ท่านเทพมาแล้ว คอนพิเศษ 1-3 (อวสาร)

 ตอนพิเศษ คู่แต่งงานใหม่

โดย

Ink Stone_Romance

 


หลังจากที่คลื่นจิตพสุธาสงบ หกภพสมานฉันท์ สวรรค์อันสูงส่งมีความสุขอยู่หลายเดือน ก็เริ่มเตรียมงานแต่งเทพหญิงแห่งวังวิญญาณเทพกับลู่ยาเต้าจู่


แน่นอนว่านายหญิงแห่งวังวิญญาณเทพก็คือมู่จิ่ว ตอนนี้นางมีชื่อใหม่แล้วคือเซิ่งหลิงเหนียงเหนียง ยอดเยี่ยมยิ่งนัก


ตอนแรกนั้นยังตื่นเต้นอยู่หลายส่วน จัดการตกแต่งต่างๆ นานา แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า คนข้างกายหากไม่ใช่เต้าจู่ก็เป็นเหล่าจู่ กระทั่งเหล่าสัตว์วิเศษที่คอยกวาดพื้นกวาดโต๊ะล้วนมีประสบการณ์มากกว่า นางจึงค่อยๆ หมดความสนใจไป ช่วงนี้เลยพาเสี่ยวซิงไปเล่นกับปีศาจดอกบัวม่วงหลายตนที่แม่น้ำหน้าวังชิงเสวียนอย่างสนุกสนาน ถกกระโปรงลงน้ำจับกุ้ง


เดิมทีลู่ยาตั้งใจให้นางคุ้นชินกับสถานที่ก่อนค่อยจัดงานแต่ง แต่เห็นนางออกไปเล่นข้างนอกทั้งวัน รู้สึกว่าซุกซนกว่าตอนอยู่หงชางนัก จึงได้แต่ต้องรีบจัดงานก่อน บนสวรรค์อันสูงส่งมีหนุ่มสาวหน้าตางดงามไม่น้อย บางทีหาอะไรให้นางทำบ้างจะได้ไม่ไปเที่ยวซน…


เหล่าเทพทั้งสี่บนสวรรค์อันสูงส่งมองเรื่องนี้สำคัญยิ่งนัก หุนคุนยกหน้าที่ดูแลสวนผักแก่จื่อจิ้งเพื่อเตรียมการ นี่ก็ครึ่งเดือนกว่าแล้วที่ไม่ได้ไปเหยียบสวนเลย หนี่ว์วาก็หยุดทอผ้าไปนานยิ่งนัก กระทั่งหงจวินที่มือเท้าไม่เคยขยับ ก่อนหน้านี้ไม่รู้หลงม้าอะไรนักหนา เก็บมาไว้ในวังไม่น้อย เมื่อมีงานนี้ก็ไม่มีเวลาไปเลือกม้าอีก


นี่ไม่ใช่แค่เรื่องใหญ่ของหกภพเท่านั้น แต่ยังเป็นงานแต่งแรกของสวรรค์อันสูงส่ง อีกทั้งลู่จีเคยอยากจะเข้าพิธีกับลู่ยามากขนาดไหน ถึงแม้แต่ละคนจะไม่ได้พูด แต่ในใจต่างก็เสียดายแทนนาง…ในความเป็นจริง หากไม่จริงจังลู่ยาก็คงไม่ทำ ดังนั้นตอนเริ่มแรกจึงให้ความเห็นและคำแนะนำมากมายอย่างกระตือรือร้น


หุนคุนคิดว่าหากจะทำแล้วก็ต้องทำให้ยิ่งใหญ่ เชิญเทพเซียนทั้งหมดทั้งบนฟ้าบนดินมาร่วมงาน อย่างไรพื้นที่ของสวรรค์อันสูงส่งก็กว้างใหญ่พอ แต่หนี่ว์วาค้านไว้ เพราะไม่ใช่ว่าเทพเซียนทุกคนจะโชคดีรับแรงกดดันบนนี้ไหว หากมีเรื่องเกิดขึ้นใครจะรับผิดชอบ? นางคิดว่าควรปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมการแต่งของลัทธิหรูอย่างเคร่งครัด และนางให้ชุดแต่งงานได้


หงจวินถกเถียงเล็กน้อย การแต่งงานแบบลักธิหรู (ขงจื๊อ) ต้องกราบไหว้พ่อแม่ผู้ให้กำเนิด ทั้งสองฝั่งต่างไม่มีพ่อแม่ จะกราบไว้อย่างไร? หากไหว้ฟ้าดินเพียงอย่างเดียวก็ไม่นับว่าทำตาบขนบธรรมเนียม ในภายภาคหน้าก็ไม่รู้ว่าจะมีงานแต่งงานแบบนี้หรือไม่ ย่อมต้องทำยิ่งใหญ่หน่อย


ทุกคนถกเถียงกันอย่างออกรสชาติ สุดท้ายให้ลู่ยาเป็นคนตัดสิน ลู่ยาถามความเห็นมู่จิ่ว นางก็ไม่อยากทำผิดต่อใคร จึงค้านหัวชนฝาว่าให้แต่งงานข้างนอกเถิด จัดงานที่สนามหญ้าข้างนอกสวรรค์อันสูงส่ง เชิญเทพเซียนที่มาได้ทั้งหมดมา…อย่างไรไม่เชิญพวกเขาก็คงมา…สวมชุดงานแต่งแบบลัทธิหรู ปฏิบัติตามตามใจ ไหว้เพียงฟ้าดินเท่านั้น จากนั้นทุกคนก็กินดื่มกันตามสบาย


งานที่ท่าทางไม่น่าเชื่อถือเช่นนี้ ทุกคนกลับเห็นด้วย…


เมื่อตัดสินใจได้ก็ลงมือได้แล้ว เหล่าเทพสูงส่งเมื่อแต่งงานย่อมไม่มีอะไรน่ากังวลใจ เจ้าแม่สายฟ้าจะไม่ทำให้ฟ้าสดใสได้หรือ? มีคำสั่งจากราชวงศ์ลงไป จะมีเซียนหน้าไหนไม่ก้มหน้าทำตามอย่างเชื่อฟังบ้าง? เหล่าดอกไม้นานาพันธุ์จะไม่รีบสูดพลังเข้าไปเพื่อจะได้เบ่งบานอย่างงดงามที่สุดในวันสำคัญหรือ? หวังหมู่เอ่ยว่าอยากทำชุดมงคล จะไม่รีบส่งหญิงทอผ้าขึ้นไปช่วยเลือกวัสดุหรือไร?


มู่จิ่วยุ่งอยู่กับเพียงเรื่องการจัดลำดับพิธีการ


ดีที่เมื่อชาติก่อนเคยเข้าร่วมงานแต่งกลางแจ้งของเพื่อนมาก่อน จึงรู้ลำดับงานคร่าวๆ แต่การแต่งงานแบบนี้มักจะเป็นแบบตะวันตก เมื่อเอามารวมกับการแต่งแบบจีนก็ดูจะแปลกไปหน่อย เพื่อหลีกเลี่ยงความไม่เข้ากัน จึงจำต้องปรับเปลี่ยนนับไม่ถ้วน สุดท้ายหลังจากทดลองหลายรอบก็ผ่านเสียที


ที่เหลือคือลองชุดแต่งงาน


ยิ่งใหญ่ขนาดไหนไม่ต้องพูดถึง


ชุดแต่งงานของนายหญิงแห่งวังเทพวิญญาณจะธรรมดาได้ที่ไหน?


อย่างไรก็ตาม เมื่อเสี่ยวซิงเห็นชุดก็เครียดจนมือเริ่มสั่น ลากซ่างกวนสุ่นไปเฝ้าอยู่ต่อเนื่องหลายวัน กลัวจะมีคนไม่ระวังไปชนเข้า


ลู่ยาก็ตื่นเต้นมากเช่นกัน เขานอนไม่หลับเลยทั้งคืน


กลางดึกมู่จิ่วพลิกตัว มองทะลุผ่านกำแพงหนาๆ ไปเห็นเขาเดินวนอยู่ในโถงด้านหน้า ทำเอานางรู้สึกว่าตนเองไม่มีหัวจิตหัวใจเกินไปหรือไม่ พรุ่งนี้จะแต่งงานแล้วทำไมนางยังจะนอนอยู่อีก? ชัดเจนว่าตอนที่นางยังเป็นลู่จีอยู่ กระทั่งฝันนางยังฝันว่าได้แต่งให้เขา แต่ตอนนี้นางกลับนอนหลับเสียนี่


ดังนั้นจึงลุกขึ้นมาจุดตะเกียง ลุกขึ้นเดินไปมาตรงข้างหน้าต่าง


แต่ก็ยังไม่ตื่นเต้นอะไรอยู่ดี ในใจนางลู่ยาก็คือคนของนาง เขาเป็นผู้ชายของนางนานแล้ว หนึ่งหมื่นปีให้หลังนี้ก็ไม่รู้ว่าเคล้าคลอแนบชิดกันไปแล้วกี่รอบ มาตื่นเต้นเขินอายเอาป่านนี้ก็ดูเสแสร้งไปหน่อยมิใช่หรือ…ความรู้สึกเช่นนี้ พูดตามจริงก็เหมือนแต่งงานอีกรอบเลย…


คิดถึงตรงนี้ นางทำได้เพียงเลิกสนใจ ยกกาน้ำชาไปหาผู้ชายของนาง อย่างไรก็นอนไม่หลับแล้ว มาร่วมดื่มรำลึกทุกข์สุขด้วยกันตลอดคืนดีกว่า


เช้าวันถัดมาหนี่ว์วานำคนมาเคาะประตูมงคล เห็นพวกเขาทั้งสองเดินเคียงคู่มาเปิดประตูด้วยตนเอง หนี่ว์วาผู้ฉลาดเฉลียวก็พลันงุนงงไป…


ในงานแต่งคึกคักอย่างไรไม่จำเป็นต้องพูด


เหล่าเทพเซียนแน่นขนัด มองจากบนลงล่างเหมือนเป็นเป้ายิงธนู


คู่แต่งงานใหม่มีฐานะสูงส่งขนาดนี้ แน่นอนว่าไม่ต้องเอ่ยยินดีดื่มเหล้าให้ ในเมื่อเป็นแบบนี้จึงไม่ต้องดื่มเหล้ารับ เพียงมองดูคนเหล่านี้ก็ตาล้าแล้ว หรูหราฟุ่มเฟือยเช่นนี้ มู่จิ่วรู้สึกว่าการแต่งเข้ามาในสวรรค์อันสูงส่งนั้น หากไม่มีพลังแบบนางก็ยากจะรับงานใหญ่โตแบบนี้ไหว…


ตกกลางคืน เหล่าเทพเซียนระดับล่างหรือที่ไม่ค่อยสนิทสนมก็เริ่มลากลับแล้ว


แต่ลูกศิษย์หลานศิษย์ของสวรรค์อันสูงส่งกลับยังอยู่ต่อ เมื่อคารวะอาจารย์อาคนใหม่แล้วถึงกลับไปได้


มู่จิ่วให้เสี่ยวซิงเตรียมตะกร้าห่อด้วยผ้าอย่างดี แต่ละห่อผ้านั้นมีเห็ดหลินจือม่วงที่ปลูกจากสวนของหุนคุนและยาเซียนสิบเม็ด ยาเซียนนี่เอามาจากหงจวิน อย่างไรหงจวินก็คือการปรมาจารย์หลอมยา…


กลางคืนได้ให้รางวัลแก่ทุกคนในวังชิงเสวียน นอกจากนางแล้ว ลู่ยา ‘นายท่าน’ ผู้นี้ก็ตบรางวัลพวกเสี่ยวซิงเป็นพิเศษเช่นกัน ทั้งยังให้ภายหลังรุ่ยเจี๋ยและอาฝูติดตามมู่จิ่ว ส่วนเสี่ยวซิงกับซ่างกวนสุ่นด้านหนึ่งเรียนรู้การงาน อีกด้านหนึ่งก็คอยดูแลเรื่องส่วนตัวมู่จิ่ว ขณะเดียวกันก็สั่งให้สัตว์วิเศษอีกหลายตัวมาช่วยงานนาง


อิทธิพลของเสี่ยวซิงมากขึ้นเรื่อยๆ แต่กระทั่งตำแหน่งเซียนนางยังไม่มี…


แต่นี่ก็ไม่กระทบต่ออิทธิพลของนางเลยสักนิด เพราะที่นี่คือวังชิงเสวียน


หลังจากมอบรางวัลเสร็จ ในห้องก็สงบลงแล้ว


ลู่ยาปิดประตู ถูมือเดินเข้ามาหานาง เทพเซียนดีๆ ผู้หนึ่ง รอยยิ้มแววตากลับดูหื่นกระหายนัก นี่ทำให้มู่จิ่วรู้สึกว่าตนเองเหมือนภรรยาที่ถูกบังคับชิงตัวมา…


กว่าจะถอดชุดมงคลแต่ละชั้นออกได้นั้นลำบากยิ่ง แต่มันก็เหมือนกับแกะห่อของขวัญ เมื่อถอดทีละชั้นยิ่งน่าพึงพอใจ


ตั้งแต่หมื่นปีให้หลังจนถึงตอนนี้ ในหมื่นปีนั้นไม่เคยได้ปลดปล่อย เจ้าคิดดูว่าเขาร้อนใจและอดกลั้นขนาดไหน?


เขาจูบที่ใบหน้า คิ้ว คอ และหูของนาง ร่างของมู่จิ่วร้อนราวไฟเผา แต่เดิมยังเข้าใจว่าน่าจะมีโหมโรงอะไรก่อน…ไหนเลยจะรู้ว่าเขานั้นแข็งขืนขึ้นมาแล้ว


มือทั้งสองของนางผลักอกเขา อยากจะสอนว่ากว่าจะถึงฝั่งฝันต้องมีขั้นมีตอน มือทั้งสองกลับจับโดนช่วงเอวของเขาแล้วพบว่ามีอะไรแข็งๆ อยู่ เมื่อลองก้มดูก็พบว่าเป็นใบไม้สีทองสว่าง…


“คาถา…ยั่วยวน?”


……………………………………..


ตอนพิเศษ เด็กเจ้าเล่ห์

โดย

Ink Stone_Romance

 


มู่จิ่วจำไม่ได้แล้วว่าแต่งงานมานานกี่ปี มีวันหนึ่งนางฝัน พลันรู้สึกว่าตำแหน่งดาวเปลี่ยนไป


อยู่ๆ ตำแหน่งดาวของนางก็มีจุดดำเล็กๆ เพิ่มขึ้นมา ตอนแรกนางเข้าใจว่ามีพวกแมลงเข้าไปเกาะอยู่ จึงปัดๆ ออก ทว่าจุดนั้นกลับไม่หายไป เมื่อกะพริบตามันก็กลับเข้ามา พอปัดอีก ครั้งนี้ปัดโดนก็หนีไปไกลหน่อย แต่พอนางไปเดินเล่นมันก็กลับขึ้นมา


นางให้ลู่ยามาตียุง ลู่ยาสำรวจอยู่ครู่หนึ่ง ใบหน้าขาวก็พลันแดงเรื่อ ลำคอตีบตัน จากนั้นเอ่ยเสียงสูงขึ้นทันใด “นี่ไม่ใช่ยุง นี่คือลูกของพวกเรา!”


ลูก?!


นางชะโงกเข้าไปดูใกล้ๆ เห็นเพียงจุดนั้นลงเล็กกว่าเดิม และยังเกือบจะทับเป็นตำแหน่งเดียวกับตำแหน่งดาวของนาง…


เป็นลูกของนางจริงๆ จุดดำเล็กๆ นี้เป็นตำแหน่งดาวของลูกนาง


มู่จิ่วมีลูกแล้ว


วังชิงเสวียนสั่นสะเทือน อีกสามวังที่เหลือก็รับรู้ได้


หงจวินหยักนิ้วทำนาย ก่อนเอ่ย “เด็กคนนี้เป็นเด็กฟ้าประทานโดยแท้ หากไม่ถึงสามพันห้าร้อยปีก็มาเกิดไม่ได้”


นี่หมายความว่านางต้องตั้งครรภ์สามพันห้าร้อยปี และลู่ยาก็ต้องแพ้ท้องไปอีกสามพันห้าร้อยปี…


มู่จิ่วไม่มีปัญหาอะไร สีหน้าลู่ยากลับดำทะมึน


หุนคุนก็หยักนิ้วทำนายบ้าง เขาเอ่ย “เป็นเด็กผู้ชาย ทั้งยังมีวาสนาใกล้ชิดกับแม่นางจิ่วมาก”


มีวาสนากับนางมาก ก็หมายความว่าสนิทกับนาง แต่ไม่ค่อยสนิทกับพ่อ?


หนี่ว์วามองลู่ยา เม้มปาก ก่อนจิบชาโดยไม่เอ่ยอะไร


ลู่ยาพูดอย่างเย็นชา “มีอะไรก็พูดมาตรงๆ ข้ารับได้”


หนี่ว์วาทำได้เพียงเอ่ย “เด็กคนนี้เกิดจากวิญญาณของพวกเจ้าทั้งสอง เกรงว่าคงซุกซนหน่อย”


ยังดีที่แค่ซุกซน


สีหน้าลู่ยาผ่อนคลายลงบ้าง และเริ่มหันมาดูแลบำรุงครรภ์มู่จิ่ว


ถึงแม้จะแพ้ท้อง แต่แบบนี้ทำให้อยู่กับภรรยาได้ตลอด อีกทั้งเมื่อคิดว่าเขาจะมีลูกแล้วก็ยินดียิ่งนัก


มู่จิ่วตั้งครรภ์จริงๆ สี่พันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าปี


วันคลอด ทั้งสวรรค์อันสูงส่งถูกปกคลุมด้วยไอมงคล นี่ยังไม่คู่ควรให้พูดถึงเท่าไหร่ ไอมงคลบนสวรรค์อันสูงส่งไม่ได้หายาก สำคัญคือ เขาคลอดยากนัก!


มู่จิ่วโกรธจนอยากผ่าท้องออก ไม่ใช่บอกว่านางกับเขามีวาสนาต่อกันหรือ? มีวาสนาทำไมยังกลั่นแกล้งนางเช่นนี้?


ลู่ยาก็โกรธเหมือนกัน แต่เขาเป็นแก้วตาดวงใจ และนอกประตูยังมีอาจารย์ลุงป้าอีกสามคนคอยดูอยู่ จึงไม่เหมาะให้ลู่ยาบ่นลูกในตอนนี้


ถึงคราวอุ้มเด็กออกมา ตัวขาวผ่องบริสุทธิ์ ทั้งยังยิ้มแย้ม น่ารักยิ่งนัก


ลู่ยาตั้งชื่อว่าจี้


หนี่ว์วาเอาเสื้อมาสวมให้จี้ เขาคลายกำปั้น ปีนเข้าไปหาแม่


มู่จิ่วสุขใจยิ่งนัก ตั้งชื่อเล่นให้เขาว่าอาตัง ตังที่หมายถึงเสียงดังๆ


ตั้งแต่นั้นมา อาตังก็เริ่มชีวิตสามพันปีในห่อผ้า


หลังจากมู่จิ่วคลอดสามร้อยปีนับเป็นช่วงอยู่เดือนแรก ช่วงเวลานี้ให้ระวังเรื่องอารมณ์และความเหนื่อยล้า


ลู่ยายืนกรานว่าต้องหาแม่นมมา


ในวันปกติให้มาดูแลจัดการงานทั่วไปหนึ่งชั่วยาม ดูแลมู่จิ่วหนึ่งชั่วยาม จากนั้นให้นมเด็กหนึ่งชั่วยาม…ใช่แล้ว ในวังมีแม่นมไม่น้อย ทว่าอาตังก็ไม่ได้กินนมแม่ แต่เป็นไขกระดูกหยกชั้นดีที่สุดจากทะเลสวรรค์ ทุกวันเหล่าอาจารย์ลุงป้าจะต้องส่งคนไปที่ทะเลสวรรค์เพื่อเก็บอันที่สดใหม่ที่สุดมาให้เขา ส่วนอาการไม่กินผัก มีอาจารย์ลุงคนรองคอยรับมือ ส่วนเรื่องของเล่นย่อมเป็นหน้าที่อาจารย์ลุงใหญ่


ภายใต้การดูแลด้วยความรักใคร่ของทุกฝ่าย อาตังเติบโตขึ้นอย่างมีความสุข ผ่านไปห้าหมื่นปี ในที่สุดเขาก็สูงเท่าต้นขาของลู่ยา ตั้งแต่เขาดึงหนวดตรงคางของหุนคุนไปหนึ่งเส้น และยังตามเขาไปเขาไท่ซ่านก่อนแอบพาหลานสาวของมหาเทพตงเยวี่ยมาที่สวรรค์อันสูงส่ง จนทำให้คู่สามีภรรยากับปี้เสียหยวนจินตามหาไปทั่ว ลู่ยาก็เริ่มรู้สึกรางๆ ว่าเจ้าเด็กคนนี้เริ่มก่อกวนหกภพแล้ว


เป็นไปตามคาด ครั้งนี้ลู่ยาไปเดินเล่นที่โลกมนุษย์กับมู่จิ่วกลับมา พอนึกถึงหนุ่มสาวชาวโลกที่พลอดรักกันระหว่างทางเมื่อครู่ก็รู้สึกต้องการขึ้นมา พอตกดึกจึงลากภรรยาเข้าห้อง


เพิ่งขึ้นไปบนเตียง ก็รู้สึกว่าที่หัวเตียงออกจะผิดปกติ เมื่อเงยหน้าขึ้นถึงเจออาตังนั่งเท้าคางมองพวกเขาอยู่ขอบเตียงอย่างสนอกสนใจ…


ลู่ยาหยิบไม้ขนหงส์มาจะตีเข้าให้


อาตังเจ็บปวดใจยิ่งนัก เขาเพียงสงสัยว่าพ่อแม่รีบร้อนเข้าห้องไปทำอะไร จึงตามเข้าไปดู คิดไม่ถึงว่าจะโชคร้ายอย่างนี้


เขาวิ่งไปหาอาจารย์ป้าอย่างรวดเร็ว ยังไม่ทันได้พูดอาจารย์ป้าก็ดุพ่อเขาไว้แล้ว


ลู่ยาโตมาขนาดนี้ยังไม่เคยโดนหนี่ว์วาดุเลยสักครั้ง ตอนนี้มีเจ้ากระต่ายน้อยตัวร้ายแล้ว ตำแหน่งจึงถูกลดลงไป…


เขาจึงเปลี่ยนแผน เริ่มให้ลูกชายอ่านหนังสือ


เดิมทีเขาไม่จำเป็นต้องเล่าเรียน อย่างน้อยก็ไม่ต้องเรียนพื้นฐาน เขาเกิดมาพร้อมกับพลังวิญญาณของพ่อแม่ บนโลกใบนี้มีเพียงหนึ่งเดียว เพียงแค่ผ่านไปหนึ่งปีก็เป็นอาคมวิชาในหกภพแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น หนังสือที่ลู่ยานำมาให้เดิมทีก็ไม่ใช่หนังสือฝึกบำเพ็ญอะไร แต่เป็นเรื่องราวทั่วไปบนโลกมนุษย์


ลู่ยาให้เขาอ่าน เขาก็ไม่ปฏิเสธ อ่านอย่างว่างง่ายไปก็เท่านั้น เดิมทีแม่เขาก็มักชมเขาว่าเป็นเด็กดีอยู่แล้ว


ยังไม่พ้นสองปี เขาก็อ่านหนังสือที่ไม่รู้ว่าพ่อหามาให้จากไหนกว่าครึ่งห้องหมดแล้ว


ลู่ยาสงสัยนัก รู้สึกไม่เชื่อ วันถัดมาอวี้ตี้หวังหมู่มาเยี่ยมเยือน ถึงได้รู้ว่าเจ้าเด็กนั่นแอบหนีลงไปเข้าร่วมสอบจอหงวนที่โลกมนุษย์ ทั้งยังได้เป็นถึงขุนนางขั้นสาม!


ในงานต้อนรับ เขาดื่มมากไปจนเผยร่างจริงออกมา ทำให้จักรพรรดิตกใจจนฉี่เล็ด พอตกกลางคืนถึงได้ส่งหนังสือไปขออภัยโทษ เรื่องนี้ไม่ได้แค่ทำให้คนตกใจ กระทั่งสวรรค์ยังตกใจไปด้วย ทุกคนจึงรู้ว่าที่แท้เขาเป็นเทพองค์น้อยที่ยังไม่ทันได้เผยโฉมอย่างเป็นทางการกับหกภพ แต่ไม่เพียงแค่สูงส่งเหนือสามัญเท่านั้น สติปัญญายังยอดเยี่ยม…


สีหน้าลู่ยาบูดบึ้ง รอจนพวกอวี้ตี้กลับแล้วจึงรีบไปหาเจ้าเด็กซน คิดจะตีเขาอย่างเงียบๆ


เจ้าเด็กซนสามารถสอบผ่านเป็นขุนนางขั้นสามได้ แน่นอนว่าไม่โง่เขลา เพียงเห็นอวี้ตี้หวังหมู่มาเยี่ยม เด็กน้อยที่สูงไม่ถึงเอวก็นั่งอยู่ที่ศาลาหยกอย่างว่าง่าย มือป้อมๆ เอาปิ่นหยกประดับเม็ดทองเล็กๆ ให้เป็นของขวัญแก่มู่จิ่ว ใบหน้าสะอาดสะอ้านมีดวงตากระจ่างใส กระทั่งถอนหายใจยังดูอ่อนโยนและว่าง่าย


มู่จิ่วเห็นแววตาของลูกก็ใจอ่อนเป็นน้ำ


อีกทั้งนางยังไม่มองลู่ยาแบบนั้นมาก่อน…


ลู่ยาโกรธกริ้วมาก วันนี้ถึงแม้จะเสี่ยงโดนมู่จิ่วบิดหูจนหลุดก็ต้องสั่งสอนเขาให้ได้!


เพิ่งจะเข้าประตูไปก็ได้ยินเสียงหวานเล็กๆ เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ท่านแม่ มิสู้ท่านคลอดน้องสาวให้อาตังสักคน”


“หืม?” มู่จิ่วลูบไหล่เขาอย่างเอ็นดู “ทำไม เพราะเจ้าเหงาหรือ?”


“ไม่ใช่” อาตังส่ายหน้า พูดโดยที่สีหน้าสงบนิ่ง “เพราะท่านพ่ออยากได้”


ไม่ใช่ว่าเขามองไม่ออก พ่อของเขาอยากจะมีลูกทุกปีแทบขาดใจ หากแม่เขาตั้งครรภ์น้องสาวเขา พ่อของเขาจะต้องทุ่มเทความสนใจไปที่แม่ลูกทั้งสองแน่ ไหนเลยจะมีเวลามาใส่ใจโกรธเขาอีก?


และเห็นแก่ที่เขามีน้ำใจกับท่านพ่อ ตอนนี้ท่านพ่อจะโกรธเขาได้อย่างไร?


………………………..


ตอนพิเศษ ลูกสะใภ้

โดย

Ink Stone_Romance

บุตรคนที่สี่ของตระกูลหลี่รองราชเลขาแห่งเมืองหลวงมีโรคติดตัวแต่กำเนิด โตจนอายุห้าขวบยังต้องนอนติดเตียงตลอดทั้งปี


มารดาของบุตรชายคนที่สี่ร้องไห้ทั้งวัน กังวลว่าจะเลี้ยงไม่รอด


หลี่ฮูหยินเจ็บปวดแทนลูกหลาน จึงไปยังวัดของอาณาจักรข้างเคียงเพื่อเสี่ยงเซียมซีทำนาย นักบวชผู้อ่านใบทำนายบอกนางว่าคุณชายสี่ใช่ว่าไม่มีทางช่วย เพียงแต่ต้องดูว่าผู้มีพระคุณของเขาจะปรากฏตัวมาหรือไม่ ฮูหยินรีบถามว่าคนผู้นั้นอยู่ที่ไหน นักบวชตอบว่า สามวันให้หลังเวลาเช้าตรู่ให้พาคุณชายสี่เดินออกมาทางประตูตะวันออกมุ่งไปทางตะวันออก หากเจอคนที่รวบผมด้วยเชือกสีแดงก็คือคนนั้น


หลี่ฮูหยินรับคำสั่ง กลับบ้านไปบอกลูกสะใภ้


วันนี้เวลาเช้าตรู่ ฮูหยินตระกูลหลี่จูงคุณชายสี่ออกจากประตูตะวันออกไป เมื่อผ่านตรอกเล็กๆ ก็พบคนที่รวบผมด้วยสีแดงจริง แต่กลับเป็นเด็กหญิงตัวน้อยที่คุกเข่าหายใจรวยรินอยู่มุมกำแพง เด็กน้อยน่าจะอายุราวๆ สามสี่ปี ฟันยังขึ้นไม่ครบ เสื้อผ้าขาดวิ่น เพียงมองดูก็รู้ว่าเป็นเด็กกำพร้าเร่ร่อน


ฮูหยินลังเลยิ่งนัก ไม่รู้ว่าว่าเด็กหญิงคนนี้คือผู้มีพระคุณของคุณชายสี่หรือไม่ เมื่อพิจารณาที่รัดผมหลวมๆ สกปรกนั่นอีกที ถึงได้กัดฟันพานางกลับจวนมา


เพราะบอกว่าเป็นผู้มีพระคุณของคุณชายสี่ ตระกูลหลี่ถึงได้ดูแลเด็กหญิงอย่างดี เลี้ยงนางอย่างลูก ทั้งยังตั้งชื่อให้นางว่าฝูอิน ตั้งพ้องเสียงกับฝูอินที่แปลว่าข่าวดี อย่างไรตระกูลหลี่ก็ทำการค้ารุ่งเรือง เลี้ยงเด็กหญิงสักคนก็ไม่เป็นปัญหา แต่นอกจากอ่านหนังสือคัดอักษรเย็บปักแล้ว ฝูอินยังต้องคอยอยู่เป็นเพื่อนคุณชายสี่ด้วย


คุณชายสี่เป็นหลานคนเล็กสุดในบ้าน ได้รับความเอ็นดูจากคู่สามีภรรยาราชเลขาตระกูลหลี่ที่สุด เพื่อให้เขาเติบโตขึ้นอย่างสงบ ปกติมีฝนเล็กน้อยก็ไม่ให้เขาออกนอกบ้าน คุณชายสี่อายุถึงห้าขวบ เรื่องที่พบเจอในโลกยังไม่ถึงครึ่งของเด็กเร่ร่อนอย่างฝูอิน


ตั้งแต่นั้นมา ฝูอินก็เป็นเหมือนกระบอกเสียงของเขา ยามฝนตก นางก็จะให้คนจับเป็ดมาวางไว้ในสระน้ำ ให้เขาดูเป็ดว่ายน้ำที่ริมหน้าต่าง ยามลมพัด นางจะไปเก็บดอกไม้ที่ร่วงโรยในสวนมาพรมกลิ่นบนเสื้อเขา


ฤดูใบไม้ผลินางไปสวนเก็บใบหลิว ฤดูร้อนนางไปเก็บแห้วที่แม่น้ำ ฤดูใบไม้ร่วงนางก็ไปเก็บใบเฟิงที่ลานบ้าน ในฤดูหนาวนางจะกอดเตาเล็กๆ มา ให้คนรับใช้เอาเนื้อสดมาปิ้งกินกับผัก พลางมองหิมะขาวโพลนตกจากริมหน้าต่าง


เมื่อมีฝูอิน คุณชายสี่ร่าเริงสดใสขึ้น เขาเริ่มไม่สนใจว่าพี่ชายน้องสาวเขาจะมาหาเขาหรือไม่ เขาต้องการเพียงฝูอินก็พอแล้ว แต่เขาก็ไม่อาจให้นางอยู่ข้างกายได้ตลอดเวลา บางครั้งเมื่อเห็นเหล่าพี่สาวน้องสาวออกไปหมด เขาก็ให้นางออกไปเดินเล่นบ้าง นางไม่อยากไป เขาจึงจะอ้างให้นางช่วยออกไปดูบรรยากาศข้างนอกแทนเขาหน่อย หรือให้นางซื้ออะไรมาให้


ฝูอินก็ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่ เห็นเขาพูดอย่างจริงใจจึงออกไป


คุณชายสี่จะถือชารอว่านางจะกลับมาเมื่อไหร่ เพราะมีความหวัง ดังนั้นกระทั่งยามรอคอยยังหอมหวานเป็นพิเศษ


จะว่าไปก็แปลก เป็นแบบนี้มาสามสี่ปี ร่างกายของคุณชายสี่กลับแข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่ก่อนต้องนอนอยู่บนเตียงถึงสิบเดือนในหนึ่งปี ตอนนี้นอกจากฤดูใบไม้ร่วงกับฤดูหนาวที่ไม่สามารถออกไปนอกบ้านได้แล้ว นอกนั้นก็แทบเคลื่อนไหวได้ไม่มีปัญหา เขากินยาน้อยลง ร่างกายไม่แบบบางอย่างแต่ก่อน เวลาว่างยังอยากอ่านหนังสือ และหนังสือที่เขาอ่านก็เป็นหนังสือที่ปกติฝูอินเรียนอยู่


ตระกูลหลี่เห็นดังนั้นก็ยินดีอยู่ในใจ ตั้งแต่นั้นมาก็เชื่อในคำของนักบวชผู้นั้นโดยไม่สงสัย และยิ่งใจกว้างกับฝูอินมากขึ้น


กระทั่งหลี่ฮูหยินยังมีความคิดที่จะตบแต่งเป็นอนุคอยดูแลคุณชายสี่ในห้อง


แต่ฝั่งสะใภ้ยังไม่เคยรับปาก


เรื่องนี้ไม่รู้ไปเข้าหูฝูอินได้อย่างไร


ฝูอินเงียบลงไปหลายวัน ถึงแม้นางยังเด็ก แต่เพราะตระกูลหลี่ ตอนนี้นางถึงรู้ความไม่น้อย การเป็นอนุมีจุดจบอย่างไรทำไมนางจะไม่รู้ ยิ่งไปกว่านั้น ชีวิตนี้คนที่นางใกล้ชิดที่สุดคือคุณชายสี่ หากต่อไปยกนางให้คนอื่นก็แล้วไปเถิด หากนางรั้งอยู่ข้างกายคุณชายสี่ก็ต้องแบ่งปันเขากับคนอื่น สำหรับนางแล้วมิใช่การทรมานอย่างหนึ่งหรือ?


แต่ตระกูลหลี่มีบุญคุณเลี้ยงดูนางมา นางสามารถอยู่กับพวกเขาได้ก็นับว่าโชคดีมากแล้ว ทำไมถึงต้องคิดมากไปด้วยเล่า?


ได้เป็นอนุภรรยาของเขาก็ดี อย่างน้อยก็อยู่ข้างกายเขาได้


วันถัดมา นางก็กลับมาเป็นเช่นเดิม


แต่ไม่รอดพ้นสายตาของคุณชายสี่


ในโลกของคุณชายสี่ ฝูอินสำคัญที่สุด ในสี่ปีนี้เหมือนเขากับนางเติบโตมาด้วยกัน ทุกการกระทำของนาง ความคิดเล็กน้อย เขาสามารถรับรู้ได้ทั้งนั้น


วันนี้ด้านนอกมีลมฤดูใบไม้ร่วงพัดผ่าน คุณชายสี่พลันจูงมือนางแล้วเอ่ยว่า “พวกเราไปเยี่ยมเคารพท่านย่ากันเถิด”


ฝูอินประหลาดใจนัก เพราะเขาไม่จำเป็นต้องไปเยี่ยมเคารพท่านย่า แต่หลี่ฮูหยินดีกับนางมาก ให้นางไปเคารพเพียงวันแรกของทุกเดือนพอ


คุณชายสี่จูงมือนางไปตลอดทางจนถึงห้อง ทุกคนล้วนอยู่ด้วย เขาก็ยังไม่ปล่อยมือ ดึงนางไปคุกเข่าตรงหน้าหลี่ฮูหยิน


“ฝูอินเป็นผู้มีพระคุณของข้า นางไม่อาจเป็นอนุได้ นางเป็นได้เพียงภรรยาของข้าเท่านั้น”


เมื่อเอ่ยคำนี้ออกไป ทั้งห้องล้วนตกใจ ฝูอินก็ตกใจจนเกือบเป็นลมไป!


เขาออกมาข้างนอกน้อยมาก รู้จักคนน้อยมาก แต่ไหนแต่ไรในกฎก็ไม่เคยห้ามพูดเรื่องอะไรบ้าง แต่เรื่องนี้เขาไม่อาจพูดได้!


หลังจากเงียบไปแล้ว ก็เห็นใบหน้าโกรธขึ้งจากฮูหยินได้ดังคาด


นางมองฝูอิน สายตาไม่เอ็นดูใกล้ชิดเหมือนเดิมอีกแล้ว


เรื่องแบบนี้ เปลี่ยนเป็นใครก็ต้องคิดว่านางยุยงคุณชายสี่


หลี่ฮูหยินไม่สนใจเหตุผล สั่งลงโทษโบยนาง


นางยอมรับไม่คัดค้าน ก้มลงโขกศีรษะแล้วออกไปรับโทษ


นางยังไม่ทันออกจากประตู เขาก็ตามไป อายุเพิ่งสิบขวบเท่านั้น ร่างเล็กๆ ดึงนางมาไว้ข้างหลัง พูดอย่างโกรธเคืองว่า “ไม่ใช่นางหลอกข้า เป็นข้าตัดสินใจไว้นานแล้วว่าจะให้นางเป็นภรรยาของข้า”


“หลายปีมานี้นางทำให้ชีวิตข้าสมบูรณ์ เป็นนางที่ทำให้ข้ามีชีวิตอยู่มาถึงทุกวันนี้ ถึงแม้ข้าไม่เคยเข้าเรียน แต่ก็รู้จักการทดแทนบุญคุณ หากพวกท่านเก็บนางไว้เพียงเพื่อให้ข้าแต่งกับคนอื่น นั่นมิสู้ส่งนางออกไปให้เร็วหน่อย รอจนข้าตายแล้วค่อยกลับมาชดใช้คืนให้นางชาติหน้า”


ทั้งห้องโถงตกใจ


หลี่ฮูหยินระเบิดโทสะ แต่กลับไม่รู้ว่าจะจัดการเขาอย่างไร


ฝูอินคุกเข่าลง ไม่พูดอะไร เพียงหันไปโขกศีรษะให้เขา


นางขอร้องให้เขาหยุดพูดเสีย


ทุกคำพูดยิ่งทำให้นางตกเข้าสู่เหวลึกอีกก้าว


นางรู้ความตั้งใจของเขา แต่ไม่อยากให้เขาเจ็บปวดเพราะนาง นางอยากอยู่ข้างกายเขา ยิ่งอยากให้เขามีความสุข นางเป็นอนุของเขา เป็นคนรับใช้ของเขา เขามีความตั้งใจเช่นนี้ นางจะทำอะไรก็คุ้มค่า


“เอาละ ลุกขึ้นเถอะ” หลี่ฮูหยินถอนหายใจ “อย่างกับใครเคยบอกว่าห้ามพวกเจ้าแต่งงานกัน”


พวกเขาตกตะลึง


เหล่าสะใภ้หลายคนยิ้มน้อยๆ รีบดึงพวกเขาลุกขึ้นมา


“วันถัดมาหลังจากแม่เด็กน้อยฝูเข้ามา ย่ากับสะใภ้ใหญ่ก็ไปหานักบวชที่อาณาจักรข้างเคียง เขาบอกว่าหากคุณชายสี่แต่งกับแม่หนูฝูจะมีชีวิตถึงแปดสิบเก้าปี มิฉะนั้นเจ้าคิดว่าย่าจะเลี้ยงนางมาอย่างบุตรีในไส้ได้อย่างไร ทั้งยังรับปากให้นางเฝ้าอยู่ที่ห้องเจ้าทุกเช้าค่ำ แล้วก็ไม่ได้พานางออกมาสั่งสอนเรื่องกฎด้วย? ครั้งนี้เพียงแค่อยากดูว่าพวกเจ้ารู้สึกเช่นไรเท่านั้น”


ฝูอินกับคุณชายสี่หน้าแดงทันที


ก่อเรื่องอยู่นาน ที่แท้ก็ไม่ได้เป็นอนุภรรยา แต่เป็นเด็กที่ถูกเลี้ยงไว้เพื่อจะเป็นสะใภ้นี่เอง….


………………………………………


(จบบริบูรณ์)

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)