ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 1000-1005
บทที่ 1000 เรือปริ้นเซสเมล่อน
Ink Stone_Fantasy
ดูห้องคนขับและห้องลูกเรือแล้ว ต่อไปก็เป็นส่วนที่สำคัญที่สุด
เรือกลประมงทะเลลึกแม้ว่าจะออกเรือได้หนึ่งถึงสองปีต่อหนึ่งครั้ง แต่ห้องแช่เย็นก็ต้องพึ่งพาได้ เพราะปลาที่จับมาได้ทั้งหมดล้วนอยู่ในนี้ หากห้องแช่เย็นมีปัญหา อย่างนั้นการออกทะเลก็จะสิ้นเปลืองเงินไปเปล่าๆ
ส่วนที่สำคัญที่สุดของห้องแช่เย็นคือส่วนควบคุมความเย็น แฮงค์บอกว่าเขาติดตั้งเครื่องควบคุมความเย็นที่ล้ำหน้าที่สุดให้กับเรือขุนพลเคลย์ตันตามคำขอของฉินสือโอว
การควบคุมความเย็นของเรือประมงโดยทั่วไปแล้วจะวิธีรักษาปลาอยู่หลักๆ สามวิธี ก็คือการแช่เย็น ท่อทำความเย็นและการแช่แข็ง ห้องแช่เย็นของเรือฮาวิซทก็สามารถทำได้ทั้งสามวิธี แน่นอนว่าเครื่องทำความเย็นไม่เหมือนกัน ปริมาตรของห้องทำความเย็นก็ไม่เท่ากัน
วิธีที่สำคัญที่สุดของเรือประมงทั่วไปในการควบคุมความเย็นคือการทำความเย็นแบบแช่เย็น โดยใช้ก้อนน้ำแข็งใสๆ มาแช่อาหารทะเลไว้ แบบนี้จะสามารถรักษาความสดใหม่ของอาหารทะเลไว้ได้มากและมีค่าใช้จ่ายที่ถูก วิธีการก็ง่าย
เรือขุนพลเคลย์ตันมีห้องแช่เย็นอาหารทะเลเล็กๆ เพียงห้องเดียว บรรจุอาหารทะเลได้เต็มที่ก็ประมาณหนึ่งร้อยตัน
เหตุผลนั้นง่ายมาก การแช่แข็งอาหารทะเลได้ผลลัพธ์ที่ไม่ดี เก็บรักษาได้มากที่สุดแค่สิบกว่าวัน สำหรับเรือกลประมงทะเลลึกแล้วเวลาแค่นี้สั้นเกินไป นอกจากนี้ตอนที่เรือกลเตรียมขึ้นฝั่งเพื่อเติมน้ำมัน อาหารและน้ำจืดเป็นเวลาเดียวที่จะได้เอาอาหารทะเลที่เก็บรักษาในห้องแช่เย็นพวกนี้ขึ้นฝั่งไปขาย
ต่อมาสิ่งที่สำคัญที่สุดคือท่อทำความเย็นและการแช่แข็ง
การควบคุมความเย็นด้วยสองวิธีนี้มีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง แต่ถ้าควบคุมความเย็นได้สำเร็จก็จะลดการใช้พลังงานใต้ท้องเรือไปได้เยอะมาก
แฮงค์อธิบาย “ดูสิ พวกเราใช้วัสดุโฟมโพลียูรีเทนแบบแข็งกับเรือลำนี้ วัสดุประเภทนี้นำมาใช้กับเรือเดินทะเลน้อยมากเพราะพวกมันราคาสูงลิ่ว แต่ผมคงต้องบอกว่าต้องยอมลงทุนถึงจะได้กำไรมหาศาล วัสดุประเภทนี้สามารถรักษาอุณหภูมิได้ดีมาก หลังจากทำความเย็นหลังแล้วเพียงทำความเย็นเพิ่มในระยะเวลาสั้นๆ ก็พอ เทียบกับวัสดุแผ่นโลหะพีจีเอแบบดั้งเดิมแล้ว การรักษาอุณหภูมิของมันสูงสุดได้ถึง 400%”
ฉินสือโอวพาคนไปตรวจดูห้องแช่เย็นทั้งสองห้อง ทางท่อทำความเย็นจะมีท่อที่พ่นความเย็นเข้าไปด้านในอย่างไม่หยุดเพื่อรักษาอุณหภูมิให้ต่ำไว้ตลอด การแช่แข็งคือการเอาอาหารทะเลส่งเข้าห้องแช่เย็นแล้วลดอุณหภูมิจนต่ำกว่าลบสิบองศาให้แข็งจนเป็นน้ำแข็ง
การตรวจสอบการแช่แข็งนั้นง่ายมาก เอาน้ำใส่เข้าไปถังหนึ่ง เครื่องยนต์เดินเครื่องแล้วฉินสือโอวก็มองผ่านกล้องที่ติดอยู่ในห้อง เขาเห็นด้วยตาตัวเองว่าน้ำในถังแข็งเป็นน้ำแข็งอย่างรวดเร็ว ในที่สุดน้ำทั้งถังก็เปลี่ยนเป็นน้ำแข็งสูงกว่าถังน้ำ
novel-lucky
นี่เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่น่าอัศจรรย์ อย่างที่ทุกคนรู้หลักการที่ว่า ‘ร้อนยืดเย็นหด’ น้ำหนึ่งถังที่มีปริมาณเท่ากัน ความหนาแน่นของน้ำแข็งมีน้อยกว่าน้ำ ดังนั้นในที่สุดเมื่อน้ำเปลี่ยนเป็นน้ำแข็ง จึงทำให้มีพื้นที่ใหญ่ขึ้น
ลักษณะที่พิเศษนี้มีความสำคัญต่อสิ่งมีชีวิตเป็นอย่างมาก เพราะหากน้ำและสสารชนิดอื่นๆ มีความหนาแน่นในสถานะของแข็งมากกว่าในสถานะของเหลวกันหมด หากในฤดูหนาวก้นแม่น้ำ ก้นทะเลสาบ และก้นทะเลแข็งกลายเป็นน้ำแข็งคงทำให้สิ่งมีชีวิตที่ก้นทะเลอยู่กันไม่ได้
สิ่งมีชีวิตบนโลกในสมัยก่อนมีถิ่นกำเนิดในทะเล หากน้ำแข็งไม่สามารถลอยอยู่บนน้ำได้ แม้ว่าโลกจะมีสิ่งมีชีวิตแต่ก็คงไม่สามารถอยู่รอดพ้นยุคน้ำแข็งมาได้อย่างปลอดภัย ดังนั้นลักษณะพิเศษของน้ำและน้ำแข็งนี้มีประโยชน์ต่อการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิตบนโลกอย่างมีนัยสำคัญ
เมื่อเห็นผลลัพธ์ของการแช่แข็งแล้วฉินสือโอวก็พยักหน้าให้แฮงค์ด้วยความพอใจพลางพูด “อย่างนั้น ต่อไปผมก็ต้องไปดูเครื่องยนต์?”
แฮงค์พาเขาไปทางห้องเครื่องยนต์ที่ท้ายเรือพร้อมอธิบายอย่างภูมิใจ “เครื่องยนต์ที่เรือขุนพลเคลย์ตันใช้มาจากบริษัทยักษ์ใหญ่ทางทะเลอย่างแพรทท์แอนด์วิทนีย์ เป็นเครื่องยนต์ดีเซลคู่รุ่นใหม่รุ่น PP-LIKV556 ในขณะเดียวกันมันยังมีเครื่องนำทางไฟฟ้าหนึ่งเครื่อง รับประกันได้เลยว่าเรือจะเลี้ยวได้อย่างคล่องแคล่วเสมอ”
บริษัทแพรทท์แอนด์วิทนีย์ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1925 เป็นหนึ่งในสองบริษัทผลิตเครื่องยนต์เครื่องบินที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาและเป็นบริษัทผลิตเครื่องยนต์ใบพัดเครื่องบินหลักๆ ของโลก
แน่นอนว่าเครื่องยนต์ไม่แบ่งแยกที่ใช้ ประสิทธิภาพเครื่องยนต์เดินทะเลของบริษัทแพรทท์แอนด์วิทนีย์ก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน
เครื่องนำทางไฟฟ้าและเครื่องยนต์ดีเซลก็มีแนวโน้มที่จะพัฒนาในหมู่เรือที่พลเมืองใช้ในปัจจุบัน เครื่องนำทางไฟฟ้านี้ที่จริงควรเรียกว่า ‘ใบพัดนำทาง’ มันสามารถหมุนได้ 360 องศาทำให้เรือสามารถควบคุมได้มากกว่าและเคลื่อนที่ไปได้ทุกทิศทาง
แต่เครื่องยนต์เรือที่ก้าวหน้าที่สุดคือเครื่องนำไฟฟ้าที่บริษัทเซียร์เม็นส์กำลังวิจัยอยู่เมื่อไม่กี่ปีนี้ เจ้าสิ่งนี้ทนทานมากและสามารถปรับสภาพเข้ากับสิ่งแวดล้อมที่ขั้วโลกได้ เช่นการค้นหาที่มหาสมุทรอาร์กติก
พอตรวจดูแล้วว่าไม่มีปัญหาอะไร ฉินสือโอวก็ต้องเซ็นสัญญารับมอบ จากนั้นก็จ่ายเงินมัดจำ
ฉินสือโอวอ่านสัญญาแล้วชี้ที่ชื่อเรือพลางพูดว่า “ผมอยากเปลี่ยนชื่อเรือลำนี้ พวกคุณช่วยคุยกับทางการขนส่งทางทะเลให้หน่อย ขั้นตอนต่างๆ ขอให้พวกคุณช่วยจัดการให้ด้วย ผมไม่อยากเรียกมันว่าเรือขุนพลเคลย์ตันแล้ว เปลี่ยนเป็นเรือเถียนกวา ถ้าชื่อนี้ขึ้นทะเบียนไม่ได้ก็เปลี่ยนเป็นเรือปริ้นเซสเมล่อน”
ด้วยความสุขุมและฉลาดเฉลียวของแฮงค์ พอได้ยินชื่อนี้แล้วก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความตกใจ “เรือเถียนกวา? ชื่อนี้มันประหลาดอยู่นะ”
novel-lucky
ฉินสือโอวยิ้มอย่างใจดีแล้วทำเป็นถามอย่างตามอำเภอใจ “ถ้าได้ยินสาวน้อยคนหนึ่งชื่อว่าเถียนกวา คุณจะรู้สึกอย่างไร?”
แฮงค์ครุ่นคิดสักครู่แล้วพูด “ถ้าเป็นสาวน้อยที่น่ารัก ชื่อนี้ก็สุดยอดไปเลย เถียนกวาเป็นผลไม้ที่ถูกปากมาก พอมาใช้เป็นชื่อก็ทำให้ผมรู้สึกว่าสาวน้อยคนนี้ต้องเต็มไปด้วยเสน่ห์เหมือนกับรสชาติที่อร่อยของเมล่อน”
นายท่านฉินได้ฟังแล้วก็ดีใจใหญ่ เขาตบที่ไหล่ของแฮงค์อย่างแรงแล้วพูดว่า “คุณนี่มีรสนิยมจริงๆ ผมคงไม่ยอมรับไม่ได้ พวก มิน่าล่ะพวกเราถึงทำธุรกิจร่วมกันได้”
รอจนฉินสือโอวออกไปแล้ว ซีมอนส์เตอร์ก็มองแฮงค์อย่างประหลาด “คุณคิดว่าชื่ออย่างเถียนกวานี่เหมาะกับหญิงสาวจริงๆ เหรอ?”
แฮงค์ตบที่ไหล่ของเขาแล้วพูดว่า “ลูกค้าของผมชอบที่จะเรียกลูกของเขาว่าเถียนกวา แล้วผมมีเหตุผลอะไรที่จะไม่ชอบ? อีกอย่างผมก็ไม่ได้ใจดีปากหวานเป็นครั้งแรกด้วย”
ซีมอนส์เตอร์หัวเราะยกใหญ่ จากนั้นเขาก็รู้สึกว่าไม่ถูกต้องพลางถามอย่างตะลึง “คุณรู้ได้อย่างไรว่าลูกสาวของฉินสือโอวชื่อเถียนกวา?”
“เรือปริ้นเซสเมล่อน พวก ถ้าคุณเพิ่งมีลูกสาว จากนั้นก็ตั้งชื่อเรือนี้ว่าปริ้นเซสเมล่อน ถ้าอย่างนั้นความหมายก็ง่ายๆ เลยไม่ใช่เหรอ?” แฮงค์ชี้ไปที่หัวของตัวเอง รู้สึกว่าซีมอนส์เตอร์จะไอคิวต่ำจนน่าเป็นห่วง
ฉินสือโอวถ่ายรูปเรือประมงในทุกๆ ส่วน จากนั้นเมื่อกลับไปถึงโรงพยาบาลก็โชว์ให้วินนี่ดูพลางพูดอย่างภูมิใจ “ผมตัดสินใจว่าจะตั้งชื่อเรือลำนี้ว่าเรือปริ้นเซสเมล่อน คุณคิดว่าอย่างไรบ้าง?”
วินนี่พูดอย่างตื่นเต้น “สุดยอดไปเลย ที่รัก ฉันชอบชื่อนี้ที่สุดเลย”
“แต่” อยู่ๆ วินนี่ก็เปลี่ยนเรื่องขึ้นมา “เมื่อไรจะมีเรือราชินีวินนี่ล่ะคะ?”
ฉินสือโอวรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วพูด “ผมจะเพิ่มเรืออีกลำเดี๋ยวนี้แหละ ให้ชื่อว่าราชินีวินนี่!”
วินนี่หัวเราะพลางแย่งโทรศัพท์มาแล้วโบกมือ “ช่างเถอะค่ะ ฉันไม่แข่งกับลูกแล้ว ตั้งชื่อเรือลำนี้เป็นชื่อเธอเถอะ ฉันจะรอเรือสำราญของคุณ!”
ฉินสือโอวกอดวินนี่แล้วพูดอย่างอบอุ่น “มีแน่ ที่รัก ต้องมีเรือลำนี้แน่”
บทที่ 1001 ไม่สนุกเลยสักนิด
Ink Stone_Fantasy
เสี่ยวเถียนกวาอยู่ในตู้อบสำหรับเด็กแรกเกิดมาสองวันแล้ว หลังจากเจาะเลือดเพื่อตรวจโรค เจาะของเหลวในร่างกายเพื่อตรวจสุขภาพอย่างครอบคลุมทุกด้านแล้ว คุณหมอก็นำใบตรวจสุขภาพแผ่นหนึ่งมาให้ ขณะเดียวกันก็พาลูกเป็ดขี้เหร่เสี่ยวเถียนกวาเข้ามาส่งให้วินนี่ด้วยเช่นกัน
ตอนที่วินนี่อุ้มเสี่ยวเถียนกวาเอาไว้ ฉินสือโอวก็ได้รู้แล้วว่าสิ่งที่เรียกว่าความรักของแม่คืออะไร สายตาของเธอที่มองไปยังเด็กน้อยล้วนแต่เต็มไปด้วยความแปลกใหม่ นี่แตกต่างกับการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงอย่างพวกหู่เป้าฉงหลัว ขณะที่วินนี่กำลังโอบอุ้มเสี่ยวเถียนกวา มันคล้ายกับว่าทั้งสองคนหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน
เมื่อได้ผลตรวจสุขภาพ พ่อฉินถึงได้ผ่อนลมหายใจออกมา เขากล่าวว่า “เมื่อสองวันก่อนพ่อไปถามที่โรงพยาบาลที่บ้านเก่าของพวกเรา มีแต่เด็กทารกที่คลอดก่อนกำหนดกับเด็กทารกที่ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงเท่านั้นที่จะต้องเข้าตู้อบ ตอนนั้นเถียนกวาของพวกเราก็ถูกส่งเข้าตู้อบเหมือนกัน ทำเอาพ่อใจหายใจคว่ำแทบแย่”
แม่ของฉินสือโอวจึงพูดปรามพ่อฉินว่า “เพราะอย่างนั้นพ่อก็ดูละครให้มันน้อยๆ ลงหน่อยแล้วกัน”
พ่อฉินก็ตอบกลับด้วยความคับแค้นใจว่า “พ่อไปถามเขามา ไม่ได้ดูมาจากละครทีวี”
แม่ฉินมองตาขวางใส่ตาเฒ่า พร้อมกับพูดว่า “พ่อไปถามเขามา? ไปถามมาจากละครเรื่องไหนล่ะ?”
พ่อฉินยืดเส้นที่คอไปมา สุดท้ายก็พูดขึ้นมาอย่างจนปัญญาว่า “ละครหลายๆ เรื่องก็เป็นแบบนี้กันทั้งนั้น”
แม่ฉินร้องหึๆ พร้อมทั้งแสดงสีหน้าแบบฉันว่าแล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ออกมา
จากความคิดเห็นของวินนี่ หากร่างกายของทั้งแม่และลูกไม่ได้มีปัญหาอะไร ถ้าเช่นนั้นก็สามารถกลับบ้านได้แล้ว พ่อฉินแม่ฉินไม่เห็นด้วยอย่างเด็ดขาด เนื่องจากฤดูหนาวของนิวฟันด์แลนด์หนาวเย็นจนเกินไป พวกเขากลัวว่าถ้าลูกสะใภ้กับหลานสาวออกจากโรงพยาบาลเร็วเกินไปแล้วจะถูกอากาศหนาวเย็นทำให้เป็นหวัดอะไรแบบนั้น ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆ คงจะต้องวุ่นวายมากแน่ๆ
ยังมีผู้หญิงอีกสองคนที่คลอดลูกพร้อมกันกับวินนี่ หลังจากคลอดลูกเสร็จ และให้กลูโคสไปหนึ่งคืนพวกเธอก็พากันกลับบ้านแล้วทั้งคู่ นี่ทำให้วินนี่รู้สึกอิจฉามากๆ
หลังจากคลอดลูกแล้วผู้หญิงผิวขาวกับผู้หญิงผิวดำจะไม่ได้พิถีพิถันมากนัก ซึ่งเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับสุขภาพร่างกายของพวกเธอด้วย ชาวตะวันตกมีเส้นขนที่หนา มีรูขุมขนกว้าง มีข้อต่อกระดูกที่หนามาก อีกทั้งตั้งแต่เล็กจนโตก็ยังทานโปรตีนและไขมันเป็นหลัก ด้วยเหตุนี้จึงทำให้พวกเธอมีความสามารถในการต้านทานโรคที่ดีมากในช่วงวัยสาว
ทว่าทางด้านผู้หญิงจีนนั้นทานอาหารจำพวกไฟเบอร์เป็นหลักมาตั้งแต่ยุคโบราณ ทานธัญพืชทั้งห้าชนิดและพืชผักเป็นจำนวนมาก เนื่องจากทานอาหารรสชาติอ่อนๆ บวกกับสุขภาพร่างกายของผู้หญิงชาวจีนที่ค่อนข้างอ่อนแออยู่แล้ว ดังนั้นผู้หญิงชาวจีนจึงมีภูมิคุ้มกันหลังคลอดที่ค่อนข้างย่ำแย่ จำเป็นต้องฟื้นฟูร่างกาย ซึ่งการอยู่เดือนก็คือวิธีการฟื้นฟูร่างกายวิธีหนึ่ง
ทั้งสองฝ่ายต่างก็คิดว่าตัวเองมีเหตุผล ด้วยเหตุนี้การปะทะกันลับหลังก็เริ่มต้นขึ้น วินนี่ยิ้มแย้มแสดงท่าทางว่าง่ายเชื่อฟังอยู่ตลอดแต่ก็ไม่ลืมที่จะแสดงความคิดเห็นของตัวเองออกมาอยู่เสมอๆ ส่วนพ่อฉินกับแม่ฉินต่อหน้าก็บอกว่าพวกเราเคารพความคิดเห็นของหนู แต่จริงๆ แล้วก็จะยังให้ยึดตามประเพณีของตัวเอง
novel-lucky
ฉินสือโอวถูกบีบให้กลายเป็นคนกลางอีกครั้ง คราวนี้แม่ฉินมาพูดกับเขาว่า “แกบอกให้วินนี่ดูแลสุขภาพให้ดีหน่อยสิ ตอนนี้เธอยังอายุน้อย เลยไม่รู้ถึงความร้ายแรงของมัน ถ้าตอนนี้พลาดอะไรไป แล้วหลังจากนี้พวกเราจะทำยังไงกันดีล่ะ? คนที่ต้องทุกข์ยากก็เป็นคนในครอบครัวของพวกเราเองไม่ใช่เหรอ?”
ฉินสือโอวยกมือขึ้นมาแล้วพูดว่า “พอแล้ว พอแล้ว เรื่องนี้ผมจะจัดการแน่ๆ จะจัดการให้อย่างดีเลย โอเคไหมครับ?”
หลังจากนั้น เขาก็ไปหาวินนี่ แล้วพูดกับเธอว่า “ตามความเห็นของพ่อกับแม่ คุณจะยังออกจากโรงพยาบาลไม่ได้นะครับ”
วินนี่รีบจับเขาไว้ทันที เธอเผยสีหน้าน้อยอกน้อยใจทำหน้าเหมือนกำลังจะร้องไห้แล้วพูดกับเขาว่า “คุณสามีคุณไม่รักฉันแล้วเหรอคะ?”
ฉินสือโอวจึงพูดกับเธอว่า “ว่าง่ายๆ หน่อยนะครับ เดี๋ยวผมให้พ่อกับแม่กลับบ้าน แล้วพวกเราก็อยู่ด้วยกันที่นี่ พอถึงตอนนั้นถ้าคุณอยากเล่นโยคะก็เล่นโยคะไป ถ้าอยากไปวิ่งเดี๋ยวผมไปวิ่งเป็นเพื่อน ที่นี่แตกต่างกับที่บ้านด้วยเหรอครับ?”
เขาเข้าใจอย่างถ่องแท้ ถ้าจะแก้ปัญหาระหว่างแม่สามีกับลูกสะใภ้ ก็ต้องแยกพวกเธอให้อยู่ห่างกันสักระยะ ต้องมีระยะห่างถึงจะทำให้เกิดสิ่งที่ดีๆ ขึ้นมา
จีนกับแคนาดามีวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน แม่ฉินเป็นตัวแทนของคุณแม่ชาวจีนที่ยึดติดกับประเพณีที่สืบต่อกันมา ส่วนวินนี่ก็เป็นตัวแทนของภรรยาในยุคสมัยใหม่ ทั้งสองฝ่ายต้องเจอหน้ากันทุกวัน ถ้าไม่มีความขัดแย้งเลยก็คงจะแปลก
วินนี่ยอมรับข้อเสนอข้อนี้ของฉินสือโอวแล้ว ทว่าพ่อฉินกับแม่ฉินไม่ค่อยอยากกลับบ้านเท่าไรนัก ฉินสือโอวจึงพูดกับพวกเขาว่า “ที่บ้านยังเลี้ยงเด็กๆ ไว้อีกตั้งหนึ่งฝูง ต้องให้วินนี่กลับ หรือไม่ก็พ่อกับแม่ต้องเป็นฝ่ายกลับ”
แม่ฉินรีบพูดอย่างเด็ดขาดทันที “พวกเราจะกลับเอง ให้วินนี่บำรุงรักษาร่างกายให้ดีเถอะ”
ที่แคนาดาไม่มีสิ่งที่เรียกว่าการอยู่เดือนหลังคลอด แต่ว่าคุณหมอก็สนับสนุนให้เหล่าคุณแม่มือใหม่ให้ระวังเรื่องการฟื้นฟูสุขภาพหลังการคลอดเช่นกัน
เนื่องจากจากข้อมูลการสำรวจขององค์การอนามัยโลกแสดงให้เห็นว่า หลังจากเข้าสู่วัยกลางคนผู้หญิงชาวตะวันตกจำนวนมากมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคต่างๆ ทางนรีเวชมากกว่าผู้หญิงจีน โดยเฉพาะมะเร็งเต้านมจะยิ่งมีอัตราควาเสี่ยงสูง
ถึงแม้ว่าจะมีคำอธิบายในแง่มุมด้านพันธุกรรม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เหมือนกันว่ามันมีความเชื่อมโยงกับสภาพการฟื้นฟูร่างกายหลังคลอด
โดยเฉพาะในแพทย์แผนจีนที่มีอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างชัดเจน แพทย์แผนจีนเชื่อว่าภายใต้สภาวะปกติข้อต่อกระดูกของผู้หญิงจะปิดเข้าหากัน แต่หลังจากคลอดลูกเนื่องด้วยกระดูกเชิงกรานที่เปิดออก เอ็นและกระดูกกับช่องว่างของผิวหนังทั่วทั้งร่างกายของผู้หญิงที่เพิ่งคลอดลูกจะอยู่ในสภาวะเปิดออกกว้างและคลายตัวทั้งหมด
ในช่วงเวลานี้ อากาศหนาวเย็นจะเข้าสู่ร่างกายผ่านข้อต่อกระดูกที่เปิดออกได้ง่าย
ผ่านไประยะหนึ่ง เอ็นและกระดูกกับช่องว่างของผิวหนังทั่วทั้งร่างกายของผู้หญิงที่เพิ่งคลอดลูกก็จะค่อยๆ ฟื้นตัวจนกลับมาอยู่ในสภาวะที่เชื่อมต่อกันตามปกติ และหากโรคภัยที่เกิดจากความหนาวเย็นเข้าสู่ร่างกายในช่วงที่กำลังอ่อนแอ โรคภัยเหล่านั้นก็จะถูกปิดล็อกเอาไว้ในร่างกายอย่างแน่นสนิท และหลังจากตอนนั้นปัญหาร้ายแรงก็จะถูกเก็บเอาไว้ จนนำไปสู่การเกิดโรคภัยต่างๆ
novel-lucky
พ่อฉินกับแม่ฉินกลับบ้านไปแล้ว วินนี่จึงสามารถทำอะไรตามความต้องการของตัวเองได้มากกว่าเดิม โดยปกติแล้วเธอจะฝึกโยคะอยู่ตรงบริเวณพื้นที่ค่อนข้างอ่อนนุ่มในวอร์ดผู้ป่วย พร้อมกับดูแลเสี่ยวเถียนกวาไปด้วย พอถึงตอนเที่ยงอากาศเริ่มอบอุ่นขึ้น ฉินสือโอวก็จะพาเธอออกไปเดินเล่นข้างนอก
นอกจากนี้แล้ว ตอนที่วินนี่อาบน้ำเขาก็จะเพิ่มพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนให้เธอจำนวนหนึ่ง เพื่อช่วยบำรุงรักษาร่างกายให้เธอด้วย
เมื่อเป็นเช่นนี้เมื่อถึงเดือนมีนาคม หลังจากที่วินนี่พักอยู่ในโรงพยาบาลได้สิบกว่าวัน ในที่สุดเธอก็ทนอยู่ในบรรยากาศที่น่าอุดอู้ต่อไปไม่ไหวแล้ว แน่นอนว่าฉินสือโอวเองก็ทนไม่ไหวแล้วเช่นกัน หลังจากคุณหมอตรวจดูแล้วว่าประสิทธิภาพการทำงานของร่างกายของเธอเป็นปกติดีแล้ว พวกเขาทั้งสองคนก็หอบลูกกลับไปที่บ้านทันที
เสี่ยวเถียนกวาถูกห่อไว้อย่างมิดชิดจนดูเหมือนกับบ๊ะจ่างลูกเล็กๆ ตอนที่ฉินสือโอวอุ้มเธอเข้ามาในบ้าน ฉงต้ายังนึกว่าเป็นของกินอร่อยๆ อะไรสักอย่าง มันถึงได้กระโดดโลดเต้นเข้ามาหาแล้วยื่นใบหน้าอ้วนท้วนที่มีน้ำลายไหลเข้ามาใกล้ๆ
ฉินสือโอวใช้เท้าข้างเดียวส่งฉงต้าขึ้นเครื่องบินฟรีๆ ณ ตอนนี้ความแตกต่างของลูกแท้ๆ กับลูกที่ถูกรับมาเลี้ยงก็เผยออกมาให้เห็นทันที ฉงต้าเจ็บปวดหัวใจมากๆ ตลอดทั้งวันหลังจากนั้นมันก็ไม่สนใจฉินสือโอวอีกเลย
ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวเลยต้องคลุกสลัดผลไม้ให้มันอยู่หลายมื้อ
สำหรับฉงต้าแล้ว ไม่มีอะไรที่แก้ไขไม่ได้ด้วยสลัดผลไม้ ถ้ามีจริงๆ ก็แค่ต้องทำให้มันสองมื้อ
ฉินสือโอวทำสลัดติดต่อกันสองวัน ในที่สุดก็สามารถเปลี่ยนใจบางๆ ของมันได้แล้ว
เป็นครั้งแรกที่พวกเด็กๆ ไวส์ เชอร์ลี่ย์ ตั๋วตั่วได้พบกับเบบี๋ตัวน้อย หลังจากเสี่ยวเถียนกวาถูกอุ้มกลับมาเธอก็กลายเป็นที่สนใจของพวกเขา เด็กๆ ทั้งกลุ่มพากันล้อมรอบเธอเอาไว้พร้อมกับยกไม้ยกมือวิจารณ์เด็กน้อย
ในฐานะที่เป็นพ่อแท้ๆ เดิมทีฉินสือโอวชอบความรู้สึกที่ลูกสาวตัวน้อยกลายเป็นศูนย์กลางของหัวข้อในการสนทนามากๆ แต่พอเขาได้ฟังเรื่องที่คนพวกนี้พูดออกมา ทำไมเขาถึงได้รู้สึกแปลกๆ ก็ไม่รู้
“อาจารย์ นี่คือศิษย์น้องของผมใช่ไหมครับ? ไม่ได้นะ แขนกับขาของเธอเล็กและสั้นเกินไปแล้ว เหมือนตะเกียบไม่มีผิด แบบนี้ไม่มีทางฝึกวิชามวยได้แน่!”
“นี่คือน้องตัวเล็กเหรอ? ว้าว ตัวเล็กจัง ดูมือเล็กๆ เท้าเล็กๆ ปากเล็กๆ กับดวงตาเล็กๆ ของเธอสิ เล็กไปหมดทุกอย่างเลย”
“พี่วินนี่ไปคลอดลูกที่แอฟริกามาเหรอ? ทำไมผิวของน้องตัวน้อยถึงได้ดำขนาดนี้ล่ะ?”
“คิดว่านี่เป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิง ทำไมฉันถึงมองไม่ออกเลยล่ะ?”
หลังจากที่เด็กๆ ถกกันอย่างกระตือรือร้นอยู่ครู่หนึ่ง ก็ได้ผลจากการหารือว่า เด็กคนนี้ขี้เหร่จริงๆ ไม่น่ามองเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่น่าสนุกเลยสักนิด พวกเราไปเล่นกันเองดีกว่า
ฉินสือโอว “…”
บทที่ 1002 เบ็ดแรกของปีใหม่
Ink Stone_Fantasy
ฉินสือโอวยืนอยู่ที่หน้าประตู มองออกไปยังฟ้าใสไร้เมฆบดบังที่อยู่ไกลออกไป เขาอดที่จะพูดอย่างทอดถอนใจไม่ได้ว่า “เดือนมีนาคมแล้ว ถึงตอนนี้แล้วคงจะไม่มีพายุหิมะหรอกใช่ไหม?”
เขาถูกพายุหิมะทรมานจนสุดจะทนแล้ว ฟาร์มปลามีเนื้อที่มากเกินไป การปัดกวาดหิมะเป็นเรื่องที่เปลืองแรงมากๆ
เหมาเหว่ยหลงส่ายหัวไปมาพร้อมกับกล่าวว่า “สภาพอากาศในนิวฟันด์แลนด์ของพวกนายแปลกประหลาดเกินไป ใครจะบอกได้แน่ชัดกันล่ะ? แต่ถ้าเป็นที่แฮมิลตัน ก็คิดว่าน่าจะไม่มีปัญหาแล้ว”
ฉินสือโอวพูดกับเขาว่า “ฉันถามถึงนครเซนต์จอห์น ใครถามถึงแฮมิลตันกันล่ะ?”
เหมาเหว่ยหลงก็พูดกับเขาอย่างจนปัญญาว่า “ฉันทำนายสภาพอากาศไม่ได้ แล้วก็ไม่ได้ดูพยากรณ์อากาศด้วย ฉันจะไปรู้ได้ยังไงล่ะว่าจะมีพายุตกหนักไหม?”
ฉินสือโอวมองเขาตาขวาง ทั้งยังแบะปากพูดว่า “แล้วแกมีประโยชน์อะไรบ้าง?” พอพูดจบ เขาก็จุ๊ปากแล้วหมุนตัวเดินกลับเข้าไปข้างใน จากนั้นก็ถอนหายใจออกมาแล้วพูดว่า “ฉันก็โง่เหมือนกัน ฉันคาดหวังอะไรจากแกกันนะ? ไปดูพยากรณ์อากาศเองยังดีเสียกว่า”
เหมาเหว่ยหลง “…”
เข้าสู่เดือนมีนาคมแล้ว ตามทฤษฎีก็เท่ากับว่าเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิแล้ว ฤดูใบไม้ผลิของนครเซนต์จอห์นไม่ได้มาถึงเร็วขนาดนั้น เพียงแต่ว่าเกาะแฟร์เวลเป็นพื้นที่ที่อยู่ทางตอนใต้ที่สุดของนิวฟันด์แลนด์ สภาพอากาศในเดือนมีนาคมจึงเริ่มเปลี่ยนแปลงไปบ้างแล้ว
มีพ่อฉินแม่ฉินอยู่ด้วย บวกกับมีวินนี่ที่เป็นทั้งแม่ที่ดีและภรรยาที่น่ารัก ฉินสือโอวจึงไม่ต้องไปดูเรื่องที่เกี่ยวกับลูกสาว ก่อนเข้านอนและหลังตื่นนอนเขาแค่ต้องโผล่หน้าไปให้ลูกเห็น เหมือนสแกนบัตรเข้างานก็พอแล้ว วินนี่ถามว่าทำไม เขาจึงตอบเธอกลับไปว่าไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องทำให้ลูกจำเขาคนนี้ได้บ้าง
ฤดูใบไม้ผลิเป็นฤดูกาลรวมศูนย์งานการประมูล นอกจากงานประมูลฤดูใบไม้ผลิของบริษัทประมูลใหญ่ๆ ทุกแห่งแล้ว ก็ยังมีการประมูลที่จัดขึ้นโดยตลาดอาหารทะเลอีกหลายแห่งด้วย อย่างเช่นการประมูลปลาทูน่าครีบน้ำเงิน เมื่อปีที่แล้วฉินสือโอวส่งปลาตัวหนึ่งไปเก็บเกี่ยวรายได้หลายล้านดอลลาร์สหรัฐมาจากญี่ปุ่น
เมื่อหาวันที่มีอากาศดีท้องฟ้าแจ่มใสปลอดโปร่งได้แล้ว เขาก็พาชาวประมงจำนวนหนึ่งขับเรือตกปลาทูน่าที่รัฐบาลมอบให้เป็นรางวัลออกทะเลไปตกปลาใหญ่
ปีที่แล้วพวกชาวประมงตรวจสอบสภาพความเป็นอยู่ของปลา จึงได้พบร่องรอยของฝูงปลาใหญ่ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่กล้ายืนยันว่านั่นคือปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือ แต่ถึงจะเป็นปลามาร์ลินหรือปลากระโทงสีน้ำเงินก็ใช้ได้ทั้งนั้น พวกมันต่างก็เป็นปลาที่ขายได้ราคา
เมื่อเห็นว่าฉินสือโอวจะเอาเรือตกปลาออกไปหาปลา ชาร์คก็ส่ายหัวพูดกับเขาว่า “บอสครับ เอาเรือฮาวิซทไปน่าจะดีกว่าไหมครับ? ตอนนี้พวกเรายังไม่แน่ใจว่ามีปลาใหญ่ชนิดไหนอยู่ในทะเล อีกทั้งความเป็นไปได้ที่พวกมันจะเป็นปลากระโทงร่มก็มีมากกว่า และถ้าเป็นฝูงปลากระโทงร่มจริงๆ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ต้องใช้ปาฉมวก”
การปาฉมวกใส่ปลากระโทงเป็นเทคนิคที่เหมาะกับการใช้พิสูจน์ความสามารถของชาวประมงเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากปลากระโทงร่มชอบว่ายน้ำอยู่ใกล้กับผิวน้ำ และบางครั้งก็จะว่ายแฉลบออกมาจากผิวน้ำ ในตอนนี้ถ้าชาวประมงปาฉมวกที่อยู่ในมือออกไป หากปาโดนก็จะได้ปลาใหญ่ติดไม้ติดมือกลับไป อัตราการปาโดนเป้าค่อนข้างต่ำ ทว่าความท้าทายและความน่าสนใจกลับมีอยู่สูงมาก ทำให้ชาวประมงต่างก็ชื่นชอบวิธีนี้
ฉินสือโอวอยากลองสัมผัสกับมนต์เสน่ห์ของการปาหอกจับปลากระโทงสีน้ำเงินดูสักครั้ง แต่ครั้งนี้เขาจะยังทำไม่ได้ เพราะเขารู้ว่าสิ่งที่อยู่ในฟาร์มปลาของตัวเองคืออะไร ซึ่งพวกมันก็คือปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือนั่นเอง
ด้วยเหตุนี้เขาจึงไหวไหล่ให้ชาร์คแล้วพูดว่า “เชื่อฉันเถอะ นั่นไม่ใช่กลิ่นอายของปลากระโทงสีน้ำเงินหรอก พวกมันคือปลาทูน่า เพียงแต่ฉันไม่รู้ว่ามันคือปลาทูน่าครีบน้ำเงิน ครีบเหลือง หรือว่าเป็นปลาทูน่าตาโต พวกเราลองไปดูกันเถอะ บางทีถ้าใช่ปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือจริงๆ ถ้าอย่างนั้นปีนี้พวกนายต้องได้เงินโบนัสก้อนโตแน่ๆ”
ชาร์คยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกตื่นเต้นดีใจ แล้วถามเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ “นั่นคือฝูงปลาทูน่าจริงๆ เหรอครับ? บอส คุณมองเห็นมันจากวิชาห้าธาตุพิชิตมังกรเหรอครับ?”
novel-lucky
ฉินสือโอวพยักหน้ารับ ซีมอนสเตอร์ก็ร้องขึ้นมาว่า “โว้ว น่าเหลือเชื่อจริงๆ แล้วพวกเราจะมัวลังเลอะไรอยู่อีกล่ะ? รีบไปเถอะ ถ้าปลาทูน่าหนีไป นั่นจะกลายเป็นการสูญเสียอย่างมหาศาลเลยนะ!”
เรือตกปลาไม่ได้มีขนาดใหญ่นัก ฉินสือโอวจึงเลือกเอาแต่ชาวประมงที่ฝีมือดีที่สุดไปด้วย ชาร์ค ซีมอนสเตอร์ แลนซ์ บูล นีลเซ็นและเบิร์ด แต่ละคนจะรับผิดชอบเบ็ดตกปลาสี่คัน ใครตกปลาขึ้นมาได้จะได้รับโบนัส 5% เหมาเหว่ยหลงก็ขึ้นเรือมาด้วยเหมือนกันแต่เขาแค่ขึ้นมาช่วยงานเบ็ดเตล็ดเท่านั้น ไวส์ก็อยากขึ้นเรือมาด้วยเหมือนกัน แต่บนทะเลไม่มีอะไรที่สะดวกสบาย ทั้งยังมีอันตรายอีกต่างหาก ฉินสือโอวกับวิเวียนเลยเกลี้ยกล่อมให้เขาอยู่เล่นที่บนฝั่ง
เพราะเทซึกะ โกดะ ปีนี้ฉินสือโอวจึงไม่สามารถออกหน้าในการเข้าร่วมงานประมูลด้วยตนเองได้แล้ว ถึงแม้ว่าครั้งก่อนจะใช้ชื่อของนีลเซ็น แต่เทซึกะ โกดะก็ยังสามารถค้นหาตามเส้นสนกลในจนได้เจอความจริง คราวนี้คงต้องให้บัตเลอร์เป็นคนออกหน้าแทนแล้วล่ะ
ส่วนเรื่องเกี่ยวกับเทซึกะ โกดะ ฉินสือโอวก็ค่อนข้างจัดการได้ยากอยู่เหมือนกัน อีกฝ่ายมักจะรักษามารยาทอยู่เสมอ ทำให้เขากำจัดเสี้ยนหนามออกไปไม่ได้สักที ทุกครั้งที่มาหาก็มักจะนำของขวัญติดมาด้วย เขาเองก็ไม่มีเหตุผลที่จะสามารถไล่อีกฝ่ายออกไป เมื่อเป็นแบบนี้เทซึกะ โกดะก็เกาะติดเขาเหมือนกับปลาสเตอร์ยาปิดแผล ทำให้เขาไม่รู้จะทำยังไงดีเลยจริงๆ
แต่คราวนี้เขาคงต้องขอบคุณเทซึกะ โกดะ ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องบังเอิญ แต่แท้ที่จริงแล้วก็เป็นเพราะเขาที่ทำให้วินนี่ไปถึงนครเซนต์จอห์นก่อนล่วงหน้า ซึ่งในคืนนั้น วินนี่ก็คลอดก่อนกำหนด!
เรือตกปลาออกทะเลมาแล้ว จิตสำนึกแห่งโพไซดอนของฉินสือโอวทั้งสี่สายแหวกว่ายออกไปยังทิศทั้งสี่ เขาไม่ได้สังเกตดูฟาร์มปลาอย่างละเอียดมาเป็นเวลานานแล้ว รู้สึกว่าสภาพการเติบโตของสาหร่ายทะเลจะดีขึ้นกว่าเดิมมากๆ แล้ว โดยเฉพาะในน่านน้ำบริเวณใกล้ชายฝั่ง สาหร่ายสีน้ำตาลเล็กๆ สั้นๆ ใต้ท้องทะเลในบริเวณนั้น ลอยอยู่รวมตัวกันอย่างหนาแน่น ราวกับว่ามีสนามหญ้าขนาดใหญ่อยู่ที่ใต้ท้องทะเล
บนผิวทะเล นกนางนวลฝูงหนึ่งกำลังบินร่อนอยู่อย่างอิสรเสรี พวกมันร้องขันส่งเสียงกังวานใสออกมา และกระพือปีกบินโฉบขึ้นมาจากผิวน้ำอยู่เสมอๆ หลังจากบินขึ้นลงอยู่หลายครั้งในที่สุดก็สามารถคาบปลาตัวเล็กๆ สักตัวสองตัวไว้ในปากได้
คราวนี้ฉินสือโอวออกทะเลมาตั้งแต่เช้า บุชกับนิมิตส์ยังไม่ได้ออกไปบินเล่น ดังนั้นพวกมันจึงตามออกมาด้วย
สัตว์เลี้ยงทั้งสองตัวยืนขนาบข้างทั้งซ้ายและขวาอยู่บนดาดฟ้าหน้าเรือตกปลา เมื่อได้เห็นนกนางนวลพวกนี้ที่กำลังล่าเหยื่ออยู่ ทันใดนั้นพวกมันก็สบตากัน ต่อจากนั้นก็กางปีกแล้วแอบบินออกไปอย่างเงียบเชียบทันที
ฉินสือโอวกำลังค้นหาฝูงปลา ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงร้องของนกนางนวลที่กลายเป็นเสียงขันร้องอย่างเร่งรีบ จึงหันไปมองด้วยความสนใจใคร่รู้
novel-lucky
นิมิตส์แสดงธาตุแท้อย่างโจรของมันออกมาหลังจากบินขึ้นไปบนชั้นอากาศสูง ดวงตาทั้งสองข้างจับจ้องนกนางนวลเหล่านั้นเอาไว้ พอเห็นว่ามีนกที่คาบปลาขึ้นมาได้ มันก็ตีปีกทั้งสองข้างแล้วพุ่งลงไปหาทันที
ระดับความเร็วในการพุ่งตัวของนกโจรสลัดทั่วๆ ไปสามารถเร่งได้สูงสุดถึง 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทว่านิมิตส์มีพัฒนาการผ่านพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอน อัตราความเร็วในการพุ่งตัวของมันจึงมีมากกว่า 200 กิโลเมตร ยิ่งทำให้มันองอาจกว่าใครๆ!
เห็นว่านกโจรสลัดจู่โจมเข้ามา นกนางนวลที่กำลังคาบปลาไว้ในปากจึงรีบทิ้งปลาเพื่อลดน้ำหนักและเพิ่มความคล่องตัวของร่างกาย มันหันหัวกลับแล้วบินหนีไปด้วยความลนลาน
นิมิตส์หยิบเอาความสามารถพิเศษที่มีออกมาใช้ มันอ้าปากงับปลาที่ถูกทิ้งลงมาอย่างแม่นยำ หลังจากนั้นจึงกระพือปีกบินขึ้นมา บินร่อนลงมาตรงหน้าฉินสือโอวอย่างรวดเร็ว แล้วอ้าปากเพื่อมอบปลาตัวเล็กให้กับฉินสือโอว
ฉินสือโอวฝืนยิ้มจืดเจื่อนออกไป พร้อมกับลูบหัวนกโจรสลัด เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาควรจะชมนิมิตส์ดีไหม ถึงแม้ว่ามันจะมีจิตใจที่กตัญญูรู้คุณและจงรักภักดี แต่พฤติการณ์อย่างการปล้นอาหารของนกตัวอื่นก็เป็นเรื่องที่ไม่ดีเลยจริงๆ
ปลาที่นิมิตส์แย่งมาได้คือปลาแฮร์ริ่งตัวหนึ่งที่มีขนาดความยาวเท่ากันกับฝ่ามือ เป็นปลาที่อ้วนพีมากๆ ขณะนี้มันกำลังดีดดิ้นอย่างตื่นตระหนก ฉินสือโอวก็นำมันไปแขวนไว้กับตะขอแล้วสะบัดลงไปในทะเล นี่เป็นเหยื่อล่อปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือชั้นดีเลยล่ะ
ถ้าชาวประมงคนอื่นมีผู้ช่วยอย่างนิมิตส์ ก็คงจะดีใจมากแน่ๆ
ปลาแฮร์ริ่งที่ยังเป็นๆ อยู่เป็นไม้ตายในการตกปลาทูน่าครีบน้ำเงิน ทว่าราคาของมันไม่เบาเลย เมื่อจับปลาชนิดนี้ขึ้นไปขายแบบเป็นๆ บนฝั่งจะทำกำไรได้น้อยเกินไป หากจะรักษาพลังชีวิตของปลาแฮร์ริ่งเอาไว้ก็จำเป็นที่จะต้องมีพื้นที่ว่างมากพอให้พวกมันได้เคลื่อนไหวร่างกาย ดังนั้นเมื่อเรือประมงส่วนใหญ่ได้เจอฝูงปลาแฮร์ริ่งก็จะพากันจับพวกมันขึ้นมาแช่ไว้ในห้องแช่แข็ง ซึ่งแบบนั้นก็จะทำให้ปลาตาย
โดยทั่วไปแล้วเวลาที่ชาวประมงออกทะเลไปตกปลาทูน่า ในหนึ่งครั้งพวกเขาจะนำปลาแฮร์ริ่งไปด้วยประมาณสิบกว่าตัว ถ้านำไปเยอะก็จะกินพื้นที่มาก อีกทั้งยังมีราคาสูง ถ้ามีนิมิตส์ที่มีความสามารถในการแย่งชิงปลาเล็กอยู่ด้วย พวกเขาก็ไม่ต้องปวดหัวกับปัญหาเรื่องปลาแฮร์ริ่งแล้ว
บทที่ 1003 ปลาทูน่าครีบดำ! ปลาทูน่าครีบดำ!
Ink Stone_Fantasy
เทียบกับนิมิตส์ ก็ถือว่าบุชไม่ได้เรื่องได้ราวอะไร พอมองเห็นฝูงนกนางนวลที่อยู่รวมกัน มันก็ค่อยๆ บินขึ้นไปทางด้านบน หลังจากนั้นก็บินจู่โจมลงมาข้างล่างอย่างฉับพลันทันที สะบัดปีกทั้งสองข้างอย่างรวดเร็ว นำเอากระแสอากาศที่หวาดหวั่นให้พัดขึ้นมา จนทำให้นกนางนวลน้อยที่อยู่รอบๆ ไม่สามารถบินได้อย่างเป็นปกติ
ได้เห็นบรรดานกนางนวลที่กำลังตกอยู่ในความยากลำบาก ต้องต่อดิ้นรนอยู่ข้างบุช แต่กลับไม่สามารถมารถบินหนีไปได้ ฉินสือโอวก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงตอนที่เซียวเหล่งนึ่งสอนวิชาการต่อสู้ให้เอี๊ยก้วยเป็นครั้งแรกในละครเรื่องจอมยุทธคู่อินทรีเทพยดา วิชาแหฟ้าตาข่ายดิน!
แต่ว่าท่าทางที่น่าเวทนาของพวกนกนางนวลก็น่าสงสารเกินไป เสียงร้องแหลมฟังดูเศร้าโศกจริงๆ พวกมันไม่รู้ว่าเจ้านกชั่วตัวนี้แค่อยากแกล้งหยอกพวกมันเล่นๆ ตอนนี้ในสายตาของพวกมัน นกอินทรีหัวขาวก็คือศัตรูทางธรรมชาติ บางครั้งบางคราวในช่วงที่หิวโซนกอินทรีหัวขาวก็กินนกนางนวลเป็นอาหาร
ฉินสือโอวทนดูต่อไปไม่ได้แล้ว เขาจึงผิวปาก แล้วโบกมือเรียกบุช
บุชกระพือปีกสองข้างบินกลับมาหาเขา ปากของมันคาบนกนางนวลเอาไว้หนึ่งตัว…
มองดูนกนางนวลที่กำลังตกใจกลัวจนตัวสั่นเทิ้มตัวนี้ ฉินสือโอวก็ส่ายหัวไปมาอย่างจนปัญญา เขาปลอบขวัญมันอยู่พักหนึ่งแล้วหลังจากนั้นก็สะบัดมือโยนมันออกไป
คาดว่านกนางนวลน้อยคงคิดไม่ถึงว่ามันจะรอดพ้นจากความตาย ในตอนแรกมันจึงบินร่อนอยู่ในอากาศเหมือนก้อนหินที่ถูกโยนออกไป ต่อจากนั้นถึงจะมีปฏิกิริยาโต้ตอบ แล้วสะบัดปีกบินหนีไปอย่างรีบร้อนทันที
ฉินสือโอวจิ้มหัวบุช แล้วพูดกับมันอย่างไม่พอใจว่า “ดูแกสิ เอาแต่ก่อเรื่องทะเลาะวิวาท เอาอย่างนิมิตส์ให้เยอะๆ หน่อยสิ อีกเดี๋ยวเดียวก็จะได้ถ่ายหนังได้เป็นดาราแล้ว”
บุชหลบออกไปอย่างไม่ยอมเชื่อฟัง มันอ้าปากส่งเสียงร้องแควกๆ ออกมา ฉินสือโอวไม่มีอะไรทำเลยแกล้งแหย่บุช เขาแย้มรอยยิ้มอย่างเยือกเย็นแล้วพูดว่า “อะไร แกไม่ยอมเชื่อฟังเหรอ? แกเอาแต่ก่อเรื่องแบบนี้มีประโยชน์อะไรกัน? มันทำให้แกดึงดูดนกอินทรีตัวเมียมาเป็นแม่พันธุ์ได้ไหม? แกดูนิมิตส์ รอให้เขากลายเป็นซูเปอร์สตาร์ในหมู่นกก่อนเถอะ อยากจะเคลมนกโจรสลัดก็ทำได้ อยากจะเคลมนกอินทรีมาเป็นเมียก็ทำได้เหมือนกัน แล้วแกทำได้ไหม?”
บุชกะพริบตาปริบๆ สะบัดปีกอย่างรำคาญใจ แล้วก้าวย่ำไปอีกทิศอย่างคล่องแคล่วแข็งแรง
ฉินสือโอวแบะปากพูดว่า “ดูแกสิๆ ไม่ได้สร้างคุณงามความดีอะไรเลยสักอย่าง แถมยังขี้หงุดหงิดอีกต่างหาก พ่อสอนแกไม่ได้แล้วใช่ไหม?”
บุชหันกลับมามองเขาแวบหนึ่ง สะบัดปีกทั้งสองข้างแล้วทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าในทันที เหลือไว้ให้เขาเห็นเพียงเงาด้านหลังที่ดูอวดดี
พวกชาวประมงพากันหัวเราะออกมา ฉินสือโอวจึงแกล้งทำเป็นพูดอย่างไม่รู้จะทำยังไงดี “เวร ตอนนี้สอนอะไรลูกไม่ได้เลยจริงๆ”
บูลขบคิดอยู่สักพักแล้วพูดขึ้นมาว่า “ถึงวัยต่อต้านแล้วหรือเปล่า?”
ซีมอนสเตอร์ก็ถามว่า “นกมีวัยต่อต้านด้วยเหรอ? ฉันนึกว่ามีแต่เด็กๆ ที่จะ– แม่งเอ๊ย ฉันรู้สึกว่าลูกชายของฉันเข้าสู่วัยต่อต้านแล้ว ช่วงนี้เจ้าเด็กนี่ถ้าไม่ถูกเฆี่ยนก็ไม่ดีขึ้นเลย กลับไปฉันจะตีเข้าให้ที!”
พอพูดมาถึงตอนท้าย ก็ไม่รู้ว่าซีมอนสเตอร์กำลังคิดอะไรถึงได้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมา
ชาร์คที่กำลังขับเรืออยู่จึงยื่นหัวออกมาถามอย่างสนใจใคร่รู้ว่า “ลูกชายของนายทำอะไรล่ะ? ทำไมนายถึงได้โมโหขนาดนี้?”
ซีมอนสเตอร์ถอนหายใจแรงๆ แต่ไม่ได้อธิบายอะไรให้ฟัง เขาเพียงแต่พูดอย่างเดือดดาลว่า “ลูกชายฉันมันวอนโดนตียังไงล่ะ เพื่อนเอ๊ย!”
ชาร์คกับซีมอนสเตอร์เป็นเพื่อนกันมานาน ต่างฝ่ายต่างก็รู้ตื้นลึกหนาบางกันดี ดังนั้นพอเขาโมโหแต่กลับไม่พูดถึงสาเหตุให้ฟัง ชาร์คก็ระเบิดหัวเราะออกมาแล้วพูดว่า “ฮ่าๆ ฉันรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เจ้าเด็กนั่นเอาถุงยางทั้งหมดของนายไปเจาะอีกแล้ว ใช่ไหมล่ะ?!”
ฉินสือโอวมองหน้าชาร์คอย่างงงวย “อีกแล้ว?”
แลนซ์ก็พูดยิ้มๆ ว่า “ใช้คำว่า ‘อีกแล้ว’ ได้ดีนะ”
ใบหน้าหยาบด้านของซีมอนสเตอร์กลายเป็นสีแดง หนวดเคราใต้คางที่แต่งให้เป็นทรงคล้ายเปียเล็กๆ สั่นระริกอย่างตื่นๆ ร้องเสียงดังขึ้นมาว่า “อย่าพูดมั่วๆ สิวะ ชาร์ค ไอ้ลูกหมา ฉันจะฆ่าแก! ฉันจะ…”
“ติ๊ดๆๆ! ติ๊ดๆๆ!” เสียงแหลมของอุปกรณ์ดังกระชั้นขึ้นมา
ในขณะเดียวกัน เบ็ดคันหนึ่งที่ฉินสือโอวเสียบไว้ข้างแคมเรือก็ถูกดึงจนโค้งงอ รอกตกปลาหมุน ‘ฟิ้วๆๆ’ เอ็นตกปลาก็ถูกปล่อยออกไปอย่างรวดเร็ว
ทุกๆ คนมัวแต่หยอกล้อกันไม่ได้แล้ว เมื่อชาร์คเข้าไปดูหน้าจออุปกรณ์ตรวจหาปลาเขาก็ตะโกนออกมาว่า “ปลาใหญ่! ปลาใหญ่ติดเบ็ดแล้ว! ยังมีตัวอื่นที่อยู่ใกล้ๆ อีก โยนเหยื่อลงไป แล้วพากันเปลี่ยนไปใช้เหยื่อที่ยังเป็นๆ พากันเปลี่ยนเหยื่อที่ยังเป็นๆ อยู่ให้หมด!”
ในตอนนี้ก็จะได้เห็นความสามารถที่แท้จริงของชาวประมงมือฉมังแล้ว แลนซ์โปรยปลาปลาแฮร์ริ่งแช่แข็งที่หั่นเป็นท่อนๆ ที่ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้าลงไป ส่วนซีมอนสเตอร์ก็นำปลาแฮร์ริ่งที่ยังเป็นๆ ไปแขวนไว้กับตะขอของเบ็ดตกปลาที่ยังไม่ถูกทิ้งลงไป หลังจากนั้นก็โยนลงไปในทะเล
ฉินสือโอวมีสีหน้าเคร่งขรึม มือข้างหนึ่งของเขาจับเบ็ดตกปลาเอาไว้แล้วใช้มืออีกข้างยึดรอกตกปลา เหมาเหว่ยหลงช่วยหยิบฉมวกแทงปลามาให้ แล้วถามเขาเสียงเบาว่า “พละกำลังของปลาตัวนี้เป็นยังไงบ้าง?”
ลองทดสอบแรงดึงที่ส่งผ่านมาทางเอ็นตกปลา ฉินสือโอวบอกกับเขาว่า “ไม่ใช่ตัวเล็กแน่ๆ คิดว่าอาจจะหนักมากกว่าพันปอนด์”
การตกปลาทูน่าไม่ใช่งานที่คนคนเดียวจะสามารถทำได้สำเร็จ ฉินสือโอวคอยเตือนชาร์คถึงทิศทางการว่ายน้ำของปลาตัวนี้อยู่เรื่อยๆ ชาร์คก็เปลี่ยนทิศทางของเรือตกปลาด้วยความรวดเร็ว เพื่อทำสงครามความอดทนกับปลาทูน่า
และนี่ก็เป็นสาเหตุที่ต้องใช้เรือตกปลาในการตกปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือแทนเรือประมง พอปลาทูน่าติดเบ็ดก็จะเริ่มดิ้น พยายามหลบหนีไปทั่วทุกทิศทาง ถ้าเป็นเรือประมงที่ไม่สามารถเปลี่ยนทิศทางได้อย่างปราดเปรียว มันก็จะมุดไปที่ใต้ท้องเรือแล้วดิ้นจนเอ็นตกปลาขาดได้อย่างง่ายดาย
แน่นอนว่า เครื่องจักรสังหารขนาดใหญ่ที่ใช้รับมือกับปลาทูน่าก็คือเรือประมงจับปลาทูน่า ซึ่งล้วนแต่เป็นเรือที่มีขนาดใหญ่หลายพันตันทั้งสิ้น ทว่ามันไม่ได้มีไว้สำหรับใช้เบ็ดตกปลา แต่มีไว้สำหรับการดึงลากหรือวิธีการทิ้งอวนจับปลาอื่นๆ ที่ใช้สำหรับจับปลาทูน่าปริมาณมาก
ขณะที่ปลาใหญ่กำลังดิ้นอยู่ใต้น้ำ กล้ามเนื้อของฉินสือโอวก็ตึงจนเป็นมัดๆ ถึงแม้ว่าสวมเสื้อแจ็กเกตทับแต่ก็ยังสามารถมองเห็นรูปทรงที่ระเบิดออกมาได้อย่างเต็มที่ เขาเก็บเอ็นตรงปลาไปด้วยแล้วก็พูดกับเหมาเหว่ยหลงไปด้วยว่า “แกอิจฉาหุ่นของฉันไม่ใช่เหรอ? มาสิ แกลองมาแกว่งอยู่บนนี้สักหลายๆ รอบ เดี๋ยวแกก็มีกล้ามเหมือนกันแล้ว”
เหมาเหว่ยหลงกระตือรือร้นอยากทดลองทำดู จึงบอกกับเขาว่า “อีกเดี๋ยวถ้าเจอปลาใหญ่อีก แกค่อยให้ฉันลองนะ!”
ราวๆ ยี่สิบกว่านาทีหลังจากนั้น ปลาตัวนี้ของฉินสือโอวก็ถูกทรมานจนเริ่มจะไม่มีแรงแล้ว และในตอนนี้เบ็ดตกปลาคันหนึ่งในมือของบูลก็เริ่มงอแล้วเช่นกัน เอ็นตกปลาถูกดึง ‘เฟี้ยวๆๆ’ ออกไปแล้ว
บูลผิวปากด้วยความตื่นเต้น “ไอ้เวรนี่แรงเยอะจริงๆ! โอ้ชิท ฉันเริ่มจะยึดเบ็ดตกปลาไว้ไม่ไหวแล้ว…”
การใช้เบ็ดตกปลาหลายๆ คันไม่ใช่เรื่องที่ดี เนื่องจากปลาทูน่าทั้งสองตัวไม่มีทางว่ายน้ำไปในทิศทางเดียวกัน เมื่อเป็นเช่นนี้ปลาอีกตัวจะสามารถดึงให้เอ็นตกปลาขาดได้ง่ายๆ
โชคดีที่ตอนนี้ปลาใหญ่ของทางฝั่งฉินสือโอวไม่มีแรงกำลังหลงเหลืออยู่แล้ว เขาเก็บเอ็นตกปลาเข้ามาอย่างรุนแรงและรวดเร็ว แล้วลากปลาใหญ่มาข้างเรือทันที เผยให้เห็นส่วนหลังของปลาที่เป็นสีน้ำเงินเข้มเหมือนกันกับน้ำทะเล
“ฟัค ปลาทูน่าครีบดำ! ปลาทูน่าครีบดำ!” ซีมอนสเตอร์ร้องตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้นดีใจทันที
คนอื่นๆ พากันยื่นหัวออกมาดู เมื่อรู้ถึงตัวตนของปลาตัวนี้อย่างแน่ชัดแล้ว ก็ร้องตะโกนอย่างตื่นเต้นออกมาเหมือนกันทันที “ปลาทูน่าครีบดำ! ปลาทูน่าครีบดำ!”
ปลาทูน่าครีบดำเป็นอีกหนึ่งชื่อเรียกของปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือ เมื่อจับปลาชนิดนี้ได้ในทะเลหากตะโกนเรียกชื่อของมันติดต่อกันหลายๆ ครั้งจะนำมาซึ่งความโชคดีในการจับปลา นี่เป็นความเชื่องมงาย ทว่าบรรดาชาวประมงก็ศรัทธาในเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นข่าวลือเรื่องเรือผีคงไม่ถูกเล่าขานต่อกันในเมืองตามแถบชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือมาจนถึงทุกวันนี้ อีกทั้งยังถูกเล่าขานอย่างกว้างขวางขึ้นเรื่อยๆ
ซีมอนสเตอร์แย่งฉมวกแทงปลามาจากมือของเหมาเหว่ยหลง รอจนถึงตอนที่ฉินสือโอวลากปลากลับมา เขาสูดหายใจลึกๆ หนึ่งครั้ง ไม่ขยับแขน เขาเพียงแต่สะบัดข้อมืออย่างฉับพลัน ฉมวกแทงปลาส่งเสียงดังหวีดหวิวแหวกอากาศที่เป็นสิ่งขวางกั้น แล้วปักลงไปบนหลังปลาใหญ่อย่างแม่นยำ
ปลาตัวนี้ถูกจัดการอย่างราบคาบแล้ว ซีมอนสเตอร์กับฉินสือโอวช่วยกันใช้เชือกมัดหางของมันแล้วลากมันขึ้นมา ส่วนเหมาเหว่ยหลงก็ช่วยเปิดตะแกรงที่อยู่ท้ายเรือออก ลากปลาใหญ่ขึ้นมาผ่านทางปากทางตรงนั้น นีลเซ็นกับเบิร์ดก็รีบเอาเลือดปลาออกแล้วยัดก้อนน้ำแข็งลงไปทันที
บูลหันกลับมามองดูปลายักษ์ที่มีขนาดความยาวถึงสี่เมตรเต็มๆ ตัวนี้ แล้วพูดอย่างชัดเจนเปิดเผยว่า “ทำได้ดีมากครับ กัปตัน รอดูของผมเถอะ ผมสัมผัสได้ว่า ไอ้เวรที่อยู่ในมือของผมตัวนี้ก็เป็นปลาใหญ่เหมือนกัน!”
บทที่ 1004 บุชผู้พิสูจน์ตัวเอง
Ink Stone_Fantasy
บูลทายไม่ผิด ปลาทูน่าครีบน้ำเงินที่เขาดึงขึ้นมาก็มีขนาดความยาวถึง 3.7 เมตร เมื่อลองชั่งน้ำหนักดู ก็หนักถึงแปดร้อยกว่าปอนด์เต็มๆ ถึงแม้ว่าจะเล็กกว่าปลาตัวที่ฉินสือโอวตกขึ้นมาได้อยู่นิดหน่อย แต่ก็สามารถเรียกมันว่าเป็นปลาใหญ่ได้อย่างแน่นอน
มองดูปลาใหญ่ตัวนี้ บูลก็หน้าบานด้วยความปีติยินดี เขาโบกกำปั้นพร้อมกับร้องตะโกนว่า “ดีจริงๆ บูลน้อยของฉันมีเงินพอที่จะซื้อนมผงแล้ว แถมยังซื้อหลุยส์ วิตตองให้แอนนี่ได้อีกหนึ่งชุดด้วย ส่วนเงินที่เหลือก็เอาไปตกแต่งบ้านของพวกเรา!”
เมื่อมีแรงกระตุ้นจากฉินสือโอวกับบูล ก็สามารถปลุกเร้าคนอื่นๆ ที่เหลือให้มีกำลังใจที่จะโปรยปลาแฮร์ริ่งที่เป็นเหยื่อลงไปในน้ำ
ฉินสือโอวไม่ได้ห่วงว่าจะเป็นการสิ้นเปลืองเหยื่อตกปลา ตอนนี้ที่ฟาร์มปลามีฝูงปลาอยู่นับไม่ถ้วน ถึงแม้ว่าปลาทูน่าจะไม่ได้กินเหยื่อพวกนี้ แต่ปลาตัวอื่นๆ ก็ได้กินอยู่ดี
ทว่าชิ้นเนื้อปลาที่เหล่าชาวประมงโปรยออกไปกลับไปดึงดูดนกนางนวลเข้ามาเสียก่อน นกชนิดนี้มีแหล่งอาหารที่มีขอบเขตกว้างขวางเป็นอย่างยิ่ง พวกมันสามารถกินปลา กินหมึก และสัตว์ที่มีลำตัวนิ่มทุกชนิดเป็นอาหารได้ และยังกินซากนกเป็นอาหารด้วยเช่นกัน แต่สิ่งที่พวกมันโปรดปรานที่สุดก็คือเศษเนื้อปลา
ด้วยเหตุนี้ จึงมักจะเห็นเงาร่างของพวกมันในน่านน้ำที่มีฉลามว่ายน้ำผ่านอยู่เสมอๆ พวกมันจะคอยเก็บกินเนื้อปลาที่ยังเหลืออยู่จากปากของฉลาม
เมื่อก่อนตอนที่ฉินสือโอวไปตกปลาที่ชายหาดน้ำตื้นจอร์จ เขาก็เคยเผชิญความยากลำบากจากพวกนกนางนวลมาก่อนเหมือนกัน นกพวกนี้ฉลาดปราดเปรื่องไม่มีใครเทียบ ชิ้นเนื้อปลาที่ถูกโยนลงไปยังไม่ทันจะจมน้ำก็ถูกพวกมันงมขึ้นมาเสียแล้ว อีกทั้งกฎหมายยังกำหนดไว้ว่าไม่อนุญาตให้ฆ่านกนางนวล ดังนั้นพวกชาวประมงจึงหมดปัญญาที่จะจัดการกับฝูงนกนางนวล
นกนางนวลแค่ไม่กี่ตัวไม่ได้ทำให้เกิดการคุกคาม แต่นกพวกนี้มักจะปรากฏตัวขึ้นพร้อมกันเป็นฝูง บางครั้งนกหลายร้อยตัวก็เข้ามาหาพร้อมๆ กัน มืดฟ้ามัวดินจนทำให้พวกชาวประมงหมดอาลัยตายอยาก ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ชาวประมงทุกคนที่ไม่ใส่ใจเศษเงินเล็กน้อยอย่างฉินสือโอว
ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว พอฉินสือโอวผิวปากออกไป นิมิตส์ก็ลอยตัวร้องเสียงแหลมสูงอยู่บนอากาศ มันบินวนเรือตกปลาอยู่หนึ่งรอบ นกนางนวลที่กำลังแย่งชิงชิ้นเนื้อปลาก็ตกใจจนบินหนีไปคนละทิศคนละทาง
ทว่าอำนาจคุกคามของนกโจรสลัดก็มีอยู่ไม่มาก พวกนกนางนวลยังคงแอบตามเรือตกปลาอย่างลับๆ ล่อๆ ถ้าบุชอยู่ที่นี่ ด้วยอารมณ์ที่รุนแรงและท่าทางดุร้ายของนกอินทรีหัวขาว นกนางนวลพวกนี้คงจะบินหนีไปไกลแล้วแน่ๆ
ฟาร์มปลามีเนื้อที่ที่ทั้งยาวและกว้างใหญ่ขนาดนี้ อัตราความเป็นไปได้ที่ปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือก็จะถูกเนื้อปลาล่อลวงมาก็มีอยู่ไม่มาก ฉินสือโอวกระจายพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนไว้ในพื้นที่ตรงนี้ แบบนี้ถึงจะมีแรงดึงดูดต่อปลาทูน่าที่มากพอ
หลังจากเหล่าปลาทูน่ามาถึงที่ตรงนี้แล้ว ฉินสือโอวก็ควบคุมจำนวนของพวกมัน เหลือปลาทูน่าไว้แค่ตัวสองตัวที่นานๆ ครั้งจะว่ายผ่านเข้ามาใต้เรือ พวกชาวประมงที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นความแรงปรารถนาอย่างแรงกล้าก็ถึงกับร้องโหวกเหวกขึ้นมา พวกเขาแทบจะกระโดดลงจากเรือเพื่อไปจับปลาขึ้นมาอยู่แล้ว
เรือตกปลาลอยอยู่บนท้องทะเลตั้งแต่เช้าถึงเย็น จนถึงตอนที่พระอาทิตย์ตกลงบนผิวน้ำ ฉินสือโอวถึงเพิ่งจะสั่งให้กลับไปที่ท่าเรือ
พวกชาวประมงยังเต็มไปด้วยเลือดที่กำลังระอุ ความตื่นเต้นที่มาจากเงินตราทำให้พวกเขาไม่อยากตัดอกตัดใจ หลังจากนั้นภายใต้การควบคุมดูแลของฉินสือโอว พวกเขาก็ตกปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือขึ้นมาได้อีกสองตัว และยังเป็นปลาใหญ่ขนาดเจ็ดร้อยแปดร้อยปอนด์ทั้งคู่
แน่นอนว่า การควบคุมของฉินสือโอวก็เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ปลาทูน่าถูกตกขึ้นมา ไม่เช่นนั้นแล้วถ้าพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนดึงดูดปลาฝูงใหญ่ให้มาที่นี่ บ่ายวันนี้พวกชาวประมงคงจะตกปลาทูน่าได้ถึงสี่สิบตัว
ปลาสองตัวนี้แบ่งเป็นปลาที่ชาร์คกับเบิร์ดตกขึ้นมา ฉินสือโอวรับปากว่าจะแบ่งกำไรให้พวกเขาคนละ 5% เมื่อเป็นเช่นนี้ต่อให้เป็นคนที่ปกติแล้วสุขุมเยือกเย็น ไม่แสดงอารมณ์ดีร้ายผ่านสีหน้าอย่างเบิร์ดก็แย้มรอยยิ้มอย่างมีความสุขออกมาให้เห็นเช่นกัน
ปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือที่มาจากฟาร์มปลาต้าฉินมีคุณภาพดีที่สุด ปลาขนาดแปดร้อยปอนด์หนึ่งตัวต่อให้ไม่นำไปประมูล ก็สามารถขายออกไปในราคาสองแสนดอลลาร์ได้อย่างง่ายดาย ห้าเปอร์เซ็นต์ของเงินจำนวนนี้ก็เท่ากับหนึ่งหมื่นดอลลาร์
ถ้านำไปประมูล เช่นนั้นแล้วเงินที่พวกเขาจะได้รับก็เป็นเงินที่มากพอดูเลยทีเดียว ปลาตัวหนึ่งอาจจะสามารถขายได้ในราคาสองล้านดอลลาร์แคนาดาเลยก็ได้
เวลาล่วงเลยมาถึงตอนพลบค่ำคลื่นทะเลค่อยๆ สาดซัดขึ้นมาอย่างช้าๆ เรือตกปลาท่ามกลางคลื่นที่ซัดสาดโคลงเคลงไปมาไม่หยุด บูลยืนอยู่บนหัวเรือ เขาร้องตะโกนออกมาว่า “ฉันจะไม่ยอมก้มหัวให้กับธรรมชาติ! พระเจ้า ผมเคารพท่านเหมือนพ่อแท้ๆ ได้โปรดอวยพรและมอบความกล้าหาญให้ลูกด้วย!”
ฉินสือโอวจึงถามด้วยความประหลาดใจว่า “บูลกำลังพูดอะไรอยู่เหรอ? เป็นธรรมเนียมอะไรสักอย่างอีกแล้วหรือเปล่า?”
แลนซ์พ่นควันบุหรี่ออกมาเป็นรูปวงกลมแล้วแบะปากพร้อมกับพูดว่า “เรื่องงี่เง่าครับ เขากำลังหาแรงกระตุ้นให้ตัวเองอยู่…”
เรือตกปลาลอยไปบนผิวน้ำอย่างรวดเร็ว ก่อนที่อาทิตย์อัสดงจะหายลับไป จุดสีดำที่หันหลังให้พระอาทิตย์ยามเย็นก็บินเข้ามาด้วยความเร่งรีบ ดูราวกับเครื่องบินรบซูเปอร์พาวเวอร์ ระหว่างที่กำลังส่งเสียงร้องคำรามแหลมสูงจากจุดสีดำๆ ก็กลายมาเป็นเงาสีดำแทน ต่อจากนั้นเงาร่างของบุชก็ปรากฏขึ้น
“ดูที่ใต้กรงเล็บของมันสิ!” นีลเซ็นตะโกน
ฉินสือโอวเห็นว่าใต้กรงเล็บของบุชมีอะไรสักอย่างอยู่ด้วยจริงๆ รอจนมันบินเข้ามาใกล้กับด้านบนของเรือถึงจะดูออก ว่านั่นคือปลากระโทงร่มตัวยาวๆ หนึ่งตัว น่าจะมีความยาวราวๆ ครึ่งเมตร อ้วนท้วนสมบูรณ์เป็นอย่างมาก คาดว่าน่าจะหนักหลายสิบกิโล
บุชบินดิ่งลงมาราวกับเครื่องบินทิ้งระเบิด หลังจากบินผ่านหัวเรือมาแล้วมันก็ทิ้งปลาลงบนดาดฟ้าเรือพร้อมกับส่งเสียงร้องต่ำๆ ออกมา ‘แควก’
ปลากระโทงสีน้ำเงินเป็นปลาที่มีพลังชีวิตที่แข็งแกร่งจริงๆ หลังของมันถูกกรงเล็บแหลมคมของนกอินทรีหัวขาวจิกจนทะลุ ไม่รู้ว่ามันถูกพาขึ้นมาจากทะเลนานแค่ไหนแล้ว ทว่าหลังจากที่ร่วงลงมาบนดาดฟ้าเรือ มันก็ยังสามารถดีดสะบัดตัวได้อยู่
หลังจากที่บุชทิ้งปลากระโทงสีน้ำเงินตัวนี้ลงมาข้างล่างแล้ว มันก็บินร่อนอย่างช้าๆ อีกสองรอบแล้วถึงจะบินร่อนลงมาข้างล่าง ที่ด้านหน้าของฉินสือโอวโดยตรง คลายกรงเล็บทั้งสองข้างออก มันก้าวย่างด้วยท่าทางองอาจอย่างนกอินทรีเดินเข้ามาตรงด้านหน้าของฉินสือโอวแล้วส่งเสียงร้องแควกๆ ออกมา
นีลเซ็นก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ดูสิครับ บอส มันประท้วงคุณด้วยล่ะ เมื่อเช้าคุณทำลายความเคารพในตัวเองของมัน”
“ไม่ใช่ มันไม่ได้ประท้วง มันกำลังพิสูจน์ตัวเอง พิสูจน์ว่าตัวเองไม่ได้ดีแต่หาเรื่องทะเลาะต่อยตีอย่างเดียว แต่ยังจับปลาได้ด้วย แถมยังจับปลาตัวใหญ่ได้อีกต่างหาก” ฉินสือโอวพูดยิ้มๆ
เขาอุ้มบุชขึ้นมาไว้ในอ้อมอก ตอนนี้มันตัวโตขึ้นแล้ว ถึงแม้ว่าจะเก็บปีกทั้งสองข้างเข้าหากัน แต่เวลาอุ้มมันฉินสือโอวก็รู้สึกเหนื่อยอยู่เหมือนกัน ไม่ใช่เพราะหนัก แต่เพราะมันตัวใหญ่
โชคดีที่บุชเชื่องมาก หลังจากถูกอุ้มไว้ในอ้อมกอดมันก็ส่งเสียงร้อง ‘กูวๆ’ อย่างเบาๆ ทั้งยังไม่ขยับตัว
ฉินสือโอวสางขนให้มัน เพื่อที่จะพิสูจน์ตัวเอง ไม่รู้ว่าบุชบินอยู่นานแค่ไหนถึงจะสามารถหาปลาดีๆ แล้วจับมาให้เขาได้
และก็เป็นเพราะมันเป็นนกอินทรีหัวขาว ถ้าเป็นนกชนิดอื่นแม้แต่นกอินทรีทอง ก็ไม่สามารถจับปลาใหญ่หนักกว่าสิบกิโลกรัมมาได้ไกลขนาดนี้
แต่ฉินสือโอวคิดว่า ต่อให้เป็นบุชที่องอาจกล้าหาญ ก็คงจะเหนื่อยจนแทบแย่แล้วเหมือนกัน
และก็เป็นอย่างที่คิดว่าขณะที่เขากำลังสางขนอยู่นั้น บุชร้องกูวๆ ด้วยความสบายตัวอยู่ไม่กี่ครั้ง หลังจากนั้นมันก็ค่อยๆ หลับตาทั้งสองข้างแล้วนอนหลับไป
นอนยาวจนกลับมาถึงท่าเรือของฟาร์มปลา ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ฉินสือโอวปล่อยบุชลงมันถึงเพิ่งจะลืมตา สะบัดปีกแล้วบินขึ้นมาอีกครั้ง
ปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือทั้งสี่ตัวที่แช่เย็นไว้ถูกนำไปวางไว้ในห้องแช่เย็นด้วยความระมัดระวัง ฉินสือโอวโทรศัพท์ไปหาบัตเลอร์ บอกให้เขาหาเวลามารับปลาใหญ่ทั้งสี่ตัว
เมื่อได้ยินว่าฉินสือโอวจับปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือตัวใหญ่ที่รวมกันแล้วมีน้ำหนักมาถึงสามพันห้าร้อยปอนด์ขึ้นมาได้ บัตเลอร์ที่เพิ่งจะเอนตัวลงก็กระโดดขึ้นมาทันที เขาถึงกับร้องเสียงหลงว่า “สามพันห้าร้อยปอนด์? เพื่อน? นายไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม ปลาสี่ตัวหนักสามพันห้าร้อยปอนด์? นี่เป็นเรื่องที่น่าทึ่งเกินไปแล้วจริงๆ!”
ฉินสือโอวบอกเขาว่าถ้าคุณบินมาดูเดี๋ยวคุณก็รู้เองนั่นแหละ บัตเลอร์ก็ตอบเขากลับมาทันทีว่าเขาจะไปถึงตอนวันพรุ่งนี้ หลังจากนั้นก็จะรีบนำปลาออกไปส่งขายในตลาด
หลังจากกลับมาถึงบ้าน ฉินสือโอวก็เข้าไปดูลูกน้อยเสี่ยวเถียนกวาที่อยู่ในห้องนอนตามปกติที่เขาเคยทำ เด็กน้อยยังไม่หลับ ดวงตาสีดำแวววาวจดจ้องขณะที่กำลังเล่นกับนิ้วโป้งด้วยความสนอกสนใจ หลังจากที่ฉินสือโอวเข้ามาใกล้ๆ เธอก็ยื่นมืออ้วนๆ ป้อมๆ อันน้อยแล้วทำท่าว่าจะจับเขา
คลอดออกมาได้ครึ่งค่อนเดือนแล้ว ผิวของเด็กน้อยเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง ไม่ได้ดูดำปิ๊ดปี๋อีกต่อไปแล้ว หากแต่ขาวและนุ่มขึ้นมาก เมื่อเอามือเขาไปลูบก็ให้ความรู้สึกราวกับว่ากำลังลูบผ้าซาติน ที่นุ่มลื่นไม่สะดุดมือ
บทที่ 1005 จะอ้วกแล้ว
Ink Stone_Fantasy
ขณะที่อุ้มลูกสาวเอาไว้ ฉินสือโอวก็ยิ้มหัวเราะแหะๆ ออกมา เขาพูดอย่างห่วงหาและอ่อนโยนว่า “วินนี่ ดูสิตอนนี้ลูกสาวของพวกเรายิ้มอย่างมีความสุขมากๆ เลย เธอต้องสัมผัสได้ถึงพลังของความสัมพันธ์ทางสายเลือดแน่ๆ”
วินนี่จึงพูดกับเขาด้วยรอยยิ้มและน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ถ้าเธอรู้ว่าคุณหาว่าเธอขี้เหร่ เธอจะต้องฉี่ใส่คุณแน่ๆ”
เกี่ยวกับคำพูดของฉินสือโอวในตอนนั้น วินนี่ยังจำมันได้อย่างขึ้นใจ กล้าพูดว่าลูกสาวของเธอขี้เหร่ได้อย่างไรกัน? จิตใจชั่วร้ายมากๆ!
ฉินสือโอวอยู่กับลูกสาวได้ไม่ทันไร เสี่ยวเถียนกวาก็แบะปากร้องไห้แล้ว เขาจึงรีบเขย่าตัวเธอไปมาให้เร็วยิ่งขึ้น วินนี่ก็ตวาดเขาว่า “วางลูกสาวของฉันลงเลยนะคะ คุณเป็นถังปั่นซักผ้าหรือยังไง? เขย่าตัวเธอแบบนั้นได้ยังไงกัน?!”
ปู่กับย่ามีหูที่ไวต่อเสียงของหลานสาวหลานชายมากๆ เด็กน้อยร้องออกมาได้แค่แป๊บเดียว แม่ฉินก็เข้ามาหาอย่างรีบร้อน แล้วถามด้วยท่าทีระมัดระวังว่า “เกิดอะไรขึ้น? หลานเป็นอะไร?”
วินนี่รับเอาเสี่ยวเถียนกวามาไว้กับเธอ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณแม่คะ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ”
แม่ฉินแย้มรอยยิ้ม แต่ไม่กล้าถามอะไรต่อ พอเห็นว่าเตียงเด็กอ่อนถูกฉินสือโอวทำเอาซะเละเทะ เธอจึงจัดเตียงใหม่ด้วยความตั้งอกตั้งใจ
ฉินสือโอวเลยถามแทนแม่ของเขาว่า “ลูกเป็นอะไรเหรอครับ?”
วินนี่กลอกตาใส่เขา พูดเบาๆ ว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะอึก็เป็นเพราะหิวนั่นแหละค่ะ ถึงยังไงก็มีแค่สองอย่างนี้เท่านั้นแหละค่ะที่ทำให้ลูกสาวของคุณร้องไห้ออกมา”
ฉินสือโอวตกใจจนแทบช็อก เขาเริ่มคิดถึงวินนี่ตอนที่ยังไม่คลอดลูกขึ้นมานิดๆ แล้ว ในตอนนั้นเธอยังเป็นหญิงสาวที่งดงามด้วยคุณธรรมความดีอยู่เลยนะ
วินนี่เปิดดูผ้าอ้อมผืนเล็กก็เห็นว่ายังสะอาดดี ดังนั้นเธอจึงอุ้มลูกขึ้นไปนอนบนเตียง หามุมที่สามารถหลบสายตาของแม่ฉินได้แล้วหลังจากนั้นก็เลิกชุดนอนขึ้นเพื่อป้อนนมลูก
เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ หลังจากที่เสี่ยวเถียนกวาถูกอุ้มเข้ามาหาอ้อมอกของแม่ เธอก็ไม่ร้องไห้ต่อแล้ว เด็กน้อยเม้มปากดูดนมเข้าไปอย่างแรง
ฉินสือโอวยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ แล้วพูดเสียงเบาว่า “ผมก็หิวแล้วเหมือนกัน”
วินนี่ลูบหลังของลูกสาวตัวน้อยและพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า “ฉันเลี้ยงได้แค่คนเดียวค่ะ คุณเลือกเองเถอะ ว่าจะให้ฉันเลี้ยงคุณหรือลูกสาวของคุณ”
ฉินสือโอวตอบว่า “ต้องเป็นผมอยู่แล้ว ให้ลูกสาวเรากินนมผงก็ได้ หรือถ้านมผงไม่มีประโยชน์ก็ยังมีนมวัว”
วินนี่จูบหน้าผากของลูกสาวหนึ่งครั้ง แล้วบอกกับเธอว่า “จำผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ไว้นะคะ เขาจะแย่งไม่ให้ลูกกิน ต่อไปลูกต้องแย่งของกินมาจากเขานะ แย่งได้แล้วก็เอามาให้แม่”
ฉินสือโอวก็พูดด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย “ถ้าคุณหิว ผมยังมีของข้างล่างให้คุณกินนะ”
วินนี่แสดงสีหน้าแบบฉันยอมแพ้คุณแล้ว พร้อมกับพูดอย่างอารมณ์ไม่ค่อยดีว่า “ลูกสาวของเรายังเล็กขนาดนี้ คุณอย่าพูดจาไร้สาระสิคะ เอาเถอะ ฉันจะป้อนนมให้ลูก คุณเองก็ง่วงนอนแล้ว เล่านิทานให้เธอฟังสิคะ เริ่มเล่าตั้งแต่ฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์เซนเลยนะคะ”
ฉินสือโอวพูดด้วยไม่เต็มใจว่า “ผมถือโอกาสตอนที่เธอยังไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรถึงได้พูดแบบนี้ออกมา ตอนนี้เธอยังไม่รู้อะไรสักอย่าง รอจนเธอรู้ความแล้วผมค่อยเล่านิทานให้เธอฟังไม่ได้เหรอ?”
วินนี่เอาแต่ยิ้มไม่ยอมพูดอะไรออกมา เธอฮัมเพลงขึ้นมาด้วยเสียงอันเบา ถึงแม้ว่าเสียงฮัมเพลงของเธอจะไม่ได้ไพเราะสมบูรณ์แบบ แต่เพลงที่ฮัมออกมากลับน่าฟังมาก ฉินสือโอวฟุบอยู่ข้างๆ ลูกสาวจ้องมองดูใบหน้าเล็กๆ ที่กำลังรู้สึกพึงพอใจของเธอ ฟังเพลงด้วยความเคลิบเคลิ้ม
ตอนที่คุณเพิ่งเรียนภาษาอังกฤษแรกๆ คุณเข้าใจหลักไวยากรณ์ไหมคะ?” อยู่ๆ วินนี่ก็ถามเขา
ฉินสือโอวก็ตอบเธอกลับไปด้วยจิตใต้สำนึกว่า “หือ? หมายถึงยังไงนะ ตอนนั้นผมก็ต้องไม่เข้าใจอยู่แล้ว”
ที่จริงแล้วตอนนี้เขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่เหมือนเดิม
คิวโก่งๆ ของวินนี่ก็ยกสูงขึ้นทันที เธอหรี่ตาแล้วถามเขาว่า “ไม่เข้าใจ แล้วอย่างนั้นทำไมคุณถึงยังเรียนภาษาอังกฤษอยู่อีกละคะ?”
ฉินสือโอวพูดอย่างจนปัญญาว่า “การเรียนรู้ไงครับ มันไม่ได้เริ่มต้นจากความไม่รู้หรอกเหรอครับ?”
วินนี่พูดด้วยรอยยิ้ม “ใช่ค่ะ เพราะฉะนั้นคุณถึงต้องเล่านิทานให้ลูกฟัง เล่าไปจนกว่าลูกสาวของเราจะเข้าใจ พอถึงตอนนั้นคุณก็ไม่ต้องเล่าแล้วค่ะ”
ฉินสือโอวรีบตอบกลับไปทันที “มันไม่เหมือนกันนะครับ ตอนนั้นผมไม่เข้าใจภาษาอังกฤษ แต่ผมรู้ความแล้ว และที่พวกเราเรียนภาษาอังกฤษก็เป็นเรื่องที่ถูกกำหนดให้ทำ”
วินนี่พูดปัดเขาอย่างเผด็จการว่า “เริ่มตั้งแต่คืนนี้ คุณพ่อนี่เป็นข้อบังคับเหมือนกันค่ะ!”
ฉินสือโอวไม่พูดอะไรแล้ว เขาทำได้แค่ปิดปากเงียบ ขมวดคิ้วมองหน้าลูกสาวอย่างงงงัน
วินนี่ถลึงตาใส่เขาด้วยความหงุดหงิด “นี่เป็นลูกของคุณไม่ใช่เหรอคะ เล่านิทานให้ลูกฟังมันจะเหน็ดเหนื่อยอะไรขนาดนั้นกัน?”
ฉินสือโอวพูดด้วยความน้อยอกน้อยใจว่า “อะไรกันครับที่รัก ผมกำลังเตรียมการอยู่นะ ผมยังไม่รู้เลยว่าจะเล่าเรื่องอะไรดี”
“ถ้าอย่างนั้นก็เล่าเรื่องลูกเป็ดขี้เหร่ที่กลายเป็นหงส์สิคะ” วินนี่เลือกนิทานให้หนึ่งเรื่อง ต่อจากนั้นก็พูดเสริมอีกว่า “ฉันเองก็กำลังอยากฟังอยู่พอดี”
ฉินสือโอวกระแอมไอออกมา นิทานเรื่องนี้เขาจำได้ ดังนั้นเขาจึงเริ่มเล่าเรื่องด้วยเสียงอันเบา
แน่นอนว่าเขาไม่ได้จำได้แม่นขนาดนั้นอยู่แล้ว จึงเล่าแค่ใจความคร่าวๆ ให้ฟังหนึ่งรอบ เขาเล่านิทานไม่ค่อยเป็นตั้งแต่ตอนที่ยังเป็นเด็กแล้ว ทุกครั้งที่เขียนเรียงความก็ปวดกระบาลจนแทบทนไม่ไหว ก็เหมือนกับเด็กผู้ชายส่วนใหญ่นั่นแหละ ความเก่งกาจของท่านชายฉินอยู่ที่ด้านวิทยาศาสตร์ เขาเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าถ้ามีความรู้ด้านเคมี ฟิสิกส์ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในโลกก็ไม่ต้องกลัว
วินนี่พูดกับเขาอย่างไม่พอใจว่า “เล่าอีกเรื่องสิคะ”
ฉินสือโอวพูดกับเธอพร้อมหัวเราะคิกๆ ทันที “มันจะเกินความสามารถที่จะรับไหวเอานะครับ ให้ลูกสาวของเราทบทวนบทเรียนสักหน่อยเถอะ คนเป็นพ่ออย่างผมก็จะได้เตรียมตัวล่วงหน้าด้วย”
วินนี่ “…”
เห็นว่าลูกสาวกินนมจนอิ่มแล้ว ฉินสือโอวก็รับเอาเธอมาอุ้มเอาไว้ เขาชอบตอนที่ลูกสาวกินจนอิ่มแล้วว่าง่ายๆ ถ้าเด็กน้อยร้องขึ้นมา เขาจะรู้สึกว่าเด็กคนนี้เลี้ยงยากทันที
ประคองลูกสาวให้นั่งทับอยู่บนอกของตัวเอง ฉินสือโอวเห็นว่าวินนี่ยังคงไม่พอใจกับความสามารถในการเล่านิทานของเขา ฉินสือโอวก็นึกวิธีแก้ปัญหาขึ้นมาได้ ใช้มือข้างหนึ่งจับลูกสาวเอาไว้ ใช้กดมืออีกข้างกดหัวเล็กๆ ของเธอ แล้วถามว่า “เถียนกวา คุณแม่เป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลกเลยใช่ไหมคะ?”
พอพูดจบ เขาก็กดหัวของเด็กน้อยลงไปเบาๆ เท่านี้เด็กหญิงตัวน้อยก็พยักหน้ารับแล้ว
พอได้เห็นภาพนี้ วินนี่ก็ยิ้มออกแล้ว
ฉินสือโอวหันหัวของเด็กน้อยกลับมา แล้วถามเธออีกครั้งว่า “เถียนกวา คุณพ่อเป็นผู้ชายที่หล่อที่สุดในโลกเลยใช่ไหม?”
เขากำลังจะกดหัวของเด็กน้อยลงอีก แต่ปรากฏว่ายังไม่ทันได้ลงมือ เด็กหญิงตัวน้อยก็อ้าปาก แล้วแหวะนมออกมา…
แม่ของฉินสือโอวเพิ่งจะทำความสะอาดเตียงเด็กอ่อนไปเมื่อกี้ เมื่อเห็นว่าเด็กน้อยแหวะนมออกมา เธอก็รีบเข้ามาสั่งสอนลูกทันที เธอตบหลังของเด็กหญิงตัวน้อยเบาๆ แล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า “เมื่อกี้แกทำอะไร? ทำไมลูกถึงแหวะนมออกมา”
วินนี่ก็พูดยิ้มๆ อย่างมีความสุขว่า “เขาไม่ได้ทำอะไรหรอกค่ะ แค่พูดอะไรบางอย่างออกมา บางทีอาจจะทำให้เสี่ยวเถียนกวารู้สึกพะอืดพะอมก็ได้”
แม่ฉินไม่รู้ว่าทำสองคนกำลังพูดเล่นเรื่องอะไรกัน เธอจึงส่ายหัวอย่างคิดเป็นจริงเป็นจัง “เด็กแหวะนมออกมา ถ้าอย่างนั้นจะให้นอนลงไปเลยไม่ได้ ทั้งสองคนเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ไปพักผ่อนก่อนเถอะ รออีกสักพักค่อยปล่อยให้ลูกนอน”
เสี่ยวเถียนกวาไม่สนใจว่าจะถูกใครอุ้มไป พอได้กินจนอิ่มท้องแล้วเธอก็เล่นกับนิ้วโป้งของตัวเองอย่างจดจ่อต่อไป
ฉินสือโอวก็อยากให้แม่ของเขามาพาลูกเขาไปเหมือนกัน เขาโดดเดี่ยวเดียวดายมานานแล้วนะ คาดว่าวินนี่เองก็น่าจะมีความคิดคล้ายๆ กัน พอแม่ฉินปิดประตู เธอก็กอดฉินสือโอวเอาไว้ทันที…
เที่ยงวันต่อมาบัตเลอร์ก็มาถึงที่นี่แล้ว เขาตรงไปที่ห้องแช่เย็นเพื่อดูปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือทั้งสี่ตัวทันที หลังจากตรวจสอบปริมาณไขมันเรียบร้อยแล้ว พอได้เจอกันกับฉินสือโอวเขาก็พูดด้วยความคึกคักดีใจว่า “เป็นปลาดีๆ ทั้งสี่ตัวเลย คอยดูผมสิ ฉันต้องทำเงินมหาศาลได้อย่างแน่นอน!”
ฉินสือโอวตอบว่า “น่าเสียดายที่ญี่ปุ่นประมูลราชาปลาแค่ตัวเดียว ไม่อย่างนั้นคงทำเงินได้มหาศาลจริงๆ”
บัตเลอร์พูดด้วยรอยยิ้มว่า “มองให้กว้างๆ หน่อย เพื่อนเอ๊ย ไม่ได้มีแค่ญี่ปุ่นที่มีการประมูลอาหารทะเล ที่ฮอลแลนด์ก็มี! ส่งตัวที่ใหญ่เป็นอันดับสองไปที่ญี่ปุ่น เหลือปลาที่ตัวใหญ่ที่สุดไว้ให้ฮอลแลนด์ คอยดูการโปรโมตของฉันเถอะ ปลาทั้งสองตัวนี้ต้องสามารถสร้างสถิติได้อย่างแน่นอน”
เมื่อพูดจบแล้วเขาก็คิดๆ อยู่สักครู่ “สองตัวที่เหลือ ตัวหนึ่งส่งไปไมอามี ส่วนอีกตัวส่งไปที่นิวยอร์ก ฉันก็จะจัดงานประมูลเล็กๆ แล้วเรียกคนมารวมกันเพื่ออุ่นเครื่องรอเหมือนกัน ถึงจะขายได้ราคาไม่สูงเท่าที่ญี่ปุ่นกับฮอลแลนด์ แต่จะทำกำไรเพิ่มอีกหลายๆ เท่าก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น