรองเพียงอิงอู๋เซี่ยคนเดียวเท่านั้น
นอกจากนั้นเขายังมีท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝัน
อย่างไรก็ตามท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝันเป็นท่าไม้ตายอมตะระดับหก ตามหลักการ มันไม่ควรจะสามารถนำฟางหยวนหลบหนีจากท่าไม้ตายอมตะนำวิญญาณสู่ความฝันระดับเจ็ด
แต่อาณาจักรแห่งความฝันที่ฟางหยวนเข้าไปแปลกมาก
ดูเหมือนมันจะเป็นอาณาจักรแห่งความฝันของเทพอมตะกลุ่มดาวขณะที่ความยากของมันต่ำมาก
หากท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝันครั้งเดียวยังไม่เพียงพอ ฟางหยวนจะใช้มันซ้ำๆ
เขามีวิญญาณบนเส้นทางแห่งความฝันมากมาย เขาสามารถกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝันได้หลายครั้ง
การรวบรวมผลไม้แห่งความฝันทำให้ฟางหยวนได้รับประโยชน์อย่างมากในเวลานี้
แต่มันยังสายเกินไปเมื่อฟางหยวนตื่นขึ้น
“บึม!”
สนามรบแห่งความโกลาหลถูกส่งลอยกลับหลัง
ฟางหยวนไม่สามารถทรงตัวยืนอยู่ได้และล้มเหลวบนพื้น
แต่นั่นก็ทำให้สติของเขากลับคืนมาอย่างรวดเร็ว เขาบังคับสนามรบแห่งความโกลาหลบินหนีไปและทำให้แผนการของนิกายเงาล้มเหลว
“เกิดสิ่งใดขึ้น?”
“เขาหลบหนีจากท่าไม้ตายอมตะนำวิญญาณสู่ความฝันได้อย่างไร?”
สมาชิกนิกายเงาแสดงออกด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
สถานการณ์นี้เกินกว่าความคาดหมายของพวกเขา
อิงอู๋เซี่ยเกาศีรษะ “ข้าจะลองอีกครั้ง”
ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งความฝันระดับเจ็ด นำวิญญาณสู่ความฝัน!
ฟางหยวนถูกโจมตีอีกครั้ง
ในศาลาบนเกาะกลางทะเลสาบ เทพอมตะกลุ่มดาวมองมาที่ฟางหยวนด้วยดวงตาอันลึกลับ
นางถือพิณเอาไว้ในมือ
แต่ครั้งนี้นางไม่ได้ร้องเพลง
เสียงพิณก้องกังวาลและไพเราะ แต่ฟางหยวนไม่มีเวลารื่นรมย์กับมัน เขารู้ว่าตนเองอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝัน แล้วเขาจะอยู่ที่นี่เพื่อสิ่งใด?
หลังจากใช้ท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝันหลายครั้ง ฟางหยวนจึงสามารถหลบหนีออกจากอาณาจักรแห่งความฝันได้ในที่สุด
“เกิดสิ่งใดขี้น!?” อิงอู๋เซี่ยกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง
ขณะที่เมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์เข้าใกล้สนามรบแห่งความโกลาหล ฟางหยวนก็ตื่นขึ้นอีกครั้งและสามารถหลบหนี
เมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์ได้รับความเสียหายมากกว่าสนามรบแห่งความโกลาหล ดังนั้นความเร็วของมันจึงล่าช้าลงไปมาก
“ลองอีกครั้ง!” ผีดิบอมตะเทพเจ็ดดาราตะโกน เขายังไม่ยอมแพ้
“อืม!” อิงอู๋เซี่ยพยักหน้าและกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะอีกหน
“บัดซบ! ช่างจัดการได้ยากนัก! ท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งความฝันของฝ่ายตรงข้ามเกินกว่ายุคนี้ไปไกลมาก! นำวิญญาณสู่ความฝัน…แม้ข้าจะอยู่ในคฤหาสน์วิญญาณอมตะ มันก็ยังไม่สามารถปกป้องข้า!” การแสดงออกของฟางหยวนก็ไม่ได้ดีไปกว่าผีดิบอมตะเทพเจ็ดดารา
ในชีวิตก่อนหน้าของฟางหยวน เส้นทางแห่งความฝันเจริญรุ่งเรืองมาก มีคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลายหลังที่เพิ่มเติมวิญญาณบนเส้นทางแห่งความฝันเข้าไปเพื่อป้องกันการโจมตีบนเส้นทางแห่งความฝัน
แต่สนามรบแห่งความโกลาหลเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะที่ถูกส่งผ่านมาจากอดีตอันไกลโพ้น เป็นธรรมดาที่มันจะไม่สามารถต่อต้านการโจมตีบนเส้นทางแห่งความฝัน
“ท่าไม้ตายอมตะนำวิญญาณสู่ความฝัน!” ในเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์ อิงอู๋เซี่ยตะโกนอีกครั้ง
“เป็นอย่างไรบ้าง?” สมาชิกนิกายเงามองอิงอู๋เซี่ยด้วยความคาดหวัง
อิงอู๋เซี่ยพยักหน้าด้วยความมั่นใจ “เขาอยู่ในความฝัน”
“โจมตี!” โป้ชิงตะโกนและบังคับเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์พุ่งตรงไปยังสนามรบแห่งความโกลาหล
แต่สนามรบแห่งความโกลาหลยังสามารถหลบได้เช่นเดิม
“เกิดสิ่งใดขึ้น? เขาไม่ได้อยู่ในความฝันงั้นหรือ? เหตุใดเขาจึงตอบสนองได้เร็วนัก!?” ผีดิบอมตะเทพเจ็ดดาราขมวดคิ้ว
“เขาเข้าไป…อา…ไม่…เขาออกมา” อิงอู๋เซี่ยพูดตะกุกตะกัก
สมาชิกนิกายเงากลายเป็นพูดไม่ออก
ภายในสนามรบแห่งความโกลาหล
“โอ้ ตาแก่เป่ย ในช่วงเวลาสำคัญ ข้าต้องพึ่งพาท่านแล้ว สหายของข้า!” เขาตบไหล่ไท่เป่ยหยุนเฉิง
ฟางหยวนรู้ว่านิกายเงาไม่ยอมปล่อยเขาไป ดังนั้นก่อนที่เขาจะถูกส่งเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันอีกครั้ง เขาจึงเรียกไท่เป่ยหยุนเฉิงมาเป็นกำลังเสริม
ก่อนหน้านี้สนามรบแห่งความโกลาหลสามารถหลบการโจมตีของศัตรูก็เป็นเพราะการควบคุมของไท่เป่ยหยุนเฉิง
ค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายาไม่อนุญาตให้ฟางหยวนใช้วิญญาณท่องแดนอมตะ
แต่ก่อนออกเดินทางมาที่นี่ ฟางหยวนซ่อนไท่เป่ยหยุนเฉิงไว้ในมิติช่องว่างของเขานานแล้ว
ในขณะเดียวกันไห่ลั่วหลันกับเทพธิดาหลี่ซานก็ซ่อนอยู่ในมิติช่องว่างของไท่เป่ยหยุนเฉิง
“ฟางหยวน เจ้าเสี่ยงมากเกินไป!” ไท่เป่ยหยุนเฉิงกล่าวด้วยความตกใจ แม้ไท่เป่ยหยุนเฉิงจะรู้รายละเอียดเกี่ยวกับคฤหาสน์วิญญาณอมตะสนามรบแห่งความโกลาหลมาแล้ว แต่ชายชราไม่คิดว่ามันจะเกี่ยวข้องกับนิกายเงาและวังสวรรค์
ฟางหยวนหัวเราะ “ศัตรูใช้วิธีการบนเส้นทางแห่งความฝัน บางทีท่านอาจตกเป็นเป้าหมาย ดังนั้นถึงเวลาเรียกไห่ลั่วหลันกับเทพธิดาหลี่ซานออกมาแล้ว”
ไม่นานหลังจากนั้นไห่ลั่วหลันกับเทพธิดาหลี่ซานจึงปรากฏตัวขึ้น
พวกนางแสดงออกด้วยความรู้สึกซับซ้อนแต่ส่วนใหญ่เป็นความตกใจ
หลังจากกวาดตามองไปรอบๆ ไห่ลั่วหลันจึงเปิดปากกล่าว “ฟางหยวน เจ้าเก่งเรื่องนำตนเองเข้าสู่สถานการณ์อันตรายจริงๆ”
เทพธิดาหลี่ซานกล่าวต่อ “ฟางหยวน เจ้ากำลังนำพวกเราเข้าสู่กองไฟ!”
ฟางหยวนโบกมือและเผยรอยยิ้ม “ต้องกลัวสิ่งใด? เมื่อพยัคฆ์สองตัวต่อสู้กันย่อมมีฝ่ายได้รับบาดเจ็บ หากพวกท่านช่วยข้า ฝ่ายตรงข้ามจะไม่สามารถทำสิ่งใด ด้วยการปกป้องจากคฤหาสน์วิญญาณอมตะ พวกเราจะมีโอกาสคว้าชัยชนะและได้รับรางวัลใหญ่”
ไห่ลั่วหลันพยักหน้าและไม่กล่าวสิ่งใดอีก ดวงตาของนางกำลังส่องประกายขณะประเมินพลังอำนาจของสนามรบแห่งความโกลาหล
เทพธิดาหลี่ซานลอบกังวลอยู่ภายใน เพราะข้อตกลงพันธมิตร นางจึงต้องมา ก่อนหน้านี้ฟางหยวนใช้เหตุการณ์บนภูเขาอี้เทียนและสนามรบแห่งความโกลาหลล่อลวงพวกนางให้เข้าไปซ่อนตัวในมิติช่องว่างของไท่เป่ยหยุนเฉิง แต่พวกนางไม่คิดว่าสถานการณ์จะพัฒนาไปไกลเกินกว่าจินตนาการเช่นนี้
มองออกไปด้านนอก เทพธิดาหลี่ซานสามารถมองเห็นผู้อมตะที่มีชื่อเสียงมากมาย
เช่นคำกล่าวของไท่เป่ยหยุนเฉิงก่อนหน้านี้ ฟางหยวนเสี่ยงมากเกินไป!
เช่นนี้แล้วจะไม่ให้เทพธิดาหลี่ซานกังวลได้อย่างไร?
บทที่ 1007 ภัยพิบัติใหญ่
แปลโดย iPAT
“เทพธิดาหลี่ซาน ท่านสามารถติดต่อพี่สาวของท่านหรือไม่?” ฟางหยวนถาม
สถานการณ์ปัจจุบันยิ่งมีกำลังเสริมมากเท่าใดก็ยิ่งดีเท่านั้น
นางมารผลาญสวรรค์ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงพันธมิตร อย่างไรก็ตามในสถานการณ์อันตราย ไห่ลั่วหลันกับเทพธิดาหลี่ซานจะไม่ต้องการความช่วยเหลือจากนางมารผลาญสวรรค์เช่นนั้นหรือ?
เทพธิดาหลี่ซานรู้ว่านี่เป็นแผนการของฟางหยวน แต่นางก็ไม่สามารถทำสิ่งใดนอกจากกรอกตาและพยายามติดต่อนางมารผลาญสวรรค์
ทันใดนั้นใบหน้าของนางกลับกลายเป็นซีดเผือด นางส่ายศีรษะ “เห้อ…ค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายาอัศจรรย์เกินไป มันปิดผนึกวิธีการสื่อสารของข้าเช่นกัน”
ฟางหยวนพยักหน้าแต่ไม่กล่าวสิ่งใด เขาคิด ‘ดูเหมือนมีเพียงต้องทะลวงค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายาออกไป พวกเราจึงจะสามารถติดต่อพันธมิตร’
ในความเป็นจริงกระทั่งนางมารผลาญสวรรค์จะสามารถเดินทางมา ฟางหยวนก็ยังไม่ไว้ใจให้นางอยู่ในคฤหาสน์วิญญาณอมตะสนามรบแห่งความโกลาหล
แต่หากนางอยู่ข้างนอก มันจะอันตรายเกินไปและเป็นเรื่องไม่เหมาะสมหากเขาจะกีดกันไม่ให้นางเข้ามา
ตัดเรื่องของนางมารผลาญสวรรค์ออกไปก่อนสำหรับเวลานี้
ด้วยความช่วยเหลือจากไห่ลั่วหลัน ไท่เป่ยหยุนเฉิง และเทพธิดาหลี่ซาน นั่นทำให้นิกายเงาไม่สามารถโค่นล้มฟางหยวน
อีกด้านหนึ่งในการต่อต้านวังสวรรค์ อิงอู๋เซี่ยที่มีการบ่มเพาะระดับเจ็ดยังไม่สามารถทำสิ่งใด
ในขณะที่สถานการณ์กลายเป็นชะงักงัน ภัยพิบัติก็ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
ภัยพิบัติร่วงหล่นลงมาอย่างต่อเนื่องและไม่ซ้ำรูปแบบ
เป็นเพียงเวลานี้ที่แสงสีทองพลันส่องสว่างลงมาจากท้องฟ้า
หนามสีทองนับหมื่นตกลงมาอย่างไม่รู้สิ้นสุด
“ภัยพิบัติใหญ่!” สมาชิกนิกายเงาตกตะลึง
“ฮ่าฮ่าฮ่า นี่คือภัยพิบัติวัชระทองคำ” ภายในหอคอยดวงตาสวรรค์ เจ้าวังลูบเคราและหัวเราะอย่างมีความสุข
ภัยพิบัตินี้เป็นภัยพิบัติที่พบได้ยาก มันกระทั่งเหนือกว่าภัยพิบัติของสุดยอดกายาทั้งสิบ!
ภัยพิบัติเป็นสิ่งที่ผู้อมตะต้องเผชิญ มันอาจเป็นหายนะหรือโชคลาภ หากพวกเขาไม่สามารถก้าวข้าม พวกเขาจะตาย ในทางตรงข้ามหากพวกเขาสามารถก้าวผ่าน รากฐานของพวกเขาจะแข็งแกร่งขึ้นพร้อมกับระดับการบ่มเพาะที่เพิ่มสูงขึ้น
ผู้อมตะระดับหกจะเผชิญหน้ากับภัยพิบัติพิภพทุกสิบปีและเผชิญหน้ากับภัยพิบัติสวรรค์ทุกร้อยปี หลังจากสามร้อยปี พวกเขาจะบรรลุระดับเจ็ด
ผู้อมตะระดับเจ็ดจะเผชิญหน้ากับภัยพิบัติพิภพทุกสิบปี ภัยพิบัติสวรรค์ทุกห้าสิบปี และภัยพิบัติใหญ่ทุกหนึ่งร้อยปี หลังจากสามร้อยปีพวกเขาจะบรรลุระดับแปด
ผู้อมตะระดับแปดจะเผชิญหน้ากับภัยพิบัติสวรรค์ทุกสิบปี ภัยพิบัติใหญ่ทุกห้าสิบปี และหมื่นภัยพิบัติทุกหนึ่งร้อยปี หากสามารถผ่านหมื่นภัยพิบัติสามครั้ง พวกเขาจะบรรลุระดับเก้า
ภัยพิบัติพิภพ ภัยพิบัติสวรรค์ ภัยพิบัติใหญ่ และหมื่นภัยพิบัติ คือระดับความรุนแรงของภัยพิบัติที่เพิ่มสูงขึ้น
ภัยพิบัติพิภพและภัยพิบัติสวรรค์อันตรายมาก แต่ภัยพิบัติใหญ่ยิ่งอันตรายกว่า ผู้อมตะส่วนใหญ่ตกตายเพราะภัยพิบัติเหล่านี้ ดังนั้นผู้อมตะทุกคนจึงต้องฝึกฝนและระวังตัวตลอดเวลา
สำหรับหมื่นภัยพิบัติ มันเป็นเรื่องยากมากที่ผู้อมตะจะรอดชีวิตไปจากมัน แต่ผู้ที่สามารถก้าวข้ามก็จะมีอนาคตที่สดใส ผู้คนจะยกย่องและให้ความเคารพแก่พวกเขา
ในประวัติศาสตร์อันยาวนานมีเพียงสิบคนที่สามารถก้าวข้ามหมื่นภัยพิบัติสามครั้งและกลายเป็นเทพอมตะ
โป้ชิงสามารถก้าวข้ามหมื่นภัยพิบัติสองครั้ง ผู้คนคิดว่าเขาจะกลายเป็นเทพอมตะคนต่อไป อย่างไรก็ตามเขากลับล้มเหลวในครั้งที่สาม
ในยุคปัจจุบัน ที่ภาคเหนือ ปีศาจอมตะเซี่ยหูกำลังเตรียมตัวเผชิญหน้ากับหมื่นภัยพิบัติครั้งแรก เขาต้องการหลอมรวมวิญญาณโชคชะตาท้าทายสวรรค์เพราะเรื่องนี้ สำหรับจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู และเหยากวง พวกเขายังห่างไกลจากหมื่นภัยพิบัติ
แม้พวกเขาจะแก่มากแล้ว แต่พวกเขาใช้วิธีบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเพื่อชะลอเวลาในมิติช่องว่างของตน ผู้อมตะบางคนกระทั่งใช้วิธีหยุดเวลาในมิติช่องว่างของพวกเขาอย่างสมบูรณ์
แต่ในกรณีนั้นมิติช่องว่างของพวกเขาก็จะไม่สามารถผลิตพลังงานอมตะเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นหากปราศจากภัยพิบัติ พวกเขาก็จะไม่ได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าและไม่สามารถยกระดับการบ่มเพาะ
ข้อบกพร่องอีกประการของวิธีหยุดเวลาก็คือพวกเขาไม่สามารถหยุดเวลาได้นานนักและต้องเสียค่าสใช้จ่ายมหาศาลเพื่อรักษาสภาวะหยุดเวลาของพวกเขาเอาไว้
ในปัจจุบันผู้อมตะส่วนใหญ่มักเลือกใช้วิธีชะลอเวลา
ยิ่งการบ่มเพาะสูงเท่าใด ภัยพิบัติก็ยิ่งอันตรายมากเท่านั้น
นั่นเป็นเหตุผลที่ผู้อมตะวังสวรรค์จะเข้าสู่การจำศีลในเวลาปกติ
การจำศีลถือเป็นวิธีการชะลอเวลาที่ดีที่สุดวิธีหนึ่ง
ในสถานการณ์ปัจจุบัน บนท้องฟ้าคือภัยพิบัติใหญ่
ภับพิบัติวัชระทองคำ!
แม้พวกมันจะไม่ได้พุ่งเข้าโจมตีพวกเขา แต่ผู้อมตะวังสวรรค์ยังต้องระวังตัว
วัชระทองคำพุ่งผ่านก้อนเมฆสีดำพร้อมเสียงแตกหัก
กลุ่มก้อนเมฆสีดำเริ่มเบาบางลงภายใต้การปะทะ
เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ สมาชิกนิกายเงาถึงกับขมวดคิ้วลึก
“เยี่ยมมาก” ผู้อมตะวังสวรรค์เผยรอยยิ้มมีความสุข ในที่สุดกลยุทธ์ของพวกเขาก็เริ่มเห็นผลลัพธ์
“แม้พวกเราจะไม่ทำสิ่งใด พวกเขาก็อาจแพ้ภัยตนเอง ฮ่าฮ่าฮ่า” ไป่เฉิงเทียนหัวเราะ
เจ้าวังกล่าวอย่างลึกซึ้ง “ฝ่ายตรงข้ามอาจแข็งแกร่งแต่พวกเขาจะเหนือกว่าสวรรค์ได้อย่างไร? มนุษย์ควรเคารพสวรรค์พิภพ หากเปรียบเทียบ ผู้อมตะก็ไม่ถือเป็นสิ่งใด กระทั่งผู้อมตะระดับเก้าก็ไม่สามารถอยู่ยงคงกระพัน เคารพสวรรค์พิภพ ทำตามเจตจำนงสวรรค์ นี่คือเส้นทางที่ถูกต้อง!”
เผชิญหน้ากับภัยพิบัติใหญ่ ค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายาค่อยๆสูญเสียพลังอำนาจของมันไปอย่างช้าๆ
“เราไม่สามารถต่อต้านมัน!”
ค่ายกลวิญญาณที่ถูกควบคุมโดยมนุษย์มีความยืดหยุ่นมากกว่าเขตแดนที่ไร้การควบคุมในแดนศักดิ์สิทธิ์หยูลู่
ดังนั้นกลุ่มเมฆสีดำจึงเปิดช่องให้วัชระทองคำพุ่งผ่านลงมา
วัชระทองคำจำนวนมากร่วงหล่นลงมายังคฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามหลัง
เจ้าวังสวรรค์หัวเราะเย้ยหยัน เขารู้ว่านิกายเงาต้องการใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้เพื่อกดดันวังสวรรค์
เจ้าวังบังคับหอคอยดวงตาสวรรค์และพยายามหลบเลี่ยง
“วิญญาณชะตากรรมอยู่ในหอคอยดวงตาสวรรค์ หนึ่งในวัสดุในการหลอมรวมวิญญาณชะตากรรมคือเจตจำนงสวรรค์ ภัยพิบัตินี้กำเนิดจากเจตจำนงสวรรค์เช่นกัน ดังนั้นเราจะได้รับความเสียหายน้อยกว่าฝ่ายตรงข้าม” เจ้าวังกล่าว
ความหมายของเขาชัดเจนมาก เมื่อค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายาเกิดรูช่วงโหว่ เขาจะใช้คฤหาสน์วิญญาณอมตะโจมตีมันอย่างรุนแรง
สมาชิกวังสวรรค์คนอื่นๆไม่คัดค้าน
“โอ้ ไม่ ตอนนี้พวกเราต้องอดทนมากขึ้น มิฉะนั้นค่ายกลวิญญาณจะไม่สามารถคงอยู่จนถึงตอนจบ!”
“ภัยพิบัติใหญ่แล้วอย่างไร? พวกเราได้เห็นจุดจบของตงฟางชางฟานมาแล้ว ภัยพิบัติใหญ่อยู่ในการคาดหมายของพวกเราตั้งแต่แรก!”
“สละคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังอื่นๆและปกป้องเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์!”
สมาชิกนิกายเงาแสดงออกด้วยความเด็ดเดี่ยว หลังจากทั้งหมดพวกเขาเตรียมตัวมานานแล้ว
เหนือเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์ แสงสีชมพูส่องประกายขึ้น
สิ่งนี้ทำให้หัวใจของผู้คนรู้สึกอบอุ่น
อย่างไรก็ตามในความเป็นจริงมันไม่ใช่แสง
มันคือกลุ่มก้อนของความปรารถนา
คฤหาสน์วิญญาณอมตะทุกหลังล้วนมีความเชี่ยวชาญและความพิเศษที่แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่นคุกทมิฬ มันสามารถกักขังสัตว์อสูรเดียวดายและสัตว์อสูรบรรพกาลเอาไว้ภายใน หากคุกทมิฬยกระดับขึ้น มันจะสามารถกักขังกระทั่งสัตว์อสูรแรกกำเนิด
ความพิเศษของหอคอยดวงตาสวรรค์ระดับเก้าคือการโจมตีด้วยพลังอำนาจแห่งโชคชะตาที่ไม่มีสิ่งใดสามารถป้องกันหรือต่อต้าน น่าเสียดายที่ตอนนี้มันไม่สามารถใช้การโจมตีชนิดนี้ได้อีก
สำหรับเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์ที่นิกายเงาพยายามยึดครองมันก็มีความพิเศษเช่นกัน
นั่นก็คือการดูดซับพลังงานแห่งความปรารถนาจากอดีตจนถึงปัจจุบันเพื่อใช้ประโยชน์
เมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์อยู่ภายใต้การครอบครองของเผ่ามนุษย์วิหคมาหลายชั่วอายุคนในสวรรค์สีเขียว ดังนั้นมันจึงเต็มไปด้วยพลังแห่งความปรารถนา
แม้ท่าไม้ตายพรจากสวรรค์จะดูดกลืนพลังแห่งความปรารถนาไปเป็นจำนวนมาก แต่มันยังเหลืออยู่มากกว่าครึ่ง สิ่งสำคัญก็คือเผ่ามนุษย์วิหคไม่รู้วิธีใช้งานสิ่งนี้
นิกายเงามีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน เป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาจะรู้ต้นกำเนิดของมัน
พลังแห่งความปรารถนามีอนุภาพสูงมาก มันสามารถปิดกั้นฝนวัชระทองคำและช่วยปกป้องค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายา
“ช่างเป็นภัยพิบัติที่น่าอัศจรรย์นัก ในระยะเวลาสั้นๆ สนามรบแห่งความโกลาหลกลับได้รับความเสียหายอย่างหนัก” ไห่ลั่วหลันอุทาน
ใบหน้าของเทพธิดาหลี่ซานกลายเป็นซีดขาว
ภัยพิบัติครั้งนี้น่ากลัวเกินไป หากนางเผชิญหน้ากับมันเพียงลำพัง นางจะไม่สามารถทนได้ถึงสามครั้ง
แต่ความจริงก็คือมีวัชระทองคำนับหมื่นที่ร่วงหล่นลงมาและยังคงเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง
ฟางหยวนหัวเราะ “ฮ่าฮ่าฮ่า ข้ากำลังรอสิ่งนี้อยู่ ตอนนี้ข้าจะแสดงพลังอำนาจที่แท้จริงของสนามรบแห่งความโกลาหลให้ทุกคนได้ประจักษ์!”
ความคิดดาราระเบิดขึ้นในใจของฟางหยวน
เขาเพ่งสมาธิและความสนใจทั้งหมดกับสนามรบแห่งความโกลาหล
คฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้สามารถใช้วิธีบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเพื่อปิดผนึกการโจมตีของศัตรูและส่งพวกมันกลับไป
แต่การใช้วิธีนี้จำเป็นต้องทุ่มเทสมาธิกับมัน ก่อนหน้านี้ฟางหยวนไม่ได้ใช้งานมันเพราะเขาต้องบังคับคฤหาสน์วิญญาณอมตะและจัดการศัตรูในเวลาเดียวกัน
แต่ตอนนี้เขามีไท่เป่ยหยุนเฉิงและคนอื่นๆ ขณะที่เมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์กำลังยุ่งอยู่กับการต่อต้านภัยพิบัติ ดังนั้นฟางหยวนจึงมีเวลาใช้ทักษะพิเศษของสนามรบแห่งความโกลาหลในที่สุด
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น